ตอนที่ 13
นายฮ้อยเคนกับคำแก้วไปตรงจุดที่เห็นแสงโสมเดินเข้าไปแต่ไม่เจอแม้เงา เขาอดถามคำแก้วไม่ได้แน่ใจใช่ไหมว่าคนที่เห็นคือแสงโสมจริงๆ เธอเห็นแค่แว่บๆจะให้แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าใช่คงเป็นไปไม่ได้
จังหวะนั้นเสือปรายกับสมุนนักเลงเข็นรถเข็นใส่เข่งผักเดินสวนออกมาโดยเอาแสงโสมที่สลบซ่อนไว้ในเข่ง นายฮ้อยเคนมองด้วยความสงสัยก่อนจะเรียกให้หยุดก่อน เสือปรายทำเป็นใจดีสู้เสือถามว่ามีอะไร เขาไม่ตอบเดินเข้าไปสำรวจเข่งผักแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ
“ซุมเจ้าเห็นผู้สาวโตน้อยๆซำหนิ เดินเข้ามาแถวนี่บ่”
“บ่เห็น แถวนี้บ่มีไผเข้ามาดอก ลองไปถามแถวนั่นเบิ่งอาจสิพ้อ” เสือปรายชี้นิ้วไปมั่วๆแล้วเดินนำสมุนที่เข็นรถใส่เข่งผักออกไป...
ทางด้านบัวเขียวซื้อแหวนทองเสร็จเดินชื่นชมออกมาจากร้านทอง สีโหเห็นยังมีเวลาชวนเธอไปไหว้พระธาตุเจดีย์เพื่อเป็นสักขีพยานว่าเขาจะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต ระหว่างนั้นสมุนของเสือเปล่งวิ่งมาชนทั้งคู่จนแยกจากกัน แหวนทองที่บัวเขียวถืออยู่ในมือตกพื้น สมุนคว้าขึ้นมาพร้อมกับชักมีดขู่
“อย่าได้คึดตามมาเด็ดขาด กูสิกะซวกไส้ไหลแน่” ขู่เสร็จสมุนวิ่งหนี บัวเขียวไม่ยอมเสียแหวนทองให้ใคร รีบไล่ตามโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของสีโห เธอเร่งฝีเท้าเพื่อตามสมุนให้ทัน อารามรีบร้อนสะดุดขาตัวเองล้ม แทนที่สมุนจะหนีไปพร้อมกับแหวนทอง กลับยืนรอพลางโบกแหวนล่อให้เธอวิ่งตาม สีโหวิ่งตามมาด้านหลังแต่ไม่เจอใคร ขยับจะตามต่อ แต่ถูกเสือเปล่งในคราบพ่อค้ารับซื้อควายมาขวางไว้ แกล้งถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“เมียข้อยถูกแย่งแหวนทองไป ข้อยตามเมียบ่พ้อเลยพ่อใหญ่”
“เซาๆๆ ใจเย็นๆเดี๋ยวข้อยซอยเจ้าเอง ข้อยกว้างขวางแถวนี่ ฮู้จักผู้ที่พอสิซอยเจ้าได้ ตามข้อยมา”
สีโหเดินตามเสือเปล่งไปโดยไม่ล่วงรู้เลยว่ากำลังถูกหลอกให้ไปตกหลุมพราง...
อีกฟากหนึ่งของตลาด จ่อย เฒ่าอ่วม เฒ่าเข่งและเฒ่าแต้มเดินตามหญิงขายบริการมาถึงโรงแรมสื่อสวาท–หาดสวรรค์ เธอเข้าไปรวมกลุ่มกับสาวคนอื่น สามผู้เฒ่ายืนลังเลไม่ยอมตาม ส่วนจ่อยกลัดมันมากจะเข้าไปหาพวกสาวๆให้ได้ เฒ่าแต้มต้องดึงคอเสื้อไว้ ขืนเข้าไปโดยไม่มีเงินคงไม่แคล้วโดนแมงดายันออกมา เฒ่าเข่งสงสารจ่อยมาก ตกลงใจจะช่วยให้เขาสมหวังจึงชวนให้เฒ่าอ่วมกับเฒ่าแต้มออกเงินค่าตัวหญิงสาวให้
“ก็ได้วะ สงเคราะห์มันหน่อย กลับไปมันสิได้มีเฮื่องไปโม้ว่ามันบ่แม่นบักจ่อยคนเก่าแล้ว” พูดจบเฒ่าอ่วมตบบ่าจ่อยให้เตรียมตัวพร้อมลุย
ooooooo
บัวเขียววิ่งตามสมุนมาถึงซอยเปลี่ยวแต่เขาหายตัวไป รู้สึกเสียดายแหวนทองของตัวเองมากจนน้ำตาไหล ตัดสินใจหันหลังจะกลับ เสือปรายกับสมุนคนนั้นเข้ามาขวางไว้ พร้อมกับชูแหวนขึ้นมายั่ว เธอสั่งให้เขาคืนแหวนมา เขาต่อรองหากอยากได้คืนต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“บักห่า ซุมเจ้าปล้นข้อยมาแล้วยังหน้าด้านขออีก ข้อยเตือนไว้เลย คืนมาดีๆอย่าให้ต้องมีเฮื่อง บ่จังซั่นนายฮ้อยข้อยบ่เอาซุมเจ้าไว้แน่”
เสือปรายหัวเราะชอบใจ นายฮ้อยที่บัวเขียวพูดถึงใช่นายฮ้อยเคนที่ผู้คนพากันเรียกว่านายฮ้อยทมิฬใช่ไหม บัวเขียวนิ่วหน้าแปลกใจรู้จักเขาด้วยหรือ เสือปรายรู้จักดีแล้วทำทีจะคืนแหวนทองให้ บัวเขียวหลงเชื่อขยับเข้าไปรับแหวน กลับถูกเสือปรายกระชากตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง เธอพยายามดิ้นหนีก็เลยถูกสมุนชกเข้าท้องน้อยลงไปจุกตัวงอสิ้นฤทธิ์...
กว่าสีโหจะรู้ตัวว่าถูกเสือเปล่งหลอกให้ไปติดกับในโรงสีแห่งหนึ่งก็เป็นตอนที่สมุนหิ้วปีกบัวเขียวที่สิ้นเรี่ยวแรงต่อสู้เข้ามา สีโหจะเข้าไปช่วยก็ถูกเสือเปล่งเอาด้ามปืนกระแทกหน้าหงาย สมุนเข้ามาล็อกตัวเขาไว้
“มึงฮู้ว่าซุมกูเป็นไผตอนนี่ก็บ่มีประโยชน์ดอก เอาไว้กูทยอยไล่จัดการซุมมึงทีละคนๆจนบ่เหลือไผไว้ซอยนายฮ้อยของมึงก่อนเถาะ ซุมมึงสิได้ฮู้จักความเป็นตาย่านของกูแน่นอน” เสือเปล่งหัวเราะชอบใจแล้วพยักพเยิดให้เสือปรายเอาตัวบัวเขียวออกไป เสือจอมหื่นแกล้งเชยคางเธอก่อนจะเลียแก้ม ทำให้สีโหแทบคลั่งดิ้นรนจะไปช่วยเมียรัก เสือเปล่งรำคาญอัดเขาสลบเหมือด...
ในเวลาต่อมา ที่โรงแรมสื่อสวาทหาดสวรรค์
จ่อยต้องผิดหวังเพราะเงินที่สามผู้เฒ่าช่วยกันลงขันหวังจะให้ตัวเองได้ขึ้นสวรรค์เป็นครั้งแรกต้องเป็นหมันเนื่องจากเงินไม่พอ เฒ่าอ่วมพยายามร้องขอความเห็นใจ กลับถูกแมงดาไล่ตะเพิดพร้อมกับชักมีดขู่ เสือเปล่งทำทีเข้ามาช่วยเหลือเอาเงินยื่นให้แม่เล้า
“ข้อยสิเป็นเจ้ามือให้ลูกน้องทัพควายนายฮ้อยทมิฬเอง”
แม่เล้าเห็นเงินก็ตาโต ขณะที่สามผู้เฒ่ากับจ่อยพากันยิ้มแก้มแทบปริด้วยความดีใจ ครู่ต่อมาเสือเปล่งพาจ่อยไปที่ห้องพักของโรงแรม มีหญิงบริการนุ่งน้อยห่มน้อยรอท่าอยู่ เสือเปล่งฝากให้หญิงสาวดูแลจ่อยด้วย เอาให้ถึงพระเดชพระคุณเลย เธอยิ้มรับก่อนจะดึงมือจ่อยเข้าห้องปิดประตูตามหลัง
ooooooo
ในขณะเดียวกัน นายฮ้อยเคนกับคำแก้วเดินมาเจอกันหลังจากแยกย้ายกันไปตามหาแสงโสมแต่ไม่มีวี่แวว เขาตั้งข้อสังเกตถ้าคำแก้วมั่นใจว่าเห็นแสงโสมจริงๆก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอรู้ตัวว่าเราอยู่แถวนี้ก็เลยชิงหนีไปแล้ว คำแก้วอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ คนเก่งแต่ปากอย่างเธออยู่คนเดียวเพียงลำพังจะรอดได้สักกี่วัน
“คั่นไปบ่รอดต้องอดๆอยากๆอีหลี เดี๋ยวก็คงซมซานตามทัพควายไปเองนั่นล่ะ ถึงเวลานั่นอ้ายสิให้เจ้าเป็นคนเบิ่งแยง ดัดสันดานแสงโสมเต็มที่”
“ข้อยนี่เบาะ...บ่เอาดอก บ่อยากประสาทแดกตายย่อนปากแสงโสม”
นายฮ้อยเคนหัวเราะขำ ก่อนจะมองไปรอบๆนึกเอะใจทำไมถึงไม่เจอพวกทัพควายเลยสักคน ตัดสินใจเดินไปสอบถามตามร้านค้าก็พบว่ามีพวกทัพควายมากินก๋วยเตี๋ยวแต่แยกย้ายกันไปนานแล้ว และถ้าจะไปเดินซื้อข้าวของ เราก็น่าจะเจอตัวบ้างแต่นี่ไม่เห็นใครสักคน หรือจะเกิดเรื่องกับพวกนั้น
“คั่นมีเฮื่องใหญ่เฮื่องโตอีหลีถามคนแถวนี่ก็คงฮู้แล้ว แต่ที่หาบ่พ้อข้อยว่าคงพากันไปสุมกันอยู่หม่องนั่นแน่”
“หม่องได๋” นายฮ้อยเคนทำเป็นไม่รู้เรื่อง คำแก้วหมั่นไส้หยิกแขนไปหนึ่งที ขอร้องอย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขานั่นเองที่อนุญาตให้พวกทัพควายไปเที่ยวซ่องได้ ป่านนี้คงสุมหัวกันกกผู้สาวปากแดงจนลืมเวลา เขาคิดคล้อยตามเธอว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็ขอให้เธอกลับไปที่พักแรมก่อนเพราะใกล้มืดแล้ว เขาจะไปตามพวกนั้นเอง
“แหมๆๆ ไล่ข้อยให้เมือทัพควายแล้วสิไปตามลูกน้อง ข้ออ้างบ่เนียนเลยอ้าย” คำแก้วหยิกเขาอีก นายฮ้อยเคนปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่ได้คิดจะไปทำอย่างที่เธอกล่าวหา แค่จะไปตามพวกนั้นเท่านั้น
“ก็ได้ อ้ายอยากไปก็ไปโลด แต่บอกไว้ก่อนคั่นไปแล้วอย่าได้เข้ามาใกล้ข้อยอีก” คำแก้วเดินเชิดหน้าออกไปอย่างงอนๆ นายฮ้อยเคนมองตาม ในใจนึกเป็นห่วงลูกน้อง แต่อีกใจหนึ่งกลัวเธอจะโกรธรีบตามไปง้อ...
สาวขายบริการมอมเหล้าจ่อยจนเมาหลับคอพับไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ เธอลองเขย่าตัวอีกครั้งเห็นเขาหลับสนิทเดินไปเปิดประตูห้องให้เสือปรายเข้ามาพร้อมกับสมุนนักเลง เสือปรายเห็นสภาพของจ่อยก็ยิ้มพอใจดึงหญิงสาวมาหอมแก้มแล้วยัดเงินใส่ร่องอก ก่อนจะพยักพเยิดให้สมุนเอาตัวจ่อยไป...
ขณะที่จ่อยถูกอุ้มหายไปทางด้านหลัง เสือเปล่งจัดการมอมเหล้าสามผู้เฒ่าอยู่ในห้องโถงของโรงแรม ครั้นทั้งสามคนเมาได้ที่ เสือเปล่งแอบพยักหน้าให้กับสมุนสองคนที่ทำทีนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆอย่างรู้กัน
“เดี๋ยวข้อยคงต้องขอตัวก่อนเด้อ ตาเฒ่ากินไปบ่ต้องห่วงเฮื่องสะตุ้งสตางค์ ข้อยสั่งให้ลงบัญชีข้อยไว้แล้ว”
“โอ๊ย ขอบคุณหลายเด้อ บ่เคยคึดว่าคนเมืองโคราชสิมีน้ำใจกับคนบ้านนอกคอกนาอย่างเฮาเลย”
“บ่เป็นหยังดอก คนอีสานคือกัน ต้องมีน้ำใจให้กัน ข้อยไปแล้วเด้อ” เสือเปล่งคล้อยหลังไปไม่นาน สมุนสองคนของเขาก็เริ่มหาเรื่องท้าตีท้าต่อยกับสามผู้เฒ่าตามแผนการที่วางไว้
ooooooo
จากนั้นไม่นาน เสือเปล่งมายืนหลบมุมอยู่กับสมุนดูผลงานของตัวเองอยู่หน้าโรงแรม เห็นตำรวจหลายนายกำลังใส่กุญแจมือสามผู้เฒ่า อ่วม เข่งและแต้ม นำตัวไปใส่รถตำรวจ เฒ่าแต้มซึ่งมีแผลแตกที่หัวพยายามขอร้องให้ตำรวจปล่อยตัวพวกตนไป จะได้ไปหาหมอทำแผล ตำรวจส่ายหน้า
“บ่ได้ เมาแล้วอาละวาดพังข้าวของ ได้ติดคุกกันเบิ่ดล่ะบาดหนิ...ไป”
เสือเปล่งที่แอบดูอยู่ยิ้มพอใจที่แผนตัดกำลังคนของนายฮ้อยเคนสำเร็จไปอีกขั้น...
ด้านสุบิน เฒ่าอ่ำและจันทาหนีไม่พ้นเงื้อมมือสองเสือพ่อลูกเช่นกัน เข้าไปเล่นพนันในบ่อนจนเงินหมด เสือปรายทำทีใจดีเสนอให้ยืมเงินไปเล่นพนันต่อ การพนันไม่เคยทำให้ใครรวย ทั้งสามเสียเงินที่เพิ่งยืมจากเสือปรายอีก ครั้นถูกทวงถามก็ไม่มีเงินจะใช้คืน จึงต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนโดยมีเสือปรายกับพวกนักเลงพร้อมอาวุธครบมือตามไล่ล่า เฒ่าอ่ำบอกให้สุบินกับจันทาถ่วงเวลาพวกนั้นไว้ก่อน ตนจะรีบไปตามนายฮ้อยเคนมาช่วย
“เซาโลดเฒ่าอ่ำ หนีมาเล่นพนันเบิ่ดโตจังซี้ นายฮ้อยบ่ซอยเฮาดอกมีแต่ไล่ตะเพิดย่อนว่าผิดกฎทัพควาย”
“บักสุบินเว่าถืก นายฮ้อยบ่เอาเฮาไว้แน่ มีแต่เฮาต้องเอาโตรอดเองให้ได้” จันทาว่าแล้วหยิบท่อนไม้ใกล้มือขึ้นมา สุบินเห็นดีด้วยคว้าท่อนไม้ขึ้นมาเหมือนกัน คุยอวดว่านักเลงแค่นี้ตนจัดการได้ พวกโจรเหล็กไหลยังกระทืบมาแล้ว จันทาขานรับเป็นปี่เป็นขลุ่ย เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือนายฮ้อยเคน พวกเราจัดการเองได้...
อุตส่าห์คุยอวดเอาไว้แต่สุบินกับจันทาทำได้ไม่สมกับราคาคุย โดนเสือปรายกับสมุนเล่นงานไม่กี่กระบวนท่าก็ถูกซัดลงไปหมอบหมดสภาพ แถมเฒ่าอ่ำยังโดนเสือปรายเอามีดสั้นแทงหน้าขาถึงกับร้องลั่นขู่ให้จันทากับสุบินหาเงินมาใช้หนี้ ไม่อย่างนั้นจะต้องทำตามที่ตนสั่ง ทั้งสามคนไม่มีใครกล้าหือ
“ดี กูตามจอบเบิ่งซุมมึงมาโดนแล้ว คนอย่างพวกมึงฆ่าตายไปก็เปล่าประโยชน์ มาเป็นพวกเดียวกับกูดีกว่า หนี้ที่ติดค้างกูสิยกให้เบิ่ด แล้วยังมีค่าจ้างงามๆให้หลายกว่าค่าควายของพวกมึงอีก”
ทั้งจันทา สุบินและเฒ่าอ่ำมองหน้ากันงงๆ เสือปรายต้องการอะไรกันแน่...
กว่านายฮ้อยเคนจะพาคำแก้วกลับมาถึงที่พักแรมตะวันตกดินไปแล้ว แต่ต้องแปลกใจที่พวกเข้าไปเที่ยวในเมืองยังไม่มีใครกลับมาสักคน คำแก้วตั้งข้อสังเกตคงจะติดลมอยู่กับพวกสาวๆปากแดงในโรงแรมนั่น
“แล้วสีโหกับบัวเขียวล่ะคำแก้ว สองคนนั่นคงบ่ได้ไปนำซุมนั่นอยู่แล้ว”
“อ้ายก็ คู่ข้าวใหม่ปลามันได้ไปเที่ยวทั้งที อ้ายสิให้ฟ้าวกลับมาได้จังได๋ล่ะ” คำแก้วมองโลกในแง่ดี นายฮ้อยเคนไม่เห็นผู้ช่วยโทนอยู่ช่วยผู้ช่วยถึกเฝ้ายามก็ถามหา ได้ความว่าเขาตามไปคุมความประพฤติของพวกเราที่ในเมือง คำแก้วเห็นว่าผู้ช่วยโทนไปด้วยก็ยิ่งไม่เป็นห่วง รับรองเขาจะต้องพาทุกคนกลับมาที่นี่ก่อนเที่ยงคืนตามกฎทัพควายแน่นอน นายฮ้อยเคนสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าอยู่แต่ที่เกวียนนี่ อย่าไปไสเด็ดขาด มืดค่ำแล้วคนหายไปหลายจังซี้ อ้ายต้องไปวางเวรยามให้แน่นหนากว่าเก่า...ไปซอยกันผู้ซอยถึก” สั่งเสร็จนายฮ้อยเคนจ้ำพรวดๆออกไปกับผู้ช่วยถึก
ooooooo
ผู้ช่วยโทนเริ่มจะเอะใจเช่นกันเมื่อเข้าไปตามหาพรรคพวกที่โรงแรมสื่อสวาทหาดสวรรค์กลับไม่เจอใคร แถมคนที่นั่นก็ไม่มีใครให้ความกระจ่างว่าพวกนั้นหายไปไหน ระหว่างที่กำลังบ่นให้บักมืดฟัง สุบินกับจันทาเดินเข้ามาหาในสภาพใบหน้ามีแต่รอยฟกช้ำ
“ทิดสุบิน ทิดจันทา พวกเจ้าไปเฮ็ดหยังมา”
สุบินอึกอักเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ช่วยโทน แต่คอยชำเลืองไปทางซอกหลืบไม่ไกลจากตรงนั้นนักซึ่งเป็นที่ที่เสือปรายเอามีดจ่อคอหอยคุมตัวเฒ่าอ่ำที่มีผ้าอุดปากไว้เป็นตัวประกันหากสุบินกับจันทาตุกติก บักมืดเห็นสุบินเงียบไปสะกิดถามว่ามีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลย แล้วนี่ใบหน้าของทั้งคู่ไปถูกเท้าใครมาถึงได้เป็นอย่างนี้ จันทากับพวกไปมีเรื่องที่บ่อนมาทั้งที่รู้ว่านายฮ้อยเคนห้ามเอาไว้แล้ว
“ข้อยขอขมาผู้ซอย ข้อยผิดไปแล้ว ต่อไปข้อยสิบ่เฮ็ดจังซี้ให้ผู้อื่นต้องเดือดฮ้อนนำ”
“ให้ผู้อื่นเดือดฮ้อน?...เจ้าหมายความว่าจังได๋”
“ก็...ก็ผู้อื่นเทิ้งเบิ่ดที่ผู้ซอยกำลังตามหาอยู่นั่นล่ะที่กำลังเดือดฮ้อนถูกจับตัวไป”
ทั้งบักมืดและผู้ช่วยโทนตกใจมากรีบตามสุบินกับจันทาไปยังโรงสีข้าวซึ่งใช้เป็นสถานที่กักขังพวกทัพควายโดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นกับดัก ครั้นล่อผู้ช่วยโทนกับบักมืดมาติดกับได้ แทนที่จันทากับสุบินจะได้รับการปล่อยตัวอย่างที่เสือปรายรับปากกลับถูกเอามีดจี้คอ นำตัวไปมัดรวมไว้กับสีโห เฒ่าอ่ำและจ่อย โดยที่แสงโสมกับบัวเขียวถูกมัดติดกันแยกไว้ต่างหากจากพวกผู้ชาย...
ตีหนึ่งแล้วพวกที่เข้าเมืองก็ยังไม่กลับ แม้นายฮ้อยเคนจะเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจส่งคนไปตามได้เพราะจะทำให้ทัพควายไม่มีคนดูแล ผู้ช่วยถึกอาสาจะไปให้เอง นายฮ้อยเคนไม่ยอมเสี่ยงให้เขาไปคนเดียว
“ในทัพควายตอนนี่ผู้ที่มีฝีมือพอให้ข้อยไว้ใจได้ก็เหลือเจ้าผู้เดียวเถาะนั่น คั่นคืนนี้ยังบ่มีไผกลับมา ฟ้าแจ้งเมื่อได๋ ข้อยสิไปตามเอง” นายฮ้อยเคนมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด...
ที่โรงสีข้าว สีโหซึ่งถูกมัดพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระจะได้ไปช่วยบัวเขียวที่ถูกจับไว้เช่นกัน เสือปรายเข้ามากับสมุนเห็นพอดี กระชากตัวเขาขึ้นมาดึงผ้าปิดปากออกตะคอกใส่หน้าคิดจะทำอะไรกันแน่
“กูขอแลกเงินเถาะได๋ก็ได้ตามที่มึงเรียกร้องกับชีวิตของผู้สาว”
“น้ำหน้าอย่างพวกมึงนี่เบาะสิไปหาเงินมาจากไส”
สีโหจะเอาควายไปขายแล้วเอาเงินมาให้ เสือปรายหัวร่อร่า เขาจะเอาควายที่ไหนมาขายในเมื่อตนกับพวกกำลังจะบุกไปปล้นควายของเขา แล้วชกเขาเลือดกบปาก สีโหไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆถีบสมุนจนทรุดก่อนจะเอาขารัดคอไว้ เสือปรายรำคาญที่เขาฤทธิ์มาก เอาด้ามปืนกระแทกหน้า ช่วยสมุนออกมาได้ทัน
“สงสัยกูต้องลากผู้สาวซุมมึงไปให้พ้นหูพ้นตา สิได้เซาอวดเก่งกันจักเถื่อ” เสือปรายว่าแล้วลากบัวเขียวกับแสงโสมออกไป ผู้ช่วยโทนกับสีโหได้แต่มองตามไม่สามารถจะทำอะไรได้...
เสือปรายกับสมุนพาบัวเขียวกับแสงโสมมาขังไว้ในห้องซึ่งอยู่ด้านในสุดของโรงสี แสงโสมดิ้นจนผ้ามัดปากหลุดด่าเสือปรายสาดเสียเทเสีย เขาไม่พอใจจะปล้ำเธอทำเมียให้รู้แล้วรู้รอดซุกไซ้ไปทั่วตัวอย่างหื่นกระหาย แสงโสมแค้นมากกัดคอเขาถึงกับร้องลั่นผลักเธอออก โดยไม่รู้ว่าเธอแอบขโมยมีดสั้นที่เหน็บเอวเขาไป
“อีแสงโสม มึงเฮ็ดกูเจ็บ มึงต้องเจ็บหลายกว่า” เสือปรายเงื้อมือจะตบสั่งสอนแต่เสือเปล่งเข้ามาห้ามเสียก่อน เสือปรายไม่พอใจจะเอาเรื่องแสงโสมให้ได้จะได้หลาบจำไม่กล้าหือกับตนเองอีก
“มึงมันหาเฮื่องเอง กูสั่งไว้ว่าจังได๋ งานใหญ่ยังบ่ทันแล้วอย่าฟ้าวมายุ่งกับมันจำได้บ่...คราวที่แล้วที่กูต้องเสียลูกน้องไปเบิ่ด ต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนก็ย่อนสันดานแบบนี่ของมึงนี่ล่ะ คั่นยังบ่ฟังกูอีกเถื่อนี่กูสิกุดหัวมึงกับมือกูเอง” เสือเปล่งเห็นลูกชายยอมถอย ก็เดินเข้าไปหาแสงโสมกับบัวเขียว “เซาบ่ต้องย่าน ข้อยสัญญาว่าสิบ่ให้ลูกชายข้อยมายุ่งกับซุมเจ้าอีก แต่ต้องตอบคำถามข้อยข้อนึงก่อน”
“คำถามอีหยัง”
“ข้อยได้ยินมาว่านายฮ้อยเคนมีสมบัติมีค่าอยู่ชิ้นหนึ่งเป็นของดีที่ไผก็อยากได้ พวกเจ้าฮู้บ่ว่าเป็นอีหยัง”
บัวเขียวส่ายหน้าไม่รู้ไม่เห็น แสงโสมกลับตอบอย่างฉะฉานว่าสมบัติมีค่าที่เสือเปล่งพูดถึงเป็นของดีที่คนชั่วไม่คู่ควร แม้แต่เธอเองก็เคยเจอของดีนั่นมาแล้วแต่กลับไม่เห็นคุณค่า เมินหน้าใส่จนต้องตกระกำลำบากเยี่ยงนี้ ของดีที่ว่านั่นก็คือความดีที่ไว้ปราบคนชั่วอย่างเขานั่นเอง เสือเปล่งโมโหตบเธอหน้าหัน
“ถ่าให้กูฆ่าซุมมึงให้เบิ่ดก่อนเถาะ แล้วกูสิถ่าเบิ่งว่าความดีนั่นสิซอยให้นายฮ้อยมึงรอดตายได้บ่”
ooooooo
นายฮ้อยเคนรู้ข่าวว่าสามผู้เฒ่า แต้ม เข่งและอ่วมถูกตำรวจจับ รีบชวนอาจารย์เม้ากับคำแก้วไปโรงพักเพื่อจะประกันตัว แต่ทำไม่ได้เพราะทางโรงแรมเรียกร้องค่าเสียหายที่ไปทะเลาะวิวาทจนข้าวของพัง เงินที่เขามีอยู่แค่พอประกันตัวเท่านั้นไม่พอจ่ายค่าเสียหาย
“นายฮ้อยซอยซุมข้อยแน อย่าถิ่มให้ข้อยต้องติดคุกหัวโตเลย ข้อยขอขมาที่บ่ฟังคำสั่งนายฮ้อย”
อาจารย์เม้าต่อว่าว่ามารู้สึกผิดตอนนี้ไม่สายเกินไปหรือ ตอนไปมีเรื่องทำไมไม่คิดให้ดีก่อน นายฮ้อยเคนรับปากจะไม่ยอมให้ทั้งสามคนติดคุกหัวโตแน่นอน จะหาทางเอาควายของทั้งสามคนไปขาย น่าจะได้เงินพอเอามาชดใช้ค่าเสียหาย เฒ่าแต้มถึงกับหน้าเสีย ถ้าอย่างนั้นพวกตนก็ต้องนอนในคุกไปก่อนหรือ
“ก็แม่นซั่นตั๊ว ขายควายพวกมึงบ่ได้ แล้วนายฮ้อยสิเอาเงินมาพาออกจากคุกได้จังได๋” คำพูดของอาจารย์เม้าทำเอาสามผู้เฒ่าถึงกับน้ำตาร่วง...
นอกจากสามผู้เฒ่าที่ถูกตำรวจจับ นายฮ้อยเคน คำแก้วและอาจารย์เม้าไม่รู้เลยว่าพวกที่เหลือหายไปไหนกันหมด อาจารย์เม้าตั้งข้อสังเกตว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะปกติที่มาเมืองโคราชไม่เคยเป็นแบบนี้
นายฮ้อยเคนโทษตัวเองที่ดูแลทุกคนไม่ทั่วถึง แต่เท่าที่ได้คุยกับสามผู้เฒ่ามีเรื่องแปลกเกิดขึ้น
“ซุมตาเฒ่าเว่าว่าคนที่เลี้ยงเหล้าแล้วออกเงินให้บักจ่อยให้ขึ้นห้องกับผู้สาวก่อนสิหายโตไปก็คือพ่อใหญ่ที่มาฮับซื้อควายกับอ้ายสีโหมื้อก่อน”
อาจารย์เม้าสงสัยว่าแปลกตรงไหน นายฮ้อยเคนเล่าว่าไม่มีพ่อค้ารับซื้อควายที่ไหนใจดีเลี้ยงทั้งเหล้าทั้งผู้สาวให้พวกค้าควายอย่างพวกเรา มีก็แต่จะคอยเอาเปรียบ
“แต่อ้ายมืดเว่าว่าเพิ่นมักที่อ้ายเป็นนายฮ้อยคนดีซอยเหลือผู้คนตลอดทางบ่แม่นบ่”
“คำเว่าหวานหูไผก็เว่าได้ ท่าทางเพิ่นต่างหากที่อ้ายบ่ไว้ใจตั้งแต่พ้อกันแล้ว ท่าทางเหมือนโจรหลายกว่าพ่อค้า” พูดถึงโจรขึ้นมาแล้วนายฮ้อยเคนรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล ชวนอาจารย์เม้ากับคำแก้วกลับไปที่ทัพควาย...
เป็นอย่างที่นายฮ้อยเคนหวั่นใจ เสือเปล่ง เสือปรายกับพวกบุกมาปล้นควาย ไล่ยิงชาวทัพควายต้องหนีกันจ้าละหวั่น ผู้ช่วยถึก บุญเพ็ง ทิดแสงและพวกที่เหลือต่อสู้อย่างสุดกำลังแต่พวกโจรมีมากกว่าทำให้เสียเปรียบ เสือปรายเห็นผู้ช่วยถึกมีฝีมือก็อยากจะลองของตรงเข้าไปต่อสู้ด้วย แม้ผู้ช่วยถึกจะหลบคมดาบของเสือปรายได้หลายครั้งแต่ก็มีครั้งหนึ่งหลบไม่พ้นถูกฟันแขนเลือดสาด ทิดแสงกับบุญเพ็งต้องเข้าไปประคอง
“ซุมเฮามีกันซำนี่ ฮับมือพวกมันบ่ไหวแล้วผู้ซอย ขืนสู้ต่อไปตายกันเบิ่ดแน่”
ผู้ช่วยถึกมองไปรอบๆตามคำพูดของทิดแสงเห็นชาวทัพควายถูกพวกโจรทำร้ายบาดเจ็บไปตามๆกันก็สั่งให้ถอย ชาวทัพควายไม่รอให้สั่งซ้ำ หนีตายเข้าไปในป่า เสือเปล่งหัวเราะชอบใจ
“บ่ต้องตามไป เหลือแต่พวกขี้ขลาดตาขาวเถาะนั่น ซำนี่เฮาก็ปล้นควายของนายฮ้อยทมิฬมาได้แล้ว”
ooooooo
จากนั้นไม่นาน นายฮ้อยเคน คำแก้วและอาจารย์เม้ากลับมาถึงที่พักแรมต้องตกใจเมื่อพบสภาพเกวียนที่ล้มระเนระนาด ข้าวของเครื่องใช้ถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไม่ต้องเดานายฮ้อยเคนก็รู้ทันทีว่าทัพควายถูกปล้น
“แล้วหมู่เฮาที่เหลืออยู่ล่ะหายไปไสกันเบิ่ด หรือว่าถูก...” อาจารย์เม้าพูดไม่ทันจบ มีเสียงดังขึ้น
“นายฮ้อย...นายฮ้อยซอยซุมเฮาแน”
ทุกคนหันมองตามเสียงเห็นทิดแสงประคองผู้ช่วยถึกออกมาจากป่าละเมาะโดยมีบุญเพ็งกับชาวทัพควายที่ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้าเดินตาม นายฮ้อยเคนรีบเข้าไปช่วยทิดแสงประคองผู้ช่วยถึกที่บาดเจ็บหนัก เขาขอโทษนายฮ้อยเคนด้วยที่ปกป้องทัพควายไม่ได้ พูดได้แค่นั้นเขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด นายฮ้อยเคนช่วยดูบาดแผลถูกฟันให้เห็นมีเลือดไหลก็เรียกให้คำแก้วเอาผ้ามาห้ามเลือด
“เลือดเจ้าไหลออกมาหลายจังซี้ ข้อยต้องฟ้าวเฮ็ดแผลให้เจ้าก่อน”
“บ่...บ่ต้องห่วงข้อยดอกนายฮ้อย ห่วงควายของหมู่เฮาดีกว่า ควายเทิ้งเบิ่ดของเฮาถูกโจรปล้นไปเบิ่ดแล้ว”
ทั้งทิดแสง บุญเพ็งต่างร้องห่มร้องไห้เสียใจที่ไม่สามารถปกป้องทั้งควายและทั้งทรัพย์สินไว้ได้
นายฮ้อยเคนขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ สั่งให้คำแก้วกับอาจารย์เม้าดูแลคนเจ็บที่นี่ก่อน อย่าให้ใครเป็นอะไรไปเด็ดขาด สั่งเสร็จเขากระโดดขึ้นม้าควบออกไปราวจะแข่งกับพายุ คำแก้วได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง...
นายฮ้อยเคนเร่งควบม้าไล่ตามพวกเสือเปล่งจนทัน ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ไม่ให้หนี เสือเปล่งกับพวกพากันชะงัก เขาตะโกนสั่งให้บอกมาว่าเป็นพวกไหนก๊กใดที่บังอาจมาปล้นควายของพวกตน
“ได้...มึงสิได้ท่องจำชื่อกูเอาไว้บอกยมบาลว่านายฮ้อยทมิฬที่เลื่องลือกันทั่วอีสานเสียท่าให้กู เสือเปล่ง”
“เสียท่าให้พ่อกู เสียทรัพย์สมบัติแล้วยังเสียผู้สาวของมึงให้กู เสือปรายลูกเสือเปล่งนำ”
นายฮ้อยหนุ่มเหมือนจะเคยได้ยินชื่อเสือเปล่งมาก่อน เสือชั่วคุยอวดว่าตนเคยเป็นลูกน้องของนายฮ้อยผีที่ฆ่าครอบครัวนายฮ้อยสิงห์พ่อของเขามาแล้ว นายฮ้อยเคนยิ่งแค้นเป็นเท่าทวีคูณลงจากหลังม้าตะลุยเข้าหา ทุกครั้งที่เขาย่างเท้าเกิดฝุ่นฟุ้งไปทั่วแถมลมพัดกระโชกราวกับจะมีพายุ ทำเอาพวกสมุนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่นายฮ้อยธรรมดา แต่เป็นนายฮ้อยทมิฬ
“บ่ต้องไปย่านมัน เฮามีปืนตั้งหลายกระบอกยิงพร้อมกันนี่ล่ะ มันสิสู้ลูกปืนได้ก็ให้มันฮู้ไป” เสือปรายพูดจบชักปืนขึ้นมากระหน่ำยิง พวกสมุนพากันยิงใส่นายฮ้อยเคนเช่นกัน ครั้นลูกกระสุนเข้าใกล้เป้าหมายกลับหยุดดื้อๆก่อนจะร่วงลงพื้น พวกสมุนพากันหน้าเสียที่กระสุนปืนทำอะไรเขาไม่ได้ บางส่วนถอยกรูด
“บ่ต้องไปย่านมัน ไผซอยกูฆ่ามันได้ กูสิแบ่งควายให้ร้อยโต” เสือเปล่งตะโกนลั่น พวกสมุนที่เห็นแก่ได้ชักมีดประจำกายขึ้นมาพร้อมตะลุยใส่ศัตรู...
ด้านคำแก้วเป็นห่วงนายฮ้อยเคนจนเผลอทำมีดบาดมือตัวเองขณะทำแผลให้พวกชาวทัพควาย ผู้ช่วยถึกที่ได้รับการทำแผลเรียบร้อยก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน ตัดสินใจคว้าดาบจะตามไปช่วย เธอทักท้วงผู้ช่วยถึกยังบาดเจ็บอยู่จะไปไหวหรือ เขาเจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย ถ้าแขนขาไม่ขาดก็ยังช่วยนายฮ้อยได้
ทิดแสงกับบุญเพ็งและชาวทัพควายทุกคนคว้าอาวุธเท่าที่จะหาได้ขอไปช่วยนายฮ้อยเคนเช่นกัน
ooooooo
เสือปรายไม่เชื่อว่านายฮ้อยทมิฬจะฆ่าไม่ตายควงดาบนำสมุนตะลุยเข้าหา นายฮ้อยเคนชักดาบออกจากฝักเข้าต่อกรด้วย พวกสมุนฝีมือด้อยกว่าถูกเล่นงานกระเด็นไปคนละทิศละทางกระทั่งเหลือแค่เสือปรายเท่านั้น นายฮ้อยเคนเล่นงานเขาจนล้มกลิ้ง ล้มหงายแต่ก็ไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆยังควงดาบเข้าใส่อีก
นายฮ้อยเคนเบี่ยงตัวหลบแล้วฟันดาบเข้ากลางหลัง เสือปรายทรุดเลือดสาดพยายามจะคลานไปหาพ่อ ให้ช่วย เขาตามไปเหยียบหลังเอาไว้ สั่งให้เสือเปล่งยอมแพ้คืนควายและทรัพย์สินแลกกับชีวิตเสือปราย
“บักนายฮ้อยทมิฬก็เอาสิวะ มึงสั่งกูบ่ได้ดอก คั่นมึงฆ่าลูกกู คนของมึงเทิ้งเบิ่ดที่ถูกจับโตไว้ กูสิกุดหัวพวกมันมากองรวมกันให้มึงเบิ่ง มึงอยากให้กูเริ่มจากหัวไผก่อนล่ะ อีแสงโสมหรือว่าสิเป็นบักสีโหหรืออีบัวเขียว”
“บักห่า ป๋าซุมกูแล้วกูสิไว้ชีวิตมึงพ่อลูก”
“ลูกกูคนเดียวกับชีวิตลูกน้องมึงแปดคน แล้วยังควายอีกหลายร้อยโต มึงกล้ามาต่อรองได้จังได๋วะ ตกลงมึงเป็นพ่อค้าอีหลีบ่” เสือเปล่งหัวเราะเยาะลั่น นายฮ้อยเคนเจ็บใจกระทืบไปที่หลังเสือปรายถึงกับร้องลั่น เสือเปล่งขู่ถ้าเขาฆ่าลูกของตน แสงโสมจะต้องตายเป็นคนแรก นายฮ้อยเคนไม่มีทางเลือกจำต้องปล่อยเสือปราย
“มึงคึดถืกแล้วที่แลกชีวิตคนกับชีวิตควาย ไว้กูขายควายเบิ่ดแล้วกูสิป๋าคนของมึงให้กลับไป เท่ากับว่ามึงกับกูจบการค้าที่ลงตัว” เสือเปล่งหัวเราะชอบใจ ระหว่างนั้นคำแก้วนำพวกทัพควายที่เหลือมาถึง
“อย่าป๋าให้มันหนีไปได้อ้ายเคน” คำแก้วยกหน้าไม้เล็งไปที่เสือปราย นายฮ้อยเคนร้องห้ามแต่ไม่ทัน เธอยิงลูกดอกใส่กลางหลังเสือปรายเสียก่อน เขาล้มฟุบลงในอ้อมแขนของพ่อพอดี เสือเปล่งแค้นมากชักปืนยิงตอบโต้ พวกทัพควายวิ่งหนีตายเข้าที่กำบังกันจ้าละหวั่น พวกสมุนที่เหลือพากันยิงใส่เพื่อเปิดทางหนี
สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เสือเปล่งประคองเสือปรายไปหลบหลังเกวียนซึ่งบรรจุดินระเบิดไว้เต็ม แล้วจุดสายชนวนก่อนจะพากันหนี นายฮ้อยเคนจะไล่ตามแต่หันไปเห็นไฟที่สายชนวนลามไปถึงไหใส่ระเบิดก็ตะโกนเตือนทุกคนให้หลบ พลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว นายฮ้อยเคนซึ่งอยู่ใกล้กับเกวียนบรรทุก กระเด็นไปตามแรงอัดของระเบิดถึงกับสลบเหมือด...
ในเวลาต่อมา เสือเปล่งประคองร่างอาบเลือดของเสือปรายกลับมาที่โรงสีข้าวซึ่งกักขังชาวทัพควายผู้ชายเอาไว้ พวกสมุนเห็นเข้าก็ตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสือปรายไปโดนอะไรมา
“บ่ต้องถาม บ่แม่นธุระของซุมมึง เฝ้าบักห่าซุมนี่ไว้ให้ดี ไผขัดขืนฆ่าได้เลย กูอนุญาต” สั่งเสร็จเสือเปล่งประคองเสือปรายเข้าไปด้านในโรงสี ผู้ช่วยโทนเห็นดังนั้นก็คิดหาทางหนี...
ด้านแสงโสมยังคงพยายามใช้มีดพกที่ฉกไปจากเสือปรายตัดเชือกที่มัดตัวเองแต่เชือกมัดแน่นมากทำให้ยากลำบากในการตัด ระหว่างนั้นเสือเปล่งประคองเสือปรายเข้ามา เธอจึงต้องหยุดตัดเชือกรีบเอามีดซ่อน เสือเปล่งฉีกเสื้อลูกชายออก พลิกดูด้านหลังเห็นมีแผลฉกรรจ์จากถูกฟันและถูกลูกดอกของคำแก้ว
“อีคำแก้ว อีห่าเอ๊ย มึงเฮ็ดลูกกู ถึงเวลากูเอาคืนได้เมื่อได๋กูสิเอาคืนมึงคนแรก” ด่าจบเสือเปล่งเอาเหล้ามาเทราดแผลเพื่อฆ่าเชื้อ เสือปรายร้องลั่น เสือเปล่งไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ บัวเขียวสบช่องร้องบอกให้เขาแก้มัด ตนจะช่วยเสือปรายเอง เขานิ่งคิดอยู่อึดใจก่อนจะตัดเชือกปล่อยบัวเขียวเป็นอิสระพร้อมกับเอาปืนจ่อหัว
“มึงอย่าคึดตุกติก บ่จังซั่นมึงเป็นศพแน่”
ooooooo
บัวเขียวหลอกล่อให้เสือเปล่งสนใจแต่ลูกชายที่บาดเจ็บเพื่อเปิดโอกาสให้แสงโสมเอามีดตัดเชือกมัดมือจนเป็นอิสระ เป็นจังหวะเดียวกับอาการของเสือปรายทรุดเริ่มชักกระตุกก่อนจะแน่นิ่งไป เสือเปล่งตกใจเอาหูแนบกับอกฟังเสียงหัวใจลูกชาย เปิดช่องให้แสงโสมย่องเข้ามาเอามีดแทงหัวไหล่
เสือเปล่งร้องลั่นกระชากมีดที่ปักคาออกหันไปตบแสงโสมหน้าหงายชักปืนจะยิงซ้ำ บัวเขียวพุ่งไปจับข้อมือยื้อแย่งปืนพลางร้องบอกให้แสงโสมหนีไปช่วยพวกผู้ชายไม่ต้องเป็นห่วงตน เธอรีบไปทำตามคำสั่ง
คล้อยหลังไม่นานมีเสียงปืนดังขึ้น สมุนได้ยินเสียงปืนจะตามมาดูก็ถูกแสงโสมเอาท่อนไม้ฟาดสลบเหมือด จากนั้นเธอเข้าไปช่วยแก้มัดให้พวกทัพควาย สีโหไม่เห็นบัวเขียวอยู่ด้วยก็ถามหา แสงโสมยังไม่ทันจะพูดอะไร เสือเปล่งประคองเสือปรายที่หมดสติออกมาจากห้องด้านในพร้อมกับลั่นกระสุนใส่
ผู้ช่วยโทนผลักแสงโสมพ้นวิถีกระสุนแต่ตัวเองกลับหลบไม่พ้นถูกยิงไหล่เลือดสาด สีโหคว้าปืนจากสมุนที่ทำตกพื้นยิงตอบโต้ เสือเปล่งเห็นท่าไม่ดีประคองลูกชายหนี แสงโสมลุกขึ้นมาได้รีบเอาผ้ามากดห้ามเลือดที่ไหล่ให้ผู้ช่วยโทน สีโหแก้มัดให้สุบินกับพวกเสร็จก็สั่งการทันที
“พวกเจ้าซอยผู้ซอยกับแสงโสมทางนี่ ข้อยสิไปตามหาบัวเขียว”...
ทางฝ่ายบัวเขียวถูกกระสุนที่ท้องเลือดไหลไม่หยุด รีบหาผ้ามาปิดแผลกระทั่งสีโหเข้ามาตามหา พอเห็นเธอก็ดีใจดึงตัวมากอดไว้ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงจึงโกหกว่าไม่เป็นอะไร
“อ้ายกับผู้อื่นล่ะ ปลอดภัยบ่”
“เฮาปลอดภัยกันแล้ว แต่ผู้ซอยโทนถืกยิง ส่วนเสือเปล่งมันพาลูกชายหนีไปได้” สีโหเหลือบเห็นเลือดที่ท้องบัวเขียวตกใจจะขอดูแผล เธอไม่ยอมให้ดู ปดว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแผลนิดเดียวเอง ถึงทัพควายเมื่อไหร่จะให้อาจารย์เม้าทำแผลให้ แล้วเร่งให้รีบหนีเดี๋ยวพวกโจรกลับมาจะยุ่ง สีโหไม่ได้เอะใจอะไรรีบพยุงเธอออกไป...
ทางฝ่ายนายฮ้อยเคนฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ก็ลุกพรวดจะเอาเรื่องคิดว่ายังต่อสู้อยู่กับเสือเปล่ง คำแก้วที่ดูแลเช็ดเนื้อตัวหน้าตาให้ต้องบอกให้เขาใจเย็นๆ เสือเปล่งกับพวกหนีไปแล้ว ชาวทัพควายปลอดภัยกันดี ควายที่ถูกปล้นก็ได้คืนมาครบทุกตัว แล้วถามเขาว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“อ้ายบ่เป็นหยังคำแก้ว เสือเปล่งมันบอกว่ามันได้โตแสงโสมกับหมู่เฮาที่หายโตไป เฮาต้องฟ้าวหาซุมนั่นให้พ้อ ก่อนที่มันสิลงมือฆ่าเบิ่ดทุกคน ย่อนสิแก้แค้นซุมเฮา” พูดจบนายฮ้อยเคนหันไปหยิบอาวุธ แต่ผู้ช่วยถึกเข้ามาแจ้งเสียก่อนว่าพวกเราที่หายตัวไปกลับมากันหมดแล้ว
ooooooo
ผู้ช่วยโทนที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน มีจ่อยกับบักมืดช่วยประคองเข้ามาพร้อมกับแสงโสม โดยมีสุบินกับจันทาช่วยกันพยุงเฒ่าอ่ำตามมา นายฮ้อยเคน คำแก้วและผู้ช่วยถึกเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงรอดชีวิตมาได้ ผู้ช่วยโทนเล่าว่าพวกตนช่วยกันเล่นงานพวกเสือเปล่งที่จับตัวพวกเราไป
“ลูกชายมันบาดเจ็บหนัก เลยเปิดโอกาสให้เฮาเล่นงานมันได้”
นายฮ้อยเคนเห็นแผลที่ไหล่ผู้ช่วยโทนก็ร้องถามว่าไปโดนอะไรมา แสงโสมชิงตอบคำถามแทนว่าเสือเปล่งจะยิงเธอแต่ผู้ช่วยโทนเอาตัวบังกระสุนให้ก็เลยโดนกระสุนเสียเอง นายฮ้อยเคนตรวจดูแผลของเขาแล้ว สั่งให้ผู้ช่วยถึกพาตัวไปให้อาจารย์เม้าช่วยรักษาแผลให้ คำแก้วไม่เห็นสีโหกับบัวเขียวกลับมาด้วยก็ถามหา
“ตามหลังมาพู้น บัวเขียวบาดเจ็บก็เลยช้ากว่าผู้อื่น” คำตอบของบักมืดทำให้คำแก้วไม่สบายใจชวนนายฮ้อยเคนตามไปดู เจอบัวเขียวทรุดอยู่กับพื้นโดยมีสีโหคอยประคองก็ตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“บัวเขียวบาดเจ็บมาแต่บ่ยอมให้อ้ายเบิ่งแผล อ้างแต่ว่าต้องฟ้าวหนีโจรบ่อยากเป็นภาระผู้อื่น”
“ขอข้อยเบิ่งแผลเจ้าแนบัวเขียว” นายฮ้อยเคนจะเปิดผ้าดูแผลที่ท้องแต่บัวเขียวจับมือเอาไว้
“นายฮ้อย...โจรซุมนั่น มันบาดเจ็บอยู่...ข้อยฮู้ว่ามัน...มันอยู่หม่องได๋ นายฮ้อยต้องฟ้าวไปจัดการมัน... มันจะได้บ่กล้า...มาเล่นงานเฮาอีก”
คำแก้วขอร้องให้บัวเขียวเลิกเป็นห่วงคนอื่น ให้ห่วงตัวเองบ้าง ตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้ว เธอถึงได้ยอมให้นายฮ้อยเคนดูแผลที่ท้อง เขาเห็นบาดแผลของเธอถึงกับอึ้ง...
ระหว่างที่สีโหรอให้นายฮ้อยเคนรักษาอาการบาดเจ็บให้บัวเขียว บักมืดที่เพิ่งรู้ว่าเธอเจ็บหนักก็เข้ามาต่อว่าว่าเธอเจ็บหนักตั้งแต่อยู่ในเมืองแล้วทำไมสีโหซึ่งเป็นคนดูแลเธอถึงไม่เอะใจอะไรบ้าง เขาอ้างว่าบัวเขียวไม่ยอมให้ดูบาดแผล ได้แต่บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก สั่งให้รีบกลับมาทัพควายเพื่อเตือนนายฮ้อยเคน
“บักห่าเอ๊ย มึงมันโง่หลาย มึงเป็นผัวบัวเขียวได้จังได๋ บ่ได้ฮู้จักนิสัยบัวเขียวเล้ย บัวเขียวห่วงแต่ผู้อื่น บ่เคยห่วงโตเอง ต่อให้เจ็บเจียนตายก็บ่เว่าออกมาจั๊กคำ ขอแค่ให้ผู้อื่นปลอดภัยก่อน เฮื่องแค่นี่ มึงบ่ฮู้ได้จังได๋วะ”
“กู...บ่ทันได้คึด กูแค่อยากให้ทุกคนรอด บ่อยากให้โจรเจ้าเล่ห์ซุมนั่นมันเล่นงานผู้อื่นอีก”
“บักห่า...ฮู้ตอนนี่มันก็สายไปแล้ว” บักมืดโมโหสุดขีดต่อยหน้าสีโหเลือดกบปาก คำแก้วเข้ามาเห็นรีบขวางไว้ โวยลั่นว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องตีกันเอง สีโหโทษตัวเองที่ดูแลบัวเขียวไม่ดีทำให้ต้องเจ็บหนัก คำแก้วเห็นเขาร้องไห้ก็สงสาร ปลอบว่าไม่ใช่ความผิดของเขา บักมืดโพล่งขึ้นอย่างเหลืออดจะไม่ใช่ได้อย่างไร
“เซาได้แล้วอ้ายมืด บ่มีไผอยากให้เป็นจังซี้ดอก สถานการณ์จังซั่นเป็นข้อยเป็นอ้ายสีโหก็ต้องเฮ็ดอย่างนั่น ย่อนว่าอยากปกป้องทัพควายเฮา” คำพูดของคำแก้วทำให้บัดมืดสำนึกผิดที่ทำรุนแรงกับเพื่อนรัก จึงเข้าไปพยุงเขาให้ลุกขึ้น ขอโทษที่ขาดสติ ตนแค่เป็นห่วงบัวเขียวก็เลยใส่อารมณ์มากไปหน่อย สีโหไม่ได้เป็นคนผิด พวกโจรต่างหากที่ผิด สีโหไม่ถือโทษโกรธอะไรบักมืดแล้วหันไปถามคำแก้วว่าบัวเขียวเป็นอย่างไรบ้าง
“ให้นายฮ้อยเป็นคนบอกอ้ายเองดีกว่า”
ooooooo
อาการของบัวเขียวเข้าขั้นวิฤกติเนื่องจากเสียเลือดมาก จะพาไปหาหมอในเมืองก็ไม่สามารถทำได้ นายฮ้อยเคนจึงสั่งให้จ่อยกับทิดแสงรีบไปตามหมอมาที่นี่ แต่กว่าจะมาถึงก็ต้องเป็นวันพรุ่งนี้
สีโหเห็นสีหน้าของเขาก็ใจคอไม่ดี “นายฮ้อยเฮ็ดหน้าจังซั่นหมายความว่าจังได๋”
“ข้อยอยากให้บัวเขียวอยู่กับเฮาไปโดนๆ แต่อาการตอนนี่คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมที่บัวเขียวเฮ็ดไว้”...
เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับนายฮ้อยเคน คำแก้วพยายามหลอกตัวเองว่าเขาคิดผิดเรื่องอาการบาดเจ็บของบัวเขียวใช่ไหม เขาเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แล้วหันไปปัดข้าวของใกล้มือระบายอารมณ์
“โธ่เว้ย คึดว่าหลังจากเบิดเฮื่องฮ้ายๆที่ต้องเสียจันแดงไปแล้ว เฮาสิเดินทางกันได้อย่างราบรื่น ได้ค้าควายได้เงินเมือบ้านไปพลิกผืนดินที่มันแห้งแล้งให้มีชีวิตอีกเถื่อ แต่ก็ต้องมาพ้อกับโจรเจ้าเล่ห์ ลูกน้องนายฮ้อยผีอีก ตอนนี่อ้ายบ่ฮู้แล้วว่าความเจ็บความตายที่เกิดขึ้นกับหมู่เฮาในทัพควายมันเป็นย่อนว่าการเดินทางที่ต้องพ้ออันตรายระหว่างเดินทางคือทัพควายอื่นๆ หรือย่อนว่าอดีตของอ้ายกำลังตามเล่นงานให้คนของหมู่เฮาต้องมารับเคราะห์ไปนำ” นายฮ้อยเคนพูดไปน้ำตาคลอไปด้วย คำแก้วเข้าไปกอดปลอบใจว่าอย่าโทษตัวเอง
“พวกมันตั้งใจปล้นคนบริสุทธิ์เอาเปรียบคนสุจริตตั้งใจทำมาหากินบ่แม่นทัพควายของอ้าย ทัพควายอื่นก็ต้องพ้อมันคือกัน อ้ายคือนายฮ้อยคนดี คอยซอยเหลือชาวบ้านให้พ้นจากความทุกข์ยาก มันก็บ่แปลกดอกที่อ้ายสิเป็นศัตรูกับโจรชั่ว คั่นบ่มีอ้ายจักคน หมู่เฮาก็คงเดือดฮ้อนมากกว่านี่หลาย”
“ขอบใจเจ้าหลายคำแก้ว” นายฮ้อยเคนกอดเธอตอบ ทั้งคู่มัวแต่คุยกันไม่ทันเห็นเฒ่าอ่ำแอบฟังอยู่...
ในเวลาไล่เลี่ยกัน แสงโสมมาแอบดูที่เกวียนของผู้ช่วยโทน เห็นเจ้าของเกวียนนั่งเอามือกุมแผลที่หัวไหล่ซึ่งได้รับการทำแผลเรียบร้อย ครั้นจะเอื้อมมือไปหยิบกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมาดื่มก็ยกมือไม่ขึ้น เธอเห็นดังนั้นเข้ามาช่วยหยิบให้ แล้วถามว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่าจะได้ไปหยิบมาให้ เขาไม่ตอบกลับเดินวนรอบตัวเธอ อยากจะดูว่าเธอถูกตีหัวมาหรือเปล่า ถึงได้ทำให้สันดานเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีน้ำใจรู้จักสนใจผู้อื่น
“อ้ายโทน ข้อยมีน้ำใจมาเบิ่งแยง ย่อนว่าอ้ายยอมเสี่ยงสละชีวิตซอยเหลือข้อย แต่คั่นอ้ายบ่อยากฮับข้อยไปก็ได้ เบิ่งแยงโตเองไปเถาะ”
“อ้ายเบิ่งแยงโตเองได้บ่ต้องห่วงดอก แฮงเกิดเฮื่องจังซี้ แฮงสอนให้อ้ายต้องระวังโตจากผู้หญิงอย่างเจ้า”
แสงโสมกำลังจะไปถึงกับชะงักหันมาถามอย่างเอาเรื่องพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ผู้ช่วยโทนรุกไล่เข้าหาจนเธอต้องถอยร่นพร้อมกับอธิบายให้ฟังว่าตอนที่ถูกโจรจับตัวไว้ เขาได้ยินพวกมันคุยกันว่าเธอเคยวางแผนจะให้พวกมันจับตัวเขา แสงโสมอึกอักไม่รู้จะหาคำแก้ตัวอย่างไร เขายังคงรุกไล่ไม่หยุด
“ความลับมันบ่มีในโลกดอกแสงโสม มันมีแต่ฮู้ช้าหรือฮู้เร็วเถาะนั่น ตอนที่อ้ายได้ยินซุมมันเว่ากัน อ้ายก็คึดว่าเป็นไปบ่ได้ ต่อให้ซังอ้ายหลายซำได๋ แต่
เจ้าก็บ่น่าสิหันไปฮ่วมมือกับโจรมาเฮ็ดฮ้ายนายฮ้อยเคนที่ดีกับเจ้า ซอยชีวิตเจ้ามาตลอด แต่อ้ายมาคึดดีๆแล้ว ท่าทางที่เสือปรายเทิ้งเฮ็ดเทิ้งเว่ากับเจ้า มันซอยยืนยันได้ว่าเจ้าฮ่วมมือกับโจรอีหลี” ผู้ช่วยโทนตะคอกใส่หน้า แสงโสมตกใจสะดุดขาตัวเองหกล้ม
“ข้อยขอขมา ข้อยก็แค่อยากสั่งสอนอ้ายผู้เดียวบ่ได้คึดว่าสิกลายเป็นเครื่องมือให้โจรหลอกใช้” แสงโสมคร่ำครวญทั้งน้ำตาก่อนจะวิ่งหนี ผู้ช่วยโทนเป็นห่วงรีบวิ่งตาม
ooooooo
ผู้ช่วยโทนเจอแสงโสมนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่เพียงลำพัง พอหันมาเห็นเขา เธอปาดน้ำตาทิ้งลุกพรวดขึ้นยืน
“อ้ายสิมาเอาโตข้อยไปให้นายฮ้อยแม่นบ่ จับโตข้อยไปเลย ข้อยสิบ่ขัดขืน ยอมฮับการลงโทษจากนายฮ้อย อยากตัดสินข้อยจังได๋ก็ได้ ข้อยยอมแล้ว” แสงโสมเห็นผู้ช่วยโทนยืนนิ่ง จัดแจงจะไปมอบตัวด้วยตัวเอง เขาคว้าแขนเธอไว้ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นในฐานะที่เขาเป็นผู้ช่วย ตอบคำถามมาก่อนแล้วเขาจะตัดสินเธอเอง
“เจ้าวางแผนกับเสือปรายคึดสิลากโตอ้ายไปอีหลีบ่”
แสงโสมยอมรับว่าเป็นความจริง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับเขาแม้แต่น้อย แค่อยากสั่งสอนให้เขาเลิกตอแยปล่อยเธอไปตามทางของเธอไม่ต้องมาตามหาอีก ผู้ช่วยโทนตัดพ้อนี่เกลียดขี้หน้าเขาขนาดนี้เลยหรือ เธอไม่ได้เกลียดชังอะไรเขาแค่อยู่ใกล้เขาไม่ได้เท่านั้น เขาสงสัยทำไมถึงอยู่ใกล้ไม่ได้ แสงโสมไม่กล้าตอบคำถามขยับจะเดินหนี เขารั้งตัวไว้ไม่ให้ไป คาดคั้นให้ตอบคำถามมาก่อน ทีแรกเธอไม่ยอมพูดอะไรแต่พอถูกรุกหนักจึงยอมเปิดปาก
“ตอบก็ได้ คั่นข้อยยอมแต่งงานกับอ้ายตามคำสั่ง อ้ายก็ต้องมากอดมาหอมข้อยทุกมื้อ พ้อจังซั่นเรื่อยๆข้อยก็ย่านว่ามื้อนึงข้อยสิเผลอใจฮักอ้ายเข้าให้อีหลี”
“หา...ว่าจังได๋นะ เจ้าย่านว่าความใกล้ชิดสิเฮ็ดให้เจ้าเผลอใจฮักอ้ายเข้าให้อีหลี จังซั่นก็หมายความว่าที่ผ่านมาเจ้าก็แอบฮักอ้ายอยู่แล้วแม่นบ่” ผู้ช่วยโทนเห็นแสงโสมเอาแต่หลบสายตาตะคอกใส่ให้ตอบคำถาม เธอเริ่มจะหัวเสียขึ้นมาบ้าง ผลักเขาออกห่างพลางตะคอกกลับ
“บ่ต้องตะคอกใส่หน้าแล้ว น้ำลายกระเด็นเต็มหน้าข้อยเบิ่ด ข้อยยอมฮับผิดทุกเฮื่อง ตอบทุกคำถามไปเบิ่ดแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่อ้ายนั่นล่ะ อยากไปฟ้องนายฮ้อยให้ตัดสินข้อยจังได๋ก็เฮื่องของอ้าย ข้อยสิบ่หนีไสอีก” ว่าแล้วแสงโสมเดินกระแทกเท้าปังๆๆออกไป ผู้ช่วยโทนมองตามยิ้มชอบใจ
“ผู้ฮ้ายปากแข็ง จักมื้อเถาะ สิจับให้มั่นเค้นให้ยอมฮับให้ได้”...
ขณะที่ผู้ช่วยโทนพอจะรู้เดาออกว่าแสงโสมรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง บัวเขียวรู้ตัวว่าคงจะไม่รอดจึงขอให้สีโหช่วยหยิบแหวนทองวงนั้นให้หน่อย พร้อมกับขอร้องให้เขาสวมให้
“ได้บัวเขียว อ้ายสิสวมแหวนให้เจ้าแล้วเจ้าต้องฮับปากว่าเจ้าสิอยู่กับอ้ายไปชั่วชีวิต ค้าควายเสร็จแล้วเฮาสิเมือบ้านไปเฮ็ดไร่เฮ็ดนา ต่อสู้กับความแห้งแล้งพลิกฟื้นผืนนาให้กลับมามีชีวิตนำกัน”
“ข้อย...ข้อยสัญญาเด้ออ้าย ข้อยบ่เคยมีบ้านเป็นหลักแหล่งมาก่อน สว่างแดนดินสิเป็นบ้านของข้อยตลอดไป” บัวเขียวน้ำตาไหลพรากรู้แก่ใจดีว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะอยู่รอดถึงวันพรุ่งนี้ สีโหบรรจงสวมแหวนให้ แล้วจูบหน้าผากเธอด้วยความรักสุดหัวใจ ขอให้เธออดทน อีกไม่นานหมอก็จะมาถึงแล้ว
“จ้ะอ้าย ข้อย...ข้อยมีเฮื่องอยากขอให้อ้ายซอยอีกเฮื่อง”...
เรื่องที่บัวเขียวขอร้องสีโหก็คืออยากจะร้องหมอลำให้ชาวทัพควายฟังเป็นครั้งสุดท้าย ตอบแทนที่ช่วยเหลือเธอไว้และจะได้เป็นขวัญเป็นกำลังใจให้ทุกคนหลังจากเจอกับเรื่องร้ายๆจะได้มีแรงเดินหน้าต่อสู้กันต่อไป
นายฮ้อยเคนเห็นสีหน้าที่พยายามกลั้นน้ำตาของสีโหก็พอจะเดาอะไรออกจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
“เอื้อย แต่สภาพตอนนี่บ่ควรลุกขึ้นมาเดินไป เดินมา กลับไปนอนพักถ่าหมอมาเถาะ”
“คำแก้ว ป๋าให้สีโหพาบัวเขียวไปเถาะ บัวเขียวบ่เป็นหยังแล้ว” นายฮ้อยเคนบีบไหล่คำแก้วให้ทำตาม
“มานำกันกับเอื้อยเถาะคำแก้ว ทุกข์ยากสิได้ถูกปัดเป่าออกไปจากทัพควาย” บัวเขียวฝืนยิ้มทั้งที่เจ็บหนัก
ooooooo
ลานดินกว้างกลางที่พักแรมของทัพควายถูกเนรมิตให้เป็นเวทีสำหรับวงหมอลำ ครั้นเสียงเพลงดังขึ้น บัวเขียวออกมาร้องและเซิ้งหมอลำ พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดไม่แสดงออกให้ใครเห็น ทุกคนในทัพควายออกมาเซิ้งตามเสียงเพลงกันอย่างสนุกสนาน คำแก้วกับแสงโสมยืนมองบัวเขียวด้วยความเป็นห่วง
“อ้ายเคน สิป๋าให้เอื้อยเฮ็ดจังซี้อีหลี ข้อยย่านว่า...” คำแก้วยังพูดไม่ทันจบ นายฮ้อยเคนชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“เบิ่งเถาะคำแก้ว นี่คือหัวใจของนักสู้ที่บ่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา หัวใจของนักสู้อีสาน”
บัวเขียวหันมายิ้มให้คำแก้วกับแสงโสม พลางกวักมือเรียกให้เข้ามาเซิ้งด้วยกัน คำแก้วถึงกับน้ำตาคลอเบ้าเข้าใจถึงหัวใจนักสู้ของบัวเขียว ฝืนยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปหา แสงโสมรู้สึกเช่นเดียวกันตามเข้าไปเซิ้งร่วมกับคำแก้ว บัวเขียวทนฝืนร้องหมอลําได้แค่ครึ่งเพลงก็เริ่มไม่ไหว คำแก้วกับแสงโสมเห็นอาการของเธอไม่ค่อยดีรีบเข้าไปประคองทำให้เธอมีแรงฮึดกลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง บักมืดมองอย่างใจคอไม่ดี
“บักสีโห กูว่ามึงไปห้ามให้บัวเขียวเซาเฮ็ดจังซี้เถาะ กูหลูโตนบัวเขียวหลาย”
“บัวเขียวขอฮ้องกูไว้ว่านี่คือการตอบแทนน้ำใจของชาวทัพควาย บ่ว่าสิเกิดหยังขึ้น ห้ามกูขวางเด็ดขาด”
อาจารย์เม้าเข้ามาแตะบ่าทั้งคู่พลางปลอบให้เข้มแข็งเข้าไว้อย่าให้บัวเขียวเสียความตั้งใจ บักมืดกับสีโหพยักหน้ารับคำ ปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะออกไปเซิ้งร่วมกับคนอื่น บัวเขียวทนต่อไปไม่ไหวค่อยๆถอยห่างจากทุกคน นายฮ้อยเคนรู้งาน เข้ามาประคองเอาไว้ เธอเสียใจที่ไม่อาจร้องหมอลำจนจบเพลงได้ เธอทำเต็มที่แล้ว
“ขอบใจเจ้าหลาย เจ้าเฮ็ดเพื่อหมู่เฮามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรสิได้พักผ่อนแล้ว” พูดจบนายฮ้อยเคนอุ้มบัวเขียวซึ่งอยู่ในสภาพอ่อนแรงเต็มทีออกไป คำแก้ว สีโหกับบักมืดและแสงโสมรีบเดินตาม นายฮ้อยเคนพาบัวเขียวมานอนที่แคร่ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าได้ยินเสือเปล่งคุยกับเสือปรายว่าจะหนีไปกบดานที่ชุมโจรบ้านคง
“ในฐานะที่ข้อยเป็นนายฮ้อยของเจ้า ข้อยสิเรียกร้องความยุติธรรมมาให้เจ้านำมือข้อยเอง”
คำแก้วกับแสงโสมเข้ามาล่ำลาบัวเขียวด้วยน้ำตานองหน้า เธอขอร้องสองสาวให้ลดทิฐิแล้วหันหน้าเข้าหากัน ทั้งคู่สัญญาจะทำตามที่เธอขอร้อง บัวเขียวดีใจที่สองสาวปรับความเข้าใจกันได้ จากนั้นสีโหกับบักมืดเข้าไปล่ำลาบัวเขียวเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ไม่กี่อึดใจถัดมา เธอก็จากไปอย่างสงบ ยังความเสียใจให้กับทุกคน
พิธีเผาศพบัวเขียวถูกจัดขึ้นในค่ำวันนั้นเลย ท่ามกลางความเสียใจของทุกคน โดยเฉพาะสีโหที่ร้องไห้ไม่หยุดเอาผ้าโพกหัวของบัวเขียวมากอด เอาแหวนทองของบัวเขียวมาร้อยเชือกเอาติดตัวไว้ดูต่างหน้า
ooooooo
นายฮ้อยเคนจะไม่ยอมให้บัวเขียวต้องตายเปล่า เตรียมอาวุธคู่กายพร้อมเสบียงและม้าออกเดินทางไปตามล่าตัวเสือสองพ่อลูกที่ชุมโจรบ้านคงตามที่บัวเขียวบอกไว้ก่อนตายโดยไม่บอกกล่าวใคร แม้แต่คำแก้ว ทำให้เธอเป็นห่วงที่อยู่ดีๆเขาหายตัวไป...
ที่ชุมโจรบ้านคง เสือเปล่งดูแลรักษาอาการบาดเจ็บของเสือปรายจนดีขึ้นเป็นลำดับ โดยไม่ลืมเตือนลูกชายทีหน้าทีหลังอย่าได้อวดเก่งไปสู้ซึ่งๆหน้ากับนายฮ้อยทมิฬ เพราะตนจะไม่อยู่ช่วยอีกแล้ว เสือปรายแค่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนฆ่านายฮ้อยทมิฬเพราะจะทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอีสาน เสือเปล่งขอให้เขาเลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว มีเพียงนายฮ้อยผีคนเดียวเท่านั้นที่จะฆ่ามันได้ แล้วสั่งให้เขาเก็บข้าวของเพื่อเดินทางต่อ
เสือปรายสงสัยจะรีบไปไหน เสือเปล่งจะพาเขาไปดงพญาเย็น ตอนนี้มีแต่นายฮ้อยผีเท่านั้นที่คุ้มครองเราสองคนพ่อลูกได้และอีกไม่นานนายฮ้อยทมิฬมันต้องออกตามหาเราแน่
จากนั้นไม่นานสองเสือพ่อลูกคว้าห่อผ้าใส่สัมภาระเดินออกจากกระท่อมที่พัก เจอเซียงหัวหน้าชุมโจรกับสมุนที่หน้ากระท่อม เสือเปล่งขอบใจเขามากที่ช่วยให้ที่พักพิง เราพ่อลูกคงจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้อีกแล้ว ทั้งตำรวจทั้งนายฮ้อยทมิฬกำลังตามล่าตัวอยู่จะพาลให้เซียงพลอยเดือดร้อนไปด้วย ระหว่างนั้นสมุนของเซียงเข้ามารายงานว่านายฮ้อยทมิฬเข้ามาในพื้นที่ของเราแล้ว แถมมาคนเดียวอีกต่างหาก
“มันช่างกล้าอีหลี เฮามีกันหลายพร้อมจัดการมันได้แน่”
“อย่าเสี่ยงดีกว่าบักเซียง ของดีที่มันพกติดโตจนนายฮ้อยผียังอยากได้คืออีหยังก็บ่ฮู้” เสือเปล่งเตือนด้วยความหวังดี แทนที่เซียงจะเกรงกลัวกลับชักดาบขึ้นมาชี้หน้าจะไม่ยอมปล่อยให้สองพ่อลูกไปไหนเด็ดขาด ต้องอยู่ช่วยตนจัดการนายฮ้อยทมิฬและชิงของดีที่นายฮ้อยผีอยากได้มาให้ตนก่อน เสือเปล่งถึงกับหน้าถอดสี
ooooooo
ครั้นนายฮ้อยเคนบุกมาถึงชุมโจร เซียงบังคับให้เสือเปล่งกับเสือปรายออกไปหลอกล่อเขาเพื่อให้ตนเองกับสมุนที่ซุ่มดูอยู่ใช้ลูกดอกจุ่มยางน่องซึ่งมีพิษร้ายแรงเล่นงานเขา เสือเปล่งกับเสือปรายเข้าไปต่อสู้กับนายฮ้อยเคนแต่สู้ไม่ได้ถูกอัดล้มกลิ้งล้มหงาย เซียงสบช่องยิงลูกดอกใส่แต่พลาดเป้าไปถูกเสือปรายแทน
“ฉิบหาย มันฮู้โตแล้ว พวกเราลุย” เซียงสั่งเสร็จชักดาบลุยเข้าหานายฮ้อยเคนโดยมีสมุนตามเข้ามาช่วย
นายฮ้อยเคนผลักเสือปรายพ้นทาง ตะลุยเข้าหาเซียงกับพวกอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่เสือปรายถูกยางน่องพยายามคลานหนีไปหาพ่อเพื่อขอให้ช่วยพาหนี เสือเปล่งเห็นสภาพลูกชายที่ดูท่าแล้วไม่น่าจะรอด เกรงจะเป็นตัวถ่วงตัดสินใจหนีเอาตัวรอดทิ้งให้ลูกชายนอนหายใจรวยริน
นายฮ้อยทมิฬเห็นดังนั้นก็รีบต่อสู้กับเซียงและพวกเพื่อจะตามไปเอาตัวเสือเปล่ง ในที่สุดก็จัดการพวกโจรได้ราบคาบ จากนั้นเร่งฝีเท้าตามล่าเสือเปล่งที่หนีกระเซอะ กระเซิงเข้าไปซ่อนตัวอยู่ใต้กองใบไม้ในป่า ครั้นเห็นนายฮ้อยเคนตามหาใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาคว้าตะกรุดที่ห้อยคอตัวเองขึ้นมาอธิษฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอย่าให้ต้องมาตายด้วยน้ำมือนายฮ้อยเคนเลย ถ้าตนรอดไปได้จะล้มควายสิบตัวถวาย
พลันมีเสียงร้องเรียกนายฮ้อยเคนดังขึ้น เขาหันขวับไปมองเห็นผู้ช่วยโทนเดินเข้ามาหา
“ตามหานายฮ้อยจนทั่วกว่าสิพ้อ เฮาเป็นห่วงกันแทบแย่” ผู้ช่วยโทนเห็นนายฮ้อยนิ่วหน้าสงสัย รีบอธิบาย “คำแก้วขอให้ข้อยกับผู้ซอยถึกแล้วก็ทิดสุบิน จันทาพากันมาตามหานายฮ้อย ย่านว่านายฮ้อยสิรับมือซุมโจรเจ้าเล่ห์อย่างเสือเปล่งบ่ได้ แต่พอข้อยไปพ้อผลงานนายฮ้อยที่ซุมโจรแล้วพวกข้อยเสียเวลาตามมาอีหลี คนเดียวกวาดเบิ่ด” ผู้ช่วยโทนมองนายฮ้อยเคนอย่างชื่นชมในฝีมือการต่อสู้ เขาพยักหน้ารับหันมองไปรอบๆ
“ไปเถาะ เสือเปล่งมันหนีไปแล้ว แต่เสือจนตรอกอย่างมันหนีไปบ่ได้ไกลดอก” ว่าแล้วนายฮ้อยเคนเดินนำผู้ช่วยโทนออกไป เสือเปล่งรอจนทุกอย่างเงียบจึงออกจากที่ซ่อน ยิ้มกริ่มที่ตัวเองปลอดภัย แต่ต้องชะงักเมื่อเจองูตัวเขื่องชูคอส่งเสียงขู่ เสือเปล่งพยายามไล่มันไปให้พ้นกลับถูกฉกเข้าที่แขนจมเขี้ยว...
ครู่ต่อมา นายฮ้อยเคนกลับมาถึงชุมโจรบ้านคงพร้อมกับผู้ช่วยโทน เห็นสุบินกับจันทากำลังช่วยกันซ้อม เสือปรายที่สภาพใกล้ตายก็เข้าไปผลักทั้งคู่อย่างแรงจนล้ม สุบินไม่พอใจฮึดฮัดใส่ เขาชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“คั่นอยากมีปัญหากับข้อย ไว้กลับไปทัพควายได้มีแน่”
ทั้งสุบินและจันทาเห็นท่าทางเอาจริงของนายฮ้อยเคนก็ไม่กล้าหือรีบถอยห่าง เสือปรายที่ใกล้ตายคลานเข้ามาเกาะขานายฮ้อยเคน ร้องขอให้ช่วยเอายาถอนพิษยางน่องมาให้แล้วตนจะบอกความลับเกี่ยวกับการตายของจันแดง ผู้ช่วยถึกถึงกับหูผึ่งซักเป็นการใหญ่ว่าความลับอะไร
เสือปรายจะบอกก็ต่อเมื่อนายฮ้อยเคนช่วยชีวิตตนแล้วเท่านั้น สุบินโวยวายอย่าไปไว้ชีวิตมัน นายฮ้อยเคนไม่สนใจหันไปสั่งการสองผู้ช่วย
“ในย่ามของข้อยมียาถอนพิษยางน่องอยู่ ส่วนซุมโจรนั่นให้ตำรวจมาเอาโตไป”...
ด้านเฒ่าอ่ำนำเรื่องที่แอบได้ยินนายฮ้อยเคนบ่นให้คำแก้วฟังว่าต้นเหตุที่ทัพควายต้องเจอกับเรื่องร้ายๆมาตลอดการเดินทางก็เป็นเพราะเขาให้สามผู้เฒ่าที่เพิ่งได้รับการประกันตัวกลับมาฟัง เฒ่าอ่วมต่อว่าเฒ่าอ่ำว่าพูดเกินไป ค้าควายแต่ละครั้งก็ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว
“แต่บ่คือกันกับเถื่อนี่ ที่ตายกันเป็นใบไม้ร่วง หรือเจ้าสิเถียง”
เฒ่าเข่งกับเฒ่าแต้มไม่เชื่อคำพูดของเฒ่าอ่ำเนื่องจากที่ผ่านมานายฮ้อยเคนคอยปกป้องพวกเรามาตลอดจะเป็นสาเหตุให้พวกเราล้มตายได้อย่างไร แล้วพากันเดินจากไป ทิ้งให้เฒ่าอ่ำหัวเสียที่ไม่มีใครเชื่อคำพูด...
ในเวลาต่อมา เสือปรายถูกนายฮ้อยเคนพากลับมารักษาตัวที่ทัพควาย หลังจากอาการดีขึ้น ผู้ช่วยถึกเอาน้ำสาดใส่หน้าเพื่อปลุกให้ฟื้นคืนสติ แสงโสมที่โกรธแค้นปรี่เข้าไปตบหน้าเสือปรายสองทีซ้อนโทษฐานหลอกลวง และที่คิดจะปล้ำตนเอง นายฮ้อยเคนเข้ามาจับมือห้ามไว้ขอร้องให้พอได้แล้ว
“นายฮ้อยอย่าห้ามข้อยเลย คนเจ้าเล่ห์อย่างมันข้อยบ่เชื่อดอก มันขี้ตั๊ว เอาการตายของเอื้อยจันแดงมาหลอกให้เฮาไว้ชีวิตมันหลายกว่า”
นายฮ้อยเคนเชื่อว่าถึงเสือปรายจะโกหกเรื่องการตายของจันแดงแต่ก็อาจมีประโยชน์ช่วยให้เราหาตัวเสือเปล่งที่หนีไปเจอ ผู้ช่วยโทนเข้าไปกระชากคอเสือปรายข่มขู่ถ้าคิดเจ้าเล่ห์กับพวกตนอีกตนเอาตายแน่
“ข้อยยอมเว่าแล้ว ข้อยบ่ได้ขี้ตั๊วเฮื่องจันแดงตายเพื่อเอาโตรอด แต่มันเป็นเรื่องจริงที่จันแดงบ่ได้จมน้ำตายเพราะอุบัติเหตุ ผู้ที่ฆ่าจันแดงก็คือ...” เสือปรายยังไม่ทันจะพูดจบประโยค สีโหที่เมากรึ่มปรี่เข้ามาจ่อยิงเขาฐานเป็นต้นเหตุให้บัวเขียวต้องตาย ผู้ช่วยโทนรีบเข้าไปล็อกตัวสีโหไว้ นายฮ้อยเคนปราดไปหาเสือปรายที่กำลังจะตาย สั่งให้บอกมาว่าใครเป็นคนฆ่าจันแดง
“ผู้...ที่ฆ่า...จันแดงก็คือ...เสือคำแสน...มันกำลังฝึกวิชาอาคมอยู่กับ...นายฮ้อยผี...ที่ดงพญาเย็น เพื่อ...เตรียมโตตามล่า...ฆ่านายฮ้อยทมิฬกับพวก...ให้ตายเบิ่ดทุกคน” พูดได้แค่นั้นเสือปรายก็สิ้นใจตาย เฒ่าอ่ำ สุบิน กับจันทาที่แอบดูอยู่ถึงกับตะลึง
ooooooo










