สมาชิก

ลิขิตเสน่หา

ตอนที่ 14

หลังจากวันก่อนเคยจะขนโทรทัศน์ในบ้านบุญเลื่องไปขายแต่ไม่สำเร็จเพราะถูกยี่ หวารู้ทันขัดขวาง...มาวันนี้วัลลภาจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่โดยแอบเข้ามาค้นหา ทองหยองของมีค่าในห้องบุญเลื่องไปจนได้ แต่พอเอาไปจำนำกลับต้องหน้าแตกไม่มีชิ้นดี เพราะทุกอย่างล้วนเป็นของปลอม

ด้านบุญเลื่องที่ย้ายไปอยู่บ้านสวน โดยหอบเอาทรัพย์สินมีค่าไปฝากธนาคารไว้ก่อนเพราะไม่ไว้ใจสองแม่ลูกผีพนัน เวลานี้เธอกำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง เชื่อว่าวัลลภาคงได้เจอของปลอมของเก๊ของตนเข้าแล้ว

วันเดียวกันนี้ ณนนท์พาสุดยอดมาพบเท่งที่บ้านสวนของบุญเลื่อง ณนนท์บอกพ่อว่าสุดยอดกำลังจะแต่งงาน เท่งกับบุญเลื่องพากันดีใจเพราะคิดว่าเจ้าสาวคือยาหยีที่คบหาดูใจกันอยู่ พอดียี่หวาพายาหยีมาหาบุญเลื่องหลังรู้เรื่องราวของสุดยอดกับเพิร์ลลี่ สองฝ่ายจึงต้องพูดความจริงต่อหน้าผู้ใหญ่

เมื่อรู้ว่าเจ้าสาวของสุดยอดไม่ใช่ยาหยีแต่เป็นเพิร์ลลี่ เท่งกับบุญเลื่องถึงกับร้องอ้าวขึ้นมาพร้อมกัน และมองหน้าสุดยอดอย่างประหลาดใจ

“แต่ผมคงไม่แต่งหรอกครับพ่อ ผมไม่ได้รักเพิร์ลลี่ ผมจะแต่งงานกับคนที่ผมรักเท่านั้น” สุดยอดหันมามองยาหยีตาละห้อย แล้วคว้าแขนเธอไว้ทันทีที่เธอจะเดินหนี “เดี๋ยวหยี ฟังผมก่อน ผมขอโทษ ผมรักคุณ ชีวิตนี้ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากคุณ ให้อภัยผมเถอะนะ”

ยาหยีทุบตีเขาอย่างเจ็บแค้น ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว “นี่เป็นคำขอบคุณสำหรับการทำให้ฉันรู้ว่าเจ็บที่สุดในชีวิตเป็นยังไง แต่ฉัน...ไม่ให้อภัยคุณ” ว่าแล้วเธอวิ่งหนีเข้าในบ้าน สุดยอดทำท่าจะตาม แต่ถูกยี่หวารั้งตัวไว้

“น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวางเลยค่ะ ขอเวลาให้หยีบ้างเถอะค่ะ”

สุดยอดยืนอึ้งหน้าเศร้า เท่งกับบุญเลื่องสบตากันอย่างหนักใจ

ooooooo

กลับมาถึงบ้านในตอนค่ำ ณนนท์ปลอบใจน้องชายที่ยังเศร้าไม่หายว่า คนรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมีถมไป

“หยีเขาคงไม่รักผมแล้วล่ะพี่นนท์ จากนี้ไปเขาคงเกลียดผมยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ เขาคงไม่อยากเห็นหน้าผมอีกเลยด้วยซ้ำ”

“ทำใจเถอะยอด เกิดเป็นลูกผู้ชาย ความรับผิดชอบมันต้องอยู่เหนือเรื่องหัวใจ”

สุดยอดถอนใจยาวด้วยความทุกข์ใจ พลันได้ยินเสียงเอะอะของเอนิตาดังอยู่ข้างบน ณนนท์ส่ายหน้าเอือมระอา เดินขึ้นไปที่ห้องตัวเองเห็นเอนิตาอยู่กับไข่ตุ๋น กำลังดูรูปถ่ายวันแม่ที่ตนเอามาวางไว้หัวเตียง

“รูปไข่ตุ๋นกับพ่อ กับน้ายี่หวาข้าวตูตอนงานวันแม่ไงคะ วันที่แม่ไม่มา น้ายี่หวาก็เลยมาเป็นแม่ให้ไข่ตุ๋นวันนึง”

ฟังลูกสาวแล้วเอนิตาเหลือบมองณนนท์อย่างไม่พอใจ ดึงรูปถ่ายออกจากกรอบมาฉีกทิ้งหน้าตาเฉย

“ต่อไปนี้ไข่ตุ๋นจะมีแม่ทุกวัน ไม่ต้องยืมคนอื่นมาเป็นแม่แล้วนะ ไปไข่ตุ๋น เข้านอนกันดีกว่า คืนนี้เอานิทานเรื่องอะไรดีเอ่ย”

“ไข่ตุ๋นไปนอนนะคะพ่อ”

ณนนท์หอมแก้มลูกสาว แล้วก้มลงเก็บรูปยี่หวาที่กลายเป็นเศษชิ้นส่วนขึ้นมาดูด้วยความคิดถึง หลังจากนั้น สักพักเขาก็ออกจากบ้านไปอีก โดยนัดให้ยี่หวาออกมาพบ

“ต่อไปถ้าไม่ใช่เรื่องงาน คุณอย่านัดฉันออกมาเจออีกเลยนะคะ” ยี่หวาเอ่ยปากทันทีที่เจอเขา

“ทำไมล่ะครับ หรือว่าคุณไม่อยากเจอผมแล้ว”

เธอไม่ตอบ เมินมองไปทางอื่น

“ผมเข้าใจแล้ว ตอนนี้คุณคงปรับความเข้าใจกับคุณวสันต์ได้แล้ว ผมก็เป็นได้แค่ส่วนเกินในชีวิตคุณ”

“ไม่ใช่เลย...คุณไม่รู้เหรอว่ามันเจ็บปวดทรมานแค่ไหนกับความรักที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ของเรา”

“รู้สิ ผมก็กำลังทุกข์ทรมานเพราะมันอยู่นี่ไง...ผมรักคุณนะยี่หวา ผมอยากอยู่กับคุณ ผมอยากดูแลคุณ ผมอยากอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต คุณไม่รักผมแล้วเหรอยี่หวา”

“รักสิคะ แต่รักของเรามีค่าเพราะเราอดทน เราต่างคนก็ต่างต้องทำหน้าที่ของเรา เพราะฉะนั้นเราอย่าเจอกันอีกเลยนะคะ”

ยี่หวาตัดใจเดินจากเขาไปทั้งน้ำตา ณนนท์เองก็ ร้าวรานสิ้นหวังแทบหมดแรงยืน

ooooooo

เช้าวันใหม่ บุญเลื่องมารวมตัวกับลูกหลานที่บ้านเพื่อไปเที่ยวทะเลกัน แต่ไม่ทันจะขึ้นรถ วัลลภาก็เดินออกมาจากในบ้านโยนห่อของใส่บุญ-เลื่องด้วยความโมโห

“เอาของเธอคืนไป นังผู้ดีจอมปลอม”

“อะไรกันจ๊ะแม่เศรษฐินี เจอของเก๊เข้าหน่อย ถึงกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลยเหรอ”

วัลลภาขมุบขมิบปากแช่งบุญเลื่องแล้วสะบัดพรืดออกไป ยี่หวางุนงงสงสัย ครั้นถามแม่ก็ได้คำตอบว่า

“จะอะไรซะอีกล่ะ แอบขโมยของแม่ไปขายน่ะสิ แต่แม่รู้ทันเลยเอาของปลอมซ่อนไว้ดักขโมย...สมน้ำหน้า” บุญเลื่องหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ แต่พอเห็นลูกเขยตัวแสบเดินยิ้มเผล่เข้ามาก็เมินหน้าหนีอย่างรังเกียจ

“ขำอะไรกันครับ ให้ผมหัวเราะด้วยคนสิ”

ยี่หวาตีหน้าขรึม บอกเขาว่า “นี่คุณ ฉันจะพาแม่กับน้องไประยอง คุณช่วยอยู่บ้านแล้วอย่าก่อเรื่องอะไรอีก แค่นี้ฉันก็จะตายอยู่แล้ว”

“ได้เลยสบายมาก พักผ่อนให้สบายเลยนะครับที่รัก ว่าแต่...” วสันต์ถูมือไปมา ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยมองกระเป๋าของเธอ...ยี่หวารู้ทัน ตัดรำคาญหยิบเงินให้เขาไปห้าพัน แล้วผละไปขึ้นรถ

“เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงบ้าน ผมจะดูแลให้อย่างดี” วสันต์ตะโกนไล่หลัง โบกมือให้ข้าวตูที่ยื่นหน้าออกมาจากรถ

พอรถเคลื่อนออกไปลับตา วสันต์ก็จัดแจงโทร.นัดสาวๆมาหาถึงบ้าน แต่ไม่ทันจะสำเริงสำราญกันเต็มที่ ยี่หวาก็โผล่เข้ามาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอตั้งใจกลับมาเอาโทรศัพท์มือถือที่ลืมไว้ ไม่นึกว่าจะได้เห็นความเลวร้ายของวสันต์ที่เอาสาวๆเข้ามามั่วกันในบ้านของเธอ

ยี่หวาไล่ตะเพิดสาวๆจนแตกกระเจิงกันออกไป วสันต์เองก็กลัวแต่พยายามทำเสียงดังเข้าข่ม

“ยี่หวา คุณทำงี้ได้ไง ไว้หน้าผมบ้างซี่”

“ไว้หน้า? หน้าคุณมีแค่ไหน ถ้าหน้าใหญ่นักก็ไสหัวออกไปเลย”

“ให้ผมออกไปก็ได้ แต่ในเมื่อคุณไม่ให้ผมมีความสุขในบ้าน ผมก็ต้องไปหาข้างนอก เอาเงินมา”

วสันต์เข้าแย่งกระเป๋าสะพายยี่หวา แต่เธอไม่ยอมให้ จึงเกิดการยื้อยุดกันไปมา ก่อนที่วสันต์จะตบตียี่หวาด้วยความโมโห

ทันใดนั้น ข้าวตูวิ่งปราดเข้ามาขวางยี่หวาไว้ แล้วตะโกนใส่วสันต์อย่างโกรธจัด

“หยุด! หยุดนะครับพ่อ หยุดตีแม่เดี๋ยวนี้ ห้ามตีแม่นะครับ ข้าวตูไม่ยอมจริงๆด้วย”

ข้าวตูจ้องวสันต์ด้วยสายตาเอาเรื่อง วสันต์ถึงกับหน้าเสีย

ooooooo

เป็นอันว่าการไปเที่ยวต้องยกเลิกกะทันหัน... พอตกลางคืน วสันต์พยายามง้องอนยี่หวา พูดจาอ่อนหวานจ๊ะจ๋าขอคืนดี แต่เธอเบี่ยงตัวหนีอย่างไม่แยแส

“เป็นผัวกันเมียกัน แตะนิดแตะหน่อยมันจะเป็นไรไปล่ะจ๊ะ”

“ฉันบอกคุณกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิกใช้คำนั้นได้แล้ว คุณเป็นแค่พ่อของข้าวตู ที่ฉันให้คุณอยู่ที่นี่ก็เพราะข้าวตู ถ้าไม่มีลูก...คุณกับแม่คงออกไปนอนข้างถนนตั้งนานแล้ว สำนึกในบุญคุณของลูกไว้ด้วย”

“คำก็ไล่สองคำก็ไล่ อยากให้ผมไปให้พ้นหูพ้นตาเพราะอยากมีผัวใหม่ก็บอกเถอะ”

ยี่หวาตบหน้าเขาดังฉาด แล้วสำทับเสียงเข้ม “หยุดความคิดต่ำๆของคุณซะที”

เขาโกรธจัด เงื้อมือจะตบคืน แต่ต้องชะงักกึกเมื่อข้าวตูวิ่งส่งเสียงเข้ามา

“หยุดนะครับพ่อ พ่อห้ามตีแม่นะครับ”

“พ่อไม่ได้ตี พ่อจะจับแก้มแม่ต่างหาก จริงมั้ยยี่หวา” วสันต์แก้ตัว...ส่วนยี่หวาก็เห็นแก่ลูก จึงพยักหน้าไปแกนๆ

“พ่อแม่ไม่ต้องแกล้งดีกันหรอกครับ ข้าวตูรู้หมดแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้รักกัน พ่ออย่าทำให้ข้าวตูเสียใจอีกได้ไหมครับ พ่ออย่าตีแม่นะ ไม่งั้นข้าวตูจะไม่รักพ่อจริงๆด้วย” ข้าวตูพูดจบก็เดินคอตกกลับไปห้องนอน

“เห็นมั้ยล่ะ ความลับไม่มีในโลกหรอกนะวสันต์ คุณขุดหลุมฝังตัวเอง เผยมุมชั่วให้ลูกเห็นจนได้”

“ไม่ต้องมาซ้ำเติม ฝากไว้ก่อนเถอะ”

“เดี๋ยว! ต่อไปนี้ฉันจะไม่รับฝากอะไรทั้งนั้น ฉันจะขอหย่ากับคุณ พรุ่งนี้คุณเก็บของออกจากบ้านฉันไปได้เลย”

“ยี่หวา! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วผมกับแม่จะไปอยู่ที่ไหน”

“นั่นมันเรื่องของคุณ ฉันอนุญาตให้คุณกับแม่อยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้าย เราจะเจอกันครั้งต่อไปก็ต้องเป็นที่เขตหรือไม่ก็ที่ศาลเท่านั้น” ว่าแล้วยี่หวาเดินหนีขึ้นข้างบนทันที วสันต์มองตาขวาง เจ็บใจสุดๆ

ooooooo

ค่ำคืนเดียวกัน เอนิตาเป็นแม่ที่แย่มาก เธอหนีลูกออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ณนนท์กลับมาเจอลูกในสภาพหิวโซก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เมื่อเอนิตากลับเข้าบ้านในสภาพเมากรึ่ม ณนนท์ก็เฉ่งเธออย่างเหลืออด

“ผมไว้ใจคุณให้เลี้ยงลูก แต่คุณเล่นทิ้งลูกแล้วออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนคุณเนี่ยนะ คนเป็นแม่เขาทำกันแบบนี้เหรอนิตา”

“ก็แค่ออกไปแป๊บเดียวทำไมต้องโวยวายด้วย”

“แล้วถ้าขโมยขโจรมันบุกเข้ามา มันจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก”

“มันจะเกิดได้ยังไง ยามก็มี สัญญาณกันขโมยก็มี ลูกก็หลับ แล้วจะให้ฉันนั่งทำบื้ออะไรล่ะ ฉันก็เบื่อเป็นเหมือนกันนะ”

“ถ้าบ้านมันน่าเบื่อนัก คุณก็ออกไปเลย ออกไปสนุกกับแสงสี ความสุขจอมปลอมของคุณให้เต็มที่เลย”

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไง ฉันไม่อยู่ก็อยากให้อยู่ พอฉันอยู่ คุณก็ไล่ฉัน ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่”

“ถ้าคุณเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ก็อย่าเป็นเลย ไข่ตุ๋นโตขึ้นมาได้ก็เพราะพ่อ ต่อให้ไม่มีแม่ ไข่ตุ๋นก็ยังเติบโตต่อไปได้ แล้วอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำถ้าต้องมีแม่อย่างคุณ”

“ฉันก็ไม่อยากอยู่หรอกไอ้บ้านน่าเบื่อนี่ ฉันจะไป แต่อย่าหวังเลยนะว่าฉันจะยอมเซ็นใบหย่าให้คุณไปมีความสุขกับนังนั่น อยากได้ใบหย่าก็ฟ้องเอาแล้วกัน”

เอนิตาโวยวายท้าทาย โดยไม่รู้ว่าไข่ตุ๋นยืนหน้าเศร้าอยู่มุมหนึ่ง

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ข้าวตูและไข่ตุ๋นมาปรับทุกข์เรื่องครอบครัวกันที่โรงเรียน โดยข้าวตูบอกว่าเมื่อคืนพ่อของตนขนของออกจากบ้านไปแล้ว ส่วนไข่ตุ๋นก็พูดเศร้าๆว่า แม่เราก็ไปแล้วเหมือนกัน

“เราไม่เข้าใจ ทำไมไม่เห็นเหมือนในหนังสือนิทานเลยที่เวลาพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข หรือว่าพวกเราไม่ดี ทุกอย่างเป็นเพราะพวกเรา”

“แต่ครูปราณีบอกว่าพวกเราเกิดมาจากความรักนะ”

“งั้นมันก็คงหมดอายุแล้วล่ะ ปู่เท่งก็เคยบอก ความรักก็มีวันหมดอายุ เหมือนนมที่เรากินไง”

“แต่เราก็ยังอยากมีพ่อ อยากให้พ่อสอนเราเตะบอล สอนเราเปลี่ยนหลอดไฟ สอนล้างรถ”

“ไข่ตุ๋นเข้าใจ ไข่ตุ๋นก็อยากมีแม่มาสอนรำ สอนทำกับข้าวเหมือนกัน”

ครูปราณียืนฟังอยู่ข้างหลัง รู้สึกสงสารทั้งคู่เหลือเกิน เธอเดินเข้ามาปลอบโยน

“ข้าวตูกับไข่ตุ๋นรู้อะไรมั้ยคะ ครูมีความรู้เรื่องหนึ่งที่จะแอบสอน เป็นความรู้นอกห้องเรียนที่จะสอนเฉพาะเด็กน่ารักๆฉลาดๆมีความพร้อมที่จะเข้าใจโลกใบนี้เท่านั้น”

“ความรู้เรื่องอะไรเหรอครับ”

“สอนแต่ข้าวตูกับไข่ตุ๋นเท่านั้นเหรอ”

“จ้ะ เห็นนั่นมั้ย” ครูปราณีชี้มือไปบนต้นไม้ที่มีนกอาศัยอยู่ในรังเล็กๆ “เด็กๆรู้มั้ย บางครั้งนกตัวที่ดูแลลูกนกก็ไม่ใช่พ่อหรือแม่แท้ๆของมันเสมอไปหรอกนะ”

“อ้าว แล้วพ่อกับแม่แท้ๆไปไหนซะล่ะครับ”

“แต่ละคนต่างก็มีภารกิจ ตัวลูกนกเองถ้ามัวแต่เศร้าไม่ยอมหัดบิน มันก็จะออกจากรังไปใช้ชีวิตของมันไม่ได้ ข้าวตูกับไข่ตุ๋นก็เหมือนลูกนกนั่นแหละจ้ะ ต้องเข้าใจว่าพ่อกับแม่ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเราก็มีหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน ต้องเรียนหนังสือ เรียนเก่งๆ เพื่อที่จะได้โบยบินอย่างสง่างาม”

“ข้าวตูเข้าใจแล้วครับ ต่อไปนี้ข้าวตูจะไม่เสียใจแล้ว”

“ไข่ตุ๋นก็เหมือนกันค่ะ”

“ดีมากจ้ะ” ครูปราณีแย้มยิ้มอย่างโล่งใจ

ooooooo

หลังจากตัดสินใจจะหย่าขาดกับวสันต์ ยี่หวาจึงมาปรึกษาภูมิชายที่สำนักงานทนายความของเขา

“คุณมาปรึกษาถูกคนแล้วล่ะครับคุณยี่หวา ถ้าเป็นเรื่องคดีหย่าร้าง...ผมถนัดที่สุด คุณยี่หวาอยากได้ค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่ก็เรียกได้เลยครับ”

“ถึงเรียกไป วสันต์ก็ไม่มีจ่ายหรอกค่ะ แค่ไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวกับฉันกับข้าวตูอีกก็เหลือจะพอแล้วล่ะค่ะ”

“ผมอยากเห็นคุณมีความสุขจริงๆนะครับคุณยี่หวา ผมจะช่วยจัดการเรื่องหย่าให้เร็วที่สุด”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“เรื่องเล็กครับ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอครับ หรือว่าคุณลืมเสียแล้วว่าผมเป็นเพื่อนคุณคนหนึ่งที่รักแล้วก็หวังดีกับคุณเสมอ”

ยี่หวาอึดอัดหลบสายตาภูมิชายที่มองมา “เสร็จธุระฉันแล้วคงต้องขอตัวก่อนนะคะ มีงานรออีกเยอะเลย ลานะคะ”

ยี่หวาลุกเดินออกไป ภูมิชายมองตามด้วยสายตามีความหวัง แฝงความเจ้าเล่ห์

“คุณได้หย่าแน่ยี่หวา หย่าเสร็จคุณจะเป็นของใครไม่ได้ นอกจากของผม”

เสียงพึมพำของเขาขาดหายไปพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น พอรับสายก็ได้ยินเสียงเลขาฯแจ้งมาว่า

“คุณภูมิชายคะ ลูกความคนใหม่ที่เพื่อนคุณภูมิชายแนะนำมารออยู่ที่ห้องประชุมแล้วค่ะ”

เมื่อเขาออกมาพบลูกความคนใหม่ ปรากฏว่าไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นวสันต์สามีของยี่หวานั่นเอง สองฝ่ายทักทายแนะนำตัวกันเล็กน้อยก่อนที่วสันต์จะเข้าประเด็นว่าอยากให้เขาช่วยเรื่องคดีหย่าร้าง จากนั้น วสันต์ก็ให้รายละเอียดไปพอสมควร ก่อนภูมิชายจะสรุปให้ฟังว่า

“จากรูปคดีถ้าคุณโดนภรรยาฟ้องหย่าคงไม่ได้อะไรสักแดง แต่ถ้าคุณทำตามที่ผมแนะนำ สมบัติครึ่งนึงของภรรยาจะต้องตกเป็นของคุณแน่ครับคุณวสันต์”

“แล้วผมจะต้องทำยังไงครับ”

“คุณก็ต้องหาหลักฐานว่าคุณยี่หวามีคนอื่น”

“ถึงมี คนอย่างยี่หวาก็เก็บไว้แต่ในใจ ไม่มีหลักฐานหรอก”

“ไม่มีก็สร้างขึ้นมาสิครับ ไม่เห็นจะยากเลย”

วสันต์ครุ่นคิดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหายี่หวา นัดเธอมาพบที่โรงแรม อ้างว่ามีเรื่องจะคุยด้วย...แล้วก็ทำเช่นเดียวกันนี้กับณนนท์ด้วย เพื่อจะจัดฉากว่าทั้งคู่แอบลักลอบพบกันแล้วเก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน แต่วสันต์ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังโดนภูมิ– ชายดัดหลังด้วยวิธีเดียวกันนี้

จนเมื่อวสันต์ขึ้นไปที่ห้องหนึ่งแล้วโดนหญิงสาวจู่โจมลากเข้าห้อง ซึ่งเขาเองก็ยินยอมพร้อมใจด้วยความเจ้าชู้ส่วนตัว นั่นยิ่งทำให้แผนของภูมิชายสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

“ในห้องนั้นผมติดตั้งกล้องบันทึกภาพไว้แล้วครับ ภาพที่ได้มันอาจจะไม่ค่อยน่าดู แต่ใช้เป็นหลักฐานมัดตัวนายวสันต์ตอนฟ้องหย่าได้แน่นอนครับ” ภูมิชายบอกกับยี่หวา และณนนท์หลังจากพากันออกมาจากห้องตรงข้าม แต่สองคนมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

เมื่อพากันลงมาด้านล่าง ภูมิชายขอบคุณณนนท์ที่ให้ความร่วมมือ ณนนท์บอกว่าถ้าเป็นเรื่องของยี่หวา ตนยินดีช่วยเต็มที่อยู่แล้ว แต่ทำแบบนี้จะดีเหรอ มันจะเข้าข่ายหลอกลวง

“บอกตามตรง ฉันก็ไม่ค่อยชอบแผนนี้ซักเท่าไหร่เลยค่ะคุณภูมิ” ยี่หวาเอ่ยอย่างกังวล

“เราไม่ได้เป็นคนเริ่มแผนนี่ครับ คุณวสันต์เป็นคนคิดของเขาเองต่างหาก เราแค่เล่นไปตามเกมของเขา รับมือคนโฉดก็ต้องใช้แผนเอาคืนอย่างงี้ล่ะครับ”

“แต่...ฉันก็รู้สึกไม่ดี บอกให้เขารู้ตัวดีกว่านะคะ”

“คิดดูให้ดีนะครับ ถ้าเราไม่รู้ตัวหลงกลคุณวสันต์ เหยื่อที่อยู่ข้างในก็คือคุณกับคุณณนนท์ คุณอยากให้เรื่องมันจบไม่ใช่เหรอ ทำแบบนี้น่ะถูกแล้ว ผมพูดในฐานะทนายความของคุณ”

“คุณภูมิชายก็พูดถูกนะยี่หวา เรื่องนี้วสันต์ทำขึ้นมาเองเพื่อหาหลักฐานเล่นงานคุณกับผม เพียงแต่เราโชคดีที่รู้ตัวก่อน”

ณนนท์กุมมือยี่หวาบีบเบาๆ ภูมิชายแอบมองด้วยสายตาริษยา

ooooooo

เมื่อณนนท์พายี่หวากลับมาส่งที่บ้าน เขาเอ่ยกับเธออย่างรู้สึกผิด

“ผมขอโทษนะยี่หวา ที่ผ่านมาผมคิดว่าคุณกับลูกคงมีความสุข ผมก็เลยไม่ได้ติดต่อมา”

“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ”

“แต่วันนี้เรารู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เราไปกันไม่รอด เอนิตายังเหมือนเดิมไม่สนใจลูก ไม่ทำหน้าที่แม่ที่ดี คืนก่อนยังแอบหนีลูกไปเที่ยวเมากลับมา ผมเลยไม่รู้จะให้โอกาสเขาอีกทำไม”

“ทำไมเราสองคนต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย”

“นี่อาจจะเป็นบททดสอบให้เราสองคนช่วยกันฟันฝ่าให้ผ่านตรงนี้ไปด้วยกันก็ได้”

สองคนยิ้มให้กำลังใจกันและกัน พลันได้ยินเสียงบุญเลื่องดังมาจากในบ้าน

“หยี...อย่าทำอย่างนี้เลยลูก ออกจากห้องมากินข้าวกินปลาบ้างเถอะลูก”

ยี่หวามองหน้าณนนท์อย่างหนักใจ...บ่นว่าบ้านตนมีปัญหาให้แก้ไม่จบไม่สิ้นเลยจริงๆ จากนั้นทั้งคู่เข้ามาในบ้านพบบุญเลื่องเพิ่งลงมาจากชั้นบนพอดี

“อะไรเหรอคะแม่”

“หยีน่ะสิลูก ขลุกอยู่ในห้อง นอนคลุมโปง ฝ้าเพดานก็ไม่มอง แถมวันๆไม่กินข้าวกินปลา”

“คงเป็นเพราะเจ้ายอดน้องผม”

“เราจะทำยังไงกันดีคะ”

“คงทำอะไรไม่ได้หรอกลูก ต้องทำใจสถานเดียว ผู้ชายเขาเป็นอื่นไปแล้วนี่”

“ไม่ได้มีแต่น้องหยีหรอกครับที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เจ้ายอดก็เหมือนกัน ผมว่าเรื่องนี้ต้องแก้ที่เขาสองคนนั่นแหละครับ”

“แก้ยังไงคะ แม้แต่หน้าน้องคุณ ยัยหยีก็คงไม่อยากมอง”

“ใช่...ไม่อยากแม้แต่ได้ยินชื่อ”

“ผมนึกออกแล้ว พรุ่งนี้ที่คุณส่งลูกน้องไปจัดดอกไม้ให้รายการโซลเมทที่เจ้ายอดเป็นพิธีกร คุณก็ให้ยาหยีไปดูแลเรื่องดอกไม้แทนลูกน้องคุณสิครับ”

“จะดีเหรอคะ ถ้ายัยหยีรู้เข้าอาละวาดบ้านแตกแน่”

“มันก็ต้องลุ้นดู บางทีถ้าสองคนเจอหน้ากันอาจจะปรับความเข้าใจกันได้”

“จริงของคุณนนท์ ไม่ลองไม่รู้นะลูก” บุญเลื่องสนับสนุน...คาดหวังจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของลูกสาวคนเล็ก

ooooooo

การโคจรมาเจอกันของสุดยอดกับยาหยีในวันถ่ายทำรายการฯ โดยพี่ยิ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแขกรับเชิญคู่บ่าวสาวเป็นญาติผู้ใหญ่สูงวัยของพี่ยิ่งเอง...สุดยอดกับยาหยีเกือบจะปรับความเข้าใจกันได้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายขึ้นเสียก่อน

เจ้าบ่าวสูงวัยเป็นลมหมดสติระหว่างทำพิธีแต่งกลางรายการฯ พี่ยิ่งกับทีมงานต้องรีบพาแกส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ส่วนสุดยอดกับยาหยีก็พาเจ้าสาวของแกตามไปดูอาการ

และแล้วอาการของคุณลุงเจ้าบ่าวก็ดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งสุดยอดบอกกับยาหยีว่าเป็นอานุภาพของความรักที่คุณป้ามีต่อคุณลุง ทั้งคู่ไม่มีทิฐิต่อกัน ซึ่งเขาเองก็อยากมีความรักแบบเดียวกันนี้กับยาหยีผู้หญิงที่เขารักคนเดียวเท่านั้น เขาอยากอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป

ขณะบรรยากาศกำลังอบอวลไปด้วยความสุขความเข้าใจ จู่ๆเพิร์ลลี่ก็ส่งข้อความมาให้สุดยอดระบุว่าเธอขอลาตาย สุดยอดตกใจมากรีบผละจากยาหยีไปหาเธอทันที ทำให้ยาหยีโกรธและน้อยใจเขาขึ้นมาอีก

สุดยอดรีบร้อนไปบ้านชม้อย พบเพิร์ลลี่นอนอ้าปากพะงาบๆ ส่วนชม้อยนั่งร่ำไห้ด้วยความอาทรร้อนใจ พอเห็นสุดยอดโผล่เข้ามา ชม้อยก็ลุกขึ้นด่าอย่างฉุนเฉียว

“โผล่มาแล้วเหรอ แก...ไอ้สุดยอด ไอ้ผู้ชายแสนเลว ฟันแล้วทิ้งหน้าตาเฉย”

“เพิร์ลลี่...คุณทำอย่างนี้ทำไม คุณรู้มั้ยว่าถ้าคุณเป็นอะไรไปมันจะบาปขนาดไหน”

“หน็อย! คนจะตายอยู่รอมร่อยังเป็นห่วงโปรไฟล์ตัวเองอีกนะ” ชม้อยเจ็บใจ

“พี่ยอดไม่รักเพิร์ลลี่แล้ว เพิร์ลลี่ก็ไม่รู้จะอยู่ไป ทำไม เพิร์ลลี่จะกินยาฆ่าตัวตาย ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ยอด ถ้าพี่ยอดกลัวบาป ต่อไปนี้ก็อย่าหนีเพิร์ลลี่ไปไหนสิคะ”

“พี่ไม่กลัวบาปหรอก บาปไม่ได้เป็นของพี่ แต่บาปจะตกเป็นของผู้ที่กระทำ”

“หมายความว่ายังไงคะ” เพิร์ลลี่หันไปถามชม้อย แต่รายนั้นบอกไม่รู้ แม่ไม่ขอคอมเมนต์

“คนฆ่าตัวตายน่ะจะมีบาปหนัก เป็นวิญญาณเร่ร่อน เป็นสัมภเวสีที่ได้รับการลงโทษจากเครื่องทรมานต่างๆไม่จบไม่สิ้น ไม่ว่าจะทำบุญทำทานหรือกรวดน้ำไปให้ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับ เพิร์ลลี่บอบบางขนาดนี้จะทนไหวเหรอ”

“โอ้ว...จริงเหรอคะคุณแม่”

“อย่าถาม แค่คิดแม่ก็จิตจะหลุดอยู่แล้ว”

เพิร์ลลี่ชักกลัว แอบกระซิบแม่ “แต่ยมบาลรู้ใช่ไหมคะว่าเพิร์ลลี่ไม่ได้กิน เพิร์ลลี่แค่จิบ จิบน้ำเปล่านะคะ”

“ยมบาลไม่ได้วางแผนกับเรานี่ลูก” ชม้อยกระซิบตอบ...ทันใดนั้นเอง เพิร์ลลี่ก็ร้องลั่นว่าตนไม่ทำอีกแล้ว แต่พี่ยอดต้องรับปากว่าจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำกับตน

“จะให้พี่รับผิดชอบยังไง”

“พี่ยอดต้องแต่งงานกับเพิร์ลลี่ให้เร็วที่สุด”

“ใช่ เพื่อปกป้องชื่อเสียงและเกียรติยศของลูกสาวคนเดียวของฉัน ที่ฉันทะนุถนอมเลี้ยงดูมา”

“แต่พี่ยังไม่พร้อม ขอเวลาอีกหน่อยได้ไหม เพิร์ลลี่”

“ไม่ได้ค่ะ ถ้าพี่ยอดไม่ยอมแต่ง เพิร์ลลี่จะฆ่าตัวตายให้พี่ดู”

“เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว พี่ว่าตอนนี้เพิร์ลลี่พักผ่อนก่อนดีกว่า เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง พี่จะมาเยี่ยมใหม่”

สุดยอดหันหลังจะเดินออก...เพิร์ลลี่ตะโกนขึ้นสุดเสียง

“หยุดนะ! ถ้าพี่ยอดก้าวออกจากห้องนี้ไป รับรองว่าพี่จะไม่ได้เห็นเพิร์ลลี่อีก”

ว่าแล้วเพิร์ลลี่คว้าขวดน้ำยาล้างห้องน้ำมากรอกปากตัวเอง สุดยอดตกใจรีบเข้าไปแย่งขวดโยนทิ้ง...ชม้อยหน้าเสีย ไม่นึกว่าลูกสาวจะกินเข้าไปจริงๆ

“ก็ได้ๆๆๆ พี่ยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง แต่เพิร์ลลี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆอีก สัญญาสิ”

เพิร์ลลี่รับปากพลางพ่นน้ำที่อมไว้ออกมา ชม้อยลนลานหยิบน้ำเปล่ามาให้ลูกบ้วนปาก พอสุดยอดกลับออกไปแล้ว ชม้อยก็ต่อว่าลูกสาวทันที

“แม่ไม่ได้เมนต์ให้ลูกกินจริงๆนะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของปลอมก็เถอะ”

“ทำไงได้คะคุณแม่ เพิร์ลลี่เป็นซุปตาร์ก็ต้องเล่นเต็มที่จนกว่าจะคัต” เพิร์ลลี่แสยะยิ้มภูมิใจที่แผนการง่ายๆของตัวเองสำเร็จอีกจนได้

ooooooo

ณนนท์ตั้งใจมาเจรจาตกลงกับเอนิตาเรื่องที่ยังคาราคาซัง โดยเขานำเช็คเงินสดห้าล้านกับ หนังสือหย่ามาให้เธอ เพื่อแลกกับอิสรภาพของเรา

“ใคร? ใครที่ต้องการอิสรภาพ คุณคนเดียวต่างหาก” เอนิตาสวนทันควัน

“แต่คุณเป็นคนทำให้ผมต้องทำอย่างนี้”

“คุณจะทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว”

“คุณทำตัวเองทั้งนั้น...เอนิตา”

“โทษฉันคนเดียวไม่ได้หรอก ฉันเองก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่ต้องการความรัก ความเอาใจใส่จากสามี แต่คุณไม่เคยมีให้ฉัน ฉันถึงต้องหันหน้าไปหาสิ่งอื่น”

“อย่างเหล้า อย่างยาเสพติดใช่มั้ย คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอ ผมว่าเลิกโทษคนอื่นแล้วหันมาปรับปรุงตัวเองดีกว่า”

ท่าทางจริงจังของณนนท์ทำให้เอนิตาใจเสีย เธอบีบน้ำตาโผเข้ากอดเว้าวอนเขา

“นนท์...ตอนนี้นิตารู้แล้วว่าคุณคือคนที่ดีที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมานิตาผิดเอง นิตาโง่ ไม่รักดี แต่นนท์ให้โอกาสนิตาอีกสักครั้งนะ คิดดูสิ ถ้านนท์ทิ้งนิตาไปตอนนี้นิตาจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง”

“ที่ผมช่วยได้คือเป็นกำลังใจ แล้วก็ให้เงินคุณไปตั้งต้นชีวิตใหม่ เซ็นใบหย่าแล้วก็รับมันไปซะ ผมขอแค่ให้ลูกอยู่กับผม”

“เกลียดตัวแต่จะมากินไข่ ไม่มีทาง ถ้าหย่ากับฉัน ลูกก็ต้องไม่อยู่กับคุณ กล้าดีก็หย่าสิ”

“ผมนึกแล้วว่าต้องคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง คุณบีบผมเองนะเอนิตา คุณบีบผมให้ผมทำเรื่องที่ไม่อยากจะทำ ผมมีหลักฐานว่าคุณไม่มีคุณสมบัติจะเป็นแม่ ถ้าเรื่องขึ้นศาลยังไงผมก็ชนะ ถึงตอนนั้นคุณก็จะไม่ได้อะไรเลย”

“คุณขู่ฉันเหรอ” เธอขึ้นเสียง จ้องหน้าเขาเขม็ง

“ขอโทษนะนิตา ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ คิดดูให้ดีก็แล้วกัน” ณนนท์หมดคำพูด หันหลังเดินจากไป... เอนิตาตะโกนไล่หลังอย่างโกรธแค้น

“คุณมันโง่...ณนนท์ แล้วคุณจะต้องเสียใจ จำคำฉันไว้ คุณจะต้องเสียใจ!”

ooooooo

เพราะทำตัวเองจนหมดสิ้นหนทางไร้ที่พักพิง วสันต์กับวัลลภาจึงต้องมาเช่าโรงแรมถูกๆเป็นที่ซุกหัวนอน สองแม่ลูกเครียดหนักพยายามคิดอ่านเพื่อความอยู่รอด ในที่สุดก็สรุปคล้อยตามกันว่าต้องจับข้าวตูมาเรียกค่าไถ่

ด้านณนนท์ที่กำลังมุ่งมั่นเรื่องหย่าร้างกับเอนิตา วันนี้เขาหอบหลักฐานมาปรึกษาภูมิชายอีกครั้งที่สำนักงาน โดยมียี่หวาร่วมรับฟังอยู่ด้วย

“เท่าที่ดูจากหลักฐาน สลิปเงินในแต่ละเดือน ค่าเล่าเรียนและความรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครอง รวมไปถึงคลิปฉาวของคุณเอนิตากับนายแบบ แค่นี้ก็น่าจะมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำให้คุณชนะได้แล้วนะครับ”

ณนนท์นิ่งคิด สีหน้าไม่สบายใจ...ภูมิชายมองออก ย้ำขึ้นว่า

“ผมรู้ครับว่าคุณณนนท์ไม่สบายใจที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ในแง่กฎหมายมันจำเป็นนะครับ ที่จะหาหลักฐานมาอ้างอิงให้ศาลเชื่อว่าเราเหมาะสมที่จะเป็นคนดูแลลูก”

“ฉันก็ไม่อยากซ้อนแผนสร้างหลักฐานให้ร้ายวสันต์เหมือนกัน แต่มันจำเป็น ในเมื่อเราสองคนต้องการลูก”

“ตกลงครับ...คุณเอาหลักฐานทั้งหมดไปได้เลย แต่ขอร้องอย่าให้ใครเอาไปเผยแพร่นะครับ อย่างน้อยเมื่อเรื่องจบนิตาก็ยังมีที่ยืน”

“วางใจเถอะครับ”

แม้ภูมิชายจะรับปาก แต่ณนนท์ก็ไม่วายเป็นกังวลอยู่ดี

ooooooo

หลังจากวสันต์แอบไปเอาตัวข้าวตูมาจากโรงเรียนได้แล้ว...ไม่คิดว่าเอนิตาก็ใช้วิธีเดียวกันไปหลอกไข่ตุ๋นมาจนได้ แถมยังพาไปไกลถึงบ้านของเธอที่เชียงใหม่ ก่อนจะโทร.กลับมาต่อรองกับณนนท์

“คุณจะบ้าเหรอนิตา นี่คุณกำลังลักพาตัวไข่ตุ๋นนะ คืนไข่ตุ๋นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไข่ตุ๋นอยู่ไหน...ฮัลโหลๆๆ”

เสียงสัญญาณขาดหายไป เลยไม่รู้ว่าไข่ตุ๋นอยู่ที่ไหน ณนนท์เจ็บใจแทบบ้า สุดยอดก็บ่นด้วยความโมโห

“นี่เอาไข่ตุ๋นมาต่อรองอีกแล้วใช่ไหมครับ ไม่อยากเชื่อว่ามีคนอย่างนี้ด้วย พอให้โอกาสก็ไม่กลับตัว พอจะเลิกก็ไม่ยอม จิตหรือเปล่าเนี่ย”

“จิต เพราะตอนนี้เขาขู่ว่าถ้าไม่คืนดีกับเขา พวกเราจะไม่เห็นหน้าไข่ตุ๋นอีก”

“ก็แค่ขู่น่ะพี่ คงเห็นว่าขู่ทีไรได้ผลทุกที คราวนี้ก็เลยจัดหนัก”

“เอาน่ะ เจ้าไข่ตุ๋นปลอดภัยก็ใช้ได้แล้ว เรื่องอื่นก็ต้องค่อยๆแก้กันไป พ่อว่าลองทำเป็นเฉยๆซักสองสามวัน ถ้าเขาเห็นว่าไ่ม่ได้ผล ต่อไปจะได้เลิกเอาเจ้าไข่ตุ๋นเป็นตัวประกันซะที”

ณนนท์นิ่งคิดตามที่พ่อกับน้องพูด รู้สึกว่ามีเหตุผลเข้าท่าเหมือนกัน...

คืนนั้น ไข่ตุ๋นสร้างความรำคาญให้เอนิตาอย่างมาก เด็กน้อยร่ำร้องจะกลับไปหาพ่อให้ได้ เอนิตาสั่งให้หยุดก็ไม่ยอม กลับยิ่งอาละวาดหนักขึ้นไปอีก

“ไม่หยุด...แม่ผิดสัญญากับไข่ตุ๋น บอกว่าจะพามาดูหลินปิงก็ไม่เห็นพาไปเลย ตอนนี้ไข่ตุ๋นคิดถึงพ่อแล้วด้วย ไข่ตุ๋นจะกลับบ้าน พ่อๆๆๆ”

“เลิกเรียกพ่อแกซะที ป่านนี้พ่อแกอยู่กับนังยี่หวาโน่น เขาไม่สนใจแกแล้ว”

“ไม่จริง...ไข่ตุ๋นจะหาพ่อ ปู่เท่ง อายอด อยู่ไหนอ้ะ ปู่เท่ง...อายอด”

“แกเป็นลูกฉัน คิดจะดื้อกับฉันเหรอ” เอนิตาบีบแขนไข่ตุ๋นจนหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ “เจ็บเหรอ งั้นก็อย่าดื้อกับแม่ แม่ไม่ได้ตามใจเราเหมือนพ่อนะ” ว่าแล้วเธอปึงปังออกจากห้องไป ปล่อยให้ไข่ตุ๋นร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียว

ooooooo

ในโรงแรมราคาถูก วสันต์กำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ โดยมีวัลลภาคอยลุ้นอยู่ใกล้ๆ

“ช่วยไม่ได้ ก็คุณไม่ยอมขายที่เอง ผมก็ต้องพาข้าวตูมาน่ะสิ ถ้าคุณอยากได้ข้าวตูกลับไปก็เอามาให้ผมสิบล้าน ไม่อย่างงั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นข้าวตูอีก”

ยื่นคำขาดเสร็จ วสันต์กดวางสายทันที...วัลลภา ยกนิ้วโป้งให้ลูกชาย ชมว่าดีมาก คราวนี้ยี่หวาต้องยอมขายที่ดินแน่

“แล้วถ้าเกิดยี่หวาไม่ขายล่ะแม่ เราไม่ต้องเลี้ยง ข้าวตูเพิ่มขึ้นอีกคนเหรอ ผมยิ่งไม่ค่อยมีเงินอยู่นะ”

“เชื่อฉันสิ มันรักข้าวตูจะตาย ยังไงมันก็ยอมขายที่แลกกับข้าวตูแน่”

“สิบล้าน มีสิบล้านทั้งทีจะเอาไปใช้อะไรดี”

“ฉันจะไปมาเก๊า คันไม้คันมือจนจะลงแดงตายอยู่แล้วเนี่ย”

ขณะที่สองแม่ลูกกำลังเคลิ้มฝัน ข้าวตูยืนร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่คิดว่าพ่อกับย่าจะทำกับตนขนาดนี้ ไม่มีความรักตนเลยแม้แต่น้อย...

พวกยี่หวาก็ไม่คิดว่าวสันต์จะเลวทรามได้ถึงเพียงนี้ ยาหยีเจ็บใจมากจะไม่ยอมให้ยี่หวาจ่ายเงินสิบล้าน แต่ควรแจ้งตำรวจจับสองแม่ลูกตัวแสบ

“แต่เขาขู่พี่ว่าถ้าพี่แจ้งความ พี่จะไม่ได้เจอข้าวตูอีกต่อไป พี่เชื่อว่าพวกเขาทำได้นะหยี พี่รู้จักสองแม่ลูกนั่นดี”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ขายบ้านสวนไป” บุญเลื่องโพล่งขึ้น

“แต่ว่าบ้านสวนไม่ใช่ของหนูคนเดียวนะคะ มันเป็นของเราทุกคน”

“ตอนนี้ข้าวตูสำคัญที่สุดนะพี่ยี่หวา หยีเต็มใจให้พี่ขายเพื่อเอาข้าวตูกลับมา”

“พระท่านบอกของทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืนอยู่กับเราตลอดไปหรอกนะลูก โทร.ไปบอกคนซื้อนะว่าเราจะขาย แล้วรับมัดจำเขามาก่อนสิบล้าน เราจะได้เอาไปช่วยข้าวตู แล้วก็อย่าลืมให้นายวสันต์ทำสัญญาด้วยนะ ว่าต่อไปมันจะได้ไม่มายุ่งกับข้าวตูอีก”

ยี่หวาน้ำตารินด้วยความซึ้งใจ เข้ามากราบแทบอกแม่ และขอบใจน้องสาว...ในเวลาเดือดร้อน ครอบครัวคือกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับเธอเสมอ

ooooooo

วันนัดหมาย ยาหยีขับรถมาจอดใกล้ร้านกาแฟแถวโรงแรม แล้วบอกยี่หวาว่าตนขอรออยู่แถวนี้ เพราะไม่อยากเจอหน้าสองแม่ลูกอุบาทว์นั่น ยี่หวาเข้าใจความรู้สึกน้อง บอกว่าเสร็จธุระแล้วพี่จะโทร.ตาม

ยี่หวาหยิบกระเป๋าถือลงจากรถเดินเข้าร้านกาแฟเพื่อไปพบวสันต์กับวัลลภา ส่วนยาหยีกดโทรศัพท์มือถือหาบุญเลื่องก่อนจะก้าวลงจากรถเดินไปคนละทาง

ขณะนั้นเองบนห้องพักในโรงแรม ข้าวตูกำลังพยายามเปิดประตูห้องแต่ไม่สำเร็จ จึงวิ่งมาที่หน้าต่างมองลงไปด้านล่างที่มีผู้คนเดินไปมา เด็กน้อยตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครได้ยินสักคน

ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นตำรวจคนหนึ่ง ข้าวตูรีบไปหยิบเศษกระดาษกับปากกามาเขียนคำว่าช่วยด้วย ก่อนจะพับเป็นเครื่องบินร่อนไป แต่ด้วยความที่เครื่องบินเบาและอยู่ชั้นบนเลยโดนลมพัดไปทางอื่นไม่ถึงตำรวจ

ในร้านกาแฟ ยี่หวากำลังคุยกับวสันต์และวัลลภา พอเห็นหนังสือสัญญา วสันต์ก็ออกอาการหงุดหงิดไม่พอใจ

“เกินไปรึเปล่ายี่หวา ถึงกับต้องเซ็นสัญญาไม่ให้ผมยุ่งกับลูกเลยเหรอ ผมเป็นพ่อข้าวตูนะ”

“พ่อที่จับลูกตัวเองเรียกค่าไถ่เนี่ยนะ อย่าว่าแต่เป็นพ่อเลย เป็นคนให้ได้ก่อนเถอะ”

“นี่คุณ...” วสันต์จะโวย แต่วัลลภาขัดขึ้นเสียก่อน

“แกก็เซ็นๆไปเถอะน่ะตาสันต์ จะยักท่าไปทำไม เงินมากองอยู่ตรงหน้าแล้ว”

“แต่ถึงยังไงข้าวตูมันก็ลูกผมนะแม่ จะให้เซ็นยกง่ายๆอย่างงี้เลยเหรอ”

“ตกลงจะเซ็นหรือไม่เซ็น ที่ฉันยอมคุณขนาดนี้ก็เพราะคุณเป็นพ่อข้าวตูหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นฉันแจ้งตำรวจจับไปนานแล้ว”

“เออ ก็ได้ๆ” วสันต์เซ็นเสร็จจะส่งคืนให้ยี่หวา

แต่วัลลภารั้งไว้ เธอขอดูเงินให้แน่ใจก่อน พอเห็นแคชเชียร์เช็คที่ยี่หวายื่นมาให้ สองแม่ลูกก็ตาลุกวาว ตื่นเต้นกับเงินจำนวนมาก ในขณะที่ยี่หวาหยิบสัญญามาดูด้วยความดีใจ

ข้าวตูยังไม่ละความพยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่แวะซื้อของกินอยู่หน้าโรงแรม เด็กชายหัวไวใช้ได้ เอาถุงพลาสติกใส่น้ำปาลงไปโดนหัวตำรวจพอดี พลางโบกมือขอความช่วยเหลือ ตำรวจแหงนมองแล้วเอะใจ วิ่งเข้าโรงแรมไป

ฝ่ายยาหยีที่แยกกับยี่หวา เธอเดินดูร้านรวงไปเรื่อย ไม่นึกว่าจะไปเจอสุดยอดและทีมงานมาถ่ายทำรายการกันอยู่ จึงหันหลังเดินหนีออกมา แต่สุดยอดก็ก้าวตามไม่ลดละ

ส่วนยี่หวา หลังจากตกลงกับวสันต์ได้แล้ว เธอก็ตามเขาเข้ามาในโรงแรมเพื่อจะไปรับข้าวตู แต่ทันใดพนักงานคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามาหาวสันต์

“คุณคะคุณ ทำไมคุณถึงได้ขังลูกคุณเอาไว้ในห้องล่ะคะ รู้ไหมคะว่าวุ่นวายกันยกใหญ่แล้ว”

“เกิดอะไรขึ้นคะ” ยี่หวาร้อนใจเป็นห่วงลูก

“ก็เด็กน่ะสิคะ ส่งสัญญาณไปบอกตำรวจ เขาเลยคิดว่าถูกจับตัวมาเรียกค่าไถ่”

“ผมกลัวว่าข้าวตูจะซนระหว่างที่ผมไม่อยู่น่ะ ก็เลยขังเอาไว้ ไม่มีอะไรหรอก” วสันต์รีบบอก

“กลัวว่าข้าวตูหนีไปแล้วจะไม่ได้เงินมากกว่ามั้ง” ยี่หวาว่าให้...แล้วหันมาพูดกับพนักงาน “ไม่ทราบว่าตอนนี้ลูกดิฉันอยู่ไหนคะ”

“ตำรวจพาไปที่โรงพักแล้วค่ะ”

ยี่หวาเดินฉับๆออกไปทันที วสันต์กับวัลลภารีบตามออกไปเช่นกัน...

ตำรวจกับข้าวตูยังอยู่ในระหว่างเดินทาง เมื่อโดนตำรวจถามว่าทำไมพ่อถึงเอาไปขังไว้ในห้อง ข้าวตูไม่ทันจะตอบก็เหลือบไปเห็นยาหยีเดินอยู่อีกฟากถนน... ด้วยความดีใจ เด็กชายร้องเรียกน้าสาวพร้อมกับวิ่งข้ามถนนไปหา

ทันใดนั้นรถคันหนึ่งวิ่งสวนมาด้วยความเร็วสูง กดแตรเสียงดังลั่น ยาหยีหันไปมองตาม พอเห็นข้าวตูก็ช็อกสุดๆ กรีดร้องลั่นไปหมด เช่นเดียวกับยี่หวา วสันต์ วัลลภาที่เห็นเหตุการณ์พอดี ต่างคนต่างช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ooooooo

ลิขิตเสน่หา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด