ตอนที่ 16
เมื่อปรมัตถ์ทราบข่าวลิลินอยู่ที่บ้านทิวัตถ์ เขาบุกมาเพื่อรับเธอไปให้พ้นบ้านหลังนี้ที่เขาเรียกว่าขุมนรก ศุภารมย์โกรธจัด มีปากเสียงกับปรมัตถ์ครู่หนึ่งก่อนที่ทิวัตถ์จะให้ลิลินตัดสินใจเองว่าจะอยู่หรือจะไป
ลิลินจำปรมัตถ์ไม่ได้จึงปฏิเสธเขาไป ทิวัตถ์ดีใจ เช่นเดียวกับนพกรที่หมายปองลิลินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาไม่อยากให้ปรมัตถ์มาเหยียบที่นี่อีก
หลังจากปรมัตถ์ผิดหวังกลับไป ศุภารมย์บอกทิวัตถ์ว่าเราน่าจะให้ลิลินไปกับผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนเขาจะสนิทกันมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าบุกเข้ามาอาละวาด
“ถึงเขาจะรู้จักกัน ยังไงผมก็จะเป็นคนดูแลเธอเอง”
“ถึงแม้ว่าเขาอาจจะสนิทและไว้ใจกันมากกว่าลูกน่ะเหรอ”
“ตอนนี้ผมเชื่อใจใครไม่ได้อีกแล้วครับแม่”
ทรงพลเพิ่งกลับเข้าบ้านเห็นแม่ลูกหน้าตาเครียดๆ ถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่า ทิวัตถ์ปฏิเสธ แล้วนึกได้เรื่องงานศพสิตา เขาอยากไปเย็นนี้ แต่ทรงพลท้วงว่าเราไม่ควรไปเพราะมันอันตราย
“เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ” ทิวัตถ์ตอบอย่างมั่นใจ ทุกคนนิ่งไปสักครู่ ก่อนที่ศุภารมย์จะเอ่ยขึ้นว่า
“ก็ดีเหมือนกัน...ฉันว่าเราควรไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งฉันแล้วก็คุณด้วย”
ทรงพลนิ่งคิดแล้วคล้อยตาม...เย็นนั้นสามคนพ่อแม่ลูกจึงเดินทางไปงานศพสิตาที่วัด โดยทิวัตถ์ที่เป็นห่วงลิลินกำชับให้เธออยู่แต่ในบ้าน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลต้องรีบโทร.หาเขาทันที
ลิลินรับปาก แต่พอพวกเขาออกจากบ้านไปแล้ว เธอโทร.หาปรมัตถ์และนัดมาเจอที่บ้านทรงพลเพราะกำลังปลอดคน
ที่แท้ลิลินไม่ได้ความจำเสื่อม เธอจำทุกอย่างและทุกคนได้แต่ที่ต้องปกปิดเพราะต้องการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการตายของศุภิสรา ปรมัตถ์ได้ฟังยิ่งเป็นห่วงเธอที่ต้องเสี่ยงเกินไป
“ถึงจะเสี่ยงยังไงมันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้ลินได้เบาะแสเพิ่มนะมัต”
“แล้วมีใครรู้อีกไหมว่าลินแกล้งความจำเสื่อม”
“มีมัตคนเดียว”
ปรมัตถ์ยิ้มดีใจที่ลิลินไว้ใจเขา แต่แล้วต้องรีบหลบซ่อนตัวเพราะพวกทิวัตถ์กลับบ้านเร็วผิดปกติ เนื่องจากโดนเสี่ยหาญกับกฤษดาผลักไสไม่ให้อยู่ร่วมงานศพสิตา ส่วนวรรณิตที่แอบออกไปหาวาสนาเพื่อบอกว่าเธอจะหย่ากับอนันยช เพราะเวลานี้แม่ตายไม่ต้องใช้เงินอีกแล้ว ปรากฏว่าวาสนาโวยวายว่าคิดอะไรโง่ๆ ถึงจะไม่มีแม่แล้วเงินทองก็ยังต้องกินใช้ทุกวัน
“ไหนจะวันข้างหน้าไม่ว่าแกหรือฉันก็ต้องป่วยกันทุกคน แต่ถ้าแกอยู่กับพ่อวัน แกก็จะมีเงินรักษา มีค่าหยูกค่ายา แล้วไหนจะคนข้างหลังแกอีกล่ะ”
“แต่ณิตไม่อยาก...”
วรรณิตจะดึงดันเพราะอยู่ไปก็ไม่สบายใจ วาสนาโกรธใหญ่ แต่ไม่ทันจะพล่ามอะไรต่อ วรรณิตมีอาการขย้อนเหมือนจะอาเจียนวิ่งเข้าห้องน้ำ วาสนาฉุกคิดและซักถามจนแน่ใจว่าเป็นอาการของคนแพ้ท้อง วรรณิตใจหล่นวูบ มองท้องตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไป
ooooooo
เช้าวันถัดมา นพกรดักเจอลิลินในสวน เขาพยายามตีสนิทแต่เธอคิดว่าเลี่ยงดีกว่า จึงแค่ทักทายประสาคนร่วมชายคาแล้วเดินหนี
ลิลินเดินมาหยุดตรงจุดที่ศุภิสราตกระเบียงลงมาเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนนั้นเธอยังเด็กแต่ก็จดจำอะไรได้ทุกอย่าง เธอโดนสาวใช้ชื่อเจี๊ยบดุที่เก็บดอกลีลาวดี
แถมด่าไปถึงพ่อป้องของเธอว่าเป็นชู้กับคุณผู้หญิง...
จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงในบ้านเอะอะเพราะศุภิสราตกจากระเบียง
นึกถึงเจี๊ยบแล้วลิลินเชื่อว่าคืนนั้นเธอน่าจะรู้เห็นอะไรบ้าง...ลิลินรีบโทร.นัดเจอปรมัตถ์ที่โรงแรมของศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะมาขอร้องทิวัตถ์ให้พาไป อ้างที่เขาเคยบอกว่าเธอเป็นนักร้องอยู่ที่นั่น ถ้าได้ไปเผื่อความทรงจำของเธอจะกลับมา
เมื่อไปถึงโรงแรม ลิลินแสร้งทำเหมือนไม่คุ้นแต่อยากอยู่คนเดียวเพื่อทบทวน ทิวัตถ์จึงแยกไปคุยกับศักดิ์สิทธิ์ พอดีรายนั้นอยู่กับวิชนี ท่าทางกะหนุงกะหนิงจนทิวัตถ์แอบอิจฉา พอวิชนีรู้ว่าลิลินมาก็ดีใจรีบไปหา แต่กลับไม่เจอตัวเธอในผับ
ลิลินแอบไปคุยกับปรมัตถ์หลังโรงแรม บอกว่าเธอได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องสาวใช้ชื่อเจี๊ยบ
“สาวใช้เก่าเหรอ”
“ใช่ ลินเพิ่งนึกออกว่าวันที่แม่คุณวินตาย เธอก็อยู่ที่บ้านด้วย แต่ที่น่าสงสัยก็คือเจี๊ยบก็หายไปจากบ้าน”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าคนชื่อเจี๊ยบต้องรู้อะไรสักอย่างแน่”
ลิลินพยักหน้าเห็นด้วย...ด้านวิชนีที่ตามหาลิลินไม่พบ เธอไปบอกทิวัตถ์กับศักดิ์สิทธิ์ สองหนุ่มจึงมาสมทบ แล้วทิวัตถ์ก็เห็นประตูห้องด้านข้างเปิดอยู่ หรือว่าลิลินจะออกไปทางนี้!
ปรมัตถ์กับลิลินยังคุยกันอยู่หลังโรงแรม ปรมัตถ์แสดงความหนักใจเรื่องการตามหาสาวใช้ชื่อเจี๊ยบ จะรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ไหน
“คนที่น่าจะยังมีข้อมูลทั้งหมดรวมถึงที่อยู่ของเจี๊ยบด้วยคงจะมีแค่คนเดียว”
“ใคร?”
“ผู้กำกับทรงเผ่า”
“ทรงเผ่า...จอมโวยวายที่มัตเห็นในงานแต่งคุณวันนั่นน่ะเหรอ”
“ใช่...เพราะผู้กำกับทรงเผ่าคือคนที่ทำคดีนี้ในอดีต เพราะฉะนั้นผู้กำกับต้องมีข้อมูลของทุกคน”
“งั้นถ้าได้เรื่องยังไงมัตจะติดต่อลินไปนะ”
“เดี๋ยวลินโทร.หามัตเองดีกว่า ตอนนี้ลินอยู่ในบ้านนั้นมันไม่ค่อยสะดวก”
“ได้...แต่ลินต้องระวังตัวด้วยนะ”
“มัตก็ระวังด้วยนะ”
สองคนแสดงความห่วงใยต่อกัน...ทันทีที่ปรมัตถ์ผละไป เสียงทิวัตถ์ดังขึ้นจนลิลินสะดุ้ง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“คุณ!!” ลิลินตกใจอุทานหน้าตาตื่น!
ooooooo
วรรณิตกลุ้มใจเมื่อทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์จริงอย่างที่วาสนาบอก เธอยังคิดอ่านไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไป
การอยู่กับอนันยชไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขเพราะทั้งคู่ไม่มีความสมดุลในเรื่องเพศ และนับวันอนันยชก็ยิ่งแสดงออกด้วยการโมโหฉุนเฉียว พูดแขวะเธอเป็นประจำ หนำซ้ำวันนี้เขายังพาหญิงอื่นมาที่บ้านเพื่อหาความสุขต่อหน้าเธอซึ่งเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมาย
วรรณิตทนไม่ได้ มีปากเสียงกับหญิงคนนั้นจนถึงขั้นตบตีกัน แทนที่อนันยชจะห้าม เขากลับตบหน้าเธอก่อนไล่ออกจากห้องไปยืนร้องไห้อย่างเจ็บช้ำและเจ็บใจ
ด้านทิวัตถ์ที่ล่วงรู้ว่าลิลินไม่ได้ความจำเสื่อม แรกรู้เขาโกรธเธอเหมือนกัน แต่พอฟังเหตุผลของเธอ ความโกรธก็มลายหายไปในพริบตา เหลือแต่ความรักและสงสารคงเดิม
ลิลินบอกเขาว่าถ้าเธอไม่แกล้งความจำเสื่อมเธอคงถูกศัลย์ฆ่าไปแล้ว และเธอก็มั่นใจด้วยว่าศัลย์เป็นคนตัดสายเบรกรถวิทยาเพราะก่อนหน้านี้เธอเห็นเขามาป้วนเปี้ยนแถวบ้าน แล้วพอเธอเข้าโรงพยาบาลศัลย์ก็ยังมาหาซึ่งทิวัตถ์ก็เห็นกับตาที่เจอกันในห้องพักฟื้นของเธอ
ทิวัตถ์คิดทบทวนทุกอย่างตามที่ลิลินบอกแล้วคล้อยตาม ระหว่างนั้นทั้งคู่แวะที่ปั๊มน้ำมัน ไม่คิดว่าจะเจอกฤษดากับลูกน้องที่เตรียมตัวไปงานศพสิตาที่วัด การเจอกันของสองฝ่ายมีปัญหาแน่นอน เพราะกฤษดาฝังใจว่าทิวัตถ์ฆ่าสิตา จึงยิงปืนขึ้นฟ้าเชิงขู่โดยไม่สนสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น
ลิลินใจคอไม่ดีเพราะดูแล้วกฤษดาบ้าระห่ำ เขาต้องเอาชีวิตทิวัตถ์แน่ถ้าไม่บังเอิญมีตำรวจสายตรวจผ่านมา กฤษดากับลูกน้องรีบหนีไป แต่เรื่องนี้ศัลย์ไม่ปล่อยผ่าน มาดำเนินการด้วยตัวเองพร้อมกับโทร.บอกศุภารมย์
ศุภารมย์กับทรงพลรีบเดินทางมาโดยเร็ว ศัลย์รายงานว่าพยานในที่เกิดเหตุกับภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าเป็นฝีมือกฤษดากับลูกน้อง ทรงพลเห็นลูกชายไม่เป็นอะไร จึงให้พาลิลินกลับบ้านก่อน พ่อกับแม่จะจัดการเรื่องนี้เอง
แต่กลายเป็นว่าศัลย์ขอจัดการเสี่ยหาญกับกฤษดาในคืนนั้นด้วยการวิสามัญสองพ่อลูกอ้างว่าเขาขัดขืนการจับกุม ทรงพลเครียดมากกับเหตุการณ์ครั้งนี้ นับวันมีคนตายเพิ่มมากขึ้นทุกที...
ความพยายามของปรมัตถ์สัมฤทธิผลหลังพยายามตามหาทรงเผ่าอยู่สองวัน ทรงเผ่าติดเหล้างอมแงม เห็นแก่เหล้านอกที่ปรมัตถ์นำมาให้ก็เลยเล่าว่าคดีฆาตกรรมศุภิสราเมื่อ 15 ปีก่อน ตนนำมาเขียนเป็นนิยายเก็บไว้ ซึ่งในนิยายมีข้อมูลของสาวใช้ชื่อเจี๊ยบว่าอยู่ที่ไหน
การตายของเสี่ยหาญกับกฤษดาทำให้ทรงพลร้อนรุ่มกลุ้มใจถึงกับระเบิดอารมณ์กับศุภารมย์ โดยที่เขาไม่รู้ว่าศัลย์แอบฟังอยู่ในมุมมืดยามค่ำคืน
“ผมไม่ชอบที่รองฯศัลย์ทำอย่างนี้ ถ้าเราปล่อยให้ รองฯทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่มือเราจะหลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้สักที ผมว่าเราควรจะเลิกใช้รองฯทำงานได้แล้ว”
“คุณคิดว่ามันจะง่ายอย่างที่คิดงั้นเหรอคะ”
“หรือคุณจะปล่อยให้รองฯทำแบบนี้ต่อไป แต่ผมคงยอมไม่ได้”
“แต่ยังไงรองฯก็ยังมีประโยชน์กับเรา”
“มีประโยชน์หรือจะเก็บเอาไว้เพื่อบริหารเสน่ห์ของคุณกันแน่”
“นี่คุณ...ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากคุณ”
“คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอว่ามันคิดอะไรกับคุณ”
“อย่าเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานว่าคนอื่นต้องทำตามสิคะ เพราะฉันกับรองฯยังไงก็คงไม่เหมือนคุณกับกานดา เขาก็รู้กันทั่วบริษัทว่ากานดาคิดอะไรกับคุณ”
ทรงพลถอนหายใจสะกดอารมณ์โกรธไว้ “เอาเถอะ ผมคงไปห้ามความคิดของใครไม่ได้ แต่ที่ผมเตือนคุณ เพราะหวังดี แต่ถ้าคุณคิดจะเลี้ยงงูพิษอย่างรองฯศัลย์ไว้ก็เชิญ”
ศุภารมย์นิ่งไปอย่างเครียดๆ ศัลย์ที่ซ่อนตัวฟังอยู่มองตามทรงพลที่เดินออกไปด้วยความแค้น
