ตอนที่ 11
1 เดือนต่อมา แวนอาการดีขึ้นมากแต่ยังเดินเองไม่ถนัด ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง ที่สำคัญตอนนี้แวนเบื่อการอยู่บ้านเป็นอย่างมาก พอดีน้ำนวลกำลังจะไปดูความเรียบร้อยห้างเซนซูยาสาขาใหม่ที่พัทยาจึงชวนแวนไปด้วย พิมมาลารู้เข้าก็ไม่พอใจ คิดจะตามไปเป็นก้าง โดยมาขอแลกงานกับข่ายแก้วที่ต้องเดินทางไปพร้อมน้ำนวล
ข่ายแก้วถูกพิมมาลาอ้อนจนใจอ่อน แล้วในวันเดียวกัน จู่ๆดารณีก็มาขอคุยพิมมาลา ดารณีตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อไปเป็นผู้จัดการร้านอาหารที่ออสเตรเลีย ซึ่งมีเพื่อนแนะนำให้ ถ้าตั้งหลักได้เธอจะรับแม่ไปอยู่ด้วย
“ดามีเพื่อนอยู่ออสเตรเลียด้วยเหรอ”
“เค้าเรียนปริญญาเอกอยู่ จริงๆเมื่อก่อนเราก็ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่หรอก เพราะเค้าเป็นแฟนเก่าพี่เพรียว ชื่ออิน ไม่รู้เธอรู้จักรึเปล่า”
พิมมาลาตาเบิกโพลง ตอบอึกๆอักๆว่าไม่รู้จัก แต่เคยได้ยินเพรียวพูดถึง แล้วถามดารณีว่าไปสนิทกับอินตั้งแต่เมื่อไหร่
“ก็ไม่นานนักหรอก เราเจอกันในอินเตอร์เน็ต แช็ตกันไปมาก็เลยเม้าท์เพรียวกันมันปาก อินปากจัดมาก ด่าเพรียวแสบถึงใจฉันจริงๆ เลยคุยถูกคอกันไปเลย แฉเรื่องบนเตียงมันหยด”
พิมมาลาแทบสำลักกระอักกระอ่วน แต่ก็กลั้นใจฟังดารณีสาธยายถึงอินทุพรต่อไปอีกนิด ก่อนตัดบทอวยพรให้ดารณีโชคดีกับงานใหม่
“ขอบใจเธออีกครั้งนะพิม เธอทำให้ฉันตาสว่าง รู้จักยืนบนขาของตัวเอง ไม่คิดแต่จะพึ่งคนอื่นเหมือนเมื่อก่อน”
“ฉันก็ดีใจจ้ะ ที่คำแนะนำของฉันเป็นประโยชน์กับเธอ”
“พิม...ฉันมีเรื่องอยากจะขอรบกวนให้เธอช่วยหน่อย”
เรื่องที่ดารณีขอร้องพิมมาลาก็คือ เธอต้องการพบทศกรอีกสักครั้ง เมื่อพิมมาลาไปเจรจาให้ ทศกรมีอาการลังเลอย่างมาก พิมมาลาจึงต้องชักแม่น้ำทั้งห้าหว่านล้อมโน้มน้าวกว่าทศกรจะยินยอม และนำพามาซึ่งการพูดจาจากกันด้วยดีของทั้งคู่ที่เคยคบหากันอยู่พักหนึ่ง
เสร็จภารกิจเพื่อคนอื่นแล้ว คืนนั้นเพรียวกลับห้องพักเตรียมตัวจัดกระเป๋าเดินทางไปพัทยา เช่นเดียวกับรัมภาที่จะตามไปขัดขวางขัดคอเพรียว ระหว่างนี้เองอนุศรโทร.เข้ามือถือพิมมาลา เพรียวจึงวานให้รัมภารับแทน เพราะรู้ดีว่ารัมภาเลียนเสียงพิมมาลาได้อยู่แล้ว
อนุศรโทร.มาเลื่อนนัดให้พิมมาลาไปงานปาร์ตี้คืนนี้
เร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมง แต่พอพิมมาลาไปถึง ปรากฏว่าไม่มีเพื่อนคนอื่นๆของอนุศรเลยสักคน
“ผมขอโทษนะครับคุณพิม จริงๆงานปาร์ตี้เริ่มเวลาเดิม แต่ผมเลื่อนนัดให้คุณพิมมาเร็วขึ้นชั่วโมงนึงเพราะผมอยากมีเวลาอยู่กับคุณพิมตามลำพังน่ะครับ”
พิมมาลานิ่งอึ้ง คิดในใจว่า...ซวยแล้วกู พลาดจนได้!
“คุณพิมโกรธผมเหรอครับ”
“อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ คุณนูมีงานอะไรจะคุยกับพิมเหรอคะ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน คุณพิมคงไม่อยากคุยกับผมสินะครับ คุณพิมรู้ไหมครับว่าผมประทับใจคุณตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว”
“รู้ค่ะ ดิฉันไม่แปลกใจ เพราะเคยได้ยินผู้ชายหลายคนบอกอย่างงี้เหมือนกัน แต่มันก็จบลงแบบอุบาทว์ เอ๊ย ไม่ค่อยเอาไหนเท่าไหร่น่ะค่ะ”
“ผมไม่แปลกใจเลยครับ คุณเป็นคนสวยคงมีผู้ชายมารุมชอบหลายคน แต่คงไม่มีใครใช่จริงๆสำหรับคุณ ถ้าเป็นอย่างนี้คุณพิมจะไม่ลองเปิดใจรับผมบ้างเหรอครับ บางทีผมอาจจะเป็นคนที่คุณพิมรออยู่ก็ได้”
พิมมาลาชักตงิดๆ คิดในใจคำพูดนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน...แล้วพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่องมีแฟน บอกเขาว่า ทุกวันนี้อยู่คนเดียวสบายกว่า
“สบาย แต่ไม่อบอุ่นเหมือนกับเรามีใครซักคนที่แคร์เรา แล้วเราก็แคร์เค้าอยู่นะครับ เพราะเค้าจะช่วยเติมส่วนที่ขาดของคุณให้เต็ม”
“นั่นไง ว่าแล้วว่าเคยได้ยินที่ไหน ไอ้มุกเติมเต็มเนี่ยมันไม้ตายจีบหญิงสมัยก่อนของฉันเลยนี่หว่า ทำได้เกือบดีนะเนี่ยคุณนู เสียดายที่มาใช้กับตัวพ่ออย่างผม” พิมมาลาพูดกับตัวเองในใจ แล้วอมยิ้มออกมา
“คุณพิมไม่เชื่อผมเหรอครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ พิมก็แค่คิดว่าผู้ชายชอบทำอะไรคล้ายๆกันเท่านั้นเอง พิมขอบคุณมากนะคะที่คุณให้เกียรติพิม แต่เราสองคนยังรู้จักกันน้อยเกินไป คุณไม่รู้หรอกค่ะ ว่าตัวตนที่แท้จริงของพิมเป็นยังไง”
“ใครว่าล่ะครับ ผมเชื่อว่าผมรู้จักตัวจริงของคุณมากกว่าที่คุณคิดซะอีก ตอนพบคุณครั้งแรก ผมนึกในใจว่าผู้หญิงคนนี้สวยจังเลย แต่คุณก็ทำให้ผมทึ่ง เพราะคุณไม่ได้มีแค่ความสวย คุณเป็นคนฉลาด เข้มแข็ง มีศักดิ์ศรี ไม่แสนงอนเอาแต่ใจ จนผมยังเคยนึกเลยว่าถ้าคุณเป็นผู้ชายคงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับผม”
“คุณนูคะ พิมยอมรับว่าเป็นคนชอบทำงาน แต่อย่างอื่นมันเป็นภาพลวงตา เอ่อ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ”
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะครับ ขอเพียงแค่คุณพิมเปิดใจ
ให้ผมเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นยังไง ผมก็รับได้ทั้งนั้นล่ะครับ”
พิมมาลาปั้นยิ้มแหย คิดอยู่ในใจว่า...เปิดแล้วจะหนาว ศึกช้างชนช้างเลยล่ะแก
โชคช่วยจริงๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น พิมมาลาฉวยโอกาสนี้เลี่ยงไปต้อนรับเพื่อนๆของเขา
ooooooo
รุ่งขึ้นเป็นวันเดินทางไปพัทยา แวนมาขึ้นรถไปพร้อมน้ำนวลและอนุศรที่บ้านฟ้างาม ก่อนขึ้นรถ อนุศรเล่าเรื่องพิมมาลาเคยอกหักให้ฟัง แวนกับน้ำนวลเลยฟันธงว่าเหตุนี้เองทำให้พิมมาลาเข็ดขยาดผู้ชาย ถึงไม่ยอมมีแฟนสักที
“แต่พี่ก็ยังมีความหวังนะ เพราะอย่างน้อยที่สุดพี่ก็รู้ว่าคุณพิมยังไม่มีใคร ถ้าพี่ทำให้เธอมั่นใจได้ คุณพิมก็อาจจะให้โอกาสพี่”
“ผมเชียร์พี่นูขาดใจเลยครับ พี่พิมทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนี้ หาไม่ได้ง่ายๆนะพี่”
“ขอบใจมากแวน งานนี้ถึงไหนถึงกัน ยังไงพี่ก็ต้องทำให้เค้าลืมอดีตให้ได้ ไปกันเถอะ ป่านนี้คุณพิมคงออกเดินทางแล้ว จะได้ไปถึงพร้อมๆกัน”
พิมมาลาไปถึงโรงแรมที่พักก่อนหน้าพวกน้ำนวลเล็กน้อย พอเช็กอินเอาสัมภาระเข้าไปเก็บในห้อง พิมมาลา
ก็พูดกับตัวเองอย่างมีความหวัง “อากาศสดชื่นอย่างนี้เหมาะกับการสานความสัมพันธ์จริงจริ๊ง”
“สร้างความสัมพันธ์ให้ตัวเอง แต่ไปทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นน่ะสิ” รัมภาปรากฏตัวในชุดว่ายน้ำย้อนยุค พิมมาลาหน้าบึ้งตึงอย่างสุดเซ็ง
“คุณรับปากผมแล้วนะ ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ เป็นนางฟ้าโกหกไม่ได้นะคุณ”
“ไม่ต้องมาดักคอฉันเลยย่ะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันเตรียมตัวมาพักผ่อน ไม่ได้คิดจะยุ่งเรื่องของใครซะหน่อย”
พิมมาลาเดินออกไปยืนที่ระเบียง เห็นน้ำนวลกำลังประคองแวนอยู่ริมสระน้ำ
“เผลอไม่ได้เลยนะ ผมไม่มีเวลาทะเลาะกับคุณแล้ว” พูดจบพิมมาลาก็เดินลิ่วออกจากห้อง รัมภาส่ายหน้า บ่นอย่างหนักใจ
“นี่ละน้า...ที่เค้าว่า ยิ่งแก้ก็ยิ่งพัน”
พิมมาลาโมโหหึง ตั้งใจลงมาเป็นก้างขวางคอแวนกับน้ำนวล แต่ดันมาเจออนุศร แล้วก็หลีกหนีเขาไม่ได้เสียด้วย เพราะทั้งน้ำนวลและแวนต่างก็ทำตัวเป็นกามเทพเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้เดินเล่นกันตามลำพังที่ชายหาด
ตกเย็นกลับขึ้นไปที่ห้องพัก พิมมาลาหงุดหงิดเป็นบ้า ก่นด่าแวนทำเป็นซื่อบื้อแต่เอาจริงก็แสบไม่ใช่เล่น รัมภาไม่พอใจโผล่มาต่อว่า
“ยังมีหน้าไปว่าคนอื่นเค้าอีก นี่แหละ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”
“ผมไปให้ทุกข์ใครตอนไหน พูดไม่กี่คำก็โดนเจ้าแวนมันเสียบเข้าให้แล้ว มันต่างหากที่เล่นงานผม คุณอย่าหลับหูหลับตาเข้าข้างกันหน่อยเลย”
“ก็เจตนานายมันไม่ดีตั้งแต่ต้นแล้ว คิดจะไปเป็นก้างคนอื่นเค้า มันก็ต้องโดนอย่างงี้แหละ แล้วแวนเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย แค่อยากจะเปิดโอกาสให้อนุศรก็เท่านั้นเอง”
ยิ่งฟัง พิมมาลาก็ยิ่งหงุดหงิด ดูนาฬิกาข้อมือ รัมภาแปลกใจถามว่าดูนาฬิกาทำไม พิมมาลาไม่ตอบแต่นับถอยหลังรอเวลาถึงหกโมงเย็นตรงเป๊ะ ร่างพิมมาลาก็เปลี่ยนเป็นเพรียวทันที
“วันนี้ผมหมดโอกาสใกล้ชิดคุณน้ำแล้ว ขอไปเที่ยวให้หายเซ็งหน่อยเถอะ หวังว่าคุณคงเคารพสิทธิส่วนบุคคลของผมบ้างนะ ไม่ใช่ตามตัวติดแจไปทุกที่ เข้าใจ๋”
“ฉันก็ไม่อยากเป็นตากุ้งยิงหรอกย่ะ ชิ”
เพรียวไปเที่ยวผับ แล้วเจอเมลานีกับกลุ่มเพื่อนโดยบังเอิญ เมลานีทำเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่เพรียวก่อนจะดื่มกันจนมึนเมาแล้วไปต่อที่ห้องพักของเธอ แล้วก็เกือบจะลงเอยนอนด้วยกัน ถ้าเพรียวไม่หวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาเคยทำผิดพลาดเป็นเหตุให้น้ำนวลตัดใจไปจากเขา แต่ตอนนี้เพรียวรู้ใจตัวเองแล้วว่ารักน้ำนวลมากขนาดไหน จึงไม่มีทางที่เขาจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำ
รอยอีกเด็ดขาด
เพรียวอ้างกับเมลานีว่าขอลงไปซื้อถุงยางอนามัย แต่แล้วก็ปล่อยให้เมลานีรอเก้อ พอเช้าขึ้นเมลานีลงไปเจอน้ำนวล แวน อนุศร และพิมมาลาที่ห้องอาหารของโรงแรม เธอถามหาเพรียวด้วยสีหน้าท่าทีหงุดหงิด ทำเอาทุกคนพากันงงว่าเกิดอะไรขึ้น ยกเว้นพิมมาลาที่หน้าเจื่อน คอยแต่หลบสายตาไม่กล้ามองเมลานี
“พวกเราไม่ได้มากับคุณเพรียวซะหน่อย จะไปรู้ได้ยังไง แล้วนี่เมมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมจะมาเมื่อไหร่ก็ช่างเมเถอะพี่นู ตกลงพวกพี่ไม่ได้เจอเพรียวแน่นะ”
“ไม่ได้เจอจริงๆจ้ะเม พวกเรามาทำงาน เมื่อวานพอทานข้าวเย็นเสร็จก็ยังไม่ได้ออกไปไหนกันเลย”
“งั้นถ้าเจอเพรียวก็ฝากบอกด้วยนะว่าให้ไปลงนรกซะ” เมลานีสะบัดหน้าเดินกลับไปอย่างอารมณ์เสีย
แวนมองตามแล้วเปรยขึ้นว่า สงสัยเมื่อคืนจะอารมณ์ค้าง...เท่านั้นเองน้ำนวลหน้าเสียทันที แม้จะบอกตัวเองว่าเป็นสิทธิของเพรียวแต่ก็ยังแสลงใจลึกๆอยู่ดี แต่พิมมาลาหน้าบึ้งตึงไม่พอใจคำพูดแวน จึงทักท้วง
“ไม่ใช่มั้งคะคุณแวน น่าจะไม่พอใจเรื่องอื่นมากกว่า”
“ถึงไม่ใช่ ผมว่าก็ใกล้เคียงล่ะพี่ คาสโนว่าเพรียวนี่ร้ายจริงๆ”
น้ำนวลหน้าสลดลงไปอีก ในขณะที่พิมมาลาเหล่มองน้ำนวลด้วยความไม่สบายใจ แต่ในสภาพพิมมาลา ตนก็ไม่รู้จะแก้ตัวแทนได้ยังไงเหมือนกัน จนเมื่อมีโอกาสตอนตามน้ำนวลไปดูความเรียบร้อยเซนซูยาที่เพิ่งเปิดใหม่ และยังเห็นน้ำนวลมีอาการเหม่อๆซึมๆ จึงพยายามปลอบใจ
“คุณน้ำยังติดใจเรื่องเพรียวอยู่ใช่ไหมคะ อย่าไปฟังที่คุณแวนพูดเลยนะคะ คุณแวนก็ชอบพูดเล่นไปเรื่อย จริงๆเพรียวเค้าไม่มีอะไรกับคุณเมหรอกค่ะ ไม่ใช่สเปก”
“พี่เพรียวเค้าจะมีอะไรกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเค้า ไม่เกี่ยวอะไรกับน้ำนี่คะ”
“แต่เพรียวเค้าไม่ทำแน่นอนค่ะ เค้ามีบทเรียนมาแล้ว คงไม่โง่ทำผิดซ้ำเดิมหรอกค่ะ”
“แปลกนะคะ ไม่ว่าน้ำจะไปไหนก็เหมือนมีเงาของพี่เพรียวตามอยู่ตลอดเวลา น้ำพยายามจะบอกตัวเองว่ามัน จบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว แต่พอมีเรื่องเกี่ยวกับพี่เพรียวทีไร น้ำก็อดหวั่นไหวไม่ได้ซะที”
น้ำนวลถอนใจแล้วเดินนำไปทางลิฟต์ พิมมาลายิ่งได้ยินน้ำนวลพูดอย่างนี้ค่อยยิ้มออก ยิ่งมั่นใจเต็มร้อยว่าน้ำ–นวลยังคงรักตนอยู่...หลังจากประชุมงานกันเสร็จ น้ำนวลกับพิมมาลาพากันไปหาแวนที่นั่งรออยู่มุมหนึ่งในห้าง แล้วทั้งคู่ต้องตกใจที่จู่ๆแวนเกิดปวดหัวรุนแรง ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองหลังเหตุการณ์เครื่องบินตกที่แวนยังต้องกินยาต่อเนื่องอยู่
แวนไม่ยอมไปโรงพยาบาล น้ำนวลกับพิมมาลาจึงพาแวนกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
“ทีนี้จะดื้อกับหมออีกมั้ย น้ำเตือนแวนแล้วว่าต้องกินยาให้ตรงเวลา แวนไม่ยอมฟังกันบ้างเลย”
“แวนขอโทษ น้ำก็รู้นี่ว่าแวนไม่ชอบกินยา แต่ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ปวดทรมานมากเลย”
“พี่พิมคะ ฝากแวนเดี๋ยวนะคะ น้ำขอโทร.คุยกับคุณหมอให้ละเอียดอีกที”
“ได้ค่ะ”
น้ำนวลเดินออกไปคุยโทรศัพท์มือถือที่ระเบียง เพราะไม่ต้องการให้แวนได้ยิน พิมมาลามองแวนด้วยสายตาตำหนิ เซ็งกับความงี่เง่า ย้ำถามเขาว่า แน่ใจนะว่าจะไม่ไปตรวจให้ ละเอียดที่โรงพยาบาล
“ไม่เอาหรอกครับ เกิดเจอโน่นเจอนี่ขึ้นมาต้องกลับไปนอนโรงพยาบาลอีก ผมตายแน่ๆ อยู่โรงพยาบาลมาเป็นเดือนแล้ว ผมเข็ดไม่อยากกลับเข้าไปอีกแล้วล่ะพี่ แล้วผมก็ไม่อยากเป็นภาระให้น้ำเค้าแล้วด้วย”
“คุณน้ำไม่เคยคิดว่าคุณแวนเป็นภาระหรอกค่ะ”
“แต่ผมคิด จริงๆนะพี่ ตั้งแต่ผมป่วย น้ำก็ต้องวิ่งรอกที่ทำงานกับโรงพยาบาลตลอด แถมยังต้องเฝ้าผมจนดึกทุกวันกว่าจะได้กลับบ้าน เช้าก็ต้องไปทำงานอีก ผมสงสารน้ำนะพี่ ผมเป็นผู้ชายนะครับ ผมก็อยากเป็นฝ่ายปกป้องดูแลแฟนบ้าง ไม่ใช่ต้องให้เค้าดูแลเราอยู่ฝ่ายเดียว”
พิมมาลาคิดไม่ถึงว่าแวนจะรู้ตัวเหมือนกัน เริ่มเข้าใจแวนมากขึ้น จนอดสงสารเห็นใจขึ้นมาไม่ได้ แต่เมื่อออกจากห้องไปก็พยายามสลัดความคิดเห็นใจทิ้ง บอกตัวเองว่าอย่าใจอ่อน ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่สาม มัวแต่ลังเลเดี๋ยวก็แพ้มันจนได้หรอก
ว่าแล้วพิมมาลาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาน้ำนวลในนามของเพรียว นัดทานข้าวเย็นด้วยกัน ขอร้องอย่าได้ปฏิเสธตนเลย...
ooooooo
ค่ำลงได้เป็นตัวเอง เพรียวแต่งตัวหล่อเพื่อจะไปทานข้าวกับน้ำนวล โดยมีรัมภาในชุดพนักงานของโรงแรมนั่งคุยอยู่ใกล้ๆ
“ถามจริงๆเหอะ นายคิดว่าแค่ไปสารภาพรักแล้วหนูน้ำเค้าจะทิ้งแวนมาหานายเลยเหรอ”
“ผมก็ไม่ได้คาดหวังขนาดนั้นหรอก แต่ทุกวันนี้ที่คุณน้ำเค้าเฉยชากับผมก็เพราะเค้าคิดว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลย ถ้าผมแสดงความจริงใจให้เค้ารู้ อย่างน้อยเค้าก็ต้องมีปฏิกิริยาตอบกลับมาบ้างแหละ เพราะคนที่เค้ารักคือผม”
“นายนี่มันหลงตัวเองลงตับจริงจริ๊ง”
“ผมไม่ได้หลงตัวเองนะคุณ คุณน้ำเค้าเคยสารภาพกับผม...เอ่อ...กับพิมมาลาแล้ว ว่าเค้าไม่เคยลืมความรักครั้งแรก แสดงว่าเค้าต้องมีใจให้ผมอยู่”
“มีใจ...ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องตกลงปลงใจ เพราะยังไงตอนนี้หนูน้ำเค้าก็มีตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างแวนอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะต้องเสี่ยงเสียใจกลับมาหาผู้ชายเจ้าชู้พกถุงยางเป็นแผงๆอย่างนายด้วย”
“ผมยอมรับว่าแวนเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่เจ้าชู้ แล้วเค้าก็รวยกว่าผมเยอะ แต่คุณน้ำก็ไม่ใช่คนเห็นแก่เงินไม่ใช่เหรอครับ ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้คุณน้ำเห็นว่าความรักที่ผมมีให้คุณน้ำมันก็ไม่ด้อยไปกว่าแวนเลยซักนิดเดียว”
เพรียวเดินออกจากห้องไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม รัมภาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในความดื้อรั้นของเขา...เมื่อมีโอกาสอยู่กับน้ำนวลตามลำพัง เพรียวทำตามที่ตั้งใจไว้ สารภาพรักเธออย่างตรงไปตรงมา
“ผมรักคุณน้ำครับ...ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ บางทีอาจจะเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าผมรู้สึกยังไง ผมยอมรับนะครับว่าผมเจ้าชู้ แต่ผมก็ไม่เคยพูดคำว่ารักกับใครมาก่อน”
“น้ำเชื่อค่ะว่าพี่เพรียวพูดจริง แต่น้ำมีคนที่น้ำรักอยู่แล้ว น้ำรักแวนค่ะ...ขอโทษด้วยนะคะพี่เพรียว”
นั่นคือคำตอบของน้ำนวลก่อนที่เธอจะรีบเดินเลี่ยงออกไปทันที ทิ้งเพรียวยืนอึ้งตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้
น้ำนวลกึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีจากเพรียว พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ร้องไห้ แต่ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ คำว่ารักจากปากผู้ชายที่เป็นรักแรก เป็นฮีโร่ของเธอ เคยเป็นสิ่งที่เธอแอบหวังว่าจะได้ยินมาตลอด แต่เมื่อได้ยินจริงๆกลับสร้างความเจ็บช้ำให้เธอมากกว่า
เพรียวไปนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่ชายหาด พอเห็นรัมภาปรากฏตัวก็ออกปากไล่ เพราะไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วย
“ทำซึม...ก็ฉันบอกนายแล้วว่าหนูน้ำไม่มีทางเปลี่ยนใจกลับมาหานาย นายก็ไม่เชื่อ”
“แต่คุณน้ำรักผม คุณกล้าปฏิเสธมั้ยล่ะว่ามันไม่จริง”
“ใช่ ฉันยอมรับว่าหนูน้ำรักนาย แต่ความรักกับการอยู่ร่วมกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสมอไป”
“ทำไมถึงจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะเงินเหรอ หรือว่าหน้าตาทางสังคม คุณบอกผมมาสิว่าคุณน้ำต้องการอะไร”
“ฉันบอกไปมันก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก กลับไปสวนขวัญกับฉันเถอะ นายจะได้กลับเป็นผู้ชายเต็มตัวเหมือนเดิม เหมือนที่นายต้องการไงล่ะ”
“ไม่ จนกว่าผมจะรู้ความจริง ยังไงการเป็นพิมมาลาก็ยังมีประโยชน์กับผมอยู่ แต่ผมขอเปลี่ยนโปรโมชั่นใหม่ได้มั้ย”
“อะไรของนายอีก”
“ผมอยากกลางวันครับ กลางคืนค่ะ”
“อะไร ไม่รู้เรื่อง”
“แหม ทีเงี้ยทำคิดไม่ทัน ก็คืองี้...กลางวันผมขอเป็นเพรียว กลางคืนขอเป็นพิมมาลาแทน สลับกันได้มั้ย”
“ทำไมมันเรื่องเยอะเรื่องแยะยังงี้นะ”
“ก็เพราะคุณให้ผมเป็นพิมมาลาตอนกลางวันนั่นแหละ ผมถึงไม่มีเวลาใกล้ชิดคุณน้ำ กลางวันก็ต้องทำงาน แถมคุณนูยังตามเป็นเงาอีก ถ้าจะให้แฟร์คุณต้องให้ผมเป็นเพรียวตอนกลางวัน แล้วกลางคืนเป็นพิมมาลาถึงจะถูก”
ooooooo
คุยกับรัมภาคืนนั้นแล้ว ไม่กี่วันถัดมาก็มีจดหมายลาออกของพิมมาลาส่งเข้ามาที่ออฟฟิศเซนซูยา น้ำนวลอ่านแล้วใจหายวาบ เช่นเดียวกับอนุศรที่พอรู้ก็ห่อเหี่ยวไปถนัด ส่วนพวกนางพากันแปลกใจทำไมพิมมาลาถึงลาออกฟ้าแลบแบบนี้ ทำไมถึงไม่มาลาออกด้วยตัวเอง
ไม่ทันที่ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันอีก เพรียวก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม เพรียวกลับเข้ามาทำงานที่นี่แถมมีตำแหน่งใหญ่กว่าเดิมด้วยความเห็นชอบของฟ้างาม น้ำนวลที่กำลังอยากจะหนี เจออย่างนี้เข้าก็ยิ่งลำบากใจหนักขึ้นไปอีก
มาวันแรกเพรียวก็ได้รับมอบหมายจากฟ้างามให้ไปจัดการเรื่องสัญญาเช่าพื้นที่ในห้างกับเต็มตาเด็กของศรสิทธิ์ซึ่งเคยเป็นอดีตแฟนของเพรียว เต็มตากร่างมาก แต่เมื่อเพรียวเอาจริง อ้างชื่อฟ้างามที่มีอำนาจทุกอย่างในเซนซูยา เต็มตาก็ไม่กล้าเสี่ยง ยอมทำตามเงื่อนไขของห้าง ทั้งที่เจ็บใจเพรียวเหลือเกิน
เสร็จงานในบ่ายนั้น เพรียวต้องมานั่งตอบคำถามของอนุศรที่อยากรู้ว่าพิมมาลาไปอยู่ที่ไหน เพรียวตีหน้าตายบอกว่าไม่ทราบจริงๆ เรารู้จักกันผิวเผินมาก แต่คนอื่นชอบเข้าใจว่าเราสนิทสนมกันไปเอง
“ผมไปหาเค้าที่คอนโดฯ ชื่อคนเช่าก็เปลี่ยนเป็นชื่อคุณเพรียว ก็แสดงว่าคุณสองคนน่าจะสนิทกับในระดับหนึ่ง แล้วจะไม่รู้เรื่องของกันบ้างเลยเหรอครับ”
“ผมรู้จักกับพิมเค้าตอนที่ผมออกจากเซนซูยาใหม่ๆ พิมเค้าอยากได้งาน ผมก็เลยแนะนำให้เค้ามาสมัครที่นี่ แล้วเมื่อวันก่อนเค้าก็โทร.มาหาผม บอกว่าจะย้ายที่อยู่ ผมเองก็กำลังหาที่พักใหม่อยู่พอดี ก็เลยเข้าไปอยู่แทน เรื่องก็มีแค่นี้ล่ะครับ นอกนั้นผมก็รู้เท่าๆกับทุกคน”
“งั้นขอถามอีกข้อนะครับ คุณไม่ได้เป็นแฟนกับคุณพิมเหมือนที่เค้าลือกันใช่มั้ยครับ”
“ผมไม่มีทางเป็นแฟนกับเค้าได้หรอกครับ จะเอาผมไปสาบานที่ไหนก็ได้”
“ได้ยินอย่างงี้ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ถ้าเค้าเป็นแฟนกับคุณ ผมคงเจอศึกหนัก”
“คุณนูครับ พิมเค้าก็ไปแล้ว จะเจอกันอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมว่าทางที่ดีคุณนูมองหาคนใหม่เถอะครับ คุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างคุณนูจะหาให้ดีกว่าพิมมาลากี่ร้อยเท่าก็ได้”
“ถ้าคุณเพรียวเคยรู้สึกรักใครจริงๆ จะไม่พูดแบบนี้ ผมรักคุณพิม ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่เคยรักผมเลยก็เถอะ ผมจะตามหาเค้าให้เจอแล้วพิสูจน์ให้เค้าเห็นถึงความจริงใจของผมให้ได้”
เพรียวมองอนุศรแล้วแอบถอนใจออกมาบางๆ พออนุศรเดินเลี่ยงกลับออกไป เพรียวสีหน้าเหยเกชักกลัวๆ หันไปมองรอบห้องพร้อมกับพูดเบาๆ
“รัมภา เค้าเป็นของเค้าเอง ไม่เกี่ยวกับผมนะ คุณอย่ามาสาปให้ผมเป็นตัวอะไรแปลกๆอีกล่ะ”
ooooooo
การกลับเข้ามาทำงานในเซนซูยาของเพรียวครั้งนี้นอกจากจะทำให้น้ำนวลรู้สึกลำบากใจแล้วยังทำให้ดลคิดมากหวาดระแวงว่าถ่านไฟเก่าระหว่างเพรียวกับข่ายแก้วจะคุขึ้นมา พอเพรียวแอบเห็นดลกับข่ายแก้วมีปากเสียงกันเพราะตนเป็นต้นเหตุก็รู้สึกไม่สบายใจ
เย็นนั้นเพรียวพยายามจะใกล้ชิดน้ำนวลให้ได้ ไม่ได้คุยกันที่ทำงานก็ยังอุตส่าห์ตามไปดักเจอเธอที่บ้านแวน โดยทำทีมาเยี่ยมอาการป่วยของแวน แต่แล้วเพรียวก็หน้าชาพูดอะไรไม่ออก เมื่อน้ำนวลนำการ์ดแต่งงานออกมาให้แวนช่วยดูว่าถูกใจหรือเปล่า แถมยังแนะนำให้แวนชวนเพรียวเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอีกด้วย
เพรียวจำใจรับปากแวนทั้งที่เจ็บแปลบอยู่ในใจ พอกลับออกมาก็ยังโดนรัมภาตอกย้ำซ้ำเติมเข้าให้อีก เพรียวหงุดหงิดมาก บ่นอุบว่าแวนเพิ่งเฉียดตายมาหยกๆ แทนที่จะเลื่อนงานแต่งออกไป แต่กลับเลื่อนให้เร็วขึ้นมาอีก
“อีกสองเดือน นายมีเวลาแค่นั้นล่ะ อ้ะ มาว่าเรื่องของเราดีกว่า นี่สัญญาของนาย เซ็นซะ”
“สัญญาอะไร ผมไม่ได้จะขายวิญญาณให้คุณนะ”
“ฉันไม่ใช่ซาตานนะยะจะได้มาเอาวิญญาณนาย นี่เป็นสัญญาว่านายจะไม่ต่อรอง ขอร้องเรื่องการเปลี่ยนร่างเป็นพิมมาลาอีก ครั้งสุดท้ายที่นายจะเปลี่ยนก็คือการกลับไปสวนขวัญเพื่อแก้คำสาปเท่านั้น”
“ต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ สัญญิงสัญญาอะไรไม่ต้องเซ็นหรอก”
“อย่ามาลื่นกับฉันนะ นายเองไม่ใช่เหรอที่โวยวายสารพัดจะเปลี่ยนให้ได้...เพราะคุณให้ผมเป็นพิมมาลาตอนกลางวันนั่นแหละ ผมถึงไม่มีเวลาใกล้ชิดคุณน้ำ กลางวันก็ต้องทำงาน แถมคุณนูยังตามเป็นเงาอีก ถ้าจะให้แฟร์ คุณต้องให้ผมเป็นเพรียวตอนกลางวัน แล้วกลางคืนเป็นพิมมาลาถึงจะถูก...ไง ฉันพูดตกหล่นไปซักคำนึงมั้ย”
เพรียวจนมุมจำต้องเซ็นสัญญาฉบับใหม่นี้แล้วส่งคืนให้รัมภาที่รับมาด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก แล้วก็จำไว้ด้วยล่ะว่าฉันไม่ใช่โปรโมชั่น
มือถือจะได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาย้ายค่ายได้ตามใจชอบ ฉันยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย”
“หมดเรื่องแล้วใช่มั้ย ผมจะได้ไปซะที”
“นายจะไปไหน”
“ก็ไปหาคุณน้ำน่ะสิ ในเมื่อคุณน้ำไม่ยอมพูดความจริงกับเพรียว ก็มีคนคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คุณน้ำพูดความจริงได้”
เพรียวยิ้มเจ้าเล่ห์ พอพลบค่ำได้อยู่ในคราบพิมมาลาตามกติกาสัญญาฉบับใหม่ เขาจึงไปปรากฏตัวให้น้ำนวลเห็นแถวร้านเวดดิ้งซึ่งน้ำนวลมาลองชุดแต่งงาน น้ำนวลดีใจมากแทบจะโผเข้ากอดพิมมาลา ขอร้องเธออย่าลาออกจากงานเลย
“อย่างที่พี่เขียนในจดหมายน่ะค่ะ พี่จำเป็นต้องออกจริงๆ ที่พี่มาเนี่ยก็เพราะอยากลาคุณน้ำอย่างเป็นทางการ แล้วพี่ก็ได้ข่าวว่าคุณน้ำจะแต่งงานด้วย”
“พี่พิมรู้ได้ยังไงคะว่าน้ำจะแต่งงาน เอ๊ะ แล้วที่น้ำมาลองชุดที่นี่ก็มีคนรู้ไม่กี่คนด้วย พี่พิมตามมาถูกได้ยังไงคะ”
พิมมาลาหน้าเสีย ลืมคิดข้อนี้ไปเหมือนกัน อึกอักเอาสีข้างเข้าถู “แหม...คุณน้ำกับคุณแวนเป็นคนดังนะคะ ขยับตัวทำอะไรก็ปิดไม่มิดหรอกค่ะ เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะค่ะ แต่ที่พี่มาก็เพราะพี่รู้ว่าคุณน้ำไม่ได้มีความสุขจริงๆกับการแต่งงานครั้งนี้ พี่เลยไม่เข้าใจว่าคุณน้ำจะทำไปทำไม”
“แล้วพี่พิมรู้ได้ไงคะว่าน้ำไม่มีความสุข”
“ก็จากที่เราคุยกันมาตลอด และแววตาของคุณน้ำตอนนี้”
น้ำนวลชำเลืองมองตาพิมมาลา ได้แต่ถอนใจออกมาที่พิมมาลาอ่านใจตนถูกทุกอย่าง
“คนมาลองชุดเจ้าสาวไม่มีใครทำหน้าแบบนี้หรอกค่ะ คุณน้ำเริ่มสงสัยใจตัวเองแล้วใช่มั้ยว่าจะไปกับคุณแวนได้จริงรึเปล่า”
“พี่พิมพูดเหมือนเข้าไปนั่งในใจน้ำเลยนะคะ”
“พี่อยากให้คุณน้ำทบทวนให้ดีๆนะคะ คุณน้ำทำแบบนี้ไม่นึกถึงจิตใจเพรียวเค้าบ้างเหรอคะ”
“แล้วพี่เพรียวมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ”
“คุณน้ำอย่าปฏิเสธเลยค่ะ ว่าไม่ได้รักเพรียว”
“ค่ะ น้ำยอมรับว่าน้ำรักพี่เพรียว พี่เพรียวเป็นรักครั้งแรกของน้ำ ที่น้ำไม่มีวันลืมหรอกค่ะ”
“ค่ะ...รักแรกมีความหมายที่สุดเสมอ พี่เข้าใจ”
“แต่แวนจะเป็นรักครั้งสุดท้าย ยังไงน้ำก็ทิ้งแวนไม่ได้หรอกค่ะพี่พิม”
พิมมาลาอึ้งช็อกเหมือนโดนตีแสกหน้าอย่างจัง ผิดหวังเสียใจจนพูดอะไรไม่ออก กลับไปนั่งซึมหมดอาลัยตายอยาก แต่ก็ยังไม่หมดหวังซะทีเดียว
“ซึมกระทือเชียวนะ ไง...ไม่ว่าจะเป็นเพรียวหรือพิมมาลา หนูน้ำของฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าจะแต่งงานกับแวน มันพอที่จะให้นายเลิกดื้อดึงได้รึยัง”
“เอาน่ะ อย่างน้อยคุณน้ำเค้าก็ยอมรับแหละว่าเค้ารักผม แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือคำว่ารักครั้งสุดท้ายของคุณน้ำต่างหาก มันหมายความว่าแวนสำคัญมากกว่าผมเหรอ”
“อย่าพยายามค้นหาความหมายนักเลยน่า มันจบไปแล้ว เวลาอีกแค่สองเดือนยังไงหนูน้ำก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก”
“คุณมันแม่ใจยักษ์ รู้ทั้งรู้ว่าแวนไม่มีความสามารถอะไร ถึงจะรวยแล้วก็ซื่อสัตย์ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะยืนเคียงข้างคอยช่วยคุณน้ำในเวลาที่มีปัญหาได้ คนอย่างเจ้าแวนไม่มีปัญญาช่วยเหลืออะไรคุณน้ำได้หรอก”
“เหรอ...ต้องอย่างนายสินะถึงจะช่วยเหลือได้ ประเดิมด้วยข่าวอื้อฉาวเจ้าสาวหนีงานวิวาห์ผู้ใหญ่หน้าแตกยับเยินอับอายขายหน้ากันไปทั่ว...นี่ใช่มั้ย ความรักของนาย”
“แล้วไง ถ้าคุณน้ำหนีเจ้าแวนมาแต่งกับผมจริง ต่อให้คุณน้ำถูกไล่ออกจากเซนซูยาหรือถูกตัดออกจากกองมรดก ผมก็มีปัญญารับผิดชอบชีวิตคุณน้ำ...มีเวลาสองเดือนใช่มั้ย”
“ใช่ สองเดือนเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน”
“คอยดูก็แล้วกันรัมภา ผมจะทำให้คุณน้ำเปลี่ยนใจล้มเลิกงานแต่งกับแวนให้ได้”
ooooooo
เช้าวันนี้รู้จากน้ำนวลว่าเมื่อวานเจอพิมมาลา อนุศรดีใจและมีความหวังขึ้นมาทันที บอกน้ำนวลว่าพี่จะจ้างนักสืบตามหาพิมมาลา พี่เชื่อว่าเธอต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างถึงตัดสินใจทำแบบนี้ แต่ไม่ว่าเธอจะมีปัญหาอะไร พี่ก็พร้อมจะช่วยเหลือเธออยู่แล้ว
“น้ำจะเอาใจช่วยนะคะพี่นู เพราะถ้าเป็นน้ำ น้ำก็คงไม่ยอมทิ้งคนที่ดีกับเราให้ต้องต่อสู้กับปัญหาตามลำพังเหมือนกัน”
ขณะที่สองพี่น้องคุยกันอยู่นั้น เพรียวเดินผ่านไปที่ห้องกาแฟเห็นดลกับข่ายแก้วกำลังทะเลาะกันเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ และท่าทางจะรุนแรงขึ้นทุกทีจนเพรียวต้องหาโอกาสเคลียร์กับดลตัวต่อตัว เพรียวบอกให้ดลเลิกคิดหึงหวงได้แล้ว ตนขอยืนยันอย่างลูกผู้ชายว่าตอนนี้ตนกับข่ายแก้วเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ตั้งแต่ตนกลับมาที่นี่ ตนเคยคุยอะไรกับข่ายแก้วที่ไหน ข่ายแก้วเองก็คงไม่อยากมีปัญหากับดล ถึงพยายามเลี่ยงเจอหน้าตนอยู่ตลอดเวลา
“ก็จริงของพี่ ผมมันคงงี่เง่าเองแหละ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่หรอก ผมต่างหากที่ทำใจไม่ได้ที่พี่กลับมา”
“แค่ฉันกลับมาเนี่ยนะ ทำไมวะ”
“โธ่ พี่เพรียว ถ้าแฟนใครเคยมีแฟนเก่าอย่างพี่ เป็นใครก็เครียดทั้งนั้นแหละ หล่อก็หล่อ คารมก็ดี หน้าที่การงานก็พุ่งพรวดๆ แล้วคนอย่างผมจะเอาอะไรไปสู้กับพี่ได้ล่ะ”
“แกแน่ใจนะไอ้ดล ถ้าผู้หญิงมีแฟนเก่าอย่างฉัน แล้วจะทำให้แฟนใหม่เสียเซลฟ์”
“แน่ใจสิพี่ ยิ่งถ้ารู้ว่าเค้าต้องกลับมาเจอหน้ากันทุกวัน มีโอกาสใกล้ชิดกันอีก ถ่านไฟเก่าอ้ะพี่ ยังไงมันก็ต้องมีเยื่อใยกันอยู่แหละ ผมขอเลิกดีกว่าต้องมานั่งประสาทกินเพราะความระแวง”
ฟังดลแล้วเพรียวคิดปราดวาดแผนการจะยุแหย่ให้แวนและน้ำนวลแตกคอกัน แต่เอาเข้าจริงเพรียวกลับเป็นฝ่ายถูกแวนด่าจนสะอึก ไอ้ครั้นจะตอบโต้แวนก็ไม่ได้ด้วย เพราะตัวเองนั่นแหละที่เจ้าเล่ห์ซะจนทำให้แวนไม่รู้ตัวว่ากำลังด่าเขาอยู่...
น้ำนวลออกจากห้องประชุมในตอนบ่าย ไม่คิดว่าจะเจอนันท์บุกเข้ามาต่อว่าซึ่งหน้าเรื่องหุ้นของตนในเซนซูยา ที่น้ำนวลบอกว่าจะเป็นคนซื้อ แต่ทำไมกลายเป็นชื่อแวนไปได้
“น้ำไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกพี่นันท์ น้ำก็เคยบอกพี่แล้วว่าต้องไปยืมเงินคุณพ่อของแวนเค้า ท่านก็เลยให้ใส่ชื่อแวนเป็นเจ้าของหุ้น”
“ฉลาดนี่ แกกำลังจะแต่งงานกับมันอยู่แล้ว สุดท้ายหุ้นก็ต้องตกเป็นของแกอยู่ดี ไม่ต้องเสียเงินสักบาท เสียแต่ตัวอย่างเดียว”
น้ำนวลอ่อนใจไม่อยากเถียงด้วยจะเดินเลี่ยงหนีไป แต่โดนนันท์กระชากแขนไว้ด้วยความโมโห แล้วต่อว่าพาดพิงถึงเพรียวที่โดนปืนลั่นใส่ หาว่าเป็นพวกเดียวกัน พอตนพลาดเข้าหน่อยก็เลยฉวยโอกาสบีบให้ตนต้องขายหุ้น
“ถ้าพี่นันท์ไม่ก่อเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่มีใครยุ่งกับหุ้นของพี่หรอกค่ะ แล้วมันก็ไม่มีทางออกอื่นแล้วจริงๆ นี่น้ำก็ยอมซื้อหุ้นแพงกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ ทำไมพี่ไม่มองข้อนี้บ้าง”
“แกยังจะให้ฉันสำนึกบุญคุณแกอีกเหรอ อีหน้าด้าน” นันท์โวยวายหยาบคายและผลักน้ำนวลจนเซ แถมยังทำท่าจะทำร้ายซ้ำอีก ถ้าเพรียวไม่เข้ามาขวางไว้เสียก่อน ส่วนแวนที่มาด้วยกันกับเพรียวก็โมโหเลือดขึ้นหน้าจะเล่นงานนันท์ แต่น้ำนวล ยังเห็นแก่ความเป็นพี่น้องจึงขอร้องสองฝ่ายแยกย้ายกันไป
แวนเจ็บใจมากอยากจะโทร.บอกพ่อให้ส่งลูกน้องมากระทืบนันท์ แต่น้ำนวลห้ามไว้เพราะไม่ต้องการให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้
“น้ำก็เป็นซะอย่างเงี้ย ดีเกินไปแล้ว รู้ตัวรึเปล่า...พี่เพรียวครับ อยู่เป็นเพื่อนน้ำก่อนนะ ผมจะไปห้องน้ำกลัวไอ้อันธพาลมันย้อนมาหาเรื่องน้ำอีก”
“ครับคุณแวน”
แวนออกไปแล้ว น้ำนวลเหลือบตามองเพรียวอย่างอึดอัด ลำบากใจที่ต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง
“ขอบคุณมากนะคะพี่เพรียว แต่ทีหลังพี่เพรียวอย่าไปยุ่งกับพี่นันท์อีกเลยจะดีกว่า เค้ายังอาฆาตพี่เพรียวอยู่ เดี๋ยวพี่จะเดือดร้อน”
“ถ้าเค้าทำร้ายคุณน้ำ ผมก็คงเลิกยุ่งไม่ได้หรอกครับ คุณน้ำก็รู้ว่าให้ผมเจ็บยังดีกว่าให้คุณน้ำเจ็บ ให้ผมตายยังดีกว่าให้คุณน้ำตาย”
“อย่าพูดแบบนี้อีกเลยค่ะพี่เพรียว...พี่เพรียวกำลังทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้นสำหรับน้ำ น้ำขอเถอะค่ะ”
เมื่อน้ำนวลพูดถึงขนาดนี้ เพรียวก็พูดไม่ออก ได้แต่แอบมองน้ำนวลที่เบือนหน้าหนีไปหยิบจับงานขึ้นมาทำ...ด้านนายนันท์ตัวแสบ หลังก่อเรื่องก็ตัดสินใจไปอาศัยอยู่ที่คอนโดฯของมานิดาตามคำชวน เมลานีเบื่อแสนเบื่อ แต่เพื่อแผนของแม่ที่จะใช้นันท์เป็นไม้กันหมาในยามคับขัน จึงต้องเก็บกลั้นความเบื่อนี้เอาไว้ ฝืนใจทำดีกับนันท์ต่อไป
ooooooo










