ตอนที่ 7
ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีเป็นห่วงทิวัตถ์กับลิลินที่หายตัวไปข้ามคืน พอเช้าขึ้นจึงให้ทีมงานถ่ายแบบยกกองกลับเพราะพวกเขามีงานต่อที่กรุงเทพฯไม่สามารถอยู่รอนางแบบและนายแบบมาถ่ายทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้
เรื่องงานศักดิ์สิทธิ์ไม่ค่อยหนักใจเพราะเมื่อวานถ่ายทำได้เยอะพอสมควร แต่เวลานี้เขาเป็นห่วงเพื่อนรักและลูกน้องสาวเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปแจ้งความพร้อมกับวิชนี ก็พอดีมีตำรวจสายตรวจมาบอกว่ามีชาวบ้านพบรถยนต์ตกอยู่ข้างทางห่างจากโรงพักไปประมาณ 5 กิโลเมตร
ศักดิ์สิทธิ์ซักถามตำรวจจนแน่ใจว่ารถคันนั้นเป็นของทิวัตถ์ ก่อนทั้งหมดจะพากันออกไป แล้วเจอชาวบ้านสองผัวเมียกำลังพาทิวัตถ์กับลิลินที่อยู่ในสภาพหมดสติออกจากป่า ลิลินหัวแตกเพราะลื่นล้มตรงลำธาร ส่วนทิวัตถ์เจ็บปวดกลางหลังที่กลิ้งกระแทกหินแล้วอักเสบจนไข้ขึ้น
ลิลินอาการหนักกว่าทิวัตถ์ เธอถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัด แต่พอทิวัตถ์ที่อยู่โรงพยาบาลชานเมืองรู้สึกตัวก็รบเร้าให้ศักดิ์สิทธิ์พาตนไปอยู่โรงพยาบาลเดียวกับลิลินเพราะเป็นห่วงเธอ
วันเดียวกันที่บ้านทรงพล...วาสนามาให้คำตอบศุภารมย์ว่าตนรับข้อเสนอของเธอไม่ได้ พร้อมกันนี้อนันยชก็พาวรรณิตมายืนยันด้วยว่าเราสองคนจะแต่งงานกัน ศุภารมย์ไม่พอใจท้วงลูกชายว่าเรื่องอย่างนี้จะคิดเร็วทำเร็วไม่ได้
“ผมเคยบอกแม่ว่าผมคิดดีแล้ว แล้วตอนนี้ผมก็เริ่มเตรียมทุกอย่างไปแล้ว แล้วที่ผมพาณิตมาวันนี้ก็เพื่อให้เธอมากราบแม่”
วรรณิตกราบศุภารมย์ที่นั่งคอแข็ง วาสนาเห็นท่าไม่ดีรีบรวบรัดตัดบทว่า “ดีแล้วแม่ต่าย เด็กเขารักกันชอบกันก็อย่าไปขวาง”
“พอได้แล้ว...วัน! พาเธอออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้ จะไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น”
ศุภารมย์ไล่ตะเพิดแล้วเดินหนีไปจากตรงนั้น วรรณิตน้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ อนันยชจับมือเธอบีบเบาๆ ให้กำลังใจว่า
“ไม่เป็นไรนะณิต ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ตาม ผมต้องแต่งงานกับคุณให้ได้”
วรรณิตไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดของเขานัก แต่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในชะตาชีวิตตัวเองต่างหาก
ขณะที่ศุภารมย์เดินออกมาสงบสติอารมณ์หน้าบ้าน ศักดิ์สิทธิ์โทร.มารายงานทิวัตถ์อยู่โรงพยาบาล ศุภารมย์ตกใจมากรีบเดินทางไปพร้อมทรงพล แล้วรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าทิวัตถ์โดนคนไล่ยิง โชคดีลิลินมาเห็นจึงพากันหนีไปจนพลัดตกเขาเข้าไปอยู่ในป่า คนร้ายใส่หมวกพรางหน้าเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร
ทรงพลโกรธมากที่ลูกชายประสบเหตุร้ายถึงขนาดนี้ เขาอยากรู้ว่าพื้นที่เขตรีสอร์ตที่เกิดเรื่อง ใครเป็นคนดูแล
“คุณจะทำอะไรคะ” ศุภารมย์สงสัย
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำวิน ต่อให้ต้องใช้ตำรวจทั้งจังหวัดผมก็ไม่สน ต้องทำให้พวกมันรู้ว่า... พวกมันเล่นผิดคนแล้ว”
“แต่ฉันคิดว่าเราน่าจะให้รองศัลย์ช่วยนะคะ ถ้าพวกมันใส่หมวกปกปิดหน้าตามาลงมืออย่างนี้ ก็หมายความว่าพวกมันต้องเตรียมตัวมาก่อนแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยเรียกศัลย์มาพบผมหน่อย บอกว่าเรื่องด่วนที่สุด”
“ค่ะ” ศุภารมย์รับคำ...คาดเดาไม่ได้จริงๆว่าใครกันที่ต้องการเอาชีวิตทิวัตถ์
ooooooo
วิชนีอยู่เฝ้าลิลินที่โรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งแน่ใจว่าเพื่อนปลอดภัยจึงนั่งรถกลับโรงแรมพร้อมศักดิ์สิทธิ์ แต่ระหว่างทางสองคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา ก็ทุ่มเถียงกันมาตลอด ทั้งเรื่องสัพเพเหระและเรื่องทิวัตถ์กับลิลินที่หลงป่าด้วยกัน
เป็นเรื่องทันทีเมื่อสิตามาได้ยินเต็มสองหู เธอคาดคั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นการใหญ่ วิชนีหมั่นไส้สิตาก็เลยจาระไนราวกับเห็นกับตาตัวเองว่า
“เขาสองคนหลงป่าด้วยกัน รู้ไหมตอนที่ชาวบ้านไปเจอน่ะ เขาบอกว่าคุณวินกับลินนอนกอดกันกลมเลยนะ”
“กรี๊ดดดดดด...ไม่...ไม่จริง!” สิตาโมโหจนตัวสั่น รีบเดินออกไปทันที
“สะใจจริงๆ” วิชนียิ้มกริ่ม ศักดิ์สิทธิ์เห็นแล้วหงุดหงิด ถามประชดว่าสะใจมากไหม “แน่นอน”
คำตอบนั้นทำให้ศักดิ์สิทธิ์หงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก พูดโพล่งว่า “ถ้าวินหรือคุณลินเป็นไรไปอีกก็เพราะเธอ...ก่อนพูดอะไรคิดบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์โกหกเพราะไม่อยากให้สิตารู้เรื่อง แต่เธอก็ดันปากโป้งบอกสิตาไปหมดว่าไอ้วินกับคุณลินหลงป่าด้วยกัน”
“อ้าว...ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ทีหลังก็บอกกันก่อนสิ”
“เว้ย! ไม่รู้แล้วเว้ย” เขาโวยลั่นแล้วเดินจากไป ทิ้งวิชนียืนหน้าเจื่อน ส่วนวิทยายืนฟังอยู่ข้างหลัง เป็นห่วงลิลินขึ้นมาทันที...
ลิลินกับทิวัตถ์ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่อยู่คนละห้อง ทั้งคู่รู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ห้วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนหลงเข้าไปในป่าทำให้มีบางช่วงเวลาดีๆที่น่าจดจำ
หญิงสาวอยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง กำลังจะลุกออกจากห้องก็พอดีวิทยาโผล่เข้ามาพร้อมกระเช้าของเยี่ยม
“ผมเพิ่งรู้เรื่องคุณลินจากคุณศักดิ์สิทธิ์ คุณลินเป็นยังไงบ้างครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่เป็นไข้นิดหน่อย”
“แล้วนี่คุณลินจะออกไปไหนครับ เดี๋ยวผมพาไป”
“เปล่าค่ะ ลินแค่จะเดินยืดเส้นยืดสาย นอนแต่บนเตียงเบื่อๆน่ะค่ะ”
“ผมเก็บผลไม้ในสวนที่บ้านกับดอกลีลาวดีที่คุณลินชอบมาฝากด้วยนะครับ”
“ลีลาวดี...ขอบคุณนะคะ แต่คุณวิทไม่น่าลำบากเลย”
“ลำบากที่ไหนล่ะครับ ของในบ้าน...จะลำบากก็ตรงที่ผมจัดกระเช้าไม่เอาไหนเองต่างหาก”
สองคนยิ้มให้กัน ระหว่างนั้นพยาบาลเข้ามาขอวัดไข้ลิลิน ทิวัตถ์ยืนมองผ่านประตูที่แง้มไว้เห็นลิลินกับวิทยาก็รู้สึกโหวงๆพิกล หันหลังเดินกลับไปด้วยความผิดหวัง
ooooooo
อนันยชพาวาสนากับวรรณิตมาส่งที่บ้าน แล้วพะเน้าพะนอเอาใจว่าที่เจ้าสาวให้คลายกังวลเรื่องแม่ของตน
“คุณณิตไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะพูดกับคุณแม่เอง อีกไม่นานเราก็จะได้แต่งงานกันแล้วนะ”
“แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งนี่คะ” วรรณิตพูดพร้อมกับดึงมือตัวเองกลับ ไม่ยอมให้เขาจูบ
ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจแต่ข่มอารมณ์บอกลากลับไปดีๆ วาสนามองตามแล้วหันกลับมาเอ่ยกับหลานสาวว่า
“ดีแล้วยัยณิต เล่นตัวเข้าไว้ พ่อวันจะได้รักจะได้หลงแกหัวปักหัวปํา”
“ยายคิดว่าน้าต่ายจะยอมให้คุณวันแต่งกับณิตเหรอคะ”
“พ่อวันน่ะเป็นเด็กเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก ถ้ามันมีปัญหามากก็แค่แต่งแล้วย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แกไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดอย่างเดียวว่าต้องจดทะเบียนกับพ่อวันให้ได้...นี่แกถามทำไม อย่าบอกนะว่าแกไม่อยากแต่งอีกแล้ว”
วรรณิตนิ่งเงียบ พยายามอดทนอย่างถึงที่สุด แต่วาสนากระทุ้งเข้าไปอีกว่า
“อย่าลืมสิว่าแกต้องการเงินไปทำไม แม่แกดันเป็นโรคคนรวย เป็นอะไรไม่เป็นดันเป็นมะเร็ง แต่ก็ไม่แน่นะ เดี๋ยวนี้หมอเขาเก่งจะตาย ถ้าเงินถึงแม่แกก็รอด”
“ยายไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยังไงณิตก็ต้องแต่ง ถ้าเงินก้อนนั้นมันจะช่วยรักษาชีวิตแม่เอาไว้ได้”
วาสนาลอบยิ้มสมใจ...ความโลภไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
ooooooo
ศุภารมย์เชิญศัลย์มาคุยกับทรงพลที่บ้านด้วยเรื่องทิวัตถ์ถูกลอบทำร้ายที่รีสอร์ต พออนันยชเข้ามาเห็นศัลย์กำลังจะกลับ รู้ว่าทิวัตถ์โดนทำร้ายก็ตกใจและยอมทำตามคำขอของทรงพลที่ต้องการให้เขาเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อน
ทิวัตถ์ยังอยู่โรงพยาบาล แม้อาการดีขึ้นเกือบปกติแต่พ่อแม่ยังไม่วางใจ อยากรอเช็กให้ชัวร์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน ระหว่างนี้ลิลินก็ยังพักฟื้นอยู่ที่เดียวกัน ทิวัตถ์แอบเห็นวิทยามาเยี่ยมเธอก็รู้สึกไม่พอใจเล็กๆ เริ่มพูดจามะนาวไม่มีน้ำกับเธออีกเหมือนเดิม ทั้งที่ตอนหลงอยู่ในป่าด้วยกัน เขาและเธอห่วงใยกันและกันไม่น้อยเลย
เย็นนั้น สิตามาเยี่ยมทิวัตถ์และซักถามเรื่องที่เขา หลงป่ากับลิลินด้วยความหึงหวง โดยไม่รู้ว่าคนที่โดนพาดพิงหลบอยู่ตรงระเบียงห้อง เพราะเธอเข้ามาคุยกับทิวัตถ์ก่อนหน้านี้อยู่ครู่หนึ่ง
โชคดีถึงเวลาพยาบาลมาขอล้างแผลให้ทิวัตถ์ สิตาเลยต้องออกไปรอนอกห้อง แต่เธอไม่ได้ปักหลักรอ หากแต่ตั้งใจไปหาลิลินอีกห้องแล้วไม่พบ จึงนั่งรออย่างใจเย็น อีกครู่ลิลินกลับมาเจอก็อึ้งไปอย่างนึกไม่ถึง
“มาแล้วเหรอ ไปไหนมา” สิตาถามเสียงแข็ง
“ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่าว่ามาทำไม”
“ดี...ในเมื่อถามตรงๆ ฉันก็จะบอกเธอตรงๆเหมือนกัน...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นในป่านั่นบ้าง แต่ถ้าเธอมีความรู้สึกอะไรขึ้นมากับวิน ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะวินเป็นของฉันคนเดียว”
“คุณจะคิดอะไรก็เชิญ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ฉันกับคุณวินแต่ก่อนเคยเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น”
“ดี...ฉันจะจำคำเธอเอาไว้ เพราะถ้าเมื่อไหร่เธอ คิดแย่งวินจากฉันขึ้นมาล่ะก็...คนของฉันคงไม่ซ้อมผิดคนเหมือนคราวที่แล้วแน่” สิตายิ้มเยาะก่อนเดินออกจากห้องไป ลิลินได้คำตอบทันทีว่าวิชนีรับเคราะห์แทนตนจริงๆ
ด้านกฤษดาพี่ชายของสิตากำลังหัวเสียหลังทราบข่าวจากวีระนักข่าวประจำจังหวัดว่าทิวัตถ์ยังไม่ตาย บ่นอย่างเคียดแค้นว่าทำไมมันถึงหนังเหนียวอย่างนี้ วีระเตือนเขาให้ระวังทรงพลกับศุภารมย์ สองผัวเมียต้องไม่อยู่เฉยแน่ แต่กฤษดาก็ยังกร่างไม่เลิกคิดว่าบารมีพ่อคุ้มหัวได้ บอกว่าอย่างมากก็แค่รบกัน ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่าจังหวัดนี้จะเป็นของใคร
วรรณิตหน้าตาเหมือนศุภิสราน้องสาวศุภารมย์ก็เพราะวาสนาพาไปศัลยกรรม อนันยชไม่ได้แปลกใจสงสัยอะไร คิดอย่างเดียวว่าอยากแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุด ระหว่างที่รอเวลาก็พาเธอไปเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวเลียนแบบเหมือนศุภิสรายิ่งขึ้นไปอีกด้วยเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง เป็นที่ถูกอกถูกใจจอมงกอย่างวาสนา
ขณะเดินช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอยงยุทธแฟนเก่าของวรรณิต...สองยายหลานจำยงยุทธได้ วาสนารีบเดินหลบไปก่อนที่จะเผชิญหน้า แต่วรรณิตหลบไม่ทัน ยืนปากคอสั่นอยู่กับอนันยชที่ทำท่าจะมีเรื่องชกต่อยกับยงยุทธหลังจากเดินชนกันอย่างไม่ตั้งใจ
เพราะศัลยกรรมทำให้ยงยุทธจำวรรณิตไม่ได้ แต่เห็นหลังวาสนาไวๆ จึงก้าวตามไปคว้าตัวเธอไว้ คาดคั้นว่าเอาปรางไปอยู่ที่ไหน
“อะไร...ฉันไม่รู้เรื่อง” วาสนาปากแข็ง
“ไม่รู้เรื่องได้ยังไง...ก็มีคนบอกว่าแกพามันไป หรือว่าต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะยอมบอก”
“ทำไมไอ้ยุทธ...แกจะทำอะไรฉัน ฉันจะบอกให้นะ ที่ยัยปรางมันหนีไปจากแกไม่ใช่เพราะฉัน แต่เป็นเพราะแก...ใครจะไปทนอยู่ในขุมนรกกับคนชั่วๆอย่างแก”
“คำก็ชั่วสองคำก็ชั่ว คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหน ฮึ”
ยงยุทธกระชากแขนวาสนา...วาสนากระชากกลับแล้วพยายามจบเรื่องโดยการหยิบเงินก้อนหนึ่งออกมา
“ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องที่แกมาหาเรื่องฉัน...แกจะไปไหนก็ไป แล้วก็ไม่ต้องมาถามฉันอีกว่ายัยปรางอยู่ไหน”
ยงยุทธตาวาวยอมรับเงินไปโดยดี วาสนาชิ่งหนีทันทีเลย ส่วนอนันยชยังสงสัยไม่หาย ทำไมวรรณิตถึงได้ตกใจมากนักแต่ไม่ทันจะซักถาม วาสนาก็แทรกเข้ามาพูดจากลบเกลื่อนแล้วชวนไปดูของสวยๆงามๆ ต่อด้วยหาอาหารอร่อยๆกินกัน...
อยู่โรงพยาบาลหลายวัน ลิลินเริ่มเบื่ออาหารจืดๆ ทิวัตถ์มาได้ยินเธอพูดกับพยาบาลจึงแอบโทร.หาคฑาวุธลูกน้องคนสนิทให้จัดส้มตำไก่ย่างมา แต่ช้ากว่าวิทยาอย่างน่าเสียดาย ชายหนุ่มซื้ออาหารอย่างเดียวกันมาให้ลิลิน กินไปคุยกันไปอย่างสนิทสนม ทิวัตถ์เห็นแล้วใจแป้วเดินกลับไปที่ห้องตัวเองและพบว่าศุภารมย์กับศัลย์มารออยู่
ศุภารมย์แวะไปเยี่ยมลิลิน เจอวิทยาหลานของบุญช่วยอยู่ด้วย เธอมองเขาอย่างครุ่นคิดก่อนจะรักษามารยาทขอตัวก่อน เพราะลิลินมีแขก แต่วิทยาชิงบอกไม่เป็นไร ตนกำลังจะกลับพอดี
เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องคนไข้ ศุภารมย์เปิดฉากซักถามลิลินว่า
“ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายวิน เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีคนมาถามอะไรเธอนิดหน่อย หวังว่าเธอคงไม่ขัดข้องนะ”
“ใครเหรอคะ”
สิ้นคำถามนั้น ศัลย์เปิดประตูเข้ามา ลิลินตกใจ แต่ควบคุมสติไว้ ต่างคนต่างมองตากันอย่างหยั่งเชิง
“นี่รองศัลย์จะมาเป็นคนทำคดีนี้...ไม่ต้องห่วง...รองศัลย์เป็นตำรวจที่ฉันไว้ใจที่สุด...ฝากด้วยนะ”
ศัลย์รับคำ...ศุภารมย์ใช้สายตากำชับเขาก่อนจะเดินออกจากห้อง ศัลย์หน้านิ่ง ทักลิลินว่า
“พบกันอีกแล้วนะครับ”
“เราเคยเจอกันเหรอคะ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน จังหวัดนี้มันเป็นจังหวัดเล็กๆ เราอาจจะเคยเห็นหน้าค่าตากันแล้วก็ได้”
“ไม่หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนความจำดี ถ้าเคยได้เจอกับใครแล้วรับรองว่าไม่มีทางลืม”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงจำคนที่ทำร้ายคุณกับคุณวินได้”
“ไม่ค่ะ คนร้ายใส่ไอ้โม่งปิดหน้า แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก”
“คุณเคยมีเรื่องกับใครหรือเปล่า”
“ทำไมเหรอคะ”
“เผื่อบางทีคนร้ายพวกนั้นอาจจะไม่ได้ต้องการมาทำร้ายคุณวินก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็บอกได้เลยว่าไม่มีค่ะ ตกลงคุณตำรวจมาถามข้อมูลหรือมาสอบสวนฉันกันแน่คะ”
“ผมก็ต้องสอบให้ละเอียดเพราะทุกอย่างเป็นประโยชน์กับรูปคดี ใครจะไปรู้ว่าบางทีคนที่เราคิดว่าไม่มีพิษไม่มีภัย...บางทีอาจจะเป็นงูพิษดีๆนี่เอง”
“งูฉันไม่ค่อยกลัว แต่กลัวคนมากกว่า ยิ่งคนที่ฉากหน้าขาวสะอาดเท่าไหร่ ข้างหลังก็ยิ่งดำสกปรกเท่านั้น” พูดแล้วลิลินจ้องตาศัลย์อย่างไม่เกรงกลัว
ครู่ต่อมา ศุภารมย์รู้สึกสงสัยหลังจากศัลย์รายงานการสอบสวนลิลินให้ฟัง “ถามเธอแบบนั้นเพราะคิดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้ายพวกนั้นด้วยงั้นเหรอ”
“ผมแค่ต้องสงสัยไว้ก่อน แต่ถ้าได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ตมาน่าจะได้ความชัดเจนมากกว่านี้”
“นอกจากความชัดเจนแล้วฉันอยากให้เร่งมือเร็วที่สุด”
“ครับ” เขารับคำแล้วทำท่าจะผละไป พลันนึกอะไรได้ หันมาบอกศุภารมย์ว่าระวังลิลินเอาไว้ก็ดี เหมือนเธอจะรู้ว่าตนมีส่วนร่วมกับการตายของบุญช่วยในคืนนั้น
“แล้วทำไมเธอไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย”
“นั่นแหละที่ผมถึงบอกให้ระวังผู้หญิงคนนี้ให้ดี ผมคิดว่าเธอต้องมีแผนที่จะทำอะไรบางอย่างแน่นอน”
ศุภารมย์ชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยแววกังวล
ooooooo










