ตอนที่ 12
หลังจากที่สโรชาไม่ได้ไปทำงานเป็นอาทิตย์ เมื่อเธอไปทำงานเห็นมีดอกพลับพลึงใส่แจกันอย่างสดชื่นสวยงามอยู่ในห้อง เธอถามว่าใครเอามา นารีบอกว่าวิศรุตเอามาให้เป็นอาทิตย์แล้ว เขามาเปลี่ยนให้ทุกเช้าและมีกระดาษโน้ตด้วย
สโรชาไปหยิบดู ในกระดาษโน้ตเขียนว่า
“ผมโทร.ไปแล้วคุณไม่ยอมรับสาย ผมคงทำได้แค่นี้ เพื่อจะบอกว่า สิ่งที่คุณเห็น มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด อย่าเข้าใจผิด วิศรุต”
อ่านโน้ตแล้วสโรชาคิดถึงคำพูดของพิสิฐที่สอนเกี่ยวกับกฎของความรักข้อแรกที่ไม่ให้ทำตัวเป็นคนอ่านใจคน
สโรชาจึงรู้ว่าตนเข้าใจวิศรุตผิด เธอยิ้มเต็มหน้า ความรู้สึกแย่ๆหายไปราวกับปลิดทิ้ง เธอมาพยายามมองหาวิศรุต แต่กลับเจอชัยบดีถือช่อลิลลี่มาให้ เธอรับไว้ตามมารยาทต้อนรับเขาที่ห้องอาหาร ถามถึงอาการป่วยของพระองค์หญิง
น้ำมนต์กับประพันธ์ที่นัดจะไปดูหนังกันพอเห็นชัยบดีมาหาสโรชาจึงเปลี่ยนใจพากันติดตามแอบดูชัยบดีอย่างไม่ไว้ใจ แต่เสียท่าทำเสียงดังสโรชาจับได้ เธอบอกทั้งสองว่า
“มาก็ดีแล้ว มีเรื่องอยากให้ช่วยพอดี”
ooooooo
สโรชาพาชัยบดีไปทานอาหารที่ห้องอาหารโรงแรม เธอขอโทษที่ดึงเขาไว้จนค่ำ ชัยบดีว่าไม่เป็นไรถ้าท่านยายทราบว่ามาหาเธอท่านยิ่งไม่ว่าอะไร
สุทิศถือถาดแก้วเดินผ่านมาเห็นชัยบดีอยู่กับสโรชา เขาพึมพำว่าคราวที่แล้วคุณหญิง คราวนี้คุณสโรชา จึงคอยจับสังเกตชัยบดีอย่างไม่ไว้ใจ เห็นท่าไม่ดีก็รีบโทร.ไปบอกวิศรุต วิศรุตคว้ากุญแจรถออกจากบ้านทันที
สโรชาทำท่าจิบไวน์และแกล้งทำเป็นมึนบ่นกับชัยบดีว่าไวน์นี้ท่าทางแรงมากดื่มไปนิดเดียวรู้สึกมึนหัวจัง ชัยบดีทำท่าเป็นห่วงมากรีบเข้านั่งประกบ เมื่อเธอบอกว่าอยากไปพัก เขาอาสาไปส่ง สโรชาบอกว่าเธอมีห้องพักที่ โรงแรม ชัยบดีจึงประคองพาขึ้นไป สุทิศจับตามองตลอดเวลา เห็นท่าไม่ดีจึงแอบตามไปห่างๆ
พอเข้าห้อง สโรชาบอกว่ารู้สึกดีขึ้นแล้วชวนเขาดื่มต่ออีกหน่อย ชัยบดียิ้มกริ่มคิดว่าสโรชาไม่รอดมือตนแน่ ชัยบดียกไวน์ขึ้นดื่มหมดแล้วอย่างกระหยิ่ม เริ่มอ่อยคำหวานตาเยิ้ม ชมว่าคืนนี้เธอสวยจนตนอดใจไม่ไหวแล้ว โผเข้ากอดสโรชาทันที เธอรีบหลบก็เหมือนยิ่งยั่ว
“หนีทำไมละครับ คุณเองก็พอใจตัวผม ผมก็พอใจตัวคุณ เราสองคนยังไงก็วิน...วินกันอยู่แล้ว”
ขณะชัยบดีกำลังไล่ปล้ำสโรชาไปรอบห้องในสภาพที่ตัวเองเกือบหมดสติแล้วนั้น ประตูเปิดผลัวะออกวิศรุตตรงเข้ากระชากคอเสื้อเขาต่อยเปรี้ยง ชัยบดีก็ร่วงลงไปกอง สโรชารีบห้าม ขณะเดียวกัน น้ำมนต์กับประพันธ์ก็โผล่ออกจากห้องน้ำ
ที่แท้ประพันธ์เป็นคนผสมไวน์สูตรใหม่ที่เขาบอกว่าสูตรนี้แรงขนาดช้างยังล้มได้ใน 10 นาทีแล้วคนจะเหลืออะไร
สโรชารีบเข้าไปถอดแหวนจากนิ้วชัยบดีส่งให้วิศรุต และบอกให้ประพันธ์กับน้ำมนต์หิ้วปีกชัยบดีออกไปจากห้อง
“คุณทำแบบนี้ทำไม มันอาจจะไม่ใช่แหวนของผมก็ได้”
“คุณจะปฏิเสธว่าผู้หญิงในรูปนี้ไม่ใช่คุณแม่ของคุณเหรอคะ...อย่าหนีความจริงอีกเลยนะคะ ต่อให้คุณหนีไปไกลแค่ไหน คุณก็หนีตัวเองไม่ได้หรอกค่ะ คุณวิศรุต ราชโยธิน”
วิศรุตพูดไม่ออก เขารับแหวนวงนั้นคืนด้วยความ รู้สึกดีใจ...โล่งใจ
สุทิศถามประพันธ์กับน้ำมนต์ว่ามันเรื่องอะไรกัน น้ำมนต์บอกว่าตอนนี้ต้องจัดการกับชัยบดีก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง
น้ำมนต์กับประพันธ์พาชัยบดีไปส่งที่หน้าวัง เมื่อสโรชาบอกวิศรุต เขาเกรงว่าชัยบดีจะเอาเรื่องเธอที่เอาแหวนวงนั้นมา สโรชาบอกว่าแหวนนั้นเป็นของเขา
ส่วนชัยบดีเป็นแค่หัวขโมยคนหนึ่งเท่านั้น
วิศรุตบ่นว่าทำไมเธอชอบทำอะไรให้ตนเป็นห่วงอยู่เรื่อย สโรชาตัดสินใจพูดความในใจว่า
“ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อ...คนที่ฉันรักน่ะสิคะ” วิศรุตอึ้ง ถามว่าผู้หญิงบอกรักผู้ชายก่อนได้ยังไง “ป๊าสอนฉันเองว่าความรักต้องชัดเจน รักก็บอกว่ารัก แต่ถ้าคุณไม่รักก็บอกฉันมาเลยก็ได้ ฉันจะได้ไม่ต้องตอแยคุณให้รำคาญใจอีก”
ความกล้าหาญชนิดที่ผู้ชายอกสามศอกต้องได้อายนี้ ทำให้วิศรุตคว้าแขนสโรชาดึงเข้ามากอดไว้แนบแน่นอย่างไม่ยอมให้พรากจากไปไหน สโรชารู้สึกอบอุ่นใจจนเผลอกอดตอบ วิศรุตจ้องตาเธอแล้วก้มลงจนหน้าผากชิดกัน ถามแผ่วเบาว่า
“แค่นี้ชัดเจนพอไหมครับ”
ขณะสโรชาออกจากห้องพร้อมวิศรุตนั่นเอง เจอพิสิฐที่จะไปดูห้องที่จะรับแขกพิเศษพอดี พิสิฐตกใจมากที่เห็นลูกสาวออกจากห้องกับวิศรุต แต่ด้วยความเข้าใจของสองพ่อลูก สโรชาชี้แจงจนพิสิฐเข้าใจได้
ส่วนชัยบดีถูกนำใส่รถตัวเองไปจอดที่หน้าวัง สายัณห์กับอัศดงมาเจอ ช่วยกันพาเข้าในวัง เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เขาสงสัยว่าตัวเองขับรถกลับวังมาได้อย่างไร แล้วก็ตกใจเมื่อรู้ว่าแหวนหาย เขารีบค้นทั้งที่โต๊ะและเตียง พอดีมือถือดังขึ้นจึงไปรับ
เป็นสายจากวินิตนัดพบกันนอกจากถามข่าวคราวพระองค์หญิงแล้วที่สำคัญเพื่อนัดไปตรวจ DNA เพื่อคนอื่นจะได้ไม่เอาไปครหากัน ทีแรกชัยบดีไม่กล้าตอบ จนวินิตถามย้ำเขาจึงจำต้องตอบรับแต่ขอให้ท่านยายหายดีก่อนสักอีกอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ วินิตรู้สึกผิดสังเกตกับอาการลังเลของชัยบดี แต่ไม่พูดอะไร
ooooooo
ประพันธ์กลับมาเล่าให้ธารากับอธิปฟังว่า ชัยบดีคือวิศรุตตัวปลอม คุณวิศรุตของเราต่างหากที่เป็นทายาทของพระองค์หญิง แต่คุณวิศรุตของเราก็ยังไม่ยอมไปแสดงตัวสักที
อธิปบอกว่าอยากเห็นหน้าวิศรุตตัวปลอมนัก พอดีประพันธ์ถ่ายรูปไว้เลยเอาให้ดู พอเห็นรูปอธิปอุทาน
“ไอ้หมอนี่มันคนคุมบ่อนนี่”
“คนคุมบ่อน” ทุกคนร้องพร้อมกัน จ้องหน้าอธิปกันเขม็ง!
ฝ่ายชัยบดีร้อนใจที่หาแหวนไม่เจอแต่ก็ไม่กล้าบอกใคร พอดีคุณชายเข้ามาถามอย่างไม่พอใจว่าบ้าไปแล้วหรือที่ไปรับปากจะตรวจ DNA ชัยบดีว่าในสถานการณ์นั้นถ้าตนไม่รับปากไปก็ต้องถูกสงสัยแน่ คุณชายถามว่าแล้วทำไมไม่บอกตน
ชัยบดีดักคอว่าคุณชายอยู่ให้บอกเสียที่ไหนล่ะ นี่ก็คงเพิ่งกลับจากบ่อนมาสิท่า คุณชายฉุนกระชากคอเสื้อตัดบท
“ไม่ต้องมาทำปากดี บอกมาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่”
ชัยบดีจำต้องบอกจริยากับคุณชายว่าแหวนหาย ทั้งสองโวยวายว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะแหวนนั้นเป็นหลักฐานสำคัญมากในการยืนยันความเป็นตัวตนของวิศรุตที่เป็นทายาทของหม่อมเจ้ากิรติโสภณ คาดคั้นว่าไปทำหายที่ไหน ชัยบดีไม่กล้าบอก ตัดบทว่าตนจะหาให้เจอคงไม่หายไปไหนหรอก
ระหว่างสามคนนั่งคุยกันในร้านอาหาร แก้วกิริยาผ่านมาเห็นแปลกใจว่าสามคนนี้มาคุยกันได้อย่างไร กลับไปเล่าให้วินิตฟัง เขายิ่งแปลกใจ เมื่อวินิตากลับมาวินิตจึงถาม วินิตาบอกว่าตนก็ไม่ทราบ แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือที่ครอบครัวเราเข้าใจกันง่ายๆ คุณพ่อไม่ดีใจหรือชัยบดีคิดจะไปถามสโรชาเรื่องแหวน พอผู้จัดการไปบอกว่ามีคนมาขอพบ เธอแอบดู พอเห็นว่าเป็นชัยบดีเธอไม่ให้พบให้ผู้จัดการไปบอกว่าเธอไม่อยู่ ชัยบดีกลับไปอย่างหงุดหงิด สวนกับอธิป อธิปตกใจรีบหลบเอาหน้าไปซุกอกประพันธ์
สโรชาเห็นน้ำมนต์ ถามว่ามาได้ยังไง น้ำมนต์บอกว่า “มีเรื่องสำคัญมากจะบอกแกน่ะสิ”
น้ำมนต์พาอธิปไปเล่าเรื่องชัยบดีเป็นนักเลงคุมบ่อนให้สโรชาฟังพร้อมกับเอารูปถ่ายขณะคุมบ่อนให้ดู
“คุณวิศรุตตัวปลอม จริงๆ คือนายชัยบดีคนคุมบ่อนงั้นหรือ?” สโรชาพึมพำ น้ำมนต์เตือนว่าจะปล่อยให้คนอย่างนี้ไปอยู่ในวังเทวาสถิตย์ไม่ได้นะ บอกสโรชารีบบอกวิศรุตให้รีบเปิดเผยตัวได้แล้ว “ฉันเคยถามเขาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าจะอยากเปิดเผยความจริงเลย”
“แล้วเราจะปล่อยให้ไอ้หมอนี่มันลอยหน้าเป็นคุณวิศรุตไปเรื่อยๆเหรอครับ” อธิปถาม ทำให้สโรชาคิดหนัก
ooooooo
คุณหญิงประสงค์สมอาเจียนผิดปกติจึงแอบตรวจการตั้งครรภ์ คุณหญิงช็อกน้ำตาร่วงเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เสียใจจนคิดจะกรีดข้อมือตัวเอง แต่ใจไม่แข็งพอ ในที่สุดตัดสินใจโทร.หาวิศรุต
คุณหญิงบอกวิศรุตว่าตนอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ช่วยเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศยิ่งเร็วก็ยิ่งดี วิศรุตผิดสังเกต ซักถามว่า
“คุณหญิงครับ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับ...นายวิศรุตคนนั้นหรือเปล่า คุณหญิงสบตาผมสิครับ...ตอบผม...ใช่ไหม”
ในที่สุดคุณหญิงก็ยอมรับ วิศรุตแค้นมากประกาศจะเอามันเข้าคุกให้ได้ คุณหญิงตกใจมากรีบห้าม
“ไม่ได้ค่ะ ไม่นะคะ เกียรติยศชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมันจะถูกทำลายเพราะหญิงอีกคนนึงไม่ได้ ท่านย่าจะเสียพระทัยแค่ไหน” วิศรุตถามว่าจะปล่อยให้เขาลำพองใจไม่ถูกลงโทษหรือ “ถ้าเขาถูกลงโทษ...แล้วหญิงล่ะคะ หญิงจะต้องแต่งงานกับเขางั้นหรือ “ก็ไม่เห็นต้องแต่งนี่ครับ...หรือว่า...”
เมื่อรู้ว่าคุณหญิงตั้งครรภ์ วิศรุตถึงกับกุมหัว แต่รีบเรียกสติคืนมาอย่างเร็ว พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“ผมจะไม่ยอมให้น้องสาวของผม เผชิญปัญหานี้โดยลำพัง! เชื่อผม ผมจัดการได้...น้องหญิง” วิศรุตกอดปลอบ
ooooooo
วิศรุตตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ เข้าพบพระองค์หญิงพร้อมคุณหญิงประสงค์สม สารภาพกับพระองค์หญิง คุณหญิงสารภาพว่าตนผิดไปแล้ว พระองค์หญิงเสียพระทัยมาก รำพึงอย่างร้าวราน
“นี่ฉันทำกรรมอะไร ลูกหลานผู้หญิงถึงได้เป็นแบบนี้” พระองค์หญิงลุกเดินไปเกาะหน้าต่างสูดลมหายใจเพื่อรวบรวมสติ “อยากจะสมน้ำหน้าตัวเองนัก ลูกก็เป็นไปแล้วคนหนึ่ง นี่มาหลานสาวอีก จะตามรอยกันเหมือนคำสาปรึไง”
เวลาเดียวกันสโรชาก็มาขอเฝ้าพระองค์หญิง อัศดงบอกว่าวิศรุตก็มีเรื่องด่วนยังเฝ้าอยู่ให้รอก่อน สโรชาร้อนใจสงสัยว่าวิศรุตมาเฝ้าเรื่องอะไร ยอมเสียมารยาทไปแอบฟัง
“กระหม่อมกราบขอประทานพระกรุณา โปรดประทานอภัย กระหม่อมรักน้องหญิง กระหม่อมจะรับผิดชอบทุกอย่างไม่ให้น้องหญิงต้องเสียใจเหมือน...”
“หญิงผิดเพคะท่านย่า แต่หญิงจะไม่ยอมให้ท่านย่าเสียพระทัยไปมากกว่านี้ เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ขอท่านย่าประทานพระกรุณา อย่าทรงเรียกสินสอด...”
พระองค์หญิงทรงโบกหัตถ์ไม่ให้พูดต่อ ยืดองค์แสดงความเสียพระทัยและผิดหวังมาก ที่คนที่ท่านไว้ใจมากมาทำให้เสียใจที่สุด แต่มีบทเรียนจากหม่อมเจ้ากิรติมาแล้ว เมื่ออะไรจะเกิดก็ต้องยอมรับมัน บอกวิศรุตว่า
“เธอมาจัดการตามประเพณีให้เรียบร้อย สินสอดฉันไม่เรียกร้อง หมั้นกันเงียบๆ จัดงานแต่งเล็กๆก็พอ ให้เร็วที่สุด ส่วนจะเข้ามาอยู่ที่นี่หรือจะให้ประสงค์สมย้ายออกไป ตามใจเธอ ไปตกลงกัน...”
สโรชาแอบฟังอยู่ถึงกับน้ำตาร่วง เธอกลับไปพร้อมน้ำตาที่แสนจะเจ็บปวด พระองค์หญิงออกมาเจออัศดงบอกว่าอยากขึ้นไปพัก อัศดงเรียนว่าเมื่อครู่สโรชามาขอเข้าเฝ้าแต่เธอกลับไปแล้วสงสัยจะไม่สบายเห็นตาแดงๆ
วิศรุตได้ยินชื่อสโรชาเขารู้ทันทีว่าเธอคงได้ยินที่ตนคุยกับพระองค์หญิงแล้ว เขาปวดใจและสงสารเธอสุดหัวใจ
คุณหญิงแอบมองปฏิกิริยาของวิศรุต รู้ทันทีว่าเขารักสโรชา แต่ความเห็นแก่ตัวทำให้คุณหญิงทำหน้านิ่งไว้
ooooooo
วิศรุตสั่งปิดโฮมสเตย์เพื่อให้ทุกคนไปช่วยงานหมั้นของตนกับคุณหญิงประสงค์สมที่วัง ทำเอาทุกคนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับการหักมุมตัวเจ้าสาว
แม้ต่อหน้าทุกคนวิศรุตจะทำตัวปกติ แต่เมื่ออยู่กับตัวเอง เขาดูดอกพลับพลึงแล้วยิ่งคิดถึงสโรชา
พิสิฐกับลัดดาเห็นสโรชาซึมเศร้าก็เข้าใจได้ เมื่อสโรชาไม่ยอมพูดอะไร พิสิฐบอกลัดดาว่าคงต้องปล่อยให้สโรชาคิดแก้ปัญหาหัวใจของตัวเอง
น้ำมนต์เป็นคนเดียวที่เข้าหน้าสโรชาได้ ถามว่าทำไมจู่ๆ วิศรุตจึงจะแต่งงานกับคุณหญิงประสงค์สมทั้งๆ ที่รักอยู่กับเธอ เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า สโรชาบอกว่าตนได้ยินมากับหูตัวเองเรื่องการวางแผนแต่งงานก็น่าจะเชื่อได้อยู่แล้ว แต่น้ำมนต์ก็ยังติงว่าเธอเคยเข้าใจผิดเขาทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ก็น่าจะถามให้ชัดเจน
สโรชาทำใจไม่ได้ที่จะพูดด้วยตนเอง เมื่อไปหาวิศรุตที่เรือนพลับพลึง เธอจึงเขียนโน้ตถามเขาว่า
“ครั้งก่อนฉันเข้าใจผิด แต่ครั้งนี้ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหมคะ” วิศรุตตอบไม่เต็มปากว่า
“ผมกำลังจะหมั้นกับคุณหญิงประสงค์สมจริงๆ”
สโรชาน้ำตาร่วงทันทีถามย้ำว่า “แล้วสิ่งที่คุณบอกฉันคืนนั้น มันเป็นเรื่องโกหกงั้นสิ”
เมื่อสโรชาถามถึงวันที่เขาดึงเธอเข้าไปกอดแทนคำตอบว่ารักแล้วถามว่า “แค่นี้ชัดเจนพอไหม” พูดถึงวันนั้นแล้ว ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันด้วยความเสียใจ
คุณหญิงประสงค์สมเห็นอารมณ์ของทั้งสอง ก็กลัวว่าวิศรุตจะเปลี่ยนใจเรื่องตน แกล้งว่าจะเป็นลม
จนวิศรุตต้องผละจากสโรชามาดูแลเธอ สโรชาได้แต่ยืนมองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด
พอแยกวิศรุตออกมาได้แล้ว คุณหญิงก็อาการดีขึ้น เธอขอโทษวิศรุตบอกว่าตนไม่อยากอ่อนแอเช่นนี้เลย วิศรุตกุมมือคุณหญิงปลอบโยนว่า
“อย่าคิดมากเลยครับ ช่วงนี้คุณหญิงควรรักษาสุขภาพไว้ให้ดี ถ้าเกิดวันหมั้นไม่สบายขึ้นมาจะแย่นะครับ”
ได้ยินวิศรุตพูดเช่นนั้นคุณหญิงสบายใจขึ้นที่เขายังยืนยันงานหมั้นเหมือนเดิม จับมือวิศรุตบีบแน่นบอกว่า
“ค่ะ หญิงจะดูแลตัวเองให้ดี วันงานของเราจะต้องผ่านไปด้วยดี ขอบคุณนะคะคุณวิศรุต”
วิศรุตยิ้มให้คุณหญิงแต่ดวงตากลับเศร้าอยู่ลึกๆ
ooooooo
ชัยบดีเห็นที่วังเตรียมจัดงานก็ถามบรรดาสาวใช้แต่ไม่มีใครกล้าตอบ พระองค์หญิงบอกว่าท่านไม่ให้บอกเอง แต่ตอนนี้ควรรู้แล้วจะได้ช่วยกันรับแขกในงานหมั้นหญิงประสงค์สมชัยบดีร้อนรนมาก เมื่อเจอคุณชายพิริยพงษ์ก็บอกอย่างตึงเครียดว่า
“คุณหญิงประสงค์สมกำลังจะหมั้นแล้วก็แต่งงานกับวิศรุต มรุพงษ์ ผมยอมไม่ได้”
คุณชายเองก็ตกใจเพราะคาดไม่ถึง แต่พอชัยบดีบอกว่าคุณหญิงท้องคุณชายก็ยิ่งตกใจถามว่าคุณหญิงไปกับใครมา ชัยบดีบอกว่า “ไปกับฉัน” คุณชายก็เงื้อหมัดชกแต่วืด ชัยบดีขู่ว่าตนจะแต่งงานกับคุณหญิงถ้าคุณชายไม่จัดการให้ ทุกคนในวังก็จะได้เห็นไส้เน่าๆของคุณชายแน่
“คิดจะแต่งงานกับน้องหญิงเหรอ ฝันไปเถอะแกมันไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไอ้นักเลงคุมบ่อน พ่อแม่แกมีสกุลรุนชาติรึเปล่า เป็นใครอยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย”
เมื่อถูกคุณชายปฏิเสธทั้งยังดูถูกเหยียดหยามก็ถามว่า “ตกลงแกจะให้น้องสาวแต่งงานกับไอ้วิศรุตนั่นใช่ไหม”
“อย่างน้อยมันก็เป็นนักเรียนนอก มีกิจการ มีงานมีการทำ ไม่ใช่สถุลอย่างแก ไอ้งูพิษ!! เลี้ยงไม่เชื่อง!!”
“ถ้าผมเป็นงูพิษ แล้วคุณชายล่ะเป็นอะไร ไอ้ผีพนัน ไอ้เนรคุณ!”
สิ้นเสียงด่าของชัยบดี คุณชายก็ต่อยไม่ยั้ง พอชัยบดีตั้งหลักได้ก็คว้าท่อนไม้ฟาดถูกหน้าคุณชายจนเลือดออก คุณชายเลือดขึ้นหน้าชักปืนออกยิงเฉี่ยวที่แขน ชัยบดีโดดน้ำหนีไป คุณชายหันมาเห็นสายัณห์ยืนดูอยู่ขู่ว่า
“ปิดปากให้เงียบไม่อย่างนั้นจะโดนยิงอีกคน”
ในวังพากันตกใจแตกตื่นเมื่อได้ยินเสียงปืน คุณชายเข้ามาพร้อมรอยแผลบนใบหน้าบอกว่าโจรเข้าบ้านแต่ตนไล่มันกระเจิงไปแล้ว วิศรุตจึงให้คนที่โฮมสเตย์มาช่วยดูแลความปลอดภัยในวัง พระองค์หญิงถามถึงชัยบดี คุณชายบอกว่าไปข้างนอก สวนกับตนตอนเข้ามา ตัดบทว่า เดี๋ยวตนจะโทร.บอกเองที่แท้ชัยบดีบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อย เมื่อขึ้นฝั่งเขาคำรามแค้น
“ยังไงฉันก็ไม่ยอมเสียลูกเมียให้ใคร เรื่องมันไม่จบแค่นี้ ไอ้คุณชาย ไม่แกก็ฉันต้องตายไปข้างหนึ่ง”
ooooooo
เพราะคุณหญิงประสงค์สมไปเชิญสโรชาให้มางานและว่าอาหารคาวหวานจากโรงแรมด้วย วันนี้สโรชาจึงมางานพร้อมอาหารคาวหวานจนถูกน้ำมนต์แซว สโรชาชี้แจงว่า
“ฉันมาคิดดูแล้ว ในเมื่อคนที่เรารักกำลังจะมีความสุข ฉันก็ควรยินดีกับเขาไม่ใช่หรือ”
แต่ขณะประกอบพิธีหมั้นนั่นเอง ชัยบดีก็เข้ามาในงาน ชัยบดีประกาศว่า
“ท่านยาย น้องหญิงจะหมั้นจะแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น”
คุณชายสั่งให้ชัยบดีหุบปาก แต่นาทีนี้ไม่มีอะไรหยุดเขาได้แล้ว ชัยบดีประกาศว่าตนคือพ่อของเด็กในท้องคุณหญิง
คุณหญิงตกใจบอกว่าเขาเสียสติไปแล้ว พลางเข้าไปเกาะแขนวิศรุต ชัยบดีเข้าไปกระชากตัวคุณหญิงออกมาบอกว่าตนไม่ยอมให้ลูกเมียไปอยู่กับคนอื่น
เกิดการยื้อยุดกันขึ้น พิริยพงษ์ปรามชัยบดีว่าถ้ายังไม่หยุด คราวนี้ตนเอาถึงตายแน่
“ก็เอาสิ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะต้องตาย” ชัยบดีชักปืนออกมา พิริยพงษ์รีบถอยหนี ผู้คนแตกตื่นอลหม่าน “วันนี้ฉันจะยิงแกให้เหมือนหมาตัวหนึ่งเลย”
พิริยพงษ์ตะโกนให้ช่วยกันจับชัยบดีไว้บอกว่ามันไม่ใช่หลานท่านย่า ชัยบดีเล็งปืนใส่พิริยพงษ์ วิศรุตพุ่งเข้าไปผลักพิริยพงษ์ให้พ้นวิถีกระสุน เขาจึงถูกยิงที่หัวไหล่ พิริยพงษ์รีบหนีออกไปจากงาน สโรชาถลาไปประคองวิศรุตไว้ ส่วนชัยบดีลากคุณหญิงหนีไป
สโรชาให้คนเรียกรถพยาบาลพาวิศรุตส่งโรงพยาบาล ในขณะที่พระองค์หญิงตกใจเป็นลม
ooooooo
คุณชายพิริยพงษ์ไปหาจริยาบอกให้ช่วยตนด้วย ชัยบดีกำลังจะฆ่าตน ถ้าไม่ช่วยตนจะแฉว่าเธอเป็นคนคิดแผนทั้งหมด ปรากฏว่าชัยบดีตามคุณชายไปที่บ้านจริยาประกาศว่า
“วันนี้ถ้าแกไม่ตายฉันก็ตาย!”
คุณชายพิริยพงษ์วิ่งไปเอาปืนที่รถและยิงชัยบดีล้มลงเลือดสาด ชัยบดีในสภาพใกล้ตายยื่นมือมาร้องเรียกคุณหญิง คุณหญิงเข้าไปกุมมือไว้จนเขาสิ้นใจ ส่วนพิริยพงษ์ถูกตำรวจจับไป
คุณหญิงในชุดดำนั่งเศร้าอยู่หน้าเตียงท่านย่าที่ประชวรเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์หญิงรำพึงสลดว่า
“ชายพิริยพงษ์คบแต่คนพาล สุดท้ายก็พากันพบแต่ความวิบัติ จะว่าไป ย่าก็ผิดเหมือนกัน คนเราทุกคนมีข้อเสีย ย่าอาจจะเลี้ยงหลานผิดๆ มัวแต่คิดถึงคนที่ไม่อยู่ จนลืมใส่ใจคอยสั่งสอนคนที่ยังอยู่ สงสารก็แต่เราต้องมารับเคราะห์กรรมเพราะพี่ชาย”
“หญิงทำให้ท่านย่าต้องเสื่อมเสีย ทำให้วังเทวาสถิตย์ต้องอับอาย”
“อย่าโทษตัวเอง ย่ารู้ว่าหญิงไม่ได้ทำอะไรผิด คนผิดคือพิริยพงษ์ ส่วนคนชั่วที่มันทำให้หญิงเสียเกียรติและหลอกย่าก็จบชีวิตลงอย่างน่าอนาถไปแล้ว”
“หญิงอโหสิกรรมให้เขาไปแล้วเพคะ ส่วนเรื่องพี่ชายพิริยพงษ์...”
คุณหญิงหยุดพูดเมื่ออัศดงเข้ามาบอกว่าทนายสมภพมาแล้ว พระองค์หญิงให้เข้ามา
พระองค์หญิงกำชับทนายให้ช่วยคุณชายเต็มที่ และฝากบอกเขาว่า “ไม่ว่าศาลตัดสินอย่างไร แต่ขอให้เขารู้ว่าวังเทวาสถิตย์จะไม่ทอดทิ้งเขา ขอให้สำนึกในความผิด เมื่อสิ้นสุดคดีความเขาก็ยังเป็นหลานชายของฉันไม่เปลี่ยนแปลง”
เมื่อไปพบคุณชาย ทนายสมภพบอกคุณชายว่า “ผมพยายามทำตามคำสั่งของเสด็จแล้วแต่คดีนี้ผู้ตายพัวพันกับบ่อนการพนันผิดกฎหมาย ตำรวจจึงไม่ยอมให้ประกันตัวคุณชาย”
“ท่านย่า ชายผิดไปแล้ว ชายเสียใจ...” คุณชายร้องไห้เสียใจ
วินิตามาเยี่ยมคุณชายยอมรับว่าทีแรกรับไม่ได้ที่คุณชายฆ่าคนตาย แต่เมื่อคิดแล้วเห็นความดีของคุณชายที่ไม่เคยขัดใจตนและที่คุณชายเป็นแบบนี้ตนก็มีส่วน ตนจึงสมควรมาหาคุณชาย คุณชายซึ้งใจมาก
“วิไม่กล้าสัญญาว่าต่อไปเรื่องของเราจะเป็นยังไง แต่วิจะไม่ทิ้งคุณชายให้เผชิญหน้ากับปัญหาคนเดียวแน่ๆ”
คุณชายและวินิตาจับมือกันร้องไห้ ต่างคิดได้และไม่ทิ้งกัน
ooooooo
สโรชาหายไปหลายวัน พิสิฐรู้จากสาวใช้ว่าเธออยู่ในครัวจึงไปหา ชมว่ากลิ่นซุปหอมจังมีให้ป๊าบ้างไหม สโรชาบอกว่าไม่มี ป๊าอยากกินก็ให้น้าลัดดาทำให้ ที่ทำอยู่นี่จะเอาไปให้วิศรุตที่โรงพยาบาล
พิสิฐกับลัดดาจึงถามถึงอาการของวิศรุต เธอบอกว่าดีขึ้นมากแล้วแต่หมออยากให้อยู่ดูอาการอีกสักพักตนเลยต้องไปดูแล แล้วรีบขอตัวไปก่อนที่อาหารเช้าของโรงพยาบาลจะมา“หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรให้เจ้าลี่ต้องเสียน้ำตาอีกนะ” พิสิฐได้แต่หวังอย่างนั้น
สโรชาไปถึงปรากฏว่าคุณหญิงไปถึงก่อนแล้วและนั่งปอกผลไม้ให้วิศรุตอยู่ สโรชาจึงขอตัวกลับ วิศรุตมองอย่างลำบากใจ คุณหญิงคิดได้ว่าตอนนี้เรื่องตนใครๆก็รู้กันทั่วแล้วตนไม่ควรมาหาเขาอีก วิศรุตบอกคุณหญิงว่าไม่ต้องกังวลตนยังคงเหมือนเดิม คุณหญิงถามว่าแล้วเรื่องแต่งงานล่ะ?
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของผมได้ครับ คุณหญิงต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะมองว่ายังไง ผมจะไม่ยอมให้เด็กเกิดมาโดยไม่มีพ่อ เขาจะเป็นลูกผม”
คุณหญิงแอบมีความหวัง ถามว่าทำไมเขาจึงช่วยตนทั้งๆที่หลายคนก็รู้เรื่องของตน วิศรุตยืนยันความรักของพี่ชายที่จะปกป้องน้องสาว แม้ว่าคุณหญิงจะซาบซึ้งใจแต่ก็แอบผิดหวังที่วิศรุตก็ยังรักตนเหมือนน้องสาวอยู่นั่นเอง...
หลังจากที่วิศรุตออกจากโรงพยาบาลแล้ว สโรชามาหาเขาที่โฮมสเตย์ เขาถามเธอว่า
“คุณจำได้ไหม คุณบอกผมเอง ไม่ว่าผมจะหนียังไงก็ไม่มีวันหนีเงาตัวเองไปได้ แล้วมันก็ต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ ยังไงผมก็เป็นคนของวังเทวาสถิตย์ ผมมีญาติพี่น้อง มีท่านยายเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ ผมคงทิ้งพวกเขาเผชิญกับความทุกข์โดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้”
สโรชาซึ้งในคำพูดของเขา เธอบอกกับตัวเองว่า
“ฉันเข้าใจค่ะ เพราะคุณเป็นคนดีแบบนี้ ฉันถึงได้...รักคุณ คุณวิศรุต...”
ooooooo
สโรชาให้ลัดดาช่วยจัดซื้อตั๋วเครื่องบินให้ พิสิฐเข้าใจความรู้สึกของลูกจึงไม่ซักไซ้อะไร
ขณะเดียวกันเจ้าตัวก็กลับไปโฮมสเตย์ขอไปซึมซับความเป็น “พลับพลึง” ของตนก่อนที่จะไม่ได้สัมผัสอีก
ทุกคนที่โฮมสเตย์ต้อนรับและให้ความรักสโรชาอย่างมาก จนคุณหญิงประสงค์สมที่หิ้วตะกร้าขนมมาฝากเห็นแล้วก็ละอายใจ
จริยาปรารภกับวินิตว่า ยิ่งที่วังใกล้จะมีงานมงคลตนก็ยิ่งอยากไปกราบขอขมาพระองค์หญิง วินิตบอกว่าเรื่องนี้ให้ตนจัดการเอง ส่วนตัวเธอทำใจให้สบายอย่าคิดอะไรมากก็พอแล้ว
จู่ๆ แนนซี่ก็กลับมาโดยไม่ส่งข่าวล่วงหน้า น้ำมนต์กับประพันธ์นึกว่าแขกจะมาพัก บอกว่าช่วงนี้ปิดปรับปรุง และเจ้าของเขาจะแต่งงานเลยไม่มีเวลาจะต้อนรับแขก
แนนซี่ตกใจถามว่าแต่งกับใคร พอน้ำมนต์บอกว่า คุณหญิงประสงค์สม แห่งวังเทวาสถิตย์ แนนซี่ถามว่าเป็นไปได้ไง
พอดีวิศรุตกลับมา แนนซี่ถามว่ายังไม่ได้ไปแสดงตัวที่วังใช่ไหม เขาบอกว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว แนนซี่ขัดใจนัก ถามว่าพรุ่งนี้ใครนำทางเข้าวังได้บ้าง บรรดาที่อยู่แถวนั้นต่างยกมือกันพรึ่บ
แนนซี่ตำหนิวิศรุตว่าทำไมต้องกังวลกับการทำสิ่งที่ถูกต้อง ถามว่า
“ลืมที่ป้าเคยสอนตอนเด็กแล้วหรือไง ความจริง ความถูกต้องและความดีต้องมาพร้อมๆกัน อย่าลังเลอีกเลยนะวิศรุต”
รุ่งขึ้นเมื่อแนนซี่เข้าเฝ้าพระองค์หญิง ต้องทบทวนกันพักหนึ่งพระองค์หญิงจึงจำได้ แนนซี่บอกว่าตนมีเรื่องสำคัญต้องมาทูลด้วยตัวเอง
“ดิฉันขอเล่าต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพระองค์ชายมรุพงษ์ประพัฒน์เลยนะคะ”
แนนซี่เล่าถึงคืนอัปยศที่ท่านหญิงหนีออกจากวังไปพบตนที่บ้าน เป็นเวลาที่ตนกำลังจะย้ายไปเป็นพยาบาลที่ยุโรปพอดีท่านหญิงจึงขอตามไปด้วย เล่าจนถึงท่านหญิงคลอดบุตรชายจึงเขียนจดหมายส่งมาที่นี่ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ
จนเสด็จพระองค์ชายสิ้นพระชนม์ ท่านหญิงตั้งใจจะพาลูกชายมากราบพระศพ แต่บังเอิญป่วยหนัก แล้วก็ได้มาทราบว่านายพันโทวินิตก็มีธิดาอีกสองคนกับภรรยาตามกฎหมาย ท่านหญิงพระทัยไม่ค่อย
แข็งแรงอยู่แล้ว มาเจ็บคราวนั้นก็เลย...แนนซี่บอกว่า “ท่านสิ้นใจอย่างสงบค่ะ” พระองค์หญิงเศร้าเสียพระทัยอย่างยิ่ง คาดหวังว่าคงมีโอกาสได้พบหลาน
แนนซี่บอกว่าตนให้กลับมาเมื่อหลายปีก่อน สั่งนักสั่งหนาให้มาเข้าเฝ้าแต่เขาก็ไม่กล้ามาจนบัดนี้ พระองค์หญิงตื่นเต้นถามว่าเขามาแล้วหรือ แนนซี่จึงเอาแหวนให้พระองค์หญิงดู พอดีคุณหญิงประสงค์สมเอาชาและของว่างเข้ามา พระองค์หญิงบอกว่าเราจะได้เจอพี่ชาย แล้วนะ
เวลาเดียวกันนั้น พลโทวินิตถือพานใส่พวงมาลัยจะมาขอขมาพระองค์หญิง
เมื่อแนนซี่เรียกวิศรุตเข้ามากราบพระองค์หญิง พระองค์หญิงทรงปลื้มปีติอย่างล้นพ้น พลโทวินิตดีใจจนลืมตัว ร้อง
“วิศรุตลูกพ่อ ลูกกระหม่อมอยู่ที่นี่ใช่ไหมกระหม่อม” พระองค์หญิงบอกวินิตว่า
“สวรรค์กำหนดไว้แล้วจริงๆ มารู้จักลูกชายเธอไว้สิวินิต”
พระองค์หญิงทรงปลื้มปีติเป็นล้นพ้น บอกวิศรุตว่า
“หลานชาย ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาวันแรก วังเทวา-สถิตย์ก็เหมือนมีชีวิต ขอบใจนะที่ยอมรับยายแล้ว...อยู่กับยายนะ...อยู่กับยาย”
บรรยากาศปลื้มปีติ จนแม้พวกทิวา ราตรีและอัศดงที่ชะเง้อมองอยู่ข้างนอก พากันปาดน้ำตาป้อยๆ
ooooooo
พลโทวินิตดีใจสุดชีวิต กอดวิศรุตไว้อย่างชื่นชม วิศรุตขอโทษที่ตนปิดบังทุกอย่างตลอดมา พลโท วินิตบอกว่าตนไม่โกรธเพราะอดีตตนทำผิดพลาดไว้เกินกว่าจะให้อภัย ถ้าความเกลียดของลูกเป็นบทลงโทษก็สาสมแล้ว
“แม่สอนผมเสมอว่า ความโกรธเป็นเหมือนยาเสพติด ยิ่งโกรธก็ยิ่งติดในอารมณ์โกรธ ถ้าเราเก็บความโกรธไว้นาน ในที่สุดเราจะลืมว่าเราโกรธเรื่องอะไร สุดท้ายก็เหลือแต่ความเกลียดชัง แม่ไม่อยากเห็นผมเป็นแบบนั้น โดยเฉพาะกับ...พ่อของตัวเอง” พลโทวินิตดีใจจนกลั้นน้ำตาเกือบไม่อยู่ขอบใจเขาที่ไม่โกรธ ไม่เกลียดพ่อ...
คุณหญิงประสงค์สมยกเลิกการแต่งงานเพราะรู้สึกผิดที่เห็นแก่ตัว และรู้ตัวแล้วว่าความสุขของตนคงอยู่ได้ไม่นานถ้าต้องอยู่บนความทุกข์ของการเสียสละของคนอื่น ตนจะสร้างความสุขด้วยตัวเองและดูแลลูกให้มีความสุขที่สุด
วิศรุตจับมือให้กำลังใจ และขอเป็นพ่อทูนหัวของลูกเธอช่วยกันดูแลเขาไปพร้อมๆกัน
ส่วนประพันธ์หลังจากลุ่มๆดอนๆกับความรักมานานในที่สุดก็ขอเป็นแฟนกับน้ำมนต์โดยมีแก้วกิริยาและสุทิศเป็นพยาน น้ำมนต์เกี่ยงว่าต้องมีแหวนเพชร ประพันธ์ขอไปเก็บเงินก่อน วันนี้ขอกอดมัดจำไว้ก่อนก็แล้วกัน
วิศรุตตามหาสโรชาไม่เจอ ไปถามพิสิฐก็ถูกเล่นแง่ว่าไม่รู้ แต่แอบเอาจดหมายลาไปเวนิสวางไว้ วิศรุตรีบตามไปทันที
ไปถึงเวนิส วิศรุตไปหาเธอตามสถานที่ที่เคยมีความหลังด้วยกัน ข้อความในจดหมายที่เธอเขียนบอกเล่าความในใจให้พิสิฐที่ว่า “ลี่ยอมรับว่าลี่รักเขา ถึงแม้ลี่จะต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ถอยออกมา แต่สำหรับลี่แล้ว การได้พบคนที่ใช่มันเป็นความสุขเพียงพอแล้ว” เป็นแรงบันดาลใจ เป็นกำลังให้เขาในทุกย่างก้าวในการตามหาเธออย่างไม่ย่อท้อ
จนมาถึงบริเวณรูปปั้นจูเลียต เขาเดินดูจดหมายที่นักท่องเที่ยวติดผนังบ้านไว้ ผ่านบริเวณที่สโรชานั่งเขียนจดหมายถึงพิสิฐว่า... “ถึงลี่จะไม่สมหวังในความรัก แต่ก็มีเรื่องราวมากที่มีความสุขให้เก็บไว้ในความทรงจำ มีคนเคยบอกว่า ถ้าเรารู้จักการลาจากให้เป็น ความรักที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่ตายไปจากหัวใจของเรา มันจะจริงไหมคะป๊า”
วิศรุตถอนใจคิดว่าคงไม่ได้เจอสโรชาแล้ว เดินไปที่ผนังบ้านจูเลียตเห็นกระดาษวาดรูปเรือกอนโดล่า มีคนสองคนกอดกันบนเรือ มีรูปหัวใจเล็กๆอยู่ตรงกลาง พร้อมข้อความว่า
“ความทรงจำที่สวยงามที่สุดของฉัน พลับพลึง”
วิศรุตเอามือลูบที่กระดาษรูปวาดด้วยความดีใจ ความหวังล้นปริ่มขึ้นมาทันที
ooooooo
วิศรุตเจอสโรชาที่ท่าเรือกอนโดล่าจริงๆ สโรชานึกว่าเขามาฮันนีมูน วิศรุตตอบยิ้มเป็นนัยบอกว่าตั้งใจไว้แบบนั้นในขณะที่สโรชายังงงๆ วิศรุตจับบ่าทั้งสองของเธอจ้องมองด้วยสายตาอ่อนโยน เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า...
“เราไม่จำเป็นต้องลาจากกันเพราะความรักของเรายังอยู่ มันยังไม่ตายไปไหน มันยังอยู่ในหัวใจผมและหัวใจคุณ”
สโรชาถามว่าตกลงเขาไม่ได้แต่งงานหรือ วิศรุตบอกว่าน้องหญิงคงอยากให้ตนเป็นพี่ชายมากกว่าจึงยกเลิกการแต่งงาน สโรชาดีใจมากกระโดดกอดคอเขาแน่น วิศรุตกอดตอบ คนพายเรือกอนโดล่าตะโกนเรียก เขาจึงประคองสโรชาลงเรือ
สโรชาถามว่าเขาหาตนเจอได้อย่างไร วิศรุตบอกว่าตนไปทุกที่ที่คิดว่าจะเจอเธอแล้วก็เจอจริงๆ สโรชาบอกว่าเหมือนตนที่เคยมาหาเขาที่นี่และก็ได้เจอเหมือนกัน วิศรุตกอดสโรชาไว้ เธอรู้สึกอบอุ่นในออมกอดนั้น...
วิศรุตบอกเธอว่ารักเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอพลับพลึงแม้จะหลอกตัวเองว่าไม่ชอบแต่ยิ่งนานวันก็รู้สึกว่าตนรักผู้หญิงสองคนพร้อมๆกัน ตนดีใจมากที่รู้ว่าพลับพลึงคือสโรชาและสโรชาคือพลับพลึง สโรชาถามว่าแล้วตกลงเขารักใคร
“ก็...รักคุณไง” วิศรุตยิ้มหวาน หยิบแหวนเปิดดูรูปแม่บรรจงจูบรูปแม่แล้วสวมแหวนให้สโรชาช้าๆ จูบหน้าผากสโรชาอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม เป็นภาพสวยงามที่แม้แต่จิตรกรก็ไม่อาจจินตนาการได้...
ooooooo
–อวสาน–










