ตอนที่ 8
เอนิตาจำใจเดินทางมาเที่ยวกับครอบครัว
ณนนท์ พอถึงรีสอร์ตแต่ไม่ทันจะได้ห้องพัก ไข่ตุ๋นเห็นครอบครัวอื่นขับรถเอทีวีเล่นกันก็รบเร้าแม่ว่าอยากไปขับรถเล่นบ้าง นั่นยิ่งทำให้เอนิตาทั้งเบื่อทั้งเซ็ง
“เอาเหอะ ให้ได้ที่พักก่อนค่อยว่ากัน”
เท่งกับสุดยอดซึ่งรวมตัวอยู่ใกล้ๆ ชำเลืองมองเอนิตา อย่างไม่ชอบใจ พลางบ่นกันเองเรื่องที่พัก
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าไปกี่ที่ๆ ที่พักก็เต็มหมด”
“ไม่จองก่อนก็งี้แหละพ่อ พี่นนท์เค้าเห็นว่าเป็นเสาร์อาทิตย์ธรรมดา ไม่น่าจะเต็ม”
“ทีหลังถ้าไม่จองที่พักก่อน ไม่ต้องชวนฉันเลยนะ”
“คุณพี่สะใภ้ครับ ได้ข่าวว่าก็ไม่มีใครชวนคุณพี่นี่ครับ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากมา แต่พี่แกบังคับให้ฉันมา”
ได้ยินแม่พูดอย่างนั้น ไข่ตุ๋นถึงกับหน้าเสีย ถามเสียงอ่อย “แม่ไม่อยากมาเที่ยวกับไข่ตุ๋นเหรอคะ”
เอนิตาชะงัก รีบปั้นหน้ายิ้มแย้มเอาใจลูก “อยากสิจ๊ะ แม่รอวันนี้มาตั้งนานแล้ว นี่แม่รีบเคลียร์งานมาเที่ยวกับไข่ตุ๋นโดยเฉพาะเลยนะ”
“แม่ของไข่ตุ๋นน่ารักที่สุดในโลกเล้ยยยย...” ไข่ตุ๋นโถมเข้ากอดแม่ด้วยความดีใจ แต่สุดยอดกับเท่งเบ้หน้าอย่างรู้ทัน
ด้านณนนท์ที่ไปติดต่อพนักงาน เขาเดินกลับมาบอกทุกคนว่า “บ้านพักเต็มหมด เค้าบอกว่าปกติก็ไม่เต็ม แต่พอดีมีการประชุมทนายความภูมิภาคอาเซียน แถวๆนี้ก็เลยโดนเหมาไปหมด”
“ที่ออกจะใหญ่โต จะไม่เหลือซักหลังเลยเหรอ”
“เหลือหลังนึงครับพ่อ แต่มีคนจองไว้แล้ว”
“งั้นฉันจัดการเอง” ว่าแล้วเอนิตาก็เดินเฉิดฉายไปสอบถามพนักงานที่ล็อบบี้ว่าใครจองบ้านพักหลังสุดท้าย ครั้นได้ยินชื่อยาหยี เธอชะงักไปนิดก่อนสวมรอยหน้าตาเฉย “อ๋อ งั้นก็เป็นของฉันเอง ขอกุญแจด้วยค่ะ”
พนักงานสองคนมองหน้ากันลังเล เพราะจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือเอนิตาที่เป็นนางแบบ แต่เอนิตาก็ยังหน้าด้านต่อไปอีกว่า
“ยาหยีเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉัน ฉันสั่งให้เค้าโทร.มาจองเองแหละค่ะ”
พนักงานยังอิดออด เอนิตาทำทีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด
“จะต้องให้ฉันโทร.ให้ยาหยียืนยันมั้ยคะ”
เท่านั้นเองพนักงานก็เชื่อสนิท หยิบกุญแจห้องพักส่งให้ แต่ไม่ทันถึงมือเอนิตา ยาหยีก็ปรากฏตัวเสียก่อน
“ดิฉันยาหยีที่โทร.มาจองบ้านพักไว้น่ะค่ะ”
เอนิตาหน้าแตก แต่ก็รีบดึงกุญแจมาจากมือพนักงาน คนอย่างยาหยีมีหรือจะยอมง่ายๆ ศึกชิงกุญแจจึงเกิดขึ้นท่ามกลางความตกอกตกใจของพนักงาน รวมทั้งพวกณนนท์และกลุ่มของยี่หวาที่วิ่งกรูกันเข้ามา
“ปล่อยกุญแจฉันนะ”
“คิดไปเองน่ะสิ ฉันโทร.มาจอง ที่พักมันก็ต้องเป็นของฉันสิ”
“ฉันมาก่อน ฉันก็ต้องได้ก่อนสิยะ”
“แต่ฉันจองก่อน ถามน้องเค้าก็ได้ว่าฉันโทร.มาจองตั้งแต่เมื่อไหร่”
“จองเมื่อไหร่ไม่สำคัญ แต่บ้านหลังนี้มันเป็นของฉัน”
เอนิตาดึงดันหน้าด้านกระชากกุญแจจนหลุดจากมือยาหยี แต่ยาหยีก็ไม่รามือ กระโดดขี่หลังเกาะคอเอนิตาไม่ปล่อย สุดยอดเห็นแล้วยิ้มอย่างนึกสนุก ร้องบอกข้าวตูกับไข่ตุ๋นให้ดูลูกลิงเกาะหลังแม่ลิง เด็กๆเลยหัวเราะขำกันใหญ่
พอเอนิตาสะบัดยาหยีหลุด ก็ถลามาหาณนนท์ “นนท์ เราเข้าที่พักกันเถอะ นิตาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“ยังไปไม่ได้ เอากุญแจบ้านของพวกเราคืนมาก่อน” ยาหยีขึ้นเสียงทั้งเหนื่อยๆ
“นิตา ให้กุญแจเค้าคืนไปเถอะ รีสอร์ตยังมีอีกเยอะแยะ เราค่อยๆขับรถวนหาเดี๋ยวก็ได้เองแหละ”
“ไม่เอา ฉันไม่คืน ฉันเหนื่อย ฉันร้อน ฉันอยากนอน ใครอยากออกไปหาที่พักใหม่ก็ตามใจ”
เอนิตาทำท่าจะเดินไป ยาหยียัวะจัด เข้าไปยื้อกุญแจในมือเอนิตาอีก
“เอาคืนมานะ”
“ไม่ ฉันได้กุญแจก่อน มันเป็นของฉัน”
สองคนยื้อแย่งกุญแจกันอีกยก ณนนท์กับยี่หวาพยายามช่วยกันแยก ภูมิชายเดินผ่านมาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็เข้ามาดู
“คุณยี่หวา เกิดอะไรขึ้นครับ”
“คุณภูมิชาย...” ยี่หวาตะลึงแทบไม่เชื่อสายตา
ooooooo
นึกไม่ถึงว่าโลกจะกลมขนาดนี้...ภูมิชายยื่นกุญแจบ้านพักให้ยี่หวา และบอกเธอว่า
“ผมมาประชุมทนายความครับ ก็เลยจองบ้านพักไว้หลังนึง คุณยี่หวาพักบ้านหลังนี้เลยนะครับ ส่วนหลังนั้นยกให้ครอบครัวนั้นไปเถอะ”
“แล้วคุณภูมิจะพักที่ไหนล่ะคะ”
“ผมไปพักห้องพักโรงแรมที่จัดการประชุมได้ครับ คุณยี่หวากับครอบครัวพักผ่อนให้สบายนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ งานนี้ต้องถือว่าคุณภูมิชายเป็นฮีโร่เลยนะคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่งั้นนะคะ ป่านนี้ยังทะเลาะแย่งบ้านพักกันไม่จบหรอกค่ะ พวกเราขอบคุณคุณภูมิชายมากนะคะ” บุญเลื่องกล่าวอย่างซึ้งใจ
“สำหรับคุณยี่หวา มากกว่านี้ผมก็ยินดีเต็มที่ครับ”
ณนนท์มองภูมิชายกับยี่หวาอย่างหมั่นไส้ เอนิตาสังเกตเห็นสายตาของณนนท์ก็เดินมาคว้าแขนเขา
“ไปกันรึยังคะนนท์ นิตาร้อน”
ไม่รอคำตอบ เอนิตาดึงแขนณนนท์ไปทันที สุดยอดยักคิ้วให้ยาหยีอย่างกวนๆ ส่วนเท่งจูงไข่ตุ๋นเดินตามทุกคนเข้าบ้านพักไป
ขณะณนนท์รื้อเสื้อผ้าและของเล่นของไข่ตุ๋นออกจากกระเป๋า เอนิตาเดินกรีดกรายไปมาในห้องอย่างเรียกร้องความสนใจ แล้วก็มาลงนั่งมองหน้าเขา
“เมียตัวเองละไม่ยอมมอง ทีเมียคนอื่นล่ะมองจัง”
“คุณพูดอะไรของคุณ”
“ฉันเห็นสายตาคุณนะเวลามองยัยยี่หวาผัวทิ้งนั่น”
“เพ้อเจ้อ”
“นี่ถามหน่อยสินนท์ ตอนที่ยัยยี่หวาเค้าระริกระรี้กับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตาคุณน่ะ ไม่เจ็บใจบ้างเหรอ”
“ไม่หรอก ตอนเห็นเมียตัวเองเดินออกมาจากโรงแรมกับผู้ชายคนอื่นเจ็บใจกว่าเยอะ ทั้งเจ็บทั้งอายแทน”
“นนท์!” เอนิตาขึ้นเสียงด้วยความโมโห พร้อมๆกับไข่ตุ๋นโผล่พรวดเข้ามา
“พ่อกับแม่คุยอะไรกันเหรอคะ เสียงดังออกไปข้างนอกเลยค่ะ”
“เปล่าลูก ไม่มีอะไร” ณนนท์ยิ้มกลบเกลื่อน
“แม่ขา...ไข่ตุ๋นอยากขับรถเล่น แม่ไปเล่นกับไข่ตุ๋นนะคะ”
“ร้อนจะตาย จะออกไปเล่นทำไมตอนนี้ ชวนอายอดไปเล่นไป๊”
“แต่ไข่ตุ๋นอยากเล่นกับแม่นี่คะ นะๆๆ” ไข่ตุ๋นอ้อนวอน กลับโดนแม่ตวาดแว้ดเข้าให้
“เอ๊ะ ไข่ตุ๋น บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ดื้อมากๆแม่ไม่รักนะ”
ไข่ตุ๋นผงะตกใจทำท่าจะร้องไห้ ณนนท์จ้องเอนิตาตาเขียว พลันท่าทีเอนิตาก็เปลี่ยนกะทันหัน เข้ามาโอบกอดลูกสาวราวกับรักปานจะกลืน
“โอ๋ลูก...แม่บอกว่าไม่ ก็คือไม่ปฏิเสธจ้ะ ไปๆๆ ไปเล่นรถกันค่ะ”
ooooooo
ที่ลานด้านนอก ยาหยีขี่ม้าอย่างอารมณ์ดี...ห่างออกไปไม่มากนัก สุดยอดนั่งอยู่บนรถเอทีวี พอเขา
สตาร์ตรถเกิดมีเสียงดังเหมือนระเบิด ทำให้ม้าที่ยาหยีขี่ตกใจวิ่งพล่าน เป็นเหตุให้ยาหยีเกือบตกจากหลังม้าถ้าใครคนหนึ่งเข้ามาช่วยไว้ไม่ทัน
ก้องนั่นเอง! เขาโผล่มาจากทางไหนไม่รู้ แต่มันทำให้สุดยอดทั้งเซ็งทั้งหงุดหงิด ในขณะที่ยาหยีมองก้องประหลาดใจ
“สวัสดีครับน้องหยี พอผมเห็นน้องหยีเขียนในเฟซบุ๊กว่ามาพักที่นี่ ผมก็รีบตามมาเลย”
“แต่ที่พักเต็มหมด แล้วพี่ก้องพักที่ไหนล่ะคะ”
“พักที่ฟาร์มครับ ฟาร์มของคุณพ่อผมอยู่ใกล้ๆนี่เอง พรุ่งนี้น้องหยีไปเที่ยวที่ฟาร์มผมสิครับ ผมจะพาไปดูม้ากับโคนมที่ผมเลี้ยงไว้”
“พรุ่งนี้พี่ยี่หวาจะพาแม่ไปไหว้พระ หยีขอพาข้าวตูไปที่ฟาร์มพี่ก้องด้วยได้มั้ยคะ ข้าวตูจะต้องชอบแน่ๆเลย”
“เอาสิครับ สำหรับน้องหยีแล้วผมจัดเต็มตลอดเลยครับ”
ยาหยีแย้มยิ้มอย่างน่ารัก สุดยอดเห็นแล้วหงุดหงิดระคนอิจฉา พอก้องประคองยาหยีลงจากม้า เขายิ่งหมั่นไส้และหึงหวงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“สวัสดีครับคุณสุดยอด ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ...ว่าจะเจอคุณที่นี่”
“เหรอครับ แต่ผมไม่ยักกะแปลกใจเลยที่เจอคุณที่นี่ ใครๆเค้าก็พูดครับว่าเห็นยาหยีที่ไหน ก็ต้องเห็นคุณก้องที่นั่น ตัวติดกันยังกับปาท่องโก๋”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เราก็แค่คุยๆกันศึกษากัน ไว้รอให้น้องหยีเปิดหัวใจให้ผมเมื่อไหร่ รับรองเลยว่าปาท่องโก๋ยังต้องอายคู่เรา จริงมั้ยครับน้องหยี” ก้องหันมาทำตาหวานซึ้งใส่ยาหยี ฝ่ายยาหยีก็แกล้งยิ้มหวานฉ่ำให้เขา
“พี่ก้องพูดอย่างงี้ หยีก็เขินแย่สิคะ”
สุดยอดหมั่นไส้จนทนดูไม่ได้ หันไปมองม้า แสร้งเอ่ยว่า “เอ...ม้านี่มีเห็บมั้ยครับ”
“ม้ามีเห็บด้วยเหรอคะ”
“มีครับ เห็บเป็นพาราไซส์คอยเกาะดูดเลือดในตัวสัตว์ แต่ที่นี่คงไม่มีหรอกครับ เพราะเค้าดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ ถ้าเป็นม้าป่าก็อาจจะมี”
“งั้นพวกที่ชอบทำตามเกาะแกะตามติดก็เรียกว่าเห็บได้สิครับ...เออ นี่คุณ หมั่นอาบน้ำทำความสะอาดตัวซะบ้างนะ จะได้ไม่มีเห็บมาตามเกาะแกะ” สุดยอดทิ้งระเบิดให้ยาหยี แล้วเดินผละไปหน้าบูดบึ้ง ก้องมองตามอย่างงุนงง ในขณะที่ยาหยีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ
“นี่เค้าว่าผมเป็นเห็บเหรอครับ”
“อย่าไปสนใจเค้าเลยค่ะ อีตานี่น่ะ...โรคจิต!”
ooooooo
ยี่หวากับเอนิตามีเหตุทะเลาะวิวาทกันอีกครั้ง เมื่อลูกๆของพวกเธอต้องการขับรถเล่น แต่รถเอทีวีมีเหลือแค่คันเดียว ซึ่งยี่หวามาเช่ากับพนักงานก่อน แต่เอนิตาอุ้มไข่ตุ๋นขึ้นไปนั่งจองเอาไว้
สองฝ่ายทุ่มเถียงก่อนทะเลาะแย่งกุญแจรถกันจ้าละหวั่น แต่ไข่ตุ๋นกลับกวักมือเรียกข้าวตูขึ้นมานั่งบนรถด้วยกัน เอนิตาเข้าใจผิดคิดว่าข้าวตูจะแย่งลูกของตนเล่น จึงดันข้าวตูตกลงจากรถร้องไห้จ้า
ยี่หวาเดือดดาลเป็นที่สุด ตำหนิเอนิตายกใหญ่ ก่อน ตัดสินใจพาสองฝ่ายมาตกลงกันให้แข่งกีฬาวัดใจ ถ้าใครแพ้ คนนั้นต้องออกไปหาที่พักที่อื่น
“พวกผมมีแต่ผู้ชาย แข่งไปก็หาว่าเอาเปรียบผู้หญิงน่ะสิครับ” สุดยอดแย้ง
“ถ้าเก่งจริงฉันไม่กลัวหรอกนะ กลัวจะเก่งแต่ปาก” ยาหยีโต้ทันควัน แล้วสองคนก็แยกเขี้ยวใส่กัน แต่เท่งยังพยายามจะไกล่เกลี่ย
“ผมว่าทางพวกคุณขอโทษแล้วเราก็ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ มะรืนก็กลับแล้ว”
“ขอโทษ? ทำไมเราต้องขอโทษ พวกคุณน่ะสิควรจะต้องขอโทษเราถึงจะถูก เพราะหลานคุณผลักหลานฉันตกจากรถ” บุญเลื่องย้อนเสียงขุ่น
“แต่นิตาบอกว่าข้าวตูตกลงมาจากรถเองนี่ครับ” ณนนท์เอ่ยเรียบๆ แต่เอนิตาเสริมขึ้นอย่างมีอารมณ์
“ใช่ค่ะ ข้าวตูตกลงมาเองแต่คุณยี่หวาเค้าหาว่าไข่ตุ๋นผลัก เค้าก็เลยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จะเข้ามาตีไข่ตุ๋นด้วยนะคะ ดีนะที่นิตาห้ามไว้ ไม่งั้นไข่ตุ๋นคง...”
“เลิกโกหกได้แล้ว ที่นี่ไม่มีนักข่าว ไม่มีทีวี ไม่ต้องสร้างภาพให้เสียเวลา” ยี่หวาสวนอย่างฉุนจัด
“ฉันไม่ได้สร้างภาพ ฉันพูดเรื่องจริง”
“พี่ยี่หวาอย่าไปเสียเวลาเลยค่ะ คุณนิตาเค้าสร้างภาพเฉพาะเวลามีคลิปฉาวเท่านั้นล่ะค่ะ ส่วนสตรอเบอร์รี่ที่เราเห็นกันสดๆเต็มไร่น่ะ ของจริงทั้งนั้นค่ะ”
เอนิตาโมโหกระโจนเข้าใส่ยาหยีกับยี่หวา ณนนท์กับสุดยอดต้องรีบคว้าตัวไว้ และในที่สุดณนนท์ก็ตกลงแข่งกีฬาวัดใจ โดยเน้นย้ำกติกาตามที่ยี่หวาบอกแต่แรกว่า
“ถ้าใครแพ้ คนนั้นต้องย้ายออก!”
ooooooo
การแข่งขันแบ่งเป็นสองทีม ณนนท์กับสุดยอด และยี่หวากับยาหยี ทั้งสี่คนใส่ชุดทะมัดทะแมง โดยเริ่มเกมแรกคือแข่งรถเอทีวี สองฝ่ายแข่งขันเอาจริงเอาจังท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนในครอบครัว ผลปรากฏว่าฝ่ายหญิงชนะฝ่ายชายไปอย่างฉิวเฉียด
หลังจากนั้นเริ่มแข่งเกมต่อๆไป แต่ยิ่งแข่งสองฝ่ายก็รู้สึกสนุก แทบไม่หลงเหลือความแก่งแย่งห่ำหั่น มีแต่เสียงหัวเราะดังลั่นไปหมด แม้แต่กองเชียร์ ยกเว้นเอนิตาคนเดียวที่เบื่อหน่ายแทบจะออกจากข้างสนาม ถ้าไม่มีไข่ตุ๋นคอยคะยั้นคะยอให้อยู่
พอเบื่อมากเข้า เอนิตาหยิบบีบีขึ้นมากดแช็ตเล่น จึงไม่ทันเห็นไข่ตุ๋นที่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อจะเชียร์พ่อกับอาที่แข่งเกมอยู่ค่อนข้างไกล โดยที่ข้าวตูยังยืนอยู่โคนต้นไม้
“เห็นชัดแจ๋วเลยข้าวตู ขึ้นมาสิ”
“ไม่เอาหรอก มันสูง”
“ขี้ขลาด ปีนต้นไม้แค่นี้ก็กลัว” ไข่ตุ๋นแลบลิ้นใส่ข้าวตู
เอนิตาเงยหน้าจากบีบีไปเห็นลูกสาวเข้าก็โวยวายเสียงเขียว “ไข่ตุ๋น ขึ้นไปทำไม ลงมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่เอา ไข่ตุ๋นจะดูพ่อ”
“เอ๊ะ แม่บอกให้ลงมาก็ลงมาสิ ถ้าตกลงมา พ่อแกก็มาว่าฉันอีก”
“ไข่ตุ๋นไม่ตกหรอกค่ะแม่ ปีนต้นไม้แค่นี้สบายมาก”
“แม่บอกแล้วใช่มั้ยถ้าดื้อแม่จะไม่รัก อยากอยู่บนนั้นก็ตามใจ แม่ไปแล้วนะ”
เอนิตาหันหลังออกเดิน ไข่ตุ๋นตาลีตาเหลือกกลัวแม่ไม่รัก ตะโกนเรียกพร้อมกับตะเกียกตะกายลงมา เป็นเหตุให้พลัดร่วงจากต้นไม้ถึงกับสลบเหมือด
ooooooo
ณนนท์รีบพาลูกสาวส่งโรงพยาบาล โดยมีทุกคนทั้งครอบครัวของเขาและครอบครัวยี่หวาตามมาด้วยความร้อนรนเป็นห่วงไข่ตุ๋น
ทันทีที่ไข่ตุ๋นถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เอนิตาทำท่าจะตามเข้าไป แต่ณนนท์รีบดึงแขนเธอไว้
“ฉันจะไปดูลูกฉัน มาห้ามฉันทำไม”
“นิตา...เค้าไม่ให้เข้า รออยู่ข้างนอกนี่แหละ”
“ไข่ตุ๋น อย่าเป็นอะไรนะลูก” เอนิตาคร่ำครวญน้ำตาซึมเอ่อ แล้วหันไปชี้กราดใส่กลุ่มของยี่หวา แผดเสียงอย่างโกรธแค้น
“เพราะพวกเธอ พวกเธอทำให้ลูกฉันเป็นแบบนี้”
“นิตา! เลิกโทษคนอื่นซะทีได้มั้ย” ณนนท์ขึ้นเสียงเครียดๆ
“ถ้าพวกนี้ไม่มาท้าแข่งกีฬาบ้าๆบอๆ ไข่ตุ๋นจะตกต้นไม้เหรอ คอยดูนะ ถ้าไข่ตุ๋นเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะให้ตำรวจมาลากแกเข้าคุกให้หมดเลย”
“อยากมีเรื่องก็เอาซิ แต่ตอนนักข่าวถามน่ะ ก็บอกไปเลยว่าตอนไข่ตุ๋นตกจากต้นไม้ คุณมัวแต่แช็ตบีบีคุยกับกิ๊กจนไม่ได้ดูลูก”
โดนยาหยีแฉกลับ ทำให้เอนิตาโกรธจี๊ดถลาจะเข้าไปตบยาหยี ณนนท์กับสุดยอดต้องช่วยกันล็อกตัวเธอไว้
“ปล่อยฉัน ปากงี้ต้องตบให้ฟันร่วง” เอนิตาดิ้นรน
“เก่งนักก็เข้ามาสิ”
“หยี...ไม่เอาน่ะ” ยี่หวาปรามน้อง
“แล้วจะปล่อยให้เค้าว่าเราอยู่ข้างเดียวเหรอคะ”
“คุณนิตาเค้ากำลังตกใจเรื่องลูก อย่าถือเค้าเลยน่า”
ยาหยียอมสงบปาก แต่เอนิตายังโมโหฮึดฮัดสะบัดไปมาจนณนนท์ต้องขึ้นเสียงเป็นครั้งที่สอง
“นิตา ตั้งสติหน่อย...เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ ผมก็ไม่ได้โทษว่าคุณดูแลลูกไม่ดี ทางครอบครัวคุณยี่หวาก็ไม่เกี่ยว ไข่ตุ๋นเป็นเด็กซน เรื่องแบบนี้มันย่อมเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว”
“งั้นก็เพราะคุณ นายด้วยสุดยอด พ่อก็ด้วย”
เอนิตาพาลเหมารวมทั้งครอบครัว เท่งกับสุดยอดพากันงง ถามว่าพวกตนผิดอะไรด้วย
“สอนลูกฉันให้เป็นทโมนแบบนี้ ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าผิดอะไร”
“ทำไงได้ล่ะครับ ไข่ตุ๋นไม่มีแบบอย่างผู้หญิงดีๆให้เอาอย่างนี่ครับ ผู้หญิงใกล้ตัวที่สุดก็แม่ แล้วแม่ไข่ตุ๋นก็...” สุดยอดไม่พูดต่อ แต่เหยียดปากใส่พี่สะใภ้
เท่านั้นเอง เอนิตากรี๊ดกระจายจะเข้าทำร้ายสุดยอด แต่ถูกณนนท์กระชากไหล่ด้วยความโมโห
“นิตา เงียบซะทีได้มั้ย ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างรึไง”
“ไม่อาย ทำไมฉันต้องอาย”
“คุณไม่อาย แต่ผมอาย ถ้าไข่ตุ๋นยืนอยู่ตรงนี้ ไข่ตุ๋นก็ต้องอายที่มีแม่แบบนี้”
“นนท์!”
“แล้วถ้าคุณไม่เงียบ ผมจะให้คุณกลับไปรอที่บ้านพัก”
เอนิตาอ้าปากจะกรี๊ด แต่แล้วไม่กล้าเพราะณนนท์เอาจริง บีบต้นแขนเธออย่างแรง...ที่สุดเอนิตาก็ถอยมานั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้อง
“แม่ว่าบ้านเราก็วุ่นแล้วนะ บ้านนั้นเค้าวุ่นกว่าเราอีกนะเนี่ย” บุญเลื่องกระซิบกับยี่หวา แต่ยี่หวาไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่มองณนนท์ด้วยความสงสารและเห็นใจ
ooooooo
ผ่านไปสักพัก ไข่ตุ๋นถูกย้ายไปห้องพักคนไข้ทั้งที่ยังไม่ฟื้น ณนนท์กับเอนิตาใจคอไม่ดีเข้ามาฟังหมอรายงานผลตรวจ
“หมอเช็กดูแล้วนะคะ ไม่มีรอยช้ำ ไม่มีเลือดคั่งในสมอง ไม่มีกระดูกตรงไหนแตกหัก มีแต่รอยฟกช้ำ เพียงแต่ยังไม่ได้สติ หมออยากให้นอนพักรอดูอาการสักวันค่ะ”
“ไข่ตุ๋นจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะคุณหมอ”
“หมอก็ยังตอบไม่ได้ค่ะ ต้องรอดูอาการตอนฟื้นค่ะ”
“แล้วไข่ตุ๋นจะฟื้นตอนไหนคะหมอ แล้ว...แล้วถ้า
ไข่ตุ๋นไม่ฟื้นล่ะคะ”
“หมอก็ไม่ทราบค่ะ ก็คงต้องรอ”
“ถามอะไรก็ไม่รู้ๆ ตกลงเป็นหมอจริงรึเปล่าเนี่ย”
“นิตา...” ณนนท์ปรามพร้อมทำตาดุใส่ แล้วหันไปพูดกับหมอ “ผมขอโทษแทนภรรยาผมด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หมอเข้าใจ ถ้าน้องฟื้นเมื่อไหร่ รีบแจ้งพยาบาลเลยนะคะ”
“ขอบคุณมากครับหมอ”
หมอออกไปแล้ว ณนนท์มองไข่ตุ๋นซึ่งยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างหนักใจ ส่วนนอกห้องทุกคนยังกระสับกระส่ายไม่สบายใจ
“ไข่ตุ๋นฟื้นหรือยังยอด”
“ยังเลยครับพ่อ”
คำตอบของสุดยอดทำให้ทุกคนหน้าสลด ข้าวตูหันมาถามยี่หวาอย่างกลัวๆ
“แม่ครับ ถ้าไข่ตุ๋นไม่ตื่น แปลว่าไข่ตุ๋นจะตายเหรอ ครับแม่”
“ไม่ตายหรอกลูก ไข่ตุ๋นเค้าไม่สบาย ต้องนอนพักผ่อน เยอะๆ อีกเดี๋ยวก็ตื่นแล้วล่ะ”
“ข้าวตูเป็นห่วงไข่ตุ๋น ถ้าไข่ตุ๋นไม่ตื่น ข้าวตูก็ไม่รู้จะเล่นกับใคร”
“งั้นข้าวตูก็ต้องสวดมนต์แบบที่ยายสอน ขอพระให้ช่วยให้ไข่ตุ๋นตื่นไวๆสิลูก”
“ครับ” ข้าวตูรีบหลับตา พนมมือท่องบทสวดมนต์
“ได้กำลังใจดีอย่างงี้ ไม่นานไข่ตุ๋นก็ฟื้นแล้วล่ะข้าวตู” เท่งพูดยิ้มๆ ข้าวตูเดินมาหาจับมือเท่งพนม บอกให้ช่วยกันสวดมนต์ไข่ตุ๋นจะได้ตื่นเร็วๆ “เอางั้นเรอะ โอเคๆ”
เท่งกับข้าวตูสวดมนต์พร้อมกันเสียงแจ้วๆ สุดยอดกับยาหยีเห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
ooooooo
ในห้อง ไข่ตุ๋นนอนหลับไม่ได้สติ ณนนท์นั่งมองด้วยความเป็นห่วง ส่วนเอนิตาจับมือลูกสาวขึ้นมาหอม...รำพึงรำพันเสียงเครือๆ
“ไข่ตุ๋น...ไข่ตุ๋นฟื้นสิลูก ถ้าไข่ตุ๋นฟื้นแม่สัญญาว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีของไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นอยากไปไหนอยากได้อะไร แม่จะให้ลูกทุกอย่างเลย แม่สัญญา”
“นิตา คำสัญญาของคุณทำร้ายหัวใจลูกมาไม่รู้กี่ครั้ง ทางที่ดีคุณอย่าสัญญาดีกว่า ถ้าคุณทำไม่ได้”
“เอ๊ะ นนท์นี่ยังไงนะ ใจคอจะไม่ให้โอกาสคนสำนึกผิดบ้างเลยเหรอ”
“คุณก็รู้ว่าผมให้โอกาสคุณมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่คุณเองนั่นแหละที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของโอกาสที่ผมกับลูกให้กับคุณ กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ผมว่าเราคงต้องคุยกันจริงๆจังๆซักที”
“คุยกัน? คุยกันเรื่องอะไร”
“เรื่องหย่า”
“หย่า! คุณจะหย่ากับฉันไม่ได้ ฉันรักคุณนะนนท์”
“คุณไม่ได้รักผมหรอก คุณรักเงินของผมต่างหาก”
“ไม่จริง ฉันรักคุณ...ฉันรักลูก”
“แต่คุณรักตัวเองมากกว่า”
“ใครๆก็รักตัวเองทั้งนั้นล่ะ ถ้าไม่รักก็คงตายๆกันไปหมดโลกแล้วมั้ง”
“ใช่ ใครก็รักตัวเอง ผมก็รัก แต่มันต้องไม่ใช่รักจนเห็นแก่ตัวแบบคุณ”
“ฉันเนี่ยนะเห็นแก่ตัว ฉันอุ้มท้องยัยไข่ตุ๋นตั้งเก้าเดือน เก้าเดือนเต็มๆที่นางแบบอย่างฉันต้องอ้วนเบอะบะน่าเกลียด คุณยังจะว่าฉันเห็นแก่ตัวอีกเหรอ”
“ซึ่งมันเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้ลูกรักคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่วันไหนที่ไข่ตุ๋นเริ่มใช้เหตุผลกับความรัก ถึงวันนั้นคุณอย่าเสียใจแล้วกันว่าทำไมลูกถึงไม่รักคุณ”
เอนิตานิ่งอึ้ง ทันใดเสียงไข่ตุ๋นเรียกแม่ดังขึ้นมา หลับตาพูดเหมือนคนละเมอ
“แม่อย่าทิ้งไข่ตุ๋นไปนะคะ ไข่ตุ๋นไม่ดื้อกับแม่แล้ว ไข่ตุ๋นรักแม่”
“แม่ก็รักไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นต้องฟื้นมาคุยกับแม่นะลูก”
แล้วไข่ตุ๋นก็เรียกหาพ่อ บอกพ่ออย่าใจร้ายกับแม่ พ่อต้องไม่หย่ากับแม่ พ่อกับแม่ต้องสัญญาว่าจะรักกันมากๆ
“พ่อสัญญา”
“แม่ก็สัญญาจ้ะ”
รับปากลูกไปแล้ว ณนนท์เริ่มเอะใจ หรี่ตามองไข่ตุ๋นพลางแกล้งพูดขึ้นว่า
“แล้วพ่อก็สัญญาว่าจะให้ไข่ตุ๋นกินไอติมก่อนนอนทุกคืนด้วย”
“เย้! จริงๆนะคะพ่อ” ไข่ตุ๋นส่งเสียงลั่น ลืมตาโพลง
“ร้ายจริงๆนะเรา” ณนนท์ส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของลูกสาว
ไข่ตุ๋นหัวเราะชอบใจ แล้วกอดหอมพ่อกับแม่เป็นการใหญ่ ยี่หวาเปิดประตูเข้ามาเห็น ดีใจที่ไข่ตุ๋นฟื้นแล้ว แต่ไม่กล้าส่งเสียง ปล่อยให้ครอบครัวได้แสดงความรักต่อกันอย่างเต็มที่
ooooooo
หลังจากนั้นณนนท์โทร.ส่งข่าวน้องชายที่กลับรีสอร์ตไปก่อนพร้อมพ่อ แจ้งข่าวดีว่าไข่ตุ๋นฟื้นแล้ว และให้แวะมารับพวกตนด้วย
“ได้ครับพี่นนท์ พอผมกินข้าวเย็นกับพ่อเสร็จ ผมจะไปรับพี่กับไข่ตุ๋นที่โรงพยาบาล แต่หมอเช็กว่าปลอดภัยชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนะพี่...โอเคเลยครับ เดี๋ยวเจอกัน”
สุดยอดวางสาย พลันสายตาเหลือบไปเห็นก้องหิ้วตะกร้าใบใหญ่เดินเข้าไปในบ้านพักกับยาหยี
“เข้าไปทำอะไรกัน” สุดยอดพึมพำสงสัย...
แล้วอีกไม่นานนัก เขาก็ตรงดิ่งไปพบผู้จัดการรีสอร์ต แจ้งว่าเห็นผู้ชายใช้กำลังลากผู้หญิงเข้าไปในบ้าน คาดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
สุดยอดคิดจะทำลายความสุขคนอื่น แต่เขาเข้าใจผิดถนัด ยาหยีกับก้องไม่ได้เข้าไปทำสวีตหวานอะไรกันเลย และตอนนี้ก้องก็กลับไปแล้วด้วย เหลือแต่ยาหยีที่นั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานแสนอร่อยที่ก้องเอามาให้...กับข้าวตูที่กระโดดโลดเต้นอยู่บนเตียง
ยาหยีเดือดมากที่สุดยอดคิดอกุศล พอผู้จัดการกลับออกไป เธอก็ลากสุดยอดออกไปฉะนอกบ้านไม่ให้ข้าวตูเห็น
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ คุณนึกว่าฉันกับพี่ก้องจะ...จะทำอะไรกันอยู่รึไง”
“ก็ใช่น่ะสิ ผมกลัวพวกคุณจะทำอะไรบัดสีบัดเถลิง”
“ตัวของฉัน ห้องของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
สุดยอดชะงักไปนิด รีบหาข้อแก้ตัว “เกี่ยวสิ คุณเป็นพิธีกรรายการของผม ถ้าเป็นข่าวฉาวโฉ่หน้าหนึ่ง รายการผมก็เสียหาย คุณรับผิดชอบรึเปล่าล่ะ”
“มันจะเสียหายได้ยังไง ฉันกับพี่ก้องเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย แล้วอีกอย่างนะ เป็นข่าวขึ้นมาก็ดีซะอีก รายการจะได้ดังๆ คุณไม่เห็นน้องเพิร์ลลี่ของคุณเหรอ ขยันสร้างข่าวจะตายไป แล้วถ้าฉันเป็นข่าวกับพี่ก้องบ้าง ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
“เป็นสิ ผมไม่อยากให้คุณเป็นข่าวกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น นอกจากผม!” เขาหลุดความในใจ แถมดึงเธอเข้ามาจูบรวดเร็ว ก่อนเอ่ยปากขอโทษแล้วเดินหนีไปทันที ทิ้งให้ยาหยียืนอึ้ง ใจเต้นระรัวอยู่ตรงนั้น...
ooooooo
ขณะเดียวกันนั้น ภูมิชายกำลังพายี่หวาเดินลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ภายในรีสอร์ต
“ต้นไหนคะ ที่คุณภูมิอยากได้”
“ต้นนี้เลยครับ”
“อ๋อ ต้นแก้วป่าค่ะ ลำต้นจะใหญ่กว่าต้นแก้วบ้านมาก ดอกก็จะหอมแรงกว่า สั่งได้ค่ะ ฉันมีแหล่งสั่งซื้อ คุณจะให้ฉันเอาไปลงให้ที่บ้านหรือบริษัทดีคะ”
“ที่บ้านเลยครับ ผมชอบกลิ่นหอมของมันมาก หอมเย็นๆ ชวนให้นึกถึงผู้หญิงสวยๆเย็นๆเสียงหวานๆเหมือนคุณยี่หวานี่ล่ะครับ”
ยี่หวาชะงักเล็กน้อย พยายามเน้นแต่เรื่องงงาน “คุณจะให้ฉันเอาต้นไม้เข้าไปที่บ้านวันไหนก็โทร.บอกได้เลยนะคะ”
“เสาร์หน้าเลยก็ได้ครับ ผมอยู่บ้าน จะได้ชวนคุณทานข้าวที่บ้านด้วย”
“อย่าเลยค่ะ เกรงใจ”
“ห้ามปฏิเสธครับ คุณจัดสวนให้ผมสวยถูกใจผมมาก ไม่เลี้ยงขอบคุณไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ฉันก็ทำตามหน้าที่”
“ไม่รู้ล่ะครับ ถ้าคุณปฏิเสธ ผมถือว่าคุณไม่ให้เกียรติผม”
“ค่ะ ก็ได้ค่ะ” ยี่หวารับคำอย่างอึดอัดใจ แล้วเดินไปส่งเขาที่รถ
“เสียดาย ผมมีงานต่อที่กรุงเทพฯ ไม่งั้นผมจะพาคุณกับข้าวตูไปทานข้าวร้านอร่อยใกล้ๆรีสอร์ต”
“แค่ยกบ้านพักให้ทั้งหลังก็รบกวนคุณภูมิมากพอแล้วล่ะค่ะ”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าสำหรับคุณยี่หวา ผมเต็มใจเสมอ”
ภูมิชายพยายามส่งสายตาหวานซึ้ง ยี่หวารู้ว่าเขาจีบแต่ก็ทำตัวปกติ ยิ้มบางๆให้เขา
“ขอบคุณค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ครับ เจอกันที่กรุงเทพฯนะครับ”
ภูมิชายขึ้นรถขับออกไป ยี่หวาถอนหายใจโล่งอก พอเธอเดินกลับมาทางล็อบบี้ ไม่คาดคิดว่าจะเจอวสันต์ควงแขนเพิร์ลลี่เข้ามา โดยมีชม้อยเดินยิ้มหน้าบานอยู่ข้างๆ
“เสียดายที่คุณแม่ไม่บอกผมก่อนว่าอยากมาพักต่างจังหวัด ผมจะได้พาไปพักที่เกาะส่วนตัวของผม” วสันต์คุยโว...ฝ่ายชม้อยตาโตด้วยความโลภ
“เกาะส่วนตัวเลยเหรอคะ วันหลังก็ได้ค่ะ พอดีมะรืนน้องเพิร์ลลี่เค้าต้องถ่ายแบบแถวนี้ คุณแม่ก็เลยอยากพาน้องมาพักผ่อนก่อนซักวันสองวัน นี่ห้องพักเต็มหมดนะคะ แต่คุณแม่เป็นเพื่อนกับเจ้าของค่ะ เค้าก็เลยหาห้องให้เราจนได้ ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะคะเนี่ย”
“ขอบคุณนะครับที่ชวนผมมาด้วย”
ยี่หวายืนมองพวกเขาอยู่เงียบๆ แต่ข้าวตูที่เดินมากับบุญเลื่องส่งเสียงเรียกพ่อดังลั่นด้วยความดีใจ
“พ่อคร้าบ...ข้าวตูคิดถึงพ่อที่สุดในโลกเลย”
ทันใด ยี่หวาก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าตึงๆ วสันต์เห็นเข้าก็ทำหน้าไม่ถูก
“คุณจะไปมีผู้หญิงที่ไหนฉันไม่ว่า แต่คุณกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าลูกได้ยังไง” ยี่หวาต่อว่าวสันต์เบาๆ แต่สีหน้าขึงขังจริงจัง
“ผมจะไปรู้เหรอว่าคุณจะมาที่นี่”
“ฉันโทร.ชวนคุณแล้ว แต่คุณบอกว่าติดงาน มาไม่ได้... เนี่ยเหรอ งานของคุณ”
วสันต์หงุดหงิดหัวเสีย เพิร์ลลี่กับชม้อยนั่งฟังอยู่ไม่ห่างลอบยิ้มสะใจ ด้านบุญเลื่องหมั่นไส้สองแม่ลูก เปรยขึ้นมาลอยๆ
“เฮ้อ คนสมัยนี้ก็นะ เลี้ยงลูกยังไงให้แย่งสามีชาวบ้านเค้า สังคมมันถึงไม่เจริญเพราะคนพวกนี้แหละ”
“คุณก็บอกให้ลูกคุณหย่ากับวสันต์ซะสิคะ ผู้ชายเค้าทิ้งแล้วก็ยังดันทุรังหนีบทะเบียนสมรสอยู่ได้” ชม้อยโต้ตอบพลางยิ้มเย้ย ยี่หวาโกรธเลือดขึ้นหน้า แต่ไม่อยากมีเรื่องให้อายคน หันไปพูดกับแม่ว่า
“ไปกันเถอะค่ะแม่ ขืนอยู่ยี่หวาคงได้ฆ่าคนแน่ๆค่ะ”
พูดเสร็จก็เดินไปจูงมือข้าวตูที่ยืนรออยู่มุมหนึ่ง ส่วนวสันต์หันมามองชม้อยกับเพิร์ลลี่ด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“ผมไม่รู้จริงๆครับว่าเค้ามาพักที่นี่”
สองแม่ลูกแกล้งฮึดฮัดหงุดหงิด แต่พอวสันต์หันหลังให้ ก็พากันยิ้มแย้มชอบใจ
ooooooo
พลบค่ำ ณนนท์เดินมาเห็นยี่หวานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เขารู้สึกสงสารและเห็นใจ เดินเข้าไปยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอซับน้ำตา
“ร้องออกมาเถอะครับ...ร้องให้พอ หัวใจคนมันก็เหมือนเขื่อนแหละครับ เก็บกักอะไรไว้มากๆ เขื่อนมันก็แตกได้เหมือนกัน”
“ฉันพยายามแล้ว ฉันไม่อยากให้ลูกต้องเจอปัญหาครอบครัวแตกแยก แต่เขาไม่เคยช่วยฉันเลย เขาไม่เคยรักลูก ไม่เคยรักครอบครัว ฉันไม่รู้ว่าฉันเลือกคนแบบนี้มาเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ยังไง”
“การเลือกคู่มันก็เหมือนรองเท้าแพงๆแหละครับ ตอนเจอที่ร้าน เราก็นึกว่าเราเลือกดีแล้ว ลองใส่แล้วสวย ใส่สบาย แต่พอซื้อกลับมาใส่จริงๆ มันก็อาจจะกัดใส่แล้วเดินไม่สบายบ้าง จะทิ้งก็เสียดาย จะใส่ต่อก็ทรมาน แต่ถึงวันนึงเราก็ต้องตัดใจโยนทิ้ง เพราะมันต้องมีรองเท้าคู่อื่นที่ใส่สบายแล้วเหมาะกับเรารอเราอยู่ที่ไหนซักแห่ง”
“ฉันก็หวังว่าคงมีซักวันที่ฉันต้องตัดใจโยนเขาทิ้งไปจากชีวิตฉันซักที...แต่วันนี้ฉันเหนื่อยจัง”
“เหนื่อยก็ไปนอนพักเถอะครับ พรุ่งนี้เราค่อยเริ่มกันใหม่”
“ฉันขอนั่งอยู่ตรงนี้ซักพักเถอะค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ให้กำลังใจ”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณจะอยู่ตรงนี้ ผมก็จะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
สองคนสบตากันด้วยความรู้สึกดีๆ เข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น...ทางด้านนายสุดยอด ยามนี้เขากำลังสับสนว้าวุ่นใจ หลังจากเมื่อเย็นไปพลั้งปากพูดความในใจกับยาหยี แถมยังจูบเธอเข้าให้ด้วย
“เราทำอะไรไปเนี่ย หรือว่าเราจะตกหลุมรักยัยตัวแสบเข้าแล้ว” เขาพึมพำกับตัวเอง...พลันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นทางด้านหลัง
“พี่ยอด...พี่ยอดขา...”
เพิร์ลลี่นั่นเอง เธอวิ่งฉีกยิ้มเข้ามาเกาะแขนสุดยอดด้วยความดีใจ
“เพิร์ลลี่...มาได้ยังไงเนี่ย”
“เพิร์ลลี่มาพักผ่อนกับคุณแม่ค่ะ แหม...เซอร์ไพรส์ที่สุดที่ได้เจอพี่ยอดที่นี่”
“พี่ก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน”
“พี่ยอดไปนั่งคุยกับเพิร์ลลี่ที่ห้องดีกว่าค่ะ ตรงนี้ยุงเยอะ ร้อนก็ร้อน”
“อย่าเลยครับ พี่อยากคิดอะไรเงียบๆคนเดียวน่ะครับ ขอตัวนะ” สุดยอดเดินหนีหน้าตาเฉย ทำเอาสาวเจ้าเหวอรับประทาน บ่นอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่ยอดนะพี่ยอด เป็นอะไรของเค้านะ”
ooooooo










