สมาชิก

ปดิวรัดา

ตอนที่ 8

พอรินอยู่ในครัวบ้านพณิชตามลำพัง แก้วเข้ามาหาโอบกอดด้วยความคิดถึง ถามที่ทำทั้งหมดนี่เพื่อดัดหลังดวงสวาทใช่ไหม รินบอกเป็นแผนของพณิช ตนเองคงไม่กล้า แก้วชอบใจยกคำพระมาอ้างว่า... พระพุทธเจ้าสอนให้ปรามคนที่ควรปราม

“...กลับบ้านเรานะลูก ที่โน่นวุ่นวายไปหมด แม่สายนายเสริมจะลาออกถ้าหนูไม่กลับ ดอกไม้ดอกไร่ถูกแม่ดวงสวาทตัดหมด หนูไม่ห่วงดอกไม้ของหนูเหรอ...ฟังให้ดีๆนะ พ่อศรัณย์ตั้งแต่กลับมา ไม่เคยนอนบ้าน นอนที่อำเภออย่างเดียว เขาต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อรอหนูกลับมา ให้หนูเห็นว่าไว้ใจเขาได้”

รินยิ้มขอบคุณ แก้วเดินออกไปแตะมือกับศรัณย์ เขาเข้ามาจับมือรินชมว่าวันแต่งงานก็สวย วันนี้ก็สวย สวยทรมานใจตนมาก รินเหน็บ เห็นแล้วใช่ไหมว่าตนอยู่บ้านมีแต่ความสุข แต่อยู่กับเขามีแต่เรื่องเหนื่อยใจ แล้วยกมือที่เขาจับขึ้นบอกมือที่จับกันนี่ จะจับกี่ครั้ง นับยังไงก็ห้า ว่าแล้วก็นับหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า...รินปลดมือออก ศรัณย์มองชุดที่เธอใส่แล้วกล่าวอย่างจริงใจ

“ชุดราคาแพงที่ไหนก็ไม่เหมือนชุดธรรมดาที่อยู่หลังครัว นั่งทำครัว ทำสวน ปักผ้า เวลากลับบ้านมาตอนเย็น เห็นหล่อนทุกครั้ง ฉันรู้สึกว่าฉันถึงบ้านแล้ว...บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ ขอโทษที่หล่อนเหนื่อย แต่ฉัน...หายเหนื่อยทุกครั้งที่กลับบ้าน เราไม่มีคำตอบให้กันและกันในวันนี้ แต่ได้โปรดอยู่ด้วยกันก่อน หาความหมายของหล่อน หาความหมายของฉัน อยู่ด้วยกันก่อนนะ”

รินรู้สึกซาบซึ้งมองศรัณย์ด้วยหัวใจที่อ่อนลง...ในขณะเดียวกัน ดวงสวาทให้จิ้มลิ้มถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามมาที่อำเภอ พูดจาวางก้ามกับเจ้าหน้าที่ที่อำเภอว่าตนเป็นภรรยาปลัดศรัณย์ ต้องการมาอยู่กับเขาที่นี่ เจ้าหน้าที่บอกว่าปลัดไม่อยู่แต่เธอก็ดึงดันจะไปรอที่ห้องพัก มีชายคนหนึ่งใช้หนังสือพิมพ์บังหน้า นั่งกลมกลืนไปกับชาวบ้าน แอบมองด้วยสายตามาดร้าย

ในขณะที่บ้านพณิช คุณหญิงพิมชื่นชมศรัณย์ที่ปราบเสือบางได้ เอ่ยถามเขามีของขลังอย่างที่ใครๆร่ำลือจริงหรือ เขาตอบอย่างหนักแน่นว่ามีเพียงความศรัทธากับพรของแม่ ผู้ว่าถามว่าพวกข้าราชการยังมีขวัญกำลังใจกันหรือไม่ นายอำเภอเล่าว่า เมื่อวานศรัณย์พูดให้กำลังใจเรียกขวัญเจ้าหน้าที่ทุกคนกลับมาได้ คำกล่าวของศรัณย์ “ผมไม่ได้เล่นคุณไสยเพราะผมถือในอำนาจสูงสุด ผมมีศรัทธา มือของโจรก่อกรรมทำเข็ญผู้คน มีแต่คนสาปแช่ง มือสกปรกเช่นนี้ ต่อให้มันสวดภาวนาอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เทียบกับมือของเราทุกคนไม่ได้”

นายอำเภอชี้ที่ตราครุฑอันศักดิ์สิทธิ์ ศรัณย์ย้ำ จงคิดถึงศรัทธาที่ทำให้เรามาเป็นข้าราชการ ศรัทธาต่อศาสนา ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ศรัทธาที่ขาวสะอาดจะต้องชนะศรัทธาสกปรก...ทุกคนเฮพร้อมกันว่าต้องชนะ...ชนะ

ระหว่างนั้นอรุณนั่งหาวเฝ้าร้านทองกับอาแปะ มีตำรวจนายหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์คุ้มกัน ไม่มีลูกค้าตั้งแต่เสือขาวขู่จะปล้น ไม่ทันไรสิงห์ปลอมเป็นชาวบ้านเข้ามาทำทีจะซื้อทองแล้วจู่ๆก็ชักปืนออกมายิงใส่นายตำรวจ กิจและนิ่มตามเข้ามากวาดทองใส่กระเป๋า อรุณกับแปะตกใจมุดไปกอดกันตัวสั่นอยู่ใต้โต๊ะ กิจประกาศกร้าวว่านี่คือการปล้นของเสือขาว

โชติได้รับข่าวการปล้นก็รีบแจ้งไปที่สารวัตร และยกกำลังไปปกป้องชาวบ้าน ทำให้ที่ว่าการอำเภอเหลือเพียงดวงสวาทกับจิ้มลิ้มอยู่ในห้องทำงานศรัณย์...เสือขาวบุกเข้ามาจับดวงสวาทเพราะได้ยินประกาศตัวว่าเป็นเมียศรัณย์ จิ้มลิ้มร้องกรี๊ดๆด้วยความกลัว เสือขาวคิดบางอย่างได้

“ห้ามส่งเสียงอะไรออกมาทั้งนั้น...ตอนแรกว่าจะทิ้งมีดไว้เป็นที่ระลึกในห้องนี้เฉยๆ แต่ตอนนี้ฝากรอยแค้นไว้ที่เมียรักของมันดีกว่า...มันฆ่าน้องชายกู ระวังเมียกับแม่มันให้ดี กูจะฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้” ว่าแล้วเสือขาวก็ตวัดมีดฉับ เสียงดวงสวาทและจิ้มลิ้มกรีดร้องลั่น

ooooooo

สารวัตรได้รับแจ้งก็รีบบอกทุกคนว่าเสือขาวปล้นร้านทองกลางวันแสกๆ ศรัณย์เตรียมการไว้แล้ว กางแผนที่ที่นำติดตัวมาด้วย “คำนวณจากเวลาที่มันปล้น มีสามเส้นทางที่มันจะเดินทางกลับค่ายของมัน นี่ครับจุดนี้ จุดนี้และจุดนี้ ต้องตั้งจุดสกัดดักชิงทองคืนทั้งสามจุด”

เสนอรีบไปเตรียมรถ ศรัณย์ชี้จุดหนึ่งเป็นจุดที่ใช้เวลาเข้าป่ากลับค่ายน้อยที่สุด สารวัตรอาสาดูแลจุดนี้ นายอำเภอดูแลจุดที่สอง ศรัณย์ดูแลจุดที่สาม เขาให้รินดูในแผนที่ จำแล้วนำไปบอกกำนันคล้ายให้พาชาวบ้านมาช่วยตนที่จุดนี้ รินรับคำหันไปขอร้องพณิชให้ช่วยขับรถพาตนไปบ้านคล้าย รินขอให้แก้วอยู่กับบารนี คุณหญิงพิมตื่นเต้นที่เห็นรินสามารถช่วยงานศรัณย์ได้

“บราลีเขาคุ้นเคยกับชาวบ้านค่ะ ตามปลัดไปนอนในหมู่บ้านอยู่บ่อยๆ ไม่มีรังเกียจรังงอนเลยค่ะ” แก้วเล่าให้ฟัง พิมชื่นชมบอกให้รอรับรางวัลภรรยาดีเด่นไปเลย

พณิชขับรถมาจอดรอรับริน เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถ จู่ๆศรัณย์เข้ามาดึงเธอไปกอดอำลากระซิบขอให้เธออวยพร เธอเสียงเข้มว่าไม่อวยพร เขาผงะถอยออกงงๆ สีหน้ารินจริงจัง

“มีแต่คำสั่ง! ฉันจะกลับไปพักที่บ้าน เพราะฉะนั้นฉันขอสั่งคุณ คุณต้องกลับมาเจอฉันที่บ้าน” ศรัณย์ซาบซึ้งดึงรินเข้ามากอดแนบแน่น พณิชรับปากจะดูแลรินไม่ต้องห่วง

ด้านดวงสวาทถูกเสือขาวใช้มีดตัดผมขาดแหว่งไปครึ่ง นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เจ้าหน้าที่และนักข่าวสอบถามอะไรก็พูดไปร้องไห้ไปจนฟังไม่รู้เรื่อง จิ้มลิ้มฟูมฟาย

“โฮ้ย ตอนนั้นกรี๊ดกันลั่น นึกว่ามันจะเชือดคอ มันตัดผมฉับเดียวเลย มีดคมมาก แล้วก็หนีไป โชคดีนะคะเนี่ยนรกยังไม่ต้องการตัว” ดวงสวาทหันขวับมองหน้า จิ้มลิ้มแก้คำพูดใหม่ “หมายถึงยังไม่ถึงคราวน่ะค่ะ แถวบ้านจิ้มลิ้มพูดแบบนี้”

เจ้าหน้าที่ถามว่าคนร้ายหนีไปทางไหน ดวงสวาทโวย ไอ้พวกบ้ายังจะมาถาม ตนเกือบตาย หายไปไหนกันหมดรู้บ้างไหม เจ้าหน้าที่ถามถึงรูปพรรณสัณฐานคนร้าย ดวงสวาทร้องไห้โฮด่าเปิงยังจะถามอีก ไล่ให้ไปตามศรัณย์ บอกเขาว่าตนเกือบตายเขาต้องมาหาตน นักข่าวถ่ายภาพเธอโวยวาย ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เธอเรียกร้อง

จุดสกัดที่หนึ่ง สารวัตรตั้งด่าน มีรถบรรทุกฟางแล่นมา ตำรวจขอตรวจค้น เห็นแต่ฟางจึงโบกให้ไป ทันใดสารวัตรเห็นเลขทะเบียนก็โวยลั่นว่าคันนั้น ตำรวจไล่ยิง รถคนร้ายแถลงข้างทาง คนขับฟุบหน้ากับพวงมาลัย ตำรวจปีนขึ้นค้นท้ายรถไม่พบอะไร สารวัตรจึงรู้ว่าถูกหลอก

อีกด้าน เสือขาว สิงห์และสมุนแต่งตัวเป็นชาวบ้านนั่งรถขนส่งปะปนไปกับชาวบ้าน...จุดสกัดที่สอง นายอำเภอและโชติประจำการอยู่ กิจและนิ่มทำตัวเป็นชาวบ้านผัวเมียขับเก๋งเก่าๆผ่านมา โชติขอตรวจค้นให้เปิดกระโปรงหลัง นิ่มยั่วยวนรีรอไม่เปิดกระโปรงรถ กิจทำเป็นโกรธทะเลาะกัน โชติต้องห้ามทัพ กิจบอกไม่เอาแล้วเมียแบบนี้ยกให้ ว่าแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป นิ่มโวยวายวิ่งตาม โชติเอะใจเรียกให้จอดก่อน แต่กิจบึ่งรถออก โชติกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์กวดตาม นายอำเภอวิทยุบอกให้ทุกหน่วยสกัดจับ นิ่มชักปืนยิงใส่จึงโดนโชติยิงดับ กิจตกใจไหนเสือขาวบอกว่าพวกเราหนังเหนียว ทันใดรถนายอำเภอตีคู่มา ยิงใส่ที่หัวกิจตายคาพวงมาลัย

โชติเข้าเปิดท้ายรถพบกระเป๋าใส่ทอง นายอำเภอทึ่งเชื่อคำของศรัณย์ที่ว่า ศรัทธาเลวๆไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนคุ้มครอง

ทางด้านศรัณย์ที่อยู่จุดสกัดที่สาม มีหญิงชาวบ้านแห่กันมามุงดู ส่งเสียงบอกกันให้ดูปลัดรูปหล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังมาปราบเสือขาว ทำให้การทำงานของศรัณย์ลำบากขึ้น พอรถขนส่งที่เสือขาวกับลูกน้องนั่งมาถึงด่าน ตำรวจขึ้นไปตรวจค้น เด็กคนหนึ่งชี้ที่ปืนตำรวจแล้วร้องว่าเหมือนของพี่บนรถเลย เท่านั้นเสือขาวกับพวกก็ชักปืนยิงสู้กับศรัณย์และตำรวจ ชาวบ้านแตกฮือหนีลงจากรถ ศรัณย์ต้องรอให้ชาวบ้านหนีไปให้หมดถึงกล้ายิงใส่พวกเสือขาว...สิงห์กับพวกถูกยิงดับ เสือขาวยังกระหน่ำยิง ศรัณย์จึงหยิบระเบิดออกมาใช้ปากดึงสลัก

“ได้เวลาพิสูจน์คุณไสยของพวกแกกันแล้วว่ากันไฟได้หรือเปล่า มาดูกัน” ว่าแล้วก็กลิ้งระเบิดไปใต้ท้องรถ ระเบิดเปรี้ยงดังสนั่น ทุกคนเฮกันใหญ่

ศรัณย์เห็นเหมือนมีคนกระเด็นออกไป จึงสั่งให้ทีมล้อมไว้อย่าให้ใครรอดไปได้ ตัวเขาวิ่งไปดูอีกฟาก เห็นมีรอยเลือดหายเข้าไปในป่ายางจึงรีบตามเข้าไปอย่างระมัดระวัง...ร่างเสือขาวเต็มไปด้วยเลือดสะบักสะบอมพยายามหนี เขาเด็ดใบไม้มาคาบไว้เสกคาถาพรางตัวเกิดหมอกควันทำให้ศรัณย์มองไม่เห็นจึงยิงปืนออกไป นกกระพือบินขึ้นฟ้า ทันใดเสือขาวปรากฏตัวขึ้น ยิงใส่ขาศรัณย์ทั้งสองข้างล้มลง เขาหันมายิงกลับแต่กระสุนหมด เสือขาวร่างอาบเลือดหัวเราะ

“คาถามหาอุดของกูทำให้ปืนใช้ไม่ได้ กระสุนต่อไปจะเจาะเข้าที่หัวใจมึง” และแล้วเสือขาวลั่นไกแต่ไม่ออกเช่นกัน

“มหาอุดของกูใหญ่กว่ามึงเยอะ อยากรู้ไหมล่ะ ศรัทธาเพื่อชาติโว้ย” ศรัณย์เยาะกลับ

เสียงเสนอร้องเรียก ศรัณย์ตะโกนบอกว่าตนอยู่ตรงนี้ ทำให้เสือขาวชะงักตัดสินใจวิ่งหนีเข้าป่าไป เสนอมาถึงพร้อมชาวบ้าน เห็นสภาพศรัณย์ก็ตกใจรีบเข้าช่วยเหลือ

ooooooo

รินและพณิชรออยู่ที่บ้านคล้าย พอรถคล้ายกลับมา น้อยไม่เห็นคล้ายก็ตกใจ ลูกน้องบอกว่าคล้ายไปรอรับศพ น้อยรีบถามว่าศพใคร พอลูกน้องตอบว่าศพนิ่ม น้อยก็ทรุดฮวบร้องไห้โฮ...รินถามถึงศรัณย์ ลูกน้องบอกว่าโดนยิงตอนนี้อยู่โรงพยาบาล รินหน้าซีด พณิชรีบอาสาพาไป

ที่บ้านศรัณย์ แก้วเห็นสภาพดวงสวาทยังขวัญเสียหวาดผวา จิ้มลิ้มเล่าว่าเธอร้องไห้ทั้งคืน ไม่ทันไรเสนอรีบมาบอกเรื่องศรัณย์ ทั้งแก้วและดวงสวาทช็อกไปตามๆกัน

ภายในค่ายเสือขาวเหลือเพียงพู่และหญิงในค่ายอีกสองสามคน ต่างนั่งรอเสือขาวและบรรดาผู้ชายกลับมา มีม้าวิ่งมาสองสามตัว พู่บอกเพื่อนๆว่าเสือขาวผูกม้าไว้ที่ทางเข้าทำไมไม่มีใครมาด้วย ไม่ทันไรม้าตัวที่สี่มีร่างเสือขาวพาดหลังกลับมา พู่กับพวกตกใจช่วยกันเอาเขาลง

“ทำไมพี่กลับมาคนเดียวล่ะ ที่เหลือไปไหนหมด!”...

เสือขาวหน้าเครียดเจ็บใจ บาดแผลของเขาอักเสบทำให้มีไข้สูง พู่กับพวกช่วยกันหาสมุนไพรมาบดทำยารักษา คงต้องใช้เวลาเป็นเดือน...ต่างเริ่มหมดความเชื่อมั่นกับคาถาอาคมของเขา พู่แอบปรึกษาเพื่อนๆว่าค่ายเราเหลือแต่ผู้หญิงกับเด็ก จุดจบเสือขาวคงมาถึงแล้วจึงชวนกันหนี สมุนคนหนึ่งบอกว่าเสือขาวใส่ยาสั่งให้พวกเรากิน ถ้าหนีเราจะตาย พู่สุดเซ็ง

ด้านอรุณได้รับทองกลับคืนมาทั้งหมดก็ขอบคุณตำรวจและพวกศรัณย์ที่ช่วยเหลือ ผู้ว่าชื่นชมการทำงานของศรัณย์ที่ประเมินทุกอย่างถูกต้อง

การผ่าตัดศรัณย์ผ่านไปหลายชั่วโมง ริน แก้วและดวงสวาทกระวนกระวายรอหน้าห้องผ่าตัด จนหมอออกมาบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ ดวงสวาทฮึดฮัดไม่พอใจ กลับมาบ้านปิดประตูหน้าต่างด้วยความกลัวเพราะรู้ว่าเสือขาวรอดไปได้ เสนอต้องมาบอกว่าเสือขาวบาดเจ็บหนักคงมาทำร้ายเธอไม่ได้ และตอนนี้นายอำเภอก็ส่งคนมาคุ้มกันหน้าบ้าน

โชติรายงานแก้วว่าดวงสวาทเป็นคนบอกว่าเสือขาวขู่ไว้จะทำร้ายแม่และเมียปลัด จึงต้องให้ตำรวจมาคุ้มกัน แก้วถอนใจรู้ว่าการทำร้ายแม่และเมียจะทำให้ศรัณย์เจ็บหนักกว่าหลายเท่า รินดูเข้มแข็งโอบปลอบแก้วให้คลายความหวาดกลัว

รุ่งเช้าแก้วกับรินมาเยี่ยมศรัณย์ เขาดีใจมาก หมอบอกว่าโชคยังดีที่กระสุนไม่โดนเส้นประสาทสำคัญ ให้หมั่นทำกายภาพก็จะกลับมาเดินได้ปกติ รินกล่าวขอบคุณที่เขากลับมา

“ก็หล่อนสั่งฉันนี่ ฉันหรือจะเลี่ยงได้”

รินยิ้มปลื้มเปลี่ยนเรื่องมาคุยว่าอรุณได้ทองคืนทั้งหมด พวกเสือขาวตายหมดเหลือเพียงตัวเสือขาวที่รอดไปได้ “คุณรักษาเกียรติยศของข้าราชการไว้ได้ เก่งมากๆเลยค่ะ”

ศรัณย์ยิ้มรับแต่ก็เสียดายที่เสือขาวรอดไปได้...ทางบ้านมหินท์เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ภาพดวงสวาทฟูมฟาย ข่าวลงว่าเธอเป็นภรรยาปลัด มหินท์โกรธมากที่ลูกหลอกตนมาตลอดเวลา ไม่ทันไรนริศถือหนังสือพิมพ์เข้ามาต่อว่า

“ผมต้องการคำอธิบาย คุณดวงสวาทบอกว่าตัวเองอยู่นครศรีธรรมราช แต่ภาพข่าวนี่คืออะไรครับ ดวงสวาทเป็นเมียของปลัดคนไหน เรื่องมันเป็นยังไงครับ”

ในขณะที่นายอำเภอมาที่บ้านศรัณย์ เพื่อแจ้งกับแก้ว ริน ดวงสวาทและอรุณว่าเพื่อความปลอดภัย อยากให้ทั้งสี่คนออกจากพื้นที่นี้ เพราะเสือขาวขู่ไว้ว่าจะทำร้ายแม่และเมียศรัณย์ ดวงสวาทหวาดผวาถามเสือขาวมาที่อำเภออีกหรือ นายอำเภอบอกมันบาดเจ็บหนักเหมือนกัน แต่คนลือกันว่าวิชาคงกระพันของมันสุดยอด

“ศรัณย์ก็รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์เหมือนกัน มีพระคุ้มครอง” แก้วแทรก

อรุณบอกตนต้องปิดร้านเก็บทองเอาไปคืนพ่อ ชวนรินกลับไปพร้อมกัน รินเสนอให้พาศรัณย์กลับไปรักษาตัวที่พระนคร แก้วมองหน้านายอำเภอ เขายิ้มนิดอย่างรู้คำตอบก่อนแล้ว...

พอทุกคนมาถามศรัณย์ที่โรงพยาบาล ก็ได้คำตอบว่า “ผมไม่ไปครับ ถ้าไปไอ้เสือขาวมันจะย่ามใจว่าผมหนีมัน เพราะปราบมันไม่สำเร็จ”

แก้วขอร้องแค่ไปรักษาตัว ศรัณย์กลับขอให้แม่พารินกับดวงสวาทกลับไป ตนจะได้หมดห่วง ตนมีนายอำเภอคอยดูแล แก้วลังเล ศรัณย์รีบขอร้องว่าตอนนี้ตนปกป้องแม่กับทุกคนไม่ได้ เสือขาวบาดเจ็บขนาดนั้นต้องกลับมาเอาคืนแน่ๆ...เพื่อความสบายใจของลูก แก้วจึงยอม อรุณรับปากจะดูแลทุกคนให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและขอบคุณที่ศรัณย์นำทองกลับมาคืนได้

แก้วกับอรุณพากันเดินออกไป ดวงสวาทน้ำตาคลอบอกศรัณย์ว่าตนเป็นห่วงเขามาก เขาจึงถามว่าเธอไปหาที่อำเภอหรือ เธอพยักหน้าว่าไปประกาศว่าตนเป็นเมียเขา ตอนโดนมีดจ่อคอเหมือนอยู่ใกล้ความตายนิดเดียว ศรัณย์ถอนใจบอกให้เธอพอเสียทีหยุดเสียที ดวงสวาทกลับเอนหัวมาซบเขาร่ำไห้ รินแอบมองอยู่หน้าประตู

“บอกรักดวงเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม เมื่อก่อนคุณบอกรักฉันทุกวัน เล่นกีตาร์ร้องเพลงบอกรักฉัน เพราะฉันทำให้คุณเล่นกีตาร์เป็น บอกรักฉันเหมือนเมื่อก่อนสิคะ”

รินได้ยินรู้สึกเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าเขาเคยบอกรักดวงสวาททุกวัน และที่เขาว่าผู้ชายทุกคนหัดเล่นกีตาร์ร้องเพลงก็เพราะผู้หญิง...เป็นดวงสวาทนี่เอง

ดวงสวาทยังรำพันกับศรัณย์ว่าคนเห็นแก่ตัวอย่างตนไม่เคยทำเพื่อใครขนาดนี้ ให้กำลังใจบอกรักตนสักคำไม่ได้หรือ ศรัณย์ตอบว่า “เวลานี้ผมไม่เหมือนเดิม ความรัก เป็นเรื่องน่ากลัว น่าเข็ดขยาด”

“คุณไม่เคยบอกรักผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมคะ”

“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรักใครได้อีกไหม ไม่ว่าคุณหรือใคร ตัดใจจากผมเสียเถอะ”

“คุณบอกรักบราลีไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้รักเธอ กาลเวลาและความพยายามของฉันจะทำให้คุณหายโกรธ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะรอเพลงรักของคุณอยู่ตรงนี้” ดวงสวาทหอมแก้มศรัณย์ รินซึ่งแอบมองอยู่น้ำตาคลอเพราะเป็นความจริงที่ศรัณย์ไม่เคยบอกรักตนสักครั้ง

ooooooo

วันต่อมา พณิชได้รับออเดอร์สั่งข้าวลอตใหญ่ บารนีพลอยดีใจไปด้วยที่ชีวิตตนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่อดหวั่นใจเรื่องเสือขาวไม่ได้จึงชวนเขากลับพระนคร พณิชกลับบอกว่า

“เรื่องค้าขายข้าวของผมกำลังไปได้ดี ผมต้องอยู่คุยกับปลัด ขอความช่วยเหลือบางอย่าง ผมยังกลับไม่ได้”

บารนีแปลกใจค้าขายข้าวเกี่ยวอะไรกับงานปลัด พณิชยิ้มๆอย่างมีเลศนัย...ในวันเดียวกัน มีคนมาทุบประตูบ้านดวงสวาทโครมๆ เธอผวาหวาดกลัว จิ้มลิ้มบอกมีตำรวจเฝ้าจะกลัวอะไร ว่าแล้วก็เปิดประตูหน้าต่าง ทันใด มหินท์กับนิจพรวดพราดเข้ามา นิจถลาเข้าตบดวงสวาท

“นังลูกไม่รักดี แกโกหกพวกเรา”

มหินท์มองสภาพบ้านแล้วโวยว่าหลงกันขนาดนี้เชียวหรือ บ้าไปแล้ว บ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้ยังอยู่เข้าไปได้ ดวงสวาทละล่ำละลักถามรู้ได้อย่างไรว่าตนอยู่นี่ นิจตวาดว่าหนังสือพิมพ์ลงหรา แม้แต่นริศก็รู้และเสียใจมาก มหินท์ว่าถึงนริศจะมีแต่ตัว ก็ยังดีกว่าศรัณย์

ในขณะที่ศรัณย์ตื่นขึ้นมาเห็นรินถือปิ่นโตเข้ามาก็ดีใจหลุดปากออกมาว่าตนฝันเห็นนางฟ้าใช่ไหม รินยิ้มนิดๆบอกให้เขาลุกขึ้นทานข้าวต้ม เขารีบถามว่ากลับพระนครพรุ่งนี้ใช่ไหม เธอพยักหน้าไม่สบตา บอกเขาว่าได้ทำน้ำพริกแห้งเก็บไว้ให้กิน ศรัณย์ย้ำไม่ต้องเป็นห่วง ตนมีเสนอและนายอำเภอดูแล ทุกคนกลับกันหมดตนจะได้หมดห่วง เพราะเสือขาวมันไม่ธรรมดา

“เขามีคุณไสยจริงๆใช่ไหมคะ!”

“แววตาแรงกล้าเข้มแข็งกว่าคนทั่วไป ความศรัทธาในมนต์ดำของมันมั่นคงมาก ใจมันขนาดนี้ ร่างกายก็แข็งแกร่งตาม คมมีดคมดาบบางทีทำอะไรมันไม่ได้ เลยดูเหมือนมันมีคุณไสย”

“คุณปะทะกับเสือขาวตัวต่อตัวคราวนี้ ดูคุณเป็นกังวล ขนาดหลับหน้ายังเครียด”

“ฉันทำให้คนของมันตายหมด มันกับฉันจะเปิดศึกครั้งสำคัญ เจอกันคราวหน้าถ้ามันไม่ตาย ฉันก็ตาย”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ คุณต้องชนะมัน ศรัทธาของคุณก็มั่นคงมากเช่นเดียวกัน”

“ใช่ ฉันอยู่ด้วยความเชื่อ มันนั่นแหละต้องตาย แต่หล่อนไม่เกี่ยวหล่อนต้องกลับ พอฉันเสร็จงานฉันจะไปรับ หล่อนบอกเราต้องค้นหาความหมายของกันและกัน หล่อนเจอความหมายของหล่อน ฉันเจอความหมายของฉัน นี่คือภารกิจของเรา” ศรัณย์กุมมือริน

รินสลดใจคิดถึงคำที่เขาพูดกับดวงสวาท ว่าเวลานี้เขารู้สึกว่าความรักเป็นเรื่องน่ากลัว น่าเข็ดขยาด...เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรักใครได้อีก...แววตารินเศร้าสะเทือนใจ มองมือศรัณย์ที่จับมือตนแล้วนับหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ศรัณย์ไม่เข้าใจความหมายว่านับทำไม เธอยิ้มแห้งๆไม่ตอบอะไร

คืนนั้นรินกลับมาบ้าน จัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เห็นมีกระดาษพับเป็นดอกไม้วางอยู่ใต้หมอน จึงคลี่ออกเจอข้อความว่า...คิดถึงบ้าน เธอสงสัยเดินสำรวจตามตู้เสื้อผ้าก็เจออีกสองสามชิ้น ทุกชิ้นมีข้อความว่าคิดถึงบ้าน เธอพยายามคิดหาความหมาย ออกมาที่แปลงต้นทานตะวันเห็นว่ามีการล้อมรั้วอย่างดี มีนกกระดาษปักอยู่สองสามตัวก็เก็บมาคลี่ดู ทุกใบมีคำว่าคิดถึงบ้าน

เช้าวันใหม่ ทุกคนมาพร้อมหน้าที่บ้าน แก้วประกาศว่าศรัณย์จะไปพักบ้านนายอำเภอ ที่นี่จะไม่มีงานให้ทำ ตนให้เงินเดือนสายสองเดือนเพื่อเป็นทุนหางานใหม่ รินขอแก้วอยู่ที่นี่ต่อไป แก้วเป็นห่วงถ้าเกิดอะไรขึ้นตนจะรู้สึกผิดต่อพ่อแม่เธอ ดวงสวาทเดินเข้ามาโวยถ้ารินไม่กลับตนก็ไม่กลับ แก้วย้อนถามว่าพ่อแม่มารอรับไม่ใช่หรือ ดวงสวาทไม่สนใจด่าว่าริน

“ยังไงเธอก็ต้องแย่งผัวฉันให้ได้ใช่ไหม จะถือ โอกาสนี้แย่งศรัณย์ไปจากฉันใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้แย่ง เขาเคยเป็นของคุณ แค่เคยเป็น...” รินฮึดสู้โต้กลับ

“วันนี้กล้าเถียง คงสมน้ำหน้าฉันอยู่ล่ะสิเรื่องเสือขาว”

“ไม่เคยแม้จะคิด ความคิดร้ายของคุณทำร้ายตัวคุณเอง ถ้าคุณคิดดีกับฉัน คุณจะไม่มีทางพูดประโยคนั้นออกมา นอนเจ็บปวดมากี่คืนแล้วล่ะเรื่องฉันสมน้ำหน้าคุณ กี่คืนแล้ว”

ดวงสวาทเต้นผางชี้หน้า “แก...แกคิดว่ารัณเขารักแกรึ ถ้าเขารักแกเขาจดทะเบียนสมรสกับแกไปนานแล้ว”

รินหน้าเสียเช่นเดียวกับแก้ว แต่รินก็ฝืนสู้ “ฉันมาที่นี่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะอารมณ์ นี่ก็หน้าที่ของฉัน ช่วงที่คุณศรัณย์พักฟื้น เขาต้องอยู่บนรถเข็น นายเสนอคนเดียวอาจจะไม่ไหว”

แก้วซาบซึ้งแต่ดวงสวาทไม่เชื่อตรงเข้าผลักริน หาว่า ต้องการแย่งศรัณย์ไป แก้วเอ็ดที่ใช้กำลัง จิ้มลิ้มวางท่าแต่พอเห็นสาย เสริมและเสนอถลกแขนเสื้อก็หงอถอยมาหลบหลังดวงสวาทสะกิดให้กลับ สายชูมีดท้าเหยงๆ ดวงสวาทเห็นมีดก็ผวานึกถึงมีดที่จ่อหัวของเสือขาวร้องกรี๊ดๆ รินตกใจรีบบอกให้สายเก็บมีด แก้วรู้สึกสมเพช

“หลอนเรื่องมีดจากเสือขาวยังจะฝืนอยู่อีก กลับไปรักษาตัวก่อนเถอะแม่ดวงสวาท”

ดวงสวาทชี้หน้ารินโวยลั่น “ฝากเอาไว้ก่อน รัณไม่ได้รักแก บอกรักเขาก็ไม่เคยบอก ไม่เหมือนฉันที่เขาเคยบอกรักทุกวัน แต่เขาไม่เคยบอกแก ไม่เคยได้ทะเบียนสมรส เขาไม่ได้รักแก เขารักฉัน...เขารักฉัน...” จิ้มลิ้มดึงตัวออกไป

รินสะเทือนใจกับทุกคำด่าเพราะมันมีส่วนจริง... จิ้มลิ้มกลับมาเล่าให้มหินท์กับนิจฟังเรื่องที่ดวงสวาทกลัวมีด ทั้งสองอ่อนใจต้องให้ที่บ้านเก็บของมีคมให้พ้นสายตา จิ้มลิ้มบอกว่ารถมาจอดรอแล้ว ทุกคนเดินทางกลับพร้อมกัน ดวงสวาทยังหน้าตื่นพร่ำถามย้ำๆว่ารินกลับใช่ไหม ตนจะไม่ยอมให้มันอยู่ทำคะแนน ในใจดวงสวาทมีแต่ความแค้น

ooooooo

และแล้วในวันนั้น รินมาทำอาหารให้บารนีที่บ้าน จดสูตรอาหารไว้ให้พร้อม บารนีรู้สึกเสียดายที่แต่ก่อนไม่เรียนรู้วิชาจากแม่ ตอนนี้อยากเอาใจสามีก็ทำไม่เป็น แล้วถามจะกลับแน่แล้วหรือ รินลังเลขอความคิดเห็น บารนีบอกว่าถ้ารินอยู่ ดวงสวาทคงแค้นอาฆาตไม่เลิก

“นี่ล่ะที่เบื่อที่สุด ตอนนี้เหมือนเขาไม่ได้ทำเพราะรักคุณศรัณย์ แต่เขาทำเพราะอยากเอาชนะฉันมากกว่า ความเกลียดฉันดูจะแซงหน้าความรักคุณศรัณย์ไปแล้ว”

บารนีแนะนำให้กลับพระนครเพื่อให้ศรัณย์หมดห่วงเพราะเสือขาวต้องการให้เขาเจ็บเหมือนที่มันเจ็บ ไม่กลัวบ้างหรือ รินยิ่งคิดหนัก

บ่ายวันนั้นบนโบกี้รถไฟ มหินท์กับนิจนั่งประกบดวงสวาท สีหน้าเธอเคียดแค้นไม่มีความสุข ส่วนแก้วนั่งมาตามลำพัง ในใจภาวนาขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกๆ...

วันต่อมาเสนอรับศรัณย์ออกจากโรงพยาบาลและรายงานว่าคุณหญิงแก้วโทร.มาบอกว่าถึงบ้านน้ากล่ำแล้ว ศรัณย์แทรกถามว่าทุกคนเดินทางไปหมดแล้วใช่ไหม เสนอเลี่ยงตอบ

“ร้านทองปิดไปแล้ว นังจิ้มลิ้มมันเฝ้าบ้านนั้นอยู่ คุณดวงสวาทร้องไห้ไม่อยากไป แต่พ่อแม่แกดุมากเลยนะขอรับ ไม่ยอมพูดกับคุณหญิง ขอให้จองตั๋วรถไฟคนละโบกี้ด้วย ร้ายจริงๆ”

ศรัณย์บอกพวกเขาไม่พูดกับตนและแม่นานแล้ว ยิ่งตอนนี้คงหาว่าตนทำให้ลูกสาวเขาเดือดร้อน...เสนอส่ายหน้าเข็นรถเข็นพาศรัณย์ไปขึ้นรถ แล้วศรัณย์ก็ให้เสนอพากลับบ้าน

“คุณหลอกคนอื่นว่าจะไปพักบ้านนายอำเภอ เพื่อไม่ให้คุณหญิงเป็นห่วงใช่ไหมครับ”

“ถ้าฉันปิดบ้านนี้หนีไปอยู่กับคนอื่น ไอ้เสือขาวมันจะสมน้ำหน้าว่าฉันกลัวมัน ฉันปิดบ้านไม่ได้หรอก อย่าบอกแม่นะ ให้แม่เข้าใจว่าฉันไปอยู่บ้านนายอำเภอน่ะดีแล้ว”

เสนอยกกระเป๋าเข้าบ้าน ศรัณย์นั่งมองบ้านเห็นเจ้าหน้าหวานกระดิกหางเดินมาหา ทำให้คิดถึงริน คิดถึงที่เขาแกล้งพูดกับมันแทนที่จะพูดกับเธอ เข้ามาในบ้านเห็นผ้าม่านผ้าปูโต๊ะ ยิ่งทำให้คิดถึง...ในมุมหนึ่งรินนั่งปักผ้าอมยิ้ม ศรัณย์เผลอมองด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก คิดว่าเป็นภาพลวงตา แต่พอเธอเงยหน้ามามอง ส่งยิ้มหวานให้ เขาถึงกับน้ำตาคลอที่เธอไม่ทอดทิ้งเขา

ศรัณย์นั่งหน้าตูม รินยกผลไม้มาวางให้ เขาถามทำไมไม่กลับพระนคร เธอตอบว่าเขาเขียนคำว่าคิดถึงบ้านไว้ทั่ว คำว่าบ้านมีความหมายกับเขามากใช่ไหม ศรัณย์คิดถึงที่เคยพูดกับเธอตอนไปเจอเธอที่บ้านพณิช “ชุดราคาแพงที่ไหนก็ไม่เหมือนชุดธรรมดาที่อยู่หลังครัว นั่งทำครัวทำสวน ปักผ้า เวลากลับบ้านมาตอนเย็น เห็นทุกครั้งฉันรู้สึกว่าฉันถึงบ้านแล้ว...บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ ขอโทษที่หล่อน เหนื่อย แต่ฉัน...หายเหนื่อย ทุกครั้งที่กลับบ้าน”

ศรัณย์ต้องกลบเกลื่อนความรู้สึกต่อว่ารินที่ขัดคำสั่งไม่กลับพระนคร...ท่าทางเขาโกรธจริงๆ ตลอดทั้งวัน รินเอาใจใส่ป้อนข้าวป้อนน้ำ พาเข้าห้องนอน แต่เขาก็ปั้นหน้าโกรธไม่พูดจา

ในขณะเดียวกัน แก้วจุดธูปคุยกับเจ้าคุณนิติขอบคุณที่หาลูกสะใภ้ซื่อสัตย์ไม่ทิ้งสามีในยามป่วยไข้ ยามอันตราย จะมีภรรยาที่ไหนดีเท่านี้อีกคงไม่มี...ด้านบารนีพยายามทำหน้าที่ภรรยาแต่ก็เก้กัง เย็บกระดุมเสื้อก็ถูกเข็มตำมือจนท้อ บ่นทำไมเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบ แบบแม่แบบรินมันช่างยากเย็น พลันมีโทรศัพท์เข้ามา เธอรับสายได้ยินเสียงผู้หญิงปลายสายพูดห้วนๆถามหาพณิช แล้วหันไปเอ็ดลูกที่กำลังร้องไห้งอแงให้เงียบ บารนีจึงถามจะให้บอกว่าใครพูดสาย

หญิงสาวตวาด “ไปตามมาเถอะน่า...นี่ลูกบอกให้เงียบๆได้ยินไหม”

พณิชเดินเข้ามาพอดี บารนีจึงส่งโทรศัพท์ให้เขารับสายแล้วต่อว่า “ฮัลโหล...ไปเอาเบอร์นี้มาจากไหนเนี่ย ทีหลังไม่ต้องโทร.มา เออๆรู้แล้วเดี๋ยวให้เด็กเอาเงินไปให้ แค่นี้นะ”

บารนีแปลกใจ พณิชทำหน้าเรียบเฉยบอกว่าแม่บ้าน ที่บริษัท ลูกไม่สบายจะเบิกเงินล่วงหน้าทำทีบ่นไม่รู้จักกาลเทศะเลย บารนีเห็นใจขออย่าไปไล่เธอออก พณิช เปลี่ยนเรื่องเอาเอกสารออกจากซองให้เธอดู ว่าเป็นสัญญาสั่งข้าวราคาเป็นล้านบาท บารนีตื่นเต้นดีใจไปด้วย

ooooooo

เมื่อดวงสวาทกลับถึงบ้านที่พระนคร นริศรอถามว่าปลัดศรัณย์เป็นแฟนเก่าหรือ เธอคงรักเขามาก ดวงสวาทยังอารมณ์ไม่ดีจึงท้าให้หย่า แล้วนึกได้เองว่าไม่ได้จด ทะเบียนกัน นริศโผเข้ากอดไม่ยอมเลิก เพราะรักเธอมาก ตนลาออกมาทำงานให้พ่อเธอแล้ว เราจะเริ่มต้นกันใหม่

ดวงสวาทนิ่วหน้าถามไม่โกรธหรือ นริศตอบไม่... เพราะรักเธอ ให้อภัยเธอได้เสมอและว่าศรัณย์แต่งงานไปแล้วจะไปไยดีเขาทำไม นิจกับมหินท์ช่วยยุให้เชื่อนริศ จะหาผู้ชายใจกว้างแบบนี้ได้ที่ไหน นริศกุมมือดวงสวาทบอกตนเข้าใจว่ารักเก่าลืมยากแต่ตนจะรอ เธอเริ่มสับสน

ถึงเวลาเช็ดตัวให้ศรัณย์ เสนอยกอ่างน้ำเข้ามา รินบ่นว่าศรัณย์ยังไม่ยอมพูดกับตน เสนอปลอบเป็นเพราะเขาเป็นห่วงกลัวจะปกป้องเธอไม่ได้ ศรัณย์แกล้งสั่งให้รินเป็นคนเช็ดตัวให้ เสนอถามหงุดหงิดอะไร ตนทำให้ ล้วงควักเหมาะมือกว่า รับรองสะอาดหมดจดแล้วจะติดใจ

“พูดมาก จะไปไหนก็ไปเลยไป หล่อนนั่นล่ะถ้าอยากอยู่ก็ต้องมาทำ ถ้าไม่ทำก็กลับไปเลยไป อยากเป็นเมียอยากปรนนิบัติผัว ก็ต้องเช็ดตัวให้ผัวสิ” ศรัณย์เริ่มถอดเสื้อติดๆขัดๆ

เสนอถอยออกไปจากห้อง รินจำต้องเข้าช่วยศรัณย์ถอดเสื้อ แล้วเช็ดตัวให้ด้วยความเขินหน้าแดง ศรัณย์เอ็ดจะเขินทำไมอยากอยู่เอง รินเริ่มไม่พอใจบ้าง ถามเขาจะกลัวอะไรในเมื่อมีตำรวจ เฝ้าอยู่หน้าบ้าน อีกอย่างเสือขาวก็เข้าใจว่าดวงสวาทเป็นคุณนายปลัด ตนแค่แม่ครัวไม่ต้องมาห่วง ศรัณย์โกรธดึงเธอมานั่งตัก โวย

“หล่อนจะเอายังไงกับฉัน เวลาฉันไปตามให้มาก็ไม่มา พอคราวนี้ฉันบอกว่าไม่ต้องอยู่ ก็ดันจะอยู่เสียนี่”

“แล้วคุณล่ะ เวลาฉันอยู่ก็แกล้งฉันสารพัด พอฉันจะกลับคุณก็ไปตาม กี่ครั้งแล้ว”

ศรัณย์ชะงักเพราะรินพูดถูก บ่นเราสองคนคงมีกรรมต่อกัน รินเตือนให้เขาหันมาห่วงชาวบ้าน รีบหายไวๆ เพราะเสือขาวคงมีความแค้นเป็นยาชูกำลัง คงเร่งวันเร่งคืนให้หายกลับมาแก้แค้น อย่ามัวแต่โกรธหงุดหงิดอยู่เลย ศรัณย์สับสนไม่รู้ว่าโกรธหรือเปล่า เขาจ้องหน้ารินโน้มหน้าจะจูบ เสนอเดินกลับมาแล้วต้องสะดุ้ง สองคนผละออกจากกัน เสนอตบหัวตัวเองที่ดันมาผิดเวลา รินจึงถามว่ามีอะไร เสนอบอกว่าพณิชกับบารนีมาหารินดีใจแต่ศรัณย์สีหน้ามีกังวล

รินเข็นรถศรัณย์เข้ามาในห้องรับแขก พณิชชวนคุยตามมารยาท ก่อนจะเริ่มเกริ่นว่า อยากให้ศรัณย์มีรายได้มากขึ้นจึงมาชวนเปิดบริษัท ศรัณย์แย้งว่าเงินเดือนข้าราชการอย่างตนไม่พอลงทุน พณิชรีบบอกว่าไม่ต้องลงทุนอะไร แค่ลงชื่อขายข้าว ได้กำไรเท่าไหร่ค่อยว่ากัน บารนีชื่นชมคิดว่าสามีใจดีช่วยเหลือญาติตน แต่ศรัณย์กลับเอ่ยขึ้นว่า

“เอาชื่อผมไป ลำพังชื่อเฉยๆคงไม่มีประโยชน์คุณคงหมายถึงตำแหน่งของผมมากกว่า”

พณิชอึกอักบอกแค่เป็นกรรมการแล้วยื่นเอกสารให้เซ็นถือว่าเป็นบริษัทครอบครัว ศรัณย์ปฏิเสธ พณิชให้คิดถึงอนาคตจะได้มีเงินเลี้ยงลูก บารนีเห็นด้วย ศรัณย์สรุป “ใจรักจะเป็นข้าราชการสมัครเข้ามาเอง ก็ต้องรู้สิครับว่าสมัครเข้ามาเป็นลูกจ้างของแผ่นดิน โกงบริษัทก็บาปพอแล้วนี่โกงแผ่นดิน โกงเงินประชาชนทั้งชาติ ชีวิตจะเจริญได้ยังไงกันครับ”

พณิชคอแข็งขึ้นด้วยความโกรธ บารนีงงถามเกี่ยวกับการโกงอย่างไร พณิชลุกพรวดเสียงเข้ม “ผมให้โอกาสคุณแล้ว ในเมื่อคุณเลือกเอง ทีหลังอย่ามาง้อผมก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็เดินออกไป

บารนียังไม่เข้าใจวิ่งตามสามีออกไป ถามเขาโกรธอะไร พณิชโวยว่าศรัณย์ไม่เห็นแก่หน้าตนบ้างโง่จริงๆ บารนีถามธุรกิจเขาโกงประเทศชาติหรือ เขาตวาดว่าไม่เป็นความจริง

รินเองก็งงๆถามศรัณย์มันเรื่องอะไรกัน ศรัณย์บอกว่าตอนนี้รัฐบาลประกาศห้ามส่งข้าวออกนอก คนในชาติกำลังอดอยาก ตลาดข้าวต่างประเทศราคาดีกว่าหลายเท่าตัว ญาติของพณิชอยู่ปีนัง อยู่สิงคโปร์ และอำเภอที่เราอยู่นี่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน รินตกใจมากเมื่อรู้ว่าพณิชต้องการเอาตำแหน่งศรัณย์มาบังหน้าส่งข้าวออกนอก เขาย้ำว่าแค่มีลายเซ็นของตนไปถึงด่านก็ขนออกไปได้ง่ายดาย รินเริ่มเป็นห่วงอนาคตของบารนี เธอต้องไม่รู้แน่ว่าสามีทำอะไร

ooooooo

ปดิวรัดา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด