ตอนที่ 6
ในที่สุดอนัญทิพย์ก็ถูกลอยแพไปจากเมืองทิพย์ เสกขรเสียใจที่ช่วยเหลือญาติผู้น้องไม่ได้ ต่างจากตองนวล เก็ตถวา และแก้วอากาศที่สาสมใจ เพราะต่างก็ไม่มีใครชอบอนัญทิพย์ โดยเฉพาะตองนวลที่หลงรักเมืองคุ้ม แน่ใจว่าตัวเองหมดเสี้ยนหนามหัวใจเสียที
หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่อาจแยกอนัญทิพย์กับเมืองคุ้มได้ เพราะคะนองตามห่มฟ้าไปบอกเมืองคุ้มถึงเรือนของน้อยอินทาว่าอนัญทิพย์ถูกเนรเทศมาทางสายน้ำ เมืองคุ้มจึงไปดักรอและได้พบนางในที่สุด
เมืองคุ้มโกรธแค้นบุรพคามที่เนรเทศอนัญทิพย์และก่อนหน้าก็ให้โจรปล้นสะดมราษฎร จึงรวบรวมทหารและขอกำลังเสริมจากเจ้าฟ้าเมืองท่าคอยและเมืองสิงห์เพื่อยกทัพไปตีเมืองทิพย์ยึดบัลลังก์จากบุรพคาม แต่ก่อนจะทำการนี้เมืองคุ้มได้พาอนัญทิพย์มาฝากไว้ที่เมืองท่าคอย
มณีหยาดได้รับคำสั่งจากเจ้าฟ้าเมืองท่าคอยให้ช่วยดูแลอนัญทิพย์ แต่อนัญทิพย์ไม่เต็มใจนัก เจ้ายศเจ้าอย่างใส่มณีหยาดและสาครสาวรับใช้ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายมาพึ่งใบบุญ จนสาครถึงกับเอ่ยปากว่าเป็นตายยังไงก็ไม่ขอรับใช้เจ้านางต่างเมืองผู้นี้
“เห็นแก่ไมตรีของสองแผ่นดินเถิดสาคร ต่อไปภายหน้าเจ้าเมืองคุ้มอาจได้เป็นเจ้าหลวงของเมืองทิพย์ ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้านางอนัญทิพย์ก็ต้องเป็นพระมหาเทวีเจ้า เจ้าก็รู้นี่ว่าเมืองท่าคอยอำนาจน้อยนัก ต้องส่งบรรณาการให้เมืองทิพย์มาตลอด”
“เยี่ยงนี้แล้วข้าจะต้องอยู่รับใช้มัน เอ๊ย เจ้านางอนัญทิพย์หรือเจ้าคะ”
“เจ้าทิพย์น่าสงสาร มีการอันใดรับใช้เจ้านางได้ เจ้าก็คอยรับใช้เจ้านางเถิดสาคร”
สาครเงียบไป สะกดใจเพราะจนด้วยเหตุผลของนายตน
ooooooo
ตองนวลสาแก่ใจที่อนัญทิพย์ไปเสียได้ และคิดว่านางคงจมน้ำตายเป็นแน่ จึงนำเครื่องคาวหวาน มาเซ่นภูตผีสัมภเวสีที่โคนต้นไม้ใหญ่ ขอบใจที่ช่วยกำจัดศัตรูของตน ทั้งที่การกระทำนี้ผิดกฎมณเฑียรบาลของเมืองทิพย์
เก็ตถวากับแก้วอากาศเตือนก็ไม่ฟัง จนกระทั่งริมบึงมาเจอแล้วจะนำความไปบอกเสกขร ตองนวลกลัวโดนลงอาญาจึงให้เฟืองทิ้งเครื่องเซ่นด้วยการฝังดินกลบ
เมื่อเสกขรทราบเรื่องจากริมบึงก็ตกใจไม่น้อย สำเภางามไม่ต้องการให้เสกขรคิดมาก เปรียบเปรยว่าตองนวลพลัดบ้านพลัดเมืองมาก็ไม่ต่างจากสัมภเวสี
“แม้นไม่เกี่ยวกับเรื่องเจ้าทิพย์ ข้าก็มิกังวล ดอกเจ้าค่ะ”
“เลิกกังวลเรื่องเจ้าทิพย์คนชั่วเสียทีเถิดเจ้าค่ะ... ผู้หญิงเยี่ยงมันหาควรเอาพระทัยใส่ไม่ เพลานี้คงกลายเป็นผีจมอยู่ใต้น้ำแล้วกระมัง”
“เจ้าทิพย์กับข้าก็มิใช่คนอื่นไกล เป็นพี่น้องกัน ข้าอดห่วงมิได้ดอก”
สำเภางามพูดไม่ออก ได้แต่มองเสกขรที่หม่นหมองเพราะไม่เคยเอาใจออกห่างอนัญทิพย์ แม้นางจะจาก เมืองทิพย์ไปแล้วก็ยังห่วงหาอาทร
บุรพคามฝันร้ายว่าออกศึกแล้วทำดาบตกพื้น ถูกทหารหัวเราะล้อเลียนสร้างความโกรธแค้นและอับอายเป็นที่สุด พอสะดุ้งตื่นในเช้าวันถัดมาจึงให้โหรามาทำนายความฝัน ถ้าทำนายถูกใจจะบำเหน็จรางวัลให้อย่างงาม
โหราอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกมาว่า พระเกียรติยศของเจ้าหลวงจะขจรไปไกลทั่วทุกทิศ
“แต่ในฝัน ข้าฝันร้ายนี่โหรา”
“ฝันร้ายจะกลายเป็นดีพระเจ้าข้า”
บุรพคามหัวเราะชอบใจ หยิบไถ้ที่วางอยู่ในพานใกล้มือโยนให้โหรา เสกขรเข้ามาเห็นพอดี ตามหลังด้วยริมบึงสาวใช้คนสนิท
“เสกขรเทวี น้องมาก็ดีแล้ว พี่มีข่าวดีจะบอกโหราทำนายพี่ว่าเกียรติยศของพี่จะขจรไปไกลทุกทิศทุกทางเลย ใช่หรือไม่ไอ้โหรา”
“เอ้อ...พระเจ้าข้า” ตอบแล้วโหราก้มหน้างุด
“ข้าดีใจกับเจ้าพี่ด้วย ว่าแต่เจ้าพี่ทรงพระสุบินว่าอย่างใดหรือเจ้าคะ”
หลังจากได้ฟังความฝันของพี่ชาย เสกขรกลับมาเล่าให้สำเภางามฟังทั้งความฝันและคำทำนาย สำเภางามตกใจมากแต่ไม่พูดอะไรกับเสกขร แยกตัวออกมาบ่นกับริมบึงอย่างเป็นกังวล
“ดาบหลุดจากมือ เจ้าก็น่าจะตรองเองได้ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าหลวงจะหูเบาเยี่ยงนี้ ผีหลวงช่วยคุ้มบ้านคุ้มเมืองด้วยเถิด”
สำเภางามยกมือไหว้ท่วมหัว ริมบึงพลอยหน้าเสียไปด้วย
ooooooo
ไม่ทันข้ามวันก็มีม้าเร็วมากราบทูลเจ้าหลวงบุรพคามว่ามีทัพใหญ่มุ่งหน้ามาทางพระนคร
“ทัพจากเมืองใดวะ”
“เพลานี้หาทราบไม่พระเจ้าข้า”
“หาทราบไม่ ยังไม่ทราบแล้วมาบอกข้าแล้วรึ...ไสหัวออกไป”
ม้าเร็วอึกอักกลัวตาย เฟื้อแฝงเร่งให้มันออกไปก่อนที่หัวจะหลุดจากบ่า...
ทัพของเมืองคุ้มนั่นเอง ทหารจำนวนมากหยุดพักตามคำสั่งเมื่อเข้าเขตเมืองทิพย์
“เข้าเขตเมืองทิพย์แล้ว อีกไม่นานก็ถึงคุ้มหลวง ข้าพระบาทคิดว่าจะเอาทหารฝีมือดีสัก 30 คน บุกไปกับคะนองเจ้าข้า”
“30 คนเองหรือเมืองคุ้ม” เจ้าฟ้าเมืองท่าคอยติงขึ้น
“พระเจ้าข้า การครั้งนี้เป็นการของข้า ข้าไม่อยากให้ไพร่พลของเจ้าลุงต้องมาล้มตาย แต่ถ้าเกิดเพลี่ยงพล้ำ ข้าจะให้ขุนทหารมาบอกเจ้าลุงให้ยกทัพหนุนเข้าไปเจ้าข้า...คะนองเจ้าว่าอย่างใด”
“เห็นควรแล้วเจ้าข้า”
“แต่ไพร่พลของข้าพร้อมจะต่อสู้เคียงข้างท่านนะเมืองคุ้ม”
“เป็นบุญของข้าบาทนักที่ได้รับน้ำพระทัยจากเจ้าลุง แต่ให้ข้าต่อสู้เองก่อนเถิดเจ้าข้า หากศัตรูมิได้ตายด้วยน้ำมือข้า มีหรือที่ข้าจะตายตาหลับ”
เมืองคุ้มกล่าวหนักแน่นจนไม่มีใครกล้าคัดค้านแม้แต่คนเดียว...
ยามนั้นที่ฝ่ายในเมืองท่าคอย อนัญทิพย์อยากพบมณีหยาดจึงให้สาครพาไปที่คุ้มหลวง นางต้องการรู้ว่าเมืองคุ้มหายไปที่ใด ไยทิ้งนางไว้แล้วไปโดยไม่บอกกล่าว
“ข้าได้ยินพวกข้าไทมันโจษกันว่าพ่อเจ้ายกทัพไปที่ใด ข้าใคร่รู้ บอกมาเถิดมณีหยาด ข่าวศึกก็ไม่มีแล้วไยเจ้าฟ้าท่าคอยจึงนำทหารฝีมือดียกทัพไป ไปต่อตีกับเมืองใดรึ”
“ได้ข่าวว่าเป็นเมืองทิพย์เจ้าค่ะ”
อนัญทิพย์ตื่นเต้นยินดีดวงตาเป็นประกาย คาดไม่ถึงว่าความฝันของตนกำลังจะเป็นจริง
“เจ้าพี่เมืองคุ้มนำทหารไปตีเมืองทิพย์รึ”
“เจ้าค่ะ”
“มีทัพของเมืองท่าคอยหนุนด้วยเยี่ยงนี้ เมืองทิพย์จักอยู่ได้อย่างใด คงไม่คณามือเจ้าพี่แน่”
“เจ้าพี่ไม่เสียใจรึ ที่เมืองทิพย์จะต้องแตกพ่าย”
อนัญทิพย์หัวเราะเสียงขื่น สาครตกใจ สบตากับมณีหยาดอย่างไม่เข้าใจ
“คนเมืองทิพย์ไม่รักข้า แล้วไยข้าจะต้องรักเมืองทิพย์ด้วยเล่า...ผู้ใดดีต่อข้า ข้าก็ดีด้วย หากแม้นไม่ดีต่อข้า ก็อย่าหมายว่าข้าจักมีไมตรีด้วย”
หลังจากนั้นอนัญทิพย์ไปที่วัดหลวง กราบไหว้พระพุทธรูปให้ช่วยดลบันดาลให้เมืองคุ้มได้ชัยชำนะในการศึกครั้งนี้
ooooooo
คำขอของอนัญทิพย์เป็นจริงแล้ว ทัพของเมืองคุ้มเอาชนะทหารของบุรพคามจนไปถึงฝ่ายใน
บุรพคามผุดลุกขึ้นจากนอนเอกเขนกอยู่ที่ตั่ง สีหน้าตระหนกตกใจเมื่อทหารเข้ามากราบทูล
“มึงว่าอย่างใดนะ ไอ้เมืองคุ้มพาทหารบุกมาถึงหน้าคุ้มของกูแล้วรึ”
“พระเจ้าข้า ทหารยามเปิดประตูเมืองให้เจ้าเมืองคุ้มเข้ามาในเมือง หาต่อสู้แต่น้อยไม่”
“บัดซบ นี่มันคิดเป็นขบถกันหมดเลยรึ ดี! กูจะ จับกุดหัวพวกมันเจ็ดชั่วโคตร”
ดวงฤทธิ์ในสภาพปิดดวงตาที่บอดข้างหนึ่งเข้ามาถวายบังคม “หากเป็นไอ้เมืองคุ้ม ข้าพระบาทขอต่อสู้กับมันเอง ข้าพระบาทจะแก้แค้นที่มันทำให้ข้าพระบาทตาบอด”
“มันต้องอย่างนี้สิวะ ถึงจะเรียกว่าขุนทหารของกู” ว่าแล้วชี้กราดไปยังทหารที่อยู่รายล้อม “พวกมึงก็ออกไปสู้กับมัน ถ้าปล่อยให้มันเข้ามาในห้องกูได้ พวกมึงตายหมด...ไป...ไอ้เฟื้อแฝงมึงสั่งไพร่พลทั้งหมดออกไปสู้กับไอ้พวกขบถ ฆ่ามันให้ตายหมด”
“ทหารถูกส่งไปรบกับพวกดั้งขอหมดแล้วพระเจ้าข้า เพลานี้ประจำการอยู่ที่หัวเมือง เหลือแต่ทหารกองเกียรติยศกับพวกพลเสลี่ยงพระเจ้าข้า”
“ก็เกณฑ์พลไปสู้กับมันสิวะ ไปสิ สั่งพวกหอกลองตีกลองศึก บวงสรวงผีหลวงให้สาปแช่งมันอย่าให้ไอ้พวกขบถมันรอดชีวิต”
เฟื้อแฝงทำตามทั้งที่หวาดกลัว ทหารสองฝ่ายตรงเข้าต่อสู้กัน พร้อมๆกับเสียงกลองสะบัดไชยดังอึกทึก ได้ยินไปถึงคุ้มของเสกขร ทุกคนต่างตกใจเพราะแน่ใจว่านี่คือเสียงกลองศึก!
“เกิดอันใดขึ้น เมืองใดยกทัพมาต่อตีกับเมืองทิพย์รึ”
สิ้นคำถามของเสกขร ริมบึงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพอดี
“ริมบึง...ทัพจากเมืองใด เมืองปูน เมืองสิงห์ เมืองท่าคอย หรือว่าพวกดั้งขอ”
ริมบึงหน้าเสีย มองไปที่สำเภางามก่อนตอบเสียงแผ่วว่า “หาไม่เจ้าค่ะ ทัพเจ้าเมืองคุ้ม”
สำเภางามตกใจหน้าซีด ซวนเซจะเป็นลม เสกขรเข้าประคองทั้งที่ตัวเองก็แทบยืนไม่อยู่เหมือนกัน
ฝ่ายตองนวลกำลังย่ามใจ คิดเข้าข้างตัวเองว่าศึกใหญ่อย่างนี้เป็นเมืองอื่นไปไม่ได้ นอกจากเมืองมีดของพ่อตน เก็ตถวากับแก้วอากาศประหลาดใจว่าเจ้าฟ้าเมืองมีดโกรธเคืองเมืองทิพย์เรื่องใดถึงต้องยกทัพมา ตองนวลลอยหน้าตอบด้วยความมั่นใจ
“พ่อข้าคงโกรธที่เจ้าหลวงไม่ยกข้าขึ้นเป็นเจ้านางสูงศักดิ์ ข้าควรจะมีร่มทองประดับเกียรติห้าคัน แต่อยู่มานานแล้วข้ายังมีร่มแดงเพียงคันเดียว ถ้าเจ้าสองคนเป็นพ่อข้าจะมิโกรธรึ”
เก็ตถวากับแก้วอากาศไม่เห็นด้วยแต่ไม่กล้าพูด
“ไยเจ้าสองคนเงียบ หรือไม่เห็นด้วยกับข้า”
“หาไม่ ข้ากำลังคิดว่าหากเจ้านั่งชูคออยู่บนเสลี่ยงมีร่มสีขาวประดับเกียรติเก้าคันดั่งพระนางหน่อเจ้า เจ้าคงสง่างามเหนือผู้ใด”
“คนฉลาดก็ต้องมองเห็นแต่เรื่องดีๆของข้า...เก็ตถวาเล่า...ว่าอย่างใด”
“ข้าก็เห็นตรงกับแก้วอากาศแหละตองนวล”
ตองนวลยิ้มพอใจ ประกาศว่าหากตนได้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงจะบำเหน็จรางวัลให้แก้วอากาศกับเก็ตถวาอย่างงาม
ooooooo
เมืองคุ้มนำทหารเข้าต่อสู้กับทหารเมืองทิพย์ ฆ่าดวงฤทธิ์ ดวงเดช และทหารตายจำนวนมาก สำเภางามแม้ดีใจที่กำจัดบุรพคามได้ แต่ก็เสียใจที่การกระทำของลูกชายทำให้เสกขรเสียใจ
บุรพคามกลัวตายและห่วงสมบัติจนสติฟั่นเฟือน เมืองคุ้มสั่งให้เฟื้อแฝงดูแลไม่ให้หนีไปไหนได้ เสกขรเป็นห่วงเจ้าพี่มากจึงจะรีบไปขอชีวิต แต่เจอตองนวลพูดจาถากถางเพราะยังแน่ใจว่าทัพที่ยกมาตีเมืองทิพย์คือเจ้าฟ้าเมืองมีดพ่อของตน
เมื่อเสกขรได้พบเมืองคุ้มก็กราบไหว้ขอถวายชีวิตตนเองเพื่อแลกกับชีวิตบุรพคาม แต่เมืองคุ้มบอกว่านางยังเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวงของเมืองทิพย์ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม
“เมืองทิพย์ผลัดแผ่นดิน ทุกอย่างยังคงเดิมอีกหรือเจ้าคะ”
“เพื่อความผาสุกของราษฎร...ข้าจำเป็น”
เมืองคุ้มบอกเหตุผลแล้วเดินผ่านไป ริมบึงรีบเข้ามาหาเสกขรที่น้ำตาคลอ รับรู้ถึงความเจ็บปวดของนายตน สองคนบีบมือให้กำลังใจกันและกัน
ฝ่ายตองนวลกับเฟืองยังถูกทหารกั้นไว้หน้าหอคำเพื่อรอเข้าเฝ้าเจ้าเมืองคนใหม่ ซึ่งสองคนยังเข้าใจว่าเป็นเจ้าฟ้าเมืองมีด ขณะที่เก็ตถวากับแก้วอากาศก็สอพลอประจบเอาใจตองนวลเพราะคิดว่าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต
แต่เมื่อสำเภางามที่จะเข้าพบเมืองคุ้มมาได้ยิน นางยิ้มเหยียดมองตองนวลหัวจดเท้าแล้วพูดกับคะนองว่าแม่จะเข้าไปหาพระนางหน่อเจ้าหลวงในหอคำ หวังว่าเจ้าหลวงพระองค์ใหม่คงไม่ขัดขวางใช่หรือไม่
“เชิญเจ้าแม่เสด็จเจ้าข้า เจ้าพี่เมืองคุ้มรออยู่ข้างใน”
“เจ้าพี่เมืองคุ้มอยู่ในหอคำ เจ้าพี่มาเฝ้าพ่อข้าด้วยรึ เจ้าคะนองไปกราบทูลพ่อข้าทีว่าข้าตองนวล ธิดาของเจ้าพ่อมารอเข้าเฝ้าอยู่”
คะนองตกใจในความเข้าใจผิดของตองนวล สำเภางามกำลังจะเดินผ่านหันขวับมาพูดเกือบตวาด
“เจ้าว่าอย่างใดนะ ตองนวล”
“ก็พ่อข้ามิใช่รึที่ยกทัพมาตีเมืองทิพย์ ผู้คนล้มตายกันเป็นเบือ เจ้าคะนองก็เห็นอยู่นี่นา เจ้าสำเภางามฟังไม่ผิดดอกเจ้าค่ะ”
ฉาด! สำเภางามตบหน้าตองนวลที่ไม่ทันตั้งตัว เฟืองและคนอื่นๆตกใจ
“พ่อเจ้ากับเจ้านี่คงคิดชั่วเสมอกันสินะ หวังว่าที่ข้าตบเจ้านี่จะช่วยให้เจ้ามีสำนึกขึ้นมาบ้างนะตองนวล”
“ข้าจะฟ้องเจ้าพ่อ”
สำเภางามมองตองนวลเหยียดหยันแล้วเข้าไปข้างใน ตองนวลน้ำตาพรู ถามคะนองเสียงสั่น
“บอกข้าทีเจ้าคะนองว่าผู้ใดยกทัพมาตีเมืองทิพย์ มิใช่กองทัพเมืองมีดดอกรึ”
คะนองส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วเดินตามสำเภางามเข้าไป เก็ตถวากับแก้วอากาศสบตากันสะใจเล็กๆ แต่ถลาเข้ามาแสร้งปลอบใจตองนวล ถามว่าเจ็บหรือไม่ เจ้าสำเภางามตบแรงมากถ้าเป็นตนคงฟันหลุดเป็นแถบ ตองนวลไม่พูดสิ่งใด สะบัดหน้าหนีอย่างแค้นเคือง
ooooooo
ภายในหอคำ สำเภางามอดต่อว่าคะนองไม่ได้ว่าจะทำอะไรทำไมไม่หารือแม่ก่อน ทำแบบนี้แม่จะสู้หน้าพระนางหน่อเจ้าหลวงได้อย่างไร แล้วเดินตรงไปกราบลงตรงหน้าเสกขรอย่างรู้สึกผิด
“พระนางหน่อเจ้า...อภัยให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้าจะพูดกับเมืองคุ้มเอง”
“ข้าแจ้งใจดี เมื่อบารมีหมดลง อำนาจวาสนาก็ย่อมหมดลงด้วย รู้ว่าเจ้าพี่บุรพคามยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ข้าก็ดีใจนักแล้ว”
“เจ้าพี่อยู่ห้องในเจ้าข้า” คะนองแทรกขึ้นมา สำเภางามจึงฝากริมบึงดูแลพระนางหน่อเจ้าแล้วเดินนำคะนองเข้าไปด้านใน
เมื่อสามคนแม่ลูกเผชิญหน้ากัน สำเภางามตั้งคำถามกับเมืองคุ้มว่ายึดอำนาจจากเจ้าหลวงบุรพคามเพราะเหตุใด
“ข้าต้องการแก้แค้นให้เจ้าทิพย์”
ขาดคำของเมืองคุ้ม สำเภางามตบหน้าเขาทันที คะนองตกใจเรียกเจ้าแม่เสียงหลง ในขณะที่เมืองคุ้มยอกย้อนขึ้นมาด้วยความน้อยใจ
“เจ้าแม่เคยบอกข้าเองมิใช่หรือว่าครอบครัวของเราหาได้รับความยุติธรรมไม่...เราควรจะได้นั่งบัลลังก์ตั่งเมือง”
“หยุดได้แล้วเมืองคุ้ม แม่จะไม่ว่าอันใดเลย หากเจ้าทำการครานี้เพื่อดวงวิญญาณของพ่อเจ้า เพื่อแม่ และเพื่อราษฎรเมืองทิพย์ แต่ไม่ใช่เพื่ออีหญิงคนชั่วที่ชื่ออนัญทิพย์”
“แต่เจ้าทิพย์ถูกเจ้าหลวงบุรพคามรังแก เจ้าแม่ก็ทราบดี”
“อย่าเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนี้ให้แม่ได้ยินอีก เรายังมีเรื่องต้องพูดกันอีกมาก...จัดการศพที่ตายเกลื่อนเมืองก่อนที่แร้งกาจะพากันมาจิกกินให้เป็นเสนียดเมือง”
“การนี้ข้าจะทำการเองเจ้าข้า” คะนองอาสาแล้วกลับออกมา
เมืองคุ้มทรุดกายลงกราบแทบเท้าสำเภางามที่น้ำตาปริ่ม เพราะรู้สึกไม่ดีที่ทำให้แม่เสียใจ แต่เมื่อได้ยินคำพูดแม่ต่อไปก็ตกใจหน้าถอดสี
“พระนางหน่อเจ้าหลวงเสกขรเทวีคือผู้หญิงที่เหมาะกับเจ้าหลวงพระองค์ใหม่มากที่สุด”
“เจ้าแม่หมายความว่า...”
“หากเจ้าไม่ฟังแม่ครานี้ เจ้ากับแม่ขาดกัน”
สำเภางามกล่าวเด็ดขาดแล้วกลับออกมา ทิ้งให้เมืองคุ้มยืนตะลึงว้าวุ่นใจ...
เมื่อออกมาพบเสกขรยังอยู่ในหอคำ สำเภางามปลอบโยนด้วยความรักและปรารถนาดี
“พระเกียรติยศของพระนางเจ้าจะต้องดำรงอยู่ ชีวิตของพระนางเจ้าจักต่ำลงมิได้...ข้ายอมตาย”
“เรื่องนั้นไว้ก่อนเถิดเจ้าป้า ข้าอยากไปหาเจ้าพี่บุรพคาม”
สำเภางามไม่ขัดใจ พาเสกขรไปยังคุ้มเล็กของบุรพคามที่มีเฟื้อแฝงเฝ้าอยู่ข้างนอก เฟื้อแฝงไม่กล้าอยู่ใกล้ เพราะบัดนี้บุรพคามกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือน คุ้มดีคุ้มร้าย เอาแต่พร่ำร้องหวงสมบัติ กลัวใครจะมาแย่ง
เสกขรกับสำเภางามเพิ่งรู้จากเฟื้อแฝง แม้ไม่เห็นสภาพของบุรพคาม แต่ทั้งสองก็อดสะท้อนใจไม่ได้ เมื่อเสกขรจะเข้าไปดูพี่ชาย สำเภางามเกรงจะเป็นอันตรายหากบุรพคามคลุ้มคลั่ง จึงห้ามนางไว้
“อย่าเลยเจ้าค่ะ เห็นทีจะไม่รู้สึกตัว พูดด้วยก็คงไม่รู้ความกัน”
“กรรมเวรอะไรกันหนอนี่”
“เสด็จกลับคุ้มก่อนเถิดเจ้าค่ะ บัดเดี๋ยวคะนองจัดการศพทหารที่ตายเกลื่อนเมือง ทางเดินในคุ้มหลวงคงวุ่นวาย”
เสกขรโอนอ่อน เดินน้ำตาคลอกลับออกมาด้วยความสลดหดหู่
ooooooo
ที่หอคำเมืองท่าคอย เจ้านายและบ่าวไพร่ รวมทั้งน้อยอินทานั่งพร้อมเพรียง อนัญทิพย์มาทีหลังนั่งบนตั่งที่เจ้าฟ้าเชื้อเชิญ ตั้งคำถามด้วยท่าทีร้อนรน
“ข้าอยากรู้เรื่องการศึก เจ้าพี่เมืองคุ้มมีชัยชำนะเหนือเมืองทิพย์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ถูกต้องแล้วเจ้านาง”
“เสียไพร่พลมากหรือไม่เจ้าคะ แล้วเจ้าพ่อทรงได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้าง ข้าเป็นห่วงนัก”
“มิต้องห่วงพ่อดอกมณีหยาด เจ้าเมืองคุ้มนำไพร่พลบางส่วนยกทัพไปต่อตีกับเมืองทิพย์ พ่อรั้งรอทัพอยู่ชายแดน จนรู้ข่าววว่ามีชัยเหนือเมืองทิพย์แล้ว พ่อจึงได้กลับมา”
“เจ้าพ่อปลอดภัย ข้าดีใจนักเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าพี่เมืองคุ้มบอกหรือไม่ว่าจะมารับข้าเมื่อใด ข้าเบื่อเมืองท่าคอยเต็มทีแล้ว”
ทุกคนสะอึกอึ้ง น้อยอินทาไม่พอใจแต่ก็ก้มหน้าซ่อนความรู้สึก
“หากเมืองคุ้มต้องการมารับตัวเจ้านางกลับ ก็คงส่งทหารมาในเร็ววันนี้แหละ”
“รับสั่งเยี่ยงนี้ ข้าหาแจ้งใจไม่...หมายความว่ากระไรหรือเจ้าคะ แล้วหากเจ้าพี่เมืองคุ้มไม่ส่งทหารมารับข้า ข้ามิต้องแก่ตายอยู่ที่เมืองท่าคอยนี่รึ”
อนัญทิพย์เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่พอใจ เจ้าฟ้าสะกดอารมณ์ไว้ แจงเหตุผลว่า
“การบ้านการเมืองต้องทำอย่างแยบคาย ยิ่งได้ขึ้นครองราชย์ด้วยการปราบดาภิเษกยึดอำนาจเช่นนี้ด้วย คงต้องจัดการศึกให้เรียบร้อย”
“โอ๊ย...ข้าคงทนไม่ได้ดอก...ข้าเบื่อ” พูดแล้วลุกพรวดไปเลย ทุกคนตะลึงคาดไม่ถึง มณีหยาดบอกเจ้าพ่อว่าตนขอไปดูเจ้านางอนัญทิพย์ ส่วนสาครห่วงนายของตนรีบติดตามมาด้วย
เพราะความเจ้ายศเจ้าอย่างเอาแต่ใจของอนัญทิพย์ ทำให้ทุกคนที่เมืองท่าคอยเบื่อหน่าย แม้แต่มณีหยาดที่ให้ความเคารพและสงสารนางก็เริ่มจะทนไม่ไหวกับกิริยาแข็งกร้าวไม่เห็นหัวใครแม้แต่เจ้าพ่อของตน
อนัญทิพย์เอาแต่แว้ดๆใส่มณีหยาดที่อุตส่าห์ข่มอารมณ์เตือนนางให้ใจเย็น ไตร่ตรองดีๆ วันหน้าเจ้าเมืองคุ้มคงส่งคนมารับนางกลับเมืองทิพย์
“นี่ไล่ข้ารึ”
“หาได้เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่อยากให้เจ้าพี่สบายใจ จะได้ไม่ต้องหัวเสีย”
“กลัวเจ้าฟ้าเมืองท่าคอยพ่อเจ้าจะเสียพระทัยที่ข้า ลุกออกมาจากหอคำเช่นนั้นรึ”
มณีหยาดก้มหน้าไม่กล้าตอบ อนัญทิพย์ก้าวออกจากเสลี่ยงมาหามณีหยาด สาครใจคอไม่ดีกลัวอนัญทิพย์ทำร้ายนายของตน
“ผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อถูกฆ่าตายแล้วถูกแย่งตำแหน่งพระนางหน่อเจ้าหลวง ถูกเนรเทศลอยแพออกจากเมือง ทั้งที่ตัวเองเป็นถึงพระราชธิดาของเจ้าหลวงในพระโกศ ข้ามิต่างคนเดนตาย หากจะต้องตายซ้ำอีกสักคราก็คงหาเป็นอันใดไม่...รู้ไว้ด้วยข้าอยากกลับไปเมืองทิพย์ ไปจัดการกับไอ้อีคนที่มันทำร้ายข้าให้สาแก่ใจ เจ้าแจ้งใจรึยังมณีหยาด”
มณีหยาดตกใจน้ำตาร่วงพรู กลัวท่าทางทรงอำนาจของอนัญทิพย์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน น้อยอินทา ออกมารู้เห็นพอดี มองอนัญทิพย์ด้วยสายตาชิงชัง
อนัญทิพย์เห็นแล้วแต่ไม่ใส่ใจ ก้าวขึ้นเสลี่ยงออกไป น้อยอินทาปรี่มาหามณีหยาดด้วยความเป็นห่วง
“เจ้านาง...เป็นอันใดหรือไม่”
“ไม่...ข้ามิได้เป็นอันใด”
“สาคร พาเจ้านางกลับคุ้ม”
“เจ้าค่ะ ข้าเจ้าจะไปบอกพลเสลี่ยงให้มารับเจ้านาง นะเจ้าคะ”
สาครผละไป น้อยอินทาปลอบประโลมมณีหยาดว่า ผู้ที่หล่อเลี้ยงชีวิตด้วยความแค้นย่อมไม่มีความสุข มณีหยาดพยักหน้าบอกว่าตนก็คิดเช่นนั้น...
ทันทีที่เข้ามาในคุ้ม อนัญทิพย์สั่งข้าไทจัดเวรกันไปรอฟังข่าวที่หอคำ หากเมืองคุ้มเสด็จมาถึงเมืองท่าคอยวันใดให้รีบมาบอกตนโดยเร็วที่สุด หากตนรู้ว่า มีการละเลยจะเฆี่ยนจนตายทุกคน
ooooooo
ที่เมืองทิพย์ ค่ำนี้ตองนวลสั่งเฟืองให้ไปเมืองมีด เพื่อตามเจ้าพ่อของตนมาช่วยเหลือ ขณะที่คะนองก็เตรียมออกเดินทางเช่นกัน เพราะเมืองคุ้มให้ไปรับอนัญทิพย์ที่เมืองท่าคอย แต่เขาไม่ยอมบอกให้ใครรู้ แม้แต่เครือออนเมียรัก
เช้าตรู่ สำเภางามกับเสกขรออกมาใส่บาตรพระ เก็ตถวากับแก้วอากาศลอบมองแล้วซุบซิบกันว่าเสกขรไม่มีท่าทีโศกเศร้าทั้งที่พี่ชายถูกปล้นบัลลังก์ ครั้นสองคน นำความมาเล่าให้ตองนวลฟังกลับโดนด่าว่าโง่ แค่นี้ก็ดูไม่ออกว่าสำเภางามคิดจะเอาเสกขรใส่พานให้เจ้าหลวง องค์ใหม่
“เสกขรจะยอมรึ ในเมื่อลูกชายเจ้าสำเภางามปล้นบัลลังก์จากพี่ชายตนเอง”
“เชื่อข้าสิ ข้ารู้ทันเจ้าสำเภางามดี ทำการทุกอย่างก็เพื่อรักษาเกียรติของตนเองไว้ เจ้าสองคนตรองดูเถิด ผลัดแผ่นดินคราใด เจ้าสำเภางามเคยตกต่ำหรือไม่ ฮึ! เป็นเจ้านางร่มทองหน้าเชิดอยู่บนเสลี่ยงอยู่ดีๆก็ได้เป็นพระราชมารดาของเจ้าหลวง ต่ำลงเสียเมื่อใด เจ้าตรองดู”
“สงสัยว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆด้วย ข้าสองคนไม่เห็นว่าเสกขรจะเศร้าโศกเสียใจเลยสักน้อย หน้าตาอิ่มบุญราวกับว่าเพิ่งเสด็จลงมาจากดาวดึงส์สวรรค์จริงหรือไม่เก็ตถวา”
“ใช่...เจ้าสำเภางามไม่เคยตกต่ำแต่เจ้ากลับต่ำเอา ต่ำเอา วาสนาเจ้านี่มันช่างอาภัพนัก ตองนวล”
ตองนวลตวัดสายตามองเก็ตถวาอย่างไม่พอใจ “ต่ำรึ...คอยดูไป...คนเยี่ยงข้า หาต่ำหาตกดอก พ่อข้าเคยให้โหราทำนายเมื่อข้าเป็นเด็ก โหราทำนายว่าวาสนาข้าจักได้เป็นนางพญาหลวงในเมืองใหญ่”
“เออ แล้วอีเฟืองไปที่ใดเสียเล่า วันนี้หาออกมาเสนอหน้าไม่”
ตองนวลกลัวทั้งสองผิดสังเกต รีบไล่กลับเสียดื้อๆ “เจ้าสองคนกลับไปได้แล้ว อีเฟืองมันก็ทำงานอยู่หลังคุ้ม ข้าเพิ่งด่ามัน มันชอบไปให้ท่าพวกทหารที่หน้าเวียง ข้ากลัวมันท้องไม่มีพ่อ”
เก็ตถวากับแก้วอากาศมองไปรอบๆเหมือนไม่เชื่อ...
เสกขรยังเป็นห่วงพี่ชาย นางแวะมาเยี่ยมเยียนแต่เกือบโดนบุรพคามทำร้ายร่างกายถ้าเมืองคุ้มไม่เข้ามาปรามเสียก่อน
บุรพคามควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ฟั่นเฟือนหนักถึงกับเห็นใครก็คิดว่าเป็นศัตรู เมืองคุ้มพาเสกขรออกห่าง แล้วเร่งให้นางกลับ แต่เสกขรอยากรู้แน่แก่ใจเสียก่อนว่า เจ้าพี่ของตนจะไม่เป็นอันตราย
เมืองคุ้มรับปากแล้วกลับเข้าไปพูดจากับบุรพคาม ครู่หนึ่ง ก่อนออกมาบอกว่า
“พระเชษฐาของพระนางเจ้าทรงปลอดภัยดี แต่ข้าขอร้องว่าพระนางเจ้าอย่าเสด็จมาลำพังเยี่ยงนี้ หาไม่ เจ้าหลวงบุรพคามจักทำร้ายได้ เพลานี้เจ้าหลวงทรงฟั่นเฟือนไปแล้ว”
“หากข้าต้องการมาเยี่ยมเจ้าพี่บุรพคามข้าคงไม่ต้อง นำทหารทั้งกองทัพมาด้วยใช่หรือไม่...หรือว่าจำเป็น”
“ข้าบอกก็เพื่อความปลอดภัยของพระนางเจ้า”
“เจ้าหลวงเสด็จแต่ผู้เดียวเยี่ยงนี้ มิกลัวอันตรายหรือเจ้าคะ”
“ข้าดีใจที่พระนางหน่อเจ้าเป็นห่วงข้า แต่จงรู้ไว้เถิด ตราบใดที่ข้ายังเป็นเจ้าหลวงอยู่ ทุกคนในเมืองทิพย์จะต้องเหยียบแผ่นดินได้เต็มตีน หาต้องกลัวอันตรายใดๆไม่”
เมืองคุ้มตอบหนักแน่น เสกขรนิ่งเงียบไปทั้งที่ใจยังว้าวุ่นเป็นห่วงบุรพคาม เวลานั้นสำเภางามกำลังเล่นงานเครือออนที่ไม่รู้ว่าคะนองไปทำการอันใดที่เมืองท่าคอย...
คะนองได้รับคำสั่งนำทหารคนสนิทไปรับอนัญทิพย์ ที่เมืองท่าคอย แต่อนัญทิพย์เสียใจที่คะนองไม่ได้นำทหารเกียรติยศมารับจึงสั่งให้กลับไป นางจะรอเมืองคุ้มเพียงเจ็ดวันเท่านั้น หากเกินกำหนดก็มารับศพตนกลับเมืองทิพย์
คะนองหน่ายใจ น้อยอินทาเดินสวนอนัญทิพย์ที่หน้าตาบูดบึ้งเข้ามาไหว้คะนอง
“ข้าจำท่านได้ น้อยอินทา”
“มาเหนื่อยๆไปพักที่คุ้มข้าก่อนเถิด เจ้าฟ้าเมืองท่าคอยเกรงพระทัยเจ้าหลวงเมืองคุ้ม ทรงให้เกียรติข้าเยี่ยงแขกบ้านแขกเมือง”
“ข้าดีใจกับท่านด้วย แต่ข้าคงต้องรีบกลับไปกราบทูลเจ้าหลวงให้จัดกองทหารเกียรติยศมารับเจ้านาง อนัญทิพย์”
“เสียดายที่พระเกียรติยศของเจ้าหลวงเมืองคุ้มต้องมีตำหนิ”
“ท่านหมายความว่ากระไร”
“เศวตฉัตรจักงดงามสูงค่าได้ก็ด้วยอัญมณีที่ประดับยอดเศวตฉัตรด้วย...มองอย่างใดข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้านางอนัญทิพย์จะคู่ควรกับเจ้าหลวงเมืองคุ้มเลยแม้แต่น้อย ข้าขอโทษที่ใช้วาจามิบังควร”
คะนองฟังแล้วหน้าเจื่อน พูดไม่ออก...
ooooooo
อนัญทิพย์ไม่สบอารมณ์เดินสะบัดสะโบกไปในสวนดอก เด็ดดอกไม้ขยำทิ้งอย่างแค้นเคือง
“เจ้าพี่นะเจ้าพี่ ส่งเจ้าคะนองกับทหารห้าคนมารับข้า เห็นข้าเป็นนางข้าไทหรืออย่างใด ก็ไหนสัญญาว่า จะยกข้าให้เป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง แล้วทำเยี่ยงนี้กับข้า ผู้ใดเล่ามันจะไหว้สายำเกรงข้า”
บ่นเสร็จอนัญทิพย์ขว้างเศษดอกไม้ในมือไปทางหนึ่ง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นมณีหยาดกับสาครอยู่ตรงนั้น
“ข้าจะชวนเจ้าพี่ไปวัด ไปกราบพระให้สบายใจ”
“การของเจ้าพี่เมืองคุ้มสำเร็จแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจพระหรือผีที่เมืองท่าคอยอีกต่อไป เจ้ากลับไป เสียเถิด ข้าอยากอยู่คนเดียว”
“เจ้าพี่ใจเย็นๆสิเจ้าคะ อีกไม่นานเจ้าหลวงเมืองคุ้ม ก็คงส่งทหารเกียรติยศมารับเจ้าพี่”
“ถ้าเจ้าหลวงเมืองคุ้มไม่ทำตามปากเจ้าว่า...เจ้าจะไม่ยอมให้ข้าอยู่ในเมืองท่าคอยรึ”
“หาไม่เจ้าค่ะ หาไม่...เจ้าพี่จะประทับอยู่ที่เมืองท่าคอยนานเท่าใดก็ได้”
“ดี...นึกว่าไม่เต็มใจ ข้าจะได้ขอให้เจ้าหลวงเมืองคุ้มตีเมืองท่าคอยเป็นของรับขวัญข้า”
มณีหยาดหน้าเสีย อนัญทิพย์ยิ้มอย่างเหนือกว่า น้อยอินทายืนอยู่มุมหนึ่งทนไม่ได้เดินเข้ามาประสานสายตาอนัญทิพย์ ต่อว่าอย่างไม่เกรง
“อยู่เป็นแขกบ้านแขกเมืองก็น่าจะให้เกียรติเจ้าของบ้านบ้าง อย่างน้อยก็น่าจะเห็นคุณของข้าวที่เจ้านางเสวยไปแต่ละเม็ดในแต่ละมื้อด้วย”
“เก็บลิ้นของเจ้าไว้ตอบเจ้าฟ้าท่าคอยดีกว่าว่าพ่อค้าเร่เยี่ยงเจ้า ไยจึงหาญเด็ดดอกฟ้าเมืองท่าคอย หรือไม่ก็บอกให้อีข้าไทพวกนี้ตักน้ำใส่กะโหลกให้เจ้าชะโงกดูเงาหัวตัวเองซะ น้อยอินทา”
อนัญทิพย์ยิ้มเยาะแล้วเดินไปอย่างองอาจ มณีหยาดตกใจจนหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก ได้แต่บ่นว่าเหตุใดอนัญทิพย์จึงกล่าวร้ายอย่างนี้ น้อยอินทาเลยเปรียบเปรยให้ฟังว่า
“กรวดก็ย่อมเป็นกรวด จะเป็นอัญมณีมีค่าได้อย่างใด น้องพี่อย่าเอาใจไปใส่คนเยี่ยงนี้เลย”
ooooooo
ในที่สุดเมืองคุ้มก็ปิดสำเภางามไม่ได้ หลังโดนคาดคั้นว่าคะนองไปเมืองท่าคอยทำไม
“ข้าให้คะนองไปรับเจ้าทิพย์”
“ว่าอย่างใดนะ ไปรับเจ้าทิพย์ที่เมืองท่าคอยนี่หมายความว่ามันยังไม่ตายรึ”
“เจ้าทิพย์รอดตายอย่างปาฏิหาริย์เจ้าแม่...คนดีผีย่อมคุ้ม”
“หวังว่าจะไม่คุ้มมาถึงขวัญของเจ้าและเมืองทิพย์ดอกนะ”
“ข้ารักเจ้าทิพย์ แม่ก็รู้”
“หากเป็นแต่ก่อนแม่คงตามใจเจ้านะเมืองคุ้ม แต่เพลานี้เจ้าหาได้เป็นเยี่ยงก่อน ลูกของแม่คือเจ้าหลวงเมืองทิพย์ ต้องว่าราชการในหอคำ คิดว่าอีผู้หญิงที่มีสายเลือดเจ้าแกมไพร่เยี่ยงมันจักคู่ควรกับลูกรึ...ตามกฎมณเฑียรบาลของเมืองทิพย์ พระนางหน่อเจ้าหลวงเสกขรเทวีต้องเป็นพระมหาเทวีเจ้าของเมืองทิพย์”
“เจ้าแม่! แต่ข้ามีคนรักของข้าแล้ว”
“จารีตมีมาแต่โบราณ เจ้าจะฝืนได้อย่างใด หากเจ้าหลวงพระองค์ก่อนทรงแต่งตั้งหญิงใดเป็นพระนางหน่อเจ้าหลวง ก็หมายความว่าหญิงผู้นั้นต้องเป็นพระมหาเทวีเจ้าของเจ้าหลวงองค์ต่อไป จารีตมีมาเยี่ยงนี้เจ้าจะเอาพระนางเจ้าเสกขรเทวีไปไว้ที่ใด”
เมืองคุ้มอึ้งไปทันที ครั้นเสกขรรู้เรื่องนี้จากสำเภางามก็น้อยใจ บอกว่าหากเจ้าหลวงไม่มีใจให้ตน เจ้าป้าก็ไม่ต้องทำตามจารีตหรอก
“หาได้ไม่...จารีตถือกันมาอย่างใดก็ต้องเป็นอย่างนั้น แผ่นดินต้องมีจารีต มีครรลอง มีกฎมณเฑียรบาล ผู้ใดจักฝืนมิได้”
“เมื่อเจ้าหลวงไม่เต็มพระทัย ข้าก็ไม่เต็มใจเยี่ยงกันเจ้าป้า”
“พระนางเจ้าจะยอมให้อีหญิงคนชั่วมันนั่งชูคอเคียงข้างตั่งทองของเจ้าหลวงแห่งเมืองทิพย์หรือเจ้าคะ อย่าลืมว่าบัลลังก์ตั่งทองนั้นพี่ชายของพระนางเจ้าเคยนั่งมาก่อน”
“ข้าไม่คิดจะแข่งบุญแข่งวาสนากับผู้ใดทั้งนั้น”
“หากพระนางเจ้ามิได้มีใจให้แก่เมืองคุ้ม พระนางเจ้า ก็เห็นแก่เมืองทิพย์เถิดเจ้าค่ะ แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก ยอมให้ลูกของแม่ค้านั่งตลาดเป็นพระมหาเทวีเจ้า หาควรไม่”
“การนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าหลวง ข้าเป็นหญิงข้าตัดสินใจมิได้ดอกเจ้าค่ะ เพลานี้ชีวิตข้าจักเป็นตายร้ายดีเยี่ยงใดก็หารู้ไม่ ลางทีอาจต้องชะตากรรมมิต่างจากเจ้าพี่บุรพคามก็ได้”
เสกขรพูดแล้วเดินหนีไป สำเภางามสีหน้าขึงขัง เน้นย้ำกับตนเองว่าไม่มีวันยอมให้อนัญทิพย์มาเป็นสะใภ้
เมื่อคะนองพาทหารกลับมาแต่ไร้เงาของอนัญทิพย์ เมืองคุ้มโกรธมากตำหนิน้องชายแล้วไล่ให้ไปทำตามที่เจ้าทิพย์ต้องการ
“วันพรุ่งเจ้าจงนำกองทหารเกียรติยศพร้อมร่มขาวเก้าคันไปรับเจ้าทิพย์มาที่นี่ให้เร็วที่สุด แม้นรู้ว่ามันผู้ใดทำให้เจ้าทิพย์ขุ่นเคืองใจ ข้าจะไม่ไว้ชีวิตมันผู้นั้น”
คะนอง แสงเมือง ห่มฟ้าพากันทอดถอนใจ กลับออกมาบ่นว่าพวกตนผิดหวังในตัวเจ้าหลวงเมืองคุ้มที่หลงใหลเจ้าทิพย์จนขาดเหตุผล
“ใช่ หากต่อไปเจ้านางอนัญทิพย์ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระมหาเทวีเจ้าแผ่นดินเมืองทิพย์จักเป็นอย่างใด”
“เมืองทิพย์ก็พินาศน่ะสิ” เสียงสำเภางามดังมาจนทุกคนหันขวับไปมอง “หากพวกเจ้าร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้าหอหน้าเยี่ยงนี้ อีทิพย์มันคงคิดทำชั่วได้ยาก...คะนอง วันพรุ่งจงไปรับมันมาที่เมืองทิพย์ แต่ไม่ต้องรีบให้มันมา รั้งรอไว้กลางป่าสักเจ็ดวัน”
“เจ้าแม่ทรงคิดอันใดอยู่หรือเจ้าข้า”
สำเภางามมีแผนอยู่ในใจแล้ว แต่นิ่งไว้ไม่ได้ตอบออกไป
ooooooo










