ตอนที่ 1
ภีม วรรณนรี และพุดกรอง สามเพื่อนสนิทที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พุดกรองกับภีมเคยแอบรักกันมาก่อน แต่พุดกรองคิดว่าถ้าตัวเองเลือกที่จะแต่งงานกับนายพร้อม นักธุรกิจหนุ่มใหญ่
ผู้ร่ำรวย กว้างขวางมีอิทธิพลน่าจะเหมาะสมกว่า
หลังจากแต่งงาน พุดกรองมีลูกชายกับนายพร้อมชื่อจ้าน ซึ่งเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนภีมตัดสินใจแต่งงานกับวรรณนรี มีลูกชายหญิงคือป่านกับปอ ทั้งสองเติบโตอย่างมีระเบียบเพราะความเป็นครูของวรรณนรี
ต่อมาสามีของพุดกรองเสียชีวิต เธอตกพุ่มม่ายจึงพาตัวเองกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองไทย โดยที่จ้านยังคงเรียนอยู่สหรัฐอเมริกา
และคืนนี้เป็นคืนแรกที่พุดกรองออกงานสังคมอีกครั้ง เธอได้พบภีม วรรณนรี และพงษ์สนิท ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งงานเลี้ยงครั้งนี้คุณหญิงพรรณราย เพื่อนไฮโซของพุดกรองจัดขึ้น เพราะจะแนะนำด็อกเตอร์พิมุขสามีที่กำลังเป็นคู่แข่งกับวรรณนรีในการแย่งตำแหน่งคณบดีมหาวิทยาลัย และเปิดตัวดลฤดีลูกสาวคนเดียวที่เพิ่งกลับจากอเมริกา
งานเลี้ยงครั้งนี้ทำให้พุดกรองและภีมได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ความรู้สึกดีๆในวันวานเริ่มย้อนกลับมา ในขณะที่ภีมเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในตัววรรณนรีที่ควบคุมทุกอย่างภายในบ้านเหมือนเขาเป็นเด็กนักเรียนของเธอตลอดเวลา
หลังงานเลี้ยงคืนนั้น ภีมกลับมาค้นอัลบั้มรูปเก่าๆ สมัยยังเป็นนักศึกษาที่วรรณนรีเก็บไว้ในห้องเก็บของออกมาดูแล้วรำลึกถึงความหลังที่เคยใกล้ชิดและเที่ยวเตร่กับทั้งพุดกรองและวรรณนรี
วรรณนรีวุ่นวายอยู่กับสอนการบ้านลูกสองคนอยู่นานกว่าจะมาเห็นภีมนั่งดูอัลบั้มรูป เลยพูดถึงพุดกรองว่าแปลกใจที่พบเธอ เสียดายไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเพราะเธอกำลังเนื้อหอมจนตนเข้าไม่ถึงตัว
“ผมก็แปลกใจเหมือนคุณ คุณพร้อมเพิ่งเสียที่อเมริกา ผมเองก็เพิ่งได้ข่าวเจ้านายเก่าเมื่อไม่นานนี้ ผมยังเสียใจอยู่เลยที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเสียใจคุณพร้อม เป็นคนสนับสนุนให้ผมเรียนกฎหมาย ตอนที่ผมทำงานกับเขา”
“ถ้าอย่างนั้นเราหาโอกาสเชิญพุดกรองมาทานข้าวบ้านไหมคะ”
ภีมสีหน้าสดชื่น ถามทันทีว่าเมื่อไหร่?
ooooooo
ดลฤดีไม่ชอบและไม่พอใจพงษ์สนิทจากที่เจอกันในงานเลี้ยงเมื่อคืน เธอบ่นให้พรรณรายฟังอย่างหงุดหงิด
“หนูไม่ชอบหน้าคุณพงษ์สนิทเลยค่ะคุณแม่ ดูเขาอวดฉลาด ไม่รู้กาลเทศะ เขาทำหน้ายโส แล้วมองคนอื่นโง่กว่าเขา”
“มีใครเขาถืออีตาบ้านี่บ้างล่ะ วันๆมีอาชีพเสียที่ไหน ทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าสักอย่าง ทำสนามกอล์ฟ ทำบ้านจัดสรร ทำผับ...ดีนะ แม่มีมรดกเก่า ที่แม่เขายังไม่ยอมตายเพราะอะไรรู้ไหมดลดี้ เพราะกลัวนายพงษ์สนิทผลาญสมบัติหมด”
“เอ้อ...คุณแม่คะ คุณภีมนี่เป็นสามีอาจารย์วรรณนรีหรือคะ”
“ใช่ อาจารย์วรรณนรีได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งคณบดีคู่กับคุณพ่อของหนู เห็นเย็นๆ จืดๆ ยังงั้นเถอะ ผลงานน่าหนักใจคู่แข่งนะ”
“ท่าทางอาจารย์วรรณนรีเป็นครูทุกกระเบียดนิ้ว หนูสงสัยจังเวลาอยู่บ้านคุณภีมเขาจะเป็นนักเรียนหรือเปล่า”
“ดลดี้...แม่ต้องหาทางส่งคุณพ่อขึ้นเป็นคณบดีให้ได้ ถ้าวรรณนรีไม่อยู่ในสายตาคณะกรรมการ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่า ถ้าชื่อเสียงของวรรณนรีมัวหมอง มีปัญหาเรื่องครอบครัว วรรณนรีก็ขาดคุณสมบัติ ถึงตอนนั้น คุณพ่อของหนูอาจจะได้เป็นคณบดี”
ดลฤดีหรือดลดี้รับฟัง แต่ดูเหมือนไม่ใคร่ได้ใส่ใจเรื่องของพ่อนัก สนใจภีมมากกว่า
ooooooo
วรรณนรีโทร.นัดพุดกรองมากินข้าวที่บ้านคืนนี้ พงษ์สนิทล่วงรู้จึงตั้งใจนั่งรถหรูของพุดกรองมาด้วย แต่ต้องผิดหวังเพราะเธอให้เขาทำหน้าที่คนขับรถ แถมระหว่างทางเกือบประสบอุบัติเหตุ สองคนเลยต้องนั่งแท็กซี่มาที่บ้านของภีม
พงษ์สนิทหลงรักพุดกรองจึงพยายามเอาใจเธอทุกอย่าง แต่พุดกรองให้เขาได้แค่ความเป็นเพื่อน เพราะเวลานี้ใจเธอวนเวียนอยู่กับภีมเพียงคนเดียว
ค่ำคืนเดียวกับที่บ้านภีมได้ต้อนรับพุดกรองกับพงษ์สนิทอย่างอบอุ่นและกันเอง ที่คฤหาสน์ของพรรณรายกำลังร้อนเป็นไฟ พรรณรายไม่พอใจสามีและมีปากเสียงกันเอ็ดอึง
“คุณจะทำอะไรนึกถึงหน้าตาของฉันบ้าง ฉันต้องตากหน้าอยู่ในสังคมที่มีแต่พวกสวมหน้ากาก ต่อหน้าก็ทำดีด้วย ลับหลังทั้งจิกทั้งกัด ฉันพยายามจะส่งคุณไปให้ถึงตำแหน่งคณบดี แค่คุณให้ความร่วมมือ ทำตัวให้เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่อบอุ่น เราต้องมีครอบครัวสมบูรณ์แบบ ไม่ยังงั้นก็เป็นอะไรไม่ได้”
“พูดจบหรือยัง ผมจะออกไปข้างนอก”
“ฉันยังพูดไม่จบ วรรณนรีเป็นผู้หญิงเก่ง ทำงานด้านการศึกษามานาน ไม่มีประวัติเสีย ถ้าคุณปล่อยให้วรรณนรีผ่านเข้ามาเป็นคู่แข่ง...”
“นี่...อย่ามารู้ดีไปกว่าผมเลยน่ะ ยังไงอาจารย์วรรณนรีก็เป็นแค่ผู้หญิง ใครเขาจะเลือกผู้หญิงขึ้นมาเป็นคณบดี”
“คุณคิดผิดแล้ว ฉันได้ยินมาว่าผู้ใหญ่กำลังหมายตาวรรณนรี คุณเลิกแห่ไปแห่มาได้แล้วก่อนที่ใครจะรู้ว่าคุณเป็นพวกเฒ่าหัวงู”
ดลฤดีเข้ามาได้ยิน มองพ่อแม่ด้วยความสงสัย พรรณรายกับพิมุขรีบเปลี่ยนท่าทีปกปิดความบาดหมาง
“ดลดี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ไหนว่านัดเพื่อนกินข้าว หนูจะกลับดึกไงล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก พ่อกับแม่คุยกันเรื่องตำแหน่งคณบดีน่ะ พ่อกำลังจะออกไปข้างนอก มีประชุมนอกรอบน่ะ”
พรรณรายจะค้านแต่พิมุขชิงตัดบทก่อนว่า
ไม่ต้องรอ ตนอาจจะกลับดึก พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ ภรรยายืนอ้าปากค้าง พอลูกสาวถามว่ามีอะไรกัน พรรณรายกลบเกลื่อนดึงลูกเข้ามากอด ยิ้มระรื่นเหมือนมีความสุขในชีวิตครอบครัว บอกว่าแม่กับพ่อยังรักกันเหมือนเดิม
ooooooo
ที่บ้านภีม...พงษ์สนิทคุยฟุ้งอยู่ในโต๊ะอาหาร ปอและป่านต่างมองพุดกรองด้วยความชื่นชม ท่าทีพุดกรองเต็มไปด้วยความสุข ขณะที่ภีมมองมาที่เธอด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและประหม่า
“ทำไมผมต้องทำงาน ในเมื่อคุณแม่มีเงิน เงินน่ะมันต้องใช้ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็เหมือนความสุข เราต้องใช้ตอนนี้ ไม่ใช่เก็บเอาไว้ใช้ตอนตายแล้ว ตายแล้วใช้เงินได้มั้ย...ไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครจะว่าผมหยิบโหย่ง เอาแต่แบมือขอเงินคุณแม่ใช้ ผมก็ไม่สน ผมสนแค่ผมมีความสุข...จบมั้ย”
พงษ์สนิทพูดไปแต่ดูเหมือนแทบไม่มีใครสนใจฟัง เด็กสองคนป่านกับปอชมน้าพุดกรองว่าสวยจัง ทำไมแม่ไม่สวยเหมือนน้าพุดกรองบ้าง
วรรณนรีปรามลูกให้หยุดพูดเหลวไหล ภีมให้ลูกขอบคุณพุดกรองที่ซื้อของเล่นมาให้ ป่านกับปอพูดอย่างเต็มใจ แถมบอกว่าของฝากราคาแพงมาก พวกตนอยากได้ตั้งนานแล้วแต่แม่ไม่ยอมซื้อให้
พุดกรองเอื้อมมือหยิกแก้มปอด้วยท่าทีอบอุ่นใจดี
“น่ารัก...เขาว่ากันว่าเด็กมักไม่โกหก ยิ่งเป็นเด็กที่มีแม่เป็นครู มีคุณพ่อเป็นนักกฎหมายด้วยแล้วยิ่งต้องพูดความจริง มา...มาให้น้าหอมแก้มให้ชื่นใจ”
พุดกรองหอมแก้มปอแล้วเลยมาที่ป่านด้วย
“เอ้า...เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบ น้ากรองหอมป่านอีกคนจ้ะ”
ปอได้กลิ่นน้ำหอมจากพุดกรองก็ปากไวประสาเด็ก “ขอบคุณค่ะ แหม...คุณแม่คะ ตัวน้าพุดกรองห๊อมหอมค่ะ”
“ก็น้าพุดกรองใช้น้ำหอมชั้นดีนี่ลูก...พุดกรอง ขอบใจมากนะที่มาทานข้าวกับครอบครัวเรา”
“ฉันต่างหากล่ะที่ต้องขอบใจวรรณกับคุณภีม ที่ยอมให้ฉันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสุขสันต์ ฉันตัวคนเดียว สามีตาย เป็นม่าย ลูกก็อยู่ไกล ฉันมากินข้าวบ้านวรรณอีกได้ไหม”
วรรณนรีเอื้อมมือมาจับมือพุดกรอง กำลังจะตอบ แต่ป่านกับปอชิงตอบรับพร้อมกันด้วยความรู้สึกดีที่มีต่อพุดกรอง แล้วทุกคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ยกเว้นพงษ์สนิทคนเดียวที่ทำหน้ากระอักกระอ่วน หยิบแก้วเหล้าสาดลงลำคอเพราะไม่มีใครสนใจ
พงษ์สนิทดื่มหนักจนเมาแอ๋กลับบ้านไม่ได้
วรรณนรีเลยต้องจัดที่นอนให้ ส่วนภีมอาสาไปส่งพุดกรองเพราะเธอไม่ได้ขับรถมา
ระหว่างทางพุดกรองเล่าเรื่องราวของตนช่วงที่หายไป
จากชีวิตภีม ก่อนทิ้งท้ายว่าทุกวันนี้เธอเหงา อยู่อเมริกาก็ไม่ได้อยู่กับลูก เพราะอดีตสามีส่งลูกไปเรียนอีกรัฐ นานๆจะได้พบกันสักครั้ง
“คุณกลับมาแล้วชีวิตคงไม่เหงา เพราะคุณกำลังเป็นที่สนใจของสังคม”
“เศรษฐินีม่าย กระดังงาลนไฟ คุณคิดว่าฉันปลื้มกับคำนี้หรือ รู้ไหมคะภีม ตอนที่ฉันอยู่คนเดียว ฉันคิดถึงยิ้มของคุณ เพราะยิ้มของคุณทำให้ฉันยิ้มได้”
ภีมชะงัก พุดกรองมองหน้าเขา พูดจริงจังว่า
“ฉันคิดว่าฉันยังรู้สึกต่อคุณเหมือนตอนที่ฉันพบคุณครั้งแรก...คือเป็นเพื่อนที่ดี ฉันเล่าเรื่องของฉันหมดแล้ว ถึงทีคุณแล้ว เล่าให้ฉันฟังบ้างสิคะว่าแต่งงานกับวรรณตามที่ฉันแนะนำ คุณมีความสุขไหม”
ภีมหลบสายตาพุดกรอง พูดไม่เต็มเสียงว่าตนมีความสุขดี
“ถ้าวรรณจะไม่ทำตัวเป็นครูตลอดเวลาใช่ไหมคะ” คำถามพุดกรองทำให้ภีมอึ้งไป
แล้วพอถึงหน้าบ้านพุดกรองก็ยังอ้อยอิ่ง ขอบคุณเขาและพูดจาชวนให้คิดว่าเธอมีใจ ภีมเองก็อ่อนไหว จับมือเธอและอวยพรให้นอนหลับฝันดี
ooooooo
เช้าขึ้น วรรณนรียุ่งวุ่นวายกับลูกสองคนเหมือนทุกวัน ทั้งเร่งทั้งสอนเพื่อให้ลูกมีระเบียบวินัยแล้วพาไปส่งโรงเรียนก่อนที่ตัวเองจะไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย
ส่วนภีมนั้นเธอวานให้ไปส่งพงษ์สนิท ทั้งที่เขาไม่เต็มใจนัก หนำซ้ำระหว่างทางพงษ์สนิทยังทำให้ภีมไม่สบอารมณ์ เพราะประกาศตัวว่าต้องจีบพุดกรองให้ติด เขาเหมาะสมที่จะเป็นสามีใหม่ของเธอ
ด้านวรรณนรี พอถึงมหาวิทยาลัยก็ต้องมานั่งรับฟังปัญหาของแม่บ้านชื่อสมศรีที่กำลังโดนสามีนอกใจ สมศรีร่ำไห้ระบายความอัดอั้นและทุกข์ใจ โดยมีสุมนากับสายจิตลูกน้องของวรรณนรีฟังอยู่ด้วย
สมศรีเคยไปตามสามีแล้วตบตีกับหญิงอื่น มีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกายให้เห็น วรรณนรีเห็นใจสมศรีในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกัน ปลอบโยนไปพอสมควรก่อนจะเตือนสติว่าต้องใจเย็น การที่ผู้ชายมีผู้หญิงใหม่อาจจะมีสาเหตุ ให้พิจารณาตัวเราว่าทำหน้าที่ภรรยาที่ดีหรือเปล่า ผู้หญิงมีหน้าที่ต้องดูแลสามี ดูแลครอบครัว เลี้ยงดูลูก ประคับประคองชีวิตคู่ให้เดินต่อไปตลอดรอดฝั่ง ต้องอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต
ฟังอาจารย์วรรณนรีแล้วสมศรีหยุดร้องไห้ ยกมือไหว้เธอด้วยความศรัทธา
“อาจารย์ขา...ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะที่ให้ข้อคิดเตือนสติสมศรี สมศรีจะพิจารณาตัวเองแล้วปรับปรุงข้อบกพร่อง ชีวิตครอบครัวของสมศรีจะได้มีความสุขเหมือนชีวิตครอบครัวของอาจารย์ค่ะ”
วรรณนรียิ้มรับ เบาใจที่สมศรียังพอมีเหตุผลอยู่บ้าง ไม่ใช่เอาแต่ปากร้ายและชอบใช้กำลังแก้ปัญหา
ooooooo
ตกเย็นวรรณนรีกลับบ้านซึ่งเป็นเวลาปกติ รู้จากเชยว่าภีมกลับมาตั้งแต่บ่ายสาม ท่าทางเครียดๆ ผุดลุกผุดนั่ง มองแต่โทรศัพท์
รับข้อมูลจากคนรับใช้แล้ววรรณนรีรีบจัดแจงอาหารการกินและเรื่องลูก เสร็จแล้วขึ้นไปที่ห้องนอนเห็นสามีนั่งทอดกายหลับตานิ่งก็เริ่มบ่น
“ภีม...นี่คุณยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ จะทุ่มแล้วนะ ฉันจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ปอกับป่านรอคุณ คุณมัวทำอะไรอยู่ ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่า...”
ภีมตัดบทด้วยความรำคาญว่า “ผมจำได้ ไม่ต้องสั่งผมซ้ำหรอก”
“ภีม...ฟังเหมือนคุณโกรธฉันนะ ฉันทำอะไรผิดหรือ”
“เปล่า ผมคงเหนื่อยน่ะ”
“ที่ฉันเข้มงวดกับคุณกับลูก ฉันก็แค่อยากให้บ้านมีระเบียบ ลูกจะได้โตขึ้นมาอย่างคนมีคุณภาพ ฉันรู้ว่าคุณเหนื่อย แต่ฉันก็เหนื่อยไม่น้อยไปกว่าคุณนะ เหนื่อยงาน เหนื่อยคน ที่ไหนๆก็มีคนที่เป็นมลพิษเพื่อนร่วมงานทั้งนั้น”
“นี่ผมชวนคุณทะเลาะงั้นเหรอ”
วรรณนรีโกรธและน้อยใจ ตัดพ้อว่า “คุณคิดว่าฉันเป็นยายแก่น่าเบื่อสินะ ฉันทำเพื่อใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพื่อครอบครัว”
ภีมอ่อนลงทันที บอกว่าตนไม่อาบน้ำแล้ว แต่ชวนภรรยาไปกินข้าว
“ไม่!” วรรณนรีพูดเสียงขุ่น สีหน้ามึนตึงเย็นชาจนภีมชะงักหน้าเจื่อน “ฉันกินอะไรไม่ลงแล้ว ฉันทำเพื่อคุณ เพื่อลูก เพื่อบ้าน แต่เหมือนฉันยังไม่เคยดีพอ”
“วรรณ...ทำไมคุณพูดยังงั้นล่ะ นี่ผมทำให้เราทะเลาะกันหรือ”
“คุณไม่เห็นความดีของฉันเลย”
“คุณรู้ได้ยังไง ไม่เอาน่าวรรณ ผมรู้ว่าคุณก็เหนื่อย คุณต้องสอนหนังสือ แล้วไหนจะเรื่องตำแหน่งคณบดี คุณเครียด ผมแค่อยากจะบอกให้คุณคลายกฎระเบียบลงบ้าง เพราะชีวิตน่ะมันสั้น”
“ฉันมีอาชีพเป็นครู เป็นแม่พิมพ์ ฉันต้องรับผิดชอบคนอีกมากที่เป็นอนาคตของชาติ ฉันไม่อยากให้ใครตราหน้าว่าฉันเป็นครูเลว เป็นแม่ที่เหลวไหล แล้วก็เป็นภรรยาที่แย่”
วรรณนรีพูดขึงขังแล้วเชิดหน้าอย่างทะนง ภีมนิ่งเงียบยุติเรื่องราว ไม่อยากต่อความยาว เพราะจะยิ่งขุ่นมัวด้วยกันทั้งคู่
ooooooo
ทันทีที่รู้ว่าพุดกรองได้เจอภีมสามีของวรรณนรีแล้ว พรรณรายเริ่มแผนยุยงพุดกรองให้กลับไปหาภีมคนรักเก่า หวังผลให้ครอบครัวนี้บาดหมางและแตกหักหย่าร้างในที่สุด เพื่อคะแนนของพิมุขสามีตนจะได้ตีตื้นชนะวรรณนรีช่วงชิงตำแหน่งคณบดีมาได้
ท่าทางพุดกรองคล้อยตามพรรณรายเสียด้วย เพราะลึกๆเธอยังมีใจให้ภีมอย่างเต็มเปี่ยม หากวันนี้เธอจะทวงของของเธอคืนมาอย่างที่พรรณรายพูดจะผิดไหม?
คิดไปคิดมาพุดกรองอยากพบภีมอีก แต่กับพงษ์สนิท เธอแสดงท่าทีเบื่อหน่ายทุกทีที่ได้เจอ พงษ์สนิท
พยายามทุกทางเพื่อจะถึงเนื้อถึงตัวพุดกรอง แต่เธอรู้ทันและไม่เล่นด้วย หาวิธีหลอกล่อจนเขาผิดหวังแต่ยังไม่ถอดใจ
ภีมไม่พอใจพงษ์สนิทที่คิดจีบพุดกรอง เขาเก็บเรื่องนี้ไปขบคิดจนหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว และเริ่มมีปากเสียงกับวรรณนรีที่เอาแต่เข้มงวดทุกเรื่องจนน่าเบื่อหน่าย
ด้านดลฤดีที่พ่อแม่ไปคนละทาง เธอสนใจในตัวภีมที่ยังหล่อและดูดีทุกกระเบียด วันนี้จึงทำทีเข้ามาที่มหาวิทยาลัยเพื่อพบพิมุขผู้เป็นพ่อ แต่ความจริงอยากพบวรรณนรีเพื่อถามซอกแซกถึงภีม ส่วนทวยหาญพ่อม่ายหนุ่มใหญ่วัยใกล้ปลดเกษียณ เขากลับมาที่ระนองแล้วถูกคุณอาเตือนให้มองหาภรรยาคนใหม่ไว้ดูแลตัวเองและทรัพย์สมบัติ ทวยหาญเคยเห็นวรรณนรีและรู้สึกชื่นชอบ แต่ติดตรงที่เธอมีครอบครัวแล้ว
ค่ำวันหนึ่ง ภีมเบื่อหน่ายวรรณนรีที่เข้มงวดเรื่องการเรียนของลูกๆ ลูกสอบได้คะแนนต่ำกว่าเดิมก็บ่นไม่เลิก แถมยังพาลมาบ่นภีมในฐานะพ่อว่าไม่ค่อยใส่ใจลูกเท่าที่ควร ภีมเลยหงุดหงิดขับรถออกจากบ้านแล้วโทร.หาพุดกรอง นัดออกมาเจอกัน บอกว่าตนมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง
เมื่อสองคนพบกัน พุดกรองสังเกตสีหน้าท่าทีของภีมก็เดาได้ทันทีว่าทะเลาะกับวรรณนรีมา ภีมอึกอักเท่ากับเป็นการยอมรับ แล้วสองคนก็เริ่มรื้อฟื้นความหลังก่อนจะพากันเข้าไปที่โรงแรมหรูหรา ทั้งที่พุดกรองยังมีท่าทีหวาดหวั่น ซึ่งภีมก็ไม่ได้ฝืนใจเธอ
“ถ้าเราผ่านประตูบานนั้นเข้าไป คุณจะไม่เสียใจนะ”
“ขอเวลาให้ฉันคิดถึงวรรณนรีกับศีลธรรมก่อนได้ไหมคะ”
“เราจะไม่พูดถึงวรรณนรีหรือศีลธรรม เราคือคนสองคนที่อายุรวมกันมากกว่าครึ่งร้อย เราคือคนที่รักกัน”
“ฉันกลัวค่ะภีม นี่ฉันกำลังจะเล่นชู้กับผัวเพื่อน”
“มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ มันจะไม่ง่าย มันจะไม่เหมือนตอนที่เราเป็นหนุ่มสาว มันจะทุเรศทุรัง ผมต้องทำตัวเป็นคนโกหก ทำทุกอย่างเหมือนไอ้กะล่อนเพื่อพบคุณอีก ผมไม่เคยนอกใจวรรณนรี แต่ผมก็ไม่เคยมีความสุขอย่างที่ผมต้องการ”
“แต่คุณก็ภูมิใจในตัววรรณนรี”
“วรรณเหมือนเครื่องลายคราม แต่คุณเหมือนแก้วน้ำ”
“ฉันเป็นได้แค่แก้วน้ำเองหรือ”
“ผมเก็บเครื่องลายครามไว้ในตู้ แต่แก้วน้ำ ผมจะใช้ทุกวัน”
“ไม่ต้องเปรียบฉันเหมือนอะไรหรอกค่ะ ฉันรักคุณ เพราะคุณเป็นคุณ”
“ผมก็รักคุณเพราะคุณเป็นคุณ คุณก็รักผมเพราะผมเป็นผม เรายังต้องการเหตุผลอะไรอีก”
สองคนกระชับมือที่จับกันไว้แล้วทำท่าจะพากันผ่านประตูโรงแรมเข้าไป ทันใดนั้นลิซ่าเพื่อนบ้านของภีมโผล่พรวดออกมาพร้อมเสียงบ่นอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย พอเห็นภีมกับพุดกรองเต็มตา ลิซ่าหยุดชะงัก อุทานชื่อสองคนออกมาเพราะจำได้แม่นยำ!
ooooooo
วันถัดมา พุดกรองนำเรื่องนี้มาเล่าให้พรรณรายเพื่อนสนิทฟัง เกรงว่าลิซ่าจะปากมากพูดให้วรรณนรีฟังจนเป็นเรื่อง
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ในสังคมนี้ไม่มีอะไรเป็นความลับ ขนาดกำพืดอยู่ลึกถึงใต้สะดือยังขุดขึ้นมากระจายข่าวกันเลย ยายลิซ่าน่ะปากสว่างเหมือนลำโพง ป่านนี้วรรณนรีคงรู้แล้วว่าเพื่อนคิดไม่ซื่อ”
“แต่ฉันยังไม่ได้...”
“แล้วถ้ายายลิซ่าไม่พรวดพราดออกมาเห็นคุณ คุณคิดว่าคุณจะก้าวข้ามมหานทีสีทันดรรักได้ไหม”
พุดกรองอ้ำอึ้งตอบไม่ได้ พรรณรายได้ทียุส่ง แสร้งอ่อนหวานประหนึ่งหวังดีต่อเพื่อน
“ภีมเคยเป็นของคุณมาก่อน ถึงจะไม่ได้มีอะไรกันลึกซึ้ง แต่ก็ชื่อว่าเขากับคุณเคยเป็นคนรักกัน มันไม่ผิดหรอกที่คุณจะปล่อยให้ใจเขากับใจคุณมีที่ไปด้วยกัน คนเราเกิดมาไม่กี่ปีก็ตายแล้ว คุณมองย้อนกลับไปที่วันเก่าๆสิ...ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าวันเวลามันผ่านมาเร็ว เราเคยเป็นสาวเป็นหนุ่มเมื่อไม่นาน แต่ตอนนี้เราเป็นคนที่กำลังจะแก่ ยังเหลือเวลาเสพกับความสุขอีกแค่ไม่กี่ปี ถามหน่อย...ตายแล้วคุณเอาอะไรไปได้บ้าง”
“ไม่ค่ะ”
“เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากได้ภีมคืน คุณต้องทวงคืนจากวรรณนรี คิดว่าเขาเป็นของที่คุณทำหล่นหาย ตอนนี้คุณกลับมาหาของของคุณ แล้วคุณก็พบแล้ว”
“แม้ว่าฉันจะต้องแย่งผัวเพื่อนยังงั้นหรือคะ”
“ไม่อยากได้เขากลับมา คุณก็ต้องปล่อยเขาไป”
ดลฤดีหูผึ่ง แอบฟังแม่กับเพื่อนคุยกัน ครั้นพุดกรองกลับไป ดลฤดีซึ่งไม่ค่อยชอบใจนักก็ถามกึ่งตำหนิ แม่ว่า
“สนุกนักหรือคะคุณแม่ ที่ยุให้คนทำผิดศีลธรรม”
“แม่ต้องการให้คุณพ่อของหนูได้ตำแหน่งคณบดี แม่ต้องทำ เรื่องผิดผัวผิดเมีย เรื่องเล่นชู้กันในสังคมนี้น่ะ มันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะจิตใจคนก็เหมือนน้ำ มีที่ต่ำที่ไหนมันก็ไหลไปที่นั่น...ถ้าวรรณนรีหย่า เครดิตความน่านับถือจะลดลงทันที คนที่จัดการกับชีวิตครอบครัวไม่ได้คือคนที่ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้นำ”
ดลฤดีฟังแล้วอึ้ง คาดไม่ถึงว่าแม่จะมีแผนอันแยบยลขนาดนี้
ooooooo
ภีมเริ่มมีท่าทีห่างเหินวรรณนรี กลับเข้าบ้านรีบอาบน้ำกินข้าวแล้วเข้านอนก่อน วรรณนรีไม่สบายใจ แต่ยังเก็บความสงสัยไว้ว่าคืนก่อนเขาไปนอนที่ไหน
วันนี้มาถึงมหาวิทยาลัยด้วยใจที่ไม่เบิกบาน วรรณนรีกลับต้องมารับฟังปัญหาของสมศรีอีกครั้งหลังจากเคยเตือนสติไปแล้ว สมศรีมีปัญหาเดิมๆคือสามีนอกใจ ซึ่งยามนี้วรรณนรีไม่อยากรับฟัง จึงเลี่ยงด้วยการขอตัวไปสอนหนังสือ
ตกบ่ายพุดกรองโทร.มาเชิญวรรณนรีและครอบครัวไปทานอาหารที่บ้านเธอวันเสาร์นี้ แน่นอนว่าปอกับป่านดีใจมาก ส่วนภีมก็เช่นกัน แต่ซ่อนความรู้สึกนั้นไว้อย่างมิดชิดต่อหน้าภรรยา
เมื่อได้ไปเห็นคฤหาสน์ของพุดกรอง เด็กๆตื่นตาตื่นใจ กับความใหญ่โตหรูหรา คุยกันโขมงโฉงเฉงจนโดนวรรณนรีดุให้รักษามารยาท ส่วนภีมนั้นเริ่มไม่สบอารมณ์เพราะมาเจอพงษ์สนิทอยู่ในบ้านพุดกรอง พงษ์สนิททำราวกับเป็นเจ้าของบ้าน จัดอาหารขึ้นโต๊ะต้อนรับแขกแถมพูดจาหวานๆกับพุดกรองจนภีมแอบหึงหวง
พุดกรองสั่งอาหารฝรั่งเศสจากโรงแรมชั้นหนึ่งมาเลี้ยงแขก ตามด้วยของหวานเลิศรส เด็กๆชอบกันมาก กินไปชมไปไม่หยุดปาก พงษ์สนิทมีความสุขมาก ฝันเฟื่องว่าสักวันตนต้องได้เป็นสามีพุดกรอง ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
ภีมทนไม่ไหวกับความเพ้อฝันของพงษ์สนิท ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงแอบไปหาพุดกรองที่มุมกาแฟ แสดงความหึงหวงด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณกับนายพงษ์สนิทมีอะไรกัน”
“ภีม...คุณจะบ้าหรือไง”
“เขาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณ เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ แล้วจะให้ผมคิดยังไง คุณหลอกผมให้หัวปั่น สนุกสินะ นี่คุณเห็นผมเป็นไอ้งั่งหรือยังไง”
พุดกรองยื่นหน้าเข้ามาด้วยความโกรธ พูดเสียงแผ่วเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน
“ใช่...คุณเป็นไอ้งั่ง ส่วนฉันเป็นอีโง่ที่รอผัวชาวบ้านจนรอไม่ไหว ต้องออกเทียบเชิญทั้งครอบครัว...ไงล่ะโง่มั้ย นายงั่งกับยายโง่”
พุดกรองพูดขาดคำ ภีมกระชากเธอเข้ามากอดจูบอย่างรุนแรง เนียมคนรับใช้ถือถาดก้าวเข้ามาเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึง อ้าปากค้าง!
ooooooo