คืนนั้นทรงพลตัดสินใจไปหากานดาที่บ้าน ศัลย์แอบตามมาและซุ่มจับตาดูพร้อมฟังการสนทนาทั้งคู่อยู่เงียบๆ
“คุณพลมีเรื่องไม่สบายใจอะไรเหรอคะ”
“เรื่องรองฯศัลย์ ผมรู้ว่าเขารับใช้ผมมานาน แต่ผมก็รู้ว่าคนอย่างรองฯศัลย์ไม่ได้อยู่เพราะเงิน เขาอยู่เพราะอยากใกล้ชิดกับคุณต่าย”
กานดาฟังแล้วอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง “แต่ผมไม่กลัวว่าสองคนนั้นจะมีสัมพันธ์อะไรกันหรอกนะ เพราะผมรู้ว่ายังไงคุณต่ายก็ยังรักผม และผมก็ยังรักเธอ แต่ตอนนี้รองฯศัลย์เหมือนหมาบ้า เขาแทบจะฆ่าทุกคนที่คิดว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับคุณต่าย”
“แล้วคุณจะทำยังไงคะ รองฯศัลย์เองก็กุมความลับของครอบครัวคุณไว้หลายเรื่อง”
“ผมคงต้องยอมให้มือเปื้อนเลือดอีกครั้ง...ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป”
ยิ่งฟังกานดาก็ยิ่งเครียด...แต่ศัลย์ที่แอบฟังแค้นมากขึ้น แล้วฉวยโอกาสตอนทรงพลออกจากบ้านสังหาร กานดาอย่างเลือดเย็น ทรงพลลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้กลับมาเจอศพเธอ ตกใจแทบช็อก
ทรงพลหายไปทั้งคืน ศุภารมย์กระวนกระวายโทร.หาแต่ติดต่อไม่ได้ อนันยชก็ไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนวรรณิตออกไปแต่เช้าบอกว่าไปงานศพญาติห่างๆที่เพิ่งเสีย เหลือแต่ทิวัตถ์กับลิลิน แต่อีกเดี๋ยวทิวัตถ์ก็จะพาเธอไปพบหมอเช็กอาการอีกครั้ง
ทิวัตถ์ไม่ยอมบอกความจริงกับใครว่าลิลินปกติดีไม่ได้ความจำเสื่อม นี่เองทำให้ลิลินซาบซึ้งและมีใจให้เขามากขึ้นกว่าเดิม...ด้านศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีที่รักลงตัว ฝ่ายชายจะขายโรงแรมแล้วนำเงินไปเปิดร้านหมูกระทะ แต่แฟนสาวไม่เห็นด้วย และยิ่งคัดค้านเมื่อได้พบกับนายสุชาติที่จะซื้อโรงแรมแต่พูดจาปากเสียไม่ใช่เล่น
ศุภารมย์ยังเพียรโทร.หาทรงพลทั้งมือถือและที่บริษัท แต่ไม่สามารถติดต่อได้สักช่องทาง จนกระทั่งศัลย์มาที่บ้านเอารูปถ่ายขณะทรงพลไปหากานดาที่บ้านให้ดู เธอโมโหมากเร่งศัลย์ให้เล่ารายละเอียดมา
“คุณพลแอบไปหากานดาเมื่อคืน...ผมขอโทษ...แต่ที่ผมต้องตามดูคุณพลเพราะผมเกรงว่าคุณพลจะนอกใจคุณต่าย แล้วพอผมตามไปมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ”
“งั้นตอนนี้คุณพลก็อยู่กับเธอใช่ไหม”
“คงไม่ใช่ เพราะผมกำจัดหนามยอกอกนั่นให้คุณต่ายแล้ว”
“หมายความว่าไง” ศุภารมย์ถามเสียงหลง
“ผมฆ่านังนั่นไปแล้ว ต่อไปนี้คุณก็จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของเธอกับคุณพลอีกต่อไป”
ศุภารมย์หงุดหงิดต่อว่าศัลย์ทำนอกเหนือคำสั่ง ศัลย์ฟังแล้วเริ่มน้อยใจ บอกว่าตนทำทุกอย่างไปก็เพื่อเธอ ศุภารมย์สังเกตเห็นศัลย์แปลกไป ตะล่อมถามถึงทรงพลว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน
“คุณต่ายจะไปสนใจมันอีกทำไม ในเมื่อมันไม่ได้รักคุณ ผมต่างหากที่รักคุณ”
ศุภารมย์ผงะ ศัลย์เดินมาจับมือ เธอตกใจสะบัดมือออก ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่าเขาคิดจะทำอะไร
“ป่านนี้แล้ว...คุณต่ายไม่รู้เลยหรือไงว่าที่ผมคอยรับใช้คุณมาตลอดก็เพราะผมรักคุณ”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” คำพูดของศุภารมย์ไม่เป็นผล ศัลย์ทำเหมือนไม่ได้ยิน เอาแต่ระบายความในใจของตนเอง
“แล้วคุณต่ายรู้ไหมว่าผมต้องปวดใจแค่ไหนเมื่อเห็นคุณต้องเสียใจ แต่มันกลับไม่สนใจไยดีคุณเลย” พูดแล้วเขาดึงเธอเข้ามากอดเว้าวอน “อยู่กับผมนะ ผมดูแลคุณได้”
“ปล่อย...ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” ศุภารมย์ขัดขืนและพยายามจะหนีออกจากห้องทำงาน แต่เขาไม่ฟัง ดึงเธอมากอดอีก ประกาศว่าเขาจะไม่ยอมเสียเธอไป
ศุภารมย์หมดความอดทน คว้าแจกันบนโต๊ะฟาดหัวศัลย์เต็มแรงก่อนจะวิ่งไปที่ประตู จังหวะนั้นอนันยชซึ่งเมาค้างกลับเข้าบ้านได้ยินเสียงเหมือนของตกแตกในห้องทำงานรีบตรงดิ่งไปทันที
ศัลย์หัวแตกเลือกอาบตามมากระชากศุภารมย์ แล้วบีบคอ อนันยชวิ่งมาเคาะประตูเรียกแม่ พอได้ยินเสียงแม่ร้องขอความช่วยเหลือก็รีบพังประตูเข้าไป แล้วชกต่อยศัลย์อุตลุด แต่ก็โดนศัลย์สวนกลับหลายหมัดจนร่างทรุด ลงกับพื้น
“หยุดนะ!! ห้ามทำอะไรลูกฉันเด็ดขาด”
“ถึงมันอยู่ไปก็คอยสร้างแต่ปัญหาให้เรา”
ศุภารมย์น้ำตาคลอ เกาะขาศัลย์ขอร้องไม่ให้ทำอะไรลูกชายของตน ศัลย์เห็นน้ำตาของเธอก็เริ่มใจอ่อนจะปลอบใจ ทันใดอนันยชคว้ากรรไกรจ้วงแทงคอศัลย์จนเลือดทะลักแล้วขึ้นคร่อมระดมหมัดต่อยไม่ยั้งจนเขาแน่นิ่งตายคามือ
“พอแล้ววัน...วัน!!!” ศุภารมย์กรีดร้องอย่างตื่นตระหนก
ooooooo
หลังจากพาสุชาติชมโรงแรมทั่วทุกซอกมุม ศักดิ์สิทธิ์คิดว่าเขาจะยอมซื้อในราคาที่ตกลงกันไว้ กลายเป็นว่าเขาต่อรองลดลงอีก แล้วจะทุบทิ้งทำเป็นคอมมูนิตี้มอลล์
“คงลดไม่ได้แล้วจริงๆครับ นี่ผมก็ให้ราคาพิเศษแล้วสำหรับคุณสุชาติ”
“พิเศษ? แพงเป็นพิเศษน่ะสิ ถ้าผมจะซื้อไปทุบทิ้งแล้วทำใหม่ ราคานี้ก็ถือว่าแพงไปอยู่ดี...แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆก็ลดไม่ได้แล้วใช่ไหม งั้นคุณก็จัดการเรื่องไล่พนักงานออกกับเงินค่าชดเชยให้เรียบร้อยแล้วกัน”
ศักดิ์สิทธิ์เหวอ แต่ก็รีบรับคำเพราะกลัวเขาเปลี่ยนใจ “ไม่เป็นปัญหาครับ”
“โอเค งั้นตามนี้นะ”
“ได้ครับ”
สุชาติพอใจเดินยิ้มออกไป วิชนีสวนเข้ามาราวพายุ เสียงดังใส่ศักดิ์สิทธิ์อย่างฉุนเฉียว
“ห้ามขายเด็ดขาด นายไม่ได้ยินเหรอว่าเขาจะทุบทิ้ง”
“ฉันจะขาย...ฉันตัดสินใจแล้ว”
ศักดิ์สิทธิ์เสียงแข็งแล้วเดินหนี วิชนีตามดักหน้า ปกติเห็นท่าไม่ดีพยายามจะไกล่เกลี่ยแต่ไม่มีช่องไฟให้ได้แทรก
“ถ้านายขาย นายไม่คิดบ้างหรือไงว่าจะมีพนักงานกี่คนต้องตกงาน”
“ไม่สน!” ศักดิ์สิทธิ์สวนทันควันจนวิชนีชะงักไปอย่างหงุดหงิด ปกติเห็นแล้วหนักใจแทนทั้งคู่จริงๆ
ooooooo
ฝ่ายทิวัตถ์กับลิลินที่บอกคนในบ้านว่าออกไปหาหมอ ความจริงลิลินพาเขามาคุยเรื่องสาวใช้ชื่อเจี๊ยบ พร้อมกันนี้ก็นัดเจอปรมัตถ์ด้วย
เมื่อสองหนุ่มเผชิญหน้า ปรมัตถ์เขม่นทิวัตถ์แต่ลิลินรีบบอกว่าตอนนี้เขาเป็นพวกเดียวกับเรา เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ครอบครัวของเขาทำ และเขาก็อยากรู้ความจริงเหมือนกัน
ปรมัตถ์รับฟังแต่ยังไม่ไว้ใจทิวัตถ์อยู่ดี แต่พลันทุกคนต้องยุติ สายตาจับจ้องไปที่จอทีวีพร้อมกัน นักข่าวรายงานเหตุการณ์เพลิงไหม้ชุมชนที่ทรงเผ่าอยู่ ทั้งสามคนรีบเดินทางไปดูและทราบจากตำรวจว่าบ้านทรงเผ่าโดนด้วย เขาเมาไม่รู้เรื่องโดนไฟคลอกตายในกองเพลิง...
แต่ทุกคนไม่รู้ว่ามือเพลิงคือนพกรที่มาคาดคั้นทรงเผ่าเพราะต้องการล้วงความลับของพวกทรงพล
ปรมัตถ์รู้สึกผิดที่ซื้อเหล้ามาให้ทรงเผ่า ถ้าเขาไม่เมาก็คงไม่เป็นอย่างนี้ ลิลินปลอบใจเพื่อนรุ่นพี่ว่าอย่าโทษตัวเอง ส่วนทิวัตถ์หนักใจว่าจะทำยังไงต่อ ตอนนี้คนที่มีเบาะแสเรื่องเจี๊ยบไม่อยู่แล้ว
“แต่ก่อนผู้กำกับจะเมาจนหลับไป เขาบอกมัตว่าเจี๊ยบอยู่ที่บ้านหวาย”
“บ้านหวาย แล้วเราจะไปบ้านหวายยังไง”
“ผมกับคุณไปไม่ได้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นทุกคนต้องสงสัย”
“มัตไปเอง” ปรมัตถ์อาสา และขอให้ลิลินดูแลตัวเองดีๆ ถ้ามีใครทำอะไรให้รีบบอกเขาทันที
เมื่อปรมัตถ์ไปแล้ว ทิวัตถ์แสดงท่าทีงอนๆ พูดจากระแนะกระแหนลิลินว่าท่าทางเธอกับปรมัตถ์สนิทกันจัง ลิลินยอมรับว่าสนิทจริง เขาเป็นเหมือนพี่ชายที่คอยดูแลเธอตอนที่ยังอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ทิวัตถ์ฟังแล้วสบายใจ แต่ไม่ทันไรก็มีเรื่องตกใจเกิดขึ้นอีก ทรงพลโทร.มาบอกว่าเกิดเรื่องที่บ้าน ให้เขารีบกลับมาโดยเร็ว จากนั้นทรงพลติดต่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจนายหนึ่งให้ทำคดีนี้ หากสำเร็จด้วยดีจะตอบแทนให้อย่างงาม
ลิลินอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถูกศุภารมย์กีดกันทางอ้อมให้เธอไปพักผ่อน แต่เพราะความอยากรู้ทำให้เธอไม่ไปไหนไกล แอบฟังพวกเขาคุยกันอยู่มุมหนึ่ง
ทรงพลบอกทิวัตถ์ว่าศัลย์ทำร้ายศุภารมย์ โชคดีที่อนันยชได้ยินจึงเข้ามาช่วย แต่พลั้งมือฆ่าศัลย์ตาย ลิลินตกใจแล้วรีบหลบเมื่อป้าจวนเดินผ่านไปรายงานเจ้านายว่าให้เด็กทำความสะอาดห้องเกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว
“อย่าลืมกำชับทุกคนด้วยว่าห้ามพูดถึงเรื่องวันนี้อีกเด็ดขาด”
“ค่ะคุณท่าน จวนทราบค่ะว่าต้องทำยังไง”
“เรื่องใหญ่อย่างนี้คุณพ่อจะทำยังไงครับ”
“ไม่ต้องห่วง พ่อจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ขอแค่ทุกคนไม่พูดถึงเรื่องวันนี้อีก เข้าใจนะ...ส่วนวันพักนี้น้าขอให้อยู่แต่ในบ้านก่อน รอให้เรื่องเงียบ...เข้าใจที่น้าพูดใช่ไหม”
“ครับ” อนันยชตอบรับหน้าสลด ขณะที่ทิวัตถ์ค่อนข้างอึ้งกับท่าทีของพ่อที่ดูจะจัดการอะไรได้อย่างลงตัว แม้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ทิวัตถ์ไม่พูดอะไรอีก ชำเลืองมองไปทางลิลินที่ยืนหลบมุม...แล้วอีกครู่ต่อมา สองคนก็ออกมาเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“คุณรู้เรื่องรองฯศัลย์แล้วใช่ไหม”
ลิลินพยักหน้าแทนคำตอบ ทิวัตถ์ถามต่อไปว่า
“แล้วคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้”
“ถึงรองฯศัลย์จะฆ่าคนที่ฉันรักไปหลายคน แต่สิ่งที่เขาสมควรได้รับคือการได้รับโทษ ไม่ใช่ความตาย”
พูดแล้วลิลินหน้าเครียด ทิวัตถ์เห็นด้วยและรู้สึกดีกับทัศนคติของเธอ
“แต่ที่ฉันสงสัยคือการกระทำของพ่อคุณที่ดูเหมือนจะรู้ว่าต้องทำอะไรเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“หมายความว่าไง”
ลิลินนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจพูดมันออกมา “ถ้าวันนั้นเมื่อ 15 ปีก่อน...พ่อคุณก็ทำแบบเดียวกันนี้ล่ะ”
ทิวัตถ์ชะงัก คิดเห็นในทางเดียวกับลิลินแต่ไม่แสดงออก ในขณะที่ลิลินแววตาฉายแววความมั่นใจ คิดว่าสาวใช้ชื่อเจี๊ยบต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
ooooooo










