สมาชิก

ไฟหวน

ตอนที่ 12

เหตุการณ์วันนี้ที่บ้านเทพบริบาลทำให้ใครหลายคนตกอกตกใจ ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงแจ่มจันทร์กับโฉมที่ทราบเรื่องจากไอศูรย์ อีกทั้งเพ็ญที่รู้จากผกา แล้วยังบรรดาคนรับใช้ในบ้านเทพบริบาลที่ต่างก็ต้องปรับตัวกันใหม่ จะจิกเรียกบุปผาอย่างเก่าไม่ได้แล้ว

สร้อยหมั่นไส้และรับไม่ได้กับสถานะ ใหม่ของบุปผา แต่อยู่ต่อหน้าท่านนายพลก็ไม่กล้าออกอาการ ส่วนบุปผามีความสุขมากที่บิดาและพี่สาวพากันเอาใจ แต่ไม่ว่ามัทนาจะทำดีด้วยแค่ไหน บุปผาก็ยังไม่ล้มเลิกเรื่องที่จะช่วงชิงหมอไอศูรย์มาครอบครอง

คุณหญิงมณี เจ็บแค้นใจนายพลเทพจนไม่อยากนอนร่วมห้อง เธอหอบเครื่องนอนของเขาออกมาเพื่อไล่ไปนอนที่อื่น แต่พอได้ยินเขาประกาศว่า ถ้าเธอทำเช่นนั้นเขาจะไปนอนที่อื่นตลอดไป คุณหญิงมณีก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะเสียผัวอย่างถาวร

ฝ่ายบุปผาเมื่อได้รับความเอ็นดูจากนายพลเทพ และมัทนาก็ยิ่งได้ใจ เธอไม่คิดแย่งแค่ไอศูรย์ แต่ตั้งใจแย่งห้องนอนของมัทนา ด้วยการอ้อนขอซึ่งหน้าจนมัทนาปฏิเสธไม่ออก ยอมยกห้องที่อยู่มาแต่เด็กให้น้องสาวต่างมารดา พอคุณหญิงมณีรู้เข้าก็เดือดดาลเป็นที่สุด พยายามขัดขวางแต่ไม่เป็นผล เพราะมัทนาใจดีเกินไป

คุณหญิงมณีทั้งเครียดทั้งคับแค้นใจจนเลือดกำเดาไหล สร้อยเข้ามาดูแลเจ้านายด้วยความเป็นห่วง

“แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก ยังไงฉันก็ไม่ยอมตายจนกว่าจะได้เห็นอีบุปผามันหายนะด้วยตาฉันเองเสียก่อน”

“ไม่ว่าคุณหญิงคิดจะทำอะไร สร้อยช่วยเต็มที่ค่ะ เพราะสร้อยไม่มีวันลืมว่าที่ไอ้แสงต้องกระเด็นออกไปจากที่นี่ก็เพราะอีบุปผาคนเดียว”

ขณะที่ทั้งคู่เคียดแค้นกันแทบตาย...บุปผากำลังกรีดกรายอย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้องนายสิน เกริ่นให้พี่ชายนอกไส้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฉัน ไม่นึกเลยนะว่าบุญจะหล่นทับฉันอย่างนี้ จากอีบุปผาดาราค่าตัวแพงแห่งหอโคมแดง จู่ๆก็ได้กลายมาเป็นคุณหนูคนใหม่ของตระกูลเทพบริบาล ส่วนแกก็กลายเป็นพี่ชายบุญธรรมของฉัน...ฉันไปละนะ จะต้องไปเก็บของ ย้ายขึ้นไปอยู่บนตึกใหญ่แล้ว”

บุปผาหัวเราะชอบใจแล้วนวยนาดออกไป ทิ้งนายสินนอนลืมตาโพลงด้วยความสงสัย...

