สมาชิก

‎พ่อไก่แจ้

ตอนที่ 9

มัทนีเดินหนี เอกชเยศร์ถือตุ๊กตาเดินตามไปใส่ไฟอาทิตย์ว่า

“ไงล่ะมัท...คนรวยไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นคนดี เงินแค่ไหนก็ซื้อความสุขไม่ได้...” แล้วใช้ตุ๊กตาหุ่นพูดแทนว่า “นี่แค่วันแรกๆเขายังกล้าทำตัวแบบนี้ แล้วต่อไปล่ะ มัทมิต้องเจอมากกว่านี้หรือ แต่งงานกับคนผิด ชีวิตเหมือนตกนรก”

มัทนีหยุดหันมองเรียกปรามเซ็งๆ ถูกเอกชเยศร์ย้ำอย่างกระหยิ่มว่า ซึ้งแล้วสิ

“พอได้แล้วเอก มัทจะเจออะไรมันก็เรื่องของมัท เอกไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่แฟน ไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ไม่ต้องยุ่งเรื่องครอบครัวของมัท” พูดแล้วเดินแยกไปอีกทาง กระนั้น เอกชเยศร์ก็ยังบ่นตามหลังว่า

“เอกก็แค่เตือนตามประสาคนเคย...รู้จักกัน”

มัทนีเดินหน้าง้ำไป พลันก็ชะงักเมื่อเห็นอาทิตย์กำลังสอนพวกเกิร์ลกรุ๊ปเต้นท่าเซ็กซี่ใหม่ๆให้พวกเพื่อนๆ ดู เป็นที่ถูกใจของเพื่อนๆ แล้วเขาก็เรียกมาถ่ายรูปร่วมกัน พวกสาวๆรุมกันคิกคักกับอาทิตย์ มัทนีมองอย่างหมั่นไส้

อาทิตย์เห็นมัทนีมองอยู่แต่เขาทำเป็นไม่เห็น ดี๊ด๊า กับพวกสาวๆจนอเนกสะกิดบอกว่ามัทนีมองอยู่ เขาจึงทำเป็นเพิ่งเห็นชวนมาถ่ายรูปด้วยกัน

“ตามสบายค่ะ พอดีว่ามัทมีเรื่องต้องคุยกับเอก...” พูดแล้วเธอทำเป็นตกใจที่พลั้งปากความลับออกไป หันไปต่อว่าเอกชเยศร์ว่าไม่เตือนกันเลย แล้วชวนกันไปทางอื่น บอกอาทิตย์ว่า “ตามสบายนะคะอาทิตย์”

แท่นทำหน้าที่ตากล้อง นับหนึ่งถึงสามแล้วกดแชะ ปรากฏว่ารูปออกมา อาทิตย์หน้าบูดดูไม่ได้เลย

ส่วนมัทนีจูงมือเอกชเยศร์แยกไปแล้วก็แกล้งทำเป็นเย้าแหย่กันหัวเราะคิกคักให้ได้ยินไปถึงอาทิตย์ แต่พอพ้นสายตาอาทิตย์ เธอก็เปลี่ยนโฉมหน้าหันมาขึงขังกับเอกชเยศร์ บอกเขาให้กลับกรุงเทพฯเสีย เราไม่ได้มีอะไรพิเศษกัน แต่เอกชเยศร์กลับโมเมว่า

“มัท...มัทใช้ผมเพื่อประชดนายอาทิตย์ แปลว่า ผมยังมีความหมายอยู่ มัท...มัทยังรักเอกอยู่ใช่ไหม ถ้ามัทไม่รักเอกแล้ว มัทคงไม่ใช้เอกเป็นอาวุธทิ่มแทงใจนายอาทิตย์หรอก แต่มัทใช้เอกก็แปลว่ามัทยังมีเยื่อใยให้เอกอยู่”

มัทนีมึนงงที่เอกชเยศร์โมเมได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เอกชเยศร์ก็ยังพล่ามไม่หยุดว่า

“มัทคงจะตระหนักได้แล้วสิว่า ไม่มีใครที่จะดีเท่ากับเอกอีกแล้ว ถึงเอกจะไม่รวย นามสกุลไม่ได้ใหญ่ แต่เอกก็ทำให้มัทมีความสุขแบบเรียบง่ายได้ ถูกไหม”

“เอก...หยุดมโน...” มัทนีปราม แต่เอกชเยศร์

ยังพล่ามว่าตนไม่ได้คิดไปเอง ให้เธอยอมรับความจริงเสียเถิด “เอก! เอกมาทางไหน ช่วยกลับไปทางนั้นเลยนะ ขอร้อง” พูดแล้วส่ายหน้าเดินแยกไปอีกทาง เอกชเยศร์ เชิดตุ๊กตาหุ่นพูดข้างหูเธอ

“มัทหลอกตัวเอง ผู้หญิงก็ปากแข็งงี้ทุกคน ใช่...มัทกำลังหลอกตัวเอง” เอกชเยศร์ว่ามัทนีทั้งที่กำลังหลอกตัวเองแท้ๆ

ooooooo

อเนกถามอาทิตย์ว่าเขาทำอย่างนี้เพื่ออะไร อาทิตย์ทำไขสือถามว่า ทำอะไร?

“ถ้าแกกับภรรยามีปัญหาอะไรก็คุยกันสิ อย่าประชดกันไปมาเป็นเด็กๆ มันไม่ช่วยอะไรเลย” อเนกจี้ใจดำ

“ฉันเคยบอกพวกแกแล้วไง ว่าก่อนแต่งงานฉันเป็นยังไงหลังแต่งก็จะเป็นยังงั้นไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเขาไม่เข้าใจ ยอมรับไม่ได้ ก็...ก็ต้องรับให้ได้ เพราะฉันจะไม่เปลี่ยนแปลง!!” อาทิตย์ชี้แจงอย่างไม่แคร์

โทนี่กับโมกข์พากันอวยอาทิตย์ แต่อเนกเตือนสติเพื่อนๆว่า

“เฮ้ยๆๆ พวกแกอย่าอวยกันในเรื่องผิดๆสิ ไอ้อาทิตย์แกตกลงใจแต่งงานแล้วก็ต้องเลิกทิฐิ เลิกคิดว่าฉันเป็นอย่างงี้  เธอจะยังไง มันต้องไม่มีฉันไม่มีเธอ ต้องมีแค่เรา”

แท่น โทนี่ และโมกข์ต่างประชดอเนกว่าพัฒนาถึงขั้นเทศนาหลักการครองเรือนแล้วหรือ อเนกไม่สนใจบอกอาทิตย์ให้รีบไปคุยกับมัทนีให้รู้เรื่องก่อน

“เขาอยากคุยกับฉันที่ไหน ฉันพาเขามาฮันนีมูน แล้วเขาพาใครมา...เพื่อนๆยังไม่เท่าไหร่ แต่ชวนแฟนเก่ามาด้วย...แกตอบซิว่ามันหมายความว่าอะไร???”

อเนกบอกว่าตนจะไปรู้ได้ไง ไล่ให้ไปคุยกับมัทนีเอง อาทิตย์ตีขลุมเอาเองว่าเพราะเธอยังมีใจให้เอกชเยศร์อยู่ เพราะทั้งสองคนรักกันมานาน รักกันด้วยตัวเองตั้งแต่สมัยเรียน ไม่มีใครบังคับให้แต่งงานเหมือนตน ตนเป็นแค่อะไรที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น โทนี่ติงว่าเขาพูดเหมือนน้อยใจ อาทิตย์เสียงเข้มย้อนว่า

“น้อยทำไม...คบกันอย่างนี้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้เต็มที่” พูดแล้วกระโดดขึ้นรถเอทีวีที่จอดอยู่แถวนั้น หันไปโบกมือกับสาวๆชวน “หนูๆจ๋าใครสนใจอยากให้พี่สอนขี่รถเอทีวีบ้าง”

พวกสาวๆวี้ดว้ายดี๊ด๊าแย่งกันมารุมอาทิตย์กันเซ็งแซ่

ooooooo

แก๊งพ่อไก่แจ้เขม่นเอกชเยศร์ หาทางแกล้งเขาแรงๆจนเขาร้องลั่น มัทนีได้ยินเสียงวิ่งมาดู เธอต่อว่าแก๊งไก่แจ้ที่เล่นกันรุนแรงขนาดนี้

“พวกคุณแกล้งเอกทำไม!!” แล้วลิ่วไปหาอาทิตย์ถามเอาเรื่องว่า “เอกชเยศร์ไปทำอะไรให้นายถึงต้องเล่นกันแรงขนาดนี้” อาทิตย์ถามว่าเล่นอะไร ตนไม่ได้ทำอะไร ตนไม่รู้เรื่อง

“นายไม่ใช่ลูกผู้ชาย ให้แก๊งไปรุมคนไม่มีทางสู้ แล้วยังไม่กล้ายืดอกรับผิดอีก”

“คุณดูจะแคร์แฟนเก่าคุณมาก มากกว่าสามีซะอีก...ผมพาคุณมาที่นี่ เพราะอยากให้คุณได้พักผ่อน เราจะได้เรียนรู้กันให้มากขึ้น แต่คุณพาใครมา? ทำไม? การต้องอยู่กับผมสองต่อสองมันน่ากลัวมากงั้นเหรอ?”

“สิ่งที่นายทำมันไม่น่าไว้ใจ”

“เหรอ?? ก็เลยต้องพามาทั้งเพื่อนทั้งแฟนเก่า สะใจคุณแล้วสิ ที่ทำลายเซลฟ์ผมได้ คุณกำลังรู้สึกเหมือนได้ยืนเหยียบอยู่บนหน้าผมใช่ไหมล่ะ ต่อไปใครต่อใคร ก็จะต้องพูดเยาะเย้ยผม เป็นโจ๊กในวงเหล้าว่าผมพาภรรยามาฮันนีมูนพร้อมกิ๊กเก่าของภรรยา”

มัทนีบอกว่าเอกชเยศร์มาเอง ตนไม่ได้ชวน อาทิตย์ ก็โต้ว่าเพื่อนตนก็เล่นงานแฟนเธอเอง ตนไม่ได้สั่ง จ้องหน้าบอกว่า

“พาแฟนคุณออกไปจากไร่ผม ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่ปรานี”

มัทนีมาบอกเอกชเยศร์ให้กลับกรุงเทพฯเสีย เขาไม่ยอมกลับคนเดียว มัทนีเบื่อหน่ายที่พูดกันไม่รู้เรื่อง เธอเดินหนี  เอกชเยศร์วางตุ๊กตาหุ่นมือไว้ที่โต๊ะที่มีแดด แล้วตามมัทนีไป อาทิตย์เดินมาเห็นตุ๊กตาหุ่นวางอยู่  เขาคิดจะแกล้งเอกชเยศร์ให้สะใจ หยิบตุ๊กตาติดมือไปพึมพำ “เดี๋ยวสวยแน่”

อาทิตย์กับแก๊งพ่อไก่แจ้ เอาตุ๊กตาหุ่นไปปิ้งที่เตาบาร์บีคิว สรวลเสเฮฮากันว่าใครจะกินส่วนไหนของมัน เอกชเยศร์มาเจอ เข้าไปแย่งคืนโวยลั่น

“พวกแก...ทำกับ...น้องน้อยของฉันได้ยังไง”

อาทิตย์ยื้อตุ๊กตาหุ่นไว้ไม่ยอมให้ “อะไรๆๆของนายที่ไหน ฉันเห็นมันนอนตายตากแดดอยู่ มันมาตายในไร่ของฉัน มันก็ต้องเป็นของของฉัน”

“พวกแกไอ้ฆาตกร...แกฆ่าเพื่อนฉัน” เอกชเยศร์อาละวาดพังเตาปิ้ง พวกอาทิตย์หัวเราะเยาะเย้ยกันสะใจ เอกชเยศร์กลายเป็นตัวตลกในวงล้อมของพวกอาทิตย์

“พอได้แล้ว!!” มัทนีแทรกเข้ามา พอเอกชเยศร์เห็นมัทนีก็ฟ้องว่า พวกนี้ย่ำยีหัวใจตน พลางก้มโกยเศษตุ๊กตาหุ่นที่ถูกพวกอาทิตย์ฉีกทำเป็นแย่งกันกิน

“ด่าเลย...ครั้งนี้ผมจะไม่เถียง เพราะผมรู้เห็นเป็นใจทุกอย่าง ที่นี่ไร่ผม ผมมีสิทธิ์จะจัดการแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ตามสไตล์ของผม” อาทิตย์สะอึกออกมารับหน้า

“อันธพาล ในที่นี้ไม่มีใครได้รับเชิญทั้งนั้น ฉันก็ถูกนายหลอกพามา คนอื่นๆก็ถูกฉันหลอกให้มาอีกที ถ้าอยากให้เอกกลับ ฉันก็จะกลับด้วย...ไปเอก” มัทนีคว้าแขนเอกชเยศร์ลากออกไป ทำเอาทุกคนมึน...งง...

เอกชเยศร์ดีใจที่มัทนีจะกลับไปกับตน บอกว่ากลับไปแล้วเรามาดีกันเหมือนเดิมนะ ตนยังรักเธออยู่ ยอมรับว่าตอนนั้นตนทำตัวไม่ดี ไม่น่ารัก เอาแต่ใจ แต่ตอนนี้สำนึกแล้วอยากกลับมาเหมือนเดิมกับเธออีก

“ใครอยากกลับก็กลับไป แต่ภรรยาผมต้องอยู่ที่นี่” อาทิตย์ตามมายื่นคำขาด

เอกชเยศร์คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า บอก อาทิตย์ว่ามัทนีจะกลับไปกับตนและเราจะแต่งงานกัน อาทิตย์ฉุนขาดที่ถูกหยาม ตรงเข้าไปผลักอกเอกชเยศร์ บรรดาสาวๆขับรถเอทีวีมาจอดเชียร์อาทิตย์กันสนั่น มัทนีของขึ้นโดดขวางกลางบอกว่า

“ฉันจะกลับกรุงเทพฯกับเอก”

“ผมไม่ให้คุณกลับ”

“นายห้ามฉันไม่ได้ ไปค่ะเอก พามัทออกไปจากนรกนี้เสียที”

อาทิตย์พรวดเข้าคว้ามือมัทนีไว้ เอกชเยศร์ฉวยจังหวะที่อาทิตย์เผลอกระชากไปชกอย่างแรงจนอาทิตย์คว่ำ แล้วคว้ามือมัทนีพาไปไล่พวกสาวๆลงจากรถ พาเธอขึ้นรถขับหนีไป

อาทิตย์โดดขึ้นรถเอทีวีอีกคันที่จอดอยู่ไล่ตามไป แก๊งพ่อไก่แจ้เห็นดังนั้นพากันขับรถเอทีวีไล่ตามไปเพื่อแย่งเมียเพื่อนคืนมา

อาทิตย์ใช้สัญญาณมือบอกเพื่อนๆที่ขับรถเอทีวี อีกสามคันตามมาให้ล้อมรถของเอกชเยศร์ไว้

เอกชเยศร์ขับรถไปถึงที่หนึ่ง เขาบอกให้มัทนีลงไปยืนรอข้างทาง พออาทิตย์มาเจอเขาจอดถามมัทนีว่าถูกมันถีบหัวส่งแล้วหรือ เอกชเยศร์ที่ซุ่มอยู่ดับเครื่องพุ่งเข้าชนทันที อาทิตย์กระโดดลงจากรถพลาดตกลงที่ลาดชัน มัทนีตกใจรีบตามไปดู ไม่สนใจเอกชเยศร์ที่ร้องเรียกให้เธอรีบมาขึ้นรถ

พวกอาทิตย์ตามมาทัน เอกชเยศร์จึงทิ้งมัทนีขับรถหนีไป พวกของอาทิตย์เป็นห่วงเพื่อนเลยไม่ได้ตาม

ooooooo

มัทนีวิ่งไปหาอาทิตย์ เขาถามอย่างเจ็บปวดว่าจะตามมาซ้ำหรือ เธอสารภาพว่า

“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่ามันจะเล่นขนาดนี้ อย่าเพิ่งพูดมาก ลุกไหวไหม ฉันจะพาไปหาหมอ” เธอจับแขนเขาจะประคองขึ้น เขาร้องอย่างเจ็บปวด จึงรู้ว่าแขนหักอาทิตย์บอกให้ปล่อยตนไว้ที่นี่แหละ

“เป็นบ้าหรือไง นายแขนหัก หัวแตกด้วย ไม่เจ็บรึไง”

“เจ็บสิ...แต่ก็ไม่เจ็บเท่ากับที่คุณทำกับผมหรอก ภรรยาพาแฟนเก่ามาฮันนีมูน แล้วยังพยายามจะหนีไปกับแฟนเก่าอีก คุณโคตรโหด ไปเถอะ...ไม่ต้องมาห่วงผม” พูดแล้วทิ้งตัวนอนแผ่ตรงนั้นเลย มัทนีร้อนใจไม่รู้จะทำ อย่างไร

ooooooo

หลังจากหาญถูกไอ้เสือยำเสียสะบักสะบอม ไม่นานเขาก็หากิ๊กใหม่ เขาขโมยต่างหูเพชรของคุณนาย วันนั้นเจ้าท่วมทุ่งเห็น มันเห่าโฮ่งๆแต่มันฟ้องคุณนายไม่ได้

ไม่เพียงเท่านั้น หาญยังเอาพระพุทธรูปไปจนหมดห้องพระเหลือแต่พระประธานองค์เดียว คุณนายแปลกใจว่าพระพุทธรูปหายไปไหนหมด

ที่แท้หาญเอาไปปรนเปรอน้ำผึ้งสาวเสิร์ฟร้านอาหาร วันนี้ก็ไปหาน้ำผึ้งที่ร้านอีกชวนมานั่งกินข้าวด้วยกัน น้ำผึ้งบอกว่าตนนั่งด้วยไม่ได้เพราะเป็นแค่พนักงานในร้าน

หาญถามว่าอาการป่วยของพ่อเธอเป็นอย่างไร น้ำผึ้งบอกว่าอาการเหมือนเดิม ตนยังไม่ได้พาไปหาหมอ

ขณะนั้นเอง น้ำผึ้งมองไปนอกร้านเห็นมอเตอร์ไซค์สองคันมาจอด เธอตกใจรีบขอตัวออกไปนอกร้านก่อนที่มอเตอร์ไซค์ทั้งสองจะบุกเข้ามา มันคือคนทวงหนี้นั่นเอง หาญเห็นน้ำผึ้งถูกมันข่มขู่ทนไม่ได้ลุกไปถาม

“มีเรื่องอะไร”

“แกอย่ายุ่ง!! มันเป็นหนี้พวกฉัน ถ้าพรุ่งนี้แกไม่เอาเงินมาจ่าย พวกฉันจะถล่มบ้านแก จำไว้!!” แล้วมันก็พากันไป หาญถามน้ำผึ้งว่าหนี้อะไร “เงินที่คุณให้มาวันก่อน ผึ้งไม่ทันจะได้พาพ่อไปหาหมอ พวกมันก็มาเอาไปก่อน แล้วนี่มันจะมาเอาอีก”

“เธอไปเป็นหนี้พวกมันเท่าไหร่?” หาญถามแสดงความห่วงใย

วันต่อมาหาญก็แอบเข้าไปเปิดตู้เซฟขโมยสร้อยทองหนัก 5 บาทของคุณนายแล้วรีบจะออกจากบ้าน เจอคุณนายกำลังให้โหน่งกับเหน่งจุดธูปสาบานว่าไม่ได้ขโมยต่างหูเพชร ไป หาญฟังคุณนายให้ทั้งสองสาบานแล้วสยอง เจ้าท่วมทุ่งเห็นหาญก็เห่าโฮ่งๆชี้ตัวจำเลยแต่มันบอกคุณนายไม่ได้

คุณนายหันมาเห็นถามว่าเป็นอะไร หาญพูดอึกๆ อักๆว่า

“เปล่าๆผมจะไปวัด เย็นนี้หลวงพ่อนกจะมีเทศน์มหาชาติ ผมเลยจะไปช่วยงานหลวงพ่อหน่อย”

คุณนายจะไปฟังเทศน์มหาชาติด้วย แต่พอหันมาอีกทีหาญหายไปแล้ว บ่นอุบอิบว่าไม่รอเลย ไปเองก็ได้

ที่แท้หาญรีบเอาเงินไปให้น้ำผึ้งที่บ้าน น้ำผึ้งไม่ยอมรับ เพราะมากเกินไป หาญตัดพ้อว่า

“อย่าพูดเหมือนฉันเป็นคนอื่นสิ” น้ำผึ้งบอกว่าเขาก็เป็นคนอื่นจริงๆ เท่าที่ช่วยมาก็เป็นบุญคุณมากมายแล้ว ไม่มีใครที่เพิ่งรู้จักกันจะช่วยกันมากขนาดนี้ เว้นเสียแต่ว่าเขาต้องการอะไร “เด็กหนอเด็ก ฉันบอกแล้วไงว่าหนูเป็นคนดี ฉันก็แค่อยากสนับสนุนคนดี”

น้ำผึ้งถามว่าเอาเงินทองมาให้ตนมากขนาดนี้ที่บ้านไม่ว่าอะไรหรือ หาญบอกว่าภรรยาตนรู้ทั้งยังสนับสนุนให้ช่วยเหลือครอบครัวเธอให้เต็มที่ด้วย พูดอย่างคนมีเมตตาเต็มเปี่ยมว่า

“อย่าคิดมาก ฉันไม่มีภาระอะไรแล้ว ไม่ช่วยหนูฉันก็ทำบุญช่วยคนอื่นอยู่ดี มันไม่ได้แตกต่างหรอก รับไว้เถอะนะ”

น้ำผึ้งรับไว้บอกว่าเป็นหนี้บุญคุณหาญมากจนไม่รู้จะชดใช้อย่างไรหมด หาญบอกว่าขอแค่ให้เธอเป็นคนดีก็พอ

“หนูเรียกคุณว่าพ่อได้ไหมคะ พ่อบุญธรรม”

“ได้สิ ได้เลย”

น้ำผึ้งโผเข้ากอดหาญไว้ หาญกอดตอบหลับตาเคลิ้ม อาการ “เฒ่าหัวงู” ก็เริ่มสำแดง!

ooooooo

พาอาทิตย์ไปหาหมอกลับมา มัทนีจอดรถแล้วรีบวิ่งมาเปิดประตูอีกฝั่งประคองเขาลงจากรถอย่างระมัดระวัง อาทิตย์ใส่เฝือกอ่อนที่แขนและพันแผลที่หัว แก๊งพ่อไก่แจ้มารอรับกันสลอน

พอมัทนีพาอาทิตย์เข้ามานั่ง แก๊งพ่อไก่แจ้ก็ด่าเอกชเยศร์กันขรม อเนกบอกว่าไอ้นี่ท่ามันไม่อยากตายดีแน่ โมกข์อาฆาตว่าแค้นครั้งนี้ชำระสิบปีก็ไม่สาย พอดีมัทนีออกมาพร้อมน้ำดื่มให้อาทิตย์

“เอ้า...มียาก่อนอาหารต้องกินไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวฉันจะไปบอกลุงสมให้หาอะไรมาให้นายทาน...จะได้กินยาที่เหลือได้”

“คุณกลับกรุงเทพฯไปเถอะมัทนี” อาทิตย์บอก

“นายเจ็บเพราะฉัน ถ้าฉันไปฉันก็เลวสิ”

“งั้นนายเอกชเยศร์ก็เลวมาก เพราะผมว่ามันหนีกลับกรุงเทพฯไปแล้วล่ะ” โทนี่ผสมโรงด่า

แม้อาทิตย์จะบอกว่าตนยังมีเพื่อนๆคอยดูแล มัทนีก็ไม่ยอมกลับ สุดท้ายบรรดาเพื่อนๆ ทั้งของอาทิตย์และของมัทนีก็พากันกลับอย่างรู้หน้าที่ เพื่อให้ทั้งสองได้อยู่ดูแลกันต่อไป

มัทนีจึงกลายเป็นพยาบาลประจำตัวของอาทิตย์ เขายังไม่วายถามประชดว่าทำไมไม่กลับกรุงเทพฯไปกับแฟน มัทนีไม่ตอบแต่หยิบชามข้าวมาตักสั่งให้

อ้าปาก เขาก็ยังพูดไม่เลิกว่า “ผมอยู่คนเดียวได้” เธอสั่งอ้าปากอีก เขาบอกว่า “จะกินเมื่อไหร่เดี๋ยวกินเอง” เลยถูกดุว่าจะเอาชนะกันใช่ไหม

“สำหรับคุณ ผมทำอะไรก็ผิด พามาฮันนีมูน ก็หาว่าผมพามาหื่น ไม่กินข้าว ก็หาว่าเอาชนะ ถ้าผมตายก็คงด่าว่าผมหนีปัญหา” เลยถูกดุอีกว่าก็ช่วยทำตัวดีๆ ไม่กวนประสาท ไม่เจ้าเล่ห์ “ว่าแต่ผม คุณทำได้ป่าวล่ะ”

“ฉันขอโทษ” อาทิตย์ทำเสียงหืออย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินคำนี้จากเธอ “เรื่องที่เอกชเยศร์ทำให้คุณเจ็บ ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดฉัน แต่ฉันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขามาที่นี่ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเสียหน้า ฉันขอโทษ...พอใจยัง”

“ผมไม่รู้ว่าคุณแต่งงานกับผมเพราะอะไร เพราะคุณรักผม เพราะอกหักจากแฟนเก่า หรือเพราะปฏิเสธพ่อกับแม่ไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าคุณจริงจังกับเรื่องนี้ ผมก็พยายามจะทำทุกอย่างให้เหมือนคนทั่วไปทำกัน...พาคุณมารู้จักบ้านตากอากาศของครอบครัว รู้จักสังคมของผม มีการฮันนีมูน มีอะไรที่หวานๆ โรแมนติกๆ แต่ดูเหมือนเวลาคุณมองหน้าผม คุณจะเห็นโลโก้เพลย์บอยปักอยู่กลางหน้าผากผมตลอดเวลา”

“ฉันจะพยายามมองนายใหม่แล้วกัน” มัทนีเสียง

อ่อนลง อาทิตย์ถามว่าต้องพยายามเลยหรือ “มากๆเลย”

แม้จะได้รับคำตอบห้วนๆ ห้าวๆ แต่อาทิตย์รู้สึกว่าก็ยังดี ต่างยิ้มให้กัน แล้วเธอก็บอกให้เขากินข้าวเสียจะได้กินยา อาทิตย์อ้าปากรอป้อนอย่างว่าง่าย...เวลาที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร เขาก็เหมือนลูกแหง่น่ารักคนหนึ่ง...

ถึงเวลานอนมีปัญหาอีกจนได้ อาทิตย์ไม่ยอมให้เธอไปนอนที่ระเบียงอีก บอกให้เธอต้องนอนในห้อง ตนจะออกไปนอนนอกห้องเอง

มัทนีไม่ยอมเพราะเขากำลังไม่สบาย สุดท้ายต่างปูที่นอน นอนกับพื้นโดยมีเตียงคั่นกลาง กระนั้นเธอก็ยังปรามว่า

“ขอเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าคิดจะฉวยโอกาสทำอะไรบ้าๆกับฉัน ฉันเตะนายแขนหลุดแน่”

“เป็นคำกู๊ดไนต์ที่น่ารักมาก”

เมื่อล้มตัวลงนอน ต่างแกล้งทำเป็นหลับ ครู่หนึ่งอาทิตย์ขึ้นมานอนบนเตียงนอนมองเธออย่างเป็นห่วง เห็นแอร์ตกตรงที่เธอนอนพอดีก็ชักผ้าห่มคลุมให้ ต่างพยายามข่มตาให้หลับ ระงับความรู้สึกที่ต้องนอนห้องเดียวกันเป็นคืนแรก

ooooooo

เมื่อหาญไม่รอ คุณนายจำเนียรจึงให้โหน่งกับเหน่งพามายังวัดที่หาญเคยมาบ่อยๆ

พอดีมีหลวงพ่อเดินผ่านมา คุณนายแนะนำตัวเองว่าเป็นภรรยาของหาญลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อนก ถามว่า

“ไม่ทราบตอนนี้สามีดิฉันกับหลวงพ่อนกอยู่ที่ไหนเจ้าคะ ตรงไหนที่จะใช้จัดงานเทศน์มหาชาติ”

“โยมมาผิดวัดแล้ว วัดนี้ไม่มีชื่อหลวงพ่อนก”

คุณนายเหวอ...เอะใจขึ้นมา  เมื่อหาญกลับถึง บ้านตอนกลางคืน จึงทำใจเย็นถามว่าเทศน์มหาชาติเป็นอย่างไรบ้าง?

หาญทำตัวเป็นผู้ทรงศีลที่สงบสำรวมทันที  ตอบอย่างคนอิ่มบุญมาว่า

“คนเยอะ  แต่ทุกคนก็ได้บุญกลับบ้านกันไปถ้วนหน้า ผมได้ฟังเทศน์ครบ 13 กัณฑ์เลยนะ หลวงพ่อบอกว่า  จะทำให้เกิดความสำเร็จทุกประการ  มีอานิสงส์สูงสุด  จะได้พบพระศรีอาริย์พุทธเจ้า ไม่ต้องตกนรก ได้พบนิพพาน”

“เหรอออคะ...” คุณนายยังถามอย่างสงบแต่เสียงเย็นผิดปกติ

“คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมอธิษฐานเผื่อคุณด้วย”

“ขอบคุณค่ะ พอดีวันนี้ฉันตามคุณไปที่วัดมา หลวงพ่อที่วัดบอกว่าที่วัดไม่มีงานเทศน์มหาชาติ และไม่มีหลวงพ่อนกด้วย” หาญหน้าถอดสี “คุณไปมหาชาติที่ไหนมา!!!” คราวนี้หาญถึงกับซีด  แล้วหาทางเลี่ยง  แต่คุณนายตามจี้ถามว่า “หลวงพ่อนกเป็นใคร อยู่ที่ไหน มีตัวตนจริงๆหรือเปล่า หรือว่าคุณปิดบังอะไรฉันอยู่ บอกมา คุณหาญ!”

“หลวงพ่อนกมีจริงๆ  แต่ท่านไปแล้ว  ท่านคงเห็นว่าวัดนี้จนและไม่ตอบโจทย์ของท่าน ก็เลยย้ายไปวัดเกาะ เอ๊ย...ไปอยู่วัดใหม่ที่เจ๋งกว่า ทำให้ท่านบรรลุถึงธรรมได้มากกว่า”

พอถูกคุณนายซักมากเข้า หาญก็ดราม่า หลุดจากความสงบสำรวมทันที ตัดพ้อคุณนายว่า

“คุณไม่เชื่อผมใช่ไหมคุณจำเนียร  เหมือนที่

หลวงพ่อเคยทำนายไว้ไม่มีผิด ไม่ว่าผมพูดอะไร จริงแค่ไหน คุณก็จะสงสัย ระแวง มีคำถามใช่ไหม...พรุ่งนี้ผมจะไปบวช!”

“หา!!” คุณนายตกใจ

“หลวงพ่อนกเคยบอกผมว่า ในอดีตชาติ  คุณเคยเกิดเป็นเสือดาวราชินี แต่คุณทรยศความไว้ใจของสามีเสือ ไปคบคิดกับสิงโตป่า จึงเป็นเหตุให้ชาตินี้ ครอบครัวเราต้องเผชิญกับกรรมอันเกิดจากความไม่ไว้

เนื้อเชื่อใจ  จิตที่มโนคิดไปเองจะนำพามาซึ่งความเดือดร้อนเหมือนมีไฟกลางบ้าน ให้ร้อนรุ่มอยู่ไม่เป็นสุข...ทางเดียวที่จะลดกรรมนี้ได้  คือผมจะต้องบวชเพื่อให้ผลบุญไปเจือจางกรรมเก่าของคุณ”

“คุณอย่าล้อเล่น”

“นี่ไง คุณไม่เคยเชื่อผม คุณระแวงผมแล้ว และมันจะไม่หยุดแค่นี้ มันจะมากขึ้น...มากขึ้น...ผมถึงต้องไปบวชเพื่อจบปัญหานี้ แต่ก่อนไป คุณควรรู้ว่า ที่ผมสวดมนต์รักษาศีลอยู่ทุกวันนี้  คิดว่าเพื่อใคร  ถ้าไม่ใช่เพื่อให้ครอบครัวเราอยู่เย็นเป็นสุข  แต่คุณ...คุณไม่เข้าใจ...” หาญทำซวนเซไปซบกำแพง  ทุบกำแพงสะอึกสะอื้น  จนคุณนายต้องร้องขอ...

“พอแล้วค่ะ...อย่าค่ะ...อย่า...ฉันเชื่อคุณแล้ว  ฉันจะไม่ปล่อยให้จิตถูกความระแวงสงสัยเข้าครอบงำ  ฉันเชื่อใจคุณ อย่าไปบวชเลยนะคะคุณหาญ...” คุณนายกอดหาญขอร้องด้วยความรู้สึกผิดมาก

ooooooo

ที่ไร่คุณนายลิ้นจี่...

มัทนีตื่นขึ้นมาตอนสาย มองที่นอนของอาทิตย์ทันที  เห็นแต่ที่นอนที่ถูกพับไว้เรียบร้อยแล้ว  เธอลุกขึ้นมองไปรอบห้อง เห็นมีชุดใหม่วางอยู่บนเตียง

อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จ มัทนีเดินลงไปมองหาอาทิตย์  เห็นเขาใช้มือเดียวช่วยลุงสมกับคนงานยกกระบะสมุนไพรใส่ท้ายรถบรรทุกแบบมีตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็น เขาทำงานเต็มไม้เต็มมือกระฉับกระเฉงไม่ถือตัว เธอมองเขาอย่างชื่นชม....พอยกสมุนไพรใส่รถหมด เขาแกล้งอุ้มเด็กเล็กใส่ในตู้ด้วย  เด็กร้องโยเย  ทุกคนหัวเราะอย่างเอ็นดู มัทนีก็พลอยหัวเราะไปด้วย

“อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก!!” อาทิตย์ทักอ่อนหวานเมื่อ หันมาเห็นเธอ คนงานก็พากันทักทายอย่างคึกคักแจ่มใส

อาทิตย์ถือเสียมไปทำงานต่อ มัทนีตามไปต่อว่าที่ลุกมาไม่ปลุกกันเดี๋ยวคนงานจะคิดว่าตนขี้เกียจตื่นสาย อาทิตย์พูดอย่างปรารถนาดีว่า เพราะเห็นเธอนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มเลยปล่อยให้นอนพัก ถามว่าแล้วตามตนมาทำไมเดี๋ยวได้เป็นลมแดดหรอก บอกให้ไปนั่งรอในร่มเสีย

“นายพูดเองไม่ใช่หรือว่าอีกหน่อยฉันต้องมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่นี่ เพราะฉะนั้น ฉันต้องเรียนรู้งานเอาไว้”

มัทนีพูดจนอาทิตย์ต้องยอม บอกว่าอยากทำก็ทำ แล้วอย่าบ่นก็แล้วกัน เธอแย่งเสียมจากเขาได้ก็ปักเสียมลงดินอย่างแรง อาทิตย์โวยลั่นว่าใครให้จิ้มแบบนั้น ถ้าเสียม โดนหัว ของจะเสียหาย บอกให้ค่อยๆขุด เพราะ “ไอ้ที่ อยู่ใต้ดินคือชะตากรรมมนุษยชาติเลยนะ”

“ชะตากรรมมนุษยชาติ เฮอะ...มันน่าเสียบให้ตายๆให้หมด” เธอทำท่าเกเร

“ตอนนี้คุณพูดได้ แต่ใครจะรู้ว่าในอนาคต คุณจะไม่ พึ่งมัน” อาทิตย์เตือนสติ ก็ยังถูกเธอถลึงตาใส่ แต่ก็ค่อยๆขุด

ooooooo

วันนี้หาญเดินอย่างสำรวมจะออกข้างนอก คุณนาย จำเนียรนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก ถามว่าจะไปไหนหรือ

“ผมจะไปหาหลวงพ่อนก ท่านโทร.มาบอกว่าย้าย วัดใหม่ ทำอะไรก็ไม่สะดวก อยากให้ไปช่วยทำนั่นทำนี่ หน่อย” พูดแล้วเห็นคุณนายจ้องนิ่ง หาญถามว่า “ทำไมมองผมอย่างนั้น ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมพูดก็บอกมา ผมจะได้ ปรึกษาเรื่องบวชกับหลวงพ่อด้วยทีเดียวให้จบๆ”

พอดีโหน่งกับเหน่งเข้ามาบอกคุณนายว่า เอาของ ขึ้นรถให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายพร้อมก็ เดินทางได้เลย หาญตกใจถามว่าคุณนายจะไปไหน

“เราจะไปเยี่ยมหลวงพ่อนกไงคะ”

“หะ!!!” หาญหน้าเหลือสองนิ้ว

“ฉันได้ยินคุณพูดถึงท่านนานมากแล้ว ก็อยากจะ ไปกราบท่านบ้างเหมือนกัน รีบไปเถอะค่ะ อย่าให้พระ ท่านรอนาน” คุณนายลุกขึ้นเดินนำไป หาญเดินช้าๆ ถ่วง เวลาหาทางหนี จนมาถึงรถ คุณนายเร่งให้ขึ้นรถ หาญก็ เกิดอาการปวดท้อง ปวดหัว ปวดหน้าอก หนาวสั่นขึ้นมา กะทันหัน บอกว่าตนไปไม่ไหวแล้ว คุณนายตกใจมากสั่งเรียกรถพยาบาลทันที

ooooooo

มัทนีอยู่ที่ไร่ นับวันเธอก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคนงาน ร่วมกับคนงานทำทุกอย่างไม่เกี่ยงร้อนไม่ เกี่ยงหนักไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย จนอาทิตย์ทึ่งนึกไม่ถึงว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้

ท่ามกลางการแก้ปัญหาในไร่ด้วยกัน ทำให้มีความ เข้าใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีเจ๊ไฝที่จะฆ่าตัวตายพร้อมลูก เพราะผัวไปมีกิ๊ก ทั้งอาทิตย์และมัทนีช่วยกัน หว่านล้อมจนเจ๊ไฝเห็นคุณค่าของชีวิต ไม่ฆ่าตัวตาย และจะไปทำงานเป็นพนักงานในสภาของคุณนายลิ้นจี่

พอนายล้ำผัวเจ๊ไฝรู้ เขาตกใจสำนึกผิด รับปากจะ แก้ไขตัวเองเพื่อไม่ให้เจ๊ไฝกับลูกทิ้งตนไป เมื่อล้ำสำนึก เจ๊ไฝจึงให้โอกาสแก้ตัว ทำให้ชีวิตครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขอีกครั้ง

ไม่เพียงเจ๊ไฝกับครอบครัวจะเข้าใจกันดี ระหว่างแก้ปัญหาด้วยกันมัทนีกับอาทิตย์ก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยิ่งขึ้นด้วย

ส่วนแก๊งพ่อไก่แจ้ เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ ก็ดำเนินการแก้แค้นเอกชเยศร์ รุมกันไป “สั่งสอน” จนเอกชเยศร์แทบเสียสติ แล้วพากันกลับไป แค่นี้เอกชเยศร์ ก็กลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว

ooooooo

แท่นไปเดินหาร้านเพื่อทานอาหาร มองเข้าไปในร้าน  เห็นตู้ที่เคยไปเที่ยวที่ไร่อาทิตย์อยู่ในร้าน ต่างเห็นกัน แท่นจึงเข้าไปทักทายตามมารยาท

ตู้ดีใจจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว พอแท่นเข้ามาถามว่ามาทำอะไรแถวนี้หรือ ตู้บอกว่าพานักศึกษามาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับละครเวทีเลยแวะมาทานข้าว แท่นรับเมนูจากพนักงานมาดูเพื่อทานด้วยกันที่นี่เสียเลย

ที่หน้าร้าน เอกชเยศร์เดินมากับพวกอีกสามคน เห็นแท่นนั่งอยู่กับตู้ที่มีกิริยาตุ้งติ้งก็เบ้ปากใส่ แท่นสั่งอาหารไม่ทันมา ก็ถูกเอกชเยศร์พาพวกเข้ามาล้อมโต๊ะแล้ว

“สวัสดีครับอาจารย์ตู้...มาทานอาหารกับเพื่อนสาวเหรอครับ...อุ๊ย...นี่มันคุณแท่นนี่นา โทษทีนะครับ ไม่ทันมองฮ่ะๆ”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” แท่นเอ่ยกับตู้แล้วลุกไป

เอกชเยศร์คว้าแขนไว้ ถามว่าจะไปไหนอยู่ทานข้าวกันก่อนสิ แล้วทำท่าตุ้งติ้งล้อเลียนเดินตามแท่นไป

“ต้องการอะไรว่ามาเลย” แท่นถาม เอกชเยศร์ทำสะดิ้งล้อเลียน แต่พรรคพวกเขาก็ล้อมแท่นไว้แล้ว

“พวกคุณอย่าทำอะไรแท่นนะ!!” ตู้เดินออกมาขวาง

“ผู้ชายมีเรื่องจะเคลียร์กัน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไปห่างๆเลยอีตุ๊ด” เอกชเยศร์ผลักตู้กระเด็น แท่นโมโหตวาดถาม

“แกเรียกคุณตู้ว่าอะไรนะ” ถูกเอกชเยศร์กับพวกตะโกนกันว่า อีตุ๊ดๆๆ แท่นฉุนขาดพุ่งเข้าชกเอกชเยศร์เปรี้ยงเดียวคว่ำไม่เป็นท่า แท่นจะตามซ้ำ ถูกพวกเอกชเยศร์เข้ามาชก ตู้เลยพุ่งเข้าไปจัดการมันกระเด็นไปหมด

แท่นกับตู้ปกป้องซึ่งกันและกัน เล่นงานพวกเอกชเยศร์ กันนัวเนีย จนพนักงานในร้านต้องมาแยกออกจากกัน

เมื่อพากันไปนั่งพักที่ม้านั่งข้างทาง แท่นขอโทษที่ทำให้ตู้ไม่ได้กินข้าวไปด้วย

“ตู้ต่างหากต้องขอโทษคุณ  แล้วก็ขอบคุณด้วย ที่คุณช่วยปกป้องศักดิ์ศรีให้” ตู้เอ่ยอย่างซึ้งใจ

“ผมไม่ชอบคนที่ดูถูกคนอื่น คนเราจะเป็นยังไงรสนิยมแบบไหน ก็คนเหมือนกัน ไอ้พวกเหยียดสีผิว เหยียดเชื้อชาติหรือรสนิยมทางเพศ มันควรจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ได้แล้ว”

ตู้มองแท่นอย่างปลาบปลื้มชื่นชม ในขณะที่แท่นยิ่งแค้นเอกชเยศร์ กำมือคำราม “เอกชเยศร์  แค้นนี้ต้องชำระ!”

ooooooo

หาญนอนซมอยู่บนเตียง คุณนายจำเนียรยกข้าวต้มมาให้เรียกให้ลุกขึ้นมากิน หาญทำท่าเพลียจัดโบกมือแบบยังไม่อยากกิน  คุณนายจึงวางไว้แล้วเดินออกไป

พอคุณนายออกไปจากห้อง หาญก็เด้งขึ้นมาทันที ถอนใจบ่นเซ็งๆ

“ต้องแกล้งป่วยไปถึงเมื่อไหร่วะเนี่ย” แล้วหาญก็เอามือถือที่ซ่อนไว้ออกมาดู มีเบอร์มิสคอล 12 มิสคอล ลงชื่อว่า “โยมผึ้ง” หาญนึกเป็นห่วงขึ้นมารีบโทร.กลับ เป็นเวลาที่น้ำผึ้งกำลังเดินหาบ้านหาญอยู่พอดี

“คะ...หนูโทร.มาเพราะหนูกำลังจะไปหาคุณพ่อที่บ้านค่ะ”

“หะ! หนู...หนูจะมาทำไม ก็พ่อบอกแล้วไงคะว่าพ่อไม่สบายเลยไปหาไม่ได้ต้องนอนพักผ่อนวันนึง”

น้ำผึ้งบอกว่าตนเป็นห่วงอยากมาดูแลและถือโอกาสมากราบขอบคุณภรรยาของพ่อด้วยเพราะท่านเมตตาตนมาก หาญแทบช็อกห้ามพัลวันบอกให้กลับไปเสียเพราะพวกตนเป็นพวกปิดทองหลังพระ ถ้าหายดีแล้วจะไปหา ทันใดนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น หาญตาเหลือกถามว่าตอนนี้เธออยู่ไหน บอกน้ำผึ้งว่า “กดหนึ่ง ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิด กดสองถ้าใช่”

เสียงกริ่งดังขึ้นสองครั้ง หาญแทบอยากตายคาเตียงเดี๋ยวนั้นเลย!

ooooooo

‎พ่อไก่แจ้

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด