ตอนที่ 17
ค่ำคืนนี้ เอนิตากลับเข้าบ้านแล้วล็อกกุญแจแน่นหนาก่อนเอาลูกกุญแจเก็บไว้ในกระเป๋ามิดชิดเพราะกลัวไข่ตุ๋นจะแอบหนีออกไปจากบ้าน
แต่ความระแวดระวังของเอนิตาก็ไม่ทำให้ไข่ตุ๋นละความพยายามที่จะหนีกลับไปหาพ่อ...เมื่อเห็นแม่เพิ่งกลับเข้ามา ไข่ตุ๋นรีบลุกจากจอทีวีวิ่งเข้าไปอ้อน
“แม่กลับมาแล้วเหรอคะ แม่เหนื่อยมั้ย เดี๋ยวไข่ตุ๋นเอาน้ำมาให้”
เอนิตาวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะแล้วมองตามไข่ตุ๋นที่เดินหายเข้าไปในครัวครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้ว
“เอ๊ะ วันนี้เป็นอะไรเอาใจแม่เหลือเกิน”
“ก็ไข่ตุ๋นรักแม่นี่คะ”
“แล้วไม่รักพ่อเราแล้วเหรอ วันก่อนยังร้องหาอยู่เลย”
“พ่อ...ไข่ตุ๋นก็รัก แต่วันนี้รักแม่มากกว่า”
“น่าจะคิดแบบนี้ได้ตั้งนานแล้วนะเรา จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย”
ไข่ตุ๋นยิ้มน้อยๆ เดินอ้อมมาข้างหลังแม่ ใช้นิ้วเล็กๆคลึงขมับแม่ไปมา จนเอนิตาเริ่มเคลิ้ม
“อุ๊ย...ฝีมือดีนี่”
“ไข่ตุ๋นนวดให้ปู่บ่อยๆค่ะ”
“ต๊าย ปู่แกก็ใช้แรงงานเด็กเหลือเกินนะ”
“ไม่หรอกค่ะ ไข่ตุ๋นเต็มใจ ไข่ตุ๋นชอบนวดอยู่แล้ว แม่กลับมาเหนื่อยๆไข่ตุ๋นอยากให้แม่หลับสบาย”
“จะหลอกให้แม่หลับแล้วจะหนีแม่ไปหรือเปล่า”
“ไข่ตุ๋นไม่หนีแม่ไปไหนอีกแล้วค่ะ”
ไข่ตุ๋นนวดคลึงขมับและท้ายทอย...ไม่ช้าเอนิตาผล็อยหลับ ไข่ตุ๋นฉวยโอกาสนี้รีบไปเปิดกระเป๋าหยิบพวงกุญแจออกมาแล้วค่อยๆย่องไปไขประตูบ้านด้วยมืออันสั่นกลัว
ไม่ทันที่ไข่ตุ๋นจะก้าวขาออกจากบ้าน เอนิตารู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นพอดี
“หยุดนะไข่ตุ๋น นี่กำลังจะหนีแม่เหรอ” เอนิตาวิ่งไปคว้าตัวลูกสาวไว้
“ให้ไข่ตุ๋นไปเถอะนะคะแม่ ไข่ตุ๋นจะกลับบ้าน ไข่ตุ๋นคิดถึงพ่อ คิดถึงปู่ คิดถึงอายอด”
“ไม่ได้...ฉันไม่ยอม” เอนิตาฉุดกระชากลากถูไข่ตุ๋นเหวี่ยงมานั่งที่โซฟา “ต่อไปนี้ฉันจะขังแกไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย ฤทธิ์เยอะดีนัก”
ไข่ตุ๋นนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น สักพักเสียงก็เงียบไป ปรากฏว่าเด็กน้อยเป็นลมหมดสติไปแล้ว แต่คนเป็นแม่กลับคิดว่าลูกสาวแกล้ง
“เจ้าบทบาทระดับออสก้าร์เลยนะเนี่ย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะไข่ตุ๋น ขึ้นข้างบนไปอาบน้ำ”
ไข่ตุ๋นยังนิ่งไม่ติงไหว ทำให้เอนิตาโมโหฉุนเฉียวเข้ามาเขย่าตัวลูก
“ไข่ตุ๋น หยุดแกล้งแม่ได้แล้ว” เห็นว่าลูกยังนิ่งเงียบ เธอเริ่มใจไม่ดี “ไข่ตุ๋นอย่าทำเป็นเล่นนะ...ไข่ตุ๋นเป็นไรลูก ไข่ตุ๋นเป็นอะไร ตื่นสิไข่ตุ๋น”
เอนิตาร้องถามเสียงหลงตกใจมาก หลังจากนั้นไม่นานเธอตัดสินใจติดต่อณนนท์ก่อนจะพาไข่ตุ๋นไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ooooooo
และแล้วผลการตรวจอาการไข่ตุ๋นก็ทำให้ทั้งหมอและผู้ปกครองเคร่งเครียดไปด้วยกัน
“คุณพ่อคุณแม่ทำใจดีๆนะครับ คือน้องไข่ตุ๋นแก...”
“ลูกผมเป็นอะไรครับคุณหมอ แกไม่ได้แค่อ่อนเพลียแล้วสลบไปเท่านั้นเหรอครับ”
“ทีแรกผมก็คิดอย่างนั้น แต่พอมาตรวจอย่างละเอียดแล้วพบว่ามีบางอย่างผิดปกติที่สมองครับ”
เอนิตาหน้าเสีย “หมายความว่าไงคะ”
“หมอสงสัยว่าน้องไข่ตุ๋นจะมีถุงน้ำอยู่ในสมองครับ”
“แล้วรักษาได้ไหมครับ” ณนนท์ซัก
“ก็ต้องดูก่อนครับ ว่ามันเกิดขึ้นในสมองส่วนที่ผ่าตัดได้รึเปล่า ถ้าได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ได้ก็...มันก็เหมือนมีระเบิดเวลาอยู่ในสมองน่ะครับ ถ้าถุงน้ำแตกเมื่อไหร่ก็ลำบากหน่อย ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้ว่ามันจะแตกรึเปล่า มันอาจจะอยู่อย่างนี้ไปชั่วชีวิตจนไม่แตกเลยก็ได้ครับ”
เอนิตาร้องไห้โฮทันที ณนนท์อึ้ง ไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะเกิดขึ้นกับไข่ตุ๋น
“หมอครับ ไม่ว่าจะยังไงหมอช่วยรักษาลูกผมอย่างเต็มที่เลยนะครับ เสียเท่าไหร่ผมยอมทุกอย่าง ขออย่างเดียวให้ลูกผมหายนะครับ”
“ผมคงสัญญาไม่ได้ แต่ผมจะทำอย่างเต็มที่ละกัน”
เอนิตาหน้าถอดสี เสียใจจนพูดอะไรไม่ออก ลุกออกไปนั่งตาแดงๆอยู่มุมหนึ่ง สักพักเท่งกับสุดยอดมาถึง สองพ่อลูกเดินเข้าไปต่อว่าเอนิตาอย่างทำใจรับไม่ได้
“ไข่ตุ๋นเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ สะใจหรือยังล่ะ เป็นแม่ประสาอะไร เอาความรักความผูกพันของลูกมาเป็นเดิมพันแบบนี้”
“นิตา...ที่ผ่านมาครอบครัวฉันก็พยายามเลี้ยงยัยไข่ตุ๋นอย่างดีที่สุด ไม่ให้แกรู้สึกว่ามีปมด้อยที่พ่อแม่แยกกัน แต่เธอรู้อะไรบ้างมั้ย ตลอดเวลายัยไข่ตุ๋นไม่เคยต้องการใครมากไปกว่าเธอเลย”
“คุณพ่อ...” เอนิตาสะอื้นไห้อย่างรู้สึกผิด
“ฉันไม่โกรธที่เธอจะเอาไข่ตุ๋นไป แต่ฉันโกรธที่เธอดูแลลูกได้ไม่ดี ทั้งๆที่เธอเป็นแม่ที่ให้กำเนิดเขามาแท้ๆ”
คำพูดทิ่มแทงใจของเท่งทำให้เอนิตาร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ชีวิตไข่ตุ๋นเหมือนอยู่บนเส้นด้าย พวกเราอาจจะไม่มีโอกาสเห็นแกจนโต ผมขอร้องล่ะนะ คุณช่วยเป็นแม่ที่ดี ก่อนที่พวกเราจะสูญเสียแกไปได้ไหม” สุดยอดพูดทั้งน้ำตาที่ไม่อาจกลั้นมันไว้ได้ เช่นเดียวกับเท่งที่เสียใจจนน้ำเสียงสั่นเครือ
“คนเป็นแม่ อยู่ที่ไหนก็เป็นแม่นะนิตา เลิกแย่งกันไปมาสักที แล้วทำให้ไข่ตุ๋นมีความสุขให้มากที่สุด ไม่แน่ว่าเวลาของหลานฉันอาจจะเหลือน้อยกว่าเวลาของฉันซึ่งแก่ปูนนี้แล้วก็ได้ เธอจะไม่ดีกับฉันก็ได้ แต่ขอให้ดีกับหลานของฉันนะนิตา ฉันขอเธอแค่นี้แหละได้มั้ย”
“ได้ค่ะ ฉันรับปาก ต่อไปนี้ฉันจะเป็นแม่ที่ดีให้กับไข่ตุ๋น...ฉันสัญญา” เอนิตารับปากทั้งน้ำตาอาบหน้า
ooooooo
ที่บ้านบุญเลื่อง ยาหยีนั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียวในห้อง เธอกำลังพยายามทำใจเรื่องที่สุดยอดแต่งงานกับเพิร์ลลี่...บุญเลื่องกับยี่หวาแอบมองเธออยู่หน้าห้องด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
“ตั้งแต่กลับมายัยหยีก็เป็นอย่างนี้ตลอดเลย แม่ว่าปล่อยโฮหนักๆออกมาซักรอบสองรอบยังดีซะกว่ามาเก็บกดแบบนี้”
“แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หยีเป็นคนเข้มแข็ง หนูเชื่อว่ายังไงน้องก็ต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ”
จังหวะนี้เองโทรศัพท์มือถือบุญเลื่องดังขึ้น เจ้าตัวดูเบอร์แล้วฮึ่มฮั่มเจ็บใจแทนลูกสาว เพราะคนที่โทร.มาคือคุณเท่งพ่อของนายสุดยอด
“แหม...พอดีเลย ขอซะหน่อยเถอะ...ไงคะคุณเท่ง จะโทร.มาเล่าเรื่องลูกชายตัวดีที่แต่งกับลูกสะใภ้แอ๊บแบ๊วหรือเปล่าคะ ฉันไม่อยากฟังหรอกนะคะ”
ใส่ไปฉอดๆได้ครู่เดียวก็มีอันต้องหยุดชะงัก...หน้าเสีย เมื่อได้ยินทางโน้นบอกเล่าเหตุร้ายที่เกิดกับไข่ตุ๋น...จากนั้นไม่นาน ยี่หวาก็พาข้าวตูไปเยี่ยมไข่ตุ๋นที่โรงพยาบาล ซึ่งสุดยอดกับเท่งก็ยังอยู่กับณนนท์ที่เฝ้าลูกสาวตลอดเวลา
“ไข่ตุ๋นเป็นอะไรเหรอครับลุงนนท์”
“ไข่ตุ๋นไม่สบายนิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวก็หาย”
ข้าวตูนิ่งไปด้วยความสงสารไข่ตุ๋น เท่งกับสุดยอดอยากให้ยี่หวาอยู่ปลอบใจณนนท์ จึงชวนข้าวตูออกไปเดินเล่นข้างนอก
เมื่อในห้องเหลือเพียงณนนท์กับยี่หวา และไข่ตุ๋นที่ยังนอนไม่รู้สติ ณนนท์เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าๆกับยี่หวาว่า
“คุณรู้แล้วใช่ไหม”
“ตอนที่พ่อคุณโทร.ไปบอกแม่ฉันที่บ้าน พวกฉันตกใจกันแทบแย่ ไม่คิดว่าไข่ตุ๋นจะเป็นมากขนาดนี้”
“ยี่หวา ถ้าไข่ตุ๋นเป็นอะไรไปผมคงอยู่ไม่ได้ ผมไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร”
“ใจเย็นๆนะคะนนท์ อย่าเพิ่งคิดมาก ฉันเชื่อว่าไข่ตุ๋นไม่เป็นอะไรมากหรอก ฉันเชื่ออย่างนั้นจริงๆค่ะ”
“ผมก็ขอให้เป็นอย่างนั้นครับ”
สองคนมองหน้าและสบตากันอย่างเห็นใจ จู่ๆไข่ตุ๋นรู้สึกตัวเพ้อเรียกพ่อทั้งที่ยังหลับตา เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก
“พ่อขา...พ่ออยู่ไหน มารับไข่ตุ๋นที ไข่ตุ๋นคิดถึงพ่อค่ะ...พ่อขา”
“ไข่ตุ๋นรู้ตัวแล้วเหรอลูก พ่ออยู่นี่แล้วนะครับ พ่อจะไม่ยอมให้ใครพาไข่ตุ๋นไปไหนอีกแล้ว ลืมตาสิลูก”
“แกคงเพ้อน่ะค่ะ เหงื่อแตกเชียว...ไข่ตุ๋น เดี๋ยวน้ายี่หวาเช็ดตัวให้นะ”
ยี่หวาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักครู่ก็กลับออกมาพร้อมผ้าชุบน้ำ เธอเช็ดตัวให้ไข่ตุ๋นอย่างอ่อนโยน ณนนท์ยืนมองด้วยความซาบซึ้งก่อนยื่นมือไปกุมมือเธอ
“ขอบคุณนะยี่หวา คุณทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของคุณที่มีให้ไข่ตุ๋น ขอบคุณจริงๆ”
ณนนท์กุมมือยี่หวา สองมือนั้นส่งความรักของทั้งคู่ผ่านผ้าผืนน้อยไปยังไข่ตุ๋นที่นอนไม่รู้สึกตัว...เอนิตาเดินมาถึงหน้าห้องจะเปิดประตู แต่ต้องชะงักเมื่อมองผ่านกระจกใสเข้ามาเห็นยี่หวาเช็ดตัวให้ไข่ตุ๋น
เธอนิ่งมองอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง นึกถึงคำขอร้องของเท่งกับสุดยอดก่อนหน้านี้ คิดไปคิดมาในที่สุดเธอก็ตัดใจเดินกลับออกไปอย่างรวดเร็ว เท่งกับสุดยอดพาข้าวตูเดินกลับเข้ามาอีกด้าน เห็นหลังเอนิตาไวๆ ให้แปลกใจว่าเธอจะรีบไปไหน
สมควรแก่เวลาแล้ว ยี่หวาชวนข้าวตูกลับบ้าน ไข่ตุ๋นจะได้พักผ่อนแล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาเยี่ยมใหม่ แต่สองแม่ลูกยังเดินออกไปไม่พ้นโรงพยาบาล เอนิตาก็ปรากฏตัวหลังจากดักรออยู่สักพักหนึ่ง
“เดี๋ยวก่อนคุณยี่หวา ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหน่อย”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องสำคัญ...ไม่อยากพูดตรงนี้”
“ก็ได้...ข้าวตูครับนั่งรอแม่ตรงนี้ก่อนนะครับ ขอแม่คุยธุระกับคุณแม่ของไข่ตุ๋นแป๊บนึง เดี๋ยวแม่มา อย่าไปไหนนะ”
ข้าวตูพยักหน้าแต่พอเห็นแม่เดินตามเอนิตาที่นำลิ่วไปมุมหนึ่ง ข้าวตูนึกสงสัยค่อยๆย่องตามไป
เอนิตาเจรจากับยี่หวา ครั้งนี้ท่าทีเปลี่ยนเป็นขอความเห็นใจ ไม่ใช่โวยวายร้ายกาจเหมือนแต่ก่อน
“คุณรู้แล้วใช่ไหม ว่ายัยไข่ตุ๋นเป็นอะไร”
“ฉันเสียใจด้วยนะคะ ไม่คิดว่าไข่ตุ๋นจะโชคร้ายแบบนี้”
“ให้พูดตรงๆนะ แค่เสียใจอย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ ฉันอยากจะให้คุณ...เสียสละด้วย”
“เสียสละเรื่องอะไรคะ”
“หมอบอกว่าโรคที่ยัยไข่ตุ๋นเป็นก็เหมือนกับระเบิดเวลา ชีวิตผู้ป่วยโรคนี้ก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย เราไม่รู้ว่าเขาจะจากเราไปวันไหน ทุกวินาทีต่อไปนี้จึงมีค่ามากสำหรับฉัน ฉันอยากใช้เวลาที่มีเหลืออยู่ทั้งหมดนี้เพื่อลูก ที่ผ่านมาคุณเองก็รู้ดีว่าไข่ตุ๋นแกต้องการให้ฉันกับนนท์คืนดีกัน แล้วก็กลับมาอยู่เป็นครอบครัวกันอีกครั้ง ที่ผ่านมาฉันก็พยายามทำเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ คุณคงรู้ดีว่าเพราะอะไร”
ยี่หวาสะอึกอึ้ง คำพูดเอนิตากระทบใจเธออย่างแรง
“คุณเองก็เป็นแม่คน คุณน่าจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกันดี ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์หรอก ฉันถึงมาขอร้องคุณให้เลิกเป็นส่วนเกินของครอบครัวฉันเสียที ฉันขอแค่นี้คุณจะช่วยฉันได้ไหม”
ยี่หวาหน้าเจื่อนรู้สึกผิด ขณะที่เอนิตายังเล่นละครต่อไปอย่างแนบเนียน
“ฉันรู้ที่ผ่านมาทำผิดกับลูกกับนนท์ไว้มาก แต่ขอโอกาสอีกครั้งเถอะนะ ให้ฉันได้ไถ่บาป ให้ฉันกราบฉันก็ยอมล่ะ” เอนิตาทรุดตัวจะกราบยี่หวา แต่ยี่หวารีบประคองเธอขึ้นมา
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอกค่ะคุณนิตา ตกลง...ฉันยอม ฉันจะไป แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าคุณจะดูแลไข่ตุ๋นให้ดีที่สุด สัญญาสิคะ”
“ได้...ฉันสัญญา”
ยี่หวาหันหลังเดินกลับไปหาข้าวตู โดยไม่รู้ว่าข้าวตูแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง แล้ววิ่งพรวดกลับไปยืนอยู่ที่เดิมเพื่อไม่ให้แม่สงสัย ส่วนเอนิตาจิกตาตามยี่หวาไปอย่างสะใจ...สมใจ
ooooooo
วันเดียวกันนี้ ชม้อยได้รับการติดต่อยกเลิกงานต่างๆของเพิร์ลลี่ที่ถูกว่าจ้างไว้ นั่นก็เพราะคลิปงานแต่งของเพิร์ลลี่กับสุดยอดที่วุ้นแอบถ่ายตอนเพิร์ลลี่แสดงพฤติกรรมแย่ๆกับแฟนคลับคนหนึ่งของสุดยอดหลุดออกมาทางสังคมออนไลน์ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ที่เห็นคลิปนี้แล้วต่างก็รับไม่ได้ บางรายถึงกับโจมตีอย่างหนัก
ขณะที่ชม้อยกำลังโวยวายรับไม่ได้กับรายได้ของลูกสาวที่ขาดหายไปจำนวนมาก เพิร์ลลี่ก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาเพราะเห็นข่าวของตนเองในจอทีวี เป็นคลิปตอนที่เธอกำลังแกล้งแฟนคลับขี้โรคด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
“ทำไงดีคะคุณแม่ เราพลาดแล้วค่ะ คนรู้กันทั้งประเทศแล้วที่เพิร์ลลี่ไปแกล้งยัยแฟนคลับขี้โรคนั่น ทีนี้จะทำยังไงกันดีคะ”
“ทำอะไรไม่ได้แล้วลูก หลักฐานมันโทนโท่ขนาดนั้น”
“ไอ้บ้าที่ไหนมันแอบถ่ายไว้เนี่ย อย่าให้รู้ตัวนะเพิร์ลลี่จะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย”
“มันมากับความหายนะลูก ที่สุดมันก็มาแล้ว โอ๊ย...แม่จะเป็นลม”
“อย่าเพิ่งค่ะคุณแม่ มาคิดกันก่อนว่าทำยังไงกันต่อไป”
“คุณแม่ขอเมนต์ว่าตอนนี้คิดไม่ออกค่ะลูก”
“จัดแถลงข่าว! เราจัดแถลงข่าวดีไหมคะ บอกว่าถูกใส่ร้าย หรือไม่ก็เป็นคนหน้าเหมือน”
“หน้าเหมือนอะไรล่ะค่ะลูก เราเห็นๆ ดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด ภาพชัดเจนแจ่มแจ๋วขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่าจบบริบูรณ์ค่ะ” พูดแล้วชม้อยก็ลมจับล้มพับไปทันที
ooooooo
ที่ร้านดอกไม้ของยี่หวา วุ้น และก้อยกำลังดูการรายงานข่าวบันเทิงกันอย่างสะใจ ในขณะที่ยาหยีนั่งจัดดอกไม้อยู่ใกล้ๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“เยี่ยมมากยัยวุ้น สมกับที่แกมีฉายาว่า ไม่สอด ไม่แสบ ไม่ใช่วุ้นสตาร์อัพเดตนิว”
“นี่ตกลงแกชมฉันแน่ใช่มั้ย แต่ถึงด่าก็ไม่เป็นไร แค่คิดถึงหน้ายัยสองแม่ลูกมหาภัยนั่น ก็สาแก่ใจฉันนัก”
ว่าแล้วสองสาวก็หัวเราะกันคิกคัก แต่พอเหลือบไปมองหน้ายาหยี ก็หัวเราะค้างกันไป
“อะไรของแกเนี่ยยัยหยี ฉันอุตส่าห์จัดเต็มล้างแค้นให้แกซะขนาดนี้แล้วยังมาทำหน้าเบื่อโลกอยู่ได้”
“ฉันขอบใจพวกแกนะที่ห่วงฉัน แต่อย่าไปยุ่งอะไรกับพวกเขาอีกเลย ฉันไม่อยากมีปัญหากับใครอีกแล้ว”
“ต๊าย...ผีนางเอกเข้าสิงเหรอยะ ยัยเพิร์ลลี่มันแย่งพี่ยอดไปจากแกนะ จะปล่อยให้ยัยนี่อยู่ดีมีสุขอย่างนี้น่ะเหรอ ฉันไม่ยอมหรอก”
“แล้วแกจะให้ฉันทำไง แย่งเขากลับมางั้นเหรอ ฉันไม่หน้าด้านขนาดนั้นหรอก...จบเถอะ”
“จบเหรอยะ นี่เหรอจบของแก” วุ้นชี้ช่อดอกไม้ที่ยาหยีจัดเละเทะไม่เข้ากันสักอย่างมาใส่แจกัน แถมบางดอกยังปักกลับหัวกลับหาง เอาดอกปักลงไปโผล่แต่ก้านขึ้นมาแทน
“ฉันไม่ต้องดูดวงให้แกก็รู้ว่าใจแกเป็นยังไง แกยังลืมสุดยอดไม่ได้ใช่มั้ย” ก้อยฟันธง
“แต่ซักวันฉันต้องลืมได้ ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ฉันก็ต้องทำให้ได้ คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาชี้หน้าว่าสิ้นคิดจนต้องแย่งสามีชาวบ้านหรอก” เธอพูดจบทำท่าจะร้องไห้ เลยต้องเดินเลี่ยงไปทางอื่น วุ้น และก้อยได้แต่มองตามด้วยความสงสารเพื่อน
ooooooo
ที่โรงพยาบาล...ณนนท์นั่งเฝ้าไข่ตุ๋นไม่ไปไหน เอนิตาซื้อกาแฟมาส่งให้ แต่เขาไม่สนใจ เธอเลยวางมันไว้แถวนั้นแล้วกระแทกกระทั้นด้วยคำพูด
“คุณจะเกลียดฉันออกนอกหน้าขนาดไหนก็ได้ ฉันขออะไรคุณอย่าง อย่าทำอย่างนี้ต่อหน้าลูก ยิ่งถ้าเราบาดหมางกันเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้โรคร้ายของลูกกำเริบมากขึ้นเท่านั้น”
“พอเถอะนิตา เลิกอ้างเรื่องลูกได้แล้ว ผมเบื่อ เบื่อที่คุณชอบเอาลูกมาต่อรองนั่นนี่ไม่มีที่สิ้นสุด”
“ฉันไม่ได้ต่อรองนะนนท์ แค่ขอร้อง ฉันก็รักลูกไม่แพ้คุณเหมือนกันนะ ฉันอยากรู้ว่าเราจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเพื่อลูกได้หรือยัง”
ณนนท์นิ่งไม่ตอบ ทำให้เอนิตายิ่งไม่พอใจ
“ถามจริงๆเถอะ ฉันสู้ยี่หวาไม่ได้ตรงไหนบอกมาสิ...ให้โอกาสฉันมั้ยล่ะ ฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าฉันก็เป็นเมีย เป็นแม่ที่ดีได้ไม่แพ้ใครเหมือนกัน”
“อย่าพยายามเลยนิตา ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหนคุณก็สู้ยี่หวาไม่ได้อยู่ดี การกระทำที่เกิดจากความจริงใจกับการฝืนใจทำมันต่างกัน”
“ไข่ตุ๋นฟื้นแล้วเหรอลูก ลูกพ่อฟื้นแล้ว พ่อดีใจที่สุดเลย”
“คุณแม่...”
“แม่ก็ดีใจเหมือนกันจ้ะไข่ตุ๋น แม่ขอโทษนะลูก แม่ ขอโทษ ยกโทษให้แม่นะ”
“ไข่ตุ๋นไม่โกรธแม่หรอกค่ะ ไข่ตุ๋นรู้ว่าพ่อกับแม่อยู่กับไข่ตุ๋นตลอดเวลาตอนไข่ตุ๋นหลับ ไข่ตุ๋นรู้...พ่อกับแม่ยังช่วยกันเช็ดตัวให้ไข่ตุ๋นเลย ไข่ตุ๋นมีความสุขจังเลยค่ะ”
“เช็ดตัว?” เอนิตาพึมพำสีหน้างงๆ
“ค่ะ ทำแบบนี้” ไข่ตุ๋นสาธิตในสิ่งที่รับรู้ หยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาใส่มือแม่ก่อนจับมือพ่อมากุมมือแม่อีกทีแล้วเช็ดที่หน้าตัวเอง “เอ๊ะ แต่ทำไมไข่ตุ๋นไม่รู้สึกเหมือนตอนนั้นล่ะคะ”
“ลูกพูดจริงๆเหรอ ลูกรู้สึกถึงความรัก ความห่วงใยนั้นได้ใช่มั้ย”
ไข่ตุ๋นพยักหน้ายิ้มอย่างไร้เดียงสาให้พ่อ ณนนท์ดีใจมาก คำพูดของลูกเป็นเครื่องยืนยันว่าความรู้สึกดีๆของตนกับยี่หวาส่งผ่านไปถึงลูกได้ ผิดกับเอนิตา
เอนิตาสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่เข้าใจว่าณนนท์หมายถึงอะไร
ooooooo
ที่ร้านดอกไม้...ยี่หวากำลังจัดกระเช้าดอกไม้เตรียมไปเยี่ยมไข่ตุ๋น ข้างๆกระเช้ามีการ์ดของข้าวตูที่เขียนข้อความถึงไข่ตุ๋นว่า “เราอยากให้ไข่ตุ๋นหายเร็วๆ เราจะได้มาเล่นด้วยกันอีก เราเป็นห่วงไข่ตุ๋นนะ...ข้าวตู”
จัดเสร็จเรียบร้อย ยี่หวาหยิบการ์ดเสียบที่กระเช้าดอกไม้ ทันใดนั้นเอง ณนนท์เปิดประตูร้านเข้ามารวดเร็วแล้วโผเข้ากอดเธอ พูดละล่ำละลักด้วยความดีใจ
“ยี่หวา...ไข่ตุ๋นฟื้นแล้ว คุณรู้มั้ยตอนที่ผมกับคุณช่วยเช็ดตัวให้ไข่ตุ๋น แกรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของเราสองคนด้วยนะ ผมไม่ห่วงอะไรแล้วยี่หวา ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ผมจะสู้ คุณเองก็ต้องสู้กับผมนะ เราจะสู้ไปด้วยกัน”
ยี่หวานิ่งอึ้ง นึกถึงคำขอร้องของเอนิตาที่โรงพยาบาล
“คุณเองก็แม่คน คุณน่าจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกันดีว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์หรอก ฉันถึงมาขอร้องคุณให้เลิกเป็นส่วนเกินของครอบครัวฉันเสียที ฉันขอแค่นี้คุณจะช่วยฉันได้มั้ย”
คำพูดนั้นย้ำเตือนให้ยี่หวาต้องตัดใจ เธอแข็งใจผละออกจากอ้อมกอดของเขา
“นนท์คะ ปัญหาครอบครัวของคุณ คุณอย่าดึงฉันไปยุ่งด้วยอีกเลยค่ะ เพราะฉันเป็นแค่คนอื่น”
“คนอื่น ทำไมคุณพูดแบบนี้ คุณเป็นอะไรไปยี่หวา คุณไม่รักผมแล้วเหรอ”
“ฉันขอโทษ ฉันตัดสินใจแล้ว”
“ตัดสินใจอะไร”
“ต่อไปนี้...อย่ามายุ่งกับฉันอีก เพราะฉันจะให้โอกาสตัวเอง ฉันจะให้โอกาสคุณภูมิชาย เราสองคนจะคบกันค่ะ”
ณนนท์ตะลึงยืนนิ่งเป็นหุ่น ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของยี่หวา
ooooooo
ค่ำนั้น ภูมิชายพายี่หวาไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนภายในห้องอาหารของโรงแรมหรู ยี่หวามองอาหารบนโต๊ะอย่างแปลกใจ เพราะทุกจานล้วนเป็นของชอบของตนทั้งนั้น
“ของโปรดของคุณทั้งนั้นเลยใช่ไหมครับ”
“คุณภูมิรู้ได้ยังไงคะ”
“ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าเราสนใจใครสักคน เราก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร”
ภูมิชายใช่เอาใจยี่หวาแค่อาหาร เขายังเรียกนักดนตรีมาขอเพลงไพเราะให้เธอด้วย แต่ปรากฏว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ณนนท์เคยเล่นให้ยี่หวาฟัง และเธอก็ชอบมากๆด้วย ทำให้เธอใจลอยนึกถึงณนนท์ เลยไม่ได้ยินภูมิชายเรียก กระทั่งเขาต้องเรียกซ้ำหลายครั้ง เธอถึงสะดุ้งเล็กๆ
“คะ...ว่าไงคะ”
“ท่าทางคุณจะชอบเพลงนี้มากนะครับ ผมดีใจมากนะครับที่คุณให้โอกาสผม ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้คุณเสียใจที่มาคบกับผม”
ยี่หวาหน้าเจื่อนไป เพราะในใจเธอคิดถึงแต่ณนนท์ ไม่ได้คิดถึงภูมิชายเลยแม้แต่น้อย
หลังอาหารมื้อนั้น สองคนลงมาเดินเล่นในสวนของโรงแรม
“เสียดายนะครับ ถ้าเป็นต่างจังหวัดเราคงเห็นดาวเต็มฟ้า แต่นี่ในกรุงเทพฯไม่เห็นอะไรซักอย่าง”
ยี่หวายิ้มบางๆ ก่อนตัดสินใจถามเขาตรงๆว่า
“คุณภูมิคิดดีแล้วเหรอคะที่จะมาคบกับฉัน คนดีๆ
เพอร์เฟกต์อย่างคุณน่าจะหาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันได้ไม่ยาก ฉันก็แค่แม่ม่ายลูกติดคนนึงเท่านั้นเอง”
“ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ ผมอายุมากพอที่จะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และผู้หญิงแบบไหนที่เหมาะสมกับผม ผมรักคุณนะยี่หวา ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่ม่ายหรืออะไรก็ตาม แต่ผมก็จะพูดเหมือนเดิมว่าผมรักคุณ”
เขาไม่พูดเปล่า แต่ค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาเพื่อจะจูบเธอ ยี่หวายืนนิ่งเหมือนเต็มใจ หากแต่จิตใจเธอกลับนึกไปถึงณนนท์อีก...วันนั้นณนนท์สารภาพรักเธอและอยากจะดูแลเธอตลอดไป
ฉับพลัน ยี่หวาเบี่ยงตัวออกก่อนที่ภูมิชายจะจูบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด เพียงแค่คำบอกรัก ยี่หวาก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองยังอยู่ที่ณนนท์เสมอ ทำให้ภูมิชายชะงัก พูดแก้เก้อว่า
“ผมขอโทษ...ผมคงเร่งรัดคุณมากไป คุณอย่าโกรธผมเลยนะ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอโทษคุณ ฉัน...รักคุณไม่ได้จริงๆค่ะ”
ภูมิชายหน้าเครียดโมโหขึ้นมาทันที บีบแขนเธออย่างแรง “ทำไม...ผมไม่ดีตรงไหน เพราะไอ้ณนนท์ใช่มั้ย ถึงขนาดนี้แล้วคุณยังลืมมันไม่ได้อีกรึไง”
“โอ๊ย...คุณภูมิ ฉันเจ็บนะคะ”
เขาได้สติรีบปล่อยมือ “ผมขอโทษ”
“จริงๆไม่ใช่คุณไม่ดีหรอกนะคะ คุณดี...ดีมากด้วย แต่ฉันรักนนท์ค่ะ ฉันไม่รู้จะให้เหตุผลกับคุณยังไง แต่ฉันรักเขา...ขอโทษนะคะ” พูดจบยี่หวาผละไปทันที ภูมิชายมองตามตาขวาง ทั้งแค้นทั้งริษยาณนนท์ถึงขีดสุด
ooooooo
คืนเดียวกัน ณนนท์อุ้มไข่ตุ๋นที่หลับสนิทไปวางลงบนเตียงนอนของตนที่บ้าน โดยมีเท่งตามติดมาด้วยความเป็นห่วงหลานสาว
“นิตาเขาดูแลไข่ตุ๋นคนเดียวไม่ไหว ผมเลยให้เขามาอยู่ที่นี่ชั่วคราว พ่อคงไม่ว่าอะไรนะครับ”
“จะว่าอะไรล่ะ ยังไงเขาก็เป็นแม่ของเจ้าไข่ตุ๋น เออ แล้วตกลงเจ้าไข่ตุ๋นเป็นอะไรแน่”
“หมอสันนิษฐานว่าอาจจะมีเนื้องอกในสมอง ก็คงต้องตรวจอีกหลายครั้งละครับ กว่าจะแน่ใจได้”
“ขออย่าให้เป็นอะไรร้ายแรงหรือต้องผ่าตัดอะไรเลย เจ้าไข่ตุ๋นไปอยู่กับแม่ที่เมืองนอกเราก็ยังมีโอกาสเจอ แต่ถ้า...” เท่งหน้าเสีย...พูดไม่ออก ณนนท์ยิ่งเศร้า มองไข่ตุ๋นด้วยความรักและห่วงใยเต็มเปี่ยม
เสียงโทรศัพท์มือถือณนนท์ดังขึ้น ณนนท์กลัวไข่ตุ๋นตื่นจึงรีบออกมาคุยนอกห้อง
“ฮัลโหล...ครับ ใช่ครับ ไม่ทราบจากไหนครับ...ตำรวจ!”
ณนนท์ตกใจ แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็รีบไปสถานีตำรวจเพื่อตรวจสอบเอกสารสำคัญที่ใช้ฟ้องร้องเอนิตาที่เคยมอบให้ภูมิชายไป แต่ตอนนี้มาอยู่กับตำรวจได้อย่างไร?
“เอกสารพวกนี้เป็นของคุณใช่ไหมครับ”
“ครับ มันเป็นเอกสารที่ผมให้คุณภูมิชายไปตอน
มีเรื่องฟ้องร้องกับภรรยาผม เขาถูกโจรชิงทรัพย์แล้วหลักฐานพวกนี้ก็ติดไปกับกระเป๋าเอกสารหมด คุณตำรวจได้มายังไงครับ”
ตำรวจไขข้อข้องใจให้ณนนท์ด้วยการเดินนำไปที่ห้องสอบสวน ซึ่งตำรวจอีกนายกำลังสอบปากคำนายศักดิ์ลูกน้องของภูมิชาย
“ไอ้หมอนั่นล่ะครับที่เป็นคนเอาไป นายภูมิชายจ้างนายศักดิ์เล่นละครทำเป็นโจรชิงทรัพย์แล้วให้กล้องวงจรปิดถ่ายภาพไว้เพื่อตัวเองจะได้ไม่เป็นที่น่าสงสัย แต่สัจจะไม่มี
ในหมู่โจร แทนที่นายศักดิ์มันจะทำลาย กลับเก็บไว้เผื่อนายภูมิชายหักหลังมัน แล้วก็ได้ใช้จริงๆ”
“แล้วไอ้หมอนี่มันบอกรึเปล่าครับ ว่าทำไมนายภูมิชายถึงทำแบบนี้”
“เห็นว่าเขาอยากให้คุณแพ้คดีจะได้เสียลูก ถ้าคุณทนไม่ไหวก็ต้องกลับไปคืนดีกับภรรยาเก่าเพื่อลูก ทีนี้ผู้หญิงคนที่คุณชอบอยู่ก็เป็นของเขา”
ณนนท์ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมด โกรธมากที่ถูกภูมิชายหลอกมาตลอด
ooooooo
ขณะที่ณนนท์ยังไม่เสร็จธุระที่สถานีตำรวจ เอนิตาโทร.มาหาเขาบอกข่าวไข่ตุ๋นปวดศีรษะทุรน ทุราย แต่เธอทำอะไรไม่ถูก อยากให้เขารีบกลับมาเร็วๆ
“ผมทำธุระอยู่ คุณทำตามที่หมอสั่งรึเปล่า ทำไมไข่ตุ๋นถึงปวดหัวขึ้นมาอีก”
“ฉันจะไปรู้เหรอ อย่ามาจับผิดฉันได้มั้ย พ่อคุณก็ไม่อยู่ ฉันอยู่คนเดียวเครียดจะแย่อยู่แล้ว”
“คุณเอายาให้ไข่ตุ๋นกินก่อน ถ้าไม่หายก็รีบพาไปโรงพยาบาล เสร็จธุระผมจะรีบไปหาด่วนเลย”
ณนนท์วางสาย หันไปหาตำรวจที่พาศักดิ์เข้ามา แต่ศักดิ์ก้มหน้าไม่กล้าสบตาณนนท์...
ข้างฝ่ายเอนิตา เธอวางสายแล้วหันรีหันขวางก่อนเดินไปหยิบถุงยาที่มีหลายอย่าง
“ยาไหนบ้างเนี่ย ทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วยนะยัยไข่ตุ๋น”
ทันใดนั้น ไข่ตุ๋นอาเจียนออกมาเลอะเทอะโซฟาและเสื้อผ้าตัวเองเต็มไปหมด เอนิตาเห็นดังนั้นก็ยิ่งรนจนทำอะไรไม่ถูก ที่สุดเธอตัดสินใจโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากยี่หวา ไม่นานนักยี่หวาก็มาถึง เธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ไข่ตุ๋นจนสะอาด ก่อนให้กินยาแล้วนอนพัก
“ต่อไปคุณต้องระวังอย่าให้ไข่ตุ๋นอยู่ในที่อากาศร้อนๆอีกนะคะ แล้วก็อย่าให้แกเล่นซนจนเหนื่อยด้วย ไม่อย่างงั้นก็จะปวดหัวอีก”
“ฉันรู้แล้วล่ะ ยังไงก็ขอบใจเธอมากนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ งานพวกนี้คุณไม่เคยทำ เดี๋ยวต่อไปคุณก็ชินเอง”
ยี่หวาหันไปหยิบเสื้อผ้าชุดเก่าของไข่ตุ๋นที่ทั้งเลอะทั้งเหม็นโดยไม่มีท่าทีรังเกียจแม้แต่น้อย บอกเอนิตาว่าตนจะเอาไปซัก เอนิตาเห็นยี่หวาซักเสื้อผ้าด้วยมือ ก็แปลกใจสงสัย
“ทำไมไม่เอาเข้าเครื่อง ซักมือทำไม”
“เสื้อผ้าชุดสองชุดเอาเข้าเครื่องได้ไง เปลืองไฟแย่... แล้วเรื่องเนื้องอกหมอว่าไงบ้าง ไข่ตุ๋นต้องผ่าตัดรึเปล่า”
“ไม่รู้ ฉันฟังมากๆแล้วเครียด ก็เลยให้นนท์เขาคุยกับหมอเอง”
“ขออย่าให้ต้องผ่าตัดเลย เด็กตัวแค่นี้ถ้าต้องผ่าสมองไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง...แล้วนี่เมื่อไหร่นนท์ถึงจะกลับล่ะ”
เอนิตาหน้าบึ้งตึงทันที ยอกย้อนด้วยความระแวง “ถามทำไม”
“ฉันจะได้กลับไปก่อนที่จะเจอหน้าเขาน่ะสิ อย่าระแวงนักเลยน่ะ ฉันรับปากแล้ว ไม่คืนคำหรอก”
เอนิตาไม่เชื่อ สายตายังคงหวาดระแวงยี่หวาตลอดเวลา...หลังจากยี่หวากลับไปได้สักพัก ไข่ตุ๋นเดินงัวเงียลงมาจากชั้นบน ได้ยินแม่คุยโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
“ทำไมฉันจะไม่อยากไปยะ วันๆอยู่แต่ในบ้านอย่างกับติดคุก...ก็มันไปไม่ได้ ถ้าไปแล้วใครจะดูแลลูกฉันล่ะ หยุดยั่วกิเลสฉันซะทีน่ะ จะซิกแพ็ก ใสกิ๊ก หุ่นเซี๊ยะยังไง ฉันก็ไปไม่ได้ทั้งงั้นแหละ”
เอนิตากดตัดสายด้วยความเซ็ง พอหันกลับไปก็เห็นไข่ตุ๋นยืนมองตนอยู่
“ตื่นแล้วเหรอไข่ตุ๋น”
“ค่ะ แม่อยากออกไปเที่ยวเหรอคะ ถ้าแม่เบื่อก็ออกไปได้นะคะ ไข่ตุ๋นอยู่คนเดียวได้”
“ไม่ต้องหรอกย่ะ เดี๋ยวพ่อแกก็มาด่าฉันอีก แล้วนี่ยังปวดหัวอยู่รึเปล่า”
“ไม่แล้วค่ะ ก็แม่คอยดูแลไข่ตุ๋นอย่างดี ไข่ตุ๋นก็ต้องหายสิคะ”
“แม่น่ะเหรอดูแลเรา”
“ค่ะ ไข่ตุ๋นฝันว่าแม่ป้อนยา เช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไข่ตุ๋นด้วย ไข่ตุ๋นมีความสุขที่สุดเลยค่ะ”
เอนิตาหน้าเจื่อนลงไปทันที เพราะสิ่งที่ไข่ตุ๋นพูดทั้งหมดเป็นฝีมือยี่หวาทั้งนั้น
ooooooo
ที่สตูดิโอพี่ยิ่ง สุดยอดกำลังจะเข้าไปในห้อง แต่งตัวแต่วุ้นกับก้อยเปิดประตูสวนออกมาพอดีวุ้นหน้าบึ้ง ทักเขาห้วนๆ
“พี่ยอด วันนี้ไม่มีคิวไม่ใช่เหรอ แล้วมาทำไม อย่าบอกนะว่าจะดักพบยัยหยี พวกเราอุตส่าห์จัดคิวไม่ให้ตรงกับพี่แล้วนะ”
“เปล่าหรอกครับ ผมฝากต้อมมันซื้อของน่ะ แต่มันดันลืมทิ้งไว้ในห้อง ผมก็เลยจะมาเอา” สุดยอดขยับจะก้าวเข้าห้อง...ก้อยรีบขวางเขาไว้
“เข้าไม่ได้ค่ะ หยียังอยู่ข้างใน แล้วเราก็คิดว่าช่วงนี้พี่กับหยีไม่ควรเจอหน้ากันด้วย”
“ทำไม” เขาเริ่มเสียงแข็ง
“ก็เพราะว่าเราไม่อยากให้ภรรยาของพี่มาตามราวีเพื่อนเราอีกน่ะสิคะ”
“หยีกำลังเริ่มตั้งหลักได้ หวังว่าพี่คงไม่ทำให้เพื่อนเราทรุดลงไปอีกนะคะ”
สุดยอดหน้าจ๋อยพูดไม่ออก ขณะนั้นเอง ยาหยีเปิดประตูออกมา ก้อยถามยาหยีว่าออกมาทำไม...เธอไม่ตอบแต่ยื่นกล่องของขวัญเล็กๆให้สุดยอด
“นี่ใช่มั้ย ที่นายจะมาเอา”
“ใช่” เขารับของมาแล้วทำท่าจะชวนคุยต่อ แต่ยาหยีไม่เปิดโอกาส ทำให้สุดยอดต้องเดินคอตกกลับไปส่วนวุ้นกับก้อยยกนิ้วโป้งชมยาหยีกันใหญ่
“เจ๋งมากยัยหยี มันต้องอย่างนี้สิ ฉันนึกว่าแกยังไม่หายเสียศูนย์ซะอีก”
“นิสัยฉันเป็นยังไงพวกแกก็รู้นี่ จบก็คือจบ ไม่มีอะไรหรอก...เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ แล้วไปเจอกันที่รถ”
ยาหยีเดินเลี่ยงไป แต่พอลับสายตาเพื่อน เธอก็น้ำตาคลอเบ้า แทบหมดแรงจนต้องใช้มือยันกำแพงไว้...เพียงแค่เห็นหน้าสุดยอดอีกครั้ง ความอดทนของเธอก็แทบพังทลายลง
ooooooo
สุดยอดนำกล่องของขวัญกลับมานั่งมองเหม่ออยู่อีกห้อง สีหน้าแววตาเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังเสียใจ สักครู่ว่านกับนัทเดินร่าเริงเข้ามา พอเห็นสีหน้าท่าทางเพื่อน สองหนุ่มก็ยิ่งอยากแหย่เย้าให้ผ่อนคลาย แต่แหย่แล้วแหย่อีกสุดยอดก็
ซึมลูกเดียวไม่เล่นด้วย
“เฮ้ย อะไรวะ วันนี้เงินเดือนออกไม่ใช่เหรอ แจ่มใสหน่อยสิเพื่อน” ว่านโวย
“หรือว่าพี่ยิ่งเบี้ยวเงินแก หน็อย...ทีใช้ล่ะใช้ได้ ทีจ่ายเงินล่ะชักดาบ อย่างงี้มันต้องแฉ”
“พอๆ พอเลยไอ้นัท มีแฟนเป็นนักข่าวเข้าหน่อยเอะอะก็แฉตลอดเลยนะ ที่ข้าเครียดเพราะเรื่องนี้ต่างหาก” เขาชูกล่องของขวัญมาตรงหน้าเพื่อน “ข้ากะจะเอามาให้หยีที่เขาทำรายการดีไอวายครบหกเดือน แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน คงไม่มีโอกาสให้แล้วล่ะ”
จังหวะนี้ เพิร์ลลี่เดินกรีดกรายส่งเสียงหวานเข้ามา “พี่ยอดขา...เสร็จงานแล้วกลับกันเถอะค่ะ เอ๊ะนั่นของขวัญใครคะ เอามาดูสิ” เธอคว้ากล่องของขวัญไปจากมือเขาอย่างรวดเร็ว
“นี่มันเกินไปแล้วนะเพิร์ลลี่ หัดมีมารยาทซะบ้างสิ” สุดยอดตำหนิเสียงเขียว
“อะไร แค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วย นี่ของขวัญใคร ยาหยีให้มาใช่ไหมถึงได้หวงซะขนาดนี้ ด้านสุดๆ จนป่านนี้แล้วยังไม่เลิกยุ่งกับพี่ยอดอีกเหรอ”
สุดยอดโมโหมาก ดึงกล่องของขวัญกลับมาแล้วกระแทกเสียงใส่ให้ก่อนเดินลิ่วหนีไป “เลิกเพ้อเจ้อซะที รำคาญ!”
เพิร์ลลี่มองตามเขาไปด้วยความเจ็บใจ ว่านกับนัทหันมาเหล่กัน หมั่นไส้เพิร์ลลี่เป็นทุนอยู่แล้ว จึงแกล้งพูดรับส่งกันลอยๆว่า ได้มาแต่ตัวแต่ไม่ได้หัวใจ เลยต้องระแวงว่าจะถูกแย่งไป อย่างนี้เขาเรียกกรรมตามสนอง...ว่าแล้วสองหนุ่มก็ยิ้มเย้ยเพิร์ลลี่ก่อนพากันเดินจากไป ปล่อยให้เพิร์ลลี่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น...
ด้วยความแค้นที่แน่นอกทำให้เพิร์ลลี่โทร.ไปราวียาหยีด้วยถ้อยคำหยาบคาย
“หน้าด้าน! พี่ยอดแต่งงานแล้วแกยังคิดจะแย่งอีกเหรอ”
“นี่ลงทุนเปลี่ยนซิมเพื่อโทร.หาฉันเลยเหรอ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอหรอกนะเพิร์ลลี่ พอซะทีเถอะ”
“ไม่พอ จนกว่าแกจะเลิกยุ่งกับสามีฉัน”
“ประสาท”
“แกสินังโรคจิต ชอบแย่งผัวชาวบ้าน”
“ถ้าไม่เลิก เธอโดนดีแน่เพิร์ลลี่”
“แกก็เลิกก่อนสิ ถ้าแกไม่เริ่มฉันจะยุ่งกับแกมั้ย ทางที่ดีฉันว่าแกลาออกจากรายการพี่ยิ่ง แล้วก็ไสหัวออกไปจากชีวิตเราเลยดีกว่า”
“แล้วเรื่องอะไรฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ฉันเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะเพิร์ลลี่ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนเอาจริงแค่ไหน
ถ้ายังไม่ยอมเลิกล่ะก็ เธอได้ลงหน้าหนึ่งแน่” ยาหยีตัดสายอย่างสุดเซ็ง ในขณะที่เพิร์ลลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ
“แต่ก่อนหน้านั้น แกได้ขึ้นหน้าหนึ่งก่อนฉันชัวร์...ยัยยาหยี!”
ooooooo
ผ่านไปไม่ทันข้ามวัน วุ้นกับก้อยก็แจ้นมาหายาหยีถึงบ้าน เปิดคลิปเสียงโต้ตอบระหว่างเพิร์ลลี่กับยาหยีให้ฟัง โดยทุกคำทุกประโยคที่เพิร์ลลี่พูดนั้นเจือด้วยเสียงสะอื้นตลอดเวลา
“คุณยาหยีคะ...”
“นี่ลงทุนเปลี่ยนซิมเพื่อโทร.หาฉันเลยเหรอ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอหรอกนะเพิร์ลลี่ พอซะทีเถอะ”
“เพิร์ลลี่ก็ไม่ได้อยากรบกวนคุณหรอกค่ะ แค่อยากขอให้คุณหยุดทำผิดศีลธรรมซะที”
“ประสาท”
“พี่ยอดเขาแต่งงานกับเพิร์ลลี่แล้วนะคะ คุณยังจะเข้ามาเป็นมือที่สามอีกเหรอ ไม่มีทาง เพิร์ลลี่ไม่มีวันยอมให้คุณทำลายครอบครัวของเราหรอก”
“ถ้าไม่เลิก เธอโดนดีแน่เพิร์ลลี่”
“นี่คุณถึงกับขู่เพิร์ลลี่เลยเหรอ ทำไม เพิร์ลลี่ก็ดีกับคุณมาตลอด ทำไมคุณทำแบบนี้ พอเถอะนะคะคุณยาหยี พี่ยอดเขาเลือกเพิร์ลลี่แล้ว คุณตัดใจซะเถอะ”
“แล้วเรื่องอะไรฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ฉันเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะเพิร์ลลี่ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนเอาจริงแค่ไหน ถ้ายังไม่ยอมเลิกล่ะก็ เธอได้ลงหน้าหนึ่งแน่”
วุ้นกดปิดคลิปนั้นแล้วหันมาพูดกับยาหยี “ไงยะยัยหยี คลิปเมียหลวงทะลวงไส้ นี่ไม่กี่ชั่วโมงมีคนกดเข้าไปฟังเป็นหมื่นแล้วนะแก สงสัยพรุ่งนี้มีถึงแสนแหงๆ”
“นี่ถึงขนาดตัดต่อเสียงกันเลยเหรอ ฉันล่ะนับถือความพยายามของยัยนี่จริงๆ”
“อุ๊ย หนากว่านี้ ด้านกว่านี้ ยัยนี่ก็ทำมาแล้ว ไม่งั้นพี่สุดยอดจะเสร็จมันเหรอ”
“แกจะให้ฉันเปิดฉากสวนกลับมั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันระดมเพื่อนในวงการนักข่าวให้”
“ไม่ต้องเลยวุ้น ให้มันจบไปเถอะ ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกเขาอีกแล้ว”
“อย่างนี้แกก็เสียฝ่ายเดียวสิ เข้าทางยัยเพิร์ลลี่กันพอดี” ก้อยพูดแค้นๆ
“ช่างเหอะ ข่าวพวกนี้เดี๋ยวคนก็ลืม ฉันอยากดีลีทคนสองคนนี่ไปจากชีวิตฉันซะที แค่นี้ก็วุ่นวายมามากพอแล้ว” ยาหยีสรุปทิ้งท้ายอย่างเหนื่อยใจ
ooooooo
ตกกลางคืน สุดยอดรู้เห็นการกระทำครั้งนี้ของเพิร์ลลี่จากเพื่อนคนหนึ่งที่โทร.มาบอก เขาทั้งเบื่อทั้งเซ็งจนพูดไม่ออก อยากจะหนีเธอไปให้ไกลแสนไกล แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่เลี่ยงไปนอนที่โซฟาเหมือนทุกคืน
แต่คืนนี้เพิร์ลลี่ไม่ยอม แถมเธอยังลอยหน้าลอยตายั่วโมโหเขาเรื่องที่ตัวเองไปสร้างความเสื่อมเสียให้ยาหยี
“อยากจะดุด่าอะไรเพิร์ลลี่ก็ว่ามาเลยค่ะ แต่เพิร์ลลี่ยืนยันว่าเพิร์ลลี่ทำไปเพื่อป้องกันนังยาหยีไม่ให้มาแย่งพี่ไปจากเพิร์ลลี่”
สุดยอดถอนใจ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด หยิบหมอนกับผ้าห่มเตรียมตัวจะไปนอนนอกห้อง
“นั่นพี่จะไปไหน จะไปนอนโซฟาอีกแล้วเหรอ เพิร์ลลี่ไม่ยอมนะ”
เขาไม่สน หอบหมอนผ้าห่มออกจากห้องไป เพิร์ลลี่ก้าวตามพร้อมส่งเสียงโวยวายด้วยความโมโห
“พี่ยอดหยุดนะ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน...เพราะนังยาหยีใช่มั้ย พี่ถึงกับทำแบบนี้เลยเหรอ มันมีดีอะไร ทำไมถึงลืมมันไม่ได้ซะที”
สุดยอดไม่พูดอะไรสักคำ ล้มตัวลงนอนที่โซฟาแล้วคลุมโปงทันทีเลย
“อย่ามาทำแบบนี้กับเพิร์ลลี่นะพี่ยอด มาคุยกันก่อน” เธอพยายามดึงผ้าห่มออก แต่เขาไม่ยอมง่ายๆ นั่นยิ่งทำให้เธอโมโหมาก ทั้งด่าทั้งทุบตีเขาพัลวัน “ไอ้บ้า บ้าๆๆ เลิกกับนังยาหยีเดี๋ยวนี้นะ รับปากมาสิว่าจะเลิกกับมัน พูดซิ พูดๆๆ”
เขาคลุมโปงนิ่ง ปล่อยให้เพิร์ลลี่ทุบตีตามสบาย...ยิ่งเขาไม่ตอบโต้ใดๆ เพิร์ลลี่ก็ยิ่งคลุ้มคลั่งทุบตีเขาไม่ยั้ง
ooooooo
เช้าวันนี้ ภูมิชายเข้ามาที่สำนักงานทนายความของตน ก็พบว่าณนนท์มารออยู่ก่อนแล้ว
“มานานแล้วเหรอครับคุณณนนท์ ขอโทษนะครับ พอดีผมไปส่งข้าวตูที่โรงเรียนกับยี่หวาน่ะครับ ก็เลยมาช้า”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้วคุณณนนท์มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“ผมจะมาปรึกษาน่ะครับ ถ้าผมมีหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมว่านิตาเป็นแม่ที่ไม่มีความรับผิดชอบ เราพอจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาได้อีกรึเปล่าครับ”
“ถ้าเป็นหลักฐานสำคัญจริงๆ ก็น่าจะได้ครับ...ผมเองก็อยากจะแก้ตัวจากคราวที่แล้วเหมือนกัน ถ้ายังไงคราวนี้ผมจะไม่ให้ผิดพลาดอีก เดี๋ยวคุณณนนท์รอสักครู่นะครับ ผมขอจัดการเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่ง”
“เชิญครับ”
ทันทีที่พ้นจากณนนท์มา...ภูมิชายยิ้มร้าย เยาะหยันณนนท์ว่าเป็นไอ้โง่เหมือนเดิม!
ooooooo
ที่หน้าโรงเรียน...ผู้ปกครองทยอยมาส่งเด็กๆ ยี่หวากับข้าวตูเดินมาหยุดตรงหน้าครูปราณีที่ยืนรอรับนักเรียน พอเห็นข้าวตูยกมือไหว้หน้าตาเศร้าๆ ครูปราณีแปลกใจสงสัยถามข้าวตูว่าวันนี้เป็นอะไรทำไมทำหน้าอย่างนั้น หรือว่าไม่สบาย
“เปล่าหรอกค่ะ ข้าวตูเขาคิดถึงไข่ตุ๋น อยากไปเยี่ยม แต่ไข่ตุ๋นไม่สบายก็เลยไม่สะดวกน่ะค่ะ” ยี่หวาตอบแทนลูก
“ปู่เท่งบอกว่าวันนี้ไข่ตุ๋นต้องไปหาหมอน่ะครับ ข้าวตูอยากไปให้กำลังใจไข่ตุ๋น ทำไงดีล่ะครับคุณแม่ คุณครู”
“แหม ครูก็อยากให้กำลังใจไข่ตุ๋นเหมือนกันล่ะจ้ะ แต่ถ้าแห่กันไปเยอะๆ ไข่ตุ๋นก็ไม่ได้พักกันพอดีสิจ๊ะ แถมข้าวตูยังต้องเสียการเรียนด้วยนะ”
ยี่หวาใช้ความคิดอยู่ครู่นึง ก่อนจะนึกอะไรได้ เอ่ยกับครูปราณีว่า “ครูคะ ถ้าเสียเวลาซักสิบห้านาทีเพื่อพวกเราจะได้ให้กำลังใจไข่ตุ๋น คุณครูโอเคไหมคะ”
ครูปราณีแปลกใจว่ายี่หวาจะทำอะไรกันแน่...แต่อีกครู่เดียวก็ถึงบางอ้อ เมื่อยี่หวาส่งความรักและความห่วงใยของทุกคนผ่านจอไอแพดไปหาไข่ตุ๋นที่กำลังเตรียมตัวจะไปโรงพยาบาล
“ไข่ตุ๋น นี่เราเองนะ เห็นเรารึเปล่า วันนี้ไข่ตุ๋นจะไปหาหมอใช่มั้ย ข้าวตูขอให้หายไวๆนะ สู้ๆ”
กังฟูและเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกหลายคนก็มาทักทายและให้กำลังใจไข่ตุ๋นกันเซ็งแซ่ ต่างคนต่างแย่งกันพูดจนวุ่นวายไปหมด
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้เด็กๆ เป็นระเบียบหน่อยสิคะ มาแย่งกันได้ไง” ครูปราณีเบรกเด็กทุกคน แต่ตัวเองหันไปยิ้มแต้ให้ไข่ตุ๋น เก๊กหน้าวางมาดสุดๆ “ไข่ตุ๋นจ๋า นี่ครูปราณีนะลูก ครูคิดถึงหนูมากเลย”
เด็กๆยังอยากคุยกับไข่ตุ๋น จึงช่วยกันดันครูปราณีออกไป โดยไม่ฟังเสียงดุของคุณครู ไข่ตุ๋นเห็นภาพนั้นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เอนิตายืนมองไข่ตุ๋นที่ยิ้มแย้มมีความสุขก็รู้สึกสลดใจ พอเห็นลูกมีความสุขทำให้อดนึกไม่ได้ว่าถ้าตนพาลูกไปอยู่เมืองนอกแล้วจะเป็นยังไง?
ooooooo
เวลาต่อมา เอนิตาพาไข่ตุ๋นไปโรงพยาบาล เท่งตามมาด้วย ไข่ตุ๋นออกท่าออกทางอย่างมีความสุขคุยอวดเรื่องเพื่อนๆที่โรงเรียนให้ปู่ฟัง
“โอ้โฮ...ขนาดนั้นเลยเหรอ แหม ไฮเทคจริงๆเลย เด็กอนุบาลสมัยนี้”
“ปู่เท่งน่าจะมาเห็นนะคะ เพื่อนๆไข่ตุ๋นมากันทั้งโรงเรียนเลย”
“ฮ้า...อย่างงั้นเลยเหรอ แล้วนี่ไอเดียใครล่ะเนี่ย ปู่ชักอยากเห็นหน้าแล้วซิ”
“ก็น้ายี่หวาน่ะสิคะ น้ายี่หวาเก่งสุดๆเลย อย่างงี้ต้องเอาไปออกรายการอายอด จะได้เป็น...เจ๋งสุดๆกับยี่หวา”
เอนิตาไม่ค่อยพอใจที่ลูกชมยี่หวา ปรามขึ้นว่า “พอได้แล้วน่ะไข่ตุ๋น ออกแอกชั่นมากเดี๋ยวก็ปวดหัวขึ้นมาอีกหรอก”
จังหวะนี้พยาบาลเข้ามาในห้อง เชิญคุณปู่ของไข่ตุ๋นไปเซ็นเอกสาร เท่งจึงเดินตามเธอออกไป เอนิตามองตามแล้วหันมาบ่นกระปอดกระแปดว่า
“ตรวจไม่รู้กี่รอบแล้ว จะทำอะไรก็ไม่เห็นทำซักอย่าง”
“แม่คะ ไข่ตุ๋นจะตายรึเปล่าคะ”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะไข่ตุ๋น”
“ก็ไข่ตุ๋นไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนี่คะ เวลาปวดหัวมันปวดเหมือนกับจะแตกเลย ไข่ตุ๋นก็เลยไม่รู้ว่าจะตายรึเปล่า”
“ตายเตยอะไร ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวก็หาย หมอเดี๋ยวนี้เก่งออก ต้องรักษาไข่ตุ๋นหายแน่ๆ”
“แล้วถ้าไข่ตุ๋นหาย แม่จะพาไข่ตุ๋นไปอยู่เมืองนอกไม่ได้เจอกับพ่ออีกรึเปล่าคะ”
เอนิตาอึ้งไป ไม่รู้จะตอบลูกยังไงดี...ไข่ตุ๋นเข้ามากอดคลอเคลียแม่อย่างเอาใจ
“ไข่ตุ๋นจะไปอยู่กับแม่ก็ได้ค่ะ จะไม่ดื้อไม่ซน แล้วก็ไม่คิดจะไปหาพ่ออีกแล้วค่ะ”
“ทำไมล่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังร้องหาพ่ออยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็แม่ไม่มีใครนี่คะ แม่ต้องอยู่คนเดียว แต่พ่อยังมีปู่เท่ง อายอด แล้วถ้าไข่ตุ๋นไม่ยอมไปอยู่กับแม่อีก แม่จะอยู่กับใครล่ะคะ”
ฟังลูกแล้ว คนเป็นแม่ถึงกับน้ำตาคลอด้วยความซึ้งใจที่ลูกรักตนขนาดนี้
“ไม่เอาแล้ว...เลิกพูดซะที แม่ไม่อยากฟัง”
เอนิตาพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่ไม่ให้ร้องไห้ออกมาต่อหน้าลูก แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะไข่ตุ๋นคิดถึงตนตลอด แต่ตนไม่เคยสนใจความสุขของลูกเลย...
ooooooo
บ่ายวันนี้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้สุดยอดเอือมระอาเพิร์ลลี่ขึ้นมาอีกแล้ว...
ขณะเขาทำหน้าที่พิธีกรรายการ “โซลเมทคู่แล้วไม่แคล้วกัน” ซึ่งต้องมีคู่รักมาเป็นแขกรับเชิญ แต่พออัดรายการฯเสร็จ เพิร์ลลี่โผล่เข้ามาเห็นแขกรับเชิญฝ่ายหญิงใกล้ชิดสุดยอดเข้าหน่อย ก็โมโหหึงปรี่เข้าไปทำร้ายเธอทันที
“นี่แกทำอะไรพี่ยอดน่ะ อย่ามายุ่งกับพี่ยอดของฉันนะ”
แขกรับเชิญหญิงไม่ทันตั้งตัว กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว...
ความวุ่นวายเกิดขึ้นท่ามกลางความตกใจของทีมงานทุกคน รวมทั้งวุ้นกับก้อยที่มาดูการทำงานของนัทกับว่าน ทุกคนต้องช่วยกันแยกเพิร์ลลี่ออกมาอย่างยากลำบาก เพราะเธอคลั่งหนัก สี่ห้าคนก็ฉุดเธอแทบไม่อยู่
เสร็จเรื่อง....วุ้น ก้อย ว่าน และนัทพากันไปหายาหยีที่ร้านดอกไม้ ทุกคนบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ยาหยีฟังด้วยความเบื่อหน่ายรำคาญเพิร์ลลี่
“สงสัยยัยเพิร์ลลี่คงตกมันมั้ง มาถึงก็จ้วงเอาๆ บ้า
รึเปล่าก็ไม่รู้”
“เมื่อก่อนยัยนี่ยังแค่วีนแกคนเดียวนะหยี แต่นี่เห็นผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้พี่ยอดเป็นไล่ขวิดหมด เห็นผู้หญิงเป็นผ้าแดงรึไงเนี่ย”
จู่ๆ ก้อยทำท่าผงะเหมือนเห็นนิมิต ว่านสนใจมากถามเธอว่าเห็นอะไรเหรอ?
“ไม่เห็นค่ะ ก้อยกลัวทุกคนเครียด ก็เลยเล่นมุกน่ะ”
ทุกคนพากันมองก้อยด้วยสายตาด่าทอที่เล่นมุกไม่รู้จักเวล่ำเวลา จนก้อยจ๋อยสนิท
“ถึงเพิร์ลลี่จะเป็นยังไงมันก็เป็นสิ่งที่สองคนนั่นเขาต้องเคลียร์กันเอง ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะเข้าไปยุ่งหรอก” ยาหยีเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วคุณหยีไม่สงสารยอดมันบ้างเหรอครับ ที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ได้รักแถมยังจิตขึ้นทุกวัน” ว่านขอความเห็นใจแทนเพื่อน
“สุดยอดเขาทำตัวเองไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเขาไม่นอกใจหยี เรื่องมันก็ไม่เป็นแบบนี้”
“แต่คนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง คุณหยีจะไม่ให้อภัยเพื่อนผมเลยเหรอ” นัทช่วยอีกแรง
“อภัย...ไม่ได้หมายความว่าหยีต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสองคนนั่นนะคะ ยิ่งหยีเข้าไปปัญหามันก็ยิ่งไม่จบ”
“แล้วถ้าต่อไปพี่ยอดกับยัยเพิร์ลลี่เขาเลิกกัน แกจะทำยังไง” วุ้นหยั่งเชิง
“แล้วทำไมเขาต้องเลิกกันด้วย”
“สภาพอย่างงี้ไม่ต้องดูดวงฉันก็รู้ ใครมันจะทนไหว” ก้อยมั่นใจ
“แต่ฉันยังไม่เห็นสุดยอดพยายามอดทนอะไรเลย บอกตรงๆนะ ถ้าเขาไม่ยอมปรับตัว เอะอะก็คิดแต่จะเลิก ก็แสดงว่าเขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ ฉันไม่มีวันที่จะรักคนแบบนี้ได้หรอก” ยาหยีสรุปหนักแน่น
ooooooo
ค่ำนั้นเอง สุดยอดยังเซ็งไม่หาย เขากลับไปที่บ้านของตนแล้วบ่นให้เท่งฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด... หนักใจ
“อยากแต่งงานผมก็แต่งแล้ว แค่นี้ผมยังรับผิดชอบไม่พออีกเหรอครับพ่อ”
“บอกตรงๆนะยอด ไม่พอว่ะ”
“พ่อ...”
“ก็พ่อพูดเรื่องจริง...ไอ้ยอดเอ๊ย แกพูดออกมาต่อหน้าทุกคนว่าแกสมัครใจแต่งงาน แต่พอมีปัญหาเข้าหน่อยก็จะเลิกท่าเดียว ไม่เคยคิดจะปรับความเข้าใจกัน อย่างนี้มันก็เหมือนแต่งเพื่อเอาตัวรอดแล้วหาเรื่องเลิกทีหลังน่ะซิวะ มันจะใช้ได้เหรอ”
“ก็แล้วทีเขาล่ะพ่อ ทำไมไม่คิดปรับตัวมั่ง ตอนนี้
ไม่ใช่แค่หยีแล้ว แต่เล่นกราดไปทั่วเลย”
“นั่นก็เพราะเขารักแกไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มองจุดนี้บ้าง...เทียบกับเมียพี่แกแล้ว พ่อว่าเพิร์ลลี่ก็ยังดีกว่าตั้งเยอะ ไหนๆก็แต่งงานกันแล้ว แกไม่คิดจะประคับประคองครอบครัวแกบ้างเลยเหรอ พอไม่ถูกใจก็คิดจะหนีท่าเดียว อย่างนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชายนะโว้ยเจ้ายอด”
สุดยอดคิดตามแล้วนิ่งอึ้งไปอย่างเถียงไม่ออก
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้น เพิร์ลลี่กำลังเสิร์ชอินเตอร์เน็ตเพื่อหาวิธีเรียกร้องความสนใจจากคนรัก
“ร้อยแปดวิธีประชดคุณสามี...นี่แหละใช่เลย” เธอคลิกเข้าไปทันที “ยั่วให้หึง...เก่าอ่ะ มีดีกว่านี้มั้ยเนี่ย...ขู่ฆ่าตัวตาย ทำไปหลายรอบแล้วจะเวิร์กเหรอเนี่ย”
ขณะเธอสาละวนอยู่หน้าจอ สุดยอดเปิดประตูห้องเข้ามา เพิร์ลลี่หน้าตูมตึงหันไปทิ้งค้อน...กะให้เขามาง้อ
“เพิร์ลลี่...” เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ
“บอกไว้ก่อนนะว่าเพิร์ลลี่ไม่ผิด ก็พี่ยอดเล่นอี๋อ๋อกับยัยเบลซะขนาดนั้น อย่ามาบอกนะว่าไม่มีอะไร”
“พี่ขอโทษ”
เพิร์ลลี่อึ้ง ไม่คิดว่าจู่ๆสุดยอดจะขอโทษตน
“พี่ควรจะบอกเพิร์ลลี่ว่าพี่ทำงานกับใคร ยังไง เพิร์ลลี่จะได้ไม่เข้าใจผิด แต่ทีหลังเพิร์ลลี่ก็ต้องหัดใจเย็นกว่านี้ มีอะไรก็ต้องถาม ต้องคุยกันก่อน โอเคมั้ย”
“ค่ะ เพิร์ลลี่ก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกัน ต่อไปเพิร์ลลี่จะไม่ทำอีกแล้วค่ะ เราดีกันนะ”
เธอยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า สุดยอดยิ้มรับแล้วยอมเกี่ยวก้อยด้วย...เพิร์ลลี่ดีใจเข้ามากอดออดอ้อนเขาอีก
“เพิร์ลลี่รักพี่ยอดนะคะ ที่เพิร์ลลี่ทำทุกอย่างไปก็เพราะเพิร์ลลี่หวงพี่ แล้วพี่ยอดล่ะคะ รักเพิร์ลลี่รึเปล่า”
สุดยอดหน้าเจื่อน อ้ำๆอึ้งๆขึ้นมาทันที
“เอ่อ...พี่...พี่จะพยายามเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีนะ จะซื่อสัตย์แล้วก็ดูแลเพิร์ลลี่ตลอดไป”
เพิร์ลลี่ดีใจ แต่พอคิดไปคิดมาก็ชักทะแม่ง
“เอ๊ะ เพิร์ลลี่ไม่ได้ถามเรื่องนี้นี่คะ เพิร์ลลี่ถามว่าพี่รักเพิร์ลลี่รึเปล่า”
สุดยอดอึดอัด ตอบอึกๆอึกๆ “เอ่อ...พี่...พี่ไม่อยากโกหก”
“หมายความว่าไง ไม่อยากโกหก นี่แสดงว่าพี่ไม่รักเพิร์ลลี่เลยใช่มั้ย...นี่แน่ะๆ” เพิร์ลลี่โมโหมากทุบตีเขาไม่ยั้ง
สุดยอดได้แต่เอามือปิดป้องตัวเอง นึกในใจว่าช่างยากเย็นเสียจริงที่จะอยู่กันอย่างสงบสุข...คุยกันดีๆได้คำสองคำก็ตีกันอีกแล้ว
ooooooo