วัน ต่อมา นายพลเทพให้เงินมัทนาพาบุปผาไปซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ พลอยเห็นทั้งคู่โดยบังเอิญ พอเข้ามาทักมัทนาก็แนะนำว่าบุปผาคือน้องสาว พลอยอึ้งไปอย่างไม่คาดคิด หลังจากนั้นก็กลับไปเล่าให้พี่ชายของตนฟัง เผอิญเพชรอยู่กับกำพล เมื่อได้ยินชื่อบุปผา กำพลถึงกับหูผึ่ง นึกถึงครั้งหนึ่งที่บุปผาอ้อนให้สอนขับรถแล้วขับไปถึงหน้าบ้านเทพบริบาล

เมื่อ รู้เช่นนี้แล้วกำพลจึงขับรถไปซุ่มละแวกบ้านนายพลเทพ แล้วก็ได้เห็นบุปผาตัวเป็นๆ นั่งรถกลับมาพร้อมมัทนาหลังจากแวะไปรับป้าอิ่มที่บ้านไอศูรย์
“ใช่บุปผาจริงๆ เธอหนีฉันไม่พ้นแล้ว” กำพลยิ้มย่อง ค่อยๆเคลื่อนรถออกไปอย่างใจเย็น

ooooooo

มัทนา ตั้งใจให้อิ่มขึ้นไปอยู่บนตึกเพราะยังมีห้องว่าง แต่อิ่มเต็มใจที่จะอยู่เรือนคนใช้มากกว่า ขออยู่ห้องเก่าของบุปผา สร้อยมาป้วนเปี้ยนสังเกตการณ์ พออิ่มเหลือบเห็นก็นึกหวั่นหวาด เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าสร้อยร้ายกาจขนาดไหน แต่ถึงยังไงอิ่มก็จะระมัดระวังและดูแลปกป้องบุปผาไม่ให้สร้อยทำร้ายได้อีก ครั้ง
มัทนาช่วยขนข้าวของของบุปผาที่เพิ่งซื้อมาไปส่งให้ถึงห้อง เสร็จแล้วก็ให้บุปผาเรียกบ่าวมาเอาเสื้อผ้าไปซัก บุปผายิ้มย่อง แล้วพอมัทนาคล้อยหลังหล่อนก็ออกลายทันที ใช้สวิงไปเอาน้ำมาให้กิน และโยนเสื้อผ้าใส่หน้าสร้อยให้เอาไปซัก

“อีบุปผา!” สร้อยคำรามด้วยความโมโห

“โอ๊ะ! เรียกใครไอ้อีกันจ๊ะนังสร้อย แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้แกต้องเรียกฉันว่าคุณหนู”

“ฉันไม่มีวันเรียกแกว่าคุณหนูหรอก คุณหนูแห่งตระกูลเทพบริบาลมีคนเดียวคือคุณหนูมัทนา ส่วนแกน่ะโตมาจากข้างถนน สักวันแกก็ต้องกลับไปอยู่ข้างถนนอย่างเดิม”

“ไม่มีวันเสียหรอก ถ้าจะมีใครต้องไปอยู่ข้างถนนล่ะก็ มันต้องเป็นแก ไม่ใช่ฉัน ฉันทำให้ลูกชายแกกระเด็นออกจากบ้านนี้ไปได้คนหนึ่งแล้ว ทำไมฉันจะทำให้แกกระเด็นออกจากบ้านนี้ไปอีกคนไม่ได้”

บุปผามองสร้อยอย่าง เย้ยหยันและเป็นต่อ สร้อยแค้นใจแต่ทำอะไรไม่ได้ จำต้องคว้าเสื้อผ้าของบุปผาเดินปึงปังออกไป แต่ไม่ทันลงมือซักก็เหลือบไปเห็นแสงป้วนเปี้ยนอยู่นอกรั้วบ้าน สร้อยเลยออกมาปรับทุกข์ให้ลูกชายฟังด้วยความเจ็บใจ แสงเองก็แค้นแสนแค้นเพราะต้องหน้าบากด้วยฝีมือบุปผา ถึงกับลั่นวาจาไม่ว่าบุปผาจะเป็นใคร ยังไงเขาก็จะทำให้มันหน้าบากยิ่งกว่าหน้าของตน!

ค่ำนั้น สร้อยมากระซิบกระซาบคุณหญิงมณีเรื่องยาของตาเถาที่ให้ท่านนายพลกินใกล้จะหมดแล้ว ตนไม่รู้จะไปเอาใหม่จากไหนเพราะสภาพตาเถาที่ไปเห็นมาถ้าไม่ตายก็ต้องพิการแน่

“ตอนนี้เรื่องยาท่านนายพลกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้วละนังสร้อย ฉันมีเรื่องใหญ่กว่านั้นที่จะต้องคิด”

สร้อยถอยกลับออกไปอย่างเข้าใจเจ้านาย โดยไม่ทันเห็นบุปผาที่เยื้องย่างเข้ามาหาคุณหญิงมณีด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“คุณหญิงแม่ขา...อุตส่าห์วางยาท่านนายพล...เอ๊ย... คุณพ่อให้เป็นหมัน แต่โชคไม่เข้าข้างคนผิด คุณหญิงแม่ก็เลยต้องมีลูกเลี้ยงชื่อบุปผาจนได้ สงสัยยาจะไม่ได้ผลนะคะ”

พูดจบบุปผาก็เดินหัวเราะเยาะเฉียดไหล่คุณหญิงมณีออกไป คุณหญิงมณีทนไม่ไหวตามมากระชากหมายตบหน้าให้หายแค้น แต่บุปผามือไวกว่าผลักคุณหญิงล้มลง ทำให้คุณหญิงยิ่งโมโห ลุกขึ้นพุ่งเข้าใส่จะตบตีบุปผาให้ได้ แต่ทันใดต้องหยุดกึก เพราะบุปผาชิงตบตัวเองแต่แหกปากราวกับถูกคุณหญิงมณีทำร้าย นายพลเทพเข้ามาเห็นก็เชื่อสนิทเพราะไม่คิดว่าใครที่ไหนจะทำร้ายตัวเองถึงปากคอแตก จึงต่อว่าภรรยาเป็นการใหญ่

คุณหญิงมณีเดือดดาลเป็นที่สุด เข้าทุบตีสามีพัลวันจนตัวเองเสียหลักเซไปชนตู้หัวแตกเพราะนายพลเทพปัดป้อง มัทนาวิ่งเข้ามาพอดี รีบประคองแม่ พร้อมกันนั้นก็ได้ยินแม่ตะเบ็งเสียงว่าเกลียดพ่อ แล้วพ่อก็สวนทันควันว่า “อย่าให้ผมเกลียดคุณเข้าบ้างก็แล้วกัน”

สองแม่ลูกนิ่งอึ้ง คุณหญิงมณีหายใจแรง ตาขุ่นขวาง มองตามหลังนายพลเทพที่ประคองบุปผาออกไปอย่างเคียดแค้น มัทนาสงสารแม่เหลือเกิน ทำแผลให้ท่านอย่างเบามือ

“เจ็บมากไหมคะคุณแม่”

“แม่ไม่ได้เจ็บแผลหรอกลูก เจ็บที่หัวใจนี่มากกว่า ตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาแม่ซื่อสัตย์กับพ่อมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางสักครั้ง แต่มัทดูพ่อเขาสิลูก นอกจากเขาจะไม่ซื่อสัตย์กับแม่แล้วเขายังสับเพร่าปล่อยให้มีลูกนอกสมรสออกมาให้เราต้องขายหน้าคนในสังคมอีกด้วย นี่ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้กันมากๆเข้า แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“คุณแม่ขา...สิ่งที่คุณพ่อทำไว้ในอดีตมันเป็นเรื่องผิดพลาดที่คุณพ่อถอยกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว คุณแม่ยกโทษให้คุณพ่อเถอะนะคะ แล้วมัทก็กราบขอความกรุณาคุณแม่อย่าโกรธอย่าเกลียดบุปผาไปด้วยเลยนะคะ เพราะบุปผาไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่คุณพ่อทำไว้ในอดีตเลย ยังไงๆบุปผาก็เป็นลูกของคุณพ่อคนหนึ่ง”

“ไม่!! คุณพ่อต้องมีมัทเป็นลูกคนเดียวเท่านั้น มัทได้ยินมั้ย คุณพ่อต้องมีมัทเป็นลูกคนเดียวเท่านั้น”

คุณหญิงมณีคั่งแค้นใจ ในขณะที่มัทนาลอบถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม

ooooooo

อิ่มเห็นร่องรอยฟกช้ำบนใบหน้าบุปผาก็นึกเคืองคุณหญิงมณีเสียจนเกือบพูดความจริงเรื่องที่คุณหญิงให้สร้อยไปฆ่าอุ่น แต่ยั้งปากไว้ทันเพราะนึกถึงคำขอของนายพลเทพและเห็นแก่ความดีของมัทนา แต่เมื่อลงมาในครัวแล้วเจอสร้อยพูดจาแดกดันว่าเคยบ้า อิ่มก็มีเอาคืนบ้างเหมือนกัน

“ถึงจะเคยบ้าแต่ฉันก็กลับมามีสติเพื่อทวงความยุติธรรมให้หลานสาวฉันได้ในที่สุด และถ้ามีโอกาสฉันก็จะทวงความยุติธรรมให้น้องสาวฉันด้วยเหมือนกัน”

สร้อยรู้สึกว่าอิ่มพูดแปลกหู เดินตามไปดักหน้าถามอย่างคลางแคลงใจว่า “เมื่อกี้ที่แกพูดมันหมายความว่ายังไง ที่ว่าจะทวงความยุติธรรมให้น้องสาวแก”

“ฉันก็หมายความอย่างที่พูดน่ะสิ”

“แต่ฉันไม่เข้าใจ”

“แต่ฉันว่า...แกเข้าใจ” อิ่มพูดเน้นหนักจนสร้อยชะงัก สีหน้าหวาดระแวง...

หลังจากนั้นไม่นาน สร้อยก็แจ้นมากระซิบกระซาบคุณหญิงมณีเพราะสงสัยว่าอิ่มจะรู้ว่าคุณหญิงส่งตนไปฆ่านังอุ่นกับลูกมัน

“มันจะรู้ได้ยังไง ก็แกบอกเองว่าคืนนั้นไม่มีใครเห็นแกไม่ใช่เหรอ”

“ก็ไม่มีใครเห็นจริงๆนี่คะคุณหญิง ตอนนั้นมีแต่สร้อยกับไอ้เพิ่มแค่สองคนเท่านั้น”

“งั้นมันก็อาจจะแกล้งพูดลวงให้แกระแวงก็ได้ ยิ่งมันพูดอย่างนี้แกก็ต้องระวังตัวระวังปากเอาไว้ให้ดี อย่าเผลอหลุดอะไรออกมาให้มันจับได้ล่ะ ถ้าความแตกละก็...แกติดคุกหัวโตข้อหาฆ่าคนตายเชียวนะนังสร้อย”

“คนอย่างสร้อยไม่มียอมติดคุกหรอกค่ะคุณหญิง ถ้าอีอิ่มมันรู้เรื่องจริงแล้วคิดจะแฉสร้อยละก็...สร้อยไม่เอามันไว้แน่ค่ะ ว่าแต่เรื่องนังบุปผา คุณหญิงจะเอายังไงต่อคะ”

“รอก่อน แต่ฉันจะต้องส่งมันไปหาแม่มันเร็วๆนี้ละ”

ooooooo

ขณะที่คุณหญิงมณีคิดหาทางกำจัดบุปผา...ผกาก็เป็นห่วงบุปผาอยู่เช่นกัน จึงนัดพบเธอที่เดิมโดยไม่รู้ว่ามุกแอบสะกดรอยตามมา และมุกก็ได้ยินด้วยว่าบุปผาอยู่บ้านเทพบริบาล เลยรีบร้อนไปบอกกำพลเพื่อหวังเงินรางวัลหนึ่งหมื่นบาท แต่ปรากฏว่ากำพลไม่ให้เพราะเขารู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองมาก่อนแล้ว
แยกจากผกามาแล้วบุปผาไปหาไอศูรย์ที่โรงพยา– บาล ตั้งใจเอารอยฟกช้ำที่โดนตบไปให้เขาดูและทำทีปรึกษาเรื่องคุณหญิงมณี

“คุณหญิงท่านโกรธเกลียดบุปผามากค่ะที่บุปผาเป็นลูกนอกสมรสของท่านนายพล ท่านว่าบุปผาเป็นตัวสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงศ์ตระกูลเทพบริบาลค่ะ”

“คุณอาท่านไม่น่าทำกับบุปผาอย่างนี้เลย บุปผาไม่ใช่ตัวต้นเหตุของเรื่องสักหน่อย เธอเลือกเกิดได้ซะที่ไหนกันล่ะ”

“บุปผาก็เลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี จะปรึกษาคุณหนูมัทเธอก็เป็นลูก คงพูดหรือให้คำแนะนำอะไรมากก็ไม่ได้ บุปผาก็เห็นแต่คุณหมอนี่ล่ะค่ะ ที่คงจะเป็นที่ปรึกษาให้กับบุปผาได้ดีที่สุด”

“ฉันก็คงให้คำปรึกษากับเธอในตอนนี้ได้แค่ว่าอดทนให้มากที่สุด พยายามอ่อนน้อมถ่อมตนกับท่านเข้าไว้ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณอาก็คงจะเย็นลงได้เอง”

บุปผาแสร้งสะอื้น พนมมือกราบแทบอกไอศูรย์คล้ายซาบซึ้งมาก แต่ทันใดพยาบาลเข้ามาขัดจังหวะบอกคุณหมอว่าคุณพลอยมาขอพบ บุปผาสีหน้าแค้นเคืองและหึงหวง แล้วหาจังหวะแอบแกล้งพลอยโดยไม่เปิดเผยตัวจนพลอยตกบันไดได้รับบาดเจ็บซี่โครงร้าวต้องนอนรักษาตัวเพื่อดูอาการต่อไป

หลังจากสะใจที่ได้แกล้งพลอย...บุปผาก็อารมณ์ดีกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันเข้ามาภายในรั้วก็โดนกำพลที่ซุ่มอยู่โผล่พรวดมาฉุดกระชาก บุปผาต่อสู้ดิ้นรนทำให้กำพลโมโหชกเข้าที่ท้องเธอจนฟุบแล้วอุ้มขึ้นรถกลับไปที่บ้านของเขา พอเธอฟื้นขึ้นมาก็พยายามปลุกปล้ำเพื่อรื้อฟื้นความหลัง

บุปผาไม่ยินยอม ต่อสู้สุดฤทธิ์คว้าขวดเหล้าฟาดหัวกำพลจนเลือดอาบ แล้วยังใช้ขวดที่แตกเป็นปากฉลามแทงซ้ำเมื่อเขาพุ่งเข้ามาบีบคอเธอด้วยความโกรธ...กำพลเจ็บปวดจนร้องไม่ออกก่อนทรุดตัวล้มลงแน่นิ่ง บุปผาตกใจสุดขีดกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหน้า เข้ามาเอามืออังจมูกเขาก็รู้ว่าตายเสียแล้ว!

เธอรีบสำรวจตัวเองและข้าวของไม่ให้มีร่องรอยใดๆ ที่เกี่ยวกับเธอหลงเหลือ เสร็จแล้วออกจากห้องเพื่อหลบหนี แต่โชคไม่ดีแสงกลับเข้ามาเรียกหากำพลเพราะเห็นรถจอดอยู่ บุปผาลนลาน แน่ใจว่าถ้าแสงเห็นเธอต้องไม่ปล่อยไว้แน่ จึงวิ่งกลับเข้ามาในห้องตามเดิมแล้วค้นตามตู้เตียงจนเจอปืนกระบอกหนึ่งของกำพล พอแสงเปิดประตูเข้ามาในห้อง บุปผาซึ่งซ่อนตัวหลังบานประตูก็ยิงเขาจนร่างทรุดฮวบ

จากนั้นเธอรีบเอาปืนยัดใส่มือขวาของกำพลให้คล้ายกับว่าเขาเป็นคนยิง แล้วไปค้นหาข้าวของมีค่ายัดใส่กระเป๋ากางเกงแสงเพื่อให้คนเข้าใจว่าเขาเข้ามาขโมยของของกำพลและเกิดการต่อสู้กันจนแสงแทงกำพลตาย ส่วนกำพลก็ยิงแสง

“ขอโทษทีนะไอ้แสง งานนี้แกได้กลายเป็นแพะ รับบาปแทนฉันไปแล้ว”

บุปผาแสยะยิ้มกับแผนการแนบเนียนของตนแล้วรีบร้อนออกไปจากตรงนั้นทันที!

ooooooo

นายพลเทพสังเกตเห็นคุณหญิงมณีกับสร้อยซุบซิบกันบ่อยครั้งก็อดระแวงไม่ได้ว่าทั้งคู่จะรวมหัวกันคิดร้ายต่อบุปผา วันนี้ท่านจึงโทร.หาทนายพิมานเพื่อให้ร่างพินัยกรรมขึ้นมาใหม่...

