ตอนที่ 14
ผู้ช่วยโทนเข้ามารายงานนายฮ้อยเคนว่าจัดการให้ตำรวจมาเอาศพของเสือปรายไปแล้ว และตนกำชับให้แสงโสม บักมืดและสีโหห้ามพูดเรื่องที่เสือปรายพูดก่อนตายให้คนในทัพควายรู้เด็ดขาด นายฮ้อยเคนไม่ได้สั่งให้เขาทำอย่างนั้นสักหน่อย ผู้ช่วยโทนรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจของพวกเรา
“บ่อยากให้ทุกคนคึดโทษว่าที่เฮาต้องพ้ออันตรายมาตลอดทาง ต้องเสียพวกพ้องไปหลายก็ย่อนว่า...”
“ย่อนว่ามีนายฮ้อยเป็นต้นเหตุ แทนที่สิพาคนมาค้าควายแต่กลับพาคนมาตายย่อนเฮื่องส่วนโต...ขอบใจผู้ซอยที่เป็นห่วงข้อย เจ้าไปซอยข้อยเบิ่งแยงหมู่เฮาเถาะ คั่นบ่มีหยังแล้ว เฮาคงออกเดินทางต่อมื้อนี่เลย”...
ทางด้านคำแก้วนั่งผ่าฟืนไปก็คิดแค้นใจไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เสือคำแสนบุกเข้าไปฆ่าคำแพงตายต่อหน้าต่อตาตนเอง แถมยังต้องเจ็บใจที่รู้ว่าคนฆ่าพี่สาวยังไม่ตายและยังไม่หยุดตามล่าพวกตน ระหว่างนั้นนายฮ้อยเคนเข้ามาเห็นเธอนั่งเหม่อก็ร้องเรียกแต่เธอไม่ได้ยิน เขาต้องเข้าไปสะกิด คำแก้วสะดุ้งโหยงคว้าขวานที่ปักไว้กับต้นไม้หันมาฟันใส่ เขาไวทายาดหลบทัน
“คึดว่าอ้ายเป็นเสือคำแสนแม่นบ่คำแก้ว”
“เอ่อ...บ่แม่นดอก ข้อยตกใจซื่อๆก็ย่อนว่าอ้ายเข้ามาบ่ให้สุ้มให้เสียง” พูดจบคำแก้วหันไปหยิบฟืนที่ผ่าไว้ใส่ตะกร้าจะกลับที่พัก นายฮ้อยเคนคว้ามือไว้ ตัดพ้อว่าตั้งแต่เมื่อคืนเธอไม่ยอมพูดอะไรกับเขาสักคำ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เสือคำแสนฆ่าคำแพง แทนที่มันควรจะตายชดใช้กรรมแต่มันกลับยังอยู่
“แถมตามรังควานเฮาอีกต่างหาก ความผิดนี่บ่แม่นมาจากผู้ได๋ดอก นอกจากอ้าย อยากสิด่า อยากสิติอ้ายจังได๋ก็เว่ามาโลด คั่นซอยให้เจ้าได้ระบายความเจ็บแค้น ความผิดหวังในโตอ้าย...อ้ายยอม”
“อ้ายเคน ข้อย...ข้อยบ่อยากเว่าเฮื่องนี่อีก การเดินทางค้าควายยังบ่จบ ข้อยมีงานอีกหลายต้องไปเฮ็ด” คำแก้วแกะมือนายฮ้อยเคนออก แล้วผละจากไป ทิ้งให้เขามองตามหนักใจ...
อีกมุมหนึ่งของทัพควาย เฒ่าอ่ำ สุบินและจันทานำเรื่องที่แอบได้ยินสิ่งที่เสือปรายพูดก่อนตายมาเล่าให้สามผู้เฒ่า แต้ม เข่งกับอ่วม รวมทั้งจ่อยกับบุญเพ็งและทิดแสงฟัง เฒ่าแต้มไม่เชื่อคำพูดของเสือปราย คนกำลังจะตายพูดอะไรก็ได้ เฒ่าอ่ำเถียง คนกำลังจะตายจะพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองทำไม
“มันอาจสิจงใจขู่ให้นายฮ้อยเคนย่าน บ่กล้าเดินทางไปค้าควายต่อก็ได้”
“บักเข่งเว่ามามีเหตุผล เซาเอาเฮื่องไร้สาระจังซี้มาเว่าให้ฟังได้แล้ว ไปๆๆแยกย้าย” พูดจบเฒ่าอ่วมไล่ตะเพิดทุกคน สุบินไม่พอใจที่อุตส่าห์นำเรื่องสำคัญต่อชีวิตพวกเรามาเตือน แต่กลับหาว่าพวกตนโกหก มันน่าจะปล่อยให้ตามไปตายหมู่กับนายฮ้อยเคนให้รู้แล้วรู้รอด
“เออ กูก็ว่าจังซั่น ขืนเฮายังตามไปนำ นายฮ้อยทมิฬผู้เดียวคงรับมือเทิ้งเสือคำแสนเทิ้งนายฮ้อยผีบ่ได้ดอก ได้ตายคักๆกันเบิ่ดนี่แน่” คำพูดของจันทาทำเอาทุกคนเริ่มคิดคล้อยตาม เฒ่าอ่ำได้ทีรีบเสนอแนะ
“จังซั่นก็พากันไปถามนายฮ้อยให้ฮู้เฮื่องเลยดีกว่า สิได้ฮู้ๆกันไปโลด”
ooooooo
นายฮ้อยเคนเดินตามคำแก้วพลางขอร้องอย่าเดินหนีกันแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาคิดว่าเธอเกลียดขี้หน้าเขา แทนที่จะหันมาคุยกันดีๆเธอกลับเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้น เขาต้องคว้าไหล่ให้หันกลับมาแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเธอร้องไห้
“พอเถาะอ้าย อย่าบังคับให้ข้อยเว่ายังหลายไปกว่านี่เลย ในเมื่อเวลานี่ข้อยฮักอ้ายแล้ว เฮามีอนาคตฮ่วมกันถ่าอยู่ที่บ้าน ถึงข้อยสิเจ็บแค้นหลายย่อนว่าความผิดพลาดของอ้ายซำได๋ แต่ข้อยก็เซาฮักอ้ายบ่ได้”
“อ้ายขอขมา ที่ผ่านมาอ้ายตั้งใจเป็นนายฮ้อยที่ดีมาตลอดทั้งๆที่ในใจของอ้ายร้อนรุ่มด้วยความแค้น แฮงฮู้ว่าบักคำแสนมันไปฮ่วมมือกับนายฮ้อยผี ใจของอ้ายก็แฮงเดือดกว่าแผ่นดินบนทุ่งกุลา อยากสิชั่วให้มันสุดๆ เลวให้ได้คือกับที่มันเลว” นายฮ้อยเคนดึงคำแก้วมากอดร้องไห้ไปด้วยกัน “คำแก้ว บอกอ้ายแน อ้ายควรต้องศรัทธาต่อความดีต่อไปบ่ อ้ายบ่อยากคึดหยังอีกแล้วอยากให้
ชีวิตของอ้ายอยู่ในมือเจ้า ให้เจ้าเป็นคนตัดสิน”
“อ้ายเคน อ้ายเป็นคนดีจังซี้ต่อไปล่ะดีแล้ว ที่ข้อยฮักอ้ายก็ย่อนว่าต่อให้ต้องทุกข์ยากซำได๋ อ้ายก็แฮงศรัทธาในความดี แฮงเป็นนายฮ้อยที่ซอยเหลือผู้คน ข้อยขอขมาที่เฮ็ดให้อ้ายต้องเสียน้ำตาย่อนข้อย” คำแก้วว่าแล้วปาดน้ำตาให้นายฮ้อยเคน ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากอย่างเป็นกำลังใจให้ “อีกบ่โดนเฮาก็สิฮอดเมืองล่างแล้ว อนาคตของเฮากับหมู่ถ่าอยู่บ่ไกล เฮามาซอยกันแก้ปัญหาที่ถ่าเฮานำกันเถาะอ้าย”
“บ่เสียแฮงที่อ้ายฮักเจ้านำชีวิตของอ้าย” นายฮ้อยเคนดึงคำแก้วมาจูบด้วยความรักหมดหัวใจ...
ทางฝ่ายสามผู้เฒ่ากับกลุ่มของสุบินมาถามหานายฮ้อยเคนเพื่อจะซักถามเรื่องเมื่อคืนแต่ไม่เจอตัว เจอแต่สองผู้ช่วยโทนกับถึก สุบินจึงซักถามจากผู้ช่วยโทนว่าเป็นเรื่องจริงใช่ไหมที่เสือปรายพูดว่าจันแดงถูกเสือคำแสนฆ่าตายแล้วยังไปฝึกอาคมกับนายฮ้อยผีเพื่อเตรียมมาฆ่าพวกเราทุกคน ผู้ช่วยโทนไม่พอใจ
“พอได้แล้วทิดสุบิน เจ้าสิเฮ็ดให้เฮาแตกตื่นกัน”
“ก็ย่อนว่านี่มันเป็นเฮื่องความเป็นความตายของเฮา แล้วสิให้ปิดปากเงียบได้จังได๋”
เฒ่าเข่งเสนอแนะในเมื่อไม่ได้คำตอบจากผู้ช่วยโทนก็ให้ถามผู้ช่วยถึกแทนเพราะอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน
ผู้ช่วยโทนรีบดึงแขนผู้ช่วยถึกมากำชับ เราตกลงกันแล้วว่าเรื่องนี้เราจะจัดการกันเองกับนายฮ้อยเคน อย่าให้กลายเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวทำให้เราต้องแตกแยกกันเองจะดีกว่า ผู้ช่วยถึกปัดมือเขาออก
“แต่จันแดงกำลังสิแต่งงานกับข้อย ในเมื่อข้อยฮู้ความจริงว่าไผฆ่าคนฮักข้อย สิทนเงียบอยู่ได้จังได๋”
แสงโสมเห็นด้วยกับผู้ช่วยถึก จันแดงเป็นพี่สาวของตนต้องถูกฆ่าตายโดยไม่ได้รับความยุติธรรมจะให้นิ่งเฉยได้อย่างไร ผู้ช่วยโทนขอร้อง เราต้องช่วยนายฮ้อยเคนรักษาความสงบในทัพควาย มาแตกแยกกันแบบนี้แล้วจะเดินทางไปเมืองล่างได้อย่างไร เฒ่าอ่ำไม่สนใจชวนทุกคนไปถามความจริงจากนายฮ้อยเคน
ooooooo
ยังไม่มีใครขยับไปไหน นายฮ้อยเคนเดินเข้ามากับคำแก้วเสียก่อน เห็นผู้คนมารวมตัวกันมากมายก็ถามผู้ช่วยโทนว่ามีอะไร ถึงแห่กันมาขนาดนี้ ผู้ช่วยโทนยังไม่ทันจะตอบ สุบินชิงพูดตัดหน้าว่าพวกตนต้องการฟังความจริงเรื่องที่เสือปรายพูดก่อนตายจากปากนายฮ้อยเคน หวังว่าจะไม่โกหกพวกตนเหมือนผู้ช่วยโทน
“บ่มีคำพูดหยังออกจากปากเสือปราย ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว” คำแก้วพยายามตัดบท
“คำแก้ว เจ้าบ่ต้องยุ่ง หลีกไป ทัพควายบ่ควรมีผู้สาวเดินทางมานำตั้งแต่แรกแล้ว” เฒ่าอ่ำตวาดลั่น
คำแก้วไม่พอใจจะมีเรื่องกัน นายฮ้อยเคนต้องห้ามไว้ แล้วเข้าไปเผชิญหน้ากับทุกคน ยอมรับว่าเรื่องที่เสือคำแสนฆ่าจันแดง และไปฝึกอาคมกับนายฮ้อยผีเพื่อจะมาฆ่าเขากับพวกเราทุกคนเป็นเรื่องจริง
“คั่นจังซั่นก็หมายความว่าที่ผ่านมามันลอบติดตาม เฮามาตลอดแม่นบ่นายฮ้อย” เฒ่าเข่งซัก
“นายฮ้อยบ่จำเป็นต้องตอบ” ผู้ช่วยโทนแนะนำ นายฮ้อยเคนยินดีตอบทุกข้อสงสัย เป็นความจริงที่นายฮ้อยผีมีความแค้นกับเขาเพราะเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของเขา เสือคำแสนก็มีความแค้นกับเขาเช่นกัน พวกโจรที่เราต่อสู้มาตลอดก็ล้วนแต่เคยเป็นสมุนของนายฮ้อยผีทั้งสิ้น
เฒ่าอ่ำรุกไล่ถ้าอย่างนั้นที่พวกเราต้องล้มหายตายจากกันมากมายไม่ใช่เพราะการเดินทางเหมือนครั้งก่อนๆ แต่เป็นเพราะเรื่องส่วนตัวของเขาทั้งนั้น
ผู้ช่วยโทนทนไม่ไหวต่อยหน้าเฒ่าอ่ำเลือดกบปาก “มึงเอาแต่โทษนายฮ้อย หาว่าเป็นความผิดของเพิ่น ทั้งๆที่นายฮ้อยบ่อยากมาค้าควายเถื่อนนี่ แต่ซุมมึงแล้วก็มึงทุกคนเป็นคนไปขอให้นายฮ้อยนำทัพควาย ย่อนว่าบ่อยากอดตาย แล้วนี่บ่คือการตอบแทนความเสียสละของเพิ่น”
“เออ แม่นอยู่ผู้ซอยว่าซุมกูไปขอเองอีหลี แต่กูขอให้พามาค้าควาย บ่ได้ให้พากูมาตายโว้ย” สุบินโวยวาย ผู้ช่วยโทนไม่พอใจจะมีเรื่องกัน นายฮ้อยเคนต้องชักปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อห้ามปราม ทุกคนพากันชะงัก
“เซาตีกันได้แล้ว ข้อยเว่าความจริงให้เจ้าฟังไปเบิ่ดแล้ว จากนี่ไปอยู่ที่พวกเจ้าทุกคนสิตัดสินใจกันเอง ชีวิตเป็นของพวกเจ้า ข้อยตัดสินให้บ่ได้แล้ว” พูดจบนายฮ้อยเคนผละจากไป คำแก้วเป็นห่วงความรู้สึกของเขารีบเดินตามไปปลอบใจ อย่าไปสนใจคำพูดของพวกปากไม่ดี ไม่มีใครเป็นผู้นำทัพควายได้ดีเท่าเขาไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยอมฝากชีวิตไว้กับเขา นายฮ้อยเคนขอบใจเธอมากที่ยืนเคียงข้างในวันที่เขาไม่เหลือใคร
“ย่อนว่าข้อยฮักอ้ายเบิ่ดเทิ้งโตเทิ้งหัวใจไงล่ะ อ้ายเคน”
“อ้ายก็ฮักเจ้าเทิ้งโตเทิ้งหัวใจคือกันคำแก้ว”
นายฮ้อยเคนดึงคำแก้วมากอดไว้แน่น...
ขณะที่นายฮ้อยเคนถูกท้าทายอำนาจความเป็นผู้นำ เสือเปล่งในสภาพใกล้ตายเนื่องจากถูกพิษงู ล้มลงนอนกับพื้นกลางป่าดงพญาเย็น นึกถึงนายฮ้อยผีขึ้นมาได้ รวบรวมกำลังที่เหลือตะโกนเรียกให้เขามาช่วย จากนั้นก็หมดสติ จึงไม่เห็นนายฮ้อยผีก้าวเข้ามายืนค้ำหัวเขา
ooooooo
ในเวลาต่อมา ที่ซากปรักหักพังของโบราณสถานกลางป่าดงพญาเย็น เสือคำแสนนั่งพนมมือบริกรรมคาถาจากสมุดข่อยซึ่งเขียนด้วยอักขระขอมโบราณ ทันใดนั้นท้องฟ้าแปรปรวนตามอนุภาพของคุณไสยเหมือนจะบรรลุอาคมนั้น แต่ทุกอย่างกลับเป็นปกติทำเอาเสือคำแสนหงุดหงิดปัดสมุดข่อยกระเด็น
“โธ่เว้ย อุตส่าห์รอดตายจากดงพญาเย็น พิสูจน์โตเองได้เป็นลูกศิษย์มันฮอดหม่องแล้ว มันยังให้เอาแต่นั่งท่องคาถาห่าเหวนี่อยู่ได้ แล้วเมื่อได๋กูสิเป็นจอมขมังเวทฆ่าบักนายฮ้อยทมิฬได้จักเถื่อวะ” เสือคำแสนมองไปรอบๆก่อนจะมองเลยเข้าไปด้านในเทวาลัยของซากโบราณสถานด้วยสีหน้าครุ่นคิดสงสัย
พลันเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของเสือคำแสน ตอนนั้นเขาเพิ่งฝ่าฟันอันตรายในดงพญาเย็นมาถึงจุดนัดพบ เอาหลาวไม้ไผ่ที่ฝนด้วยหินจนแหลมคมปักลงพื้นต่อหน้านายฮ้อยผีซึ่งมีผ้าโพกหน้า
“บ่ต้องมีมีดมีปืน ข้อยก็ฝ่าอันตรายของดงพญาเย็นมาได้ตามที่เจ้าอยากพิสูจน์ข้อยแล้ว บาดหนิเจ้าก็ต้องสอนให้ข้อยเป็นจอมขมังเวทคือเจ้าได้แล้วนายฮ้อยผี”
นายฮ้อยผีโยนสมุดข่อยให้เสือคำแสน “คาถาโบราณพวกนี่ภายในสามมื้อ คั่นเจ้าฝึกบ่สำเร็จ ท่องได้เบิ่ดทุกโต เจ้าก็เป็นจอมขมังเวทอย่างข้อยบ่ได้ดอก” พูดจบเขาเดินเข้าไปด้านในเทวาลัย เสือคำแสนไม่พอใจตะโกนไล่หลังทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว ตนว่าเขาหวงวิชาไม่อยากสอนตนมากกว่าแล้วขยับจะไป นายฮ้อยผีหันขวับแกล้งพูดดักคอ คาถาโบราณในสมุดข่อยเล่มนั้น นายฮ้อยเคนใช้เวลาแค่วันเดียวก็ท่องจำได้หมด
“มันเฮ็ดได้ ข้อยก็เฮ็ดได้” ความอยากเอาชนะทำให้เสือคำแสนคว้าสมุดข่อยขึ้นมาถือไว้
“พู้น หม่องอยู่เจ้า อยู่นี่ต้องเฮ็ดตามกฎข้อย เจ้าอยู่ได้แค่แถวนี่เถาะนั่น ห้ามเข้าไปข้างในเทวาลัยเด็ดขาด” พูดได้แค่นั้นความเจ็บปวดภายในร่างกายของนายฮ้อยผีก็สำแดงอาการถึงกับไอโขลกๆ เสือคำแสนสงสัยว่าเป็นอะไรไป เขาปฏิเสธทันทีว่าไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องมายุ่ง แค่ทำตามที่สั่งก็พอแล้วเดินหายเข้าไปในเทวาลัย...
ด้วยความสงสัยว่าในเทวาลัยมีอะไรกันแน่เสือคำแสนฝ่าฝืนคำสั่งของนายฮ้อยผีลอบเข้าไปข้างใน
พบว่าภายในค่อนข้างมืดและอับชื้นเต็มไปด้วยหยากไย่เนื่องจากถูกทิ้งร้างมานาน แต่ครั้นเดินลึกเข้าไปก็พบกองไฟที่เพิ่งมอด มีหม้อยาสมุนไพรวางทิ้งไว้ข้างๆ ลองก้มไปดมได้กลิ่นยารุนแรง
“กลิ่นยาหม้อเทิ้งนั่น หรือว่านายฮ้อยผีกำลังบ่ซำบาย”
เสือคำแสนสำรวจต่อไปก็พบหีบสมบัติที่เต็มไปด้วยของมีค่าวางแอบๆไว้มุมหนึ่ง ระหว่างนั้นมีเสียงฝีเท้าคนดังขึ้น เขารีบไปหลบหลังรูปปั้นค่อยๆชะเง้อคอแอบดู เห็นนายฮ้อยผีพยุงเสือเปล่งเข้ามานั่งพิงผนัง
“กูใช้อาคมขับพิษงูในโตมึงออกเบิ่ดแล้ว แต่มึงยังบ่หายดี กว่าสิกลับมาเป็นปกติได้ก็ต้องถ่าอีกหลายมื้อ”
“ซำนี่ก็ดีหลายแล้วนายฮ้อยผี ชีวิตข้อยจากนี่ขอตอบแทนให้นายฮ้อยผีผู้เดียว”
นายฮ้อยผีกระชากคอเสื้อเสือเปล่งขึ้นมาตะคอกใส่หน้า ไม่ต้องเอาชีวิตมาให้ ตนเคยสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามไปยุ่งกับทัพควายของนายฮ้อยเคน เสือเปล่งยกมือไหว้ปลกๆ ขอโทษที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ตนแค่อยากช่วยเขาแย่งชิงของดีของนายฮ้อยเคนที่เขาอยากได้มาให้
“อยากแย่งมาให้กูหรือว่าอยากแย่งมาเป็นของมึงเอง” นายฮ้อยผีไม่พอใจเหวี่ยงเสือเปล่งกระเด็น
“ข้อยขอขมา ข้อยแค่อยากฮู้ว่าของดีของนายฮ้อยเคนที่แม้แต่นายฮ้อยผียังอยากได้มันคือเครื่องรางของขลังอีหยัง ข้อยขอขมา” เสือเปล่งยกมือไหว้อีกครั้ง นายฮ้อยผีเฉลยว่าสิ่งที่ตนเองอยากได้จากนายฮ้อยเคนไม่ใช่เครื่องรางของขลังแต่เป็นคำแก้ว แล้วไอออกมาอย่างหนักแถมมีเลือดปนออกมาด้วย ครั้นเสือเปล่งถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไร เขากลับโกหกว่าไม่ได้เป็นอะไร...
ขณะความลับเรื่องชาติกำเนิดของคำแก้วค่อยๆ เปิดเผยออกมา ทัพควายเริ่มแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า โดยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้นายฮ้อยเคนเป็นผู้นำทัพควายอีกต่อไป สร้างความช้ำใจให้เขาเป็นอย่างมาก
ooooooo
เสือเปล่งอดถามไม่ได้ว่าทำไมคำแก้วถึงได้มีความสำคัญกับนายฮ้อยผีมากขนาดนั้น เขาอธิบายว่าเธอเป็นลูกสาวที่เขาเคยผิดพลาดอยากฆ่าตั้งแต่อยู่ในท้องเมียของเขา
“ตอนที่น้องสาวบักโสมเมียกูมันกำลังท้องคำแก้ว กูขาดสติคึดแต่อยากเป็นจอมขมังเวทที่เทิ้งแผ่นดินอีสานต้องย่านกูผู้เดียว แต่บักโสมมันฮู้โตก่อนเลยเซืองโตน้องสาวมันไว้จนคลอดคำแก้วออกมา แล้วเอาไปให้บักเข้มที่สว่างแดนดินเลี้ยง ย่อนว่าบ่อยากให้กูพ้อหน้าลูกสาวกูอีก”
“แล้วเป็นหยังตอนนี่นายฮ้อยผีถึงอยากพ้อคำแก้วอีกล่ะ”
นายฮ้อยผีสารภาพว่าตนเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว สมบัติที่ตนปล้นมาได้ทั้งหมดจะยกให้คำแก้วเพื่อไถ่บาปที่เคยทำไม่ดีกับเธอเอาไว้ เสือเปล่งถึงบางอ้อนี่คือเหตุผลที่ทำไมเขาถึงต้องคอยตามดูทัพควายของนายฮ้อยเคนจะได้ฆ่ามันเพื่อแย่งคำแก้วมานี่เอง เขาปฏิเสธทันทีว่าไม่เคยคิดจะฆ่านายฮ้อยเคน เพราะถ้าทำอย่างนั้น คำแก้วคงไม่ยอมยกโทษให้เขาแน่ๆ
“แต่นายฮ้อยผีบอกคำแสนว่าสิพามันมาฝึกวิชาเพื่อฆ่านายฮ้อยเคนบ่แม่นบ่”
“นั่นคือแผนที่กูหลอกใช้มันต่างหาก กูสิส่งมันไปฆ่านายฮ้อยเคนแล้วกูค่อยโผล่ออกมาฆ่าคำแสนอีกเถื่อ สถานการณ์สิพลิกให้กูสร้างความชอบธรรมเป็นคนดีในสายตาคำแก้ว และไถ่โทษที่กูเคยเฮ็ดชั่วๆในอดีตเอาไว้กับนายฮ้อยเคนและคำแก้ว กูต้องการเถาะนั่นกูก็ตายอย่างสงบแล้ว”
เสือคำแสนที่แอบฟังอยู่ตลอดขบกรามแน่นด้วยความแค้นที่ถูกหลอกใช้ นายฮ้อยผีได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากหลังรูปปั้น ก็เลยเดินไปดูแต่ไม่พบอะไร จึงออกไปดูที่บริเวณซากโบราณสถาน เห็นเสือคำแสนนั่งสมาธิบริกรรมคาถาเหมือนไม่ได้ลุกไปไหน เขาทำเป็นลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะถามนายฮ้อยผีว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกนานไหมถึงจะฝึกอาคมให้เขาแข็งแกร่งมากกว่านี้
“เจ้าท่องคาถาโบราณในสมุดข่อยนี่ได้เบิ่ดแล้วบ่” นายฮ้อยผีหยิบสมุดข่อยขึ้นมาดูอย่างจ้องจับผิด
“ได้เบิ่ดแล้ว ข้อยนั่งอยู่กับที่มาสองมื้อ บ่ได้ลุกไปไสเลย ย่อนตั้งใจว่าจะต้องเอาชนะบักเคนให้ได้
นายฮ้อยผีอยากทดสอบข้อยก็ได้ ถึงข้อยต้องใช้เวลาหลายกว่าบักเคนที่เฮ็ดได้ภายในมื้อเดียว แต่ข้อยก็มั่นใจว่ามีอาจารย์ดีที่เก่งกาจเหนือกว่าไผเทิ้งเบิ่ดอย่างนายฮ้อยผีคอยสั่งสอน ข้อยต้องฆ่าบักเคนได้ด้วยมือข้อยแน่นอน”
“บ่ต้องทดสอบดอก คั่นเจ้าเฮ็ดได้อีหลี ฝึกอีกบ่จั๊กมื้อก็พร้อมไปฆ่านายฮ้อยเคนได้แล้ว”
“ขอบคุณนายฮ้อยผีหลาย ข้อยเป็นหนี้บุญคุณเจ้า” เสือคำแสนเข้าไปกราบแทบเท้านายฮ้อยผีเพื่อให้ตายใจ “คั่นฆ่าบักเคนได้เมื่อได๋ ข้อยสิยกชีวิตข้อยให้นายฮ้อยผีเป็นเจ้าชีวิตข้อย”
“ถึงเวลานั่นเจ้าได้เฮ็ดตามที่เว้าแน่” นายฮ้อยผีพูดจบกลับเข้าไปในเทวาลัย เสือคำแสนลุกขึ้นมองตามด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
“บักห่าเอ๊ย มึงคึดสิหลอกใช้กู เดี๋ยวมึงได้เจอกูแน่ นายฮ้อยผี”
ooooooo
แม้จะรู้จากคำแก้วว่าชาวทัพควายส่วนใหญ่ไม่อยากให้เป็นผู้นำทัพอีกแล้ว แต่นายฮ้อยเคนต้องการจะได้ยินกับหูตัวเอง ผู้ช่วยถึกจึงสรุปผลการประชุมให้ฟังคร่าวๆ ว่าชาวทัพควายเกินกว่าครึ่งขอให้ตนเป็นผู้นำทัพควายแทนนายฮ้อยเคน ผู้ช่วยโทนไม่พอใจตะคอกใส่หน้าผู้ช่วยถึกทำแบบนี้เท่ากับทรยศนายฮ้อยชัดๆ
“ความคึดเห็นของข้อยกับนายฮ้อยบ่ตรงกันอีกแล้ว นายฮ้อยเองก็ให้โอกาสเฮาตัดสินใจกันเองได้ ข้อยมั่นใจว่านายฮ้อยสิเข้าใจข้อย”
นายฮ้อยเคนเข้าไปแตะบ่าผู้ช่วยถึก แสดงความยินดีที่ชาวทัพควายเลือกเขาเป็นผู้นำทัพ เพราะตนเองก็ยอมรับในฝีมือของเขามานานแล้ว ฝากเขาดูแลทุกคนแทนตนด้วย แล้วหันไปมองชาวทัพควาย
“เอาล่ะ ในเมื่อซุมเจ้าตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตกันเองได้แล้ว ข้อยก็ขอยอมฮับการตัดสินใจของส่วนฮวม จากนี้ไปทัพควายบ้านสว่างแดนดินสิแยกกันเดินไปตามวิถีโตเอง หนทางข้างหน้าสิเป็นหยังก็อยู่ที่โตซุมเจ้าเองแล้ว หวังว่าค้าควายเสร็จแล้วเฮาสิได้กลับไปพ้อหน้ากันครบทุกคนที่สว่างแดนดินอีกเถื่อ” พูดจบนายฮ้อยเคนผละจากไป คำแก้วมองทุกคนไม่พอใจแล้วตามเขาไปโดยมีผู้ช่วยโทนและอาจารย์เม้าตามไปอีกทอดหนึ่ง เหลือเพียงแสงโสมที่ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้...
คำแก้วพยายามจะดึงคนกลับมาเป็นพวกนายฮ้อยเคนจึงแวะไปเกลี้ยกล่อมสีโหกับบักมืดที่กำลังเก็บข้าวของอยู่ที่เกวียนพักของผู้ช่วยถึก บักมืดแก้ตัวว่าเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน ในเมื่อสีโหตัดสินใจไปอยู่กับผู้ช่วยถึก ตนในฐานะเพื่อนรักของเขาก็ต้องตามไปอยู่ด้วย สีโหฝากเธอไปขอโทษนายฮ้อยเคนให้ด้วย เขาจำต้องไปตามทางที่เลือก เธอดักคอทันที
“เลือกไปค้าควายโดยบ่ต้องพึ่งนายฮ้อยเคน หรือเลือกไปตามล่าเสือเปล่งที่มันฆ่าเอื้อยบัวเขียวกันแน่” คำแก้วเห็นสีโหหันมองผู้ช่วยถึกก็พอจะจับสีหน้านั้นได้ “มันแม่นความข้อยบ่ เทิ้งผู้ซอยถึกเทิ้งอ้ายอยากสิเดินทางไปแก้แค้นให้เอื้อยจันแดงกับเอื้อยบัวเขียว ย่อนฮู้ว่าคนอย่างนายฮ้อยเคนต้องห้ามแน่นอน”
ผู้ช่วยถึกกลัวคำแก้วจะกล่อมสีโหสำเร็จ ไล่ตะเพิดให้กลับไปหานายฮ้อยเคน อ้างว่าถึงเวลาที่พวกเราจะออกเดินทางกันแล้ว คำแก้วยังไม่ยอมง่ายๆพยายามจะเกลี้ยกล่อมอีกแต่ผู้ช่วยถึกไม่สนใจฟัง คว้าห่อผ้าใส่สัมภาระเดินจากไป บักมืดกับสีโหมองคำแก้วอย่างหนักใจก่อนจะเดินตามเขาไป
ooooooo
อีกมุมหนึ่งห่างออกมา ผู้ช่วยโทนเข้ามาเห็นแสงโสมกำลังเก็บข้าวของใส่ห่อผ้าสัมภาระ คิดเอาเองว่าเธอจะเดินทางไปกับผู้ช่วยถึกก็ต่อว่าฉอดๆว่าทรยศนายฮ้อยเคนทั้งที่คอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง และยังประกาศลั่นหากเธอทิ้งเขาไปคราวนี้ นอกจากจะไม่ตามหาให้เมื่อยแล้ว จะหนีไปบวชให้รู้แล้วรู้รอด
“โว้ย เว่าออกมาแต่ละคำด่าข้อยอยู่นั่นล่ะ ข้อยยังบ่ได้บอกจั๊กคำว่าสิตามผู้อื่นไป”
“อ้าว...ก็ข้อยเห็นเจ้ากำลังเก็บข้าวของ”
“ก็เก็บอีหลี แต่บ่ได้คึดสิตามผู้อื่น สิตามนายฮ้อยกับอ้ายไปต่างหาก ฮึ คึดผิดบ่น้อมาหลงฮักผู้ซอยโง่ๆ” ด่าจบแสงโสมเดินหนี ผู้ช่วยโทนนิ่งอึ้งไปอึดใจก่อนจะรีบเดินตามไปง้อ แสงโสมงอนพอเป็นพิธีสุดท้ายก็ให้อภัย เขาดีใจมากดึงเธอไปกอดแถมหอมแก้มเธอซ้ายทีขวาที แสงโสมไม่ทันตั้งตัวถึงกับนิ่งงัน แต่พอตั้งสติได้กระทืบเท้าเขาแล้วดันตัวออกห่าง ชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไปไกลๆโลด อย่ามาฉวยโอกาสกับข้อยอีก บ่จังซั่นเวลาอ้ายหลับ ข้อยสิแอบลอบไปตัดของอ้ายโยนให้หมามันกิน จำไว้” ขู่จบแสงโสมผละจากไป ครั้นคล้อยหลังเธอกลับแอบยิ้มชอบใจที่ถูกผู้ช่วยโทนหอมแก้ม...
ที่ลานกว้างกลางทัพควาย ผู้ช่วยถึกเห็นสุบินจันทา เฒ่าอ่ำกับจ่อย บุญเพ็งและทิดแสงรวมทั้งชาวทัพควายเกินกว่าครึ่งต้อนควายตัวเองมารวมฝูงเรียบร้อย สั่งให้ออกเดินทางได้ บักมืดหันไปถามสีโหว่าคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะเอาแบบนี้ เขาเอามือแตะแหวนทองของบัวเขียวที่เอามาร้อยเชือกห้อยคอ
“เพื่อบัวเขียวข้อยถอยหลังบ่ได้แล้วเสี่ยว คั่นเจ้าบ่อยากไปนำ ข้อยก็บ่ว่าเจ้าดอก ที่ผ่านมาข้อยฮู้แล้วว่าเจ้าคือเสี่ยวแท้ของข้อย”
บักมืดจำได้ว่าก่อนตายบัวเขียวฝากฝังสีโหไว้กับตน อยากให้เป็นเพื่อนคอยระวังให้กัน ดังนั้นตนจะปล่อยให้เขาไปคนเดียวได้อย่างไรแล้วโอบไหล่เขาเดินตามผู้ช่วยถึก...
บนเนินเขา นายฮ้อยเคนนั่งอยู่บนหลังม้ามองเหล่าทัพควายที่แยกกันเดินทางฝุ่นตลบอยู่เบื้องล่างด้วยความหดหู่ใจ ก่อนจะหันไปถามคำแก้วที่เพิ่งเดินเข้ามาว่าเหลือใครบ้างที่ร่วมเดินทางกับเรา เธอแจกแจงว่าเหลือผู้ช่วยโทน แสงโสม อาจารย์เม้ากับสามผู้เฒ่า อ่วม เข่ง แต้มกับชาวทัพควายอีกไม่กี่ราย เขาถอนใจเฮือก
“ตั้งแต่เป็นนายฮ้อยมา นี่เป็นเถื่อแรกที่อ้ายบ่สามารถเฮ็ดหน้าที่ผู้นำได้สำเร็จ ต้องทนเบิ่งหมู่เฮาแตกแยกย่อนความผิดพลาดของอ้าย”
คำแก้วปลอบว่าการเดินทางยังไม่จบ หนทางข้างหน้ายังจะต้องเจออีกหลายสิ่งหลายอย่าง ให้นายฮ้อยเคนใช้ความเป็นผู้นำแก้ปัญหา เขาขอบใจเธอมากที่คอยปลอบใจและอยู่เคียงข้างกันเสมอ นี่ได้เวลาที่เราต้องเดินทางเช่นกัน แล้วฉุดคำแก้วขึ้นมานั่งบนหลังม้าด้วยกัน ก่อนจะชักม้าให้ออกเดิน
ooooooo
เสือคำแสนฝึกอาคมมาได้พักใหญ่ จึงถึงเวลาที่นายฮ้อยผีจะทดสอบวิชาที่ได้สั่งสอนไป ทีแรกเขาสู้อาจารย์ตัวเองไม่ได้ถูกอัดกระเด็น ครั้นเขาร่ายคาถาใส่ดาบในมือก็เริ่มจู่โจมเล่นงานอาจารย์จนแขนได้เลือด
อาจารย์ถึงกับอึ้งที่ลูกศิษย์ฝีมือก้าวหน้าไปมาก ลูกศิษย์คิดจะล้างครูจึงพุ่งโจมตีอย่างหนักหน่วงหวังจะใช้โอกาสนี้สังหารให้สิ้นซาก ดาบฟันผ้าโพกหน้าขาดกระจุยเผยให้เห็นใบหน้าชวนสยดสยองของนายฮ้อยผี เสือคำแสนถึงกับตะลึง นายฮ้อยผีไม่พอใจร่ายอาคมใส่ทำให้เกิดลมพายุพัดกระโชก ฟ้าแลบแปลบปลาบ ก่อนจะผ่าลงมาใกล้ตัวเสือคำแสนจนร่างกระเด็นจากแรงอัดของสายฟ้า นายฮ้อยผีคว้าดาบตามเข้าไปจะฟัน
“อย่า...นายฮ้อยผี อย่าฆ่าข้อย อย่า” เสือคำแสนร้องห้ามเสียงหลงนายฮ้อยผีไม่สนใจคำร้องขอชีวิตเงื้อดาบขึ้น
สุดแขน แต่อาการบาดเจ็บกำเริบจนดาบหลุดมือก่อนจะไออย่างหนักและมีเลือดปนออกมา เสือคำแสนสบช่องจะฆ่าเขาให้สิ้นซาก แต่เสือเปล่งโผล่มาเสียก่อน
“คำแสน ฟ้าวไปเอายาหม้อในเทวาลัยมาให้นายฮ้อยผี” สั่งเสร็จเสือเปล่งเข้าไปประคองนายฮ้อยผีไว้
ศิษย์ชั่วเดินบ่นเข้าไปในเทวาลัยว่าขนาดมันเจ็บออดๆแอดๆฝีมือยังร้ายกาจ ทำอะไรมันไม่ได้ แล้วแบบนี้จะฆ่ามันได้อย่างไร บ่นไม่ทันขาดคำเสือเปล่งตามเข้ามาต่อว่าว่ามัวแต่ทำอะไรอยู่ทำไมชักช้านัก
“ข้อยกำลังสิมาเอา แต่อยากฮู้ว่าเกิดอีหยังขึ้นกับนายฮ้อยผี บ่เคยฮู้มาก่อนว่าสิบ่ซำบายหนักจังซี้”
เสือเปล่งเองก็เพิ่งรู้เมื่อวันก่อนนี้เองเพราะนายฮ้อยผีไม่เคยบอกใครเรื่องนี้มาก่อน เสือคำแสนยังติดใจสงสัยไม่หาย แล้วหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวของเขาเกิดจากอะไร เสือเปล่งเฉลยความลับเรื่องหน้าตาของเขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว เกิดจากความต้องการเป็นจอมขมังเวทผู้เก่งกาจเลยพลาดท่าทำให้คุณไสยมนต์ดำครอบงำ ดีที่รู้ตัวก่อนไม่อย่างนั้นคงจะกลายเป็นผีปอบไปแล้ว
“คุณไสยมนต์ดำที่ว่าคือวิธีผ่าเอาศพเด็กจากผู้หญิงท้องแก่มาเฮ็ดพิธีเสริมอาคมแม่นบ่ เฒ่าโสมเคยเล่าให้ข้อยฟัง แฮงมีสายเลือดใกล้โตหลายซำได๋ กะแฮงเฮ็ดให้ขลังหลายขึ้นเถาะนั่น”
“เจ้าอย่าสอดฮู้ให้หลายความ เดี๋ยวข้อยสิไปเอายามาให้นายฮ้อยผีเอง เจ้าไปซอยนายฮ้อยผีก่อน...ไป”
เสือเปล่งพูดจบขยับจะไป เสือคำแสนรอจนเขาหันหลังให้ตามเข้าไปทุบท้ายทอยสลบเหมือด จากนั้นก็กลับออกมาจะเล่นงานนายฮ้อยผีอีกครั้งโดยเอายาพิษใส่ลงในถ้วยยาสมุนไพรที่จะเอามาให้ดื่มแต่เขารู้ทันปัดถ้วยใส่ยาทิ้งพร้อมกับชักมีดออกมาชี้หน้าเสือคำแสนที่บังอาจคิดล้างครู
“สมกับที่มึงเป็นนายฮ้อยผี แม่นแล้ว กูวางยาฆ่ามึง ย่อนว่ามึงวางแผนหลอกใช้กูก่อน กูมันคนดวงแข็งเต็กกว่าแมวเก้าชีวิต โชคถึงเข้าข้างให้กูได้ฮู้ความจริง บ่ต้องถืกมึงลอบตลบหลังฆ่ากู หวังสร้างความชอบธรรมให้โตเองเป็นคนดีในสายตาอีคำแก้วลูกสาวมึง”
นายฮ้อยผีที่นั่งพิงกำแพงซากโบราณสถานยันตัวเองลุกขึ้น ต่อให้เสือคำแสนรู้ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเขาทำอะไรตนไม่ได้ แล้วพนมมือร่ายอาคมใส่ แต่ท่องคาถาไม่ทันถึงครึ่งก็กระอักเลือดออกมา เสือคำแสนสบช่องตวัดดาบเข้าหา นายฮ้อยผีดวงยังไม่ถึงฆาต เสือเปล่งมาช่วยไว้ทันยิงปืนใส่เสือคำแสนได้รับบาดเจ็บต้องหนีตายเข้าป่า ครั้นเสือเปล่งจะตามไปเล่นงานก็เป็นห่วงนายฮ้อยผี เขาก็เลยหนีรอดไปได้
ooooooo
ทัพควายของนายฮ้อยเคนเดินทางมาได้ไม่เท่าไหร่ ผู้นำทัพก็สั่งให้หยุดพักกันที่นี่ก่อน คำแก้วมองไปรอบๆบริเวณเห็นแต่ป่าที่มีต้นไม้หร็อมแหร็ม น้ำท่าก็ไม่มี ทักท้วงว่าหากพักแรมตรงนี้แล้วจะหากบหาเขียดมาเลี้ยงชาวทัพได้อย่างไร เขาแนะถ้าหาอาหารไม่ได้ก็ให้กินจากเสบียงที่เตรียมมา
“นี่อ้ายลืมไปแล้วเบ่าะ เสบียงที่เฮาเคยมีหลายถูกแบ่งออกไปเกือบเบิ่ดตอนที่แยกทัพควายกัน”
“บ่ได้ลืม แต่เฮาต้องพักกันหม่องนี่ เสบียงมีน้อยก็กินน้อย” พูดได้แค่นั้น นายฮ้อยเคนชักม้าออกไปโดยไม่ฟังเสียงร้องเรียกให้กลับมาก่อนของคำแก้ว...
แม้สถานที่ตั้งค่ายพักแรมจะแห้งแล้งไม่มีหนองน้ำ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของแสงโสมกับคำแก้วที่ออกหากะปอมมาเป็นมื้อเย็นให้กับชาวทัพควาย โดยเฉพาะฝ่ายแรกหาได้เก่งมากจับกะปอมได้เต็มชะลอม ตลอดเวลาที่หากะปอมด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่สองสาวไม่ทะเลาะหรือแม้แต่มีปากเสียงกัน แถมยังสาบานเป็นพี่เป็นน้องกันอีกด้วย และเพื่อเป็นการต้อนรับน้องสาวหมาดๆ คำแก้วสอนวิธีจับอึ่งให้...
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้วแต่นายฮ้อยเคนซึ่งหายตัวไปตั้งแต่สั่งให้ตั้งค่ายพักแรมก็ยังไม่กลับ คำแก้วมาดักรออยู่ที่เกวียนพักใหญ่ ถึงเห็นเขาควบม้าเข้ามาก็ร้องทักหายไปไหนมา เธอเตรียมอึ่งย่างกับกะปอมย่างรอท่าอยู่ เขากลับบอกว่าไม่หิว ให้เก็บไว้กินพรุ่งนี้แทน แล้วขยับจะไป คำแก้วร้องเรียกไว้
“เดี๋ยว อ้ายยังบ่บอกข้อยเลยว่าอ้ายไปไสมา”
“อ้ายไปตรวจเวรยามรอบๆที่พักเฮานี่ล่ะ บ่ได้ไปไสไกลดอก”
คำแก้วขอร้องอย่ามาโกหกกันดีกว่า ถ้าตรวจรอบๆ ที่พักจริงไปเอาโคลนที่ไหนเปื้อนเท้า ในเมื่อแถวนี้ไม่มีแหล่งน้ำ ไม่มีบึงมีโคลนสักแห่ง ไหนตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่โกหกกัน นายฮ้อยเคนตัดสินใจสารภาพความจริงว่าเขาลอบตามไปดูทัพควายของผู้ช่วยถึกมา
“อ้ายเป็นห่วง อยากให้แน่ใจว่าผู้ซอยถึกพาซุมนั่น เดินทางกันอย่างปลอดภัย บ่อยากให้พากันใช้เส้นทางดงพญาเย็น ย่อนว่าสิพากันไปตายหลายกว่าพากันรอด”
ooooooo
เสือคำแสนหนีกระเซอะกระเซิงมาที่กระท่อมกลางป่าซึ่งกาเหว่าและกะปอมพาบุญตามาซ่อนตัว หลังจากได้รับการห้ามเลือดและทำแผล อาการของเสือคำแสนก็ดีขึ้น กะปอมอดถามไม่ได้ว่าเขาไปถูกใครทำร้ายปางตายอย่างนี้ ตนจะได้ไปลากคอมันมากระทืบให้เอง
“ขนาดลูกพี่ยังบาดเจ็บปางตาย แล้วน้ำหน้าอย่างมึงสิไปซอยหรือไปถูกฆ่าวะ” กาเหว่าแดกดัน เสือคำแสนรำคาญไล่ตะเพิดสองสมุนไปให้พ้นหน้า ตนมีเรื่องจะคุยกับน้องสาวซึ่งรอจนสมุนทั้งสองออกไปแล้วจึงถามพี่ชายว่าตกลงไปโดนใครทำร้ายมา พอรู้ว่าเป็นนายฮ้อยผีถึงกับร้องเอะอะ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ในเมื่อเขารับเสือคำแสนไปฝึกเป็นลูกศิษย์ไม่ใช่หรือ
“มันพาอ้ายไปฝึกย่อนว่านั่นเป็นแผนหลอกใช้อ้ายต่างหาก สมบัติมีค่าของนายฮ้อยเคนที่มันต้องการแย่งเอามา บ่แม่นของขลังหรือแก้วแหวนเงินทองดอก แต่เป็นอีคำแก้ว ลูกสาวแท้ๆของมันต่างหาก”
บุญตาถึงกับอึ้ง คำแก้วจะเป็นลูกสาวนายฮ้อยผีได้อย่างไร เสือคำแสนบอกเธอไม่ต้องไปสนใจเรื่องนั้น ขอแค่ให้รู้ไว้ว่าตนจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือให้นายฮ้อยผี หลอกใช้อีกแล้ว อีกนิดเดียวตนก็จะฝึกวิชาอาคมได้เก่งกาจกว่าทั้งนายฮ้อยผีและนายฮ้อยเคน ถ้าตนฝึกสำเร็จเมื่อไหร่ ตนจะกลับไปฆ่าพวกมันให้หมด
“จังซั่นอ้ายก็ฟ้าวฝึกให้สำเร็จไวๆ มีหยังให้ข้อยซอยก็บอกมาโลด ข้อยซอยอ้ายเต็มที่”
“ขอบใจเจ้าหลายบุญตา อ้ายมาหาเจ้าก็ย่อนว่าต้องการให้เจ้าซอยอ้าย”
“อ้ายสิให้ข้อยซอยอีหยังล่ะ” บุญตาพาซื่อ
เสือคำแสนยิ้มเจ้าเล่ห์ ไว้จะให้ช่วยเมื่อไหร่จะบอก
จากนั้นเอามือลูบท้องเธอ บอกให้พักผ่อนมากๆ เขาเป็นห่วงหลานในท้อง กะปอมและกาเหว่าคงจะไม่ได้หาของดีๆ มาบำรุง ในย่ามของตนมียาบำรุงครรภ์อย่างดี ให้เธอเอาไปต้มกินได้เลย บุญตาพยักหน้ารับคำโดยไม่ล่วงรู้เลยว่าตัวเองกับลูกในท้องกำลังจะตกเป็นเหยื่อ...
ตั้งแต่แยกตัวออกมาจากนายฮ้อยเคน จันทากับสุบินวางก้ามใหญ่โตไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น ตามมาเอาเรื่องบักมืดฐานสั่งให้พาควายไปรวมฝูงแล้วไม่ทำตามคำสั่ง บักมืดไม่ยอมให้ใครมาสั่ง มีแต่นายฮ้อยเคนเท่านั้นที่สั่งตนได้ ผลักสุบินพ้นทางแล้วเดินหัวเสียออกไป สุบินกับจันทาไม่พอใจตามไปหาเรื่องเขาอีก ถีบจนล้มคว่ำแล้วเงื้อหมัดจะต่อยซ้ำ แต่ต้องชะงักเมื่อถูกผู้ช่วยถึกกับสีโหเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน
“เซาๆ ซุมมึงว่างกันบ่ ถึงได้มาหมาหมู่หาเฮื่องคนที่สู้มึงบ่ได้”
“เว้าให้ดีเด้อผู้ซอย บักมืดมันบ่ฟังคำสั่งก็ต้องสั่งสอนมัน บ่จังซั่นเฮาสิเดินทางกันต่อได้จังได๋”
“บักสุบิน แยกทัพควายจากนายฮ้อยมาได้บ่กี่มื้อ มึงก็อวดเก่งกันหลายแล้ว...ผู้ซอย ข้อยว่าถึงเวลาที่เฮาต้องแยกโตกับซุมห่านี่แล้ว” สีโหหันไปพยักพเยิดกับผู้ช่วยถึก จันทาสงสัยพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ผู้ช่วยถึกอธิบายว่าตนกับสีโหและบักมืดจะต้อนควายของเราไปทางดงพญาเย็น จากนั้นทั้งสามคนพากันกลับมาที่เกวียนของตัวเองเพื่อเก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทาง สุบินชวนจันทาตามมาโวยวาย
“ผู้ซอย ซุมเจ้าบ้าไปแล้วบ่ นายฮ้อยผีกับเสือคำแสนฝึกวิชาอาคม ถ่าแก้แค้นนายฮ้อยเคนอยู่หม่องนั่น ขืนเจ้าพากันไปทางนั่นก็ถ่อกันไปหาเฮื่องตายคักๆ”
ผู้ช่วยถึก สีโหและบักมืดไม่พูดอะไร มองหน้ากันก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของต่อไป จันทาถึงบางอ้อทันที ที่แท้ผู้ช่วยถึกกับพวกไม่ได้อยากแยกตัวจากนายฮ้อยเคนไปค้าควายแต่อยากไปแก้แค้นให้จันแดงกับบัวเขียวต่างหาก ผู้ช่วยถึกยอมรับว่าเป็นความจริง ตนกับพวกต้องการแก้แค้นเพราะรู้ดีว่านายฮ้อยเคนไม่ยอมเอาชีวิตลูกน้องไปเสี่ยงกับเรื่องส่วนตัวแน่นอน ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาอยากจะสางปัญหาให้จบๆไป
“เฮาก็เลยตัดสินใจว่าสิเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ลอบไปจัดการบักห่านั่นให้นายฮ้อยเอง” สีโหเสริม สุบินทักท้วงพวกนั้นเป็นจอมขมังเวทแล้วผู้ช่วยถึกกับพวกจะเอาอะไรไปสู้ ขืนไปก็ได้ตายกันหมด สีโหไม่สนใจถึงจะตายก็ยอมเพราะถ้าไม่มีบัวเขียวเป็นแรงใจให้ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมอีก
“ซุมมึงมันบ้าไปแล้ว อยากไปตายห่าก็ไปโลด ซุมกูบ่เอานำดอก”
“จากนี่ซุมเจ้าอยากไปค้าควายก็ไปกันเองโลด แต่คั่นคึดได้อย่างเฮา อยากสิตอบแทนความดีของนายฮ้อย เจ้าฮู้กันแล้วว่าต้องเดินทางไปไส” พูดจบผู้ช่วยถึกเดินตามสีโหกับบักมืดไป โดยไม่รู้ว่าจ่อยแอบฟังอยู่
ooooooo
อาจารย์เม้าชมเปาะเมื่อรู้ว่านายฮ้อยเคนแอบตามไปดูความเป็นอยู่ของพวกทัพควายที่แยกตัวออกไปเนื่องจากเป็นห่วงว่าพวกนั้นจะไปกันไม่รอด เขายอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นอย่างนั้น แต่ที่เป็นห่วงมากกว่าก็คือ
“แยกกันเดินทางจังซี้ซุมนั่นอาจสิตกเป็นเป้าให้พวกนายฮ้อยผีลอบเล่นงานหวังใช้เป็นเครื่องมือแก้แค้นข้อยก็ได้” ว่าแล้วนายฮ้อยเคนหันไปหยิบลูกดอกหน้าไม้ยื่นให้อาจารย์เม้าหนึ่งลูก บอกให้ลองหักดู เขาจับมันหักได้อย่างง่ายดาย จากนั้นนายฮ้อยเคนส่งลูกดอกให้ห้าลูกให้เขาลองหักอีกครั้ง คราวนี้เขาหักไม่ได้
“ข้อยเข้าใจความฮู้สึกของนายฮ้อยแล้ว หนทางข้างหน้ามีอันตรายใหญ่หลวงถ่าอยู่ คั่นยังอยู่ฮวมกัน เกิดอีหยังขึ้นก็ยังพอซอยเหลือหาทางออกฮ่วมกันได้ แต่แยกกันไปจังซี้ ก็บ่ต่างจากหักลูกดอกนี่”
“ซำนั่นยังบ่พอ ความเป็นตาย่านของนายฮ้อยผีอีก ข้อยเคยพ้อมาแล้วตั้งแต่ยังน้อย ย่อนว่าอาคมที่มันฝึกฝนเป็นอวิชชามนต์ดำ คั่นมันใช้สอนคำแสนนำล่ะก็ ข้อยผู้เดียวก็คงยากสิรับมือ”
“มนต์ดำอีหยัง นายฮ้อยถึงได้เป็นตาย่านหลาย”...
ขณะที่นายฮ้อยเคนเล่าเรื่องมนต์ดำให้อาจารย์เม้าฟัง เสือคำแสนเข้าไปในกระท่อมที่บุญตานอนหลับอยู่ เอามือลูบท้องที่โตใกล้คลอดของเธอ ก่อนจะหยิบมีดพกออกมาถือ บุญตาสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นพี่ชายนั่งมองอยู่ก็แปลกใจ มีอะไรหรือเปล่าถึงเข้ามาหาตนดึกๆดื่นๆ แล้วพยายามจะลุกขึ้นแต่เรี่ยวแรงไม่มี
“นี่...นี่ข้อยเป็นหยังเนี่ยอ้าย อยู่ๆแฮง...แฮงข้อยก็มีบ่เลย”
เสือคำแสนยิ้มเหี้ยมมองไปที่จอกใส่ยาซึ่งวางอยู่ข้างตัวน้องสาว เฉลยว่าเป็นเพราะยาบำรุงที่เขาให้เธอเอาไปต้มกินทำให้เธอไม่มีเรี่ยวแรง อีกสักพักก็จะทำให้เธอไม่รู้สึกแล้วจะค่อยๆตายไปเอง เธอร้องเอะอะทำไมถึงต้องวางยากันด้วย เขาต้องการลูกในท้องของเธอเพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ช่วยเสริมอาคมให้เขาเป็นจอมขมังเวท อยู่ยงคงกระพันได้ บุญตาตกใจ ยกมือไหว้ขอร้องอย่าทำอะไรเธอกับลูก เธอไม่อยากตาย
“สายไปแล้วบุญตา เจ้าบอกเองว่าพร้อมสิซอยอ้ายเบิ่ดทุกอย่าง นี่ล่ะ คือวิธีที่เจ้าสิซอยอ้ายได้”
บุญตารวบรวมแรงเท่าที่มีถีบเสือคำแสนกระเด็นแล้ววิ่งหนีออกจากกระท่อม เขาไล่ตามทันกันกลางป่า เธอพยายามขอร้องให้ไว้ชีวิต แต่เขาไม่สนใจย่างสามขุมเข้าหา...
ด้านอาจารย์เม้าถึงกับด่าลั่นเมื่อได้ฟังเรื่องที่นายฮ้อยเคนเล่าว่าคนที่ทำแบบนั้นได้ต้องเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก นายฮ้อยเคนเห็นด้วย พวกที่ฝึกอวิชชามนต์ดำอย่างนี้ นอกจากจิตใจจะไม่เหลือความเป็นคนแล้ว ถ้ามันฝึกสำเร็จเมื่อใด ร่างกายของมันก็ไม่เหลือความเป็นคนเช่นกัน
“อวิชชามนต์ดำที่เสริมให้อาคมมันแข็งแกร่งจนยากที่ไผสิรับมือได้ ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความเป็นคนไป แล้วถูกครอบงำนำความชั่วร้ายเปลี่ยนไป ผู้นั่นค่อยๆกลายเป็นปอบไปในที่สุด”...
แม้บุญตาจะกราบเท้าเสือคำแสนเพื่อร้องขอชีวิตแต่เขาถูกมนต์ดำครอบงำจึงไม่สนใจใดๆทั้งสิ้นตรงเข้าบีบคอเธอ ความชั่วร้ายที่เขากระทำก่อให้เกิดอาเพศลมพัดกระโชกแรง ทันทีที่เธอสิ้นลม ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ แสงจากสายฟ้าทำให้เห็นใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นใบหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดไม่ต่างจากใบหน้าของนายฮ้อยผี ก่อนจะกลับมาเป็นใบหน้าปกติเมื่อแสงจากสายฟ้าหายไป
ooooooo
เช้าวันถัดมา จ่อยนำเรื่องที่ได้ยินผู้ช่วยถึกคุยกับสุบินและจันทามาเล่าให้ชาวทัพควายฟัง ทิดแสงถึงกับออกปากถ้าผู้ช่วยถึกทิ้งพวกเราไปแก้แค้นแบบนี้แล้วใครจะนำทัพควายเดินทางต่อ สุบินมาทันได้ยินพอดี ประกาศลั่นจะเป็นคนทำหน้าที่นั้นเอง ทุกคนหันไปเห็นเขาเข้ามากับเฒ่าอ่ำและจันทา
“บักสุบินอย่างเจ้านี่เบาะ แค่ควายซุมเจ้ายังเบิ่งแยงบ่ได้ ตายจนเหลือบ่จักโตแล้วสิเอาปัญญาจากไสมานำซุมข้อย” บุญเพ็งปรามาสสุบินอย่างไม่ไว้หน้า
จ่อยช่วยเสริมอีกแรงหนึ่ง ขืนตามสุบินไป อาจจะพาเราไปตายมากกว่าจะตามนายฮ้อยเคนด้วยซ้ำ คนถูกเอ่ยชื่อถึงไม่พอใจมากถีบจ่อยล้มกลิ้งฐานปากเสีย
เฒ่าอ่ำเห็นท่าจะไม่ได้การรีบตัดบท “เอาล่ะ พวกมึงฟังกูให้ดี จากนี่ไปซุมกูสิเป็นนายฮ้อยของพวกมึงแล้ว ไผอยากฟ้าวเดินทางก็ให้ตามกูไป คั่นไผบ่ตามไปสิได้ฮู้ว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวคือบักจ่อย”
“กูบ่ได้เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว แต่ถ่ากูต้องไปตาย กูขอให้นายฮ้อยพากูไปตายบ่แม่นพวกมึง” คำพูดของจ่อยทำเอาหลายคนในทัพควายคิดคล้อยตาม จันทา เห็นดังนั้นก็เข้าไปกระชากคอเสื้อเขา
“มึงเว่าหลายไปแล้วบักจ่อย มึงอยากกลับไปหานายฮ้อยเคนแม่นบ่ เดี๋ยวกูจัดการถีบส่งไปให้เอง” พูดจบจันทาลากคอจ่อยออกไป บุญเพ็งกับทิดแสงจะตามไปช่วย ก็ถูกสุบินกับเฒ่าอ่ำขวางไว้...
ไม่ได้มีแต่นายฮ้อยเคนเท่านั้นที่มาแอบดูทัพควายที่แยกตัวออกมา คำแก้ว ผู้ช่วยโทน กับแสงโสมก็แอบมาดูด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน ระหว่างที่ผู้ช่วยโทนกับแสงโสมแยกไปดูอีกทางหนึ่ง เจอจ่อยในสภาพถูกซ้อมพอดี จึงพาเขามาพบกับนายฮ้อยเคนและคำแก้วที่ซุ่มดูอยู่อีกด้านหนึ่ง จ่อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
นายฮ้อยเคนร้อนใจมากจะตามไปช่วยผู้ช่วยถึก สีโห และบักมืด คำแก้วทักท้วงจะไปดงพญาเย็นคนเดียว ได้อย่างไร ผู้ช่วยโทนอาสาจะไปเป็นเพื่อนเขาเอง
นายฮ้อยเคนรับปากกับคำแก้วว่าจะพาทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง ฝากเธอพาจ่อยกลับไปหาอาจารย์เม้า และบอกทุกคนที่ทัพควายของเราให้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในป่า ห้ามออกไปเพ่นพานเด็ดขาด แสงโสมเข้าไปจับมือผู้ช่วยโทนไว้ ขอให้เขาระวังตัวด้วย
“อ้ายบ่เป็นหยังดอกแสงโสม อ้ายยังมีเฮื่องต้องกลับมาจัดการกับเจ้าอีกหลาย” ไม่พูดเปล่า ผู้ช่วยโทนยิ้มกรุ้มกริ่มจนแสงโสมแอบเขิน นายฮ้อยเคนขัดขึ้นทันที ชวนให้เขารีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันกาล...
ด้านผู้ช่วยถึก สีโห และบักมืดลุยเข้าไปในป่าดงพญาเย็นยังไม่ทันจะถึงกลางป่า เจอเสือโคร่งตัวใหญ่วิ่งเข้าหา ผู้ช่วยถึกตะโกนเตือนให้ทุกคนวิ่งหนี สีโหกับเขาวิ่งไปทางเดียวกัน แต่บักมืดตามไม่ทันวิ่งหนีไปอีกทาง...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่เทวาลัย นายฮ้อยผีเป็นกังวลว่าเสือคำแสนจะกลับมาแก้แค้น แต่ตัวเองไม่อยู่ในสภาพจะต่อกรได้ จำเป็นต้องนั่งสมาธิเพื่อรักษาตัว จึงฝากให้เสือเปล่งคอยเฝ้าหน้าทางเข้าไว้อย่าให้ใครมารบกวน เด็ดขาด เสือเปล่งพยักหน้ารับคำมองนายฮ้อยผีเดินไปนั่งสมาธิ ก่อนจะเหลือบมองไปยังหีบสมบัติมากมายที่กองไว้มุมหนึ่งด้วยความโลภ จากนั้นไม่นาน เขาออกจากเทวาลัยโดยมีห่อผ้าใส่สมบัติพาดไหล่
“ข้อยขอขมาเด้อนายฮ้อยผี สภาพเจ้าจังซี้คงอยู่ไปได้อีกบ่จักมื้อดอก สมบัติพวกนี่อย่าให้อีคำแก้วมันเลย ให้ข้อยไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า”...
กว่าผู้ช่วยถึกกับสีโหจะนึกขึ้นได้ว่าบักมืดหายไปไม่ได้ตามมาด้วยก็วิ่งหนีเสือลึกเข้าไปในป่าดงพญาเย็นแล้ว พยายามตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา สีโห เริ่มใจคอไม่ดี
“หรือว่าบักมืดถืกเสือคาบไปแล้ว”
ooooooo
บักมืดซึ่งเดินหลงป่าเพียงลำพัง พยายามร้องเรียก สีโหกับผู้ช่วยถึกแต่ไม่มีเสียงขานตอบ ด้วยความกลัวจึงทรุดตัวลงนั่งยองๆยกมือไหว้ท่วมหัว อธิษฐานให้เจ้าพ่อดงพญาเย็นช่วยให้รอดออกไปจากที่นี่ พลันมีเท้าของใครบางคนก้าวมาหยุดตรงหน้า บักมืดเห็นเข้า ก็หลับตาปี๋ด้วยความกลัวสุดขีด
“เจ้าพ่อดงพญาเย็น บ่ต้องมาปรากฏโตให้ข้อยเห็นดอก ข้อยย่านแล้ว อย่ามาเอาโตข้อยไปอยู่นำเลย”
“บักมืดนี่ข้อยเอง” นายฮ้อยเคนแตะไหล่เบาๆ บักมืดลืมตาขึ้นมาเห็นเขากับผู้ช่วยโทนก็ดีใจมาก...
หลังตามหาบักมืดอยู่พักใหญ่แต่ไม่มีวี่แวว ผู้ช่วยถึกตัดสินใจถามสีโหอย่างไม่อ้อมค้อมว่าจะเดินหน้าไปแก้แค้นให้บัวเขียวกับจันแดงต่อหรือจะไปตามหาบักมืด เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
“บักมืด กูขอขมามึงเด้อ คั่นกูฆ่านายฮ้อยผีได้แก้แค้นให้บัวเขียวได้ ซอยปกป้องหมู่เฮาที่เหลือได้ กูสิกลับมาตามหามึง” สีโหว่าแล้วหันไปพยักหน้าให้ผู้ช่วยถึกแต่ยังไม่ทันจะขยับไปไหน ผู้ช่วยถึกยกมือให้เขาหยุดดูอะไรบางอย่าง อึดใจเห็นเสือเปล่งเดินอย่างรีบร้อนผ่านมา ปรี่เข้าไปขวางไว้
ทีแรกเสือเปล่งไม่อยากต่อสู้ด้วยเพราะอยากเอาสมบัติหนีไปให้พ้นจากป่าแห่งนี้ แต่พอสีโหบอกว่าเป็นคนยิงเสือปรายตายเหมือนยิงหมาตัวหนึ่งก็แค้นใจชักดาบขึ้นมาต่อสู้ แต่แรงเดียวหรือจะสู้สองแรงได้ ถูกผู้ช่วยถึกฟันหัวไหล่ถึงกับทรุด ห่อผ้าใส่สมบัติตกพื้นกระจัด กระจาย เสือเปล่งเห็นหมดทางสู้ ยื่นข้อเสนอ ถ้ายอมปล่อยตนไปจะยกสมบัติเหล่านั้นให้ และจะบอกที่ซ่อนสมบัติที่เหลืออีกด้วย
“กูบ่แม่นคนเห็นแก่ได้ สมบัติซำนี่มันแลกกับชีวิตคนฮักของพวกกูบ่ได้ดอกโว้ย” ว่าแล้วสีโหเงื้อดาบฟัน ผู้ช่วยถึกเอาดาบตัวเองกันไว้ถามเสือเปล่งไปเอาสมบัติเหล่านี้มาจากไหน เขาขโมยมาจากนายฮ้อยผี เป็นสมบัติที่มันสะสมไว้ ตอนนี้มันกำลังไม่สบายมาก ถ้าผู้ช่วยถึกกับพวกไว้ชีวิต เขาจะพาไปหามัน
“อย่าไปฟังมัน มันเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ มันขี้ตั๊วหมู่เฮาให้หลงกลจนบัวเขียวต้องตายมาแล้ว ฆ่ามันเดี๋ยวนี่เลย ให้มันชดใช้เวรกรรมที่ทำไว้กับบัวเขียว” สีโหจะฟันคอเสือเปล่งอีกครั้งแต่ผู้ช่วยถึกห้ามไว้ ต้องการให้มันพาเราไปหานายฮ้อยผีก่อนแล้วค่อยฆ่าทีหลังก็ยังไม่สาย จากนั้นใช้ดาบจี้บังคับให้เสือเปล่งพาไปถึงหน้าเทวาลัย สั่งให้เข้าไปล่อนายฮ้อยผีออกมาให้พวกตนฆ่า เขาไม่ยอมทำตาม ขืนเข้าไปมันได้ฆ่าเขาแน่
“มึงบ่มีทางเลือก สิถืกนายฮ้อยผีฆ่าหรือถืกบักสีโหฆ่า เลือกเอา”
เสือเปล่งเห็นสีโหที่กวัดแกว่งดาบในมือพร้อมจะฆ่าตนเองได้ทุกเมื่อ จึงยอมเสี่ยงเข้าไปล่อนายฮ้อย ผีตามที่ผู้ช่วยถึกสั่ง แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน พลันนายฮ้อยผีก้าวมายืนด้านหลังอย่างเงียบกริบ
“มึงยังมีหน้ากล้ากลับมาอีกบ่ บักเปล่ง”
ไม่พูดเปล่านายฮ้อยผีสะบัดมือทีเดียว เสือเปล่งลอยละลิ่วไปกระแทกรูปปั้น เขาพยายามจะอธิบายแต่นายฮ้อยผีไม่ฟังตามเข้าไปบีบคอ
อีกมุมหนึ่งหน้าเทวาลัย ผู้ช่วยถึกหยิบลูกดอกหน้าไม้ขึ้นมาบอกสีโหว่านี่เป็นลูกดอกแช่น้ำมนต์ว่านหางข้างเก้าใบ ซึ่งเคยได้ยินนายฮ้อยเคนว่ามีอำนาจพุทธคุณต้านผู้มีอาคมได้ แล้วพนมมือท่องคาถา กำกับลูกดอก
จังหวะนั้นเสือเปล่งเดินเซออกมาทรุดลงตรงหน้าทั้งคู่เตือนให้ระวังนายฮ้อยผี พูดได้แค่นั้นก็ขาดใจตายเนื่องจากถูกมีดสั้นของนายฮ้อยผีปักเข้ากลางหลัง ผู้ช่วยถึกจะยิงลูกดอกใส่แต่นายฮ้อยผีปัดหน้าไม้ทิ้ง ก่อนจะคว้าคอเขาบีบ สีโหเข้าไปช่วยโดยฟันดาบใส่กลับไม่ระคายผิวนายฮ้อยผีแม้แต่น้อย เขาถีบสีโหกระเด็น แล้วเหวี่ยงผู้ช่วยถึกไปอีกด้านหนึ่ง
ooooooo
นายฮ้อยเคนเดินนำผู้ช่วยโทนกับบักมืดลึกเข้าไปในป่าจนเจอรอยเลือดหยดเป็นทาง ทีแรกเขานึกว่าเป็นเลือดของสีโหและผู้ช่วยถึกที่เกิดจากการต่อสู้กับเสือโคร่ง ครั้นสำรวจอย่างละเอียด กลับพบ รอยเท้าคนสามคนไม่มีรอยเท้าเสือ แสดงว่าสองคนนั่นต้องไปเจอใครอีกคน รีบเดินตามรอยเลือดไป...
ทางฝ่ายผู้ช่วยถึกกับสีโหใช้ดาบฟาดฟันนายฮ้อยผีอย่างไม่เกรงกลัว แต่ดาบกลับทำอะไรมันไม่ได้ เสียงดาบฟันโดนเนื้อดังราวกับเสียงเหล็กกระทบกัน สีโหเริ่มหน้าเสีย ถามผู้ช่วยถึกว่าทำอะไรมันไม่ได้จะเอาอย่างไรดี เขามองไปที่หน้าไม้ซึ่งถูกปัดกระเด็น ก่อนจะคิดแผนการขึ้นมาได้ บอกว่าเขาจะล่อมันเองให้สีโหรีบไปเอาหน้าไม้อาบน้ำมนต์มายิงมัน เป็น ทางเดียวที่เราจะหยุดมันได้ ว่าแล้วก็ควงดาบเข้าหาศัตรู
แม้คมดาบจะไม่ระคายผิวแต่ผู้ช่วยถึกสู้ไม่ถอย นายฮ้อยผีต่อยสวนถูกเขาเต็มหน้าเลือดกบปากแล้วคว้าคอขึ้นมาบีบ สีโหสบช่องรีบวิ่งไปคว้าหน้าไม้อาบน้ำมนต์ ยิงใส่ ลูกดอกปักที่หัวไหล่นายฮ้อยผีถึงกับชะงัก
ผู้ช่วยถึกผลักมันกระเด็นลงไปกองกับพื้นคิดว่าสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว แต่ลูกดอกอาบน้ำมนต์หาได้ทำอันตรายใดๆมันได้ มันพึมพำร่ายคาถาทำให้ท้องฟ้าปั่นป่วนไปทั่วบริเวณ ผู้ช่วยถึกเห็นท่าไม่ดี ไล่สีโหหนีไปก่อนแล้วเข้าไปต่อสู้กับนายฮ้อยผี แต่สู้ไม่ได้ถูกอัดกระแทกกำแพงโบราณสถานสลบเหมือด สีโหได้แต่ยืนตัวแข็ง
“บัวเขียว อ้ายพยายามแล้ว แต่อ้ายคงบ่รอดแน่ ถ่าอ้ายอยู่บนฟ้าเด้อ อ้ายกำลังสิไปหาเจ้าแล้ว” สีโหหลับตาปี๋ยอมตาย นายฮ้อยผีเอาลูกดอกที่ปักหัวไหล่ตัวเองปาใส่ แต่ยังไม่ทันถึงตัวสีโห นายฮ้อยเคนคว้าลูกดอกไว้ได้เสียก่อน สีโหลืมตาขึ้นมาเห็นเขาก็ดีใจมาก นายฮ้อยเคนก้าวมายืนประจันหน้ากับนายฮ้อยผี สั่งให้ผู้ช่วยโทนกับบักมืดพาทุกคนหลบไปก่อน ปล่อยทางนี้เป็นหน้าที่ตนเอง
ทั้งคู่รีบช่วยผู้ช่วยถึกกับสีโหออกไป
“ในที่สุดเฮาก็ได้พ้อกันจั๊กเถื่อ” พูดจบนายฮ้อยผีโบกมือ พลันเกิดลมกระโชกแรงพัดทั้งฝุ่นทั้งเศษใบไม้ใส่หน้านายฮ้อยเคน พอลมสงบ นายฮ้อยผีหายตัวไปแล้วเขามองไปที่ซากโบราณสถานด้วยความสงสัย...
ในขณะเดียวกัน กะปอมไปซุ่มดูทัพควายของสุบินเสร็จก็ตามมาสมทบกับกาเหว่าซึ่งมาซุ่มดูทัพควายของนายฮ้อยเคน ครั้นเห็นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆชวนกาเหว่ากลับไปรายงานเสือคำแสน กาเหว่าไม่ยอมกลับเพราะเห็นว่าทัพควายแห่งนี้มีแต่คำแก้ว แสงโสมกับพวกผู้เฒ่า จึงน่าจะเข้าไปฉุดสองสาวนั่นได้ไม่ยาก
“มึงอย่าหาเฮื่องใส่โต เสือคำแสนสั่งเอาไว้ให้มาดูความเคลื่อนไหวของพวกมันเถาะนั่น ถ้านายฮ้อยทมิฬเกิดกลับมาแล้วพ้อเฮา ตายห่าแน่”
“มึงลืมไปแล้วเบาะว่าถ้าพ้อเฮื่องจวนโตขึ้นมา เสือคำแสนให้ของดีหยังติดโตเฮาไว้ใช้เอาโตรอด” กาเหว่าว่าแล้วหยิบมีดลงอาคมผีโพงออกจากย่าม...
ฝ่ายคำแก้วกับแสงโสมเป็นห่วงชายคนรักจึงพากันออกจากป่าจะตามไปช่วย กลับเจอกาเหว่ากับกะปอมมาดักหน้าเอาไว้หวังจะฉุดทั้งคู่ไปทำเมีย
ooooooo
นายฮ้อยเคนตามเข้าไปในเทวาลัยเจอนายฮ้อยผียืนถือดาบอาคมรอท่าอยู่ข้างๆหีบใส่สมบัติ นายฮ้อยผีไม่ได้คิดจะต่อสู้กับเขา แถมยังสำนึกผิดกับเรื่องราวที่เคยก่อไว้ในอดีต
“เจ้ามายอมรับว่าโตเองทำผิดพลาดตอนนี่ก็สายไปแล้วนายฮ้อยผี” ว่าแล้วนายฮ้อยเคนยกดาบในมือขึ้นบริกรรมคาถา ดาบเรืองแสงขึ้นทันที จากนั้นเขาพุ่งเข้าไปเล่นงานนายฮ้อยผี แต่อยู่ๆนายฮ้อยผีกลับทิ้งดาบในมือลักษณะเหมือนยอมแพ้ นายฮ้อยเคนแปลกใจ ทำไมถึงทิ้งดาบไม่คิดต่อสู้
“ย่อนว่าข้อยบ่ต้องตายนำน้ำมือเจ้า ข้อยก็ต้องตายอย่างทรมานนำเวรกรรมที่สร้างไว้” พูดได้แค่นั้น นายฮ้อยผีไอมีเลือดปนออกมา “ตอนนี่คุณไสยมนต์ดำที่ข้อยใช้ก่อกรรมทำชั่วมาตลอดชีวิต กำลังย้อนเข้าโต เร่งให้ข้อยตายวันตายคืน ชดใช้หนี้กรรมที่ทำไว้กับทุกคน แทนที่สิเป็นนายฮ้อยคนดีคือพ่อเจ้า แต่ข้อยกลับใช้วิชาอาคมไปในทางที่ผิด ออกปล้นฆ่าผู้คนจนมีทุกอย่างที่อยากมี แต่สุดท้ายข้อยก็บ่เคยมีความสุขเลย”
ก่อนตาย นายฮ้อยผีคิดจะไถ่บาปที่เคยทำไว้กับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง นายฮ้อยเคนงง ใครกันคือคนที่เขาพูดถึง เขาเฉลยว่าคำแก้วคือเลือดเนื้อเชื้อไขคนนั้นของเขา นายฮ้อยเคนถึงกับอึ้ง...
คนที่นายฮ้อยผีเอ่ยถึงกำลังต่อสู้ร่วมกันกับแสงโสมอย่างสุดกำลัง ไม่ยอมให้กาเหว่ากับกะปอมเอาตัวไป คำแก้วใช้ไม้ฟาดทั้งคู่ล้มกลิ้งล้มหงายไปตามๆกัน กาเหว่าแค้นใจหยิบมีดอาคมจากในย่ามพุ่งเข้าหา
แสงโสมเห็นดังนั้นก็ตะโกนเตือนคำแก้วให้ระวังตัว เธอหันไปจะเอาไม้ฟาดเป็นจังหวะที่กาเหว่าวิ่งมาถึงตัว พอดี มีดอาคมเสียบเข้าเต็มท้องถึงกับชะงัก จังหวะนั้น มีเสียงปืนดังขึ้นจากฝีมือของอาจารย์เม้าที่มาพร้อมกับสามผู้เฒ่าอ่วม เข่งกับแต้ม ตะโกนไล่สองโจรชั่วเสียงลั่น กะปอมวิ่งหนีไปทันที ส่วนกาเหว่าดึงมือออกจากท้องคำแก้วพร้อมกับมีดอาคมที่เปื้อนเลือด โยนทิ้งก่อนจะวิ่งตามกะปอมไป คำแก้วถึงกับทรุดฮวบ...
นายฮ้อยเคนยังคงยืนประจันหน้ากับนายฮ้อยผี สั่งให้หยุดแต่งเรื่องโกหกเพื่อเอาตัวรอดได้แล้ว เขายืนยันว่าคำแก้วเป็นลูกสาวเขาจริงๆ เมียของเขาคือน้องสาวของเฒ่าโสม
“มันคือสิเล่าเฮื่องที่มันพยายามปกป้องชีวิตคำแก้ว ตั้งแต่ยังน้อยเอาไว้ให้เจ้าฟังแล้ว” คำพูดของนายฮ้อยผีทำเอานายฮ้อยหนุ่มชะงัก นึกถึงคำพูดก่อนตายของเฒ่าโสมที่เล่าเรื่องคำแก้วถูกพ่อแท้ๆจะผ่าท้องเอาไปทำลูกกรอกเพื่อให้ตัวเองเป็นจอมขมังเวท แต่ยังไม่ทันบอกชื่อพ่อที่แท้จริงของเธอ เฒ่าโสมก็ขาดใจตายไปก่อน เสียงนายฮ้อยผีร้องเรียก ปลุกให้นายฮ้อยเคนตื่นจากภวังค์ มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก
“เจ้า...เจ้าเซื่อข้อยได้รึยังนายฮ้อยทมิฬ นี่แหละคือ...คือความผิดพลาดของข้อยที่อยากชดใช้ให้กับคำแก้ว และ...เจ้าสมบัติพวกนี่ ข้อยตั้งใจมอบให้คำแก้วเก็บเอาไว้ มันสิซอยให้คำแก้วมีชีวิตที่สุขสบายในภายภาคหน้าได้ เจ้า...บ่ต้องบอกความจริงก็ได้ว่า...ได้มาจากข้อย” นายฮ้อยผีพูดจบไอออกมาอย่างหนัก นายฮ้อยเคนไม่คิดว่าคำแก้วจะอยากได้สมบัติโจรที่ปล้นฆ่าผู้อื่นมา เธอโตมากับคนดี ไม่ได้เชื้อเลวจากเขาแม้แต่น้อย
“นาย...ฮ้อยทมิฬ ข้อยฮู้ว่าเจ้าฮักคำแก้วหลายคั่นมื้อนึงข้างหน้าเจ้าต้องตายเพราะเสือคำแสน แล้วคำแก้วสิอยู่ต่อไปได้จังได๋ แต่สมบัตินี่สิซอยให้คำแก้วบ่ต้องอดอยาก...ตอนนี่เสือคำแสนมันเก่งขึ้นทุกมื้อ ใกล้สิแซงหน้าเฮาไปทุกทีแล้ว คั่นมันฝึกมนต์ดำได้สำเร็จมื้อได๋ แม้...แต่ข้อยกับเจ้าก็ยากสิรับมือมันได้...คึดฮอดความสุขของคำแก้วเถาะ...นาย...ฮ้อยทมิฬ” นายฮ้อยผีพูดได้แค่นั้นก็ไอจนตัวโยนก่อนจะล้มฟุบหมดสติ
ooooooo










