ตอนที่ 13
นายพลเทพปลอบใจบุปผาที่ต้องเสียป้าอิ่มไปอย่างกะทันหันทั้งที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นาน มัทนาเองก็สงสารน้องสาวแต่ให้นึกเสียว่าเป็นคราวเคราะห์ แต่บุปผาไม่คิดเช่นนั้นแน่ แล้วเธอก็ได้ยินสิ่งที่ป้าอิ่มพูดในวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยว่าสร้อยฆ่าแม่อุ่น
ขณะเดียวกัน สร้อยกับคุณหญิงมณีก็เริ่มไม่มั่นใจว่าอิ่มจากไปโดยไม่บอกความลับเรื่องการตายของอุ่นให้ลูกสาวแท้ๆอย่างบุปผารู้ ทั้งคู่กลับมาซุบซิบกันที่บ้านอย่างเป็นกังวล
“คุณหญิงว่านังบุปผามันโกหกรึเปล่าคะ ที่ว่านังอิ่มมันไม่ทันได้พูดอะไรก่อนตายน่ะค่ะ เพราะสร้อยรู้สึกว่านังบุปผามันก็ทำหน้าแปลกๆตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ”
“ถ้านังอิ่มมันคิดจะบอกนังบุปผาเรื่องที่แกฆ่านังอุ่นน้องสาวมัน มันก็มีโอกาสบอกมาตั้งนานแล้ว ทำไมมันถึงไม่บอก ทำไมมันถึงคิดจะมาบอกเอาก่อนตายล่ะ”
“ก็เพราะมันกำลังจะตายไงคะคุณหญิง คนจะตายน่ะมันยังมีห่วงอะไรอยู่มันก็ต้องรีบสั่งเสียคนที่อยู่ข้างหลังไว้ไงคะ สร้อยกลัวว่าพอนังบุปผารู้แล้วมันจะล้างแค้นให้แม่มัน”
“แต่ถึงนังอิ่มมันจะบอกเรื่องนี้กับนังบุปผา แล้วนังบุปผามันจะทำอะไรแกได้ หลักฐานอะไรก็ไม่มีสักอย่าง แกสบายใจเถอะ นังบุปผาไม่มีทางทำอะไรแกได้หรอก”
คำพูดของคุณหญิงมณีทำให้สร้อยรู้สึกเบาใจไปได้บ้าง แต่สำหรับบุปผานั้นนอนคิดหนักตลอดคืน ไม่เข้าใจว่าทำไมสร้อยต้องฆ่าแม่อุ่นของตนด้วย วันรุ่งขึ้นบุปผาจึงไปเล่าให้ผกาฟังก่อนจะขอความเห็น ซึ่งผกาก็วิเคราะห์ได้โดยไม่ต้องไตร่ตรองอะไรให้เสียเวลา
“นังสร้อยมันก็คงได้รับคำสั่งจากนังคุณหญิงมณีให้ไปฆ่าแม่อุ่นของแกน่ะสิ ก็ยุคนี้น่ะนะ ถ้าไม่เมียหลวงสั่งเก็บเมียน้อย เมียน้อยก็ลวงเมียหลวงไปฆ่า เพื่อตัวเองจะได้ขึ้นแท่นแทน ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลยบุปผา”
“แม่บอกว่า...วันนั้นที่แม่เจอฉันก็คือตอนที่ป้าอิ่มอุ้มฉันวิ่งหนีอะไรมา แล้วรถของแม่ก็ไปชนป้าอิ่มเข้า และเมื่อไม่นานมานี้ท่านนายพลบอกฉันว่าแม่อุ่นตายเพราะไฟไหม้บ้าน งั้นตอนนั้นป้าอิ่มก็คงจะอุ้มฉันหนีอีสร้อยนี่ละ ฉันถึงได้รอดตายมาได้น่ะ”
“ก็คงงั้น”
“ถ้าป้าอิ่มไม่อุ้มฉันหนีมา ฉันก็คงจะตายในกองไฟพร้อมกับแม่อุ่นไปแล้ว...แล้วเผลอๆที่ป้าอิ่มถูกงูกัดนี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“ทำไมแกคิดอย่างนั้นล่ะ”
“คนดีๆมีแต่เขาคิดจะช่วยกันตีงูไม่ให้กัดคนได้ นี่อะไร นังสร้อยกลับปิดประตูเฉยเลย ไม่ยังงั้นฉันก็คงเข้าไปช่วยป้าอิ่มทัน แล้วป้าอิ่มก็คงจะไม่ต้องมาตายอนาถอย่างนี้หรอก”
“นังสร้อยมันคงกลัวว่านังอิ่มจะเปิดโปงความลับเรื่องที่มันฆ่าแม่อุ่นน่ะสิ”
“แล้วทำไมป้าอิ่มไม่ยอมบอกฉันเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ล่ะ”
“ไม่รู้สิ แต่ยังไงๆเขาก็ยังบอกให้แกรู้ก่อนตายจนได้”
“ยิ่งรู้อย่างนี้ นังคุณหญิงกับนังสร้อยมันจะต้องได้เห็นดีกับฉันแน่”
“แต่เรื่องมันก็ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว หลักฐานอะไรก็ไม่มี แล้วแกจะไปเอาเรื่องเอาความกับเขาได้ยังไง”
“แล้วแม่จะให้ฉันปล่อยให้แม่อุ่นกับป้าอิ่มต้องตายเปล่าไปอย่างนี้น่ะเหรอ”
“แล้วแกจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ”
บุปผาไม่ตอบ แต่คิดอยู่ในใจว่ายังไงตนก็ต้องทำให้สร้อยกับคุณหญิงมณีได้รับผลกรรม...แม่กับป้าของตนต้องไม่ตายเปล่าแน่!
ooooooo
หลังงานศพอิ่มที่นายพลเทพเป็นเจ้าภาพ...บุปผามีโอกาสไปกินอาหารนอกบ้านกับนายพลเทพตามลำพังเพราะคุณหญิงมณีต้องพามัทนาไปบ้านคุณหญิงแจ่มจันทร์เนื่องจากคุณชไมเพิ่งมาจากเชียงใหม่ คุณหญิงมณีต้องการให้เธอดูฤกษ์หมั้นให้เร็วที่สุด ไม่อยากรอถึงปีหน้า
“ดิฉันดีใจจริงค่ะที่คุณชไมสละเวลาลงมาที่พระนครนี่ ทีแรกดิฉันกับคุณหญิงแจ่มจันทร์มีแผนจะขึ้นไปหาคุณชไมที่เชียงใหม่ แต่ก็มัวมีเรื่องยุ่งๆที่นี่เสียก่อน”
“ดิฉันทราบค่ะ”
“แต่ก่อนคุณชไมจะดูฤกษ์หมั้น ช่วยดูดวงยายมัทให้ก่อนได้ไหมคะ ดิฉันอยากจะรู้ว่า...” คุณหญิงมณียั้งปากทัน ไม่อยากพูดเรื่องดวงร้าวต่อหน้าลูกสาวจึงเลี่ยงไป “ตอนนี้ยายมัทก็ใส่บาตร อาบน้ำมนต์ครบตามที่คุณชไมบอกให้ทำเรียบร้อยแล้วค่ะ”
คุณชไมไม่พูดอะไร จับมือมัทนาไว้แล้วหลับตาลง ไม่นานก็ลืมตาช้าๆ สีหน้าไม่สู้ดี จนคุณหญิงมณีซักถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“อาบน้ำมนต์ครบทุกครั้งที่กำหนดก็จริง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งน้ำมนต์เสื่อม”
“น้ำมนต์เสื่อม? หมายความว่ายังไงคะคุณชไม”
“มีคนทำให้เสื่อม”
“เป็นไปได้ยังไงกันคะ”
“แต่มันก็เป็นไปแล้วล่ะค่ะคุณหญิง”
“แล้วดิฉันต้องทำยังไงคะ”
ชไมทำน้ำมนต์ขึ้นมาใหม่ด้วยการนำพระพุทธรูปมาสรงน้ำและนำน้ำนั้นมาบริกรรมคาถาอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่งให้มัทนาดื่มและล้างหน้าเพื่อช่วยบรรเทาเคราะห์หนักให้เป็นเบา
“แล้วเรื่องฤกษ์หมั้นล่ะคะคุณชไม ดิฉันอยากได้ฤกษ์หมั้นให้พ่อต้นกับหนูมัทที่เร็วที่สุดน่ะค่ะ” คุณหญิงแจ่มจันทร์เอ่ยปาก
“ดิฉันเคยบอกแล้วฤกษ์ดีของหนูมัทกับพ่อต้นปีนี้ไม่มี ถ้าจะหมั้นกันจริงๆ ใช้ฤกษ์สะดวกก็แล้วกัน แล้วหนูมัทก็อย่าลืมถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด และสวดมนต์แผ่เมตตาทุกวัน ความดีจะเป็นเกราะคุ้มกันภัยจากสิ่งเลวร้ายได้ แล้วก็อย่าคิดร้ายกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นเรื่องร้ายจะย้อนกลับมาที่ตัวเอง” ชไมพูดพร้อมกับปรายตาไปทางคุณหญิงมณีเหมือนเป็นการเตือน แต่เจ้าตัวไม่รู้อะไร ได้แต่นิ่งเฉยมองลูกสาวพนมมือไหว้พร้อมกับรับปากคุณชไมอย่างนอบน้อม
แยกจากคุณชไมมาแล้ว สองคุณหญิงก็หารือกันเรื่องฤกษ์หมั้น “คุณชไมบอกให้ใช้ฤกษ์สะดวกอย่างนี้ ตกลงเราจะเอายังไงกันดีคะคุณหญิง”
“ดิฉันก็คงต้องแล้วแต่ทางคุณหญิงแจ่มจันทร์ล่ะค่ะ ว่าจะสะดวกเมื่อไหร่ เพราะถึงอย่างไรทางดิฉันก็เป็นฝ่ายหญิง คงต้องให้ทางฝ่ายชายเป็นฝ่ายดำเนินการ”
“ดิฉันก็ยังยืนยันว่าต้องการให้หมั้นกันเร็วที่สุด เพราะพ่อต้นน่ะร้อนใจ”
มัทนาได้ยินทุกคำ หันมองหน้าไอศูรย์อย่างแปลกใจ ต่อมาเมื่อได้พูดคุยกันตามลำพัง ไอศูรย์ยอมรับว่าตนร้อนใจเพราะมีคู่แข่งที่น่ากลัว มัทนาฟังแล้วน้อยใจ ตัดพ้อว่าเขาพูดเหมือนไม่ไว้ใจเธอ
“พี่ไว้ใจน้องมัท แต่พี่ไม่ไว้ใจเพชร เพราะเพชรมาพูดกับพี่ว่าตราบใดที่เรายังไม่หมั้นกัน เขาจะไม่รามือจากน้องมัทเป็นอันขาด พี่ถึงต้องให้คุณแม่เร่งหาฤกษ์หมั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หมั้นกันเรียบร้อยเมื่อไหร่ พี่จะได้อุ่นใจว่าเพชรจะเข้ามายุ่งกับน้องมัทไม่ได้อีกต่อไป”
เวลาเดียวกันนั้น เพชรแวะมาเยี่ยมพลอยที่โรงพยาบาล ความจริงพลอยอาการดีขึ้นมากแล้ว หมอให้กลับบ้านได้ แต่เธอยังไม่อยากกลับเพราะต้องการอยู่ใกล้ชิดไอศูรย์ แถมเธอยังแนะนำพี่ชายด้วยว่าให้หาโอกาสเร่งทำคะแนนกับมัทนา เพื่อที่เธอจะได้หมดคู่แข่งไปเสียที...
ด้านบุปผาที่เมื่อกลางวันมีโอกาสได้กินข้าวตามลำพังกับพ่อแท้ๆ พอกลับถึงบ้านเธอรีบขอตัวลงไปดูนายสิน ทำราวกับว่าเป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกินแต่พอลับตาใครต่อใครเธอก็เปลี่ยนจากน้องสาวแสนดีเป็นนางมารร้าย คิดกำจัดนายสินที่จ้องมองเธอตลอดเวลาด้วยแววตาชิงชัง
“เกลียดฉันมากนักเหรอไอ้สิน จะบอกอะไรให้นะ เวลานี้แกหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเก็บแกไว้ให้รกบ้านทำไม แกรอดตายจากน้ำมือฉันมาได้ถึงสองครั้ง แต่ฉันรับรองว่าคราวนี้แกไม่รอดแน่”
บุปผาใช้มือหนึ่งบีบจมูกนายสิน ส่วนอีกมืออุดปาก ตั้งใจให้เขาขาดใจตาย นายสินดิ้นพราดจนตกเตียง และอาจสิ้นใจตายถ้ามัทนากับไอศูรย์ไม่เข้ามาเสียก่อน บุปผาหัวไวเปลี่ยนท่าทีโดยที่สองคนนั้นไม่ทันสังเกตว่าเธอก้มๆเงยๆทำอะไรนายสิน
“พี่มัท คุณหมอ...ช่วยพี่สินด้วยค่ะ พี่สินตกเตียงลงมา” บุปผาพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองกลายเป็นคนดี ซึ่งสองคนนั้นก็เชื่อสนิท มัทนาถึงกับจัดแจงให้คนรับใช้เข้ามาเอาเตียงในห้องออก แล้วเอาที่นอนวางกับพื้นเพื่อป้องกันนายสินตกเตียงซ้ำอีก ส่วนบุปผาก็รับปากว่าจะมาดูแลเขาบ่อยๆ ถึงแม้นายสินไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ แต่เธอก็สำนึกบุญคุณที่เกื้อกูลกันมา...
ooooooo
เพชรมาเยี่ยมพลอยที่โรงพยาบาลได้ครู่เดียวก็ต้องรีบเดินทางไปบ้านกำพลเพราะลูกน้องแจ้ง
ข่าวว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น เมื่อเข้ามาพิสูจน์ภายในบ้านก็พบว่ากำพลกลายเป็นศพไปแล้ว แต่อีกคนที่โดนยิงยังไม่ตาย เพชรกับลูกน้องจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
หมอไอศูรย์เห็นแสงก็จำได้ว่าเป็นคนของบ้านเทพบริบาล ซักถามเพชรด้วยความสงสัยว่าเขาถูกยิงได้ยังไง
“ผมยังบอกอะไรพี่ต้นตอนนี้ไม่ได้ครับ แต่ถ้าพี่ต้นคิดว่าเขาคือคนของบ้านเทพบริบาล ผมจะเชิญคนที่บ้านนั้นให้มาดูก่อนว่าใช่นายแสงที่พี่ต้นว่าจริงหรือเปล่า”
ไอศูรย์พยักหน้าแล้วผละเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สมพลพ่อของกำพลเพิ่งมาถึง พอรู้จากเพชรว่าลูกชายของตนตายแล้วก็แทบช็อก
“คุณอารู้จักคนชื่อนายแสงไหมครับ”
“มันเป็นคนที่ไหนไม่รู้ กำพลมันรับเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยเมื่อไม่นานมานี้เอง พ่อเคยเตือนมันแล้วว่าอย่ารับคนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้าน มันเป็นคนฆ่ากำพลเหรอ”
“เรายังไม่ทราบแน่ชัดครับคุณอา แต่ถ้าทราบแน่ชัดเมื่อไหร่ ผมจะรีบบอกคุณอาทันที”
สมพลน้ำตาซึม ไม่คิดไม่ฝันว่าลูกชายคนเดียวจะมาตายอย่างกะทันหันโดยไม่ทันได้ดูใจ...ส่วน
ที่บ้านเทพบริบาล ทุกคนก็ตะลึงไปตามกันเมื่อเพชรมาส่งข่าว แต่บุปผาไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน มั่นใจว่าแสงไม่เห็นหน้าตนตอนยิงแน่ เลยไม่กลัวแสงจะฟื้นมาซัดทอด ถึงมันไม่ตายก็ต้องติดคุกหัวโตแน่
นายพลเทพยอมรับว่าที่บ้านมีคนชื่อแสงแต่
ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า เพชรจึงเชิญท่านไปที่โรงพยาบาล มัทนาอยากไปด้วยแต่นายพลเทพไม่ยอม เขาอนุญาตให้สร้อยไปได้แค่คนเดียว เมื่อไปถึงพบว่าเป็นแสงลูกชายของสร้อยจริงๆ และเวลานี้หมอก็ผ่าตัดเอากระสุนออกอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องพักฟื้นสักระยะ
“ไอ้แสงมันไปทำอะไรมาเหรอเพชร มันถึงถูกยิงปางตายมาแบบนี้”
“คุณสมพล พ่อของกำพลบอกว่านายแสงไปอยู่ที่บ้านกำพลได้ระยะหนึ่งแล้วครับคุณลุง แล้วคนของผมบอกว่าเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นนายแสงไปเข้าบ่อนเล่นเสียจนหมดตัว ยังติดหนี้ในบ่อนอยู่เลยครับ ผมก็เลยสันนิษฐานว่าแสงคงจะกลับบ้านแล้วไปขโมยข้าวของของกำพลเตรียมจะเอาไปขายหรือจำนำ เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ที่บ่อน เพราะเราพบข้าวของมีค่าของกำพลหลายอย่างอยู่ในกระเป๋าของนายแสงครับ แล้วกำพลคงมาเจอเข้าก็เลยเกิด
การต่อสู้กัน...นายแสงแทงกำพล ส่วนกำพลก็ยิงนายแสง แต่กำพลมันไม่โชคดีอย่างนายแสงครับ”
ขาดคำของเพชร สมพลพุ่งมาจากไหนไม่รู้ ฝ่าทุกคนเข้าไปถึงตัวแสงที่นอนไม่ได้สติหลังผ่าตัด
เขาทุบตีแสงอย่างไม่ปรานี แค้นใจเพราะเข้าใจว่าฆ่ากำพล สร้อยกางกั้นก็ไม่เป็นผล เพชรกับไอศูรย์ต้องเข้ามาช่วย สมพลถึงสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าทำให้สร้อยยิ่ง
กลุ้มใจ กลัวแสงเป็นอันตรายเพราะท่าทางสมพลไม่รามือง่ายๆแน่ และคดีนี้แสงอาจต้องโทษประหารก็เป็นได้ เมื่อกลับมาถึงบ้านสร้อยจึงปรึกษาคุณหญิงมณีทั้งน้ำตา
“เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เราคงจะช่วยอะไรแสงมันไม่ได้หรอกนะสร้อย นอกจากทำใจ”
“ไม่ค่ะคุณหญิง สร้อยไม่มีวันยอมให้ไอ้แสงมันถูกขังตลอดชีวิต หรือโดนโทษประหารแน่ๆ สร้อยต้องช่วยมัน ยังไงๆมันก็เป็นลูกสร้อย ถึงพ่อมันจะเลว ไข่ไว้แล้วก็ทิ้งไป แต่มันก็ยังเป็นลูก คุณหญิงเองก็มีลูก คงเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่เหมือนกัน คนเป็นแม่ไม่มีวันยอมเห็นลูกหายนะหรอกค่ะ”
คำพูดของสร้อยบาดใจคุณหญิงมณีถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนถามว่า “แล้วแกจะทำยังไง”
“พอไอ้แสงมันค่อยยังชั่ว สร้อยจะให้มันหนีค่ะคุณหญิง หนีไปที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ แม้จะไม่ได้เจอหน้ากันอีก แต่ก็ยังดีกว่าต้องทนนั่งดูมันถูกโทษประหารหรอกค่ะ”
“งั้นฉันจะให้เงินแกเอาไปให้ไอ้แสงก้อนนึง ให้มันเอาไว้ใช้สำหรับหนี”
“สร้อยจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของคุณหญิงเลยค่ะ”
“ไปนอนเถอะสร้อย”
สร้อยปาดน้ำตาแล้วกลับออกไป คุณหญิงมณีมองตามหน้านิ่ง พึมพำอย่างเห็นแก่ตัว
“ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรลูกแกนักหรอกนะนังสร้อย แต่ฉันเห็นแก่ความจงรักภักดีที่แกมีให้กับฉัน แล้วฉันก็ยังต้องใช้แกทำงานสกปรกให้ฉันต่อไป”
ooooooo
สร้อยมาเยี่ยมแสงในเช้าวันถัดมา แสงรู้สึกตัวแต่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน แต่เมื่อสร้อยบอกเล่าให้ฟังแล้วแสงคิดทบทวนตาม ก็ยืนยันได้ว่ากำพลไม่ได้ยิงตน
“แต่ตำรวจเขาพบปืนในมือคุณกำพล แล้วในกระเป๋ากางเกงแกก็มีของมีค่าของคุณกำพลหลายอย่าง ตำรวจเขาก็เลยสันนิษฐานว่าแกเข้าบ่อนจนหมดตัว เลยกลับไปขโมยของของคุณกำพล แล้วก็เลยมีเรื่องกัน คุณกำพลยิงแก ส่วนแกก็แทงเขาตาย”
“ไม่ใช่นะแม่ ตอนที่ฉันเข้าไปในห้องของคุณกำพลน่ะ ฉันก็เห็นคุณกำพลนอนตายอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ทำอะไรเขาเลยนะ”
“แต่หลักฐานมันมัดตัวแกแน่นหนาเหลือเกินนะไอ้แสง ท่าจะดิ้นหลุดยาก เห็นเขาว่าฆ่าคนตายอย่างงี้ไม่ติดคุกตลอดชีวิต ก็ต้องโดนโทษประหาร”
“โทษประหาร!!”
“ถึงแกจะไม่โดนโทษประหาร แต่พ่อของคุณกำพลก็คงจะไม่เอาแกไว้แน่ แกก็รู้ว่าคุณสมพลน่ะมีอิทธิพลมากขนาดไหน แกไม่รอดแน่”
“แม่...แล้วฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ”
สร้อยเหลียวไปดูที่ประตูห้อง เห็นปลอดคนจึงหยิบเงินที่คุณหญิงมณีให้มายัดใส่มือแสง
“แกต้องหนีไอ้แสง หนีไปไหนก็ได้ แต่ต้องไปให้ไกลที่สุดแล้วต้องไม่กลับมาที่พระนครนี่อีก ได้ยินมั้ย”
จากนั้นสร้อยก็วางแผนว่าตัวเองปวดท้องรุนแรงเพื่อเปิดทางในช่วงเวลาชุลมุนให้แสงหลบหนีออกไป แต่แสงก็เกือบไม่รอดเพราะถูกเพชรกับลูกน้องสกัด เขาต้องคว้าผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นตัวประกัน พร้อมกันนั้นไอศูรย์ก็ไม่ยอมให้เพชรยิงแสงด้วย ทำให้แสงหลุดรอดไปได้อย่างหวุดหวิด
“พี่ต้นห้ามไม่ให้ผมยิงมันทำไม นายแสงมันเลยหนีไปได้เลยเห็นมั้ย ผมตั้งข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กับพี่ต้นได้นะครับ”
“เพชรจะจับพี่ก็จับไปเลย แต่ที่นี่คือโรงพยาบาล เป็นที่ที่ช่วยชีวิตคน ไม่ใช่ที่ฆ่าคน และพี่เป็นเจ้าของที่นี่ พี่ไม่มีวันยอมให้ใครมาฆ่าใครต่อหน้าต่อตาพี่ได้หรอก”
เพชรเจ็บใจ เตะลมแล้งระบายอารมณ์ พอหันไปเห็นสร้อยก็ชี้หน้าเธอทันที
“ป้าช่วยให้ลูกชายป้าหนีไปใช่ไหม ป้ารู้ไหมว่าป้าก็มีความผิดเหมือนกัน”
สร้อยเมินเฉยอย่างไม่ยี่หระ ทำให้เพชรยิ่งฮึดฮัดโมโห ควบคุมตัวสร้อยไปโรงพัก เดือดร้อน
นายพลเทพต้องมาประกันตัวพากลับบ้าน
“ความจริงฉันไม่น่าต้องเสียเวลาไปประกันตัวสร้อยออกมาเลย ไอ้แสงมันผิดจริง มันก็ควรจะต้องรับโทษ สร้อยไปช่วยมันอย่างงั้น เท่ากับส่งเสริมมันในทางที่ผิดมากขึ้นไปอีกรู้ไหม”
“ไม่มีแม่คนไหนหรอกค่ะที่จะไม่ช่วยลูก ถ้ารู้ว่าลูกกำลังจะต้องพบกับหายนะของชีวิต ถ้าคุณเสียดายเงินที่ประกันตัวสร้อยไป ฉันจะจ่ายคืนให้คุณเอง”
“ไม่ต้องหรอกคุณหญิง ยังไงสร้อยมันก็คนเก่าคนแก่ของคุณ ก็เหมือนเป็นคนของผมเหมือนกัน แต่หลังจากนี้...ถ้าไอ้แสงมันไปก่อเรื่องที่ไหนขึ้นมาอีก เราคงช่วยอะไรมันไม่ได้แล้ว”
สร้อยฟังแล้วกลุ้มใจ แต่บุปผาลอบยิ้มชอบใจ ลุกออกไปยืนพึมพำงึมงำอย่างสะใจ
“ทั้งเจ็บทั้งต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนอย่างนั้น ไอ้แสงมันคงรอดยากหรอก ดีไม่ดีจะโดนตำรวจยิงตายเสียก็ไม่รู้ แล้วศัตรูในชีวิตของฉันก็ลดลงไป
อีกหนึ่งคน”
ooooooo
เช้านี้เพชรมารับพลอยกลับบ้านโดยมีไอ-ศูรย์ตามออกมาส่งด้วย แต่สองพี่น้องไม่ทันขึ้นรถ พยาบาลก็มาบอกไอศูรย์ว่าตาเถารู้สึกตัวแล้ว เพชรจึงกลับเข้าไปพร้อมไอศูรย์ และคาดคั้นตาเถาว่ารู้จักใครที่บ้านเทพบริบาล ถึงได้มีเบอร์โทรศัพท์บ้านนั้นอยู่ในย่าม
ตาเถานิ่งเงียบไม่ยอมพูด เพชรเข้ามาเขย่าร่างแกด้วยความโมโห
“ฉันรู้ว่านายเถาทดลองยาบางอย่างกับนายหลงนั่น มันถึงท่าทางไม่เต็มบาทอย่างนั้น แต่ฉันอยากรู้ว่านายเถาทำยาอะไร แล้วใช้ยานั่นกับใครบ้าง นายเถาก็รู้ตัวเองดีนี่ว่าอาจจะไม่รอด เพราะฉะนั้นนายเถาควรจะใช้โอกาสนี้บอกความจริงกับฉัน เพื่อเป็นการไถ่บาปกับเรื่องเลวร้ายที่เคยทำมา บอกฉันมา...นายเถาติดต่อกับใครที่บ้านเทพบริบาล”
“นัง...สร้อย” ตาเถายอมเปิดปาก
“สร้อย...คนสนิทของคุณหญิงมณีน่ะเหรอ นายเถารู้จักกับป้าสร้อยได้ยังไง”
“มันมาซื้อยาไปให้...คุณหญิง”
เพชรตกใจมาก ซักไซ้จนได้ความว่าคุณหญิงต้องซื้อยาที่กินแล้วเป็นหมันเพื่อนำไปให้นายพลเทพกินเพราะไม่ต้องการให้เขามีลูกกับใครอีก
ตอบเสร็จ ตาเถาก็มีอาการสะอึก ร่างกระตุก ตาเหลือก เพชรเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก ทันใดไอศูรย์วิ่งเข้ามาบอกให้เขาหลีกไปก่อน ตาเถาอาการวิกฤติ...
แล้วหมอก็พยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตตาเถาเอาไว้ได้...
ตกเย็น ไอศูรย์ไปกินข้าวกับมัทนาและครอบครัวของเธอที่บ้านและเล่าเรื่องตาเถาให้ทุกคนฟังอย่างหดหู่ใจ นายพลเทพฟังแล้วก็อดถอนใจกับชะตากรรมของคนชั่วไม่ได้
“นายเถาเป็นหมอทำคุณไสย ทำแต่เรื่องเลวร้ายกับผู้คนมามาก ถึงต้องมาตายอนาถอย่างนี้”
บุปผา คุณหญิงมณี และสร้อยก้มหน้างุด เพราะต่างก็มีความลับเรื่องตาเถาด้วยกันทั้งนั้น
“แต่ยังไงมัทก็สงสารแกนะคะ โดนน้ำมันเดือดๆลวกเอาทั้งตัวอย่างนั้นคงเจ็บมากทีเดียว...
ที่แกเคยทำร้ายมัท มัทจะอโหสิกรรมให้แกค่ะ”
“ลูกพ่อเป็นคนดีจริงๆ”
มัทนายิ้มบางๆ แล้วหันไปทางน้องสาวต่างมารดา “บุปผาก็อโหสิกรรมให้ตาเถาด้วยนะ แกจะได้ไปดี”
“ค่ะพี่มัท บุปผาอโหสิกรรมให้แกค่ะ” บุปผาสร้างภาพแสนดี พลางส่งยิ้มหวานให้ไอศูรย์ ในขณะที่คุณหญิงมณีกับสร้อยเหลือบตามองกันอย่างร้อนๆ หนาวๆ
ooooooo
แสงหนีไปได้ก็จริง แต่ตอนชุลมุนเขาทำเงินที่สร้อยให้มาหล่นหายจึงหมดหนทางจะหลบหนีต่อไป แถมตัวเองก็ยังบาดเจ็บหนำซ้ำยังถูกตำรวจตามล่าอีกด้วย
“ไอ้แสงมันเจ็บอย่างนั้น มันจะหนีไปไหนได้ไกล ฉันว่ามันยังอยู่ในพระนครนี่แหละ”
“แต่ถ้ามันยังอยู่ในพระนครนี่ก็บ้าแล้ว แกไม่ได้ยินที่ชาวบ้านเขาพูดกันหรอกรึ ว่านายสมพลพ่อของคุณกำพลน่ะให้ลูกน้องออกตามล่าอีกทาง ตั้งค่าหัวมันเสียสูงลิบ เขาว่าท่านอยากให้ไอ้แสงตายตกไปตามกัน”
“งั้นก็เร่งหาตัวมันให้เจอก่อนคนของนายสมพลเถอะ”
สองนายตำรวจสนทนากันโดยไม่รู้ว่าแสงซ่อนตัวอยู่มุมหนึ่งใกล้ๆ และได้ยินทุกคำพูดของพวกเขา
“เราอยู่ในพระนครนี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องหนีไปให้ไกล แต่จะหนียังไงล่ะ ในเมื่อไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว”
แสงพูดกับตัวเองแล้วครุ่นคิดหาทางออก...
ที่สุดก็ตัดสินใจเข้าไปที่หอโคมแดง โดยปีนเข้าห้องผกาหวังฉกฉวยเงินทองเท่าที่พอมี ปรากฏว่าได้มากเกินคาด ผกาเพิ่งเอาเงินที่ได้จากนายพลเทพมาใส่ซองแบ่งไว้สำหรับให้เด็กในสังกัดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ผการ้องเอะอะโวยวายเมื่อเข้ามาเห็นแสงกำลังปีนหน้าต่างกลับลงไป ครั้นพบว่าซองเงินหายไปทั้งหมดก็แทบล้มทั้งยืน คนอื่นๆตกใจวิ่งกรูขึ้นมา แต่ก็ตามแสงไม่ทันแล้ว...
หลังจากสอบถามกันจนรู้ว่าแสงขโมยเงินผกาไปจำนวนมาก ทุกคนต่างพากันแปลกใจว่าผกาเอาเงินนั้นมาจากไหน
“แม่จะไปเอามาจากไหน พวกแกไม่ต้องรู้หรอก แต่เงินนั่นเป็นเงินของเราทุกคน”
“เงินของเราทุกคน...แม่หมายความว่ายังไงจ๊ะ”
“แม่แบ่งเงินให้ทุกคน คนละเท่าๆกัน คนละหนึ่งหมื่น”
“หมื่นนึง!” ทุกคนประสานเสียงโดยพร้อมเพรียง
“ใช่ เพราะแม่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกกิจการหอโคมแดงนี่ แล้วก็จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำอาชีพสุจริตอย่างคนอื่นเขาเสียที แล้วแม่ก็อยากให้พวกเราทุกคนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน พอกันทีกับอาชีพที่ผู้คนเขารังเกียจเดียดฉันท์ แต่สุดท้าย...”
ผกาพูดไม่ออก ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น...
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้น สร้อยนั่งร้องไห้อยู่ต่อหน้าคุณหญิงมณี รำพึงรำพันด้วยความเป็นห่วงลูกชาย
“สร้อยเป็นห่วงไอ้แสงมันจริงๆค่ะคุณหญิง
ไม่รู้ป่านนี้มันหนีไปถึงไหนแล้ว ตอนที่มันหนีตำรวจที่โรงพยาบาลมันก็ทำเงินตกทิ้งไว้ มันเลยไม่มีเงินติดตัวไปสักบาท...สาธุ ขอให้มันหนีไปได้ตลอดรอดฝั่งทีเถอะ”
“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้นนะสร้อย สร้อยมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
สร้อยเดินเช็ดน้ำตาออกไปโดยไม่เห็นบุปผาเดินเข้ามาจากอีกทาง หลังแอบฟังนายกับบ่าวคุยกันตั้งแต่ต้น
“สมน้ำหน้าไอ้แสงมัน” บุปผาพูดลอยๆ
คุณหญิงมณีหันขวับไปจ้องบุปผาอย่างจงเกลียด จงชัง “แกว่าอะไรนะนังบุปผา”
“บุปผาพูดว่าสมน้ำหน้าค่ะคุณหญิงแม่ สมน้ำหน้าที่ไอ้แสงมันต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนเพราะความเลวของมันเอง แต่ที่ไอ้แสงมันเลวก็เพราะมันมีแม่เลว และแม่มันเลวก็เพราะว่าแม่มันมีนายที่เลว”
“อีบุปผา!” คุณหญิงมณีโกรธมากเงื้อมือจะตบ แต่ต้องชะงักเมื่อบุปผาเชิดหน้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว
“ตบบุปผาเลยสิคะคุณหญิง แล้วจะได้รู้กันว่า...ถ้าคุณหญิงตบบุปผาแล้วคุณพ่อจะว่ายังไง
แล้วบุปผาก็อยากรู้จริงๆเลยว่า...ถ้าคุณพ่อได้รู้ความจริงว่าแม่อุ่นของบุปผาตายยังไง จะเกิดอะไรขึ้นในบ้านนี้”
คุณหญิงมณีตัวชาวาบ กระชากเสียงดุดัน “แกพูดอะไรของแก นังบุปผา”
“ทำไมคุณหญิงจะต้องถาม ในเมื่อความจริงเรื่องนี้คุณหญิงน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจตัวเองอยู่แล้ว”
“ฉันรู้อะไร”
“ก็รู้ว่าแม่อุ่นตายเพราะคำสั่งของใคร”
“ฉันไม่รู้ และไม่คิดอยากจะรู้ด้วย ฉันไม่ควรจะพูดกับแกให้เป็นเสนียดปากเลย”
พูดจบคุณหญิงมณีก็ผลุนผลันจากไปทันที
ทิ้งบุปผายืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น
“แค่พูดดักคอแกก็ออกอาการเสียแล้ว ในเมื่อแกฆ่าแม่ฉัน แกกับนังสร้อยต้องไม่ได้ตายดีแน่”
ส่วนคุณหญิงมณีที่กลับเข้าห้องนอนก็ขบคิดอย่างเคร่งเครียดด้วยความระแวงคลางแคลงใจ
“มันพูดเหมือนมันรู้ว่าเราส่งนังสร้อยไปฆ่านังอุ่นยังงั้นแหละ...ไม่ว่าแกจะรู้จริงหรือไม่จริง ฉันก็เห็นจะเก็บแกเอาไว้ไม่ได้เสียแล้วอีบุปผา!”
ooooooo
คุณหญิงมณีวางแผนกำจัดบุปผาด้วยการใช้ชื่อไอศูรย์เป็นเหยื่อล่อเธอออกจากบ้านแล้วให้สร้อยจ้างวานเพิ่มกับขจรมาดักฆ่าระหว่างทาง โดยกำชับว่าต้องจับมันแขวนคอเพื่อให้ตายอย่างทรมาน!
ขณะที่บุปผากำลังเผชิญกับความตาย...มัทนากับไอศูรย์อยู่ที่ร้านอาหาร พูดคุยกันอย่างมีความสุขด้วยเรื่องหมั้นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงใช้ฤกษ์สะดวกคือสิ้นเดือนนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเพชรที่ยังหมายปองมัทนาอยู่จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะแย่งหญิงสาวมาให้ได้ และเมื่อเพชรรู้ความลับอันเลวร้ายของคุณหญิงมณีที่แอบวางยาสามีให้เป็นหมัน เลยคิดจะใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ครั้นมาปรึกษาน้องสาว ปรากฏว่าพลอยสนับสนุนเพราะเธอเองก็ยังหวังในตัวหมอไอศูรย์
ทางด้านบุปผาที่ถูกเพิ่มกับขจรจับตัวไปแขวนคอที่กระท่อมร้าง เธอกลัวสุดขีดดิ้นทุรนทุรายจนเชือกหลุดจากคอ แล้วคว้าไม้ฟาดกระหน่ำทั้งคู่ตกน้ำก่อนจะหนีมาได้ด้วยความเจ็บแค้นคุณหญิงมณีอย่างที่สุด!
บุปผารู้ชื่อคนร้ายและคนจ้างวานเพราะได้ยินมันคุยกันก่อนหน้าที่จะจับเธอแขวนคอ แต่บุปผากลับเข้าบ้านโดยไม่กระโตกกระตากเรื่องนี้กับใคร จนกระทั่งเช้าวันใหม่คุณหญิงมณีลงมาเห็นบุปผานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับนายพลเทพและมัทนาก็ตกตะลึง หน้าถอดสี
บุปผาจงใจใช้ผ้าพันคอสวยเก๋ปกปิดรอยช้ำที่คอจากเหตุการณ์เมื่อคืน เธอจิกตามองคุณหญิงมณีที่ยืนอึ้งไม่ต่างไปจากสร้อย
“ทำไมคุณหญิงมองบุปผาแล้วทำท่าอย่างกับเห็นผีอย่างนั้นล่ะคะ”
คำพูดประโยคนั้นของบุปผาทำเอาคุณหญิงมณีรีบระงับกิริยาอย่างรวดเร็วแล้วลงนั่งข้างมัทนา
“วันนี้ป้าทับทิมทำอาหารเช้าแบบฝรั่งนะคะคุณแม่” มัทนาพูดพร้อมกับตักอาหารใส่จานให้แม่อย่างเอาใจ แต่มือไปโดนมือแม่เข้าโดยบังเอิญ “อุ๊ย...ทำไมคุณแม่มือเย็นอย่างนี้ล่ะคะ คุณแม่จะเป็นลมหรือเปล่า”
“ไม่สบายรึเปล่าคุณ หน้าซีดอยู่นะ” นายพลเทพท่าทีเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันสบายดี” ตอบสามีแล้วคุณหญิงมณีก็มองหน้าบุปผาที่อมยิ้มน้อยๆ สุดจะเดาใจได้ว่าหล่อนคิดอะไร?
หลังอาหารมื้อนั้น คุณหญิงมณีก็จิกสร้อยไปคุยกันเป็นการส่วนตัวโดยไม่รู้ว่าบุปผาติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
“นังบุปผามันยังมาเสนอหน้าอยู่ในบ้านอย่างงี้ได้ยังไงกันนังสร้อย ไหนแกว่าคนของแกมือดีนักหนายังไงล่ะ แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ก็ทำพลาดได้ ทำไมอีนั่นมันยังไม่ตาย”
“สร้อยไม่รู้ค่ะคุณหญิง ก็เห็นมันสองคนเงียบไป สร้อยก็คิดว่ามันจัดการเรียบร้อยแล้ว สร้อยไม่นึกว่า...” สร้อยอึกอักอย่างกลัวๆ
“รอดมาได้อย่างนี้มันก็เหมือนงูที่ถูกตีจนหลังหักแต่ไม่ตาย มันต้องอาฆาตพยาบาทเราแน่ ฉันหวั่นใจจริงๆว่ามันจะทำอะไรลูกมัทของฉัน”
คุณหญิงมณีสีหน้าวิตกกังวลอย่างยิ่ง บุปผาเห็นแล้วสะใจเป็นบ้า พึมพำกับตัวเอง
“แกคอยดูก็แล้วกันว่าฉันจะทำอะไรลูกสาวคนเดียวของแก ที่แกรักเหมือนดวงใจ ฉันจะทำให้ดวงใจดวงนี้ของแกแตกยับเยินไม่มีชิ้นดีเลย อีคุณหญิงมณี”
แล้วแผนการแก้แค้นเอาคืนก็เริ่มขึ้น...บุปผาแกล้งมาดักรอมัทนาแล้ววิ่งหนีเข้าห้องตัวเองเพื่อให้เธอสงสัยและตามเข้ามา จากนั้นบุปผาก็ทำทีเก็บเสื้อผ้าข้าวของลงกระเป๋า
“นั่นบุปผาจะไปไหนเหรอจ๊ะ”
“บุปผาตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าบุปผาจะไปจากบ้านนี้ บุปผาจะกลับบ้านนอก บุปผาอยู่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วค่ะพี่มัท”
“กลับทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอบุปผา”
บุปผาไม่ตอบแต่เอาผ้าพันคอออก เผยให้เห็นรอยเขียวช้ำอย่างชัดเจน
“บุปผาไปโดนอะไรมาเนี่ย” มัทนาตกใจมาก
“บุปผาถูกคนทำร้ายมาค่ะ”
“ใครทำร้ายบุปผา แล้วทำไมบุปผาไม่บอกใคร นี่ถ้าคุณพ่อรู้ต้องเอาเรื่องแน่ๆ”
“บุปผาไม่กล้าบอกใครหรอกค่ะพี่มัท โดยเฉพาะคุณพ่อ เพราะคนที่ทำร้ายบุปผามันขู่ว่าถ้าบุปผาบอกใคร มันจะฆ่าบุปผา”
“ฆ่า! ใครกันจะอยากฆ่าบุปผา”
บุปผาแสร้งก้มหน้าน้ำตาริน มัทนาเขยิบเข้ามาใกล้ ตะล่อมให้น้องสาวต่างมารดาพูดชื่อฆาตกรออกมา แต่พอได้ยินชัดๆ ก็ตะลึงงันไปทันที
“คุณแม่น่ะเหรอส่งคนไปฆ่าบุปผา เป็นไปไม่ได้”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว บุปผาคงไม่ได้ทำร้ายตัวเองจนมีรอยช้ำที่คออย่างนี้หรอกค่ะ”
“แล้วคุณแม่จะฆ่าบุปผาทำไม”
“พี่มัทไม่น่าถาม คุณหญิงท่านมองหน้าบุปผาเมื่อไหร่ท่านก็ต้องช้ำใจเมื่อนั้นว่าครั้งหนึ่งคุณพ่อเคยนอกใจท่าน ถ้าพี่มัทไม่เชื่อที่บุปผาพูด พี่มัทก็ลองไปถามท่านถึงคนที่ชื่อเพิ่มกับขจรสิคะ”
บุปผาทิ้งไม้ตาย มั่นใจว่ามัทนาต้องไปเอาคำตอบจากคุณหญิงมณีแน่...แล้วก็จริงอย่างที่คิด มัทนามาถามแม่ว่ารู้จักเพิ่มกับขจรหรือเปล่า คุณหญิงมณีอึ้งไปนิดก่อนตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“แม่ไม่รู้จักจ้ะลูกมัท เขาเป็นใคร แล้วลูกมัทไปเอาชื่อสองคนนี้มาจากไหนเหรอจ๊ะ”
“มีคนบอกว่าคุณแม่รู้จักกับสองคนนี้ แต่ถ้าคุณแม่บอกว่าไม่รู้จักก็ช่างมันเถอะค่ะ คงจะเข้าใจผิดกันน่ะค่ะ งั้นมัทขอตัวก่อนนะคะ”
คุณหญิงมณีพยักหน้า พอมัทนาคล้อยหลังก็แจ้นไปหาสร้อย โดยไม่รู้ว่ามัทนาที่ยังคลางแคลงใจแอบตามมาซุ่มฟังอยู่เงียบๆ
“นังสร้อย เมื่อกี้ยายมัทมาถามฉันเรื่องคนชื่อเพิ่มกับขจร ยายมัทจะไปรู้จักกับสองคนนั้นได้ยังไง ถ้าไม่ใช่นังบุปผามันบอก”
“แล้วนังบุปผามันจะรู้ชื่อไอ้สองคนนั้นได้ยังไงล่ะคะคุณหญิง แล้วยิ่งมันหายหัวไปทั้งสองคนอย่างนี้ด้วย จะเกิดอะไรขึ้นกับมันรึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมันสองคน ฉันสนใจแต่ว่านังบุปผามันรู้อะไรแค่ไหนจากไอ้สองคนนั่น และมันเอาเรื่องไอ้สองคนนั่นมาบอกยายมัททำไม”
มัทนาได้ยินทุกคำชัดเจน ไม่คิดไม่ฝันว่าสิ่งที่บุปผาพูดจะเป็นจริง เธอค่อยๆถอยออกจากตรงนั้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
“คุณแม่รู้จักนายเพิ่มกับนายขจรจริงๆด้วย แล้วคุณแม่จะโกหกเราว่าไม่รู้จักทำไม ทำไมคุณแม่ทำอย่างนี้”
มัทนาเสียใจถึงกับร้องไห้ออกมา พลันเหลือบเห็นบุปผาก็ลุกพรวดไปคว้ามือเธอไว้
“บุปผา...พี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณแม่จะกล้าทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้น มันไม่เหมือนคุณแม่ที่พี่เคยรู้จักมาตลอดชีวิตเลย”
“แต่รอยที่คอนี่คงจะยืนยันได้มั้งคะพี่มัท ว่าท่านทำเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นจริงๆ นี่ถ้าบุปผาไม่เกลี้ยกล่อมไอ้สองคนนั้นจนมันใจอ่อนยอมปล่อยบุปผามา ป่านนี้บุปผาก็คงตายไปแล้วล่ะค่ะ”
“พี่ขอร้องนะบุปผา อย่าเอาเรื่องคุณแม่เลยนะ ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้มันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ บุปผาบอกมาสิว่าจะให้พี่ทำอะไรเพื่อชดใช้ความผิดให้คุณแม่ได้บ้าง”
“ยกเลิกการหมั้นกับคุณหมอไอศูรย์ซะ”
“อะไรนะ!”
“ถ้าพี่มัทไม่ยอมยกเลิกการหมั้นกับคุณหมอไอศูรย์ บุปผาจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณพ่อ แล้วเรามาคอยดูกันสิว่าถ้าคุณพ่อรู้เรื่องนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้น”
พูดจบบุปผาก็เดินจากไปอย่างลำพอง ปล่อยให้มัทนายังนั่งอึ้งตะลึงงันอยู่ที่เดิม แต่สักครู่ก็ต้องลุกออกมารับโทรศัพท์เมื่อสวิงมาบอกว่าคุณเพชรโทร.มา
เพชรโทร.มานัดพบมัทนานอกบ้านแล้วเปิดฉากด้วย การเอ่ยถึงนายเถาก่อนโยงเข้าเรื่องยาที่กินแล้วเป็นหมัน
“พี่ขอพูดตรงๆเลยนะ คุณแม่น้องมัทให้ป้าสร้อยไปซื้อยาจากนายเถาเอามาให้คุณพ่อน้องมัทกิน”
“ก็อาจจะใช่ค่ะ มัทเห็นคุณแม่ให้คุณพ่อกินยาสมุนไพรทุกคืน คุณแม่บอกว่ามันเป็นยาบำรุงค่ะ”
“มันไม่ใช่ยาบำรุง แต่เป็นยาที่กินแล้วจะทำให้เป็นหมัน เพราะคุณแม่น้องมัทไม่อยากให้ท่านนายพลไปมีลูกกับใครได้อีก นายเถาสารภาพเรื่องนี้กับพี่เองก่อนสิ้นใจ แล้วพี่ก็ยังพบกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ของบ้านเทพบริบาลในย่ามของนายเถาด้วย ซึ่งทำให้ยืนยันได้ว่านายเถามีการติดต่อกับคนที่บ้านเทพบริบาลจริงๆ”
มัทนาฟังแล้วขาแข้งอ่อนแทบยืนไม่อยู่ พึมพำว่าตนไม่อยากเชื่อ...เพชรได้ทีเดินเกมตามแผนที่ตนวางไว้
“พี่ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าคุณแม่น้องมัทจะทำเรื่องแบบนี้ นี่พี่ก็คงต้องไปเรียนถามเอาความจริงเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของน้องมัทด้วย”
“อย่านะคะ ถ้าคุณพ่อรู้เรื่องนี้เข้ามีหวังได้มีเรื่องกับคุณแม่แน่ๆเลยค่ะ”
“ใช่...และเรื่องแบบนี้รู้ถึงไหนก็อายเขาถึงนั่น”
“แล้วคุณแม่ก็ต้องอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แต่พี่อาจจะทำไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้ก็ได้ ถ้าน้องมัทจะเลิกคบกับพี่ต้น แล้วยอมหมั้นกับพี่แทน”
“อะไรนะคะ” มัทนาตะลึงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“หรือว่าน้องมัทอยากให้เรื่องของคุณแม่กลายเป็นที่โจษจันของผู้คนในสังคมล่ะครับ”
มัทนาพูดอะไรไม่ออก นึกถึงข้อต่อรองของบุปผาก่อนหน้านี้ที่บอกให้เธอยกเลิกหมั้นกับไอศูรย์แล้วยิ่งเสียใจต่อการกระทำของคุณหญิงมณี...เธอกลับมาร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ
“ทำไม...ทำไมคุณแม่ทำแบบนี้”
บุปผาแอบสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล สีหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ แม้ไม่รู้ว่ามัทนาถูกเพชรขู่มาเหมือนกัน แต่ก็มั่นใจว่าคนอย่างมัทนาไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องน่าอับอายกับคุณหญิงมณีและครอบครัวของเธออย่างแน่นอน...
บุปผามาระบายความสะใจให้นายสินฟังโดยไม่รู้ว่าเขาอาการดีขึ้นมากสามารถลุกนั่งด้วยตัวเองและพูดได้แล้ว
“ฉันสะใจจริงจริ๊งไอ้สิน...เวลาที่ได้ยินเสียงนังคุณหนูของแกมันร้องไห้แทบจะขาดใจ แกเชื่อไหมล่ะว่านังคุณหนูคนดีของแกไม่มีทางยอมให้นังแม่ของมันตกที่นั่งลำบากหรอก มันต้องยอมเลิกคบกับหมอไอศูรย์ตามที่ฉันบอกแน่ๆ แล้วทีนี้ก็จะเป็นโอกาสของฉันบ้างละ”
นายสินจ้องบุปผานิ่ง แม้ไม่รู้เรื่องทั้งหมดแต่ก็เดาได้ว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างที่เลวร้ายกับมัทนาแน่
“แกไม่ต้องห่วงนังคุณหนูของแกหรอกน่า ทั้งสวยทั้งรวยทั้งมีชาติตระกูล เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาสอยไปอยู่ดี ก็อย่างนายตำรวจคนนั้นไง ฉันเห็นเขาหลงใหลคุณหนูของแกถึงขนาดมีเรื่องกับคุณหมอเชียวนะ ดีเหมือนกัน...บ้านนี้จะได้มีลูกเขยเป็นหมอกับตำรวจ ส่วนแก...ฉันจะยังไม่ฆ่าแกหรอก แกจะได้เห็นฉันแต่งงานกับหมอไอศูรย์ยังไงล่ะ”
บุปผาเดินหัวเราะร่าออกไป โดยไม่รู้ว่านายสินจ้องตามด้วยแววตาอาฆาตแค้น...เค้นเสียงออกมาชัดเจน
“ตราบใดที่ไอ้สินคนนี้ยังไม่ตาย แกไม่มีวันได้เสวยสุขบนความทุกข์ของคุณหนูหรอก อีนังผู้หญิงกาลี!”
ooooooo
ก่อนวันหมั้นระหว่างมัทนากับไอศูรย์ คุณหญิงแจ่มจันทร์ตั้งใจเอาแหวนเก่าแก่ของตระกูลมาให้มัทนาลองเผื่อหลวมหรือคับจะได้ปรับแก้ ปรากฏว่ามัทนาไม่ลองแถมยังประกาศว่าจะไม่มีการหมั้นเกิดขึ้น
“ยายมัท...หนูพูดอะไรออกมาเนี่ย รู้ตัวรึเปล่า”
“มัททราบดีค่ะว่ามัทพูดอะไร แต่มัทหมั้นกับพี่ต้นไม่ได้” พูดขาดคำ เธอลุกหนีเข้าห้องเก็บตัวเงียบ...
คุณหญิงมณีตามมาเรียกก็ไม่ยอมเปิดรับ สร้อยเดินตามมากระซิบกระซาบด้วยความสงสัย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณหญิง ทำไมอยู่ดีๆคุณหนูก็ไม่ยอมรับหมั้นคุณหมอเสียอย่างงั้น”
“มันต้องเป็นเพราะนังบุปผาแน่ๆ ที่มันเอาเรื่องไอ้เพิ่มกับไอ้ขจรมาบอกยายมัทก็เพราะมันคงจะขู่ยายมัทว่าจะเปิดโปงว่าใครจ้างไอ้สองคนนั่นให้ไปทำร้ายมัน”
“แต่นังบุปผามันก็ไม่มีหลักฐานอะไรนี่คะ ทำไมคุณหนูถึงจะเชื่อมัน”
“แต่ยายมัทคงไม่ยอมเสี่ยงให้เกิดเรื่องขึ้นหรอก ถึงได้ตัดสินใจอย่างนี้ อีบุปผานะอีบุปผา ฉันอยากจะฆ่ามันด้วยมือฉันเองจริงๆ”
ด้านคุณหญิงแจ่มจันทร์กับไอศูรร์ยังมึนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ต่อหน้านายพลเทพกับบุปผา สองแม่ลูกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆมัทนาจึงปฏิเสธการหมั้น อยากให้นายพลเทพช่วยสอบถามกันให้รู้เรื่องแล้วส่งข่าวพวกตนด้วย
เข้าทางบุปผาทันที! เธอดึงไอศูรย์ออกมาคุยกันสองคน ใส่ไคล้มัทนาว่ามีคนรักใหม่ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนที่คุณหมอรู้จักดี...
แล้ววันเดียวกันนี้เอง เพชรก็มาปรากฏตัวที่บ้านเทพบริบาล บอกคุณหญิงมณีว่ามัทนาจะหมั้นกับตน บุปผาแอบได้ยินก็ยิ้มย่องสมใจ ไม่นึกไม่ฝันว่านายตำรวจหนุ่มคนนี้จะทำให้แผนของเธอสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม
ไอศูรย์ทุกข์ระทมหลังทราบข่าวนี้ บุปผาฉวยโอกาสเข้าหาหมายดามใจให้เขา แต่จู่ๆพลอยก็เข้ามาขัดจังหวะแล้วแยกบุปผาออกมาฉะอย่างรู้ทัน บุปผาโกรธมาก อีกทั้งกลัวพลอยจะมาแย่งไอศูรย์จึงวางแผนรวบหัวรวบหางเขาในวันถัดมา
บุปผาทำทีเอาขนมมาให้ไอศูรย์ถึงบ้านและคะยั้นคะยอให้เขากินจนได้ ไม่นานนักยาในขนมก็ออกฤทธิ์ทำให้ไอศูรย์ลิ้นชาแขนขาไม่มีแรง บุปผารีบอาสาพาเขาไปนอนพักในห้อง แล้วถอดเสื้อผ้าเขาออกก่อนที่ตัวเองจะขึ้นมานอนข้างๆในสภาพแทบเปลือยเปล่า
คุณหญิงแจ่มจันทร์และโฉมกลับมาเห็นภาพนั้นกับตาก็แทบช็อก บุปผาแสร้งร้องไห้คร่ำครวญราวกับเสียใจนักหนา ขณะที่ไอศูรย์ยังรู้สึกมึนงง จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“คุณหญิงขา....ช่วยบุปผาด้วยค่ะ คุณหมอโกรธบุปผา ที่บุปผาบอกว่าให้ตัดใจจากพี่มัทเสียเถอะ เพราะพี่มัทจะหมั้นกับคุณเพชรแล้วค่ะ พูดได้แค่นี้คุณหมอก็โกรธบุปผา แล้วก็เลย...”
บุปผาสะอึกสะอื้น ไอศูรย์ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่ได้ทำ บุปผาเลยยิ่งร้องไห้ใหญ่ คุณหญิงแจ่มจันทร์เห็นแล้วกลุ้มใจจนพูดไม่ออก...และเมื่อเรื่องนี้รู้ถึงนายพลเทพกับคุณหญิงมณี ไอศูรย์ก็เลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะนายพลเทพขึงขังด้วยความโมโห
“ยังไงบุปผาก็เสียหายไปแล้ว และบุปผาเป็นลูกสาวคนหนึ่งของผม พ่อต้นต้องรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นผมจะถือว่าพ่อต้นไม่ใช่ลูกผู้ชาย ตายจากกันก็ไม่ต้องมาเผาผีกันเลย”
ทุกคนนิ่งอึ้งอย่างกลัดกลุ้ม...มัทนาแอบฟังอยู่รอบนอกเสียใจแทบล้มทั้งยืน เช่นเดียวกับพลอยที่ตกใจและเสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไร หลังจากอ่านข่าวการหมั้นของบุปผากับไอศูรย์ในวันถัดมา
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกันคะพี่เพชร พี่ต้นจะหมั้นกับนังบุปผานั่นตามฤกษ์เดิมที่เคยจะหมั้นกับยายมัท มันเกิดอะไรขึ้นกันคะเนี่ย”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าพี่ต้นหมั้นๆไปซะ พี่ก็จะได้สบายใจเต็มที่ว่าน้องมัทจะไม่มีวันหวนกลับไปคืนดีกับพี่ต้นได้อีก”
“พี่เพชรก็คิดแต่เรื่องของตัวเอง ไม่คิดถึงใจพลอยบ้างเลย”
“ถึงพี่คิดถึงใจพลอย แล้วพี่จะทำอะไรได้ล่ะในเมื่อเขาลงข่าวหมั้นในหนังสือพิมพ์ชัดเจนอย่างนี้แล้วน่ะ”
พลอยเซ็งสุดขีด เดินกระทืบเท้าปังๆออกไป...ด้านนายแสงที่หลบหนีตำรวจไปอยู่ชานเมือง เขาเห็นข่าวนี้ในหนังสือพิมพ์แล้วเช่นกัน แต่ไม่อยากเชื่อว่านังงูพิษอย่างบุปผาจะได้หมั้นกับหมอไอศูรย์แทนมัทนา...
และแล้ววันหมั้นก็มาถึง ผกาทราบข่าวก็อยากมาร่วมงานสำคัญของบุปผา แต่พอมาถึงหน้าบ้านกลับถูกคนของนายพลเทพขัดขวาง เพราะบุปผากำชับนักหนาไม่ให้แขกที่ไม่มีบัตรเชิญเข้ามา จังหวะนี้เองมัทนาเดินผ่านมาเห็นและจำผกาได้ว่าเป็นคนอุปการะบุปผาจึงพาเธอเข้ามาด้วยตัวเอง
แสงเจ็บแค้นใจบุปผาและไม่มีวันยอมให้คนเลวๆ
อย่างมันเสวยสุขบนความทุกข์ของคนดีๆอย่างมัทนา เขาจึงย้อนกลับมาและรอจังหวะแก้แค้นให้จงได้...อีกคนที่เจ็บแค้นอาฆาตบุปผาก็คือนายสิน บุปผาทำให้เขาต้องเป็นอัมพาต ยังไงวันนี้เขาก็ต้องเปิดโปงเธอให้ได้
เมื่อได้ฤกษ์สวมแหวนหมั้น ไอศูรย์กลับประกาศกลางงานว่าตนไม่มีทางหมั้นกับบุปผาอย่างเด็ดขาดเพราะวันนั้นตนถูกบุปผาวางยา ผลเลือดออกมาจนตนมั่นใจ
“ยาที่อยู่ในร่างกายผมเป็นยาที่จะมีผลทำให้ร่างกายไม่มีแรง อ่อนเปลี้ยเหมือนคนเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเพราะ ฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมกับบุปผาจะมีอะไรกัน”
บุปผาอับอายมาก ปฏิเสธปากคอสั่น ทันใดนั้นแสงปรากฏตัวประจานบุปผาเป็นผู้หญิงหยำฉ่า ส่วนคุณประไพเพื่อนคุณหญิงมณีที่เคยบุกไปตามตัวสามีในหอโคมแดงก็จำผกาได้ว่าเป็นแม่เล้า พอรู้ว่าเป็นคนเลี้ยงดูบุปผามาก็เลยเชื่อคำพูดแสง คราวนี้เลยเป็นเรื่องทันที แขกเหรื่อในงานพากันฮือฮาที่ลูกสาวคนเล็กนายพลเทพมีอาชีพอย่างว่า คุณหญิงแจ่มจันทร์ถึงกับประกาศยกเลิกงานหมั้นเพราะรับไม่ได้ อีกทั้งบุปผาก็วางยาไอศูรย์ด้วย
ผกาพยายามออกตัวช่วยเหลือบุปผา ยืนยันว่าตนส่งบุปผาไปเลี้ยงที่ต่างจังหวัดตั้งแต่เล็ก แต่คุณหญิงมณีไม่เชื่อ เกิดทะเลาะทุ่มเถียงกับบุปผาอย่างเอาเป็นเอาตาย บุปผาเปิดโปงความเลวร้ายของคุณหญิงมณีว่าส่งสร้อยไปฆ่าแม่อุ่นแล้วยังวางยานายพลเทพให้เป็นหมัน ล่าสุด ก็พยายามฆ่าตน ซึ่งเรื่องนี้มัทนาก็รู้
นายพลเทพนึกไม่ถึง ตำหนิคุณหญิงมณียกใหญ่ รวมทั้งคนอื่นๆก็ซุบซิบและมองคุณหญิงมณีราวกับเป็นตัวประหลาด ทำให้คุณหญิงมณีโกรธแค้นบุปผายิ่งขึ้น สติแตกถึงกับวิ่งไปดึงปืนจากมือแสงจะมายิงบุปผา แต่มัทนาขัดขวาง บุปผาฉวยจังหวะนี้แย่งปืนจากเอวลูกน้องนายพลเทพเพื่อยิงคุณหญิงมณี แต่ก็หมดโอกาสเพราะนายสินยิงบุปผาเสียก่อน
ร่างบุปผาทรุดฮวบ คุณหญิงมณีสะใจเป็นที่สุด หัวเราะสลับกับโวยวายราวกับคลุ้มคลั่งควบคุมสติตัวเองไม่อยู่
“ในที่สุดแกก็ไม่สามารถจะทำร้ายยายมัทได้อีก ลูกของท่านนายพลที่เกิดกับหญิงอื่นไม่สามารถทำร้ายลูกของฉันได้อีกแล้ว”
บุปผาถูกนายสินยิงแต่ไม่ถึงตาย แต่สุดท้ายเธอก็ปลิดชีพตัวเองขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะรู้ว่าถึงหายดีก็ต้องติดคุกรับกรรมที่ก่อไว้มากมายเนื่องจากตำรวจสืบทราบเรื่องที่เธอฆ่ากำพลและเดือน ส่วนคุณหญิงมณีก็รับกรรมของตัวเองแล้วเช่นกัน เธอสติเลื่อนลอยจำใครแทบไม่ได้ ต้องอยู่ในการดูแลรักษาของหมอ
หลังเหตุการณ์ร้ายๆผ่านไป คุณหญิงแจ่มจันทร์ก็ยอมให้ไอศูรย์หมั้นกับมัทนาเพราะเห็นว่าทั้งคู่มีความรักที่มั่นคงต่อกัน...ส่วนเพชรกับพลอยก็ถอดใจ เลิกคิดเลิกหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยรู้ซึ้งแล้วว่าเรื่องของความรักบังคับใจกันไม่ได้จริงๆ
ooooooo
–อวสาน–