วันเดียวกัน เพชรกับมัทนาไปเยี่ยมพลอยที่โรงพยาบาล ซึ่งพลอยยังต้องนอนรักษาตัวอีกวันสองวัน เธอเล่าให้ทุกคนฟังว่าตอนเดินลงบันไดเหมือนมีใครดึงขา แต่ไอศูรย์แย้งว่าเธอคงเดินสะดุดอะไรมากกว่า เพชรก็คิดเหมือนกันเพราะคงไม่มีใครมาเล่นพิเรนทร์อย่างนั้น

เมื่อรู้ว่าพลอยไม่เป็นอะไรมากนอกจากซี่โครงร้าวหนึ่งซี่ เพชรกับมัทนาก็โล่งใจ พอมัทนาขอตัวกลับ ไอศูรย์จึงอาสาไปส่ง แต่พลอยไม่ยอมแกล้งออดอ้อนให้หมอหนุ่มอยู่เป็นเพื่อนเธอก่อน แล้วเปิดโอกาสให้เพชรได้ไปส่งมัทนาตามลำพัง

ในระหว่างเดินทาง เพชรเลียบเคียงถามมัทนาเรื่องหมั้นกับไอศูรย์ว่ามีกำหนดการแล้วหรือยัง

“ก็ต้องแล้วแต่ว่าคุณแม่จะได้ฤกษ์มาเมื่อไหร่น่ะค่ะ”

“ตราบใดที่น้องมัทยังไม่ได้หมั้นกับพี่ต้น พี่ก็คิดว่าพี่ยังมีโอกาสนะ”

“ทำไมพี่เพชรพูดอย่างนี้คะ”

“น้องมัทเป็นคนฉลาด พี่จะไม่พูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา น้องมัทก็รู้ว่าพี่ชอบน้องมัท ไม่ได้ชอบแบบพี่ชาย กับน้องสาว และถ้าน้องมัทคิดว่าพี่ก็ไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจอะไร ขอโอกาสให้พี่บ้างได้ไหม”

“มัทให้โอกาสนั้นแก่พี่เพชรไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมัทได้ให้ใจไปกับพี่ต้นหมดแล้ว”

“พี่ด้อยกว่าพี่ต้นตรงไหน”

“พี่เพชรไม่ได้ด้อยกว่าพี่ต้นเลยค่ะ แต่เรื่องของหัวใจมันกะเกณฑ์กันไม่ได้”

เพชรนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วดื้อดึง “แต่ตราบใดที่น้องมัทยังไม่หมั้นกับพี่ต้น อะไรๆก็ยังเปลี่ยนแปลงได้” พูดจบก็มองมัทนาอย่างมุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง สร้างความอึดอัดใจ ให้หญิงสาวอย่างยิ่ง

บุปผาแสร้งตกใจเมื่อมัทนามาเล่าให้ฟังว่าพลอยตกบันไดซี่โครงร้าว แต่สองสาวยังไม่ทันพูดอะไรกันต่อ นายพลเทพก็เข้ามาแทรก

“พรุ่งนี้บุปผาใส่บาตรกับพ่อนะ พ่อให้คนเตรียมของใส่บาตรแล้ว แล้วก็บอกแม่อิ่มแล้วด้วย เราจะใส่บาตรให้แม่อุ่นกัน”

“ให้มัทใส่บาตรด้วยคนนะคะ”

“จะไม่มีมัทได้ยังไงกันล่ะ มัทก็ลูกพ่อเหมือนกันนี่” ทั้งสามยิ้มให้กันอย่างชื่นมื่น โดยไม่รู้ว่าคุณหญิงมณีกับสร้อยยืนมองมาด้วยสีหน้าแค้นใจ

ฝ่ายไอศูรย์ที่โดนเพชรตัดหน้าพามัทนาไปส่ง พอกลับถึงบ้านเขาก็เร่งมารดาให้จัดการหาฤกษ์หมั้นโดยเร็วที่สุด เพราะกลัวจะเสียมัทนาไป

“แสดงว่ามีคนมาวอแวกับน้องมัทล่ะสิ แต่ถ้าน้องมัทเขาไม่สนใจ ต้นก็ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรนี่ลูก”

“แต่ผมกลัวๆยังไงก็ไม่ทราบครับแม่ กลัวว่าจะไม่ได้หมั้น ไม่ได้แต่งกับน้องมัท” ไอศูรย์พูดจากใจ...เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่าง

ooooooo

เช้าวันใหม่ นายพลเทพกับลูกๆตั้งใจใส่บาตรเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าสาวใช้ไม่ได้เตรียมอาหารไว้ให้อย่างที่สั่ง เนื่องจากคุณหญิงมณีมาสั่งยกเลิกกะทะหัน นายพลเทพไม่พอใจถึงกับตำหนิภรรยาต่อหน้าทุกคน

“ผมไม่นึกเลยนะว่าคุณหญิงจะใจจืดใจดำแม้กระทั่งกับคนที่ตายไปแล้ว รู้ไหมว่าทำแบบนี้คุณบาปมาก”

“ถ้าฉันบาป แล้วคุณล่ะคะ ผิดศีลห้า ข้อที่ว่าด้วยเรื่องประพฤติผิดในกาม จนมีลูกนอกสมรสออกมาประจานให้ฉาวโฉ่ จะไม่บาปไปยิ่งกว่าฉันหรือคะ”

นายพลเทพโกรธจัดหันไปบอกบุปผา มัทนาและอิ่มให้ขึ้นรถ เราจะไปทำบุญกันที่วัด คุณหญิงมณีถึงกับ สะอึกอึ้งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก!

หลังจากทำบุญกรวดน้ำให้อุ่นและฟังธรรมะดีๆ จากพระกันแล้ว นายพลเทพพาทุกคนกลับบ้าน และขอเวลาสักครู่พูดคุยกับลูกสาวทั้งสองด้วยเรื่องพินัยกรรมฉบับใหม่

“ฉบับนี้ใช่ไหมคะ” คุณหญิงมณีส่งเสียงเข้ามาพร้อมซองเอกสารในมือ “คุณพิมานเอามาให้เมื่อกี้ บอกว่าถ้าไม่มีปัญหาอะไรพรุ่งนี้เขาจะเอาฉบับจริงมาให้เซ็น แต่พอดีคุณไม่อยู่ ฉันก็เลยรับเอาไว้แทน แล้วฉันก็พบว่ามันมีปัญหา ฉันจะไม่ยอมให้คุณยกสมบัติให้นังลูกนอกสมรสนี่หรอกค่ะ สมบัติทั้งหมดของเราต้องเป็นของยายมัทคนเดียว”

พูดจบคุณหญิงมณีก็ฉีกพินัยกรรมฉบับร่างนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วหันไปกระแทกเสียงใส่บุปผา

“ส่วนแก..ก็ได้แต่เศษขยะไปเถอะ”

คุณหญิงมณีปาเศษกระดาษใส่หน้าบุปผาแล้วเดินคอแข็งออกไป นายพลเทพทนไม่ไหวตามมาดึงแขนภรรยาอย่างแรง

“คุณไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้นะ สมบัติส่วนของผม ผมมีสิทธิ์ที่จะยกให้ใครก็ได้ บุปผาก็เป็นลูกคนหนึ่งของผมเหมือนกัน”

“ไม่! ฉันไม่มีวันยอมรับนังเด็กนั่นเป็นอันขาด ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าคุณมียายมัทเป็นลูกเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องขนาดนี้ คุณจะฉีกพินัยกรรมนั่นอีกสักกี่ครั้งก็ได้ แต่ผมก็จะทำมันขึ้นมาใหม่อยู่ดี บุปผาจะต้องได้รับมรดกจากผม”

นายพลเทพประกาศกร้าว คุณหญิงมณีแค้นใจจนตัวสั่น มัทนากลัวแม่จะเป็นอะไรไปจึงรีบวิ่งเข้ามาดู ส่วนบุปผาไม่ขยับ แต่จ้องเขม็งมาที่คุณหญิงมณี ต่างฝ่ายต่างชิงชังกันเป็นที่สุด!

เวลาเดียวกันที่ในครัว สร้อยแกล้งเดินชนอิ่มจน แก้วน้ำในมือหล่นแตกกระจายแถมยังกรีดเสียงแขวะอีกด้วยว่า

“อุตส่าห์ออกไปทำบุญให้อีอุ่นกันยกใหญ่ เชอะ! ถ้ารักและอาลัยมันนัก ก็ทำไมไม่ตายตามมันไปเลยล่ะ”

“ที่ฉันยังไม่ตาย ก็เพราะฉันจะต้องอยู่เพื่อทำให้แกได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องสาวฉันยังไงล่ะ”

สร้อยโกรธจี๊ดพุ่งเข้าใส่อิ่มก่อน อิ่มสู้ยิบตา บีบคอสร้อยที่พยายามตบตี สองฝ่ายปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงดังเอะอะจนบรรดาคนรับใช้วิ่งกรูมาดูแล้วช่วยกันห้ามจับทั้งคู่แยกออกจากกันอย่างโกลาหล

ส่วนที่ห้องของบุปผา มัทนาตามมาปลอบบุปผาและขอร้องอย่างเกรงใจว่า

“บุปผาอย่าถือโทษโกรธคุณแม่เลยนะจ๊ะ คุณแม่ท่านยังทำใจไม่ได้เรื่องแม่อุ่นน่ะ”

“บุปผาเข้าใจค่ะพี่มัท” บุปผาตอบรับแต่ในใจนั้นแค้นแสนแค้นคุณหญิงมณีที่ตามราวีตนไม่เลิกรา!

ด้านสาวใช้คนสนิทอย่างสร้อยที่มีเรื่องตบตีกับอิ่มเมื่อตอนเย็น...ตกค่ำสร้อยขึ้นไปหาคุณหญิงมณีบนตึก กระซิบกระซาบว่าตนมีเรื่องจะปรึกษา

“เรื่องอะไร”

“เรื่องอีอิ่มค่ะ สร้อยคิดว่ามันรู้ว่าสร้อยฆ่าอีอุ่นน้องสาวมัน”

“แล้วแกจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะ”

“คุณหญิงหมายความว่า...”

“นังบุปผามันจะได้ไม่มีญาติโกโหติกาที่ไหนคอยปกป้องคุ้มกะลาหัวมันอีก”

“ค่ะคุณหญิง” สร้อยรับคำมั่นเหมาะ แล้วคืนนั้นเองก็จัดการปลิดชีพอิ่มด้วยการเอางูเห่าเข้าไปปล่อยในห้อง อิ่มโดนงูกัดและกรีดร้องขอความช่วยเหลือ บุปผาวิ่งมาถึงหน้าห้องแต่สร้อยยึกยักไม่ยอมให้เปิดประตู อ้างว่างูจะออกมากัดพวกตน แต่บุปผาไม่สน เป็นห่วงป้าจึงดึงดันเปิดประตูห้องจนได้ งูจึงเลื้อยออกไปหลังจากกัดอิ่มเข้าให้แล้ว...

อิ่มอาการไม่สู้ดี ถูกส่งไปโรงพยาบาลและได้รับการรักษาจากหมอไอศูรย์ ในระหว่างรอฟังผลอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน บุปผาจ้องมองสร้อยอย่างเอาเรื่อง

“ความจริงถ้าพี่สร้อยให้บุปผาเข้าไปช่วยป้าอิ่มเสียตั้งแต่แรก ป้าอิ่มก็คงไม่โดนงูกัดอย่างนี้”

สร้อยเมินหน้าหนีไม่รู้ไม่ชี้...อีกสักครู่ไอศูรย์ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน

“ป้าอิ่มอยากพบบุปผาน่ะ เร็วเถอะ เหลือเวลาน้อยเต็มทีแล้ว”

ขาดคำหมอไอศูรย์ บุปผาก็วิ่งพรวดเข้าไปข้างในทันที พวกนายพลเทพตามไปด้วย แต่ยืนห่างจากเตียงพอสมควร มองอิ่มที่พยายามจะพูดบางอย่างกับบุปผา... คุณหญิงมณีกับสร้อยแอบสบตากัน ใจคอไม่ดีกลัวอิ่มจะพูดเรื่องอุ่นถูกสร้อยฆ่าตาย

“ป้า...ต้องบอกแก...” น้ำเสียงอิ่มกระท่อนกระแท่นและเบามากจนบุปผาต้องเอียงหน้าเข้ามาใกล้ๆ

“ป้าอิ่มจะพูดว่าอะไรจ๊ะ”

“แม่อุ่น...ถูก...ถูก...” เสียงอิ่มขาดหาย มีอาการเกร็งไปทั้งร่าง บุปผาเอียงหูมาชิดริมฝีปากเพื่อฟังสิ่งที่อิ่มพยายามจะบอก คนอื่นๆจึงไม่ได้ยิน...แล้วร่างอิ่มก็กระตุกขึ้นสองสามครั้งก่อนแน่นิ่งสิ้นใจไป

มัทนาโผเข้าซบหน้าร้องไห้กับอกไอศูรย์ ในขณะที่นายพลเทพได้แต่อึ้ง คุณหญิงมณีกับสร้อยแอบสบตากันด้วยความสะใจที่อิ่มตาย หมดศัตรูที่จะบอกความจริงเรื่องการตายของอุ่นให้ใครๆรู้อีกต่อไป...

ooooooo

ไฟหวน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด