ตอนที่ 2
แม้ว่าคุณชายปวรรุจจะไม่เห็นหน้าหญิงสาวที่มาหาท่านชายทัศน์ แต่ก็รู้จากแขเลขาของท่านชายว่า หญิงสาวนั้นคือท่านหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ และทั้งคู่ออกไปด้วยกันแล้ว
ชายรุจเสียดายที่ไม่ได้เจอท่านหญิงแต่ก็ได้รู้เรื่องความเจ้าชู้ประตูดินของท่านชายที่แขบ่น เรื่องที่ท่านชายทัศน์นัดสมรมาเริงร่ากันที่ห้อง ทั้งที่ไปทำงานที่สวิตเกือบสี่ปีและเพิ่งกลับมาแค่สองวันเอง
“เอ้อ...ท่านหญิงทรงทราบเรื่องนี้รึเปล่า” ชายรุจถามสีหน้าสลดใจ
“ไม่ทรงทราบหรอกค่ะ เมื่อกี๊ถึงได้ไล่แม่นั่นออกมาทางห้องหนังสืออย่างที่คุณชายเห็น น่าสงสารท่านหญิงนะคะ”
ชายรุจนั่งทำงานอย่างไม่สบายใจนัก ครู่หนึ่งเด็กเดินเอกสารเอาจดหมายมาวางที่โต๊ะปึกหนึ่ง ในนั้นมีของปกรณ์เพื่อนรักที่ทำธุรกิจร้านอาหารกับคุณแม่ที่สวิต–เซอร์แลนด์จนร่ำรวยมากรวมอยู่ด้วย ชายรุจรีบหยิบเปิดอ่านก่อนเพื่อน
“ฉันเขียนมาหาแก จะถามว่าแกจะมาที่เบิร์นวันไหน เวลาใด และกำหนดการของแกเป็นอย่างไร ฉันจะได้วางแผนต้อนรับแกได้ถูก...อีกเรื่องที่ฉันต้องรายงานให้แกทราบคือเรื่องคุณวาดดาว แกคงยังไม่ทราบว่าคุณวาดดาวจะแต่งงาน แกคงเดาไม่ถูกแน่ๆเพราะเธอแต่งงานกับอดีตกงสุลกิตติมศักดิ์ของประเทศไทยประจำซูริค ชื่อ มิสเตอร์ฟิลลิป”
ชายรุจหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนอ่านต่อด้วยใจสับสน...ว้าวุ่น...
“อายุแก่กว่าเธอหลายปี แต่รวยมาก เห็นว่าเธอกลับไปเมืองไทยเพื่อเตรียมตัวมาอยู่สวิตถาวรเลย แกก็ทำใจได้แล้วล่ะนะ เท่านี้แหละ รอวันที่แกจะมาสวิต รักว่ะปกรณ์”
ชายรุจถือจดหมายมือสั่นระริก ความเจ็บปวดแล่นขึ้นเป็นริ้วๆเมื่อนึกถึงว่า ทุกอย่างที่ชายภัทรพูดเป็นความจริง!
ooooooo
รุ่งขึ้น ชายรุจให้แจ๋วไปเรียกชายใหญ่กับชายภัทรมาที่ห้องโดมบอกว่าที่ชายภัทรสันนิษฐานเรื่องวาดดาวนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เมื่อเล่ารายละเอียดให้ฟังแล้ว ชายใหญ่ถามว่าชายรุจจะทำอย่างไรต่อไป
“ทำใจ พยายามลืมเรื่องทั้งหมด แล้วก็หลบมาเลียแผลตัวเองจนกว่าจะหายดี” ชายรุจพูดเศร้าๆ
ชายภัทรติงว่าต้องเอาคืน เพราะชายรุจต้องเจ็บปวดกับความผิดหวังมานานนับปีแล้ว ชวนไปหาวาดดาวกันเดี๋ยวนั้นเลย ให้วาดดาวสารภาพมาให้หมดว่าเธอหลอกชายรุจตลอดมาทั้งที่ไม่เคยรักเลยแม้แต่นิดเดียว ชายใหญ่ถามว่าทำเพื่ออะไร
“เพื่อเรียกคืนศักดิ์ศรีและการยอมรับนับถือตัวเองของชายรุจน่ะซีครับ ถ้านายเอาแต่หลบอยู่ไม่ยอมเผชิญหน้านายก็จะลงโทษตัวเองไปตลอด นายต้องการอย่างนั้นหรือ”
ชายใหญ่ฟังแล้วเห็นด้วยจึงช่วยกันพาชายรุจไปจนได้
ไปถึงบ้านวาดดาวซึ่งเป็นบ้านเก่าแต่ดูอบอุ่นและมีอันจะกิน เจอส้ม ป้าของวาดดาวออกมารับ พาเข้าไปนั่งในบ้าน ส้มหายไปครู่หนึ่งจึงออกมาบอกว่าวาดดาวไม่อยู่
ส้มต้อนรับคุณชายทั้งสามอย่างเสียไม่ได้ ไม่ให้ข้อมูลและความร่วมมือใดๆ แม้แต่ที่ชายภัทรฝากบอก
วาดดาวว่าพวกตนอยากพบ ถ้ากลับมาแล้วช่วยส่งข่าวด้วย ส้มก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่กงการอะไรของตน ย้อนถามว่า อยากพบเขาแล้วถามเจ้าตัวเขาหรือยังว่าอยากพบหรือเปล่า ชายภัทรฟังแล้วเริ่มของขึ้น ตอบไปอย่างไม่เกรงใจว่า
“ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณวาดดาวเขาอยากพบหรือไม่พบ แต่เราต้องการความจริงจากปากคุณวาดดาว เรื่องที่คุณวาดดาวมาหลอกชายรุจ หว่านเสน่ห์มาตั้งแต่สมัยเรียน พอไปเจอเจ้าเศรษฐีแก่นั่นก็ทิ้งชายรุจอย่างไม่มีเยื่อใย อำมหิตที่สุดผู้หญิงคนนี้”
ส้มตวาดว่าอย่ามาว่าหลานตนแบบนี้ เพราะวาดดาวไม่ใช่คนอย่างนั้นถ้าจะมาเพื่อด่าหลานตนก็เชิญกลับไปได้เลย!
ชายใหญ่เห็นบรรยากาศไม่ดีจึงชวนกลับพร้อมกับเอ่ยขอโทษส้ม ชายรุจยังอุตส่าห์ฝากอวยพรให้วาดดาวมีความสุขกับการแต่งงาน ส้มตอบอย่างไม่ยี่หระว่า
“หลานฉันมีความสุขอยู่แล้วล่ะ อ้อ...แล้วเข้าใจเสียใหม่นะ ที่เขาเลิกกับคุณน่ะ มันก่อนที่เขาจะเจอมิสเตอร์ฟิลลิปตั้งเกือบปี” เห็นสามชายยืนอึ้ง ส้มไล่เอาดื้อๆ “อ้าว...ยืนเซื่องอยู่ทำไมคุณชาย กลับไปได้แล้ว”
ooooooo
ที่ภัตตาคารหรู ท่านชายทัศน์ หญิงแต้ว และเอื้อยกับอ้ายนั่งทานอาหารกันอยู่ ทั้งเอื้อยและอ้ายเพิ่งเห็นท่านชายเป็นครั้งแรก ต่างชื่นชมในความหล่อสมาร์ท เพื่อให้หญิงแต้วได้อยู่กับคู่หมั้นตามลำพัง ทั้งสองจึงชวนกันไปห้องน้ำ
ระหว่างนั้นหญิงแต้วถามท่านชายว่าเมื่อคืนเสด็จไปไหนหรือหญิงรออยู่ ท่านชายถามว่าเรานัดกันหรือ
“ไม่ได้นัดกันเป็นกิจจะลักษณะหรอกค่ะ แต่พี่ชายทัศน์รับสั่งเปรยๆว่าจะพาไปทานมื้อค่ำและฟังเพลง”
“งั้นพี่ก็ต้องขอโทษ พี่ติดธุระน่ะ ลืมโทร.ไปทูล กลับมาคราวนี้ช่วงสั้นเต็มทีงานล้นมือไปหมด”
หญิงแต้วถามว่าแล้วเราจะมีเวลาเหลือหรือเพราะพรุ่งนี้พี่ชายก็ต้องกลับสวิตฯแล้ว ท่านชายจึงนัดเป็นการแก้ตัวว่าคืนนี้จะรับไปดินเนอร์กัน หญิงแต้วดีใจถามว่า ที่ไหน ท่านชายขออุบไว้ก่อนไว้จะบอกเมื่อไปถึง พูด เหมือนปลอบใจว่า
“หญิงแต้วไม่ต้องทรงห่วง พี่ใกล้จะหมดโพสต์แล้ว เมื่อกลับมาเมืองไทยพี่จะชดเชยเวลาทั้งหมดให้กับหญิงแต้วของพี่”
“ค่ะ” หญิงแต้วรับคำด้วยความปลื้มปีติ ท่านชายจับมือขึ้นจุมพิตเบาๆ หญิงแต้วรีบดึงกลับเขินจนแก้มแดง
เมื่อกลับถึงวังอรุณรัศมิ์คืนนี้ พระองค์ฉัตรถามว่าวันนี้ไปไหนกันบ้าง หญิงแต้วเล่าว่าไปทานข้าวกลางวันที่แถวราชวงศ์กับหนูอ้ายหนูเอื้อย ท่านถามอีกว่าแล้วคืนนี้ล่ะ หญิงแต้วบอกว่าพี่ชายยังอุบไว้ก่อน
ระหว่างนั้นสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น นายหนุ่มมหาดเล็กเข้ามารับสาย แล้วส่งต่อให้หญิงแต้ว
“หญิงแต้ว พี่ชายเอง ต้องขอโทษจริงๆคืนนี้พี่ไม่สามารถไปกับน้องหญิงได้ เพราะเด็จป้าประชวร หมอบอกว่าความดันพระโลหิตขึ้นสูง”
หญิงแต้วตกใจเป็นห่วงถามว่าจะให้ไปเฝ้าไหม ท่านชายทัศน์ตอบอย่างอ่อนหวานว่า
“ไม่รบกวนหรอก พักผ่อนเถอะค่ะ ขอบพระทัยหญิงแต้วมาก พี่ขอตัวก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ก่อนเดินทางพี่จะโทร.หา”
แต่พอวางสายจากหญิงแต้ว ท่่านชายทัศน์ก็ใส่สูทที่คนรับใช้เตรียมไว้ให้ไปยืนมองกระจกอย่างภาคภูมิใจในความสง่างามของตัวเอง แล้วจึงลงมาพบกับสมรที่รออยู่โถงวังศุภกิจ เธอแต่งตัวสวย เปรี้ยว สวมสร้อยมุกที่ท่านชายให้เมื่อวานมาด้วย
“วันนี้เราต้องสนุกจนลืมตัวลืมตายกันเลยล่ะ ฉันจะทิ้งทวนคืนสุดท้ายของพระนครคืนนี้ และเผื่อไว้ทิ้งความเป็นโสดของฉันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”
“งั้นคืนนี้สมรจะทำให้ท่านชายทรงมีความสุขอย่างที่ท่านชายไม่มีวันลืมเลยค่ะ” สมรฉะอ้อนหัวเราะเสียงใสแล้วพากันออกไป
ooooooo
ที่วังจุฑาเทพ ชายรุจยังซึมเศร้า ชายพีร์กับชายภัทร จึงช่วยกันสร้างบรรยากาศชวนชายรุจ ชายใหญ่และ ชายเล็กไปงานเต้นบอลรูมประกวดกัน ทุกคนอยากให้ชายรุจได้ร่าเริงจึงช่วยกันลุ้นพาชายรุจไปจนได้
ที่งานนี้เอง ชายรุจเต้นและดื่มค่อนข้างหนักจนรู้สึกมึน ลุกเดินจากโต๊ะไป เห็นท่านชายทัศน์กำลังเต้นรำกับหญิงสาวอย่างเมามันหัวเราะกันระริก นึกว่าเป็นหญิงแต้วแต่พอเข้าไปทัก กลายเป็นสมร!
ท่านชายทัศน์ทักทายอย่างดูถูกในทีว่า ไม่นึกว่าอย่างชายรุจจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ด้วย สมรถามว่าทำไมหรือ
“ก็คุณชายเขามีกิตติศัพท์ว่า ‘คุณชายก้นครัว’ น่ะสิ”
“คุณพระช่วย...จริงเหรอคะ เป็นหนึ่งในห้าสิงห์จุฑาเทพ ทำไมถึงกลายเป็นคุณชายก้นครัวไปได้” สมรอุทานขำๆ
“ตอบคำถามสมรหน่อยเถอะคุณชาย ถึงกำพืดแท้จริงของคุณชายน่ะ” ท่านชายทัศน์ยิ้มหยันในที
ชายรุจเจ็บจนพูดไม่ออก เดินเลี่ยงออกจากร้าน สมองยังอื้ออึงด้วยคำพูดของทั้งสองเมื่อครู่นี้มันเสียดแทงบาดลึกลงไปถึงชีวิต!
ชายรุจเดินมาท่ามกลางสายฝนและเสียงฟ้าคะนอง จนทรุดหมดสติไปที่ศาลากลางสวน
ooooooo
เพราะอยากเรียนรู้ท่านชายทัศน์ผู้เป็นคู่หมั้นให้มากกว่านี้ หญิงแต้วเสนอพระองค์ฉัตรว่าอยากตามท่านชายไปสวิตฯด้วย ท่านบอกว่ามีเหตุผลแต่จะเดินทางไปอย่างไร ถ้าไปพร้อมกันคงซื้อตั๋วเครื่องบินไม่ทัน
หญิงแต้วขอเดินทางไปเมื่อตัวเองพร้อมและจะโทรเลขให้ท่านชายเมื่อไปถึงแล้ว เพราะเกรงว่าทูลตอนนี้พี่ชายจะไม่โปรด แต่เสด็จพ่อก็มีข้อแม้ว่าต้องมีคนดูแลตามไปด้วย จะเอาใครไปดี?
“หญิงรู้แล้วเพคะ เด็จพ่ออย่าทรงห่วงเลย หญิงมีสหายร่วมเดินทางด้วยตั้งสองคน”
คืนนี้เอง หญิงแต้วก็โทรศัพท์เรียกเอื้อยกับอ้ายให้มาค้างด้วยกันที่วัง ชวนแฝดทั้งสองไปเที่ยวสวิตฯกัน บอกว่าเด็จพ่อจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ เอื้อยกับอ้ายดีใจมากรับปากรับคำทันที แต่ยังไม่สบายใจเรื่องที่หญิงแต้วจะให้ท่านชายทัศน์ทราบเมื่อไปถึงสวิตฯแล้ว เกรงเสด็จพ่อจะทรงกริ้ว
“ถึงเรียกเอื้อยกับอ้ายมานี่ไง เราต้องเตี๊ยมกันให้ดี ต้องปดเด็จพ่อว่าเรารายงานพี่ชายทัศน์เรียบร้อยแล้ว เด็จพ่อจับไม่ได้แน่เพราะเมื่อเราไปพบพี่ชายทัศน์แล้ว เราก็บอกพี่ชายทัศน์ไม่ให้ทูลความจริงเด็จพ่อน่ะสิ”
เอื้อยกับอ้ายดีใจ ยกแก้วนมอุ่นๆขึ้นชนฉลองกันล่วงหน้า
ooooooo
ย่าอ่อนที่จับตาดูคุณชายแห่งจุฑาเทพทั้ง 5 ไม่คลาดสายตา คืนนี้เห็นขึ้นรถออกไปกันอย่างเฮฮาครื้นเครง ถามพวกคนรับใช้ก็ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน ย่าอ่อนถามอีกว่าแล้วเมื่อตอนบ่าย ชายใหญ่ ชายรุจ กับชายภัทรพากันออกไปไหน
“อันนี้ทราบคะ พี่หนอมบอกว่าไปบ้านคุณวาด–ดาว” ศรีบอก ย่าอ่อนตกใจรีบโทรศัพท์ไปที่วังเทวพรหม ถามความคืบหน้าเรื่องหม่อมกระถินกับเทวพันธ์ พอรู้ว่าเกษรากำลังไปรับมา พรุ่งนี้จะเชิญย่าอ่อนมาดูตัว ย่าอ่อนก็ถอนใจยาว....
“โล่งอก...แล้วหน้าตาสะสวยอย่างที่คุณบอกสรรพคุณไว้รึเปล่า”
“ยายเกษโทรเลขมาบอกกำลังแตกเนื้อสาว น่ารักน่าชังเชียวล่ะครับคุณป้า”
รุ่งขึ้น ย่าอ่อนจะพาชายรุจไปดูตัวกระถินด้วยกัน จึงรู้ว่าเมื่อคืนชายรุจโดนฝนจับไข้จนหมดสติไป ชายใหญ่ถูกตำหนิที่เป็นพี่ชายใหญ่พาน้องๆไปเที่ยวจนชายรุจจับไข้ ชายใหญ่ขอรับผิดชอบแทนน้องๆทุกคน ตำหนิตัวเองว่าดูแลชายรุจไม่ดีเอง สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
ย่าอ่อนหงุดหงิดที่เสียฤกษ์พาชายรุจไปดูตัวกระถิน จึงให้ชายพีร์กับชายเล็กไปสั่งชายเล็กให้เอากล้องไปด้วย สองชายสงสัยว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่
เมื่อไปถึงเทวพันธ์ให้เกษราพากระถินออกมาให้ดูตัว กระถินก้มหน้างุด เมื่อบอกให้ไหว้ย่าอ่อนกับสองคุณชายก็ยกมือไหว้เก้ๆกังๆถามอะไรก็ไม่พูด ซ้ำยังเกายุกยิกตลอดเวลา เกษราพูดออกตัวแทนว่าน้องยังอาย ไม่ชินแล้วแนะนำแทน
เทวพันธ์กลัวย่าอ่อนจะไม่ถูกใจ แต่พอย่าอ่อนบอกว่า กระถินดูคมขำ ตาคม น่าเอ็นดู เทวพันธ์ก็โล่งใจ
ย่าอ่อนนัดแนะว่าอีกสองวันจะพาชายรุจมาดูตัวเพราะอาทิตย์หน้าชายรุจจะต้องไปต่างประเทศแล้ว
“ได้ครับคุณป้า” เทวพันธ์รีบรับคำอย่างโล่งอก
ย่าอ่อนเรียกชายเล็กให้มาถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่ว่าจะถ่ายกี่รูป กระถินก็ยืนหน้านิ่งเหมือนหุ่น พอบอกให้ยิ้มกลับทำท่าเบะจะร้องไห้จนชายเล็กต้องรีบบอกว่าไม่ต้องยิ้มก็ได้
ชายเล็กกับชายพีร์ค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นว่าย่าอ่อนมาทำอะไรที่นี่ ถามย่าว่าจะบอกชายรุจเมื่อไร
“คืนนี้ เรียกทุกคนมากินข้าวพร้อมหน้ากัน ย่าจะบอกชายรุจตอนนั้น เราสองคนก็อย่าไปหลุดปากพูดก่อนล่ะ” ย่าอ่อนกำชับขณะพากันเดินทางกลับ
ส่วนเกษรา เมื่อพวกย่าอ่อนกลับไปกันหมดแล้ว เธอท้วงติงพ่อว่าถ้าเด็กไม่เต็มจะเป็นเจ้าสาวก็อย่าบังคับเลยแกยังเด็กเหลือเกิน
“แกจะให้ฉันชวดโอกาสที่จะได้ดองกับจุฑาเทพอีกครั้งแล้วใช่ไหม” เทวพันธ์ตวาดอย่างไม่พอใจ
“คุณพ่อ ที่หนูพูดเพราะเห็นแก่เด็กนะคะ ตั้งแต่มาถึงเมื่อเช้าคุณพ่อก็เห็นว่าสภาพเด็กเป็นอย่างไร ถ้าคุณย่าอ่อนรู้ความจริงว่าการบ้านการเรือนอะไรไม่เป็นสักอย่างจะเกิดอะไรขึ้นคะ”
เทวพันธ์สั่งเกษราทำกระถินให้ดูดีสมเป็นกุลสตรีให้ได้ ให้พาไปขัดสีฉวีวรรณให้หายกระดำกระด่าง สอนเรื่องการครัวเป็นการด่วน เพราะพรุ่งนี้ชายรุจจะมาดูตัวแล้ว กำชับว่า
“แกต้องทำให้มันหายจากสาวป่ามาเป็นสาวกรุงให้ได้” พูดแล้วยังเอาเงินที่เกษราขายขนมได้ 500 บาทไปเข้าบ่อนอีก ส่วนน้องสาวสองคนก็อาสาจะพากระถินไปทำสวยบอกว่า ใช้เงินแค่เศษๆจากร้านขนมเท่านั้นเอง
ooooooo
เมื่อกลับถึงวังจุฑาเทพ ย่าอ่อนก็รีบไปรายงานย่าเอียดโดยมีชายเล็กกับชายพีร์นั่งฟังอยู่ด้วย ย่าอ่อนพรรณนาความงามของกระถินว่าคมขำแบบสาวใต้ กิริยามารยาทก็แช่มช้อยการบ้านการเรือนก็ไม่มีที่ติ รวบรัดว่าเหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของชายรุจที่สุด
ชายเล็กกับชายพีร์มองหน้ากันงงๆที่ย่าอ่อนเรียนย่าเอียดเรื่องกระถินตรงกันข้ามกับที่พวกตนเห็น แต่ไม่อาจติติงได้
“งั้นคืนนี้ย่าจะขึ้นตึกไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะ ขอให้ทุกคนอยู่ให้พร้อมหน้ากัน” ย่าเอียดสั่งคุณชายทั้ง 5 พากันตื่นเต้นว่าคุณย่าต้องมีเรื่องสำคัญจะบอกแน่จึงเรียกไปทานข้าวพร้อมกัน ชายรุจที่หายเมาเป็นปลิดทิ้งเพราะอาเจียนออกมาและซดต้มโคล้งป้าสายเผ็ดจนควันออกหู ก็ลงครัวทำน้ำพริกลงเรือเอง
เมื่อได้เวลา ทุกคนมาพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร ย่าเอียดนั่งหัวโต๊ะ ย่าอ่อนนั่งถัดมา คุณชายทั้ง 5 นั่งอย่างสำรวม ใจจดจ่อที่จะรับรู้เรื่องสำคัญ
ย่าเอียดเกริ่นขึ้นก่อนเล็กน้อยแล้วเล่าว่า บ่ายนี้ย่าอ่อนได้ไปดูหลานสาวคนสุดท้องของเทวพรหมชื่อว่าหม่อมกระถิน เทวพรหม ย่าทั้งสองรวมทั้งเทวพันธ์เห็น
พ้องต้องกันว่า “หม่อมกระถินเหมาะจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายของชายรุจ”
ชายรุจเจื่อนไปทันทีถามว่าเหมาะสมอย่างไร ย่าอ่อนสวนไปว่าก็ยังดีกว่าไปคว้าลูกพ่อค้าสามัญชนมาเป็นเมีย ชายรุจบอกว่าถ้าหมายถึงวาดดาวก็เบาใจได้เพราะเธอกำลังจะแต่งงานกับเศรษฐีชาวสวิสอยู่แล้ว ชายรุจถามถึงกระถินว่า อายุเท่าไร การศึกษาระดับไหน นิสัยใจคอเป็นอย่างไร หม่อมย่าถึงได้บอกว่าเหมาะสมกับตน
“แม่อ่อน อธิบายซิ หรือชายเล็กชายพีร์ก็ได้ เราไปเจอตัวเขามาแล้ว เล่าให้ฟังหน่อย” ย่าเอียดโยนกลองให้ทั้งสาม
ชายเล็กบอกว่ากระถินเพิ่งอายุ 17 ชายพีร์เสริมว่าการศึกษาจบมัธยมต้นเท่านั้น ชายรุจถามว่าอุปนิสัยใจคอล่ะ?
ชายเล็กบอกว่าไม่รู้เลยเพราะกระถินไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่ก้มหน้า และยังคันในร่มผ้าเห็นเกาหยุกหยิกอยู่ตลอดเวลา
“เอาล่ะ ผมได้คำตอบแล้ว หม่อมหลวงกระถินเหมาะสมกับผมตรงนี้เอง” ชายรุจพูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “เธอไม่ได้เหมาะสมกับผมในฐานะที่เธอเป็นหม่อมหลวง แต่เหมาะสมที่เธอเป็นเด็กสาวสามัญจากป่าจากดอย เหมาะสมกับความเป็นคุณชายก้นครัวอย่างผม”
ย่าอ่อนปรามให้หยุด อย่ามาพูดประชดประชันกัน เพราะเรื่องนี้ทางผู้ใหญ่คิดดีกันแล้วทั้งสองฝ่ายหรือจะปฏิเสธ
“ไม่ครับ” ชายรุจกล้ำกลืนความเจ็บปวด “ผมยอมรับการตัดสินใจของผู้ใหญ่ เมื่อเห็นดีเห็นชอบ ผมก็ยินดี เพียงแต่ผมขออย่างเดียว ให้ผมเสร็จภารกิจที่สวิตฯเสียก่อน เมื่อกลับมา ผมยินดีแต่งงานกับหม่อมหลวงกระถินทันที” แล้วหันพูดกับย่าเอียดอย่างเคร่งขรึม “หม่อมย่าครับ ถ้าผมแต่งงานกับตระกูลเทวพรหมแล้ว ขอให้เป็นตามที่หม่อมย่าเคยดำรินะครับ”
“ว่าอย่างไรชายรุจ” ย่าเอียดถาม
“ที่หม่อมย่าดำริว่า มีเพียงคนเดียวในพี่น้องทั้งห้า ถ้าแต่งกับทางเทวพรหมก็ถือว่าปฏิบัติตามพระประสงค์ของท่านพ่อกับทางคุณลุงเทวพันธ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องบังคับน้องคนไหนให้แต่งกับสาวเทวพรหมอีกต่อไป”
“ได้...เป็นไปตามนั้น” ย่าเอียดตอบหนักแน่น ย่าอ่อนจะท้วงติง ถูกย่าเอียดห้ามไว้ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วแม่อ่อน”
“ครับ...ผมอิ่มแล้ว ผมขอตัว” ชายรุจลุกออกไป ท่ามกลางความเงียบงันของทุกคน
ooooooo
คืนนี้ พี่น้องทั้ง 4 ก็ไปรวมตัวกันที่ห้องใต้โดม ห้อมล้อมชายรุจที่นั่งนิ่งสายตาว่างเปล่า สีหน้าอ่อนล้า
ชายพีร์ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของชายรุจที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบแม้แต่หน้าตาก็ไม่เคยเห็นสักครั้ง
ชายเล็กเชื่อว่าถึงเห็นก็ไม่มีวันยอมรับน้องกระถินได้เพราะยังเด็กเหลือเกินแถมยังไม่ประสีประสา ส่วนชายภัทรพูดหนักแน่นว่า
“อีกเรื่อง ที่นายเสียสละยอมแต่งงานกับเทวพรหมเพื่อให้อิสระกับพวกเรา นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่นายพึงกระทำเลยแม้แต่นิด”
ชายรุจถามว่าน้องๆทุกคนไม่มีใครชอบสาวเทวพรหมเลยไม่ใช่หรือ และที่สำคัญตนไม่มีทางเลือก พูดเศร้าๆว่า
“เด็กบ้านป่าอย่างกระถินก็คงเหมาะกับคุณชายก้นครัวอย่างพี่ที่สุดแล้ว”
ชายใหญ่ตำหนิชายรุจที่เอาแต่ประชดประชันตัวเอง เสนอให้รีบเดินทางไปต่างประเทศให้เร็วที่สุด น้องๆ ทุกคนช่วยกันออกความคิดเห็นว่า ชายรุจไม่ควรไปพบกระถินเพราะยิ่งพบก็จะยิ่งทั้งสงสารตัวเองและน้องกระถิน ชายภัทรสรุปว่า
“รีบเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ของนาย แล้วลืมเรื่องทางนี้เสียให้หมด ค่อยมาหาทางกันใหม่เมื่อนายกลับมาเมืองไทยแล้ว ไปสวิตฯ ให้เหมือนครั้งที่นายยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ คงไม่มีครั้งไหนในชีวิตที่นายมีความสุขเท่าครั้งนั้นใช่ไหม ชายรุจ”
ชายรุจเห็นด้วย ขอบใจชายภัทรที่เตือน ชายใหญ่ชูแก้วขึ้นเอ่ย “เพื่อสิงห์จุฑาเทพของเรา” ทุกคนชูแก้วพูดตามพร้อมกันแล้วยกดื่ม อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ooooooo
วันนี้ ชายรุจแต่งตัวพร้อมออกเดินทาง ส่วนชายใหญ่และน้องๆก็แต่งหล่อเตรียมไปส่งชายรุจที่สนามบิน ชายรุจเข้าไปกราบลาย่าเอียด ย่าอวยพรให้เดินทางปลอดภัย พระคุ้มครอง เตือนอย่าลืมหาของฝากท่านทูตกับภริยาด้วย
ย่าเอียดพูดย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ให้ดี แล้วบอกชายรุจด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยเมตตาว่า
“เรื่องเรากับกระถิน ถ้าไม่ชอบพอกันไม่ถูกใจกันจริงๆ ย่าไม่ห้ามหรอกนะที่เราจะปฏิเสธ...อีกอย่าง ที่เราพูดประชดน้อยใจตัวเองเรื่องคุณชายก้นครัวน่ะ รู้ไหมใครเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้เรา” ชายรุจคาดว่าย่าอ่อน “ไม่ใช่ แม่ช้องนาง แม่ของเรานั่นแหละเป็นคนตั้ง”
ย่าเอียดเล่าด้วยแววตามีความสุขว่า เพราะชายรุจชอบปรนนิบัติเอาใจทุกคน เอื้ออารีกับทุกคนจึงเป็นที่รักเป็นที่พึ่งของพี่น้องมาถึงบัดนี้ เพราะฉะนั้นภูมิใจไว้
เถิดคำว่า “คุณชายก้นครัว” คือคำชื่นชม ไม่ใช่คำดูถูกดูแคลนเลยแม้สักนิด
ชายรุจกอดย่าเอียดไว้น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ พี่น้องทุกคนพลอยซึ้งไปด้วย
พลันบรรยากาศก็เปลี่ยนไป เมื่อย่าอ่อนที่ไปเล่นไพ่ที่บ้านยายทองสุขเพิ่งรู้ว่าชายรุจจะเดินทางวันนี้จึงรีบกลับมา ตำหนิชายรุจว่าไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปดูตัวกระถิน ย่าเอียดบอกว่าตนอนุญาตให้ชายรุจไม่ต้องไปพบกระถินเอง
“ชายรุจกำลังคร่ำเคร่งเรื่องเอกสารทางกฎหมาย จะมาเสียสมองกับเรื่องส่วนตัวอยู่ไม่ได้ การเลื่อนการเดินทางให้เร็วขึ้นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง” ย่าเอียดชี้แจง ย่าอ่อนเสียงอ่อยว่านึกว่าจะรีบไปพบแม่วาดดาวเสียอีก
“ย่าอ่อนครับ สิ่งที่ผมให้คำมั่นไปแล้ว ผมไม่คืนคำหรอกครับ ผมลา” ชายรุจไหว้ลาเพราะได้เวลาเดินทางแล้ว ขณะรถแล่นออกจากวังจุฑาเทพนั้น ย่าเอียดเบือนหน้าหลบสายตาคนอื่นปกปิดน้ำตาที่กำลังรื้นขึ้นเต็มดวงตา...
ooooooo
ระหว่างเดินทาง น้องๆพากันยุ ช่วยกันลุ้น ให้ชายรุจไปอยู่สวิตฯนานๆหรือไม่ก็ขอโพสต์ไปประจำประเทศใดประเทศหนึ่งอย่างน้อยก็หนีไปได้อีกสี่ปี
เมื่อไปถึงสนามบิน ชายใหญ่ขอให้ชายรุจทำงานเพื่อชาติให้เต็มที่ ชายภัทรขอให้เข้มแข็งเลือกในสิ่งที่หัวใจต้องการที่สุด ชายเล็กบอกว่าอีกสองเดือนเจอกัน ส่วนชายพีร์เตือนอย่าลืมซื้อมีดพกสวิสอาร์มี่มาฝากด้วย เมื่อแยกกันแล้ว ชายใหญ่พึมพำ “ขอให้ชายรุจพบสิ่งที่เขาปรารถนาเถิด”
เป็นวันที่หญิงแต้ว กับเอื้อยและอ้ายเดินทางไปสวิตฯเช่นกัน สองสาวฝาแฝดเห็นคุณชายทั้ง 5 ยืนเท่กันอยู่ก็ตื่นเต้นชวนไปทักทาย แต่เห็นชายรุจมองมาแล้วมองเลยไปเหมือนจำไม่ได้ หญิงแต้วจึงไม่ให้ไปทักเชื่อว่าชายรุจจำตนไม่ได้
แต่พอเข้าเกทไปนั่งรอขึ้นเครื่อง สามสาวจึงแน่ใจว่าชายรุจเดินทางไปสวิตฯแน่ๆ เมื่อชายรุจมานั่งเก้าอี้ข้างๆ หญิงแต้วชวนเพื่อนย้ายที่นั่งกัน ชายรุจได้ยินอะไรแว่วๆหันมองแล้วยิ้มให้ เอื้อยกับอ้ายรีบยกมือไหว้ ทักทายอย่างรู้จักดี
“สวัสดีค่ะคุณชายปวรรุจ”
ชายรุจรับไหว้ถามว่าเราเคยรู้จักกันหรือ
“ค่ะแต่นานมากแล้ว สมัยคุณชายไปเที่ยวที่วัง...” หญิงแต้วแอบหยิกอ้ายที่คุยจ้อ ชายรุจขอโทษที่ตนจำไม่ได้จริงๆ ขอให้ช่วยแนะนำพวกเธอด้วย อ้ายแนะนำตัวเองกับเอื้อยแล้วจะแนะนำหญิงแต้ว หญิงแต้วรีบบอกว่า “รสาค่ะ เพื่อนสนิทของหนูเอื้อยกับหนูอ้าย”
จากการคุยกันจึงรู้ว่าชายรุจเป็นข้าราชการนักการทูตกระทรวงการต่างประเทศ สามสาวมองหน้ากันคิดเหมือนกันว่า “งั้นก็ต้องไปร่วมประชุมงานเดียวกับท่านชายทัศน์?”
พอดีถึงเวลาขึ้นเครื่อง อ้ายเอ่ยก่อนแยกกันว่า “เดี๋ยวเจอกันบนเครื่องนะคะคุณชาย” เมื่อแยกกันแล้วหญิงแต้วกำชับเอื้อยกับอ้ายว่า ต่อหน้าชายรุจให้เรียกตนว่า “รสา” เท่านั้นอย่าเรียกท่านหญิงเด็ดขาด
เมื่อขึ้นเครื่อง ที่นั่งของหญิงแต้วติดกับที่นั่งของชายรุจ หญิงแต้วพยายามจะขอเปลี่ยนกับเอื้อย อ้าย แต่ทั้งสองพร้อมใจกันไม่ให้เปลี่ยน
หญิงแต้วนั่งอึดอัด แต่แล้วก็สะดุ้งตกใจเพราะเครื่องบินตกหลุมอากาศติดต่อกันรุนแรงและยาวนาน หญิงแต้วจิกแขนชายรุจไม่รู้ตัว ซึ่งชายรุจก็ปล่อยให้จิกด้วยความเห็นใจห่วงใย แต่เครื่องตกหลุมอากาศติดต่อกัน หญิงแต้วตกใจซบไหล่ชายรุจ กระทั่งซบอกไม่รู้ตัว ครู่เดียวก็อาเจียนอีก ชายรุจเอาถุงอาเจียนให้ เอาน้ำให้บ้วนปาก เอาผ้าเช็ดหน้าให้ซับ
เมื่อทุกอย่างสงบ หญิงแต้วขอตัวไปห้องน้ำ ชายรุจขยับให้เธอลุกไป แล้วนั่งพิงพนักถอนใจ...
ooooooo










