สมาชิก

ปดิวรัดา

ตอนที่ 6

ศรัณย์เห็นรินทำเสบียงไว้ให้ก็ปลาบปลื้ม จึงเข้ามากระซิบข้างๆ “มีหลายคำ หลายครั้งพูดออกมาไม่ได้ แต่ปากกาจะเขียนไว้ที่กระดาษเสมอ” รินสะบัดหน้ากลับเรือนไปจัดเป้ให้เขา

ศรัณย์ตามมาเอ่ย “หล่อนไม่พูดกับฉัน ไม่ให้ถูกตัวเพราะกลัวว่าจะผูกพันกัน ที่หล่อนทำอาหาร ดูแลเสื้อผ้าอย่างดี พวกนี้หล่อนไม่ได้สร้างความรักความผูกพันให้ฉันงั้นสิ” รินโกรธเทของออกจากเป้ ศรัณย์หัวเราะ “ผู้หญิงสร้างความรักไว้ในบ้านที่หล่อนดูแล ผู้ชายปกป้องดูแลให้บ้านปลอดภัย ทำให้ผู้หญิงอบอุ่นใจ นอนกันห่างๆ

อย่างนี้ทุกคืน หล่อนก็อุ่นใจใช่ไหมล่ะ”

รินเดินหนีไปเปิดมุ้งเข้านอน ศรัณย์แหย่ “ไม่ต้องถูกเนื้อต้องตัว ฉันน่ะก็ทำให้ผู้หญิงใจสั่นได้เสมอ หล่อนว่าไหม” รินเอาผ้าคลุมโปงไม่อยากฟัง เขากระเซ้า “เวลาหล่อนหลับ หล่อนนอนขี้เซาที่สุด มีกี่คืนรู้ไหมที่ฉันย่องมาดูหล่อนโดยที่หล่อนไม่รู้ตัวสักนิด”

ศรัณย์มุดมุ้งไปนอนข้างๆ รินเปิดผ้าออกมาเห็นลุกพรวดร้องไล่ให้เขาออกไป เขายิ้มกริ่มบอกไม่ได้ยินเสียงเธอตั้งหลายวัน คำแรกเป็นเสียงกรี๊ดก็ยังดี รินไล่ให้ออกไปทวงคำสัญญา

เขาโต้ “สัญญาจะอยู่กันอย่างเพื่อน นี่ก็เพื่อนแล้วไง คืนนี้อยากนอนในมุ้งนี้ แค่นอนข้างๆกัน ไม่แตะไงสัญญา นะนะ...ขอนอนด้วย...นะนะ”

รินมุดมุ้งออกมา ศรัณย์ดึงหมอนเธอมากอดหอม บอกไม่ได้ชื่นใจกลิ่นบุหงา ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่เป็นกลิ่นเนื้อกายเธอ รินยิ่งเต้นเร่าๆให้วางลง เขาปรามให้เบาเสียง แล้วแกล้งหอมหมอนอีกหลายฟอด รินโวยให้หยุด ไหนบอกให้ตนทำหน้าที่ของตน ตนก็ทำแล้วยังจะเอาอะไรอีก ศรัณย์ขอ “แค่อยากให้อวยพร คำอวยพรของคนที่ห่วงใย คือความเข้มแข็งของผมนะ ผมได้จากแม่มาคนหนึ่งแล้ว คุณอวยพรให้หน่อยไม่ได้หรือ พรุ่งนี้แล้วนะผมจะพาตำรวจเข้าป่า”

รินบอกไม่มีกะจิตกะใจจะอวยพร ไล่เขาออกจากมุ้งให้เอาหมอนไปด้วย ตนไม่เอาแล้ว มีน้ำลายเขาติดอยู่ เขาถามแล้วเธอจะเอาหมอนไหน หมอนเขาก็มีน้ำลายเขาอยู่ดี รินขัดใจไม่นอนจะนั่งอยู่แบบนี้ ศรัณย์ขำที่ได้แกล้งแล้วล้มตัวนอนกอดหมอนของเธอ ทำเสียงหอมชื่นใจ รินฮึดฮัดแทบอยากฆ่าเขาให้ตายคามือ...

รุ่งเช้ารินตื่นขึ้นมาไม่เห็นศรัณย์และเป้ เห็นแต่กระดาษที่พับเป็นสัตว์ต่างๆวางบนโต๊ะ

ศรัณย์นำกำลังตำรวจเดินไปตามทางโดยแยกเป็นสองกลุ่ม ติดต่อกันทางวิทยุสื่อสาร...ด้านเสือขาวยังบริกรรมคาถา กิจบอกบางว่าเสือขาวจะอยู่ปกป้องค่าย ตัวเขาจะอยู่ที่น้ำตก ให้บางยกกำลังส่วนใหญ่ออกไป บางเชื่อว่าแค่พวกตนก็เอาอยู่ เสือขาวหวังจะรอตลบหลังพวกตำรวจ

ขณะเดียวกัน นิ่มมาเยี่ยมน้อยที่โรงพยาบาล น้อยดีใจมากคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีก นิ่มบอกแม่ว่าอยู่ที่ค่ายสุขสบายดี มีอาหารหยูกยาไม่ต้องห่วง น้อยอดบอกลูกไม่ได้ว่าทางการจะเข้าปราบปรามไม่กลัวตายหรือ นิ่มบอกว่าค่ายของตนอยู่เขาโอบ มีภูเขาล้อมรอบ พวกตนไม่กลัว...ตำรวจนายหนึ่งแอบฟังอยู่รีบส่งข่าวบอกพรรคพวก

เสียงวิทยุที่หลังศรัณย์ดังขึ้น...แจ้งทุกหน่วย พิกัดเป้าหมายคือเขาโอบ...ศรัณย์ครุ่นคิดไม่น่าเชื่อถือจึงรีบกลับไปทางเดิม เพราะเขาโอบอยู่ทางด้านโชติ

นิ่มถามแม่ป่วยหนักจริงหรือ น้อยสารภาพว่าไม่ได้เป็นอะไรแค่อยากเห็นหน้าลูก นิ่มไม่พอใจโวยเหมือนที่บางพูดไว้ไม่มีผิด ว่าพ่อกับแม่จะใช้ตนเป็นเครื่องมือ คล้ายแอบฟังอยู่โผล่เข้ามาเอ็ด “นังลูกอกตัญญู เอ็งรักผัวมากกว่าพ่อแม่ พ่อแม่ก็อยู่ที่เดิมไม่เคยคิดจะดูดำดูดี”

นิ่มสวนว่าพ่อเป็นคนกีดกันทำให้เป็นแบบนี้จะมาว่าตนได้อย่างไร คล้ายถามนอนกับผัวเคยคิดถึงหน้าพี่ชายที่ถูกบางยิงตายบ้างไหม นิ่มท้าให้ฆ่าตนเพื่อแก้แค้นให้พี่ได้เลย คล้ายโกรธจัดชักปืนออกมา น้อยกรีดร้องลุกขึ้นเกาะแขนห้าม นิ่มน้ำตาคลอระเบิดความเจ็บปวดในใจ

“ตั้งแต่เล็ก พ่อกับแม่รักแต่พี่นุ้ยไม่เคยรักฉัน ฉันอยากไปอยู่กับพี่บางพ่อก็กีดกัน จะมาว่าฉันไม่ได้นะที่ทำแบบนี้กับพ่อกับแม่”

“เอ็งไม่ได้ทำกับข้าคนเดียว เอ็งสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ข้าเป็นกำนัน...จับโจรเป็นหน้าที่ข้า”

นิ่มท้าให้ยิง น้อยจับปืนห้ามน้ำตาไหลพราก คล้ายมองหน้าเมีย สติกลับมาลดปืนลง ไล่นิ่มและตัดขาดความเป็นพ่อลูก ตายก็ไม่ต้องมาเผาผี นิ่มกล่าวทิ้งท้ายว่าเกิดเป็นหญิง เป็นเมียใครก็เท่ากับตกเป็นสมบัติของคนคนนั้น ต้องจงรักภักดีต่อผัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ คล้ายยิ่งช้ำใจไล่ให้ไปรอรับศพผัว นิ่มเยาะศพใครเดี๋ยวก็รู้ คล้ายเอะใจถามค่ายโจรไม่ได้อยู่เขาโอบใช่ไหม

นิ่มยิ้มเยาะ “พ่อคิดจะฆ่าผัวฉันมาตลอด ถ้าคราวนั้นพี่นุ้ยไม่ตาย พี่บางก็ต้องเป็นคนตาย พ่อบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้”

“อีลูกชั่วมึงต้องพินาศ นี่คือคำแช่งจากพ่อมึง” คล้ายตกใจมากด่าแล้วรีบวิ่งออกไปช่วยศรัณย์และพวก น้อยเสียใจกับการกระทำของนิ่มคล้ายกลับมาเอาปืนที่บ้านและบอกพวกชาวบ้านว่านิ่มทรยศ รินได้ยินตกใจเข่าอ่อน

ooooooo

เขาโอบเป็นหุบเขาที่มีภูเขาล้อมรอบ โชติและพวกตำรวจอยู่ในหุบเขา ซึ่งพวกของบางอยู่บนเนินสูงกว่า ทำให้ได้เปรียบยิงถล่มใส่พวกโชติ บางสะใจมากที่นิ่มทำตามแผนที่ตนวางไว้ พอโชติรู้ว่านี่เป็นกับดักก็บอกให้ทุกคนหาที่หลบยิงต่อสู้ แต่อย่างไรก็เสียเปรียบ

ศรัณย์ได้ยินเสียงปืนยิ่งเป็นห่วงโชติกับพวกตำรวจ รีบบอกทุกคนให้ไปช่วย...บางกับขุนเข้าใจว่าโชติคือปลัดศรัณย์ ขุนกับพวกยิงตำรวจตายไปสามคน บางจ้องยิงใส่โชติเพราะเข้าใจว่าเป็นปลัด ศรัณย์อ้อมขึ้นมาบนเนินยิงใส่ขุนล้มลง แล้วควงปืนด้วยท่าประจำยิงโดนหัวไหล่บาง

“โอ๊ย...มึงเป็นใครวะ” บางร้องลั่นหาที่กำบัง

“ข้างล่างไม่ใช่ปลัด กูนี่ต่างหากปลัดศรัณย์ มึงนั่นแหละที่ต้องไปนรก” ศรัณย์ร้องบอกก่อนจะไล่ล่าบาง ทั้งสองยิงใส่กันจนกระสุนหมด

บางเด็ดใบไม้มาคาบเสกคาถาพรางตัว ศรัณย์แปลกใจที่เกิดหมอกปกคลุมขึ้นมาทำให้ไม่เห็นตัวบาง เขาหลับตานึกถึงพรของแม่ก่อนจะตัดสินใจมุ่งหน้าต่อไป...บางกำลังหนีข้ามลำธาร ได้ยินเสียงนกร้องจึงหันมอง ทันใดก็เห็นร่างศรัณย์โหนเถาวัลย์พุ่งตัดหมอกมาอย่างเท่ เสยเข่าเข้าปลายคางล้มกลิ้ง ศรัณย์โดดตามไปชกต่อย “ไหนว่าโจรก๊กเสือขาวยิงฟันไม่เข้าไง...”

บางควานมือเจอก้อนหินเอามาฟาดหัวศรัณย์เลือดอาบล้มไป แล้วรวบรวมกำลังขึ้นคร่อมร่างสลบของศรัณย์ เอาก้อนหินจะทุบหน้าอีกครั้ง แต่ศรัณย์ลืมตาพร้อมดึงมีดจากกางเกงแทงเข้าที่กลางอกบางเลือดทะลัก ตาเหลือกล้มหงาย ศรัณย์เหนื่อยหอบยืนมองร่างบางที่ไร้วิญญาณ

“โจรหนังเหนียวไม่มีจริง มีแต่ไอ้เสือเดรัจฉานที่มันปล้นฆ่าคนอื่น”...

ที่บ้านพัก รินใจคอไม่ดีเป็นห่วงศรัณย์อย่างมาก เดินไปเดินมาเห็นนกกระดาษในกระเป๋าเสื้อผ้าก็แปลกใจ หยิบออกมาวางรวมกับตัวอื่นๆบนโต๊ะ พลันนึกถึงคำพูดของศรัณย์ได้ว่า...มีหลายคำหลายครั้งพูดออกมาไม่ได้ แต่ปากกาจะเขียนไว้ที่กระดาษเสมอ จึงเอานกมาคลี่ออกเห็นข้อความ...ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน...รินรีบคลี่กระดาษที่เขาพับทุกตัวออกก็เห็นคำว่า...ขอบคุณทุกตัว ถึงกับทรุดลงร้องไห้โฮ “ฉันขอโทษ ขอโทษที่ไม่ได้อวยพรคุณ...อย่าตายนะ...”

เนื่องเข้ามาเห็นตกใจปลอบว่าคนในหมู่บ้าน ออกไปช่วยปลัดแล้ว เขาต้องปลอดภัย...ริน เนื่อง น้อยและกลุ่มชาวบ้านผู้หญิงออกมารอคอยการกลับของพวกผู้ชาย น้อยยังคงร้องไห้แค้นใจที่ลูกหลอกได้แม้กระทั่งแม่ ไม่ทันไรรถคล้ายแล่นกลับมา เนื่องร้องบอกทุกคน รินพยายามมองหาศรัณย์ น้อยโผเข้าหาคล้ายโล่งอกที่ไม่เป็นอะไร รินละล่ำละลักถามหาศรัณย์

ทันใดศรัณย์ซึ่งนอนมาในรถลุกขึ้นนั่ง บนหัวมีผ้าพันแผลร้องบอกว่าตนอยู่นี่ รินดีใจจะเป็นลม เขารีบลงจากรถมาประคอง เธอถามเขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม

“แค่แผลที่หัว เขาพาไปทำแผลแล้ว”

รินน้ำตาคลอเอื้อมมือไปจับแก้มศรัณย์ด้วยอยากแน่ใจว่าตัวเขาจริงๆ เขากุมมือเธอแนบแก้มสบตาเธออย่างซึ้งใจ...พากันมานั่งร่วมวงกับคล้ายและคนอื่นๆ ศรัณย์เสียใจที่ตำรวจตายไปสามนาย ที่บาดเจ็บโชติดูแลอยู่โรงพยาบาล คล้ายบอกน้อยว่าพวกเสือบางตายหมด นังนิ่มต้องอกแตกตายแน่ ตนก็คงตายตาหลับที่แก้แค้นให้ลูกได้

ศรัณย์กับรินกลับมาที่เรือน ศรัณย์เห็นว่ากระดาษที่พับถูกคลี่ออกอ่านแล้วก็ดีใจ รินบอกเขินๆว่า พับกลับคืนให้ได้แค่บางตัว เขายิ้มกริ่มล้อว่าเธอร้องไห้จนตาบวม ร้องทำไม หญิงสาวแก้ตัวอึกอักๆว่า สงสารตำรวจ เขายิ้มอย่างรู้ทัน “หล่อนไม่ให้ฉันแตะเนื้อต้องตัว เพราะกลัวว่าจะผูกพันกันมากขึ้น ฉันก็ทำตามใจหล่อนแล้ว แต่สุดท้ายหล่อนก็ผูกพันกับฉันอยู่ดี”

รินแก้ตัวว่าไม่จริง ตนเป็นคนขี้สงสารไปหมด ศรัณย์หน้าเครียดขึ้นบอกว่าพรุ่งนี้ต้องกลับบ้าน ตนจะไปหาพ่อแม่ตำรวจทุกคนที่ตาย เวลานั้นเป็นเวลาที่ตนลำบากใจที่สุด รินปลอบใจว่าทุกคนจะต้องภูมิใจกับการเสียสละของลูกหลาน

“แล้วหล่อนล่ะ หล่อนแต่งงานกับปลัดบ้าบิ่นอย่างฉัน เสือขาวเจอแบบนี้มีแต่จะยิ่งดุร้าย หล่อนจะเข้มแข็งหรือจะยิ่งท้อใจ จะยิ่งใกล้หรือยิ่งถอยห่าง” ศรัณย์ส่งสายตารักและอบอุ่น แต่รินกลับบอกว่าคนที่อยากอยู่ใกล้เขารออยู่ที่บ้าน พรุ่งนี้ก็ได้เจอ ศรัณย์สะดุดใจเล็กน้อยจึงดักคอ “ฉันแค่ใช้ปากกาเขียนบนกระดาษก็ทำให้หล่อนใจเต้นแล้ว ไม่เห็นต้องแตะเนื้อต้องตัวเลย นี่แค่เริ่มต้นนะ ยังมีอีกหลายวิธี ระวังหัวใจของหล่อนไว้ดีๆเถอะ”

ศรัณย์บรรจงจูบบนกระดาษที่พับเป็นเครื่องบินแล้วร่อนมาบนตักริน ทำตากรุ้มกริ่ม รินเขินทำหน้าไม่ถูกหยิบมันโยนลงพื้นแล้วหันหน้าหนี ในใจโล่งอกที่เขาปลอดภัย

ด้านนิ่มร้องไห้แทบขาดใจเมื่อรู้ว่าเสือบางตาย เสือขาวแค้นใจมาก ถีบโอ่งน้ำมนต์ที่ปลุกเสกกับมือแตก เข่นเขี้ยว “ปลัดศรัณย์ ต่อไปกูจะจำชื่อมึงไว้ กูจะจองเวรกับมึง นับจากวันนี้ไป”

ศรัณย์กับรินกลับถึงบ้าน สาย เสนอและเสริมดีใจมาก รินเห็นมีต้นทานตะวันเล็กๆงอกขึ้นมาที่แปลงที่ว่างอยู่ก็แปลกใจรีบถามว่าใครปลูก ทั้งสามส่ายหน้า ศรัณย์เปรย

“จงรักและภักดี งอกขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ต่อให้ห้ามใจอย่างไรมันก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ!” รินให้เสริมเด็ดทิ้ง ศรัณย์เสียงเข้ม “ห้ามเด็ด ใครแตะต้นอ่อนพวกนี้ ฉันเอาเรื่อง...หล่อนก็เหมือนกัน” รินหน้าเสียมองศรัณย์ ต่างรู้ความหมายดีเพราะต่างเริ่มมีความผูกพันต่อกัน

วันต่อมา ศรัณย์กับโชติมารายงานตัวต่อนายอำเภอ เขาบอกกับทั้งสองอย่างเครียดว่า

“ท่านสารวัตรร้องเรียนไปที่พระนครว่าตำรวจตายไปสามนายเป็นเรื่องใหญ่มาก ท่านหาว่าคุณทำงานพลาด สารวัตรขอให้ย้ายคุณออกจากพื้นที่เพื่อเป็นการลงโทษ”

โชติบ่นอุบ “คุณปลัดทำดีที่สุดแล้ว น่าจะเห็นใจกันบ้าง จะมีข้าราชการกี่คนที่กล้าไปลุยพวกมันขนาดนี้ ทำแบบนี้ไม่ให้กำลังใจกันเลย” ทั้งศรัณย์และนายอำเภอต่างเครียด...

จิ้มลิ้มได้ยินที่บ้านศรัณย์คุยกันรีบมารายงานดวงสวาทว่าศรัณย์ถูกคำสั่งย้าย ตอนนี้เอาแต่ชกกระสอบทรายไม่พูดไม่จากับใคร ดวงสวาทรู้ว่าเขาคงเสียใจเพราะตั้งใจทำงานนี้มาก สั่งจิ้มลิ้มไปเรียกรถรับจ้าง...ดวงสวาทหอบขนมมากมายมาสวัสดีท่านผู้ว่าและคุณหญิงถึงจวนผู้ว่า

รินทำน้ำพริกลงเรือมาเอาใจศรัณย์ แต่เขาไม่อยากทานอะไร เธอต้องปลอบใจว่าคำสั่งย้ายยังไม่ลงมา อย่าตีตนไปก่อนไข้ รินรู้ว่าครั้งนี้ศรัณย์เครียดจริง รู้สึกเห็นใจ

ooooooo

เมื่อโดนบุรณีตอกหน้าว่าเรียนไม่จบ ชรัตน์รู้สึกเสียศูนย์อย่างบอกไม่ถูก มาหาช้องนางที่บริษัทรพิพันธ์ค้าไม้ ช้องนางแปลกใจที่หลานเข้ามาเพราะยังไม่ สิ้นเดือนที่จะรับเงิน เขาอ้อนว่าไม่ได้กลับบ้านใหญ่หลายวัน อยากกินข้าวฝีมืออาและเยี่ยมพ่อ

ช้องนางติงนี่บริษัทของพ่อเขา ไม่ใช่ของตน ไหนๆ จะไม่เรียนต่อแล้ว ก็มาช่วยงาน เลิกลอยชายเสียที ชรัตน์ย้อนถามตนควรเรียนต่อหรือ ช้องนางแปลกใจ

“มีคนๆหนึ่งเขาหาว่าผมโง่ที่ไม่เรียนต่อ เขาว่าคนเรียนน้อย คนจะดูถูก อาว่าจริงไหม”

ช้องนางดักคอว่าผู้หญิงสวยใช่ไหม ชรัตน์พยักหน้าหงึกๆ ช้องนางบอก เรื่องเรียนจะเรียนภาษา เรียนบัญชีที่นี่ก็ได้ แต่ตนว่าปัญหาใหญ่คือน่าจะทำงานเลิกเป็น พ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมามากกว่า เขาถามย้ำว่าอาคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ ช้องนางชี้ชัด “ผู้หญิงที่มาเยินยอสรรเสริญเธอ เขาก็อยากได้ผลประโยชน์จากเธอ แต่ผู้หญิงที่ต่อว่าเธอคนนี้ดูจริงใจนะ”

“จริงใจด้วย สวยด้วย คิดถึงอีกแล้ว...ฮือ”

“งั้นก็ลำบากแล้ว เพราะถ้าเธอดีเธอเก่งสู้เขาไม่ได้ เขาก็คงไม่สนใจเธอ อาว่าถ้าสนใจผู้หญิงคนนี้จริงๆก็ต้องทำตัวใหม่ ให้ดีให้เหมาะสมกับเขา”

ชรัตน์เห็นจริงมุ่งมั่นจะเริ่มงาน ช้องนางบ่นตนพูดปากเปียกปากแฉะตั้งนานไม่สนใจ ถูกผู้หญิงตอกหน้าทีเดียวยอมทำงานเลย ชักอยากเจอผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว ชรัตน์ยืดอกยิ้มจะตั้งใจเรียนและทำงานให้บุรณีเห็นตนในมาดใหม่ให้ได้...

ช้องนางกับชรัตน์เข้ามาที่คฤหาสน์ใหญ่ พระพิจารณ์ธุรกิจบิดาของชรัตน์นอนป่วยเป็นอัมพาต มีพยาบาลคอยดูแล พอเห็นหน้าชรัตน์ก็พยายามจะพูด แต่พูดได้เป็นคำๆ ว่า พะ...ยุง...พะ...ยุง...พยาบาลจะพลิกตัวให้ ท่านส่ายหน้านิดๆ กลอกตาไปมา ชรัตน์ถามไม่ใช่พยุงหรือ ท่านส่ายหน้า เขาสงสัยหรือพยุงเป็นใคร ช้องนางก็ไม่รู้ ชรัตน์สบตาพ่ออยากจะบอกอะไรตน

ooooooo

อรุณเห็นรินกลับมาก็ดีใจ ยังเชื่อว่าศรัณย์พาเธอไปเพราะต้องการเอาชนะตน คิดว่าเธอคงลำบากมาก เธอบอกว่าไม่เลย ทุกคนที่นั่นน่ารักมาก อรุณจึงบอกว่าบารนีกำลังจะแต่งงานแทนการหมั้น อยากให้เธอกลับไปช่วยงาน ฝากตนให้รับเธอกลับไปด้วย

“รินแต่งงานออกมาแล้ว คงต้องปรึกษาคุณศรัณย์กับคุณหญิงแก้วก่อนค่ะ”

อรุณเหน็บ มีเมียเก่ามาอยู่ข้างบ้าน กลางคืนออกมาหากันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทำร้ายจิตใจกันแบบนี้จะอาลัยอาวรณ์ทำไม รินให้เหตุผลที่ทำให้เขาเซ็ง “คนอื่นจะรักเกียรติรักหน้าของเขาหรือไม่ก็เรื่องของเขา แต่เราต้องรักษาเกียรติของเราไว้ ยังไงก็ต้องเรียนให้เขาทราบก่อนค่ะ”

วันต่อมาศรัณย์ทำงานอยู่ เสนอเข้ามารายงานว่า ท่านผู้ว่าเชิญไปประชุมด่วนที่จวน ทางด้านแก้ว มีรถจากจวนผู้ว่ามารับ คนรถเรียนว่าท่านผู้ว่ากับภรรยาเชิญคุณหญิงแก้วไปรับประทานอาหารและขอให้พาแม่ครัวที่ทำน้ำพริกลงเรือไปด้วย แก้วเข้าใจว่าเชิญรินอีกคน

เมื่อรินกับแก้วมาถึงจวนผู้ว่า เห็นว่าศรัณย์ยังมาไม่ถึงจึงชวนกันไปที่ครัวก่อน แต่แม่บ้านเกรงท่านผู้ว่าจะเอ็ดเอา รินจึงให้แก้วเข้าไปพบท่านก่อน ตนจะไปเตรียมของในครัว แม่บ้านเชิญแก้วไปยังห้องรับแขก... คุณหญิงพิมยิ้มแย้มต้อนรับขอโทษที่เชิญโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่ทันไรศรัณย์เดินนอบน้อมเข้ามา ขอโทษที่มาช้าเพราะมีงานเอกสารต้องเซ็น

ผู้ว่าเกริ่นวันนี้มีเรื่องด่วนเข้ามาตนใจร้อนเลยอยากเชิญทุกคนมาปรึกษา นายอำเภอคิดว่าเป็นเรื่องตำรวจที่ตายจึงบอกกำลังทำรายงานเสนอ ท่านขัด

“เรื่องนั้นพอจะรู้แต่ที่จะพูดคือกำลังใจของคนทำงานในพื้นที่ โชคดีที่ภรรยาคุณปลัดมาแจ้งเรื่องนี้กับคุณหญิง ไม่งั้นคงไม่ทันการ”

ทั้งศรัณย์และแก้วงง คุณหญิงแซวว่ามีภรรยาสวยและเข้าใจสามี น่าอิจฉาจริงๆ แก้วกำลังจะเอ่ยชื่อบราลี ดวงสวาทถือถุงขนมเข้ามาขัดจังหวะ ขอโทษที่ตนมาช้า คุณหญิงทักทายอย่างสนิทสนม แล้วแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จัก “นี่คุณดวงสวาท ภรรยาของคุณปลัดศรัณย์”

นายอำเภออุทาน เอ๊ะ! มองหน้าศรัณย์ ศรัณย์บอกทุกคนว่าไม่ใช่ ดวงสวาทจ้องหน้าถาม “ไม่ใช่อะไรคะ บอกมาสิคะว่าไม่ใช่อะไร”

คุณหญิงกับผู้ว่ามอง ศรัณย์จึงพูดไม่ออกเกรงคุณหญิงจะเสียหน้า นายอำเภอตัดบทว่ามากันครบแล้วเริ่มคุยกันดีกว่า แล้วกระซิบบอกศรัณย์ให้เอาไว้ก่อน แก้วเห็นด้วย ดวงสวาทสบตาศรัณย์ทำนองเป็นต่อ แก้วหน้าเสียเป็นห่วงรินที่อยู่ในครัว

จิ้มลิ้มถือถุงขนมเข้ามาในครัวกล่าวเสียงดังว่าเป็นขนมจากคุณนายปลัด รินชะงัก จิ้มลิ้มดึงรินออกมาให้มองเข้าไปในห้องรับแขกว่าใครคือเมียศรัณย์ แล้วยกยอดวงสวาทว่าช่างเข้าผู้ใหญ่ได้เก่ง เอาของแพงๆ มาให้คุณหญิงพิมจนท่านเอ็นดูสนิทสนมกันเร็ว รินหน้าเสีย จิ้มลิ้มย้ำ

“คุณดวงสวาทก็เป็นเมียคนหนึ่ง เมียอย่างคุณทำเพื่อผัวแล้วจะให้คุณดวงสวาทอยู่เฉยได้ยังไงล่ะคะ เธอก็ทำเพื่อผัวของเธอเหมือนกับคุณนั่นล่ะค่ะ ฟังดูสิคะ”

เสียงดวงสวาทกล่าว “เรื่องการปราบเสือขาวครั้งนี้ สามีดิฉันตั้งใจอย่างมาก เสี่ยงชีวิตเข้าไปกินนอนในป่าเป็นอาทิตย์ๆ ดิฉันก็เลยมากราบท่านผู้ว่ากับคุณหญิงและทุกๆ ท่าน กรุณาอย่าย้ายศรัณย์ออกจากพื้นที่เลยนะคะ”

ศรัณย์มองอย่างไม่คาดคิดเพราะปกตินิสัยเธอไม่ทำอะไรแบบนี้...จิ้มลิ้มลอยหน้าพูดกับริน ดวงสวาทเป็นคนมาพบคุณหญิงพิม ขอให้เชิญผู้ใหญ่ทั้งหลายมา คุณหญิงก็จัดให้ ช่างมีบารมีแท้ๆเจ้านายตน รินเจ็บแปลบ รู้สึกตัวเองต่ำต้อยมาก เสียงดวงสวาทยังพูดยกยอศรัณย์ นายอำเภอเสริมถ้าย้ายศรัณย์ไปก็อาจจะได้คนที่ไม่เต็มใจมาทำงานในพื้นที่อันตรายนี้ จึงอยากขอร้องท่านสารวัตรให้ทบทวนอีกครั้ง สารวัตรถามความสมัครใจของศรัณย์แล้วตกลงไม่ย้าย

ศรัณย์ดีใจหันมายิ้มขอบคุณดวงสวาท รินเห็นภาพบาดใจนั้นแล้วถามจิ้มลิ้มว่าให้คนไปตามตนมาทำไม จิ้มลิ้มจีบปากจีบคอตอบ “คุณดวงสวาทค่ะ เธอเป็นคนเสนอว่าที่บ้านมีแม่ครัวมือดีจะให้ทำอาหารวันนี้...ก็คุณแค่ทำอาหาร ดูแลบ้านแค่นั้น ไม่ใช่หรือคะ”

รินพยักหน้าเข้าใจแล้ว สีหน้าห่อเหี่ยวเดินกลับไป จิ้มลิ้มยิ้มสะใจเดินตามไปถามจะกลับเลยไหม รถรับจ้างของตนรออยู่ รินหันกลับมาบอกว่าต้องทำหน้าที่ให้เสร็จก่อน ตนไม่เคยทิ้งงานไว้ครึ่งๆกลางๆ จิ้มลิ้มได้ทีฝากจัดการขนมให้ด้วยอ้างตนถนัดทำงานด้วยปาก

เมื่อการเจรจาเรียบร้อยด้วยดี คุณหญิงพิมเชิญทุกคนรับประทานอาหาร แก้วกระซิบบอกศรัณย์ว่ารินอยู่ในครัว เขาตกใจมองหน้าดวงสวาทก่อนจะขอตัวไปห้องน้ำ หญิงสาวรู้ทันรีบตามออกไป...ศรัณย์รีบเดินมาหาริน เห็นนั่งร้องไห้อยู่ พอเธอเห็นเขาก็จะเดินหนีบอกต้องไปทำหน้าที่ในครัว เขาดึงจะพาเธอเข้าไป
ในห้องอาหาร เธอยื้อตัดพ้อว่าที่ของตนอยู่ในครัว อยู่คนเดียวมาตลอด ตนรู้ตัวเองดี ศรัณย์ไม่สนใจดึงรินให้ไป ดวงสวาทเข้ามาขวาง

“คุณจะออกไปบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเมียอีกคนก็ได้นะคะ แต่คุณก็คงต้องอธิบายเรื่องของฉันด้วย”ศรัณย์ต่อว่าทำเกินไปแล้ว “ฉันไม่ได้โกหก ไม่งั้นคุณก็คงบอกทุกคนไปแล้วว่าฉันไม่ใช่เมีย คิดดีๆนะ ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งนั้น คงตกใจกันน่าดู ต้องไล่เรียงกันเยอะหน่อยใครเมียหลวงเมียน้อย ใครมาก่อนมาหลัง เรื่องนี้อธิบายลำบากมากนะ”

ศรัณย์ไม่สนใจขอร้องให้รินไปกับเขา รินตัดสินใจดึงมือออก บอกเท่านี้ก็แย่พอแล้วตนไม่อยากเป็นทั้งเมียหลวงเมียน้อย ผู้หญิงทุกคนต้องการเป็นเมียเฉยๆ จะมีก็แต่ดวงสวาทที่ไม่เจ็บปวด หัวใจเธอกระด้างเหลือเกิน ดวงสวาทโต้ที่ทำวันนี้เพื่อให้ศรัณย์เห็นว่าตนช่วยงานเขาได้มากกว่าริน ศรัณย์แย้งว่าเธอไม่เคยชอบงานเขา

“ฉันไม่ชอบอยู่ที่นี่ ไม่ชอบอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้ฉันทำทุกอย่างได้ ฉันจะอยู่ที่นี่ ชอบงานของคุณ ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อแสดงให้คุณเห็นว่า...ฉันรักคุณแค่ไหน”

“เราคุยกันแล้ว บอกไปแล้วว่าผมไม่มีทางกลับไป”

“ฉันก็เหมือนกัน สายน้ำของฉันก็ไม่ไหลกลับ!” ดวงสวาทย้ำหนักแน่น

พอดีแม่บ้านมาบอกว่าท่านผู้ว่าอยากคุยเรื่องงานกับศรัณย์และดวงสวาท ศรัณย์บอกไว้คุยวันหลัง รินตัดบท “ไปคุยเถอะค่ะคุณศรัณย์ ฉันไม่เป็นไรหรอก โอกาสที่จะได้เจอผู้ใหญ่พร้อมหน้ามีน้อยมาก คุณควรจะคุยปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อย คิดถึงเรื่องเสือขาวเอาไว้ ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์...คนที่หมู่บ้านและฉันรอคุณอยู่ จัดการธุระของชาวบ้านก่อน เรื่องของเราสามคน ของผู้หญิงบ้าเลือดคนนี้ เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความทุกข์ของชาวบ้าน”

รินถอดผ้ากันเปื้อนเดินไป ศรัณย์มองอย่างเสียใจ ดวงสวาทดึงเขากลับเข้าไป...จากนั้นรินก็แอบกลับบ้านพักด้วยความรู้สึกต้อยต่ำของตัวเอง ในขณะที่ดวงสวาทพยายามแสดงออกว่าเป็นภรรยาที่แท้จริงของศรัณย์ แก้วรู้สึกกังวลใจมาก

ooooooo

กลับมาถึงบ้าน พบอรุณรอถามว่าแก้วกับศรัณย์ยอมให้กลับไปงานแต่งงานบรานีไหม รินหน้าเศร้าขอตัวไปเก็บกระเป๋า อรุณแทบไม่เชื่อหูตัวเองกระดี๊กระด๊าดีใจมาก

ด้านศรัณย์เป็นที่เอ็นดูของท่านผู้ว่าถึงกับเอ่ยปากว่าถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรให้คนมาบอกได้ตลอดเวลา ดึกแค่ไหนก็ได้ คุณหญิงพิมชื่นชม “สบายใจแล้วนะคะคุณหญิง...คุณดวงสวาทหนูนี่เป็นภรรยาที่เข้าใจสามีจริงๆ เป็นคนอื่นคงอยู่พระนคร ไม่ยอมมาตกระกำลำบากที่นี่หรอก เมียแบบนี้หา
ไม่ได้แล้วนะคะคุณปลัด”

ดวงสวาทยิ้มสมใจที่แผนสำเร็จ ต่างจากศรัณย์ที่ยิ้มแหยๆ...กลับถึงบ้าน สายรีบรายงานว่ารินเก็บกระเป๋าตามอรุณกลับพระนครไปแล้ว ดวงสวาทสะใจ เสนอเอาจดหมายมาส่งให้ แก้วรีบเปิดอ่าน “ที่บ้านคุณพ่อต้องการตัวดิฉัน ขออนุญาตกลับบ้านที่พระนคร...
บราลี”

ศรัณย์โมโหเตะถีบเก้าอี้แถวนั้นจนทุกคนสะดุ้ง เดินเข้าบ้านมาหยิบปืน แก้วตกใจถามจะเอาไปทำอะไร สายอุทาน “เอาแล้วเอาหล่า คุณดวงสวาทตายโหงแน่!”

“อีบ้า เขาไม่มีทางยิงฉันหรอก!”

ทันใดเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ กระถางนอกบ้านแตกกระจายพร้อมเสียงสบถของศรัณย์ “ไอ้อรุณฤกษ์ ไอ้ตี๋ ชาตินี้แกกับฉันอย่าอยู่ร่วมโลกกันเลย!”

แก้วตำหนิดวงสวาท “สะใจใช่ไหม ทำลายครอบครัวเขาได้ สบายใจไหม”

ดวงสวาทเชิดคอแข็ง ทั้งสาย เสนอและเสริมมองเธออย่างตำหนิ ดวงสวาทยังคาใจเดินตามมาคุยกับแก้ว “ศรัณย์กับคุณบราลีไม่ได้จดทะเบียนสมรส ดิฉันกับสามีก็เหมือนกัน เราสี่คนต้องทนเจ็บเพื่อจัดการบางอย่างให้ถูกต้อง ดิฉันทำเพื่อศรัณย์กับคุณบราลีอยู่นะคะ”

แก้วสวนนี่ไม่ใช่ความถูกต้องแต่เป็นความเห็นแก่ตัว ดวงสวาทหน้าชาโต้ไม่อาจบังคับให้เธอชอบตนเหมือนที่ชอบบราลีได้ ขอแค่ความเมตตาให้กับความรักของตนบ้าง แก้วอ่อนใจ...

เย็นวันนั้น ดวงสวาทให้จิ้มลิ้มแอบเข้าไปเก็บเสื้อผ้าศรัณย์ออกไปไว้ที่บ้านตน เพราะเชื่อว่าคืนนี้จะทำให้ศรัณย์นอนกับตนที่นั่นได้ พอเห็นศรัณย์นั่งมองต้นทานตะวันครุ่นคิด จึงเข้ามาใส่ไฟว่ารินคงอยากไปกับอรุณอยู่แล้ว เขาน่าจะให้โอกาสเธอได้ทบทวนจิตใจ ศรัณย์สวนว่าตัวเขาก็กำลังทบทวนจิตใจอยู่ ดวงสวาทยังพูดเข้าข้างตัวเองว่าแต่ก่อนตนไม่ชอบอาชีพของเขา เขาจึงลังเล ตอนนี้ตนพร้อมจะเป็นเมียปลัดตลอดชีวิตเพราะตนรักเขา ตนเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา

“คนที่เสียหน้า คนที่โกรธ...คุณต่างหาก ผมรู้จักคุณดี คนเพียบพร้อมอย่างคุณมาแพ้ผู้หญิงธรรมดาอย่างริน ความโกรธทำให้คุณทำได้ทุกอย่าง”

“ความรักต่างหาก! ไม่ใช่ความโกรธ เรารักกัน เราต่างหากที่รักกัน ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น!”

ศรัณย์อ่อนใจเอามือลูบหน้า “เฮ้อ บังคับลูกปืนแค่ซ้อม แค่คำนวณลม ระยะทาง ยิงยังไงก็ไม่พลาด แต่บังคับหัวใจตัวเอง ไม่ให้เป็นบ้าเพราะความรักยากมากเลยใช่ไหม”

“ใช่ ดวงกำลังเป็นบ้าเพราะรักคุณ คุณเองก็เคยเป็นบ้าเพราะรักดวง ผู้หญิงคนเดียวที่คุณรักมาตลอดชีวิต ฉันเก็บข้าวของคุณไว้ที่บ้านโน้น ไม่มีคุณบราลีแล้ว ให้โอกาสดวงบ้าง ไปนอนที่บ้านดวงนะคะ...คืนนี้”

ดวงสวาทเล้าโลมเพราะเข้าใจว่าที่ศรัณย์พูดหมายถึงตนศรัณย์อ่อนใจขออยู่คนเดียวก่อน ดวงสวาท จึงบอกว่าจะรอเขาที่บ้าน ตนจะทำให้เขารู้ใจตัวเองกับรินมันคงไม่ใช่ความรัก ว่าแล้วก็หอมแก้มเขาก่อนจะเดินกลับไป

ในคืนนั้นศรัณย์ครุ่นคิดถึงผู้หญิงทั้งสองว่ารู้สึกรักใครในตอนนี้ แก้วมองลูกชายอย่างหวั่นใจว่าเขาจะเลือกความรักสิบกว่าปี หรือที่เกิดขึ้นสี่ห้าเดือน

ooooooo

เมื่ออรุณกับรินกลับมาถึงพระนคร รินให้เขากลับบ้านไปก่อน เขาย้ำให้เธอเล่าเรื่องดวงสวาทให้เจ้าคุณบำรุงฟัง จะได้ยกเลิกการแต่งงาน รินแย้งว่าที่ตนมาเพื่อช่วยงานแต่งงานบารนีและอยากจะห่างบ้านออกมาเพื่อคิดอะไรให้กับชีวิตตัวเอง อรุณถอนใจยอมกลับไป

ทุกคนดีใจมากพอเห็นริน ทั้งบรานีและบุรณีดึงรินมาที่ห้องข้างบน เพื่อให้เห็นว่าตอนนี้รินอยู่ห้องเดียวกับบุรณี ไม่ได้อยู่เรือนคนใช้ และได้กำชับญาติ

ทุกคนให้พูดว่ารินชื่อบราลีเป็นลูกสาวคนโตของบำรุง–ประชากิจ บุรณีเล่าถึงชรัตน์ที่ดูท่าจะสืบเรื่องริน รินรีบบอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทศรัณย์ บุรณีตบเข่าว่าแล้วเชียว เจ้าเล่ห์ไม่บอกความจริง ไว้ใจไม่ได้ รินหน้าเศร้า

“ต่อให้บอกคนอื่นยังไง แต่รินก็ยังไม่ลืมค่ะว่ารินเป็นแค่เด็กที่พ่อแม่ทิ้ง เป็นแค่คนใช้ รินไม่มีทางจะสู้คนมีชาติตระกูล คนมีเงินคนไหนหรอกค่ะ”

บุรณีรู้สึกว่ารินพูดเหมือนใครทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ เธอส่ายหน้า บรานีบอกต่อให้ศรัณย์กับแม่มางาน ความลับก็ไม่มีวันรั่วไหล แล้วถามทั้งสองจะมาไหมตนส่งการ์ดไปให้แล้ว รินบอกยังไม่ได้รับ บรานีแปลกใจแล้วเธอมาได้อย่างไร รินตอบว่าอรุณเป็นคนบอกและรับตนมา

รินเข้ามากราบเจ้าคุณบำรุงกับเพ็ญแข ทั้งสองดีใจแต่สังเกตเห็นว่ารินเศร้าๆ บรานีบอกถามเท่าไหร่ก็ไม่เล่า ปากแข็งมาก รินยิ้มและกล่าวว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนมีความสุข อย่ากังวลกับเรื่องไร้สาระของตนเลย

เช้านี้ดวงสวาทผิดหวังที่ศรัณย์ไม่ไปหาเมื่อคืน รีบมาที่บ้าน เสนอรายงานว่าศรัณย์ลากิจไปพระนครหนึ่งอาทิตย์ เธอถามไปทำไม สายตอบเยาะๆ ว่าอุตส่าห์ไม่อยากบอกกลัวจะสะเทือนใจว่าไปหาเมีย ดวงสวาทกรี๊ด...ไม่จริง อาละวาดคว้ากระถางแถวนั้นปาทิ้งแล้วสั่งจิ้มลิ้มหยิบเงิน

“นี่ค่าเสียหาย! ดวงสวาทเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณมหินท์เศรษฐีที่ดิน คนอย่างฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้ อยากทำลายอะไรก็ต้องได้ทำ” ดวงสวาทเห็นแก้วเดินออกมาก็มองด้วยสายตาไม่เกรงใจ สะบัดหน้ากลับอย่างไม่แคร์ ถึงบ้านเธอนั่งน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดเข่นเขี้ยว “ศรัณย์...นอกจากฉันจะหยุดรักคุณไม่ได้แล้ว คุณยังทำให้ฉันรู้สึกอีกอย่าง ฉัน...รู้...สึก...เกลียด!”

แก้วอ่อนใจกับความร้ายขึ้นทุกวันของดวงสวาท แต่พอเดินมาเห็นว่า ศรัณย์ทำรั้วล้อมต้นทานตะวันที่งอกขึ้นมาทั้งคืน ก่อนจะขึ้นรถไฟเข้าพระนครตอนเช้ามืด ก็ยิ้มปลื้ม ที่ความรัก...ความผูกพันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทั้งสองพยายามห้ามใจแล้วแต่ก็ห้ามไม่อยู่ เสนอเห็นด้วยแต่ห่วงกังวลเรื่องที่ศรัณย์เอาปืนพกไปด้วย แก้วตกใจ

บ่ายวันนั้น ศรัณย์ก็มาถึงบ้านบำรุงประชากิจ รินตกใจมากเมื่อเห็นหน้าเขา ศรัณย์เข้าต่อว่า “ใครจะแต่งงาน หล่อนหรือ หน็อยกล้าหนีฉันมา กล้ามากนะ” รินปรามให้เบาเสียง เขายังตะโกน “ไอ้อรุณฤกษ์อยู่ไหน มันว่ามันอยู่ข้างบ้านคุณ ข้างตรงไหน ข้างหน้าข้างหลัง ข้างซ้ายข้างขวา บอกมา” ศรัณย์เดินพล่านจะหาบ้านอรุณให้ได้

รินดึงรั้งไว้ รีบบอกว่าคนที่จะแต่งงานคือน้องสาว ศรัณย์ยังโวยว่ารินรับรักอรุณแล้วหรือถึงหนีมาด้วยกัน ตนจะฆ่าเขา เธอปฏิเสธว่าแค่มาช่วยงานน้องและว่าเขาเป็นผู้รักษากฎหมายจะฆ่าใครได้อย่างไร เขาโต้ว่าผู้ชายที่หยามศักดิ์ศรีผู้ชายด้วยกัน เอาไว้ไม่ได้ รินทนไม่ไหวเสียงเข้ม

“นี่หยุดบ้าเสียที ฉันไม่ได้หนีตามเขามา ฉันแค่อยากมีเวลาคิดอะไรหน่อยก็เท่านั้นเอง”

“เมื่อคืนอยู่บนรถไฟคุยอะไรกัน จับมือกันรึเปล่า นั่งติดกันใช่ไหม แวะที่ไหนรึเปล่าบอกมานะ”

“คุณมันใจสกปรก อย่าเอาที่คุณทำกับผู้หญิงคนอื่นมาป้ายสีฉัน ฉันไม่เคยจับมือกับใครทั้งนั้น ฉันกลับบ้านเลยไม่ได้แวะไหน ไปถามใครดูก็ได้”

“ดี เพราะหล่อนเป็นของของฉัน ฉันไม่เคยทรยศหล่อน หล่อนก็ทรยศฉันไม่ได้ มือนี้เป็นมือของฉัน ไอ้อรุณฤกษ์มันไม่มีสิทธิ์มาจับ” รินดึงมือออกจากการจับกุมศรัณย์ยังพร่ำ “ฉันเป็นลูกคนเดียว ของในบ้านทุกชิ้นมันเป็นของฉันคนเดียว ตอนเด็กๆ ฉันต่อยกับเพื่อนทุกวัน เรื่องเดียวเลยเรื่องเพื่อนมายุ่งกับของเล่นฉัน” รินโวยตนไม่ใช่ของเล่นเขา “ฉันเคยรับปากหล่อน ไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัว ให้เป็นแค่เพื่อน ต่อไปนี้...ยกเลิก!”

ว่าแล้วศรัณย์ก็จู่โจมเข้าหอมแก้มริน ขยี้แก้มซ้ายแก้มขวา แถมบอกว่าแก้มทั้งสองเป็นของตน ไอ้บ้านั่นไม่มีสิทธิ์ยุ่ง และไม่ใช่แค่แก้ม รินตกใจเอามือปิดปาก เสียงแจ๋วกรี๊ดตาเถรตก ทั้งสองตกใจผละออกจากกัน แจ๋วร้องให้คนช่วยว่ามีโจรเข้ามาข่มขืนริน รินตกใจพยายามห้ามแต่แจ๋ววิ่งตะโกนไปแล้ว รินหันมาต่อว่าศรัณย์ “อีตาบ้า! ฉันจะไม่ให้อภัยคุณเลย”

ศรัณย์ได้สติรีบวิ่งตามรินเข้าไปในบ้าน เจ้าคุณและทุกคนตกใจ รินหน้าเจื่อนทำตาปริบๆ

ooooooo







ปดิวรัดา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด