ตอนที่ 14
แต่ขณะทหารแห่ประจานทางน้ำนั้นขุนแผลงฤทธิ์มาชิงตัวพระยาพลเทพไปได้ พระยาพลเทพให้ขุนแผลงฤทธิ์พาหนีไปที่เมืองจันทบูร เพราะเมืองจันทบูรมั่งคั่งและเข้มแข็งที่สุดในหัวเมืองตะวันออก การที่พระยาตากมาปักหลักที่ระยองก็หวังได้จันทบูรมาเป็นกำลัง แต่สิ่งที่จะได้คือคมดาบคมหอกของจันทบูรเท่านั้น
หลวงพิชัยกับพันหาญถือว่าพระยาพลเทพหนีไปได้เป็นความประมาทของตน ขอให้พระเจ้าตากลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พระเจ้าตากเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ไม่คาดหมายและไม่มีใครคิดว่าคนอย่างพระยาพลเทพจะมีผู้ภักดีมาช่วยจึงขอคาดโทษไว้ก่อน อย่าให้มีเช่นนี้อีกก็แล้วกัน
ขันทองเชื่อว่าเป็นฝีมือของขุนแผลงฤทธิ์ที่หนีไปได้ในวันจับตัวพระยาพลเทพ เพราะฝีมือดาบ
ขุนแผลงฤทธิ์สูงมาก มิเช่นนั้นในเวลาอันสั้นย่อมไม่สามารถสังหารทหารและพาพระยาพลเทพหนีไปได้
พระเจ้าตากเห็นด้วยและถือว่าพระยาพลเทพเป็นเหมือนเสือที่หลุดเข้าป่า เห็นทีจะกลับมาเป็นภัย แต่เวลานี้มีเรื่องสำคัญกว่าต้องคิด พระเจ้าตากหันไปถามม่วงว่า เมืองจันทบูรตอบกลับมาว่าอย่างไรบ้าง ม่วงบอกว่ายังเฉยอยู่ เห็นทีจะไม่ยอมร่วมมือกับเราเป็นแน่
“ส่งทูตไปอีก อย่างไรก็ต้องดึงจันทบูรมาเป็นพวกให้จงได้ ด้วยเมืองนี้อุดมสมบูรณ์นัก แลยังว่างเว้นศึกมานานปี มีความพร้อมทุกด้าน เมืองระยองก็เล็กเกินกว่าจะคิดการใหญ่ หากไม่ได้จันทบูรก็ไม่มีทางกู้บ้านกู้เมืองได้”
พันหาญถามว่าเราส่งทูตไปติดๆกันเมืองจันทบูรจะไม่คิดว่าเราเข้าตาจนจนเสื่อมเสียพระเกียรติหรือ พระเจ้าตากชมว่าถามได้ดีและให้ขันทองตอบแทน ขันทองไหว้เหนือหัวแล้วหันไปตอบพันหาญว่า
“มันจำเป็นจ้ะน้าพันหาญ ด้วยเพลานี้เป็นโอกาสดีนักเพราะอังวะติดศึกจีน ทัพที่อยู่ในอโยธยาไม่นานก็ต้องถอนกลับ หากเราไม่เร่งมือ รอจนอังวะส่งทัพมาเสริม ก็ยากจะทำการได้สำเร็จแล้ว”
พระเจ้าตากยิ้มพอใจความฉลาดของขันทอง ก่อนจะหน้าเคร่งขรึมลง บอกว่า
“หากฉันคิดตั้งตนเป็นใหญ่ เพียงแค่สะสมกำลังในหัวเมืองตะวันออกก็พอแล้ว แต่เมื่อคิดกู้อโยธยาให้กลับคืนมาก็ต้องฉวยโอกาสที่อังวะรบกับจีนไว้ จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด”
ooooooo










