ตอนที่ 10
หาญตกใจย่องลงมาอ้อมไปประตูหลังหาเก้าอี้มาปีนข้ามรั้วออกไปดึงน้ำผึ้งหลบจากตรงประตูไปแอบหลังเสาไฟฟ้าที่มีพุ่มไม้บังอยู่
โหน่งเปิดประตูโผล่หน้ามองซ้ายมองขวาจึงไม่เห็นใคร ทำหน้างงๆ แล้วปิดประตูกลับไป
น้ำผึ้งถูกหาญดึงไปกอดไว้แน่น พอโหน่งเข้าบ้านไปแล้ว จึงลากน้ำผึ้งห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง น้ำผึ้งถามว่าทำไมไม่ให้ตนเข้าไปกราบคุณนาย หาญอ้างว่าตอนนี้คุณนายมีแขกเอาไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่
“วันนี้กลับไปก่อนนะ...นะคะ...เป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ อย่าดื้อ อย่าขัดคำสั่ง แล้วอยากได้อะไร พ่อจะหามาให้ทุกอย่างเลย” น้ำผึ้งให้หาญสัญญาแล้วจะกลับ หาญคว้ามือไว้อ้อน “เดี๋ยวสิคะ เจอกันทั้งทีจะไม่กอดคุณพ่อหน่อยเหรอ” พูดแล้วอ้าแขนรับ น้ำผึ้งโผเข้ากอด หาญลูบหัวพูดอย่างแสนจะเอ็นดูว่า “ทำตัวดีๆนะคะ แล้วพ่อจะรักหนูไปจนตายเลย”
กอดจนอิ่มใจแล้วหาญเงยหน้าขึ้น เขาช็อกตาค้าง เมื่อเห็นคุณนายลิ้นจี่ยืนถือกระเช้าผลไม้จ้องตะลึงตาพองอยู่
“คุณหาญ...ไหนคุณจำเนียรบอกว่าคุณป่วย...แล้วนี่อะไร...ผู้หญิงคนนี้ใคร!!”
“สวัสดีค่ะคุณป้า หนูเป็นลูกสาวพ่อหาญค่ะ” น้ำผึ้งแนะนำตัวเองฉะฉาน คุณนายลิ้นจี่มองงงๆ หาญพยายามชี้แจง ถูกคุณนายโพล่งขึ้นว่า
“ฉันจะไปบอกคุณจำเนียร!!!” แล้วก้าวพรวดไปที่ประตู
“คุณลิ้นจี่!!!” หาญเรียกแทบไม่เป็นภาษา รีบหันไปบอกน้ำผึ้งให้กลับไปก่อน แล้วลนลานร้องเรียกคุณนายลิ้นจี่ พลางวิ่งมาขวางไว้ขอร้องให้ฟังตนก่อน
“มันเป็นอย่างที่ฉันคิดใช่ไหม” คุณนายลิ้นจี่ถามหน้าเครียด หาญอึกอักๆ คุณนายเห็นอาการก็ฟันธงว่า “ใช่จริงๆด้วย คุณทำยังงี้ได้ยังไง ผู้หญิงคนนั้นรุ่นลูกรุ่นหลานเลยนะ แล้วที่คุณจำเนียรชื่นชมคุณเป็นพ่อพระมาตลอดคืออะไร!!”
หาญยิ่งประหม่าหน้าซีด อึกอัก คุณนายลิ้นจี่รุกฆาตทันที
“คุณโกหกมาตลอด คุณแกล้งทำเป็นธรรมะธัมโมเพื่อบังหน้า ไม่ให้คนมองเห็นเนื้อในที่แท้จริงของคุณที่มันเน่าเฟะไปหมดแล้ว ใช่ไหม! ฉันจะบอกคุณจำเนียรให้หมด!!!”
หาญผวาคุกเข่ากอดขาคุณนายอ้อนวอนราวกับร้องขอชีวิต “คุณลิ้นจี่...ถ้าคุณจำเนียรรู้...ครอบครัวเราต้องมีปัญหาพังพินาศ...คุณจำเนียรต้องเสียใจ งานรณรงค์รักเดียวใจเดียวก็ต้องเสียหายเพราะขาดความน่าเชื่อถือ มันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย แต่...แต่ถ้าคุณให้โอกาสผม...ผมสัญญา...สาบาน...ว่าผมจะไม่ทำผิดพลาดอีก จะแก้ไข จะกลับตัวกลับใจ...ให้โอกาสผมนะ...”
“ฉันจะไม่โกหกเพื่อช่วยคุณหลอกภรรยาเด็ดขาด”
“คุณไม่ต้องโกหก คุณแค่ไม่ต้องพูด แค่นี้เอง” หาญกอดเกลือกหน้ากับขาคุณนายลิ้นจี่น่าสมเพช พร่ำวอนไม่ขาดปาก “คุณจำเนียรเป็นคนดี เป็นภรรยาที่ดี เป็นหน้าเป็นตาให้กับสามีและครอบครัว...คนดีๆอย่างคุณจำเนียร ควรจะมีความสุข เป็นที่น่าอิจฉาของครอบครัวอื่นๆ เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้...อย่าทำลายความสุขเดียวที่คุณจำเนียรมีเลยนะคุณลิ้นจี่...นะ...ผมไหว้ล่ะ”
“ถ้าจะมีใครทำลายความสุขคุณจำเนียรได้ ก็คุณนั่นแหละ” คุณนายลิ้นจี่กระแทกกระเช้าผลไม้ใส่มือหาญแล้วหันหลังกลับเลย แต่หาญก็ยังมองตามอย่างกังวล...
ooooooo
ที่บ้านไร่คุณนายลิ้นจี่ คืนนี้ท้องฟ้านวลด้วยแสงจันทร์ส่อง มัทนีออกมายืนมองพระจันทร์อย่างดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม
อาทิตย์ออกมาคุยด้วย บอกว่ามีอะไรจะให้ แล้วเดินนำเธอไปอีกด้านหนึ่ง หยิบกระถางต้นว่านชักมดลูกที่กำลังออกดอกสีชมพูสวยให้ บอกเธอว่า
“ให้เพื่อแทนคำขอบคุณที่วันนี้คุณช่วยพูดไม่ให้คนงานผมฆ่าตัวตาย แล้วยังช่วยดึงผมไว้ไม่ให้ตกหน้าผาน้ำตกอีก”
มัทนีดักคอว่าจะทะลึ่งอะไรอีก ชี้แจงว่าที่ตนทำไปไม่เกี่ยวกับว่านเลย ทำเพราะกลัวทารกลูกเจ๊ใฝจะเป็นอันตรายต่างหาก
“จะอะไรก็ช่าง ผมว่าดอกมันสวยดี แล้วมันก็ดูเป็นของที่ระลึกในการมาฮันนีมูนที่ไร่ของผมดีด้วย ผมอยากให้คุณรับไว้ เผื่อวันไหนที่คุณคิดถึงผม ก็ขอให้มองว่านชักมดลูกนี้”
“อืม...มันเป็นความรู้สึกซาบซึ้งที่แปลกประหลาดดี” มัทนีรับไว้ อาทิตย์ยิ้มหวาน ทำให้เธอเขินๆ เก้อๆ ถูกเขาแซวว่ายิ้มของตนทำให้เธอเขินหรือ มัทนีเลยทุบแขนที่บาดเจ็บจนอาทิตย์ร้อง เธอตกใจอุทาน “อุ๊ย...ฉันขอโทษ...ฉันลืม...” พลางรีบดูแลอย่างใกล้ชิด จนอาทิตย์ตกอยู่ในภวังค์โน้มเข้าใกล้จะจูบ เธอรีบยกกระถางว่านชักมดลูกกั้นเอาไว้ อาทิตย์ที่หลับตาเคลิ้มอยู่เลยจูบกระถางแทน
มัทนีหนีเข้าห้อง อาทิตย์ตามมาถามว่าไม่รักตนเลยใช่ไหม ถูกย้อนเอาว่าเขาก็ไม่รักตนเหมือนเขาแค่ชอบตนอย่างที่เขาชอบผู้หญิงทุกคน ต่างโต้เถียงกันไม่มีใครยอมใคร อาทิตย์เลยรวบรัดว่า
“คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม ยอมผมสักครั้งเถอะขอร้อง แล้วผมจะยอมคุณทุกอย่างเลย...บอกผมมาว่าคุณรักผมไหม”
“เออ...รักก็รัก”
“ผมก็รักคุณ” อาทิตย์ยิ้มปลื้ม แต่ยังไม่พอขอให้เธอสวีตกันหน่อยให้เธอบอกว่า “ฉันรักคุณ” มัทนีเกี่ยงให้เขาพูดก่อน อาทิตย์เลยพูดรัวอย่างหยุดไม่ได้ว่า “ผมรักคุณ...ผมรักคุณ...ผมรักคุณ...” มัทนียิ้ม ต่างสบตาอย่างเปิดเผยความรู้สึกต่อกัน แล้วอาทิตย์ก็โน้มตัวเข้าหา...และ...ได้จูบประเดิมรักในคืนพระจันทร์เต็มดวง...
ooooooo
ความรักเพิ่งจะงอกงามเมื่อคืน แต่เช้านี้ มัทนีก็ต้องเจ็บปวดมากเมื่อบังเอิญไปได้ยินความลับบางอย่าง...
เมื่อเธอตื่นขึ้น ไม่เห็นอาทิตย์ ไปหาที่ห้องครัวเห็นเขาเตรียมเครื่องทำอาหารค้างไว้แต่ตัวไม่อยู่ จึงออกเดินหาบังเอิญได้ยินเสียงคุยกันจึงหยุดฟัง...
คุณนายลิ้นจี่คุยกับอาทิตย์เรื่องที่หาญมีกิ๊กรุ่นลูก คุณนายลิ้นจี่จะบอกให้มัทนีรู้ อาทิตย์ไม่เห็นด้วยเพราะถ้ามัทนีรู้ ต้องบ้านแตกแน่ๆ บอกแม่ให้ใจเย็นๆ อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า บอกว่า
“แม่ครับ มันไม่ร้ายแรงเท่าไหร่หรอก ผมพอจะจัดการได้ ผมเอาอยู่น่าแม่”
คุณนายถามว่าจะไม่บอกมัทนีหน่อยหรือ อาทิตย์ยืนยันว่าให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องรับไม่ได้แน่ๆ ตนรู้นิสัยเธอดีแล้วให้เหตุผลว่า
“แม่...ยัยมัทนีเนี่ยนะ เขารักและศรัทธาในตัวพ่อเขามาก เขาเชื่อพ่อเขาหมดทุกอย่าง คุณหาญ...พ่อตาผมเนี่ย...คือไอดอลของผู้ชายที่แสนดี รักเดียวใจเดียว และธรรมะธัมโมในใจของลูกสาว ถ้ามัทนีเขารู้ความจริง ว่าพ่อเขา...คันจี๊ดๆ แค่ไหน โลกของเขาต้องถล่มทลาย ชีวิตของเขาต้องเซเป๋ เพราะฉะนั้นเรื่องคุณหาญกับสาวๆ เราจะต้องเหยียบให้มิด”
“แต่มันจะถูกหรืออาทิตย์ ที่ให้เขาฝันลมๆแล้งๆ ไป ว่าพ่อเขาแสนประเสริฐ ทั้งที่ จริงๆแล้ว...”
“ผมไม่อยากให้ยัยมัทเสียใจน่ะแม่ อีกอย่างผมไม่อยากให้บ้านแสนสุข พ่อแม่ลูกของเขาต้องแตกร้าว”
“แกรักผู้หญิงคนนี้มากจริงๆ” คุณนายลิ้นจี่บีบแก้มอาทิตย์อย่างมันเขี้ยว
“ทำไงได้ มันรักไปแล้วนะแม่...เอาเป็นว่า...ผมจะจัดการกะพ่อตาผมเองโดยไม่ให้แม่ยายกะลูกสาวเขารู้ เราจะช่วยกันปราบมาร...ที่จะมาทำให้ครอบครัวของเขาร้าวฉาน ด้วยวิธีที่เงียบๆ และเนียนๆนะครับแม่”
คุณนายลิ้นจี่พยักหน้าแม้จะไม่เห็นด้วยนักก็ตาม
มัทนีเจ็บปวดใจกับเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง เมื่อเข้าไปนั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน เธอพยายามเลียบเคียงสะกิดถาม แต่ทั้งคุณนายและอาทิตย์ก็พูดเฉไฉไปเรื่องอื่น จนจะเดินทางกลับบ้าน เธอทนไม่ได้ถามอาทิตย์ว่า
“สามีภรรยาควรมีความลับต่อกันหรือไม่”
“ควรมี...เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมต้องการพื้นที่ส่วนตัวกันทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า คุณก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวที่ห้ามฉันก้าวเข้าไปยืนงั้นสิ”
“ยิ่งรู้อะไรของกันและกันมากเกินไป ปัญหามันก็จะยิ่งเยอะ คุณไม่คิดแบบนี้เหรอ”
“ดี...งั้น...คุณก็ไม่ต้องมารู้ทุกเรื่องของฉันเหมือนกัน” พูดแล้วขึ้นรถปิดประตูปัง! นั่งเชิดปึ่ง!
ooooooo
หลังจากที่ตู้กับแท่นปกป้องกันต่อสู้กับเอกชเยศร์และพวกแล้ว ตู้ประทับใจแท่นจนคิดว่าเขามีใจให้คิดเพ้อกระทั่งว่าตนกับแท่นมีใจตรงกันมันเป็นความรักที่ลงตัว
ตู้คุยกับนรีและปุยฝ้ายถึงขั้นจะแต่งงานกับแท่น ปุยฝ้ายหัวเราะขำเพื่อน หาว่าตู้ฝันกลางวัน ปลุกให้ตื่นมาอยู่กับโลกของความจริงกัน ทำให้ตู้เคืองลุกพึ่บ สะบัดเสียงใส่
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ยกันเลย ฉันกะคุณแท่นจริงใจต่อกัน เขาเสียสละเพื่อฉันหลายอย่าง ถ้าเขาไม่รักฉันเขาไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ” พูดแล้วตู้เดินเชิดไปราวกับนางพญา นรีกับปุยฝ้ายมองหน้ากันงงๆมึนๆ
เมื่อนรีเล่าให้อเนกฟัง เขาบอกว่าตลกแล้ว ถามตู้พูดขำๆหรือเปล่า นรีบอกตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ตู้เข้าใจแบบนั้น เพราะตู้เป็นคนดีเป็นคนจริงจังจิตใจละเอียดอ่อน บอกอเนกว่า
“เธอต้องทำอะไรสักอย่างนะอเนก อย่าให้นายแท่นมาหลอกให้เพื่อนฉันรัก แล้วหักอกมันจนยับเยิน ตู้มันตายแน่ เข้าใจไหม”
ooooooo
อาทิตย์ขับรถกลับมาถึงบ้านมัทนี โหน่งกับเหน่งมาช่วยกันขนพืชผักของฝากจากไร่ลงจากรถ อาทิตย์ถามทั้งสองว่าหาญเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งสองบอกว่ากำลังร้องเพลงอยู่เห็นว่าจะไปประกวดร้องเพลง
มัทนีเดินเข้าบ้าน หาญทักว่าไปฮันนีมูนกันมาหรือหายไปเลย ลืมพ่อลืมแม่เลยนะ คงความสุขมากล่ะซิมัทนีถามนิ่งๆว่าแม่ไปจัดรายการหรือ? แล้วพ่อกำลังหัดร้องเพลงและเต้น??
หาญอ้างว่าตอนนี้เขากำลังศึกษาเรื่องเด็กวัยรุ่น เราต้องทำตัวให้เข้ากับเขาให้ได้ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาสังคมระหว่างคนต่างรุ่น อาทิตย์ดักคอว่ารุ่นปู่กับรุ่นหลานหรือ ถูกหาญมองตาขุ่น พูดเสียงเข้มว่า
“ก็ทุกรุ่นนั่นแหละ กิจกรรมของหลวงพ่อท่าน”ถูกอาทิตย์ดักคออีกว่าหลวงพ่อนกใช่ไหม หาญเหลืออดปรามว่า “นี่...นายอาทิตย์ ซักเรื่องได้ไหม ที่พ่อลูกเขาจะคุยกัน แล้วนายไม่ต้องสอด”
“ใช่...คู่สมรส ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของกันและกันทุกเรื่อง เราควรมีพื้นที่ส่วนตัว” มัทนีผสมโรง
“โอเค...ได้ครับ” อาทิตย์น้อยใจวูบขึ้นมา “งั้น...ผม
ขออนุญาตกลับบ้าน พอดีพรุ่งนี้มีงานเช้าที่โรงงานด้วย คุณพ่อตา...กับคุณภรรยา จะได้คุยกันให้สนุก ไม่มีลูกเขยที่เป็นคนนอกมาอยู่ขัดคอให้เกะกะ ดีไหมครับ”
มัทนีอึ้ง ใจหาย แต่ที่จะให้ง้อนั้น ทำได้! อาทิตย์ยิ้มอย่างปวดใจ หยิบกุญแจรถเดินออกไป
อาทิตย์ไปหาแท่นที่สตูดิโอ เจอพวกเพื่อนๆบ้างนั่งบ้างนอนกันเขลงเพราะไปช่วยแท่นคิดทำเอ็มวีวงเกิร์ลกรุ๊ปต่างก็คิดไม่ออก จนอเนกคิดได้แต่อำไว้ไม่ยอมบอกเพื่อนๆ
อาทิตย์ยังอารมณ์ค้างจากบ้านมัทนี นั่งดื่มเงียบๆ เครียดๆไม่มีอารมณ์ร่วมกับเพื่อนๆ เช่นเดียวกันมัทนีเองก็นั่งคิดบนเตียงคู่ มองพวงมาลัยคู่วันวิวาห์ที่แขวนอยู่หน้ากระจก บรรยากาศเหงาเศร้าจนร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
ooooooo
รุ่งขึ้น มัทนีเห็นหาญออกกำลังกายก็ถามว่าไม่เดินจงกรมแล้วหรือ หาญบอกว่าเราต้องลองทำอะไรใหม่ๆ กิจกรรมที่ไม่ซ้ำซาก ทำให้มัทนีนึกขึ้นได้ถามว่าคืนนั้นที่พ่อแต่งตัวประหลาดๆนั้นพ่อไปไหน
หาญตกใจ มัทนีบอกว่าคืนนั้นตนจะตามพ่อไปวัด เลยถูกอาทิตย์หลอกไปที่ไร่เขาแทน หาญหัวเราะร่าสวมรอยทันทีว่า “แผนของพ่อได้ผลจริงๆใช่ไหมล่ะ”
แล้วหาญก็ลักไก่ว่า อาทิตย์มาฟ้องว่าเธอไม่ยอมเข้าหอด้วยดีๆ ไล่เขามานอนนอกห้อง ถามว่าใช่รึเปล่าล่ะ พอมัทนียอมรับว่าใช่ หาญบอกว่าอาทิตย์มาบอกให้ตนแกล้ง ทำเป็นจะหนีไปไหนแล้วทำตัวเด่นๆให้เธอเห็น เขาจะได้พาเธอไปในที่ที่โรแมนติกแล้วจะได้ฮันนีมูนกัน
มัทนีหลงเชื่อ ซึ้งใจที่พ่อทำเพื่อตน บ่นว่าอาทิตย์กะล่อนจริงๆ พอดีคุณนายเดินลงมา หาญรีบหลบไปอ้างว่าจะไปอาบน้ำ สองแม่ลูกจึงเดินเล่นไปในสนาม ครู่หนึ่งมัทนีถามขึ้นว่า
“แม่คะ...สามีภรรยาเนี่ย ควรจะมีความลับต่อกันหรือเปล่าคะ”
“ไม่ควรมีนะ...ทำไม ลูกมีความลับอะไรกับนายอาทิตย์เหรอ หรือเขามีความลับอะไรกับลูก”
“เปล่าค่ะ หนูแค่อยากรู้ทัศนคติของแม่น่ะค่ะ”
“ผัวเมียไม่ควรมีความลับต่อกัน” แล้วคุณนายก็ยกตัวอย่างว่า “ดูอย่างแม่กับพ่อสิ เรายังไม่มีความลับต่อกันเลย แม่มีอะไร แม่ก็บอกพ่อเขาหมด แล้วพ่อเขา มีอะไร เขาก็บอกแม่ทุกเรื่องตลอดๆๆ”
“จริงด้วย” มัทนีนึกในใจว่าทำไมอาทิตย์ไม่เป็นแบบพ่อบ้าง...
ooooooo
ที่ห้องนั่งเล่นในสตูดิโอของแท่น...อาทิตย์งัวเงียตื่นขึ้นตอนเช้าท่ามกลางของกินเครื่องดื่มที่วางระเกะระกะเห็นโทนี่กับแท่นสองหนุ่มโสดที่เหลือ กำลังช่วยกันเก็บกวาด
“อ้าว...นี่...ตกลงฉันนอนสตูดิโอแกเหรอ” โทนี่กับแท่นช่วยกันกล่าวต้อนรับอาทิตย์ที่กลับมาสู่สถานะเดิม ยอมรับว่าการแต่งงานทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ ยกนิ้วโป้งชม “เจ๋งว่ะ” อาทิตย์กุมหัวถามว่า หมายความว่าไง โทนี่บอกว่า
“ก็การแต่งงาน ไม่ได้กีดกันแกออกไปจากเพื่อนๆ เลยนี่หว่า แกก็ยังสามารถนอนค้างสว่างแจ้งกะเพื่อนๆได้แล้วยัยมัทก็ไม่ยักโทร.ตาม เยี่ยมทั้งผัวทั้งเมีย”
“จริงเพื่อน ขนาดเพิ่งกลับจากฮันนีมูนแท้ๆ เพื่อนยังสามารถคุมเมียไว้ในโอวาทได้ ต้องชมคุณมัทด้วยที่ไม่เป็นเมียพันธุ์จิก”
โทนี่กับแท่นผลัดกันชมอาทิตย์ ยกนิ้วให้ว่าต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่า “เอาอยู่! เจ๋งจริงๆ!!”
สองหนุ่มตบไหล่อาทิตย์ป้าบๆ หัวเราะกันอย่างพออกพอใจ ในขณะที่อาทิตย์หัวเราะไปกับเพื่อนด้วยแต่...อย่างฝืดๆและแอบเศร้า ที่ตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนพูดเลย...
ooooooo
อเนกติดต่อตู้ให้ไปช่วยทำเอ็มวีให้สาวๆเกิร์ลกรุ๊ป บอกว่าแท่นคิดได้แต่ไม่ชัดเจนพอ เลยอยากให้ตู้ไปช่วยคิด
“แล้วเขาให้คุณอเนกมาติดต่อตู้หรือคะ อ๊า...พวกเธอก็คิดเอาเองแล้วกันนะ เขาเป็นฝ่ายอยากร่วมงานกะฉันก่อนเอง...นะจ๊ะ” ตู้ดี๊ด๊าอวดเพื่อนๆ
นรีถามอเนกว่าแท่นไม่ได้เสนอ แต่เขาทำเองใช่ไหม ถามว่าเขาต้องการอะไร
“ผมอยากรู้ว่าแท่นมันเปลี่ยนรสนิยมจริงๆหรือว่าไม่ได้เปลี่ยนเลยมันยังบ้าผู้หญิงเหมือนเดิม” พูดอย่างเป็นห่วงความรู้สึกของตู้ว่า “ตู้ไม่ควรจะฝันลมๆแล้งๆ นางควรจะเผชิญความจริง ถ้าแท่นชอบนาง เราก็จะได้รู้กัน แต่ถ้าไม่นางจะได้เลิกเพ้อ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียหน้า และเสียใจไงล่ะ”
ตู้มาถึงสตูดิโออย่างตื่นเต้นมาก มัทนีก็ถูกนรีให้มาด้วย อ้างว่าเพราะเธอเป็นคนตรงไปตรงมาและอ่านผู้ชายเก่ง ตู้เองก็ยินดีที่มัทนีจะได้มาดูว่าแท่นชอบตนหรือเปล่า เพราะตนบอกว่าแท่นชอบตนแต่พวกนั้นไม่เชื่อ มาดูจะได้รู้กันไปเลย
แท่นเดินเข้ามาพอดี เขาตรงไปจับมือตู้เอ่ยอย่างยินดี “คุณตู้ ขอบคุณมากนะครับที่รับทำงานนี้ให้ผม คุณคงจะช่วยน้องๆ ได้มากเลยครับ”
ตู้หันมองทุกคนทำนองว่า เห็นไหม...เห็นไหมล่ะ ทำเอาแท่นงงว่าอะไรกัน
แท่นมาดูการเตรียมการและการถ่ายทำอย่างใกล้ชิด ตู้เลียบเคียงถามว่าเขาต้องมาดูเองเวลาถ่ายมิวสิกวีดิโอคลิปในค่ายทุกครั้งหรือ
“อ๋อ...ไม่ทุกครั้งหรอกครับ แต่นี่พอดีไอเดียการถ่ายทำเรื่องนี้ผมคิดเอง แล้วก็เชิญคุณมาทำงานด้วยกัน แล้วคุณก็ให้เกียรติมา ผมก็ต้องมาดูแลเองสิครับ”
ตู้ฟังแล้วเขินจนทำตัวไม่ถูก นรีเห็นแล้วบ่นกับมัทนีว่าแท่นปากหวานอย่างนี้ตู้ถึงได้คิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น
ooooooo
เพราะปักใจเชื่อว่าแท่นชอบตน ระหว่างการถ่ายทำแท่นดูแลความเรียบร้อยของบรรดาสาวๆเห็นเศษทิชชูติดผมก็ช่วยหยิบออก ทำให้ตู้หึงหาทางแกล้งน้องคนนั้น
แท่นรู้สึกผิดสังเกต จนเมื่อน้องคนนั้นถูกตู้แกล้งให้แสดงเป็นชะนี เมื่อไม่ถูกใจก็ผลักแรงๆจนน้องคนนั้นล้ม จึงเรียกตู้ไปคุยว่า
“ขอโทษนะครับตู้ ผมคิดว่าผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณพยายามทำในเอ็มวีนี้เท่าไหร่ คือที่คุณให้น้องคนนั้นเขาทำตัวเป็นชะนีแล้วกระชากผลักล้มอะไรขนาดนั้น” ถูกตู้ย้อนถามว่าเขาชอบน้องคนนั้นหรือ? “ครับ...ผมชอบเขามาก”
ตู้โพล่งทันทีว่า “นั่นไง ฉันว่าแล้ว ฉันดูออก” แท่นถามว่าตู้คิดแบบนั้นใช่ไหมเลยทำอะไรบ้าๆแบบนี้
“ดีค่ะ...ที่คุณรับออกมา ฉันจะได้ไม่เข้าใจผิดอีก ต่อไปจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าคนไหนที่คุณชอบกันแน่ ในน้องๆห้าคนนั้น ฉันก็จะได้ปั้นคนนั้นให้เด่นเป็นพิเศษ”
แท่นถามว่าแล้วน้องคนนั้นเขาถูกให้เป็นชะนี เด่นยังไง ตู้ตัดบทว่า
“ถ้าคุณไว้ใจฉัน คุณปล่อยให้ฉันทำให้จบสิคะ คุณเป็น ‘เพื่อน’ ที่ดีคนหนึ่งฉันก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อเพื่อนสิคะ”
เมื่อทำงานจบ ทุกคนชื่นชอบมาก แท่นเอ่ยชมตู้ว่า “เยี่ยมมาก น่ารักมาก ดูสดใสไร้เดียงสา ขอบคุณคุณจริงๆหวังว่างานหน้าเราจะได้ร่วมมือกันอีกนะครับ”
ทุกคนชื่นชมตู้มาก ตู้เองยอมรับกับเพื่อนๆว่า “ขอโทษ ที่พวกเธอพยายามเตือนฉันแล้ว แต่ฉันไม่เชื่อ คุณแท่น...เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันจริงๆ ฉันฝันไปเองข้างเดียว ฉันก็ไม่ได้เสียฟอร์มใช่ไหม” มัทนีชมว่าตู้เก่งที่เอาชนะใจตัวเองได้ ให้กำลังใจตู้ว่า พวกเราจะดูแลกันต่อไป
ในบรรยากาศที่ชื่นชมความเข้มแข็งของตู้นั้น อาทิตย์เสนอไปฉลองกัน ตู้เสนอว่าแบบนี้ต้องเอาแบบปิ้งๆ
ย่างๆ อาทิตย์ฉวยโอกาสกอดมัทนีที่กำลังดีใจกับเพื่อนๆ ชวนไปกินปิ้งย่างกัน เธอเลยต้องไปกินกับเพื่อนๆด้วย
ooooooo
หาญหลงน้ำผึ้งที่ทำตัวน่าสงสาร แต่ที่แท้เธอคือเด็กใจแตกมีกลุ่มเพื่อนที่เอาแต่สนุกคึกคะนองไร้สาระสนุกไปวันๆ เมื่อเกาะหาญติดแล้วก็ได้เงินจากหาญใช้ไม่ขาดมือ
วันนี้หาญมาหาเธอที่ร้านอาหารเล็กๆในซอย กลุ่มพวกเธอ 5-6 คน กำลังระดมกันส่งเอสเอ็มเอสเชียร์นักร้องที่ชื่อมันเผา ส่งเอสเอ็มเอสจนเงินหมด หาญควักเงินให้หกพันไปซื้อบัตรเติมเงินมากดกันอย่างระห่ำอีก ตัวเองก็ถูกเด็กสาวเหล่านั้นทั้งกอดทั้งหอม จนหาญแทบหัวใจวายตาย
เลี้ยงฉลองให้ตู้แล้ว อาทิตย์ขับรถไปส่งเห็นตู้นั่งซึมน้ำตาคลอ อาทิตย์ปลอบใจและบอกเล่าถึงอุปนิสัยเฉพาะตัวของแท่นให้ฟังว่า
“ผมคุ้นเคยกับละครชีวิตฉากเก่าๆ ที่เล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของไอ้แท่นดี ทุกครั้งที่มีการปั้นนักร้องผู้หญิงคนใหม่ๆในค่าย ไอ้แท่นจะต้องไปหลงรักเขา อาจจะเหมือนพวกจิตรกรที่หลงรักรูปปั้นของตัวเองก็ได้ แล้วพอปั้นเสร็จมันก็เหมือนจืด อิ่ม หมดความตื่นเต้นในสาวคนนั้นไป สาวบางคนที่เข้ามาดีกับมัน เพื่อให้มันปั้นแล้วพอดังแล้วก็ห่างไปเช่นกัน แบบนั้นก็โอเค วินๆ แต่ถ้าใครมาหลงรักใฝ่ฝัน คิดจะเป็นแฟนมันจริงจัง ก็ต้องงง ตอนที่มันไม่สนใจไยดีอีกแล้ว”
“แปลว่าเขาก็จะไม่รักยัยชะนีคนนี้จริง”
“ครับ เมื่อมีการปั้นศิลปินใหม่ เขาก็จะตกหลุมรักครั้งใหม่”
ตู้ถามว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นชะนีเท่านั้นใช่ไหม เมื่ออาทิตย์ยืนยัน ตู้ก็ถอนใจ
“อย่าเสียใจเพราะคนแบบนี้เลยครับ มันไม่คุ้มหรอก เลี้ยงมันเอาไว้เป็นเพื่อนขำๆคนนึงก็พอครับ”
“เพื่อนขำๆเหรอ...เพื่อนขำๆฉันมีเยอะแล้ว”ตู้บอก ปุยฝ้ายเสริมทันทีว่า “ขาดก็แต่ผัวขำๆ” ตู้เลยหันมาจับมือมัทนีบอกว่า “เธอสิโชคดี มีผัวขำๆคนนี้แล้ว รักษาเอาไว้ให้ดีล่ะ เพราะผัวขำๆน่ะหายากมากนะ”
มัทนีหันมองอาทิตย์อึ้งๆ แล้วต่างเมินไปเขินๆ
ooooooo
อาทิตย์ถูกคุณนายจำเนียรซักฟอกเรื่องนอกใจมัทนี เพราะมีความลับกับเมีย ชี้ว่าเรื่องที่ผู้ชายจะมีความลับกับเมียมีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องนอกใจเท่านั้น
อาทิตย์บอกว่าไม่เสมอไป เพราะมีความลับมากมายที่สามีบอกภรรยาไม่ได้ เช่นความลับทางราชการ ความลับทางธุรกิจ แล้วถามคุณนายว่า
“คุณแม่ทราบไหมว่าความลับต่างกับของลับอย่างไร” คุณนายตกใจปรามว่าอย่ามาทะลึ่ง
“เปล่าครับ นี่เป็นการทายปัญหาจริงจัง คุณแม่จะจำเอาไปเล่นตอนจัดรายการก็ได้นะ”
“เหรอๆงั้นเฉลยมาเลย ฉันไม่รู้หรอก”
“เฉลย...ของลับเปิดให้ใครดูยังไง มันก็ยังเป็นของลับวันยังค่ำ แต่ความลับถ้าบอกออกไปแล้ว มันก็ไม่เป็นความลับอีก”
อาทิตย์กะล่อนเสียจนคุณนายหลงเชื่อ พูดอย่างตื่นเต้นว่าคิดไม่ถึงจริงๆ สุดท้ายก็ลืมเรื่องความลับที่จะมาจับผิดกับอาทิตย์สนิทเลย
ooooooo
วันหนึ่ง พลอยไปบริจาคเงินที่ศูนย์ดูแลหญิงและเด็กที่ถูกทำร้ายโดยไม่ประสงค์จะออกนาม เธอเดินเข้ามาเซ็นเช็คหนึ่งแสนบาทให้ แล้วเดินออกไปอย่างสง่างาม
มัทนีตกใจเมื่อเห็นลายเซ็นในเช็คเหมือนลายเซ็นของอาทิตย์ราวกับแกะ เธอเก็บความสงสัยไว้ กลับถึงบ้านตัดสินใจบอกเขาว่ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย
“คือเราเป็นสามีภรรยากัน ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณีแล้ว ถูกไหม...แต่เรายังไม่เคยตกลงกันเรื่องทรัพย์สินเงินทอง”
เธอพูดจริงจังจนอาทิตย์พูดอย่างผิดหวังว่า ไม่คิดว่าเธอจะงก เห็นแก่เงิน
“ฉันไม่ได้งก อยากได้เงินคุณหรอกนะ แต่...บางทีถ้าคุณใช้เงินไปในเรื่องบางอย่างที่มันไม่สมควร หรืออะไรยังไง ก็ควรจะบอกกล่าวกันบ้าง จริงไหม”
อาทิตย์บอกว่าเข้าใจ แต่ลึกๆแล้วรู้สึกเสียใจเพราะเข้าใจว่ามัทนีสนใจเรื่องเงินทองจริงๆ โทร.ไปเล่าให้คุณนายลิ้นจี่ฟัง ถามว่าแม่คิดอย่างนั้นหรือเปล่า
“แกจะมาระแวงว่าเขางก อยากได้สมบัติแก มันคงไม่ถูกหรอก คนอย่างหนูมัทเหรอ จะสนใจเรื่องเงินทองทรัพย์สมบัติ แฟนเก่าเขาจนอย่างกะอะไรดี เขาก็ยังรักไม่ใช่เหรอ” คุณนายชี้ให้เห็นอย่างผู้มีประสบการณ์ว่า สิ่งที่มัทนีสนใจก็คือการใช้เงินของเขามากกว่าว่าเอาเงินไปใช้อีลุ่ยฉุยแฉกหรือเปล่า เล่นพนันบอลหวยมวยม้าหรือเปล่า แล้วถามว่า
“เรื่องอีตาหาญพ่อตาแกล่ะ แกจัดการเคลียร์ไปหรือยัง เรื่องกิ๊กเด็กนั่นน่ะ” พอรู้ว่ายังก็บ่นว่าใช้การไม่ได้เลย เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ ขู่ว่าถ้าเขาไม่ทำตนจะทำเอง “ฉันจะไม่ยอมให้คุณจำเนียรที่ฉันรักและชื่นชมโดนสวมเขาเป็นคนโง่หรอกนะ”
วันนี้อาทิตย์เห็นหาญแต่งตัวชุดฮิปฮอปบอกว่าจะไปงานคอนเสิร์ตการกุศล อาทิตย์รู้แกวขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป
หาญไปที่มุมหนึ่งในศูนย์การค้า พบน้ำผึ้งกับเพื่อนๆ สุมกันอยู่ที่นั่น ทั้งหมดรีบลุกมาห้อมล้อมชวนมาดูมินิคอนฯของมันเผาเอเอฟ 12 กัน หาญถูกบรรดาวัยรุ่นรุมกันเข้ามากราบเข้ามาสี พวกน้ำผึ้งเห็นป้าสองคนถือพวงมาลัยแบงก์พันพวงละหลายหมื่นเดินดี๊ด๊าผ่านไป ก็ชวนเพื่อนๆทำพวงมาลัยกันบ้าง
พวกน้ำผึ้งต่างบ่นกันว่าไม่มีเงิน จะเอาใบละ 20 ทำพวงมาลัยเขียวก็น่าเกลียด ต่างมองมาทางหาญ เห็นเขาทำอึกอัก น้ำผึ้งตีขลุมทันทีว่า “คุณพ่อ...คุณพ่อจะช่วยเราหรือคะ” แล้วเพื่อนๆก็รุมกันเข้ามากระแซะกระพือขนตาปิ๊บๆ หาญอึ้งอยู่อึดใจเดียวทนเสียงอ้อนและแรงสีไม่ไหวเลยลงไปที่ตู้เอทีเอ็ม
โชคไม่ดี หาญเจออาทิตย์มายืนต่อแถว เลยหาว่าคุณนายใช้ให้เขามาสะกดรอยขัดขวางตน อาทิตย์พูดอย่างอ่อนใจว่า
“พี่หาญทำอะไรไม่ทราบ ไอ้เรื่องคอนเสิร์ตการกุศลบ้าบออะไรมันคือเรื่องโกหกทั้งเพใช่ไหมครับ ทำไมพี่หาญชอบทำแบบนี้กับลูกเมียล่ะครับ ตั้งแต่เรารู้จักกันมา พี่ก็โกหกลูก โกหกเมียตลอด พี่ทำแบบนี้มันบาปมากนะครับ ผิดศีลหลายข้อเลย”
“หยุด!! เงียบ!!! ฉันต้องการเงินสด แบงก์ใบละพัน สองหมื่นห้าพันบาท มันจำเป็นมาก นายต้องเอาบัตร
เอทีเอ็มนายกดเงินสดมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” เห็นอาทิตย์ลังเลก็บอกว่าแค่ขอยืมเดี๋ยวกลับบ้านจะเปิดเซฟเอาเงินสดคืนให้ “กดเงินให้ฉันเดี๋ยวนี้ แค่ยืม ยืมๆๆๆ เข้าใจไหม ถ้าไม่...ฉันจะบอกให้มัทนีเลิกกะแก!!”
ถูกหาญใช้ไม้ตายนี้ อาทิตย์ก็มึน อึ้ง...
ooooooo










