ตอนที่ 5
ดวงสวาทไม่ยอมแพ้มาเช่าบ้านที่อยู่ติดกับบ้านพักศรัณย์ แก้วแปลกใจที่เห็นมีช่างมาซ่อมแซมบ้านข้างๆ จึงทำกับข้าวให้สายเอาไปทักทายเพื่อนบ้านใหม่เป็นน้ำใจ ไม่ทันจะไป ดวงสวาทก็เดินยิ้มร่าเข้ามาพร้อมจิ้มลิ้มที่ยกหม้อเดินตาม
“นิสัยเอื้อเฟื้อแบบนี้ หนูยังยึดเป็นแบบอย่างและทำตามเสมอ นี่ไก่อบหนูเอามาฝากค่ะ”
จิ้มลิ้มวางหม้อลง แก้วตกใจไม่คิดว่าดวงสวาทจะดันทุรังขนาดนี้ เธออ้างว่าเธอออกจากบ้านตามคำสั่ง แต่ไม่มีที่ไปจริงๆ กลับพระนครก็ไม่ได้ ขอให้เห็นใจ จิ้มลิ้มรีบรายงานตัวว่าเป็นผู้ช่วยดวงสวาท สายเหน็บก็คนใช้นั่นแหละ แก้วข้องใจถาม
“ทำแบบนี้มั่นใจสินะว่าศรัณย์จะใจอ่อนกับเธอ คิดจริงหรือว่าเสน่หาจะผูกหัวใจคนได้”
“รัณชอบกับข้าวฝีมือคุณบราลีมาก คุณแม่ว่าอาหารกับเสน่หา อะไรจะผูกใจคนได้ดีกว่ากันล่ะคะ”
“อาหารกินวันละสามเวลา...แต่เสน่หาไม่มีกินก็ไม่ตาย”
“อาหารซื้อได้ตามตลาด เสน่หาขอได้จากเมียเท่านั้น เมียที่ไม่มีให้จะผูกใจผัวได้ยังไง น้ำพริกลงเรือน่ะคาวไม่พอหรอกค่ะ” ดวงสวาทหัวเราะเยาะก่อนจะเดินกลับไป
แก้วอึ้งไม่คิดว่าเธอจะร้ายขึ้นขนาดนี้ ชักเป็นห่วงลูกชาย...ดวงสวาทกลับมาที่บ้านโทรศัพท์หาสุนันทาซึ่งกลับจากต่างจังหวัดแล้ว เพื่อบอกว่าตอนนี้ตนอยู่ปักษ์ใต้ ถ้าที่บ้านโทร.หาช่วยโกหกให้ด้วยว่าอยู่กับเธอ...
ในขณะที่ศรัณย์อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เตรียมเป้เข้าป่า รินทำอาหารใส่ห่อให้เขาติดไป ศรัณย์ขอร้องคราวหลังอย่าได้พาใครมาร้องห่มร้องไห้แบบนั้นอีก และเตือนว่าเธอใจอ่อนเกินไประวังจะโดนหลอกเข้าสักวัน รินบอกว่าอุตส่าห์ยอมเสียเครื่องสำอางไปเพื่อผูกมิตรชาวบ้านให้ไว้ใจในงานของเรา ศรัณย์ฉงนกับคำว่างานของเรา รินสาธยาย
“คุณแม่เลี้ยงมาให้ทำงานเพื่อคนอื่น ดิฉันไปยิงปืนจับโจรอย่างคุณไม่ได้ ไปรับราชการแบบคุณพ่อก็ไม่ได้ การที่ได้ช่วยคุณพ่อ ช่วยคุณเท่าที่จะช่วยได้ก็ถือว่าได้ช่วยชาติ งานนี้จึงเป็นงานของเราค่ะ...ฉันบอกเขาไปแล้วว่าคุณเก่งแค่ไหน คุณจะทลายก๊กเสือขาวได้แน่นอน”
ศรัณย์ทึ่งกับความคิดของริน ทำไมเชื่อมั่นขนาดนั้น รินตอบว่าเพราะเขาเป็นคนดีมีมานะ พยายามฝึกฝน ศรัณย์ปลาบปลื้มกุมมือรินที่ถือห่อข้าว มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน เริ่มมีใจรัก คิดถึงคำที่คุยกับแก้ว ว่าลูกผู้ชายที่แท้จริงจะมีเมียแค่คนเดียว แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรเลือกใคร แก้ว ให้คำแนะนำว่า...เลือกเมียด้วยอารมณ์รัก ถ้ารักนั้นมั่นคงก็อยู่ได้ตลอดชีวิต แต่เมียที่เป็นเมียแก้วเมียขวัญคือสมบัติอันล้ำค่า อยู่ด้วยแล้วมีแต่ความเจริญ นอกจากรักแล้วจะต้องมีความเหมาะสมกันบางอย่าง เช่นช้อนกับส้อม กระดาษกับปากกา ที่สำคัญเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ศรัณย์เริ่มเข้าใจแล้วว่าต่อให้รินมีศรัทธาเดียวกันกับตน ถึงอย่างไรก็ต้องมีความรักขนาดรักกันมาเป็นสิบปีอย่างดวงสวาทยังไปไม่รอด รินคือกระดาษของตน...
รินพยายามดึงมือออก เขาหัวเราะบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเล่นเพื่อน รินยิ่งเขินหยิกมือเขาอย่างแรงจนเขาต้องปล่อย รินโวยตนไม่ใช่ของเล่นของเขา อย่าแตะเนื้อตัวตนอีก เขาขำเชิงเอ็นดูที่เห็นเธอหน้างอ
ศรัณย์กลับมาตรงที่โชติซุ่มอยู่แถวบ้านของใบ และแล้วก็มีคนเอาข้าวของมาส่งให้ใบจนได้ เป็นลูกน้องของเสือบาง ท่าทางใบไม่พอใจไม่ต้องการรับของโจร ขุนส่ายหน้าบ่นว่าด่าแบบนี้ทุกครั้งที่เอาของมาให้ จากนั้น ศรัณย์กับโชติก็สะกดรอยตามขุนเพื่อไปให้ถึงค่ายโจร...ขุนเดินเข้าป่าอย่างคล่องแคล่ว โชติแปลกใจที่ทางนี้ไม่ใช่ทางไปเขากุดที่คิดว่าเสือขาวปักหลักที่นั่น
ooooooo
ภายในค่ายโจรเสือขาว มีโต๊ะหมู่บูชา กะโหลกผีและของขลังมากมาย เสือขาวนั่งสมาธิตามประสาคนเล่นของ จับยามสามตาดูฤกษ์ดูยาม แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นสั่งลูกน้องให้ออกไปรับขุนปากทางเข้าถ้ำ คืนนี้ฤกษ์ไม่ดีอาจมีเรื่อง กิจจึงบอกว่าจะออกไปกับบาง
ระหว่างนั้นขุนเริ่มรู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตาม
จึงหลบเข้าพุ่มไม้เตรียมอาวุธกะปะทะ ศรัณย์กับโชติแปลกใจที่ขุนหายไป โชติจะลงไปดูที่ลำธาร ศรัณย์ห้ามเพราะเห็นว่าเขามีลูกเล็ก จะลงไปเอง โชติซึ้งใจในตัวเขามาก...ศรัณย์เดินลงมาไม่เห็นขุนที่หลบอยู่ ขุนจับปืนมั่นเตรียมยิง จู่ๆบางกับกิจแหวกพุ่มไม้เข้ามา ดึงขุนออกไปบอกคืนนี้ฤกษ์ไม่ดีที่จะปะทะ
ศรัณย์ได้ยินเสียงเดินก็รีบซ่อนตัว เห็นสามโจรเดินออกไป โชติย่องตามมาสมทบบอกตกใจเพราะเห็นโจรซุ่มอยู่ตรงทางที่เขาเดิน ศรัณย์บอกถ้าตนเดินต่อไปอีกนิดโดนส่องแน่ โชติให้รีบตามพวกโจรไปแต่ศรัณย์เห็นว่ามันเสี่ยงเกินไป พวกโจรมีมากกว่าและรู้ตัวแล้ว
ฟ้าสางไก่ขัน รินสะดุ้งตื่นมองไปที่มุ้งของศรัณย์ ไม่เห็นเขานอนอยู่ก็เป็นห่วงรีบวิ่งลงจากเรือน ศรัณย์แบกเป้กลับมาพอดีถามจะไปไหน วิ่งแบบนั้นเดี๋ยวตกบันไดคอหัก รินยิ้มดีใจ เขาดักคอว่ามารอตนหรือ รินชะงักอึกอัก แก้ตัวว่าตนกระตือรือร้นทุกเช้าจะไปทำอาหาร
“กระตือรือร้นทุกเช้าเนี่ยนะ พูดออกมาได้ จะโดนลักหลับเพราะขี้เซาล่ะสิไม่ว่า” ศรัณย์เดินหัวเราะขึ้นบ้าน รินอายแต่ก็โล่งใจที่เห็นเขาไม่บาดเจ็บตรงไหน
ที่ค่ายโจรเสือขาว ทุกคนนั่งประชุมเรื่องที่ขุนมีคนสะกดรอยตาม กิจตำหนิคราวหลังให้ระวังมากขึ้น เสือขาวบอกว่าคนนั้นเป็นปลัดที่ปล่อยข่าวว่าพวกเราปล้นควายชาวบ้าน กิจเป็นห่วงที่พวกนั้นเข้ามาใกล้ค่ายเกินไป แต่เสือขาวไม่กังวลเพราะทางเข้าค่ายลึกลับพิสดารมาก บางเสนอให้จัดการปลัดไฟแรงนั่นเสียและอาสาจะลงมือเอง เสือขาวพยักหน้ายินยอม
ด้านศรัณย์คุยกับคล้ายและโชติ โดยมีรินกับน้อยนั่งฟังอยู่ด้วย คล้ายทึ่งที่เสือขาวปล่อยข่าวว่าค่ายของมันอยู่เขากุดทางเหนือ แต่ความจริงอยู่ทางใต้ ศรัณย์ถามแถวนั้นเรียกว่าอะไร
“เขาน้ำเย็นครับ ถัดเข้าไปจะมีน้ำตกน้อยใหญ่หลายจุด น้ำแถวนี้เย็นมากเลยเรียกว่าเขาน้ำเย็น” โชติแจงให้ฟัง
คล้ายเสริมต่อว่าแถวนั้นลือกันมาแต่ปู่ย่าว่ามีผีเจ้าป่าชอบหลอกคนไปกระโดดน้ำตกตาย ชาวบ้านจึงไม่ค่อยไป ศรัณย์ชี้ชัดนี่ถึงเหมาะเป็นที่ซ่อนตัว โชติจะกลับไปเอาตำรวจมาทลายซ่อง น้อยดีใจจะได้เจอลูกสาวเสียที รินยิ้มยินดีด้วย
ทุกคนแยกย้ายกลับที่พัก รินนั่งมองศรัณย์กินน้ำพริกลงเรืออย่างเอร็ดอร่อย ก็ถามใจคอจะกินทุกวันเลยหรือ เขารับว่าใช่แล้วเปลี่ยนเรื่องถามจริงจัง “ฉันเล่าเรื่องพ่อแม่ฉันแล้ว เล่าเรื่องพ่อแม่หล่อนหน่อยสิทำไมพ่อแม่ถึงใช้งานหล่อนเหมือนเป็นคนใช้ล่ะ”
ท่าทางรินมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด บอกตนไม่ใช่คนใช้ตนเป็นลูกสาว ศรัณย์ว่าไม่เห็นต้องทำเสียงดัง แล้วบอกให้เล่าเรื่องน้องทั้งสอง รินหน้าเจื่อน เขาถามเวลามีความสุขกับครอบครัวคืออะไร รินตอบว่าพูดคุยกันถามสารทุกข์สุกดิบ ทุกครอบครัวก็เป็นอย่างนั้น ศรัณย์วางช้อนทำท่ากรุ้มกริ่ม “สามีภรรยา มีเวลาที่สนุกกว่าพูดคุย หน้าที่ที่มีต่อกันเหมือนคุณโชติบอก”
รินตอกกลับว่าเวลาแบบที่เขาอยู่กับดวงสวาทหรือ ศรัณย์จ๋อย รินเฉไฉเล่าว่ามีครั้งหนึ่ง บ้านเพื่อนน้องสาวมีงานเต้นรำ พวกเราตัดชุดกันเป็นเดือน ชุดพ่อแม่และน้องสาว ศรัณย์ดักคอไม่มีชุดเธอหรือ รินอึกอักเพราะตัวเองไม่ได้ไปจริงๆ แก้ตัวว่าตนไม่ชอบออกงาน เขาจึงถามแล้วเธอทำอะไร รินตอบว่าตนเข้าครัวทำอาหารสำหรับวันรุ่งขึ้น ศรัณย์ยิ่งสงสัยว่าเป็นลูกจริงๆหรือ รินเสียงสูงว่าจริง...แต่แววตาเศร้า ศรัณย์สังเกตเห็นถาม แบบนี้เธอมีความสุขหรือ เธอพยักหน้า
“คราวหน้า เมื่อไหร่ที่หล่อนต้องอยู่ในครัวในขณะที่คนอื่นต้องไปงานเลี้ยง ฉันจะไปนั่งหั่นผักเป็นเพื่อน เพื่อนจะไม่มีวันทิ้งเพื่อน ต่อไปนี้เธอจะมีฉัน” ศรัณย์ส่งยิ้มอบอุ่นให้ริน
ooooooo
ที่สถานลีลาศในพระนคร พณิชพาบรานีกับบุรณีมาเที่ยว บุรณีเห็นชรัตน์อยู่ท่ามกลางสาวๆที่กรี๊ดกร๊าดกับความหล่อเหลาของเขาก็หมั่นไส้ บรานีถามน้องมองอะไร
“พ่อเจ้าชู้ไก่แจ้ ท่าทางจะเป็นขวัญใจสาวๆ”
บรานีมองเหยียดๆไม่ปลื้มพวกเจ้าชู้เหลาะแหละ พณิชให้สาวๆสั่งอาหาร บุรณีเลี่ยงไปนั่งอ่านหนังสือริมน้ำตามเคย ชรัตน์เห็นบุรณีเดินออกก็รีบผละจากสาวๆตามออกไป...พณิชคุยกับบรานีอยากเปลี่ยนงานหมั้นให้เป็นงานแต่ง เพราะความรักมันจุกอกเต็มทน บรานีเขินอายเพราะตัวเองก็อยากให้เป็นเช่นนั้น
ชรัตน์แกล้งเข้ามาแซวบุรณีว่าสถานลีลาศไม่ได้มีเอาไว้อ่านหนังสือ เธอย้อนกลับว่าเอาไว้คุยกับสาวๆสวยๆ หรือ ชายหนุ่มร้อนตัว “โฮ้ย เพื่อนๆกันทั้งนั้น ผม...ชรัตน์ รพิพันธุ์ จำผมได้ไหมครับ ผมน่ะจำคุณแม่นเลย คุณบุรณี บำรุงประชากิจ”
บุรณีหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมายื่นให้ชรัตน์ทำทีตกใจเล็กน้อยทำนองไปอยู่กับเธอได้อย่างไร หญิงสาวรู้ทันว่าเขาจงใจเอามาใส่กระเป๋าตนไว้ เขาทำหน้าเซ็งที่เธอรู้ทัน บุรณีจะเดินหนี ชรัตน์เดินตามตอแยถามอ่านหนังสืออะไร เธอบอกว่าจะสอบ เขาทึ่งถามปริญญาตรีหรือ
“คุณไม่ได้เรียนหรือคะ”
“ผมจบที่ปีนังแล้วไปต่ออังกฤษ พ่อแม่อยากให้เรียนแต่ผมคิดถึงเพื่อนคิดถึงบ้านเลยกลับก่อน” บุรณีทำเสียงผิดหวังว่าเลยเรียนไม่จบ “ทำเสียงแปลกๆ...เฮ้อ นายชรัตน์ รพิพันธุ์ ไม่เคยดูแย่ขนาดนี้ในสายตาสาวๆเลยนะนี่ คุณเป็นคนแรกเลยที่ทำให้ผมรู้สึกผิดขนาดนี้”
“นามสกุลคุณ เศรษฐีร่ำรวย คุณเลยคิดว่าการศึกษาไม่สำคัญ เพราะถึงยังไงคุณก็มีเงินถุงเงินถังอยู่แล้ว จริงไหมล่ะคะ”
“แล้วคุณล่ะ เป็นผู้หญิง การศึกษาก็ไม่จำเป็น คุณจะเรียนไปทำไม”
“เพราะความรู้สำคัญกว่าเงิน มีความรู้ก็หาเงินได้ รักษาเงินเป็น แต่มีเงินโดยไม่มีความรู้ พูดออกมาแต่ละคำก็มีแต่คนเขาดูถูก พรุ่งนี้ฉันสอบขอตัวนะคะ” บุรณีตัดบทเดินจากไป
ชรัตน์เกาหัวแกรกๆเถียงไม่ออก พลันนึกได้ว่าจะสืบเรื่องบราลี จึงกลับเข้าไปทักทายบราลี เธอรีบปฏิเสธบอกว่าตนชื่อบรานี บราลีคือพี่สาว พณิชกับชรัตน์ทำความรู้จักกัน พณิชจำได้ว่านามสกุลรพิพันธุ์เป็นเจ้าของปางไม้ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชรัตน์บอกนั่นของพ่อคือพระพิจารณ์...พณิชแนะนำตัวว่าตนทำธุรกิจส่งออกอยู่สงขลา ชรัตน์ยินดีที่รู้จัก พอเขาเดินไป บรานีก็บอกพณิชว่าต้องระวังคนนี้ให้มาก พณิชบ่นรักษาความลับเรื่องรินไม่ใช่ลูกสาวนี่ไม่ง่าย
ooooooo
ระหว่างทางที่รถศรัณย์แล่นกลับเข้าเมือง ผ่านทุ่ง ทานตะวัน ศรัณย์ให้โชติจอดรถแล้วลงไปที่ทุ่ง โชติ แปลกใจอารมณ์ไหน รินจึงบอกว่าศรัณย์ชอบดอกทานตะวัน ก่อนจะตามลงไป ศรัณย์ให้รินช่วยเก็บเมล็ดทานตะวัน ห่อผ้าเช็ดหน้า ฝากให้ช่วยปลูกที่บ้าน รินเหน็บ
“ทานตะวันคือจงรักและภักดี คุณพูดมาตลอดว่าคุณไม่อยากจงรักภักดีกับใครอีกแล้ว”
“ฉันเปลี่ยนใจไม่ได้หรือ จัดการให้ทีนะ...เอ้า มองหน้าฉันอยู่นั่น หล่อนเก็บด้วยสิ ของแบบนี้ต้องช่วยกันทำ ...เก็บสิ” ศรัณย์ส่งสายตาเจ้าชู้ โชติแอบยิ้มเอ็นดูสองหนุ่มสาว
พอถึงบ้าน เสนอรายงานทันทีว่าดวงสวาทมาเช่าบ้านข้างๆ ศรัณย์ชำเลืองมองหน้ารินอย่างเกรงใจ แก้วเข้ามาบอกอย่าไปสนใจ อีกหน่อยเธอก็ไปเอง ย้ำกับศรัณย์ต้องหนักแน่น ทันใดเกิดเสียงโครมดังสนั่นที่บ้านดวงสวาท ทุกคนตกใจ ศรัณย์วิ่งไปไม่ฟังเสียงท้วงของแก้ว มาถึงก็ปรี่เข้าถามว่าดวงสวาทเป็นอะไรหรือเปล่า เธอดีใจมากออดอ้อนว่านั่งร้านพังลงมาเฉี่ยวหัว เขาจับตัวเธอสำรวจว่าเจ็บตรงไหนบ้าง รินเห็นท่าทางห่วงใยของศรัณย์ก็รู้สึกปวดใจ ดวงสวาทเห็นสีหน้ารินยิ่งสะใจ จิ้มลิ้มต่อว่าคนงาน ดวงสวาทบอกให้ชดใช้ด้วยเงินแล้วเก็บของออกไป
คนงานแย้งว่าเธอเป็นเพียงผู้เช่าไม่ใช่คนว่าจ้างไม่มีสิทธิ์มาไล่พวกเขา ดวงสวาทโวยว่าเฟอร์นิเจอร์ตนเสียหายและยังทำงานล่าช้า ถ้าเป็นช่างที่พระนครทำเสร็จไปนานแล้ว คนงานไม่พอใจที่ดูถูกกัน โวยกลับพูดจาแบบนี้ระวังจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ดวงสวาทสวนก็ไม่ได้อยากอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้ ศรัณย์ปราม “พอแล้วคุณ ใจร้อนไม่เคยหายเลย เข้าบ้านไปเถอะ”
“ก็มันกวนประสาทดวง ทำผิดแล้วว่าไม่ได้แบบนี้ไม่ถูก คอยดูถ้าฉันไม่ได้ค่าเสียหายนะ ฉันจะฟ้องตำรวจ”
ศรัณย์ต้องโอบเพื่อดึงดวงสวาทเข้าบ้าน ลืมสังเกต ว่ารินอยู่ตรงนั้นด้วย แก้วสงสารรินพากันเดินกลับบ้าน พยายามปลอบว่าศรัณย์ทำตามหน้าที่ รินบอกเข้าใจว่าดวงสวาทเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เสนอบ่นอยากให้ดวงสวาทกลับพระนครเสียที
ด้านศรัณย์เตือนดวงสวาทว่าเราเป็นคนต่างถิ่นพูดจาแบบนั้นเท่ากับสร้างศัตรู เธอไม่สนใจแต่ถ้าเขาห่วงตนก็กลับพระนครด้วยกัน ตนเป็นห่วงทุกครั้งที่เขาออกไปจับโจร ชายหนุ่มบอกว่าตนเป็นปลัดอำเภอ มันเป็นหน้าที่ หญิงสาวคิดเข้าข้างตัวเอง
“คุณย้ายมาเพราะประชดที่ดวงหนีไปแต่งงาน ตอนนี้ดวงอยู่ที่นี่แล้ว กลับไปพระนครกันนะคะ เรื่องคุณบราลีก็เหมือนกัน ปล่อยเธอไปซะ ไหนๆก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส เราถอยไปที่จุดเริ่มต้น ตอนที่เรารักกันได้ไหมคะ”
“เวลาเหมือนสายน้ำ ไหลไปแล้วไม่มีวันไหลกลับคืน เก็บข้าวของกลับพระนครไปเสียเถอะ เชื่อผม”
ดวงสวาทน้ำตาปริ่ม “เมื่อก่อนเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา คุณเคยบอกว่าคุณเร่งให้ถึงตอนเช้าทุกวัน เพื่อจะมาหาดวง แต่วันนี้คุณไล่ดวงกลับ แถมยังพาผู้หญิงคนนั้นติดตัวไปกับคุณด้วย”
“ผู้หญิงคนนั้นติดตัวผมในฐานะเพื่อน แต่คุณกับสามีที่ไปฮันนีมูนเมืองนอกน่ะอยู่ในฐานะอะไร...ผมไล่คุณกลับพระนคร แต่คุณไล่ผมออกไปจากชีวิต ยอมรับความจริงเถอะ เรื่องของเรามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว” พูดจบศรัณย์เดินกลับบ้าน
ศรัณย์เห็นรินยืนมองห่อผ้าที่ใส่เมล็ดทานตะวันก็เข้ามากุมมือเธอบอกว่าจะช่วยกันปลูก รินเสียงกร้าวว่าอย่ามาแตะเนื้อตัวตน เขาถามโกรธหรือ เธอโพล่งออกมา
“ที่คุณกับคุณดวงตัดกันไม่ขาดทุกวันนี้เพราะผูกพันทางกาย คุณกับฉันจะให้เป็นแบบนั้นอีกไม่ได้” ศรัณย์ใจเสียบอกตนไม่รู้เรื่องที่ดวงสวาทมาอยู่ข้างบ้าน “ทุกอย่างที่คุณดวงสวาททำ แสดงให้เห็นว่าเธอต้องการคุณมาก นี่คือสิ่งที่เราต้องตระหนัก”
ศรัณย์ยืนยันไม่อาจกลับไปรักดวงสวาทได้อีก รินแย้งเขาเคยบอกว่าจะไม่มีวันเป็นทานตะวันของพระอาทิตย์ดวงไหน จำได้ใช่ไหม เขารับว่าจำได้ รินชูเมล็ดทานตะวันบอกเราสองคนจะไม่ปลูกความจงรักภักดีต่อกัน รินสะบัดผ้าทิ้งทำให้เมล็ดทานตะวันกระจายลงดิน ศรัณย์สะเทือนใจที่นี่คือสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นความรู้สึก รินประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน
“เมื่อไหร่ที่แน่ใจว่าจะกลับไปหาคุณดวงสวาทได้โปรดบอกฉันตรงๆ ระหว่างนี้คุณต้องระมัดระวังกายและใจของคุณให้ดี รักซ้อนไม่ใช่เรื่องน่าสนุก ฉันจะไม่มีวันเข้าไปในวังวนรักซ้อนของใครทั้งนั้น”
ศรัณย์ใจหาย สายกลับจากตลาดเข้ามาบอกว่าซื้อกะปิมาให้ทำน้ำพริกลงเรือแล้ว แต่รินกลับปัดวันนี้ไม่ทำจะทำแกงต้มข่าให้แม่แก้ว สายทำหน้างงๆ ศรัณย์ยิ่งเซ็งหนักขึ้น
ooooooo
พณิชกับบารนีช่วยกันขอร้องเจ้าคุณบำรุงให้ยอมให้พวกตนแต่งงานแทนการหมั้นจนท่านอ่อนใจ...แจ๋วเข้ารายงานว่ามีคนมาขอพบ ชื่อชรัตน์ รพิพันธ์ุ บรานีตกใจกลัวเขามาจับผิด
บุรณีเดินมาเจอชรัตน์นั่งอยู่ก็แปลกใจมาได้อย่างไร เขาบอกตั้งใจมาหาเธอแต่ความจริงชรัตน์ต้องการมาสืบเรื่องบราลี แจ๋วออกมาเชิญให้เข้าไปในห้องรับแขก...ชรัตน์มอบของฝากเป็นน้ำผึ้งป่าและเครื่องเงิน เจ้าคุณท้วงทำไมเอาของแพงมาฝาก บุรณีเหน็บว่าเขาเป็นเศรษฐี ของพวกนี้ไม่เรียกว่าของแพง ชรัตน์ชำเลืองมองทำนองรู้ทันไปหมด จึงเปลี่ยนมาสรรเสริญ
“ผมได้ยินชื่อเสียงของท่านเจ้าคุณว่าเป็นข้าราชการที่ทำประโยชน์มากมายในแวดวงการศึกษา รู้สึกนับถือน่ะครับ แล้วผมก็เป็นเพื่อนคุณบุรณี”
บุรณีแย้งไม่ถึงกับเพื่อน เพิ่งจะรู้จัก ชรัตน์มองไปรอบๆด้วยแววตานักสืบ เห็นรูปถ่ายครอบครัวที่ไม่มีรินก็เอะใจ ทำทีเป็นเกริ่นว่าถ้าอยากซ่อมแซมบ้านติดต่อตนได้ บุรณีรู้สึกถึงการมองสำรวจของเขาจึงขยับตัวมาบังรูปที่ตั้งโชว์ เจ้าคุณบำรุงดึงความสนใจของชรัตน์กลับมาด้วยการถามถึงพ่อ เขาเลียบเคียงอีกว่าเจ้าคุณมีลูกสาวสามคนที่น่ารัก เพ็ญแขชะงักทำทีหยิบอัลบั้มที่มีรูปรินออกมาให้ดูว่ามีลูกสาวสามคน บุรณีและบารนีชี้ให้ดูว่ารินเรียนโรงเรียนดีที่สุด และสอบได้ที่หนึ่งทุกปี แถมได้รับการอบรมอย่างดีเยี่ยม ชรัตน์รู้ตัวว่าจับผิดไม่สำเร็จจึงลากลับ
ooooooo
ศรัณย์ทำแผนที่ค่ายเสือขาวให้แก่ตำรวจ สารวัตรหนักใจเพราะที่นี่มีแต่ตำรวจฝึกหัด ไม่มีตำรวจฝีมือดีมาประจำการ นายอำเภอหวั่นใจว่าถ้าบุกเข้าไปจะเสียเปรียบเพราะไม่ชำนาญทาง ศรัณย์บอกว่าตนมีแผนจะไม่ให้เสียเลือดเนื้อฝั่งเรา
วันต่อมาศรัณย์หาช่างชุดใหม่มาให้ดวงสวาท เธอดีใจมากที่เขายังเป็นห่วง เข้าไปกอดพาดูจุดต่างๆ ที่ต้องซ่อมแซม แล้วพยายามเล้าโลมแต่ศรัณย์ระวังตัวระวังใจไว้แล้วไม่ใจอ่อน หญิงสาวชักชวนให้เขาหันมาทำการค้ากับพ่อของเธอ อ้างแม่จะได้หมดห่วงนอนหลับ ...ศรัณย์สวน
“เหมือนที่คุณแม่พูดไม่มีผิด ช้อนคู่กับส้อม คุณคือนักตักตวงตั้งแต่กำเนิด...ถ้าคุณจะอ้างว่าเราเป็นผัวเมียกัน คุณยังมีสามีอีกคนรออยู่ที่พระนคร คุณต้องจำเอาไว้ด้วย” ว่าแล้วก็ผละออกจากการกอดของดวงสวาทแล้วเดินไปทันที
ค่ำนั้นแก้วนั่งจัดขนมลงขวดโหล ตำหนิศรัณย์ว่าให้ไล่ดวงสวาทกลับ สุดท้ายก็ไปช่วยเธอ ศรัณย์บ่นว่ารินไม่พูดด้วยมาสามวันแล้ว แก้วปิดฝาขวดโหลขนมแล้วเปรียบเปรย ถ้าความรักใส่ขวดโหลพวกนี้ได้ รักเก่ากับรักใหม่ ตอนนี้คงสูสีกันน่าดู ศรัณย์ถอนใจเพราะกับรินจะเรียกว่ารักใหม่ได้จริงหรือ เธอพร้อมจะทิ้งไปทุกเมื่อ ที่อยู่ด้วยกันก็เพราะหน้าที่เพราะความเป็นเพื่อนที่ปรารถนาดีต่อกันเท่านั้น แก้วย้อนถาม
“แล้วลูกคิดว่าเนื้อแท้ของสามีภรรยาคืออะไร ซาบซ่านหวือหวาเหมือนในละครงั้นสิ นั่นน่ะแค่ช่วงแรก ที่เหลือทั้งหมดก็คือเพื่อน เพื่อนแท้เพื่อนตาย มันก็แค่นี้แหละ”
ศรัณย์นึกถึงที่เคยคุยกับรินเรื่องอยู่กันแบบเพื่อนแล้วเขาหยิกแก้มเธอ เธอหยิกกลับ ทำให้เขาสนุกมีความสุข รินมีหลายอย่างที่ผูกใจเขาได้เรื่อยๆ...ศรัณย์กลับมาที่ห้องแอบย่องเข้าไปดูริน เห็นหลับสนิทก็นั่งมองอย่างเอ็นดู ก่อนจะมาเขียนบางอย่างในกระดาษแล้วพับเป็นรูปนก ใส่ลงในกระเป๋าเดินทางของเธอ มองใบหน้าเธอสักพักอย่างเพลินๆ
รุ่งเช้าศรัณย์แต่งตัวไปทำงานลงมาเห็นอาหารตั้งบนโต๊ะ มีน้ำพริกลงเรือพร้อมข้าวสวยก็นั่งรับประทาน ไม่นานรินกับสายยกสำรับเดินมา สายถามรินว่าศรัณย์ทานอาหารใคร ทันใดดวงสวาทเดินเข้ามาบอกว่าตนสั่งจากร้านในเมือง จิ้มลิ้มเสริมว่าเป็นร้านตำรับชาววัง มีสมองไม่ต้องมานั่งตำโป๊กๆ ให้เหงื่อท่วมตัว รินบอกสายปล่อยให้ศรัณย์ทานไปแล้วเธอก็เดินออกไป
ดวงสวาทตามมาเยาะว่าบ้านตนหรือเรียกว่าบ้านเราสำเร็จได้เพราะศรัณย์คุมงานด้วยตัวเอง รินย้อนถาม นี่คือตัวตนจริงๆของเธอใช่ไหม เธอกำลังสู้สุดตัวเพื่อเอาเขากลับคืนไปโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ดวงสวาทสวน “ไม่จริง ฉันทำเพื่อคุณด้วย ฉันบอกแล้วไงว่าคนที่เหมาะกับคุณคือคุณอรุณฤกษ์ คนที่รักคุณจริงๆ”
“คนเห็นแก่ตัวทุกคน ไม่มีใครพูดว่าทำเพื่อตัวเอง ทุกคนมีข้อแก้ตัวให้ตัวเองดูดีเสมอ”
ดวงสวาทโกรธเดินไปจับผ้าม่านที่รินเย็บ แล้วบอกว่ามันหลุดต้องเอาลงมาซ่อม ว่าแล้วก็กระตุกพรวดหล่นมาทั้งราว สายเห็นตกใจร้องว้าย...ดวงสวาทเยาะหยัน
“ผ้ามันขาดง่ายเพราะทำด้วยมือ ทำโดยเมียสมัครเล่น ลองไปดึงม่านที่บ้านฉันสิ เย็บแน่นด้วยช่างมืออาชีพ ด้วยเมียที่เป็นเมียจริงๆ เมียทั้งกลางวันกลางคืน นอกเตียงและบนเตียง รับรองมันไม่ขาดง่ายแบบนี้หรอก”
รินตั้งสติได้โต้ “คุณเป็นคนที่น่ากลัว ไม่สิ...หน้าด้านหน้าทน พูดเรื่องบนเตียงได้เหมือนเรื่องธรรมดา เฮ้อ... ให้แข่งอะไรฉันคงแข่งได้ แต่ให้แข่งหน้าด้านหน้าทนฉันคงแข่งไม่ไหว”
จิ้มลิ้มอุทาน...เจ็บว่ะ! คำพูดของรินทำให้ดวงสวาทอึ้งด้วยความละอาย สายกระซิบถามรินไม่ได้คิดยอมแพ้ใช่ไหม ดวงสวาทตอกกลับ “ฉันไม่ได้อยากทำร้ายหล่อน แค่อยากบอกว่าอาหารอร่อยๆ สวนดอกไม้ ม่าน เสื้อผ้า ฉันหาคนมาทำได้หมด โดยที่ฉันไม่ต้องลงมือสักนิด วิธี ของหล่อนที่จะผูกมัดใจผู้ชาย ที่จริงแล้วง่ายมากเลย แค่มีเงินเท่านั้น”
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อผูกใจใคร”
“ความรักที่อยู่รอบบ้านนี้ฉันมีให้รัณเท่ากับหล่อน หล่อนต่างหากไม่เคยให้เขาในสิ่งที่ฉันให้ ความเป็นเพื่อนเหมาะกับหล่อนที่สุดแล้วและหล่อนกับรัณก็คงหยุดอยู่แค่นี้นานเท่านาน”
รินหน้าเสียเพราะมันเป็นความจริง สายโกรธแทนร้องขึ้น “โว้ย! อยากถีบคนโว้ย...”
จิ้มลิ้มออกหน้าท้าเหยงๆ ดวงสวาทปราม ไม่ใช่วันนี้แล้วเดินนำจิ้มลิ้มกลับไป...รินอ่อนแรงลงหันมาเปรยกับสายว่าดวงสวาทพูดถูก ถ้าเขาต้องการผู้ชายมากขนาดนั้น ตนควรตัดสินใจบางอย่าง สายรีบเตือนอย่าอ่อนแอ ผู้ชายต่างหากที่เป็นคนเลือก เราเป็นเมียแต่งอย่ายอมแพ้ รินรำพึงทำไมชีวิตตนต้องมาเจอคนแบบนี้ ถอนใจคิดถึง บ้าน ทันใดมีเสียงรถแล่นเข้ามา
อรุณส่งเสียงทักทาย สายตบอก อย่างกับเสก แค่คิดถึงบ้าน บ้านก็มา...สีหน้ารินยินดีศรัณย์โผล่หน้ามาเห็นไม่พอใจ อรุณเข้ามาไหว้แก้ว ขอโทษที่เสียงดังแล้วโอ้อวดรถหรูคันใหญ่ที่ขับมาเอง แถมบอกว่าที่กลับมาอีกเพราะดวงสวาทยังโดดรถไฟกลับมาได้ แก้วอุทานคงไม่คิดมาอยู่ที่นี่อีกคน อรุณรีบบอกว่าตนกล่อมเตี่ยให้มาเปิดสาขาร้านทองที่นี่ได้สำเร็จ ว่าแล้วก็แจกนามบัตร รินถามไหนไม่ชอบค้าขาย ชอบรับราชการแล้วทำไมถึงย้ายมาที่นี่
ศรัณย์ประกาศไม่มีเงินซื้อทอง อรุณยักไหล่ไม่เป็นไร วันนี้ตั้งใจพาทุกคนนั่งรถหรูไปทานบักกุ๊ดเต๋ที่ภัตตาคารในเมือง ศรัณย์ดักคอ รถคันนี้คงอยากพาเมียชาวบ้านกลับพระนครมากกว่า รินหน้าเสีย อรุณฟ้องแก้วว่าตนไม่ได้พูด ลูกชายเธอพูดเอง ศรัณย์จะปรี่เข้าเล่นงาน เสนอรั้งไว้ แก้วเอ็ดทั้งสองคนทำตัวเป็นเด็กๆ ศรัณย์จ๋อยยอมขอโทษแล้วเชื้อเชิญอรุณเข้าบ้าน เสริมกับสายงงทำไมเปลี่ยนใจง่าย ศรัณย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินแยกออกมาที่รถหรูของอรุณ
ศรัณย์ยืนมองเสนอกับเสริมปล่อยลมยางทั้งสี่ล้อของรถหรู แล้วกลับเข้าบ้าน อรุณกำลังบ่นห่วงรินเมื่อรู้ว่าดวงสวาทมาเช่าบ้านอยู่ข้างๆ เอามาเป็นข้ออ้างว่าต้องมาดูแลเธอบ่อยขึ้น
“ผมคงต้องพาเมียเข้าไปในหมู่บ้าน ขอตัวรินก่อนนะครับ” ศรัณย์เข้ามาดึงรินดื้อๆ รินยื้อเพราะยังโกรธ ศรัณย์บอกนายอำเภอให้เข้าไปถล่มค่ายเสือขาว รินปัดให้เขาไปคนเดียว เขาอ้างว่าเธอต้องไปรับหน้าชาวบ้าน เนื่องและน้อยที่ไปรับปากอะไรไว้มากมาย รินลังเล ศรัณย์รำคาญยกมือไหว้แก้วแล้วอุ้มรินพาดบ่าออกไป แก้วกับอรุณตกใจบอกให้ระวัง เสนอยกกระเป๋าเสื้อผ้าใส่รถให้เรียบร้อย สายอุทาน
“เอาแล้วเอาหล่า รักรุนแรงขึ้นทุกวัน นี่...ได้อย่างใจ”
สายรีบมาขวางไม่ให้อรุณตาม อรุณบอกให้แก้วจัดการ แก้วบ่น “คนหนึ่งมาอยู่ข้างบ้าน อีกคนเอารถมารอถึงหน้าบ้าน ไม่มีใครฟังคำคนแก่สักคน ฉันไม่ยุ่งแล้ว พอกันที”
อรุณใช้ความคล่องแคล่วหลบหลีกสายมาได้ แต่พอมาถึงรถก็เห็นว่ายางแบนทั้งสี่ล้อ จึงวิ่งตามรถศรัณย์ เสนอวิ่งตาม อรุณสะดุดล้ม เสนอหยุดไม่ทันสะดุดล้มไปด้วย ศรัณย์มองกระจกหลังสมน้ำหน้า รินต่อว่าเขาบางทีก็ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ บางทีก็ทำตัวเป็นเด็กไปแกล้งอรุณ ศรัณย์ย้อนว่าผู้ชายดีๆที่ไหนมาดักรอเมียคนอื่น รินขู่ถ้าอรุณเป็นอะไรตนจะหนีไปกับเขา
“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ฉันไม่ยอมให้ใครมาหยามได้ง่ายๆหรอก”
“แล้วที่คุณทำกับฉันล่ะ บอกแล้วไงว่าห้ามแตะต้องตัวฉัน ที่อุ้มมาแบบนั้นฉันอายนะ คนอยู่เต็มบ้าน คุณแม่ก็อยู่ แล้วฉันจะมองหน้าพวกเขาติดไหมล่ะ ยิ่งคิดยิ่งแค้น” รินทุบศรัณย์รัว
ศรัณย์ร้องลั่นเดี๋ยวรถชน รินหมั่นไส้บีบคอเข้าให้อีก เขาไอแค่กๆรถส่ายไปมา รินประกาศลั่นจะไม่พูดกับเขาอีกเลย
กำนันคล้ายแปลกใจที่ศรัณย์กลับมาเร็ว ไหนว่าจะมาอาทิตย์หน้า ศรัณย์พูดอะไรกับรินเธอนิ่งเฉย คล้ายแซวหูหนวกขึ้นมาเฉยๆหรือไปกินรังแตนที่ไหนมา ไม่มีใครตอบ คล้ายจึงบอก
“ผัวเมียมือใหม่มันก็ลำบากอย่างนี้ล่ะ มันยังไม่ลงตัว อีกหน่อยก็ดีขึ้น ใจเย็นๆนะนังหนู อีกหน่อยก็เข้าที่” รินอายสะบัดหน้าเดินหนี ศรัณย์หัวเราะร่าไล่หลัง คล้ายหัวเราะตามศรัณย์กับคล้ายหันมาคุยงาน น้อยถามขึ้นว่าปลัดพาคนมาช่วยนิ่มแล้วจริงๆหรือ คล้ายเอ็ดไม่ให้พูดชื่อลูกอกตัญญูในบ้านอีก น้อยเจ็บปวดไม่ทนอีกต่อไปโวยไม่สนใจ ตนคิดถึงลูก โทษคล้ายเป็นคนทำให้บางฉุดนิ่มไป คล้ายโกรธจัดประกาศถ้านิ่มกลับมาจะฆ่าด้วยมือตัวเอง ศรัณย์เพิ่งรู้ว่าครอบครัวคล้ายมีปัญหาซับซ้อน
ooooooo
ในขณะที่บางฝึกมวยให้ลูกน้อง นิ่มเข้ามาถามว่าเขาจะไปจัดการปลัดใหม่ แล้วจะทำร้ายพ่อกับแม่ตนหรือเปล่า บางสวนจะไปห่วงทำไม เขาตัดขาดเธอแล้ว นิ่มอึ้งกลุ้มใจ
ตกเย็น ศรัณย์ รินและโชตินั่งทานข้าวร่วมกัน รินเอ่ยถามโชติว่าทำไมคล้ายถึงจะฆ่าแกงลูกตัวเอง โชติบอกตนก็เพิ่งมายังไม่รู้เรื่องอะไร ศรัณย์คาดเดาว่า หลังจากนิ่มถูกฉุดไปเป็นเมียคงหาทางหนีกลับมาไม่ได้ หรือก็รักกันมาก่อนด้วย อาจไม่อยากหนีก็เป็นได้ รินพยักหน้าแต่หันมาพูดกับโชติว่าคล้ายคงน้อยใจจึงโกรธ โชติทำหน้างงไม่รู้ว่าสองคนโกรธกัน ศรัณย์แย้ง
“สามีเป็นโจรนะคุณ ฆ่าฟันปล้นคนในหมู่บ้านเดียวกัน เขาลือกันว่าบางทีแม่นิ่มออกปล้นสะดมเคียงข้างผัว มีลูกสาวแบบนี้ เป็นใครใครก็โกรธ”
รินคิดว่าน้อยมีสิทธิ์คิดถึงลูกจริงไหม เธอหันมาถามโชติ เขาทำหน้าไม่มีความเห็น รินถามอีกว่าเขาจะช่วยนิ่มออกมาใช่ไหม โชติมองหน้าศรัณย์ขอคำตอบ ศรัณย์ขำตอบรินล้อๆว่า
“ใช่ครับคนสวย ยังไงก็ไม่ลืมสัญญาครับ” ศรัณย์ให้ใครก็ได้ไปตามน้อยและบรรดาแม่บ้านเจ้าน้ำตามาฟังแผนจากตน ถ้าอยากจะช่วยลูกๆ
โชติถามใครก็ได้หมายถึงตนหรือเปล่า รินรวบช้อนแล้วบอกว่าตนไปเอง โชติบ่น “โอย ปวดหัว ผัวเมีย คู่อื่นเขาไม่เห็นวุ่นวายขนาดนี้ แล้วจะอยู่กันยังไงเนี่ยคุณ ผมไม่ได้อยู่เป็นหนังหน้าไฟคั่นกลางให้ตลอดหรอกนะ”
อรุณมาเล่าให้ดวงสวาทฟังที่ศรัณย์อุ้มรินหนีไป จิ้มลิ้มโพล่งออกมาว่าเขาหนีดวงสวาทเข้าป่า ดวงสวาทโวยจะตอกย้ำทำไม อรุณเห็นดวงสวาทร้องไห้ รู้สึกเห็นใจ เธอรำพันว่าศรัณย์รู้ว่าตนเป็นคนกรุงอยู่แบบนี้ไม่ได้ แต่กลับไม่สนใจ อรุณคิดว่าเขายังโกรธที่เธอหนีไปแต่งงาน
“คุณรู้จักอาการเมาหมัดไหม ถ้าวันหนึ่งเราชกไปเรื่อยๆเหนื่อยจนแทบขาดใจ ถึงจุดหนึ่งเราจะชาชินกับความเหนื่อยมันจะไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป ถึงตอนนั้นเราจะกลายเป็นนักสู้ที่แท้จริง”
“อาการบ้าเลือดผมเป็นอยู่ เฮ้อ เปิดร้านทองในจังหวัดที่เป็นชุมโจร ถูกปล้นขึ้นมาเตี่ยต้องเอาผมตายแน่ๆ” อรุณถามดวงสวาทไม่คิดจะทำอะไรรินของตนใช่ไหม ดวงสวาทบอกไม่ต้องห่วง ตนต้องการแค่ตัวศรัณย์ แล้วหงุดหงิดหาว่ารินเอาการช่วยงานศรัณย์มาบังหน้า
ด้านศรัณย์บอกแผนการกับบรรดาแม่ๆว่า ถ้าน้อยอยู่บ้าน นิ่มคงไม่กล้ามาหา ให้เนื่องและคนอื่นๆปล่อยข่าวออกไปทั้งตลาด ว่าน้อยนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล เพื่อนิ่มจะได้ออกมาเยี่ยมแล้วให้น้อยเลียบเคียงถามค่ายโจรอยู่ที่ไหน...คล้ายแอบฟังแผนการของศรัณย์หน้าเครียด
คืนนั้นศรัณย์พับกระดาษเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ทุกตัวมีข้อความเขียนอยู่ด้านใน เขาพยายามง้อชวนรินคุยแต่เธอไม่ตอบสักคำ จนเขาเล่าว่าก่อนมาตนขอพรจากแม่แก้ว สายตารินสนใจขึ้น ศรัณย์เล่าว่าเห็นแม่นอน
ไม่หลับเพราะเป็นห่วงตน จึงกราบขอโทษและขอพรเพราะโจรก๊กที่จะไปปราบมีเวทมนต์คาถา พรจากคนที่รักศักดิ์สิทธิ์กว่าทุกอย่าง แก้วจึงอวยพรว่า
“พลังในโลกนี้ พละทั้ง 5 คือที่สุด ศรัทธาพละมีความเชื่อถือ วิริยะพละมีความเพียร สติพละไม่ประมาท สมาธิพละตั้งใจมั่นและปัญญาพละรอบรู้อย่างแท้จริง หากลูกมีพร้อมหมดแล้ว ยังไงลูกก็ต้องชนะเวทมนต์ต่ำๆพวกนั้นได้”...ศรัณย์บอกรินอีกสองวันจะต้องไปสู้กับโจร ขอให้รินอวยพรให้บ้าง เธอนิ่งลุกไปเข้ามุ้งนอน เขาถอนใจที่ง้อไม่สำเร็จ
ในขณะเดียวกันข่าวน้อยป่วยก็มาถึงหูนิ่ม เธอครุ่นคิดไม่กล้าจะออกไปเยี่ยมแม่...เสือขาวทำพิธีอาบน้ำว่านบริกรรมคาถาเพื่อให้ทุกคนอยู่ยงคงกระพัน...ส่วนรินเกณฑ์แม่บ้านมาช่วยกันทำอาหารห่อเป็นเสบียงไว้ให้ไปแจกตำรวจ โชติบอกศรัณย์ว่าคุณนายไม่พูดกับเขาแต่ก็ยังเป็นห่วง
ooooooo










