ตอนที่ 12
ชุติภารู้สึกอดสูยิ่งนักที่ให้พิมภาเสียสละชีวิตแทน พยายามสะบัดตัวให้หลุดแต่มินท์ไม่ยอมกอดไว้แน่น พิมภาหลับตาช้าๆยอมรับชะตากรรม น้ำตาไหลรินเพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้พบฤชวีอีก การะเกตุจ้องหญิงสาวศัตรูหัวใจคนสำคัญแล้วแขวะด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“รู้ไหมว่าแกพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง อะไรที่ฉันไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ และฉันจะทำลายมันให้หมด”
การะเกตุเหนี่ยวไกปืน พิมภาเตรียมใจรับสภาพแต่กลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนเลยตัดสินใจลืมตา เห็นการะเกตุถูกยิงเฉียดแขนข้างที่ถือปืนเสียหลักล้มลง หญิงสาวมองซ้ายขวาเลิ่กลั่กแล้วดีใจสุดขีด ฤชวีวิ่งหน้าตื่นมาหาและเช็กอาการเธอด้วยความเป็นห่วง น้ำตาที่กักเก็บไว้พรั่งพรูอย่างสุดกลั้น ดีใจที่เขามาช่วย
ชุติภากับมินท์เห็นฤชวีก็ผละจากที่ซ่อน ถลามา กอดด้วยความดีใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจตามมารวบตัวสินีนาฏ กับลูกสมุนของการะเกตุ ภาณุวัฒน์กับภัทรพลวิ่งมาสมทบและช่วยฤชวีโกยดินออกจากตัวพิมภา การะเกตุยืนกุมแขนที่บาดเจ็บ มองเหตุการณ์ตรงหน้าที่กลับตาลปัตรด้วยความแค้นใจ ขยับไปล็อกคอมินท์ เอาปืนจ่อแล้วลากออกไป ทุกคนมองหน้ากันเครียดๆ ไม่กล้าผลีผลามเพราะกลัวมินท์เป็นอันตราย
มินท์พยายามตั้งสติหาทางเอาตัวรอด แกล้งยอมขึ้นรถแล้วตีศอกใส่หน้าการะเกตุก่อนวิ่งหนี ฤชวี ภัทรพล และเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาช่วย การะเกตุโกรธมากแต่เห็นว่าเสียเปรียบเลยขับรถหนี เจ้าหน้าที่โทร.เรียกกำลังเสริมให้ดักจับ ส่วนฤชวีกับภัทรพลวิ่งกลับไปหาพิมภาและชุติภาเพื่อพาทั้งสองไปโรงพยาบาล
พิมภารู้สึกตัวอีกครั้งในช่วงดึกของคืนนั้น เห็นทุกคนในครอบครัวเฝ้าอาการเธอด้วยความเป็นห่วงก็ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล ถามถึงชุติภาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฤชวีเข้ามาเยี่ยมพอดีเลยรายงานแทนว่าปลอดภัยดี มีมินท์คอยดูแลอยู่ พิมภาเบาใจ ยอมทานอาหารและพักผ่อนอย่างเต็มที่ ฤชวีเห็นพ่อตาแม่ยายอ่อนเพลียจึงอาสา
ผลัดเวรดูแลหญิงสาว ภัทรพลไม่ขัด ชวนพ่อแม่กลับไปอาบน้ำที่บ้าน ฤชวีขยับมานั่งเฝ้าพิมภา ไล้นิ้วที่แก้มของเธอเบาๆด้วยความรัก
ขณะที่สถานการณ์ครอบครัวพิมภาเป็นไปได้ด้วยดี...การะเกตุซมซานหนีไปจนถึงเซฟเฮาส์แต่เข้าไปไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้า หญิงสาวสบถอย่างหยาบคายแล้วตัดสินใจหนี แค้นใจพิมภากับฤชวีมากที่ทำให้สินีนาฏโดนจับและเธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้...
ooooooo
พิมภารู้สึกตัวขึ้นกลางดึก เห็นฤชวีเป็นคนเฝ้าก็โถมตัวไปซบอกอย่างสุขใจ ปลื้มไม่หายที่เขาตามไปช่วยและคอยดูแลไม่ห่าง ขอร้องให้พาไปเยี่ยมชุติภาเพราะอยากเห็นด้วยตาว่าคุณย่าสบายดี ฤชวีไม่อยากขัดเลยพาไป ชุติภามองหลานสะใภ้ใจเด็ดหน้านิ่ง แล้วบอกให้ฤชวีพามาใกล้ๆ จับมือหญิงสาวแล้วพูดด้วยอย่างอ่อนโยน
“เจ็บมากไหม ขอบใจหนูพิมมากนะที่ช่วยย่ากับยายมินท์ไว้ หนูยอมเสี่ยงตายเพื่อย่า ทั้งที่ย่ากีดกันหนูกับตาต้น แถมยังทำให้หนูเจ็บช้ำหลายครั้ง ย่าละอายใจกับหนูจริงๆ”
“พิมเองก็เคยทำกิริยาไม่ดี พูดจาล่วงเกินคุณย่า พิมกราบขอโทษค่ะ อภัยให้พิมนะคะคุณย่า”
“ย่าคงแก่แล้วจริงๆ ถึงได้โง่โดนสองยายหลานนั่นถอนหงอก บงการลูกหลานให้ต้องวุ่นวายจนเกือบตาย”
ชุติภาลูบศีรษะพิมภาเบาๆ ถอนใจให้กับความรู้สึกผิดที่อัดอั้นเต็มอก ฤชวีขยับไปใกล้แล้วปลอบว่าตนกับมินท์ไม่เคยโกรธเพราะเข้าใจถึงความหวังดี ชุติภาปลื้มที่หลานเข้าใจ หันไปขอโอกาสกับพิมภา
“หนูพิม...ให้โอกาสย่าได้ไหม ให้ย่าได้อุ้มหลานของหนูกับตาต้น”
พิมภาอึ้ง เขินจัดที่โดนจู่โจม ฤชวีกับมินท์ถลันไปกอดย่าด้วยความดีใจ ชุติภาจับมือฤชวีแล้วมองพิมภา
“ตาต้นเหมือนปู่เขาทุกอย่างทั้งหน้าตาและนิสัย... ย่าถึงรักเขามาก ย่าเห็นหนูครั้งแรกก็รู้เลยว่าไม่กลัวใคร ชอบความท้าทาย นั่นหมายความว่าชีวิตหนูคืองาน...ถูกไหม เพราะแบบนี้ ย่าถึงกีดกันหนูกับตาต้น”
ฤชวีมองหน้ามินท์อย่างรู้กัน เข้าใจความรู้สึกของย่า แต่พิมภาไม่เข้าใจ ชุติภาเลยอธิบายด้วยน้ำเสียงปรานี
“กว่าย่าจะมีวันนี้ ย่าทุ่มเททำงานจนละเลยคุณปู่ที่ล้มป่วย นอนรักษาตัวตามลำพังในโรงพยาบาลก่อนสิ้นลม ปู่ขอให้ย่ามาหาแต่ย่าก็ติดงานจนปู่ต้องจากไปอย่างเดียวดาย ย่ารู้สึกผิดกับปู่มาก”
“พิมสัญญาค่ะ ว่าจะดูแลคุณต้นเป็นอย่างดี”
“ย่าเชื่อ ดูจากที่หนูช่วย...ย่าก็รู้ว่าหนูทำเพื่อตาต้นใช่ไหม”
“ก็คุณย่าเป็นคนที่คุณต้นเคารพรัก พิมก็ต้องเคารพและรักคุณย่าของ...”
“สามีใช่ไหมครับ”
ฤชวีเย้ายิ้มๆจนพิมภาเขินทำหน้าไม่ถูก ชายหนุ่มปลื้ม ขยับไปหอมแก้มเธอด้วยความเอ็นดู พิมภาตกใจหยิกเขาแต่ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้าน จู่โจมหอมอีกข้างด้วยความหมั่นเขี้ยว มินท์ยิ้มหน้าบาน แซวพี่ชายไม่ขาดปากที่เปลี่ยนไปกรุ้มกริ่มขึ้นจนน่าหมั่นไส้ ชุติภามองภาพตรงหน้าด้วยแววตามีความสุข...ดีใจที่ทุกอย่างลงตัวสักที
ฤชวีพาพิมภากลับห้องหลังจากนั้นไม่นาน พิมภานอนบนเตียงแล้วเพิ่งสังเกตเห็นว่าแหวนของเล่นหาย ฤชวีเห็นท่าทางกระวนกระวายก็ปลื้ม ชูแหวนในมือแล้วอธิบายเสียงอ่อน
“มันเลอะดินน่ะครับ ผมเลยเอามาเก็บไว้ก่อน แต่ตอนนี้ผมคงต้องส่งคืนเจ้าของแล้ว”
ฤชวีสวมแหวนคืนให้ พิมภาจับมือเขามากุมแก้มแล้วส่งสายตาอ้อนๆ ฤชวีอดไม่ได้ ขยับไปนั่งบนเตียงแล้วกอดเธอไว้แนบอก พิมภากอดเขาแน่นแล้วตัดสินใจพูดความในใจ
“ฉันดีใจที่รอดมา ตอนที่อยู่ในหลุมนั่น ฉันกลัวว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก”
“ผมกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าจะไปไม่ทัน”
“ฉันคิดว่าจะตายซะแล้ว ถ้าฉันตาย...”
ฤชวีจับคางพิมภาแล้วใช้นิ้วโป้งแตะริมฝีปากเธอเบาๆไม่ให้พูด สัญญาหนักแน่นว่าจะไม่ยอมให้เธอเป็นอันตรายอีก พิมภาบอกว่าเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าเขาจะดูแลเธอได้ ฤชวีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าภรรยากำมะลอจะพูดง่ายกว่าที่เคย พิมภาจ้องหน้าเขานิ่งแล้วพูดเสียงนุ่มแต่จริงจัง
“ฉันไว้ใจคุณ ที่ผ่านมาคุณทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีวันโกหกฉันเหมือนพี่เอก คุณจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ”
ฤชวีพูดไม่ออก รู้สึกผิดที่ต้องปิดบังความจริงบางอย่าง พิมภาหลับแล้วทั้งๆที่ยังซบบนอกเขา ฤชวีหอม
หน้าผากและบอกรักเบาๆ สวมกอดเธอไว้แน่นแต่สีหน้ากังวลใจ...กลัวเหลือเกินว่าเธอจะรับไม่ได้เมื่อรู้ความจริง
ooooooo
ครอบครัวพิมภากลับมาที่โรงพยาบาลในช่วงเช้า พูดคุยกันอย่างออกรสเรื่องชุติภาโทร.เรียกให้เข้าไปคุยด้วยที่ห้อง ภัทรพลเชื่อว่าเป็นเรื่องฤชวีกับพิมภาแน่เพราะมินท์แอบโทร.มารายงานก่อนหน้านี้แล้ว
“ภัทรว่าไอ้พิมอยู่ในกำมือคุณต้นแน่นอน ดีนะที่พ่อแม่ดึงคุณต้นมาเป็นพวก ไอ้พิมจะได้โดนปราบพยศบ้าง”
“นี่ถ้ายายพิมรู้ว่าถูกย้อนแผนเรื่องสามีหลอกๆ ยายพิมคง...”
“หน้ามันก็เสียทรงจนคุมตัวเองไม่ได้เพราะเสียฟอร์มน่ะสิพ่อ”
“ถึงเวลานั้นอย่าล้อน้องนะตาภัทร แต่ต้องย้ำให้หนัก อายหน่อยแต่แม่ว่าจำชัวร์”
สามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข เชื่อมั่นว่าเรื่องทุกอย่างต้องคลี่คลายด้วยดี ไม่รู้เลยว่าเรื่องที่พูดกันทั้งหมด ตรีวิญที่มาเยี่ยมพิมภาได้ยินทุกอย่าง มองตามครอบครัวพิมภาด้วยแววตาของคนมีแผน
เวลาเดียวกัน...ฤชวีรับสายมินท์ที่โทร.บอกให้มาที่ห้องชุติภาเพราะครอบครัวพิมภาจะมาคุยด้วยเรื่องระหว่างเขากับหญิงสาว ฤชวีรับปากแล้วกดวางสาย บอกลาพิมภาที่ยังหลับสนิทยิ้มๆแล้วรีบออกไป
สาเหตุที่ชุติภาเรียกครอบครัวพิมภากับฤชวีให้มาเจอพร้อมหน้ากัน เพราะต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังการแต่งงานแบบหลอกๆ แถมยังขู่ว่าห้ามปิดบังอะไรอีกเพราะจะโกรธมาก ฤชวีมองไปทางครอบครัวพิมภาเจื่อนๆแล้วตัดสินใจเล่ารายละเอียดทุกอย่าง ชุติภาฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วนิ่งไปนานก่อนพูดขึ้นช้าๆ
“โบราณเขาว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ วันนี้ฉันรู้เช่นเห็นชาติครอบครัวหนูพิมแล้ว...ว่าร้ายถูกใจฉันจริงๆ เด็กสมัยนี้มันต้องโดนแรงๆแบบนี้ถึงจะเข็ด ดีก็ไม่พอใจ ตำหนิก็ต่อต้าน เหมือนหลานๆฉัน แต่ละคนดื้อด้านนัก”
ฤชวีกับมินท์ถอนหายใจโล่งอก ครอบครัวพิมภายิ้มให้กันอย่างดีใจ ภัทรพลถือโอกาสถามเพื่อความชัวร์
“แบบนี้แสดงว่าคุณย่ายกโทษให้น้องสาวผมแล้วใช่ไหมครับ”
“ที่ฉันเรียกพวกคุณมาวันนี้ เพราะฉันอยากปรึกษาเรื่องของตาต้นกับพิมภา ไหนๆทุกคนก็เข้าใจว่าตาต้นกับหนูพิมเป็นสามีภรรยากันแล้ว เราก็ทำให้เรื่องจัดฉากครั้งนี้กลายเป็นเรื่องจริงเลยดีไหม”
“คุณย่าพูดจริงๆเหรอคะ” มินท์ถามเพื่อความแน่ใจ
“จริงสิ...ฉันจะจัดงานแต่งให้เป็นงานใหญ่แห่งปีเลย หลานชายคนโตของวงศ์บริบูรณ์แต่งทั้งที แขกไม่ถึงพันฉันไม่ยอม เรื่องสินสอดไม่อั้น รีสอร์ตสามแห่ง ที่ดิน เงินสด เครื่องเพชร ฉันจัดเต็ม!”
ฤชวีดีใจมากที่ย่ายอมเปิดใจ ครอบครัวพิมภาขอขมา ที่เคยล่วงเกิน ชุติภาไม่ถือสาแต่ดักคอว่าอย่ามีครั้งหน้าคะยั้นคะยอให้เล่าวิธีดัดนิสัยหญิงสาวหัวดื้ออย่างพิมภาโดยละเอียด ภัทรพลยิ้มหน้าบานแล้วอาสาเล่าให้ฟัง...เพราะเชื่อว่าไม่มีใครรู้ดีเท่าจอมแผนการอย่างเขาอีกแล้ว
ooooooo
พิมภาตื่นมาไม่เห็นใคร พยายามขยับตัวไปหยิบน้ำ แล้วได้ยินเสียงเปิดประตู ตรีวิญเดินยิ้มกริ่มมารินน้ำส่งให้ พิมภารับไว้ด้วยสีหน้าเจื่อนๆเพราะอึดอัดที่ต้องอยู่ลำพังกับเจ้านายหนุ่ม ตรีวิญอาสาพาเธอไปหาครอบครัวที่ห้องชุติภา ช่วยประคองให้ลุกและลอบมองแหวนบนมือเธอด้วยแววตามีเลศนัย
เวลาเดียวกัน...ลัลนากับนันทิกานต์มุ่งหน้าไปเยี่ยมชุติภาเพราะอยากรู้เรื่องที่คุณย่าจอมบงการเจรจาเรื่องพิมภากับฤชวี สองสาวพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดีเพราะคิดว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายด้วยดีแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นพิมภากับตรีวิญยืนนิ่งที่หน้าห้องชุติภา ได้ยินเสียงภัทรพลเม้าท์เรื่องแผนดัดนิสัยพิมภาให้ชุติภาฟังอย่างเมามันส์
“พอพ่อกับแม่รู้ความจริง คุณต้นก็จะขอยกเลิกการเป็นสามีของยายพิม แต่พ่อกับแม่บังคับให้คุณต้นเป็นสามีกำมะลอต่อ ยายพิมคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด ไม่ได้รู้เลยว่าโดนพวกเรากับคุณต้นหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“จนป่านนี้หนูพิมยังไม่รู้อีกหรือว่าโดนพวกคุณหลอก”
“พี่พิมฉลาดออก ไม่น่าจะโดนหลอกได้เลยนะคะ” มินท์อดให้ความเห็นไม่ได้
“ก็ต้องยกความดีความชอบให้คุณต้นล่ะครับ รายนี้เล่นเนียนที่สุด ปั่นจนยายพิมอยู่ในกำมือเลยทีเดียว”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยครับ”
ฤชวีแย้งขึ้นจ๋อยๆ รู้สึกผิดกับพิมภาอย่างจริงจัง แต่ครอบครัวพิมภา ชุติภาและมินท์ไม่ทันสังเกตเพราะมัวหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน ชุติภาถามต่อว่าเมื่อไหร่พิมภาจะสารภาพความจริง ภัทรพลบอกว่าคงอีกไม่นานแต่ทุกคนต้องทำเป็นไม่เคยได้ยินเรื่องทั้งหมด ทุกคนยกเว้นฤชวีส่งเสียงเม้าท์กันเสียงดัง ไม่รู้เลยว่าพิมภายืนอึ้งอยู่หน้าห้อง เสียใจที่สุดที่โดนครอบครัวและสามีกำมะลอที่รักหักหลังอย่างเลือดเย็น
นันทิกานต์กับลัลนามองหน้ากันเครียดๆอยู่ด้านหลังพิมภากับตรีวิญ ลัลนาตัดสินใจโทร.บอกภัทรพลว่าพิมภายืนอยู่หน้าห้องและได้ยินเรื่องทุกอย่าง ฤชวีถลันไปเปิดประตู เห็นพิมภายืนน้ำตาไหลพราก กำมือแน่นอย่างโกรธจัด ทุกคนลุ้นว่าพิมภาจะพูดอะไรแต่หญิงสาวกลับเงียบแล้ววิ่งออกไป ฤชวีกับตรีวิญรีบตาม ภัทรพลบอกทุกคนที่เหลือว่าน้องสาวนิ่งเป็นภูเขาน้ำแข็งแบบนี้แปลว่าเดือดถึงขีดสุด แล้วชวนพ่อกับแม่ไปดูเหตุการณ์
พิมภาวิ่งออกมาที่ด้านนอกโรงพยาบาล ฤชวีตามมาคว้าแขนไว้แล้วตั้งท่าจะอธิบาย พิมภาสะบัดตัวออกแล้วแผดเสียงใส่หน้าเขาด้วยความโมโห
“ฉันไม่ฟัง! พอกันที ฉันคิดว่าคุณช่วยเพราะเข้าใจ แต่มันไม่ใช่ คุณอยู่กับฉันเพราะแผนพ่อแม่...คิดจะดัดสันดานฉันงั้นเหรอ คุณทำสำเร็จแล้ว คุณทำให้ฉันเป็นคนโง่ ตลกมากไหมที่เห็นฉันหัวหมุนไปตามแผนคุณ”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทำทุกอย่างเพราะผมรักคุณนะ...คุณพิม”
ฤชวีพยายามรั้งหญิงสาวแต่ต้องหน้าหันเมื่อตรี–วิญถลามาต่อย ครอบครัวพิมภา ชุติภา มินท์ ลัลนาและ นันทิกานต์ที่วิ่งตามมา มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ ตรีวิญขยับไปยืนข้างพิมภาอย่างปกป้องเต็มที่ ฤชวีบอกรักพิมภาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แต่พิมภาเดือดจัด ถอดแหวนเขวี้ยงใส่หน้าเขา ตะโกนด้วยความแค้นใจ
“คนที่รักกันเขาไม่ทำร้ายกันแบบนี้ เอาความรักของคุณคืนไป ฉันเกลียดคุณ และไม่มีวันให้อภัยคุณ...ไม่มีวัน!”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของผมมันไม่สามารถชดเชยกับความผิดพลาดของผมเลยใช่ไหม แหวนของเล่น... มันไม่ใช่ของจริง ไม่มีราคา เก็บไว้ก็เปลืองพื้นที่ชีวิตของคุณ”
ฤชวีหยิบแหวนมามองอย่างเจ็บปวด พิมภาโกรธจนมองไม่เห็นความเสียใจของฤชวี ประกาศกร้าวให้จบเรื่องราวความสัมพันธ์หลอกๆทั้งหมด แล้วจับมือตรีวิญขอร้องให้พาไปจากที่นี่ ฤชวีมองตามด้วยความน้อยใจ
“สิ่งที่ผมมีไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แต่สายตาคุณ... ผมมีค่าด้อยกว่าเขาเสมอ”
ฤชวีกำแหวนในมือแน่นหันหลังเดินจากไป มินท์กับชุติภารีบตาม พิมภาใจหายกับคำพูดบาดใจแต่เชิดหน้าอย่างมีทิฐิ กระชับมือตรีวิญออกไปบ้าง ครอบครัวพิมภาวิ่งตาม ลัลนากับนันทิกานต์มองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วตัดสินใจตามเพื่อนรักไป เพราะเป็นห่วงว่าจะหุนหันจนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตนเหมือนเคย
ฤชวีกลับมาที่ห้องชุติภาอย่างหงอยๆ มองแหวนในมือน้ำตาคลอ มินท์กับชุติภาลอบมองด้วยความเห็นใจ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าฤชวีจะรักพิมภามากขนาดนี้ ชุติภาเดินไปกอดหลานชายแล้วปลอบเสียงอ่อน
“ต้น...ถ้ารักเขาก็ไปปรับความเข้าใจกับเขาสิลูก”
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกครับ ผมควรจะยอมรับความจริงตั้งนานแล้ว แต่ผมก็หวัง...ว่าผมจะทำให้ คุณพิมรักผมได้ แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าเขาไม่ได้รักผมเลย”
ชุติภากอดหลานด้วยความสงสารจับใจ มินท์มองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาซึม เสียใจไปกับพี่ชายด้วย
ooooooo
ตรีวิญพอใจมากที่พิมภาบอกเลิกความสัมพันธ์กับฤชวี พาหญิงสาวกลับบ้านด้วยความสุขใจ อาสาอยู่เป็นเพื่อนที่คอนโดฯ แต่พิมภาขออยู่คนเดียวเพราะไม่อยากพูดคุยกับใคร ภาพความทรงจำต่างๆที่เคยมีกับฤชวีตามหลอกหลอนตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง ตรีวิญจำใจออกไป พิมภาทรุดตัวลงกับโซฟา ร้องไห้น้ำตานองอย่างเจ็บปวด
ตรีวิญออกไปได้สักพัก ภัทรพลก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเคืองจัด ลัลนาวิ่งตามมาปรามแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ตวาดใส่น้องสาวอย่างไม่ไว้หน้า
“แกปล่อยให้ไอ้ตรีวิญชกสามีตัวเองแบบนั้นได้ยังไง ทำแบบนี้เท่ากับแกให้ไอ้ตรีวิญมันหยามหน้าสามีแก”
พิมภามองหน้าพี่ชายนิ่งแต่ไม่ยอมพูดอะไร
เดินกลับเข้าห้องตัวเองไปอย่างเงียบๆ ภัทรพลของขึ้นกับท่าทางทองไม่รู้ร้อนของน้องสาว ถลันไปเอาเรื่องแต่พิมมาลาห้ามไว้แล้วพูดเตือนสติ
“ภัทร...เรื่องวันนี้มันมากเกินน้องจะรับไหวนะ”
“อาการพิม...แนนว่ามันเสียใจมากกว่าตอนพี่เอกนะคะ เพราะครั้งนี้มันรัก...”
“ลัลว่านะคะ พิมคงเสียใจที่ถูกหลอกน่ะค่ะ ยิ่งเป็นคนรักหน้ายิ่งชีพอย่างพิม ฆ่ากันเลยดีกว่าให้เสียหน้านะคะ”
ภัทรพลหน้าเสีย เพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดจารุนแรงหักหาญน้ำใจน้อง ลัลนากับนันทิกานต์มองหน้ากันอย่างรู้กัน บอกพิมมาลากับภัทรพลว่าจะลองช่วยพูดให้แล้วจูงมือกันเข้าห้องพิมภา สามคนพ่อแม่ลูกนั่งลงบนโซฟาอย่างเครียดๆ
ฟากพิมภาออกจากห้องน้ำมาเจอเพื่อนรักทั้งสองรออยู่ด้วยสีหน้ากังวลใจ ชะงักแล้วประชดประชันเพื่อน หาว่าจะมาซ้ำเติมเธอที่สร้างเรื่องจนแพ้ภัยตนเอง นันทิ–กานต์มองกลับหน้านิ่งแล้วย้อนเสียงเรียบ
“พิม...ฉันเคยหัวเราะใส่แก เวลาที่แกทุกข์งั้นเหรอ”
“แกรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าทุกคนรู้แล้วว่าฉันโกหก”
นันทิกานต์บอกว่าเมื่อกลับจากรีสอร์ทที่เพชรบูรณ์ พิมภาหลับตาสะกดความหงุดหงิดแล้วหันไปมองลัลนา อดีตคู่ปรับบอกว่ารู้จากภัทรพลตอนที่พิมภาตัดสินใจ
ยั่วฤชวีเพื่อพิสูจน์ความเป็นชาย พิมภาถอนหายใจเนือยๆ แล้วบ่น
“ฉันนี่น่าสมเพชจริงๆ ทุกคนรู้กันหมด มีแต่ฉันที่โง่ พล่านเป็นคนบ้าเพื่อปกปิดในสิ่งที่ทุกคนรู้กันหมดแล้ว”
“ก่อนที่แกจะโกรธคุณต้น คิดดีๆนะว่าคนอย่างเขาจะคิดทำเรื่องแบบนั้นกับแกเหรอ ที่ความแตกเพราะพี่ภัทรจับพิรุธได้ แล้วพ่อแม่แกธรรมดาที่ไหน ท่านสั่งอะไรมีหรือคุณต้นจะกล้าขัด”
นันทิกานต์พยายามเตือนให้เพื่อนรักไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ลัลนาเสริมว่าฤชวีน่าจะคอยปรับความเข้าใจอยู่ สองสาวตัดสินใจออกจากห้องเพราะอยากให้เพื่อนสาวใช้เวลาใคร่ครวญให้ดี พิมภาคิดหนัก นั่งมองรูปตัวเองที่ถ่ายคู่กับฤชวีบนมือถือด้วยแววตาเหม่อๆ นึกถึงคำพูดของเพื่อนรักทั้งสองแล้วตัดสินใจโทร.หาเขา
ฤชวีกดรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าดีใจแต่พยายามข่มไว้ ตั้งใจว่าจะลองเกลี้ยกล่อมหญิงสาวอีกครั้งแต่กลับต้องหน้าถอดสี เมื่อพิมภาบอกให้ไปเก็บของที่บ้านเพราะไม่อยากเห็นข้าวของเขาในห้องเธออีก ชายหนุ่มกดวางสายสีหน้าซึมเศร้า...หรือว่าเรื่องระหว่างเขากับเธอจะถึงทางตันเสียแล้ว
ooooooo
ลัลนากับนันทิกานต์มาที่คอนโดพิมภาแต่เช้าเพื่อถามความคืบหน้าเรื่องเมื่อคืน ภาณุวัฒน์กับพิมมาลามองหน้ากันเซ็งๆ บอกว่ายังเก็บตัวอยู่ในห้อง สองสาวลงความเห็นว่าพิมภาน่าจะคิดได้เพราะไม่ใช่คนโง่ เสียงประตูเปิด...ฤชวีลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามา พิมภาออกมาจากห้องพอดี บอกให้เขารีบไปเก็บของ
ฤชวีตามเข้าไปด้วยท่าทางเศร้าหมอง พิมภาเองก็เสียใจไม่น้อยแต่ต้องเก็บอาการไว้ ภาณุวัฒน์เคืองลูกสาวที่หุนหันพลันแล่น ตั้งท่าจะตามไปคุยแต่พิมมาลารั้งไว้
“อย่านะพ่อ...ลองยายพิมทำโดยไม่แคร์พวกเราที่อยู่เต็มห้อง แสดงว่าโกรธจัด พูดอะไรตอนนี้มีแต่พังแน่นอน”
ภัทรพลมองพ่อแม่อย่างเห็นใจ ลัลนากับนันทิกานต์ก็เอือมในความใจแข็งของเพื่อนแต่จนปัญญาจะปราม ด้านฤชวีเก็บของอย่างใจเย็น ประวิงเวลาเผื่อว่าพิมภาจะใจอ่อนยอมเปลี่ยนใจ พิมภาฝืนใจทำหน้านิ่งแล้วยื่นแปรงสีฟันให้ ฤชวีรับมาอย่างสะเทือนใจ สองสามีภรรยากำมะลอมองหน้ากันด้วยความเจ็บปวด
“อย่าเหลืออะไรไว้ที่นี่แม้แต่ชิ้นเดียว”
“ครับ...ผมคงไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ในชีวิตคุณแม้แต่ความรู้สึก”
“ขอบคุณสำหรับความเป็นสามีกำมะลอของคุณ วันนี้มันจบแล้ว ยินดีด้วยที่ต่อไปนี้คุณคงไม่ต้องหลอกใครอีก”
ฤชวีน้อยใจมากที่พิมภาพูดจาตัดรอน พิมภากล้ำกลืนความรู้สึกที่เอ่อล้นด้วยความยากลำบาก สองหนุ่มสาวแยกจากกันด้วยความรู้สึกปวดร้าว ไม่ต่างจากครอบครัวและมิตรสหายที่เฝ้ามองด้วยความเสียใจ ฤชวีทำความเคารพพ่อตาแม่ยายและออกจากห้องไปอย่างเศร้าๆ ภัทรพลมองตามอย่างหัวเสีย เอะอะตามประสาคนขี้โวย
“ทำไมมันผิดแผนไปหมดเลยเว้ย! มันพลาดตั้งแต่ตอนไหนนะ”
“ก็ตั้งแต่ที่ตรีวิญมาบอกคุณต้นเรื่องสามีหลอกๆน่ะสิคะ”
ลัลนาบอกเสียงเรียบแต่แฝงความหงุดหงิด ครอบครัวพิมภามองหน้ากันงงๆ นันทิกานต์บอกอดีตคู่ปรับว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง...ความจริงเรื่องนี้จะต้องกระจ่างเสียที!
นันทิกานต์กับลัลนาลากตัวพิมภาออกไปข้างนอกหลังจากนั้นไม่นานนัก พร้อมโทร.เรียกตรีวิญมาพบเพื่อเคลียร์เรื่องคาใจ เจ้านายหนุ่มยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ สารภาพว่าได้ยินเรื่องสามีภรรยาหลอกๆมาจากการะเกตุ ลัลนาหมั่นไส้ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ แฉเจตนาไม่ดีของเขาว่าตั้งใจยุแยงให้เพื่อนรักแตกกับสามี โดยการบอกฤชวีว่าได้ยินเรื่องที่ว่ามาจากพิมภา นันทิกานต์ช่วยเสริม หวังทำให้เพื่อนตาสว่างและพิจารณาตรีวิญใหม่
“เพราะอย่างนี้คุณต้นถึงเข้าใจผิดคิดว่าแกมีใจกับคุณตรีวิญจนทะเลาะกันลุกลามใหญ่โตแบบนี้”
“คุณทำแบบนั้นทำไมคุณตรีวิญ” พิมภาถามอย่างเอาเรื่องนิดๆ
“ถ้าคุณยังเป็นภรรยาคุณฤชวี ผมคงใกล้ชิด
คุณไม่ได้ ผมไม่อยากให้ชื่อเสียงคุณเสียหาย ผม
ขอโทษที่ต้องทำแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ คุณเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตผมนะครับ ผมรักคุณและจะไม่มีวันหยุดรัก”
ตรีวิญพูดจบก็เดินจากไป พิมภาเข้าใจความรู้สึกเขาแต่ยังรับไม่ได้ที่เขาเลือกยื้อแย่งด้วยเล่ห์มากกว่าความจริงใจ เพื่อนซี้ทั้งสองพยายามกล่อมให้เธอกลับไปง้อฤชวี พิมภาคิดหนัก ระบายกับเพื่อนรักจนหมดเปลือก
“ตั้งแต่เกิดเรื่องปลากับพี่เอก บอกตรงๆนะ ฉันไม่คิดจะเปิดใจกับใครอีกจนมาเจอคุณต้น เขาดีกับฉันมาก ช่วยฉันทุกอย่างจนเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน ฉันเชื่อใจเขาแต่เขากลับทรยศฉัน”
“แกก็รู้ว่าเขาโดนพ่อกับแม่บังคับ” นันทิกานต์ท้วง
“ฉันถึงได้เข้าใจไง ว่าที่เขายอมเป็นสามีฉัน ไม่ใช่เพราะเขาอยากอยู่ แต่เป็นเพราะถูกพ่อกับแม่บังคับ”
ลัลนากับนันทิกานต์ยังไม่ละความพยายาม บอกให้เพื่อนคิดถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เกิดขึ้น พิมภาสะเทือนใจและปัดว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ชั่ววูบ นันทิกานต์ทนไม่ไหว แหวเพื่อนอย่างเหลืออดแต่พิมภาไม่สนใจฟังเพราะยังเจ็บใจ
“ถ้าเขารักฉัน เขาต้องบอกฉัน ไม่ใช่ให้ทุกคนปั่นหัวฉันเป็นคนโง่แบบนี้”
พิมภาน้ำตาไหลรินอย่างสุดกลั้น สองสาวเพื่อนซี้
มองมาด้วยแววตาเห็นใจระคนสงสาร และด้วยทิฐิแรงกล้า พิมภาจึงเชิดหน้าขึ้นแล้วสั่งห้ามเพื่อนรักทั้งสองพูดถึงเรื่องนี้อีก ต่อไปนี้จะตั้งใจทำงานเท่านั้น ลัลนากับนันทิกานต์มองหน้ากันเครียดๆ ดูออกว่าพิมภายังแคร์ฤชวีแต่ก็เหนื่อยใจเกินจะต่อรองกับความดื้อและฟอร์มจัดของเพื่อนสาว
ooooooo
มินท์อ่านต้นฉบับนิยายฉบับสมบูรณ์ของ
ฤชวีแล้วน้ำตาคลอ ซาบซึ้งไปกับความรักของตัวเอก กิ่งแก้วปลื้มใจเพราะทำให้สาวห้าวรักอิสระอย่าง
มินท์เสียน้ำตาได้ มั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดมีเค้าโครงจากเรื่องจริง ถ้าพิมภาได้อ่านต้องยอมคืนดีแต่ฤชวีไม่เห็นด้วย มินท์เซ็งเลยขอตัวไปทำงาน ฤชวีหันไปเจรจากับกิ่งแก้ว
“กิ่งช่วยเอาต้นฉบับตอนท้ายที่มินท์ซึ้งเมื่อกี้ออกด้วยนะ”
“ทำไมล่ะต้น...กิ่งว่ามันดีมากเลยนะ ถ้าคุณพิมได้อ่าน...”
“ถ้าไม่เอาออก...ต้นก็ไม่ให้พิมพ์ ต้นไม่อยากให้คุณพิมคิดว่าต้นพยายามตื๊อเขา”
กิ่งแก้วรับปากเพราะกลัวไม่ได้ตีพิมพ์ แต่ในใจหมายมาดว่าจะต้องหาทางให้พิมภาอ่านเรื่องนี้ให้ได้...
หลังการพบกันครั้งสุดท้าย พิมภากับฤชวีก็ยังไม่มีโอกาสได้พบหรือปรับความเข้าใจกันอีก พิมภาหมกมุ่นกับหน้าที่การงาน สร้างผลงานและวางโครงการมากมายจนเป็นที่จับตาของสุกัญญากับตรีวิญที่เฝ้าดูด้วยความพอใจ ส่วนฤชวีก็มุ่งมั่นกับการปิดต้นฉบับนวนิยายรักโรแมนติกเรื่องแรก และช่วยกิ่งแก้วเตรียมงานเปิดตัวหนังสืออย่างแข็งขัน สองหนุ่มสาววุ่นวายกับงานเพื่อลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น...แต่ก็ไม่ได้ผลมากนักเพราะต่างก็ยังรักกันแต่ไม่ยอมรับ
ในขณะที่ฤชวีกับพิมภารักษาใจตัวเอง...ตรีวิญฉวยโอกาสนี้สร้างความใกล้ชิดและทำคะแนน พิมภาอ่านท่าทีชัดแจ้งของเจ้านายหนุ่มออกแต่เธอยังไม่พร้อมและไม่คิดว่าจะรักใครได้อีก พยายามบอกปัดเพราะไม่คิดสานสัมพันธ์ แต่ตรีวิญไม่ละความพยายาม หลงคิดไปเองว่าที่หญิงสาวไม่ปฏิเสธความหวังดีก็เพราะน่าจะพอมีใจ
ฝ่ายฤชวีก็คร่ำเคร่งกับการตรวจต้นฉบับครั้งสุดท้ายที่สำนักพิมพ์ของกิ่งแก้ว ญาติสาวแวะมาบอกให้ช่วยเช็กเนื้อเพลงประกอบด้านในอีกครั้ง ฤชวีไล่อ่านดู หยิบมือถือเปิดหาต้นฉบับแล้วเจอคลิปเสียงไม่มีชื่อ กดเปิดฟังแล้วชะงัก ได้ยินเสียงหวานของพิมภาร้องเพลงสารภาพความ รู้สึกที่มีต่อเขา ฤชวีนึกถึงหน้าเธอเมื่อคราวที่อยู่ด้วยกันที่โรงแรมข้างทางแล้วยิ้มกว้าง...มีความหวังที่จะคืนดีกับหญิงสาวขึ้นมาทันที
ฤชวีตัดสินใจไปหาพิมภาที่บริษัทนารีทันทีที่งานเสร็จ เห็นหญิงสาวมาที่ลานจอดรถก็ตั้งท่าจะเข้าไปหา แต่เห็นตรีวิญตามมาด้วยก็ใจเสีย แอบยืนมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ส่วนพิมภามองตรีวิญด้วยสีหน้าเรียบเฉย ตรีวิญได้จังหวะกุมมือหญิงสาวแล้วสารภาพความในใจ
“คุณพิมครับ...คุณรู้อยู่แล้วว่าผมคิดยังไงกับคุณ เมื่อก่อนเพราะมีคุณต้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ได้อย่างที่ใจคิด แต่วันนี้คุณไม่มีพันธะแล้ว ผมอยากขอโอกาส...ได้ไหมครับ”
“ค่ะ...พิมให้โอกาสคุณ ในฐานะเพื่อนเท่านั้นนะคะ... ขอโทษนะคะ”
ฤชวีไม่ทันได้ฟังประโยคสุดท้ายที่หญิงสาวให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน แต่ช็อกไปแล้วกับท่าทีไม่ขัดขืนของเธอ เขาผละออกไปอย่างคนที่ยอมแพ้ ส่วนตรีวิญมองตามรถพิมภาอย่างหัวเสีย...เจ็บปวดที่โดนปฏิเสธแต่ยังไม่ยอมแพ้
เวลาเดียวกันที่บ้านพิมภา...มินท์มาหาครอบครัวพิมภาและแสดงเจตจำนงว่าอยากให้พิมภาอ่านนิยายรักเรื่องแรกของฤชวีสักครั้ง เพราะเรื่องราวตอนจบซาบซึ้งกินใจมาก พี่สะใภ้สุดสวยของเธอต้องใจอ่อนแน่ ลัลนา ที่แวะมาหาภัทรพลเห็นด้วยเพราะตั้งแต่เกิดเรื่อง เพื่อนรักก็หมกมุ่นกับงานจนไม่สนใจตัวเอง ถึงเวลาที่จะมีความสุขสักที ภัทรพลขอความร่วมมืิอจากพ่อแม่และช่วยกันวางแผน...มั่นใจว่าต้องทำให้สองสามีภรรยากำมะลอคืนดีกันแน่
ooooooo
ท้องของปราสินีเริ่มโตขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่เดือนที่ห้าของอายุครรภ์ เธอเจอกับเอกพลที่ทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยบังเอิญ อึดอัดไม่อยากคุยด้วยเพราะกลัวใจตัวเอง เอกพลโอ่ตามประสาว่าได้งานดีและยินดีช่วยเหลือ ปราสินีปฏิเสธแล้วบอกว่ามีความสุขตามอัตภาพเพราะ มีรักแท้เพื่อลูกหล่อเลี้ยง เอกพลอึ้ง...อิจฉาเพราะไม่มีใครรักแบบนั้น
หลังซื้อของเสร็จ...ปราสินีหิ้วถุงข้าวของมาเรียกแท็กซี่แล้วชะงัก เห็นเอกพลเดินตามหลังอาซ้อแก่ๆไปที่รถเบนซ์รุ่นเก่าที่จอดอยู่ด้านหน้า เธอมองอดีตผัวด้วยความสมเพช นึกรู้จากท่าทางพะเน้าพะนอว่าเขาผันตัวเองไปทำอาชีพอะไร
ปราสินีอดเก็บเรื่องราวเกี่ยวกับเอกพลไว้คนเดียวไม่ไหว นัดเจอกับกลุ่มพิมภาเพื่อเล่าให้ฟัง พิมภาตาโตอย่างไม่อยากเชื่อว่าอดีตเจ้าบ่าวของหล่อนจะตกต่ำได้ถึงขั้นขายตัว ซูซี่บอกว่าไม่แปลกใจเพราะก่อเรื่องไว้เยอะ ไม่น่าเหลือเครดิตไปสมัครงานที่อื่น ปราสินีสารภาพว่าโล่งใจที่รอดจากผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างเอกพล แต่พิมภากังวลเพราะกลัวว่าหลานจะมีปมด้อยเรื่องพ่อ ปราสินีชี้แจงเสียงอ่อน
“ปลาจะไม่ปิดว่าพ่อเขาเป็นใคร แต่จะให้เขาเข้าใจ ว่าเราไปกันไม่ได้จริงๆ ลูกปลาต้องเข้มแข็ง”
ปราสินีมองหน้ากลุ่มเพื่อนด้วยความภูมิใจ ดีใจกับตัวเองเหลือเกินที่เลือกทางไม่ผิดซ้ำสอง จึงได้มิตรแท้กลับมาเหมือนเดิม สาวๆพูดคุยกันอย่างมีความสุข ปราสินีได้ โอกาส ใช้เรื่องตัวเองเป็นบทเรียนและกล่อมพิมภาเรื่องฤชวี
“ฉันโชคร้ายที่เจอผู้ชายไม่ดี แต่ถ้าเป็นผู้ชายดีๆ ที่รักเราจริง เจอแล้วก็ไม่ควรปล่อยไปนะ”
พิมภารู้ว่าเพื่อนหวังดีแต่ยังทำหูทวนลม ลัลนากับนันทิกานต์มองหน้ากันปลงๆแล้วยื่นการ์ดเชิญไปงานเปิดตัวนิยายรักของฤชวี บอกว่ามินท์แวะมาให้เพราะฤชวีอยากให้เธอไปงานมาก พิมภามองการ์ดในมือเครียดๆ คิดหนักว่าจะไปดีหรือไม่...ทั้งๆที่ใจถลาไปหาเขาก่อนตัวแล้ว
ขณะเดียวกันที่สำนักพิมพ์...กิ่งแก้วดำเนินการตามแผน บอกฤชวีว่าพิมภาขอการ์ดเชิญไปงานเปิดตัวหนังสือด้วยตัวเอง ฤชวีหน้านิ่งแต่ในใจลิงโลด เสขอตัวและบอกจะไปตัดผม กิ่งแก้วไม่ว่าอะไร นึกขำท่าทางตื่นเต้นแบบปิดไม่มิดของญาติหนุ่ม ลืมนึกไปเลยว่าตัดตอนซึ้งๆช่วงท้ายออกไปแล้วตามคำขอของเขา
ooooooo
หลังทุ่มเทและสร้างผลงานกันมาพักใหญ่ สุกัญญากับตรีิวิญก็ประกาศเรียกทีมพิมภากับลัลนาเข้าประชุมเพื่อสรุปยอดขายและแจ้งผลผู้ได้รับตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่ญี่ปุ่น และผลก็ออกมาตามคาด พิมภาได้รับเลือก โดยตรีวิญขอตามไปด้วยในฐานะที่ปรึกษา ชายหนุ่มพยายามส่งสายตายินดีแต่พิมภานิ่งมากจนเขาชักใจเสีย
ลัลนาดีใจกับพิมภาด้วยความจริงใจ แล้วยิ้มหน้าบานเมื่อสุกัญญาประกาศให้เธอรับตำแหน่งผู้จัดการการตลาดแทนตรีวิญ ส่วนนันทิกานต์กับซูซี่ได้เลื่อนเป็นผู้จัดการแบรนด์แทนเธอและพิมภา ปราสินีที่ได้ย้ายกลับมาทำงานที่นารีถามลัลนาอย่างอดไม่ได้ เพราะรู้ว่าเพื่อนคาดหวังไว้สูงกับตำแหน่งผู้จัดการสาขาที่ญี่ปุ่น ลัลนาบอกว่าไม่เสียใจเพราะคงทนอยู่ห่างจากภัทรพลไม่ไหว พิมภาฟังแล้วนึกถึงเรื่องตัวเองอย่างสะเทือนใจ ลัลนาดูออกเลยรวมหัวกับเพื่อนๆหาตัวช่วย...กระตุ้นให้พิมภาคิดใหม่เรื่องง้อฤชวี
ตัวช่วยของลัลนาก็คือสุกัญญา...เจ้านายสาวคนเก่งเรียกพิมภาเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเรื่องตำแหน่งใหม่ พิมภาติดใจเรื่องตรีวิญเพราะเข้าใจว่าเขาถูกซื้อตัวเพื่อบริหารงานประจำสำนักงานใหญ่ที่นี่ สุกัญญานิ่งไปอึดใจแล้วนึกถึงบทสนทนาครั้งล่าสุดกับตรีวิญเมื่อหลายวันก่อน เธอพยายามท้วงแต่เขาไม่ยอมเพราะอยากตามพิมภาไปญี่ปุ่นและยังแสดงเป้าหมายเรื่องพิมภาอย่างชัดเจนจนสุกัญญาถึงกับอึ้ง
“กว่าที่ผมจะมาถึงวันนี้ มันยากแค่ไหนผมก็ไม่เคยยอมแพ้ สุดท้ายผมจะเป็นผู้ชนะเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน”
“ไม่มีใครชนะไปตลอดหรอกนะ”
“ถ้าคุณสุไม่ตกลง ผมจะคืนเงินทั้งหมดให้กับทางนารี มีบริษัทอีกมากที่รอให้ผมติดต่อไป”
สุกัญญาเรียกสติตัวเองกลับคืน เฉไฉว่าเป็นเรื่องความเหมาะสมในเชิงธุรกิจ และเปลี่ยนมาถามเรื่องฤชวีตามที่ได้รับการไหว้วานจากลัลนา พิมภาขอโทษที่โกหก สุกัญญาไม่ถือสาแล้วพยายามกล่อมให้ลูกน้องสาวคิดให้ดีเรื่องฤชวี
“คุณต้นเป็นคนดีนะ พี่ไม่รู้ว่าพิมกับเขามีเรื่องอะไรกัน แต่พี่อยากให้พิมคิดดีๆว่าอะไรคือสิ่งที่พิมต้องการจริงๆ เพราะคนอย่างพิมภา...เดินหน้าแล้วไม่มีวันถอยหลังใช่ไหม”
พิมภาสะอึกที่โดนเจ้านายสาวใช้คติพจน์ประจำตัวยอกย้อน สุกัญญามองออกว่าลูกน้องสาวอ่อนลงแล้ว ย้ำให้คิดว่าโอกาสไม่ได้ผ่านมาตรงหน้าบ่อยๆ น่าจะรักษาเอาไว้ให้ดี พิมภาคิดหนัก...หรือเธอจะลองให้โอกาสเขาดู
พิมภาเก็บคำพูดสุกัญญาไปใคร่ครวญแล้วตัดสินใจไปงานเปิดตัวหนังสือฤชวี ครอบครัวเธอ พร้อมลัลนาและนันทิกานต์ดีใจมาก ชุติภาเห็นพิมภาก็มาทักอย่างยินดีและยื่นหนังสือให้อ่านฆ่าเวลา พิมภาเห็นชื่อเรื่องว่าคุณสามีกำมะลอแล้วสะดุดใจ หลบไปหามุมอ่านเงียบๆ ทุกคนมองตามลุ้นๆ หวังว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายด้วยดี
พิมภาอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ คิดตามเหตุการณ์ที่พระเอกนางเอกเจอกันแล้วรู้สึกคุ้นแปลกๆ ลัลนากับนันทิกานต์พลิกดูตอนจบไม่เห็นฉากซึ้งอย่างที่มินท์เคยบอก มีแต่เหตุการณ์ดัดหลังของพระเอกต่อนางเอก มินท์รับไปอ่านบ้างอย่างงงๆ เห็นกิ่งแก้วผ่านมาพอดีเลยถามด้วยความสงสัย กิ่งแก้วนึกขึ้นได้ บอกว่าเอาออกไปแล้วตามคำขอของฤชวี
มินท์มองหน้าสองเพื่อนซี้ของพิมภาเซ็งๆ...ท่าทางเรื่องจะไม่เป็นอย่างที่คิด
ด้านพิมภา...อ่านจนจบแล้วไม่ซึ้งแต่โกรธจัดที่ฤชวีกล้าเอาเรื่องที่เธอหัวหมุนไปตามแผนเอาคืนของเขามาเขียนเป็นนิยายอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก มองเห็นชายหนุ่มบนเวทีก็ก้าวพรวดไป ภัทรพลเห็นท่าไม่ดีแต่รั้งไว้ไม่ทัน พิมภายืนข้างเวทีรอจังหวะเมื่อเขาพูดถึงเค้าโครงเรื่องว่ามาจากเรื่องจริงจึงตัดสินใจปรากฏตัว พร้อมคำถามเย้ยหยัน
“แล้วทุกคนอยากรู้ไหมคะว่าเรื่องจริงเป็นยังไง”
ฤชวีและทุกคนหันมามองพิมภาตาค้าง ไม่คิดว่าหญิงสาวจะใจถึงและเลือกแสดงตัวในเวลานี้!
ooooooo










