สมาชิก

ลิขิตเสน่หา

ตอนที่ 16

ที่สำนักงานทนายความ...ภูมิชายนัดคุยเรื่องคดีที่เอนิตาฟ้องหย่าณนนท์ โดยมียี่หวาร่วมรับฟังอย่างเป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าณนนท์

“เท่ากับว่าตอนนี้เราก็ต้องนับหนึ่งเริ่มหาหลักฐานไปสู้คดีกับคุณนิตากันใหม่น่ะสิคะ”

“เอกสารบางอย่างก็พอจะขอได้ใหม่ครับ บางอย่างก็คงไม่ได้ พวกข่าวหรือคลิปวีดิโอก็อาจจะค้นได้ในอินเตอร์เน็ต เสียดายก็แต่รูปถ่ายของผมกับไข่ตุ๋น คงหาที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะครับ”

“หาได้ไม่ครบก็ไม่เป็นไรครับ ลงถ้าผมว่าความเองยังไงก็ต้องชนะ แต่อย่างที่ผมแนะนำ เราพยายามขอเจรจาก่อน ถ้าคุณนิตาเกิดพอใจข้อเสนอของคุณแล้วยอมถอนฟ้อง มันก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย ฟ้องร้องกันมันก็เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินทอง แล้วที่เสียมากที่สุดคือสภาพจิตใจของลูกนะครับ”

ณนนท์กับยี่หวาเห็นดีด้วยกับภูมิชาย โดยเฉพาะยี่หวาถึงกับออกปากชื่นชมเขาว่า

“เราโชคดีจริงๆ ที่ได้ทนายที่ทั้งเก่งทั้งเข้าใจเราอย่างคุณภูมิมาดูแลคดีให้”

“คุณยี่หวาก็ชมเกินไปครับ ผมแค่ไม่อยากให้ไข่ตุ๋นต้องกระทบกระเทือนใจมากก็เท่านั้น”

“ผมขอบคุณแทนไข่ตุ๋นด้วยนะครับคุณภูมิชาย” พูดแล้วณนนท์หันมายิ้มกับยี่หวา จึงไม่เห็นสายตาและรอยยิ้มร้ายๆของจอมแผนการอย่างภูมิชาย

ค่ำนั้นขณะณนนท์ขับรถกลับบ้าน โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ว่านนั่นเองที่โทร.มา ณนนท์รับสายพูดได้ไม่กี่คำก็เปลี่ยนเส้นทางทันที

เขาบึ่งรถไปจอดริมถนนที่มีผับหลายแห่งเรียงราย แล้วรีบวิ่งไปหาว่านกับนัทที่ยืนรออย่างกระวนกระวาย สองหนุ่มบอกว่าสุดยอดเละเลย พวกตนห้ามว่าอย่ากินก็ไม่เชื่อ พี่นนท์คงต้องไปห้ามเองก่อนที่พวกนักข่าวจะมาเห็น

ณนนท์ตกใจมากนึกว่าน้องชายเมาเหล้า แต่ที่ไหนได้พอวิ่งตามว่านกับนัทไปถึง ปรากฏว่าสุดยอดโซ้ยบะหมี่เกี๊ยวเป็นสิบชาม กินไปน้ำตาไหลไป

“เอามาอีก จะกินให้ตายไปข้างนึงเลย ฮือๆ”

ณนนท์มองน้องแล้วส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ นัทบอกว่าร้านนี้สุดยอดเคยมากินกับยาหยี

“เขามีแต่อกหักแล้วกินเหล้า แต่น้องเราอกหักแล้วกินหมี่เกี๊ยว...มันสุดยอดสมชื่อจริงๆว่ะ”

พูดขาดคำ สุดยอดล้มลงตกเก้าอี้ ณนนท์กับสองหนุ่มรีบเข้าประคองและเขย่าตัว สุดยอดลืมตาขึ้นมาทุรนทุราย บอกว่าตนยังไม่ตาย แต่ไม่ไหวแล้ว...พูดจบก็อาเจียนพุ่งพรวดใส่ว่านกับนัทเต็มรัก ณนนท์ถึงกับถอนใจเฮือก คิดไม่ถึงว่าอาการอกหักจากความรักเข้าขั้นรุนแรง

ooooooo

วันถัดมา ณนนท์กับเอนิตานั่งประจันหน้ากันในสำนักงานของภูมิชาย เอนิตามาพร้อมกับทนายความส่วนตัว แต่ดูสีหน้าท่าทางเธอไม่มั่นใจเอาเสียเลย

“ขอบคุณคุณเอนิตาที่เสียสละเวลามาเจรจาพูดคุยกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ก็ดีนะครับ เพราะเรื่องก็ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลา เสียชื่อเสียงทั้งสองฝ่าย” ภูมิชายเปิดประเด็นฐานะทนายฝ่ายณนนท์

ทนายความของเอนิตาจึงให้ณนนท์ว่ามา มีข้อเสนอยังไงก็เชิญได้เลย แต่ณนนท์จะขอคุยกับเอนิตาตามลำพัง เอนิตามีท่าทีหวาดๆ ตอบอึกๆอักๆว่า

“แต่ว่าฉัน...ฉันกลัวว่า...”

“คุณกลัวอะไร คนอย่างคุณกลัวอะไรเป็นด้วยเหรอ” ณนนท์ว่าให้

“ก็ได้ เชิญพวกคุณออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันขอคุยกับสามีสุดที่รักของฉันตามลำพัง”

ภูมิชายผายมือเชิญทนายความฝ่ายเอนิตา รายนั้นขยับตัวแต่ยังย้ำกับเอนิตาว่าไม่ต้องกลัว ตนรออยู่หน้าห้องนี่แหละ

เมื่อในห้องเหลือกันแค่สองคน เอนิตาก็เปลี่ยนท่าทีหวาดกลัวเป็นจ้องหน้าณนนท์ยิ้มๆอย่างท้าทาย เขามีอะไรเชิญว่ามาได้เลย...

ขณะทั้งสองคนตั้งท่าจะเจรจากัน...ภูมิชายที่หน้าห้องได้ติดต่อไปยังยี่หวาอย่างเร่งรีบ

“คุณยี่หวา...ไม่ลืมนัดของเราตอนสิบโมงใช่ไหมครับ... จอดรถอยู่เหรอครับ...ครับๆ เข้ามาเลยนะครับ ผมรอคุณอยู่” ภูมิชายกดวางสายพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

ในห้อง ณนนท์กับเอนิตาคุยกันเคร่งเครียด เขาเสนอเงินให้เธอสิบล้านแลกกับไข่ตุ๋น แต่เธอยึกยักทันทีว่า

“แต่ถ้าฉันยังมีไข่ตุ๋นไว้ในมือ กว่ายัยไข่ตุ๋นจะโต ฉันเชื่อว่าฉันต้องได้มากกว่าสิบล้าน”

“นิตา ผมขอร้องล่ะ บอกผมมาตรงๆ ผมรู้ว่าคุณต้องการเงิน เท่าไหร่คุณถึงจะยอมคืนลูกให้ผม”

“ฉันจะยอมคืนลูกให้คุณก็ต่อเมื่อเรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ชัดมั้ย”

“เพื่ออะไร ในเมื่อคุณไม่ได้รักผม รักลูก เลี้ยงดูแกเลยซักนิดคุณก็ไม่เคย”

“เพื่อไม่ให้คุณมีความสุขกับนังยี่หวายังไงล่ะ อีกอย่างคุณแน่ใจได้ยังไงว่ายัยไข่ตุ๋นเป็นลูกคุณไม่ใช่ลูกคนอื่น”

ณนนท์กัดฟัน กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เอนิตาสะใจยั่วโมโหต่อ

“บางทีคุณมันก็เป็นแค่แม่นกกาเหว่าโง่ๆ หลงเลี้ยงลูกที่แม่กาอย่างฉันเอามายัดเยียดให้ฟักตั้งหกปีก็ได้นะ”

ณนนท์สุดทนปราดเข้าไปบีบไหล่เธอทั้งสองข้าง “ไข่ตุ๋นเป็นลูกผม ผมเลี้ยงแกมาตั้งแต่เกิด ผมรู้!”

“โอ๊ย ปล่อยฉันเจ็บนะ” เอนิตาพยายามดิ้นพลางชำเลืองมองกล้องวงจรปิดที่เพดาน แล้วเหวี่ยงตัวเองล้มไปอย่างรวดเร็ว โดยคว่ำหน้าลงทำทีเป็นว่าณนนท์เหวี่ยงมากระแทกมุมโต๊ะจนปากแตกเลือดอาบ แต่ที่แท้เธอแอบกัดริมฝีปากตัวเองต่างหาก

เมื่อณนนท์เห็นเธอเงยหน้าขึ้นมาเลือดกบปากก็ตกใจ ก้าวเข้าหาด้วยความเป็นห่วง แต่เธอกลับร้องลั่นราวสติแตก ผงะถอยไปชนโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด

“อย่านนท์ คุณจะทำอะไรฉัน อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว”

“นิตา คุณเป็นอะไร ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณซักหน่อย” เขาเดินเข้ามาจับไหล่เธอ หมายจะปลอบให้สงบ แต่เธอโวยวายปากคอสั่น

“อย่าเข้ามานะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายฉัน ทำร้ายไข่ตุ๋น...ออกไป ออกไปไกลๆฉัน”

“ใจเย็นๆนิตา ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ”

เมื่อเขาเข้ามาประชิดตัว เอนิตาฉวยโอกาสนี้คว้ามือเขามาไว้ที่คอ แล้วทำหน้าบิดเบี้ยวเหมือนหายใจไม่ออก ณนนท์ งงเป็นไก่ตาแตก พยายามดึงมือออก แต่เธอไม่ปล่อยแถมยังจับเอาไว้แน่น

เวลานั้นยี่หวามาถึงแล้ว เธอถามภูมิชายว่ามีธุระอะไรถึงได้โทร.นัดให้มาหาด่วนแบบนี้

“ผมมีเรื่องเรื่องสำคัญจะสอบถามคุณนิดหน่อยน่ะครับ เพื่อรูปคดี”

“เอ๊ะ ไหนคุณว่าที่ฉันให้ปากคำไปก็ครบถ้วนแล้วนี่คะ”

“ผมลืมข้อเล็กๆน้อยๆที่อาจจะเป็นประโยชน์ไปน่ะครับ”

สิ้นคำอธิบายของภูมิชาย เสียงร้องขอความช่วยเหลือในห้องดังขึ้น ทุกคนตกใจกรูกันเข้าไป...แล้วก็ยิ่งอึ้งไปกันใหญ่เมื่อเห็นณนนท์กำลังบีบคอเอนิตาที่เลือดไหลกบปาก

“ปล่อยฉัน ฉันกลัวแล้ว อย่าฆ่าฉัน ช่วยด้วย” เอนิตา

กรีดร้องอย่างขวัญเสีย ณนนท์รีบชักมือออกจากคอเอนิตาด้วยความงุนงง ส่วนคนอื่นๆแตกตื่นมองณนนท์เป็นตาเดียว

ทนายความเข้าไปประคองเอนิตา ถามว่าเป็นอะไรมากไหม เอนิตาบอกไม่เป็นไร แต่ทนายความยังทำท่าจะเอาเรื่องณนนท์ พูดใส่หน้าว่าตนเห็นกับตาว่าเขาทำร้ายเธอ รวมทั้งภูมิชายกับยี่หวาก็เห็น

ยี่หวาหน้านิ่งไม่พูดอะไร ขยับมาช่วยประคองเอนิตา แต่ถูกปัดมือออกอย่างแรง

“ไม่ต้องมาถูกตัวฉัน” เอนิตาตวาดแว้ด มองยี่หวาด้วยสายตาโกรธจัด แล้วแกล้งสำออยร้องโอ๊ย

“ไปโรงพยาบาลทำแผลก่อนเถอะครับ ให้หมอเช็ก เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปแจ้งความ อ้อ คุณภูมิชาย ผมอยากได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของคุณ คุณช่วยเตรียมไว้ด้วยนะครับ”

สั่งเสร็จ ทนายความพาเอนิตาออกไป ณนนท์หน้าซีด ยืนยันกับภูมิชายและยี่หวาว่าตนไม่ได้ทำอะไรเอนิตาจริงๆ เธอเกิดสติแตกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้

“ครับ ผมเชื่อ” ภูมิชายตอบ...แต่สายตาที่หันไปมองยี่หวาบอกชัดว่าไม่เชื่อ

“แล้วอย่างนี้จะมีผลกับคดีหรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้องกลัวครับคุณนนท์ กล้องวงจรปิดผมติดไว้อย่างงั้นแหละ แต่มันใช้งานไม่ได้ ลำพังแค่ใบแจ้งความใบเดียวมันไม่พอจะทำให้ศาลเชื่อหรอกครับ”

ณนนท์หนักใจ หันมองยี่หวา แต่เธอหลบตา แล้วเอ่ยขอตัวเดินเลี่ยงออกไป นั่นยิ่งทำให้ณนนท์เคร่งเครียดกลัวเธอจะเชื่อว่าตนบีบคอเอนิตา
ภูมิชายลอบมองแล้วยิ้มสมใจที่ทั้งหมดเป็นไปตามแผน

ooooooo

ที่หน้าบ้านเพิร์ลลี่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเพราะมีแฟนคลับกลุ่มใหญ่ของสุดยอดถือป้ายประท้วงการแต่งงานระหว่างเพิร์ลลี่กับสุดยอดที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้

แฟนคลับทุกคนรับไม่ได้ ส่งเสียงก่นด่าเซ็งแซ่ไปหมด แถมยังจ้างหมอผีมาทำพิธีปราบปิศาจร้ายเพิร์ลลี่ ซึ่งทุกคน

เชื่อว่าเธอทำเสน่ห์ใส่สุดยอด นักข่าวเห็นดังนั้นก็กรูเข้ามาถ่ายภาพและสัมภาษณ์กันยกใหญ่

หมอผีร่ายมนต์เสียงดังผสมผสานกับเสียงโห่ร้องไล่ส่งของแฟนคลับ เพิร์ลลี่กับชม้อยประหลาดใจว่าใครมาเอ็ดตะโรหน้าบ้าน พอเปิดประตูออกมาก็ต้องผงะกับข้าวสารเสกของหมอผี

“ว้าย...ไอ้บ้า แกเอาอะไรมาปาใส่ฉัน”

หมอผีไม่สนเสียงด่าของเพิร์ลลี่ ซัดน้ำมนต์ใส่ไปอีก คราวนี้สองแม่ลูกตกใจร้องกรี๊ดสุดเสียง แล้วขับไล่ทุกคนไปให้พ้นก่อนที่ตนจะเรียกตำรวจมาจับ แต่หมอผีและกลุ่มแฟนคลับไม่ขยับ จนกระทั่งสองแม่ลูกหายเข้าไปในบ้านสักครู่ก็มีควันและกลิ่นฉุนลอยคลุ้งออกมาทำให้ทุกคนแสบตาจนน้ำตาไหลต้องผละจากไปในที่สุด

ที่แท้ เพิร์ลลี่ให้แม่บ้านคั่วพริกไล่พวกเขานั่นเอง ชม้อยสะใจถึงกับหัวเราะชอบใจในความร้ายกาจของลูกสาว

ooooooo

วันเดียวกันนี้ เอนิตาแอบมาพบภูมิชายที่สำนักงาน หลังจากเมื่อเช้าเธอได้ละครฉากใหญ่ตามคำแนะนำของเขาสำเร็จไปแล้ว

“คุณนี่ร้ายกาจจริงๆ สมกับเป็นทนายมือหนึ่ง เห็นแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันชนะคดีแหงๆ”

“คงต้องชมฝีมือการแสดงของคุณด้วยล่ะครับ แนบเนียนจนดูเหมือนว่าคุณณนนท์กำลังทำร้ายร่างกายคุณจริงๆ เป็นหลักฐานที่ดีเลยทีเดียว ดีซะยิ่งกว่าพยานบุคคลเพราะยังไงกล้องก็ไม่มีวันโกหก”

“ฉันขอถามอะไรคุณหน่อย คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร คุณมาช่วยฉันทำไมในเมื่อฉันเป็นคู่กรณีกับลูกค้าของคุณ”

“ง่ายๆสั้นๆ ผมต้องการยี่หวามาเป็นของผม ชัดมั้ย”

“ชัดที่สุด” เอนิตายิ้มกว้างออกมา สบตาภูมิชายอย่างสะใจ

ooooooo

ยาหยีนั่งหน้าเศร้าทำของชำร่วยงานแต่งให้สุดยอดตั้งแต่เย็นจนดึกดื่น ยี่หวากับบุญเลื่องยืนมองห่างๆ รู้สึกสงสารยาหยีจับใจ

“หยีเขาจะไม่ไปงานแต่งของเพิร์ลลี่กับสุดยอดค่ะ แต่เขาตั้งใจจะทำของชำร่วยให้เป็นของขวัญวันแต่งงานแทน” ยี่หวาบอกแม่

“โถ...ถึงขนาดนี้แล้วยังไปทำให้เขาอีก”

“เห็นว่ารับปากสุดยอดไว้แล้วก็ไม่อยากให้คนอื่นเขาว่าเอาได้น่ะค่ะ”

“ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเลย ไม่คิดบ้างเหรอว่าหยีจะเสียใจแค่ไหนที่ต้องมานั่งทำของชำร่วยให้แฟนตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงอื่น...ว่าแต่เราอีกคนเป็นอะไรไปดูเครียดๆ”

ยี่หวานิ่งไปนิด เธอยังครุ่นคิดเห็นเหตุการณ์ที่ณนนท์บีบคอเอนิตา แต่บอกแม่ว่าไม่มีอะไร แล้วชวนกันเข้าไปหายาหยีจะช่วยทำของชำร่วย

เพียงแค่แม่กับพี่สาวเดินเข้ามาแตะไหล่ ยาหยีก็โผเข้ากอดทั้งคู่ทั้งน้ำตา บุญเลื่องน้ำตาจะไหลตาม ลูบผมลูกสาวคนเล็กไปมา พร้อมกับรำพึงขึ้นว่า

“ทำไมเราสามคนถึงได้อาภัพความรักกันอย่างนี้นะ”

ooooooo

เช้าวันหนึ่ง ยี่หวารีบร้อนไปที่บ้านณนนท์หลังได้รับการติดต่อจากเขาว่าศาลตัดสินคดีแล้ว

“เราแพ้ ศาลตัดสินให้ไข่ตุ๋นอยู่ในความดูแลของแม่”

คำบอกเล่าข้างต้นของเท่งทำให้ยี่หวาใจหายวาบ...

ณนนท์นั่งก้มหน้าคอตกด้วยความเสียใจ

“ผมอาจไม่ได้เจอไข่ตุ๋นอีกนานเลยครับพ่อ หรือไม่ก็ตลอดชีวิต”

“ทำไมล่ะนนท์”

“นิตาบอกว่าจะพาไข่ตุ๋นไปอยู่เมืองนอกถาวรครับพ่อ”

“อะไรนะ ทำอย่างนี้มันก็พรากพ่อพรากลูกกันน่ะสิ แล้วเราไม่มีทางไหนที่จะทำให้เอนิตาเปลี่ยนใจเลยเหรอ”

“ไม่มีครับ เขายืนยันอย่างเดียว...ผมจะต้องกลับมาคืนดีกับเขา กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ครับพ่อ ความรักที่ผมมีให้เขามันหมดไปนานแล้วครับ”

“พ่อขา ปู่ขา...ไข่ตุ๋นกลับมาแล้วค่า” ไข่ตุ๋นส่งเสียงใสๆ วิ่งร่าเริงเข้ามาในบ้าน ทุกคนหันมองด้วยความประหลาดใจ

ไข่ตุ๋นโผเข้ากอดณนนท์แน่น เท่งยิ้มร่าขอกอดหลานสาวบ้าง ยี่หวาเองก็ดีใจแต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถามไข่ตุ๋นว่ามาได้ยังไง?

ทันใดนั้น เอนิตาก้าวเข้ามา ตอบเสียงดังฟังชัดว่า “ฉันพาไข่ตุ๋นมาเก็บของ เราจะย้ายไปอยู่เมืองนอกกันให้เร็วที่สุด”

ทุกคนนิ่งอึ้งไปกันหมด...จากนั้นไม่นาน ณนนท์ก็พาไข่ตุ๋นขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของเพื่อไปอยู่เมืองนอกกับเอนิตา แต่ไข่ตุ๋นไม่ยอม ร้องไห้อาละวาดจะอยู่กับพ่อท่าเดียว

“ไม่ได้ลูก ไข่ตุ๋นต้องไปกับแม่เขา แล้วพ่อจะบินไปเยี่ยมไข่ตุ๋นบ่อยๆนะ”

“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่ไป ไข่ตุ๋นคิดถึงปู่เท่ง ไข่ตุ๋นคิดถึงอายอด ไข่ตุ๋นคิดถึงข้าวตู”

ณนนท์รูดซิปปิดกระเป๋าแล้วดึงมือไข่ตุ๋นเดินออกจากห้อง แต่ไข่ตุ๋นขืนตัวไม่ยอมเดิน

“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่ไปไม่...พ่อขาไข่ตุ๋นไม่ไป ไข่ตุ๋นจะอยู่ที่นี่”

ณนนท์ตัดสินใจอุ้มไข่ตุ๋นออกจากห้อง ไข่ตุ๋นดิ้นรนกรีดร้องอาละวาดลั่น จนถึงหน้าบ้านที่เอนิตายืนรออยู่ข้างรถ โดยเท่งกับยี่หวาก็อยู่ด้วย ทุกคนหน้าเศร้าสงสารไข่ตุ๋น แม้แต่เอนิตาก็แอบน้ำตาคลอ

เมื่อณนนท์ปล่อยตัวไข่ตุ๋นลง ไข่ตุ๋นรีบวิ่งไปกอดเท่ง และอ้อนวอนทั้งน้ำตา

“ปู่ขา...ปู่ช่วยไข่ตุ๋นด้วย อย่าให้ไข่ตุ๋นไป ให้ไข่ตุ๋นอยู่กับปู่ด้วยคนนะคะ”

“นิตา ให้ไข่ตุ๋นอยู่ที่นี่เถอะนะ”

“ไม่ได้ค่ะ ศาลตัดสินแล้วนะคะว่าลูกต้องอยู่กับนิตา หรือว่าพ่ออยากจะให้นนท์ติดคุกเพราะขัดขืนคำสั่งศาลก็เอาสิคะ”

เท่งถอนใจ รู้สึกสงสารทั้งณนนท์และไข่ตุ๋น ยี่หวาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเท่ง แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากส่งสายตา

“ไข่ตุ๋นขึ้นรถ” เอนิตาสั่งเฉียบ

ณนนท์เอากระเป๋าลูกไปใส่รถ ไข่ตุ๋นร้องไห้โฮพยายามแย่งกระเป๋าออกจากมือพ่อ พร้อมส่งเสียงเอ็ดอึงว่าไม่ไป ไข่ตุ๋นไม่ไป

“ไข่ตุ๋นขึ้นรถนะลูก” ณนนท์กล่อมอย่างใจเย็น แต่ไข่ตุ๋นยังดื้อดึง เขาเลยต้องขึ้นเสียงดุ “ไม่ไปไม่ได้ ไข่ตุ๋นต้องไป ไข่ตุ๋นไม่เคยดื้อกับพ่อนี่ รึว่าไข่ตุ๋นไม่รักพ่อ ไม่เชื่อฟังพ่อแล้ว ถึงขัดคำสั่งพ่อ”

ไข่ตุ๋นทรุดลงคุกเข่าพนมมือไหว้พ่อทั้งน้ำตานองหน้า “พ่อขา...พ่ออย่าให้ไข่ตุ๋นไปเลยนะคะ พ่อให้ไข่ตุ๋นอยู่กับพ่อนะคะ ไข่ตุ๋นจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน”

ยี่หวาถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสงสารไข่ตุ๋น เท่งทนไม่ไหวหันหลังเดินเข้าบ้านทันที ณนนท์ไม่มีทางเลือกอื่น ทำใจร้ายตะเบ็งเสียงใส่ลูกสุดที่รัก

“ไม่ได้...พ่อบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ พ่อเกลียดเด็กดื้อ ไข่ตุ๋นพูดไม่รู้เรื่อง พ่อไม่ให้ไข่ตุ๋นอยู่บ้านนี้แล้ว จะไปไหนก็ไป... ไปให้พ้น!”

“พ่อขา...อย่าไล่ไข่ตุ๋นเลย ไข่ตุ๋นรักพ่อ รักอายอด รักปู่เท่ง”

“แต่พ่อไม่รักไข่ตุ๋น พ่อบอกให้ไปก็ไปสิ”

ไข่ตุ๋นร้องไห้โฮ เสียใจสุดๆ ตะโกนลั่นว่าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว...ณนนท์หน้าเสีย กลั้นน้ำตาไม่อยู่ มองตามรถเอนิตาที่ขับเคลื่อนออกไปจนลับตา โดยมียี่หวายืนตาแดงๆอยู่ข้างเขา

ooooooo

ในโทรทัศน์ นักข่าวบันเทิงกำลังสัมภาษณ์เพิร์ลลี่เรื่องงานแต่ง โดยมีชม้อยยืนเสนอหน้าอยู่ข้างๆ เพิร์ลลี่พูดเป็นต่อยหอยบรรยายถึงงานแต่งงานที่สุดเว่อร์ พอนักข่าวถามว่าแต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม ชม้อยก็รีบแย่งไมค์มาจ่อปากตัวเอง ร่ายยาวว่า

“คุณแม่ขอเม้นต์เลยนะคะว่าต้องมีเลย แม่อยากให้น้องเพิร์ลลี่มีหลานให้แม่เร็วๆ เพราะว่ามีคนติดต่อมาเยอะเลยค่ะ อยากให้ลูกของน้องเพิร์ลลี่ไปถ่ายโฆษณา มีทั้งสบู่เด็ก แป้งเด็ก นมผง ผ้าอ้อม แม่รับงานไว้หมด คิวเต็มตั้งแต่ยังเป็นทารกจนเรียนจบมหาลัยโน่นน่ะค่ะ”

สุดยอดเปิดโทรทัศน์ดูข่าวนี้อยู่ที่ออฟฟิศณนนท์ เขาส่ายหน้าอย่างสุดเซ็งก่อนกดปิดแล้วทำท่าจะเดินออกไป พอดีว่านกับนัทถือกล่องของชำร่วยเข้ามา ว่านถามสุดยอดว่าจะให้วางไว้ที่ไหน

“กองๆไว้ตรงนั้นแหละ” สุดยอดบุ้ยใบ้ไปอย่างไม่สนใจ แล้วฉุกใจถามเพื่อนว่า ใครเอามาส่ง

“ยาหยี”

ฟังคำตอบจากนัทแล้ว สุดยอดวิ่งอ้าวออกไปทันที เป็นเวลาที่ยาหยีกำลังสตาร์ตรถ พอเหลือบเห็นสุดยอด เธอก็รีบเหยียบคันเร่งพุ่งออกไป สุดยอดวิ่งตามไม่ทัน ได้แต่ยืนหน้าเศร้า น้ำตาซึม

แล้วดึกดื่นคืนนั้น สุดยอดก็ไปปรากฏตัวที่หน้าบ้านบุญเลื่องในสภาพเมามาย ทั้งๆที่วันพรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเขากับเพิร์ลลี่

สุดยอดทั้งกดออดทั้งตะโกนเรียกยาหยีให้เปิดประตู ทำให้ทุกคนในบ้านตกอกตกใจ บุญเลื่องทำท่าจะออกไปแต่ยาหยีอาสาไปดูเอง

เธอเดินมาหยุดตรงประตูรั้ว แอบมองสุดยอดที่ยืนโงนเงนตะโกนโวยวาย

“หยีผมขอโทษ...ผมรักคุณ ได้ยินมั้ยหยี ผมขอโทษ”

ยาหยีน้ำตาไหลพราก ยืนพิงประตูเอามือปิดปากร้องไห้ไม่ให้เขาได้ยิน

“หยี...ผมรักคุณ ให้อภัยผมนะหยี ออกมาเจอผมหน่อย...ผมขอโทษ ยาหยี ผมรักคุณ เปิดประตูให้ผมหน่อย”

เสียงเอะอะของสุดยอดทำให้เพื่อนบ้านเดินออกมาด่าด้วยความโมโห

“นี่มันตีสามแล้วนะยะพ่อคุณ จะแหกปากบอกรักกันก็ไปที่อื่น เดี๋ยวฉันจะแจ้งตำรวจให้มาลากคอไปบอกรักกันในคุกซะเลยเอามั้ย”

สุดยอดยกมือเป็นเชิงยอม แต่พอเขาหันหลังจากไป สุดยอดก็ตะโกนบอกรักยาหยีอีก ก่อนจะหมดแรงทรุดลงกับพื้น ยาหยีเห็นแล้วถึงกับร่ำไห้ราวกับดวงใจแตกสลาย

ooooooo

เช้าขึ้น เพิร์ลลี่เริงร่าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อาบน้ำแต่งตัวเตรียมเป็นเจ้าสาวเต็มที่ แต่จู่ๆณนนท์ก็ทำให้เธออารมณ์เสียอย่างฉับพลัน

ณนนท์โทร.มาบอกเพิร์ลลี่ว่าสุดยอดหายไป เมื่อคืนไม่กลับบ้าน เพิร์ลลี่โกรธจี๊ด ยื่นคำขาดกับณนนท์ว่ายังไงก็ต้องหาสุดยอดให้เจอ ซึ่งเธอพอจะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

ไม่นานนัก ณนนท์ก็ไปปรากฏตัวที่บ้านยี่หวา แล้วก็พบสุดยอดนอนหลับอยู่ข้างกระถางต้นไม้หน้าบ้านนั่นเอง สุดยอดถูกปลุกให้ตื่นเพื่อไปเข้าพิธีแต่งงาน โดยณนนท์ขออนุญาตยี่หวาใช้ห้องน้ำในบ้านให้สุดยอดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เชิญค่ะ ใช้ห้องข้าวตูก็ได้ค่ะ”

“แล้วข้าวตูล่ะครับ”

“ไปวัดกับแม่ค่ะ”

ณนนท์ก้มลงจะดึงน้องชายที่ยังงัวเงียงุนงง แต่สุดยอดกลับปัดป้องบอกว่า

“ไม่ไป ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมไม่อยากแต่งงาน”

สุดยอดนั่งขัดสมาธิ กอดอกเม้มปากแน่น ณนนท์ กับยี่หวาต้องช่วยหิ้วปีกประคองเขาเข้ามาในบ้าน แต่เขาก็ยังโวยวายไม่หยุด

“ไม่เอา ไม่ไป ไม่แต่ง ผมจะอยู่ที่นี่ ผมจะอยู่กับหยี...ยาหยีๆ”

ยาหยีอยู่ชั้นบนได้ยินทั้งหมด เธอสุดทนกับความดื้อด้านของเขา เดินลงมายืนประจันหน้า

“หยี...ผมไม่แต่งงานได้ยินมั้ย ผมไม่แต่ง ผมรักคุณ”

ผัวะ! ยาหยีฟาดหน้าเขาเต็มแรง เหมือนจะเรียกสติเขากลับคืน

“มาถึงขั้นนี้แล้วนายยังจะหนีความรับผิดชอบอีกเหรอ ฉันหลงคิดว่านายเป็นลูกผู้ชาย มีความรับผิดชอบ กล้าทำกล้ารับ ฉันนึกว่านายยังพอมีดีอยู่ในตัวบ้าง แต่ที่แท้...นายมันก็ผู้ชายเฮงซวยไม่มีที่ติ ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ นายทำร้ายจิตใจฉันคนเดียวยังไม่พอ นายยังคิดจะทำลายชีวิตของเพิร์ลลี่อีกคนเหรอ คอยดูนะ ถ้านายหนีงานแต่งงาน ฉันจะไม่ให้อภัยนายตลอดชีวิต”

ยาหยีพรั่งพรูแล้วจะเดินกลับขึ้นข้างบน แต่ต้องชะงักกับเสียงเรียกเข้มๆของสุดยอด...

เมื่อเขายอมแล้ว ทุกคนจึงพาเขาขึ้นไปที่ห้องข้าวตู ก่อนที่ยาหยีจะบอกณนนท์กับยี่หวาว่า

“พี่สองคนไปรับหน้ายัยเพิร์ลลี่ที่งานก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้หยีจัดการเอง จะรีบเอาไปส่งให้เร็วที่สุด”

“ขอบใจมาก ฝากด้วยนะหยี”

ณนนท์กับยี่หวาเดินออกไป ยาหยีหันกลับมาหาสุดยอดที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ แต่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย เธอจัดการผูกเนกไทและสวมเสื้อสูทให้เขา แล้วจับไปนั่งหน้ากระจกหวีผมให้

“อืม หล่อแล้ว...รีบไปกันเถอะ ป่านนี้เขาคงรอนายกันแย่แล้ว”

สุดยอดมองยาหยีด้วยสายตาตัดพ้อต่อว่า แต่เธอทำเมินก่อนรีบเดินออกจากห้องไป

ooooooo

หน้าห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม...ป้ายงานวิวาห์เด่นหรา พอๆกับป้ายรูปสุดยอดตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบันที่แฟนคลับสาวๆสี่ห้าคนถือกันสลอน ทุกคนล้วนแต่งดำร้องไห้กันระงม หนึ่งในนั้นถือพวงหรีดเขียนถ้อยคำด้วยรักและอาลัยนายสุดยอด...

พี่ยิ่งยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินมาสั่งว่านกับนัทให้เก็บภาพพวกนี้ไว้ ถ่ายไว้ให้หมด ภาพเด็ดๆทั้งนั้น

“จะดีเหรอครับพี่ นี่มันงานแต่งนะ ไม่ใช่งานศพ”

“เราควรจะเก็บภาพแขกมาแสดงความยินดี ปลื้มใจมีความสุขมากกว่าจะมาเก็บภาพแฟนคลับหลั่งน้ำตานะพี่”

ว่านกับนัทท้วงติง แต่พี่ยิ่งหาได้สนใจ กลับเชิดชูไอเดียอันบรรเจิดของตน

“หัดคิดนอกกรอบกันบ้างสิพวกแกนี่ คนเราไม่อยากเห็นใครมีความสุขหรอก เพราะฉะนั้นภาพร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบนี้ขายได้ เรียกเรตติ้งดีนัก ถ่ายๆๆ”

สองหนุ่มจำใจต้องไปถ่ายกลุ่มแฟนคลับร้องไห้เสียดายนายสุดยอด

“ฮือๆๆ พี่สุดยอดไม่น่าเลย ไม่น่าทิ้งพวกเราไปเลย”

“ต่อไปนี้พวกเราจะรักใคร จะกรี๊ดใคร ถ้าไม่มีพี่สุดยอดแล้ว”

ได้ฟังถ้อยคำรำพันของแฟนคลับ ว่านกับนัทถึงกับถ่ายรูปต่อไม่ได้ ท้วงพวกเขาพูดราวกับว่าจะตายจากกัน ทั้งที่ สุดยอดแค่แต่งงานสละโสด ไม่ได้สละชีวิตสักหน่อย

“ไม่ได้ แต่งไม่ได้ พวกเราไม่ชอบแย่งของใคร...

ไอดอลในดวงใจต้องเป็นชายโสดเท่านั้น”

“โอ้ว...เป็นงานแต่งงานที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งสิ้นดี ถ่ายต่อไป เดี๋ยวพี่จะไปดูข้างในว่ามีอะไรน่าสนใจอีก” พี่ยิ่งสั่งเสร็จก็เดินเด้งหน้าเด้งหลังเข้าไปด้านใน

ว่านกับนัทส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนหันมาเม้าท์กันเองว่า

“นี่ถ้าไอ้ยอดมาได้ยินว่าแฟนคลับรักมัน อาลัยรักมันขนาดนี้ มันคงอยากเลิกแต่งไปเลย”

“มันก็ไม่อยากแต่งแต่แรกอยู่แล้วนี่”

สองหนุ่มคุยไปถ่ายไป สักครู่มีมือใครคนหนึ่งมาสะกิดสีข้างนัท

“กำลังถ่ายอยู่นี่ไงครับพี่ยิ่ง ภาพความทุกข์ทรมานในงานแต่งแบบที่พี่อยากได้”

ขาดคำของนัท ฝ่ามือใครคนนั้นก็ซัดเข้าที่ไหล่นัทกับว่านดังเพี้ยะ! สองหนุ่มสะดุ้งโหยง หันมาเห็นชม้อยยืนหน้าตาถมึงทึง

“ใครสั่งยะ...ตกลงมาถ่ายโซลเมทหรือโซหมด ดูจับภาพแต่ละนางซิ ไม่สร้างสรรค์เอาซะเลย โน่น...ไปดักรอที่โน่นได้แล้วจ้ะ เจ้าสาวจะมาแล้ว”
สองหนุ่มยิ้มแหะๆ วิ่งออกไป ส่วนชม้อยเดินเข้าหาแฟนคลับ ตีหน้ายักษ์ใส่

“พวกงี่เง่าไร้สมอง ถอยไป...เกะกะ”

“ไม่ถอยจะทำไม”

“ไม่ถอยเหรอ ได้...ปลวกอย่างพวกหล่อนต้องเจอกับฉัน” ชม้อยยิ้มเหี้ยมเข้าไปแย่งพวงหรีดจากมือแฟนคลับของสุดยอดจนชุลมุนวุ่นวาย

บริเวณทางเดินใกล้ห้องจัดงาน...พี่ยิ่ง ว่าน นัท และกองทัพนักข่าวมารอเก็บภาพเจ้าสาวเพิร์ลลี่ ระหว่างรอนี่เอง ว่านกับนัทเจอก้อยและวุ้น สองหนุ่มกระดี๊กระด๊าเข้าหา แต่สองสาวกลับมีท่าทีมึนตึง

“มาด้วยเหรอจ๊ะ...ก้อยจ๋า” ว่านทักเสียงหวาน

“ฉันมาเป็นเพื่อนยัยวุ้นทำข่าวน่ะ”

“ไปพูดกับเขาทำไมก้อย เพื่อนเขาทำให้เพื่อนเราอกหักนะ ต่อไปนี้พวกนายกับพวกฉันต่างคนต่างอยู่ แยกทางกันเดิน”

“โห...วุ้น จะแค้นฝังหุ่นอะไรขนาดนั้น ไอ้สุดยอดมันทำ ผมไม่เกี่ยวอะไรซักหน่อย” นัทโอด

“ไม่รู้ล่ะ เพื่อนกันมันก็ต้องมีเชื้อชั่วเหมือนกันนั่นแหละ”

วุ้นด่าแรง แล้วพาก้อยไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ว่านกับนัทมองหน้ากันเซ็งๆ พี่ยิ่งได้ทีเดินมากอดไหล่สองลูกน้อง

“พี่ว่านะ ไหนๆความรักก็ไม่รุ่ง เอ็งสองคนจงมั่นมุ่งทุ่มเทให้กับงานและเรตติ้งของเราดีกว่า”

ว่านกับนัทเซ็งหนัก บ่นพึมว่าเรตติ้งอีกแล้ว เชิญพี่ยิ่งบ้าเรตติ้งไปคนเดียว พวกตนขอไปหาอะไรกินก่อน...ว่าแล้วสองหนุ่มก็กอดคอกันเดินออกไป  ทิ้งกล้องไว้ให้พี่ยิ่งถ่ายเอาเองตามสบาย

“เฮ้ย ให้ข้าถ่ายเองอีกแล้วเหรอ” พี่ยิ่งโวย...แต่พอเหลือบไปเห็นเพิร์ลลี่ในชุดเจ้าสาวก็กระเหี้ยนกระหือรือเข้าใส่ ถ่ายรูปเธอไม่ยั้ง

ส่วนที่หน้าห้อง ชม้อยยังยื้อแย่งพวกหรีดจากบรรดาแฟนคลับของสุดยอดไม่จบสิ้น ยื้อไปด่าไปอย่างหัวเสีย

“นี่มันงานมงคล คนเขากำลังจะมีความสุขกันไม่ใช่กำลังจะตาย แล้วเอามาทำไมไอ้พวงหรีดนี่ เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“จะเอาไปทำไม เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ได้เองแหละ”

“หน็อย...ปากดี คนอย่างชม้อยเนเวอร์ดายย่ะ ฉันจะรอส่งไปให้แกนั่นแหละย่ะ...ไปหาเจ้าของที่แท้จริงของแกเถอะ” ชม้อยแย่งพวงหรีดมาได้สำเร็จ แล้วเหวี่ยงไปอีกทางด้วยสีหน้าท่าทางสะใจ

แต่คนที่โดนแจ็กพอตก็คือลูกสาวของชม้อยนั่นเอง เพิร์ลลี่กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว เธอพูดไปยิ้มไปสลับกับส่งจูบอย่างมีความสุข จู่ๆพวงหรีดลอยหวือมาหล่นใส่มือเพิร์ลลี่แม่นเหมือนจับวาง กองทัพนักข่าวรวมทั้งก้อยและวุ้นขำกันใหญ่ บรรดาแฟนคลับวิ่งกรูเข้ามาชี้ชวนกันดูเพิร์ลลี่แล้วหัวเราะเยาะลั่น

พี่ยิ่งผู้ซึ่งบ้าเรตติ้งเป็นชีวิตจิตใจถือโอกาสนี้บันทึกภาพอย่างมันมือ เพิร์ลลี่ยิ้มค้างวางหน้าไม่ถูก ชม้อยแหวกกลุ่มนักข่าวเข้ามาหาลูกสาวโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ

“ขอทางหน่อยค่ะ ขอทางหน่อย จะมาตะลึงกับความสวยของเจ้าสาวอะไรกันนักหนาคะคุณ” พูดจบมีอันต้องตะลึงพรึงเพริดจ้องพวงหรีดที่อยู่ในมือลูกสาว “ว้ายแม่เจ้า เดี๋ยวๆ มันมาอยู่ตรงนี้ได้ไงคะ ใครส่งมา แม่ว่าแม่เขวี้ยงทิ้งไปแล้วนะ”

ชม้อยคว้าพวงหรีดโยนทิ้ง เพิร์ลลี่หน้าบูดบึ้ง คนเป็นแม่เลยต้องรีบกระซิบเตือน

“ยิ้มหน่อยสิคะลูกขา...ทำหน้าบึ้งเดี๋ยวไม่สวยนะคะลูก”

“จะให้หนูยิ้มได้ยังไงล่ะคะ เจ้าบ่าวหนูหายไปไหน ก็ไม่รู้”

“สุดยอดนะสุดยอด ป่านนี้ยังมาไม่ถึง แม่ว่านังยาหยีมันต้องเอาไปซุกเอาไว้ ไม่ยอมให้มาแน่ๆ”

“นังยาหยี!!” เพิร์ลคำรามในลำคอด้วยความโกรธแค้น

ooooooo

ขณะเดียวกันนั้น รถยาหยีจอดยางแบนแต๋เพราะโดนตะปูตำอยู่ริมถนน เธอยืนมองมันอย่างหงุดหงิด ต่างจากสุดยอดที่มีรอยยิ้มเล็กๆมุมปาก

“บ้าจริงๆเลย คนยิ่งรีบๆอยู่” ยาหยีบ่นอุบ

“สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่อยากให้ผมแต่งงานมั้ง”

ยาหยีไม่ออกความเห็น เดินไปเปิดท้ายรถหยิบยางอะไหล่กับอุปกรณ์ออกมา สุดยอดไม่ชอบใจที่ยาหยีพยายามให้ตนไปงานให้ได้

“ถึงขั้นนี้แล้วคุณยังจะให้ผมไปงานอีกเหรอ”

“ไม่ช่วยก็ถอยไป”

ยาหยีจัดการเองทุกอย่างอย่างเร่งรีบ สุดยอดยืนดูด้วยความเจ็บปวดใจ

“ทำไมล่ะหยี คุณอยากให้ผมไปจากชีวิตคุณนักรึไง ผมไม่ได้อยากแต่งงาน นอกจากเพิร์ลลี่แล้วไม่มีใครอยากให้งานนี้มันเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ เห็นมั้ยล่ะว่ามันมีแต่อุปสรรคตั้งแต่เริ่มต้นจนวินาทีสุดท้าย แล้วคุณยัง...”

“พอ...พอได้แล้ว” เธอตวาดสวน มองหน้าเขาน้ำตาคลอเบ้า ทั้งรักทั้งแค้น “แล้วก็เลิกอ้างโน่นอ้างนี่ซะที คุณคิดว่าไปไม่ทันงานแต่งแล้วปัญหาทุกอย่างมันจะหายไปรึไง ผู้ชายที่ฉันรักไม่ใช่คนน่าสมเพชที่เอาแต่หลอกตัวเอง แล้วก็วิ่งหนีปัญหาอย่างนี้หรอก”

สุดยอดอึ้ง มองกันไปมาด้วยน้ำตาคลอๆ ต่างฝ่ายต่างเจ็บแต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป เขาขบกรามแน่นก่อนจะดึงที่ขันน็อตจากมือเธอมาจัดการเอง

ooooooo

มุมหนึ่งในโรงแรม เพิร์ลลี่หลบออกมาโทรศัพท์หาสุดยอด โดยมีชม้อยก้าวตามมากำกับ

“โทร.หาเจ้าบ่าวลูกซิคะ ว่ามันหายศีรษะไปไหน”

เพิร์ลลี่ฮึดฮัดฟึดฟัดเพราะปลายสายไม่มีใครรับ

“ว่ายังไงคะลูก รับมั้ย มันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”

“พี่ยอดไม่รับสายเพิร์ลลี่ค่ะคุณแม่”

“ตายแล้ว เราจะทำยังไงดีคะนี่ ถ้ามันเบี้ยวไม่มางาน”

“แล้วเพิร์ลลี่จะแต่งกับใครล่ะคะ พี่ยอดทำกับเพิร์ลลี่แบบนี้ได้ยังไง ต่อไปเพิร์ลลี่จะมองหน้าใครได้ เจ้าบ่าวเบี้ยวงานแต่ง...ฮือๆ”

เท่งเดินมาจากด้านหน้าประตูได้ยินทั้งหมด เข้ามาถามสองแม่ลูกว่า

“แล้วก่อนหน้านี้ตกลงกันว่ายังไงล่ะ ปกติเจ้ายอดมันก็ไม่ใช่คนเหลวไหลนะ”

“หายเข้ากลีบเมฆอย่างนี้ไม่เรียกว่าเหลวไหลอีกเหรอคะ บอกมาซะดีๆสมรู้ร่วมคิดให้ลูกชายเบี้ยวงานแต่งใช่มั้ย” ชม้อยขึงขังกล่าวหา แต่เท่งปฏิเสธเสียงเรียบว่า

“ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสักหน่อย”

“ฉันไม่เชื่อหรอก เป็นพ่อเจ้าบ่าวต้องรู้สิว่าลูกอยู่ไหน ทำอะไร”

“อ้าว! แล้วทีลูกสาวคุณกับลูกชายผมไปทำอะไรกัน ผมยังไม่รู้เลย”

“คอยดูนะ ถ้างานนี้ลูกชายคุณเบี้ยว ฉันจะฟ้องให้หมดตัว ฟ้องค่าเสียหาย ค่าทำขวัญ ค่าเลี้ยงดู ค่าทุกสิ่งอย่างที่เสียหาย”

“เอาค่าของคนด้วยซิ เพราะดูท่าคุณไม่ค่อยจะมี”

ชม้อยโกรธเลือดขึ้นหน้า แต่จังหวะนั้นณนนท์กับยี่หวาเข้ามาสมทบพอดี

“ไม่มีใครต้องฟ้องใครทั้งนั้นล่ะครับ เจ้ายอดกำลังมา”

“จริงเหรอะคะพี่นนท์ แล้วพี่ยอดไปไหน” เพิร์ลลี่ปรายตาไปที่ยี่หวา “ไม่ใช่บ้านยาหยีใช่มั้ย”

“เผอิญใช่ค่ะ แต่พวกคุณไม่ต้องห่วง ตอนนี้ยัยหยีกำลังพาคุณยอดมา”

“ดูสิคะคุณแม่ แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายพี่ยอดก็ยังอยู่กับนังยาหยีหน้าตาเฉย นังหยีมันมีอะไรดี เพิร์ลลี่อยากจะรู้จริงๆ”

“อยากรู้ก็ถามแม่พี่สาวนั่นดูซิ ได้ข่าวว่าแย่งสามีเขามาจนเมียเขาต้องฟ้องหย่าเพราะมีชู้ พี่เป็นยังไง น้องก็คงไม่ต่างกัน...เซมๆ”

“ใช่ แต่ฉันหมัดหนักกว่าน้องฉันหลายเท่า ถ้าไม่อยากย้ายงานแต่งไปโรงพยาบาลล่ะก็ หยุดขบกัดพวกฉันซะที”

ยี่หวาชูหมัดหรา เพิร์ลลี่กับชม้อยผวาเข้ากอดกันด้วยความกลัว ณนนท์กับเท่งสะใจเพราะรู้ในความเป็นคนจริงของยี่หวา

ooooooo

ยาหยีเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าโรงแรมแล้วลงมาส่งกุญแจให้พนักงานรับรถ จากนั้นเธอหันไปเร่งสุดยอดให้เดินตาม ป่านนี้พวกเขาคงรอกันแย่แล้ว

แต่สุดยอดเดินตามอย่างอ้อยอิ่งไม่ทันใจ แถมพอใกล้จะถึงห้องจัดงาน เขายังเรียกเธอให้หยุดอีก

“หยี...เดี๋ยว”

“อะไรอีกล่ะ...”

ยาหยีพูดไม่ทันจบ สุดยอดก็ดึงเธอเข้ามาจูบ...เป็นการจูบลาครั้งสุดท้าย เต็มไปด้วยความรักและความเศร้าเสียใจ ก่อนจะปล่อยตัวเธอออกช้าๆ และมองเธอเต็มๆตา

ยาหยีสะเทือนใจไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ สุดยอดเองก็เช่นกัน ทั้งคู่ผลัดกันซับน้ำตาให้กันและกันด้วยความรักและอาวรณ์

“ไปเถอะค่ะ เราสายมากแล้ว”

เธอมองหน้าเขาแน่แน่วก่อนจะจับมือกัน สูดลมหายใจลึก แล้วก้าวเดินต่อไป...

ที่หน้าห้องจัดงาน ชม้อยกับเพิร์ลลี่กระสับกระส่ายเดินกลับไปกลับมา ในขณะที่ณนนท์ ยี่หวา เท่ง ยืนห่างออกไปเล็กน้อย คอยมองนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ลุ้นกันว่ายาหยีกับสุดยอดจะมาทันหรือไม่

ฝ่ายพี่ยิ่งยังทำหน้าที่แทนว่านกับนัท เก็บภาพไม่บันยะบันยัง ส่วนสองหนุ่มนั้นไปรวมตัวกับวุ้นและก้อยอยู่ทางกลุ่มแฟนคลับของสุดยอดคอยพึมพำแช่งเพิร์ลลี่ตลอดเวลา เชียร์ให้สุดยอดมาไม่ทัน

เพิร์ลลี่เหล่มองพวกเขาด้วยสายตาจิกด่า ก่อนจะหันมาเอ่ยกับชม้อยอย่างร้อนรนเป็นกังวล

“ทำไมยังไม่มาอีก...คุณแม่ขาช่วยคิดหน่อยสิคะ หรือเราจะเลื่อนงานไปวันอื่นเลย”

“ได้ไงล่ะคะลูก สื่อมวลชนแล้วก็แขกมากันเต็มงาน ขืนเลื่อนแล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“พรุ่งนี้หนังสือพิมพ์คงลงข่าวว่าเจ้าบ่าวของเพิร์ลลี่หนีงานแต่ง...โอ๊ย เพิร์ลลี่อยากตาย”

“อย่าเพิ่งตาย ฉันเอาเจ้าบ่าวมาส่งให้เธอแล้ว” ยาหยีส่งเสียงเข้ามา

เพิร์ลลี่มองปราดอย่างฉุนจัด วิ่งเข้าไปผลักยาหยีแล้วแย่งสุดยอดมายืนข้างกาย

“ทำไมถึงมาช้านักล่ะคะ แล้วนี่กลิ่นอะไร ใครกินละมุด”

“ละมุดที่ไหนล่ะลูก กลิ่นเหล้าค่ะ” ชม้อยพูดถูกเผง... วุ้นเลยได้ทีเย้ยเพิร์ลลี่เข้าให้

“สุดยอดคงเสียใจไม่อยากแต่งกับเธอ ก็เลยกินเหล้าจนแฮงก์มาไม่ทันนี่ไง”

“ถ้าทรมานใจมากก็ไม่ต้องแต่งหรอกเพื่อน” ว่านผสมโรงเพราะเห็นใจสุดยอด

เท่งมองลูกชายคนเล็กที่เอาแต่นิ่งเงียบ ก่อนตัดสินใจเดินเข้ามาถามเขาว่า

“พ่อถามแกจริงๆ แล้วก็ตอบมาตรงๆ แกสมัครใจที่จะแต่งงานรึเปล่า”

สุดยอดหันมองยาหยีอย่างขอความเห็น เธอส่ายหน้าน้อยๆไม่ให้เขาพูดความจริง ส่วนกลุ่มนักข่าววิ่งมาตั้งกล้องจับจ้องรอคำตอบ ทุกคนลุ้นกันตัวโก่ง พี่ยิ่งแทรกเข้ามายื่นกล้องแทบจะติดหน้าสุดยอด

“ว่าไงสุดยอด...แกเต็มใจจะแต่งงานกับเพิร์ลลี่รึเปล่า”

บอกเลยค่ะพี่ยอด ว่าไม่อยากแต่ง แล้วเราก็จะเป็นแฟนคลับพี่ยอด สนับสนุนพี่ยอดต่อไป”

“พูดสิคะ พูดออกมาเลย พูดท่ามกลางสื่อมวลชนนี่แหละค่ะ”

เสียงเร่งเร้าข้างต้นของแฟนคลับทำให้เพิร์ลลี่เป็นกังวล วุ้นสะใจเป็นบ้าบอกก้อยว่าจุดจบของเพิร์ลลี่มาถึงแล้ว ก้อยเห็นด้วยอย่างยิ่ง ตะโกนเร่งสุดยอดให้พูดความจริงไปเลย แต่ยาหยีกลับห้ามไม่ให้เขาพูด

“แต่งครับพ่อ ผมจะแต่งกับเพิร์ลลี่”

นั่นคือคำตอบจากปากสุดยอด...เพิร์ลลี่ดี๊ด๊าสุดขีด กรีดเสียงเชิดใส่บรรดาแฟนคลับ

“ได้ยินกันหมดแล้วใช่มั้ย ชัดแล้วใช่มั้ย...โอ้ววววว เพิร์ลลี่มีความสุขที่สุดในโลก”

สุดยอดกับยาหยีมองหน้ากันเศร้าสร้อย ยาหยีตัดใจหันหลังกลับ ยี่หวาโอบไหล่น้องสาวอย่างให้กำลังใจ

“หมดหน้าที่เราแล้ว กลับบ้านกันเถอะหยี”

“ค่ะพี่”

ไม่ทันที่สองพี่น้องจะขยับเดิน แฟนคลับหันขวับมาจ้องยาหยีตาขวาง ประสานเสียงกล่าวหาเพราะเธอคนเดียว ทุกอย่างพังหมดก็เพราะเธอ สะใจแล้วใช่ไหมที่เห็นผู้ชายที่รักเป็นของคนอื่น

ยาหยีไม่ตอบโต้ใดๆ ยี่หวาจะพาน้องออกไปแต่เพิร์ลลี่วิ่งเข้ามาดึงแขนยาหยีไว้

“จะรีบกลับไปไหนล่ะจ๊ะยาหยี”

“เราเอาเจ้าบ่าวมาส่งให้แล้ว คุณยังมีธุระอะไรกับหยีอีก” ยี่หวาเสียงขุ่น

“คืองี้ค่ะ หยีกับเพิร์ลลี่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาตั้งนาน จะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าเพิร์ลลี่จะขอให้หยีช่วยเป็น... เพื่อนเจ้าสาวให้หน่อยค่ะ”

ยี่หวาไม่พอใจอย่างมาก ชวนยาหยีกลับ ย้ำว่าถึงไม่มีเรา เขาก็แต่งกันได้

“หรือว่าหยีกลัวจ๊ะ กลัวว่าจะร้องไห้ขี้มูกโป่งอ่ะ” เพิร์ลลี่เย้ยหยัน

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ยี่หวา หยีจะอยู่ อยู่ช่วยเขาจนจบงาน... พี่กลับไปก่อนเถอะค่ะ”

เพิร์ลลี่ยิ้มสาสมใจ สุดยอดรีบเดินมาหายาหยี

“หยี...คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ก็ได้ให้เขามาทำร้ายจิตใจคุณ กลับไปกับพี่ยี่หวาเถอะ”

“ไม่มีใครทำร้ายจิตใจฉันได้หรอก เพราะใจฉัน...มันแตกสลายไปนานแล้ว” ตอบเสร็จเธอหันไปชวนเพิร์ลลี่กลับเข้างาน

สุดยอดมองตามยาหยีตาละห้อย ณนนท์กับเท่งตบไหล่สุดยอดอย่างให้กำลังใจ

“แกทำดีที่สุดแล้วยอด” ณนนท์เอ่ยเบาๆ ในขณะที่ ยี่หวามองตามยาหยีไปด้วยความเป็นห่วง

ooooooo

ภายในห้องจัดงาน พี่ยิ่งทำหน้าที่เชิญชวนแขกเหรื่ออวยพรคู่บ่าวสาวก่อนจะเข้าสู่พิธีอย่างเป็นทางการ แต่ทำมาทำไปสุดยอดอ้อยอิ่งไม่ยอมสวมแหวนให้เพิร์ลลี่ จนยาหยีต้องส่งสายตาบังคับเขา

สุดยอดจำใจสวมแหวนให้เพิร์ลลี่ แต่ทันใดมีแฟนคลับสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาหน้าเวที ตะโกนห้ามสุดยอดไม่ให้สวมแหวนก่อนที่ร่างเธอจะทรุดลง สองมือกุมหัวใจ หน้าตาบิดเบี้ยว

แทนที่เพิร์ลลี่จะเข้ามาดูอาการ เธอกลับเดินมาชูนิ้วโชว์แหวนแต่งงานแล้วกระซิบแฟนคลับคนนั้นว่า

“ฉันชนะแล้ว พี่ยอดเป็นของฉัน ต่อไปนี้ก็เลิกยุ่งกับผู้ชายของฉันสักที กลับไปเป็นชะนีร้องหาปั๋วต่อไปเถอะ”

เธอรับไม่ได้หายใจติดขัดแล้วชักแหง็กๆ ยาหยี วุ้น ก้อย และบรรดาแฟนคลับคนอื่นๆของสุดยอดกรูกันเข้ามาดูอาการเธอด้วยความเป็นห่วง แต่เพิร์ลลี่ก็ยังไม่ยอมหยุดโชว์แหวนแล้วลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยอย่างสะใจ

ที่สุดยาหยีก็ทนไม่ไหว ตวาดเพิร์ลลี่ด้วยความโมโห

“หยุดยั่วเขาได้แล้ว เธอไม่เห็นเหรอเขาเสียใจจนชักไปแล้ว”

“เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย” ว่าแล้วก้มหน้าลงไปพูดกับแฟนคลับคนนั้น “นี่เธอ จะตายก็ไปตายที่อื่นนะ อย่ามาทำให้งานแต่งฉันล่ม ไม่งั้นฉันจะตามไปเล่นงานเธอถึงในนรกเลย คอยดู”

“เพิร์ลลี่ เธอมีสำนึกกับเขาบ้างรึเปล่า คนป่วยนอนชักแหง็กๆอยู่ตรงหน้า เธอไม่คิดจะห่วงเขาบ้างเลยรึไง”

“คนอะไร...หน้าตาสวยแต่ใจดำชะมัด” วุ้นว่าให้ พลางแอบถ่ายคลิปความร้ายกาจของเพิร์ลลี่ด้วยโทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลา

ชม้อยเห็นกลุ่มนักข่าวซุบซิบและมองมาที่เพิร์ลลี่ด้วยสายตาตำหนิ ก็รีบเข้ามากระซิบบอกลูกสาวของตนว่า

“ลูกขา...คุณแม่ขอเมนต์ว่างานนี้ลูกต้องเป็นนางเอก เป็นนางฟ้าในสายตาทุกคน เราทำมาถึงขนาดนี้แล้วอย่าปล่อยให้นังยาหยีขโมยซีนสิคะลูก”

เพิร์ลลี่เปลี่ยนแปลงตัวเองทันใด แสร้งปั้นหน้าเป็นห่วงเป็นใยแฟนคลับคนนั้น

“พี่ๆนักข่าวขา ใครมียาดมยาลมยาหม่องอะไรบ้างคะ ขอให้น้องเขาหน่อยสิคะ”

นักข่าวค้นหากันจ้าละหวั่น ยี่หวานึกได้ว่าตัวเองมีจึงหยิบออกมายื่นให้ยาหยี แต่เพิร์ลลี่ไม่ยอมถูกขโมยซีน เธอรีบแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มแฟนคลับ แล้วประกาศกับทุกคนว่า

“ทุกคนคะ อย่ามุงนะคะ ขออากาศให้คนป่วยหายใจหน่อยนะคะ เพิร์ลลี่เป็นห่วงน้องม้ากมากค่ะ งานแต่งเพิร์ลลี่จะเป็นไงก็ช่าง แต่ต้องไม่มีใครเป็นอะไรในงานของเพิร์ลลี่ เพราะเพิร์ลลี่รักแล้วก็เป็นห่วงทุกคนเลยค่า...”

นักข่าวฮือฮาถ่ายรูปเพิร์ลลี่กันใหญ่ ส่วนพวกแฟนคลับถอยห่างออกไปเพราะกลัวเพื่อนจะหายใจไม่ออก พอยาหยีเอายาดมมาจ่อจมูกคนป่วย กลับโดนเพิร์ลลี่แย่งยาดมไปหน้าตาเฉย แล้วยัดใส่รูจมูกคนป่วยทั้งที่ยังไม่ได้เปิดฝา

“หายใจลึกๆเลยค่า หายใจลึกๆ”

คนป่วยทำตามก็ยิ่งหายใจไม่ออก ร่างเกร็งกระตุกอย่างน่ากลัว ยาหยีเห็นแล้วตกใจ ดึงยาดมออกจากมือเพิร์ลลี่ทันที

“เธอจะบ้ารึไง ทำอย่างงั้นก็หายใจไม่ออกกันพอดี”

เพิร์ลลี่ไม่สนคำเตือนของยาหยี แต่หันหน้าไปตะโกนเอาหน้ากับนักข่าว

“อุ๊ยขอโทษ เพิร์ลลี่เป็นห่วงเขามากเกินไปหน่อยค่ะ น้องจ๋า...อย่าเป็นอะไรไปนะคะ ใครก็ได้ช่วยตามรถพยาบาลทีค่ะ”

พูดเสร็จเธอก็หันกลับมากระซิบเยาะเย้ยคนป่วยว่า

“พี่ยอดเป็นของฉันแล้ว เชิญพวกแกอิจฉาให้อกแตกตายไปเลย จะได้เลิกจองเวรจองกรรมกับฉันซะที...สมน้ำหน้า!!”

ยาหยี วุ้น และก้อยได้ยินชัดแล้วก็เห็นพฤติกรรมของเพิร์ลลี่โดยตลอด พวกเธอมองเพิร์ลลี่อย่างรับไม่ได้ โดยเฉพาะวุ้นนั้นหมั่นไส้อย่างหนัก แอบถ่ายคลิปเก็บไว้ตลอดเวลา

ในที่สุด ยาหยีต้องเข้ามาประคองคนป่วยด้วยความสงสาร

“ค่อยๆลุกนะคะ ไปนั่งข้างนอกดีกว่านะคะ”

ยาหยีประคองคนป่วยออกไปท่ามกลางความห่วงใยของทุกคน ยกเว้นเพิร์ลลี่กับชม้อยที่ยิ้มเยาะสะใจ

ooooooo

เมื่อพาคนป่วยออกไปนั่งในที่โล่งมุมหนึ่งของโรงแรม ยาหยียังเอายาดมให้เธอสูดดม ครู่หนึ่งอาการก็ดีขึ้น มีเรี่ยวแรงพูดออกมาได้

“ขอบใจมากนะ...”

“ไม่เป็นไรหรอก ดีขึ้นรึยังล่ะ ถ้ายังเดี๋ยวฉันพาไปหาหมอนะ”

“ไม่ต้อง ฉันค่อยยังชั่วแล้ว...ขอโทษนะ ที่ฉันเคยเกลียดเธอแล้วก็ตามแกล้งเธอมาตลอด”

“ขำๆน่ะ ฉันไม่คิดอะไรหรอก”

ยาหยีนึกได้ หยิบพัดลมอันเล็กแบบพกพาออกจากกระเป๋าสะพายมาเป่าให้เธอ นั่นยิ่งทำให้แฟนคลับของสุดยอดคนนี้ ผู้ซึ่งเคยเกลียดชังยาหยีอย่างมากซึ้งในน้ำใจถึงกับน้ำตาเอ่อออกมา

ที่มุมหนึ่งห่างออกมา สุดยอดแอบมองยาหยีหน้าเศร้า อาลัยอาวรณ์และเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจสุดจะบรรยาย

ooooooo

ลิขิตเสน่หา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด