สมาชิก

มือปราบเจ้าหัวใจ

ตอนที่ 7

วันรุ่งขึ้น มินตราทราบข่าวปรมัตถ์ถูกยิงบาดเจ็บก็จัดส่งกระเช้าไปเยี่ยมถึงบ้าน อุมากับจิระรู้ทีหลังพากันสงสัยว่าเป็นไปได้ยังไงที่ผู้กองถูกคนร้ายคดียาเสพติดยิง

“ใช่เหรอพี่ ไม่มีข่าวตำรวจ ปส.แถลงข่าวจับกุมยาเลย”

“ก็จริง ตกลงอยู่หน่วยงานไหนกันแน่”

จิระกับอุมาตั้งข้อสังเกตแล้วเร่งให้มินตราไปเยี่ยมปรมัตถ์จะได้ซักข้อมูลให้ละเอียด แต่มินตราติดงาน

“ไอ้จิ...แกก็เห็นว่าฉันไม่ว่าง เพิ่งตัดต่อเสร็จก็รีบส่งงานบอส”

“แกไม่ไปเยี่ยมก็ดีแล้ว เดี๋ยวผู้กองคณินทร์หึง” อุมาลอยหน้าพูด จิระหมั่นไส้ ติงว่าเจ๊ชูธงเชียร์ออก นอกหน้า “ก็ใช่น่ะสิ ฉันพร้อมเป็นหรีดเชียร์ผู้กองคณินทร์จ้ะ ยัยมินได้ไปครอง ฉันไม่ได้กินขอดมกลิ่นก็ยังดี”

อุมาฝันเฟื่องไปใหญ่ มินตราเบรกฝันของหัวหน้าด้วยการถามว่าสกู๊ปของตนที่ส่งไปบอสว่ายังไงบ้าง อุมาไม่ทันตอบ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมาบอกอุมาว่าบอสเรียก มินตราแน่ใจว่าต้องเป็นเรื่องงานของตนแน่ ลุ้นระทึกอยู่หน้าห้อง

หายเข้าไปไม่นานอุมาก็กลับออกมาพูดปลอบใจมินตราเพราะงานของเธอยังไม่เข้าตาบอส

“แกอย่าเพิ่งเสียกำลังใจ...คือบอสเขาห่วงว่า...”

มินตราไม่รอฟังจนจบ คว้าซองเอกสารเดินเข้าไป หาบอสภายในห้อง อุมากับจิระยืนตะลึงละล้าละลัง...

มินตราเข้ามาแนะนำตัวก่อนถามตรงๆเรื่องงานของตนว่าทำไมไม่ได้รับการอนุมัติ หรือว่าบอสกลัวข้อมูลที่ทำจะโยงไปถึงสปอนเซอร์ที่ซื้อเวลาของสถานนี

อุมากับจิระเข้ามาได้ยิน คาดไม่ถึงว่ามินตราจะกล้าพูดถึงขนาดนั้น

“มินรู้ดีค่ะว่าข้อมูลบางอย่างอาจทำให้คนดูตั้งข้อสงสัยหรือโยงไปถึงผู้สนับสนุนเรา”

บอสไม่มีท่าทีโกรธเคือง แถมยังอธิบายอย่างใจเย็นว่า “คุณตัดความกังวลใจเรื่องนั้นได้เลย เราเป็นสื่อ เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องนำเสนอความจริง ผมไม่เคยทำข่าวถือข้างหรือเอาใจนายทุน”

“แล้วทำไมบอสถึงไม่ชอบงานของมินคะ”

“เส้นทางการค้ายาในประเทศไทย...สกู๊ปแนวนี้ใครๆก็ทำได้ แล้วอีกอย่างคนดูไม่ต้องเสียเวลาเปิดทีวี ค้นหาในเน็ตก็ได้ข้อมูล ถ้าคุณสนใจประเด็นยาเสพติด คุณต้องหาความแตกต่าง นำเสนอในสิ่งที่ไม่มีใครทำ นั่นคือจุดขายของคุณ”

มินตราฟังเหตุผลของบอสแล้วน้อมรับโดยดี

ooooooo

หลังการตายของไพศาล มาโนชกับสุจิตราไปค้นประวัติมาได้ว่าไพศาลเป็นหนึ่งในนักเรียนทุนของวาทิศ เขาสร้างผลงานเป็นที่โดดเด่นจนได้รับเลือกเข้ามาทำงานในหน่วยเรา

เมื่อมีคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบนักเรียนทุนของวาทิศทุกคนว่าเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับวาทิศหรือไม่ ซึ่งในหน่วยฯของเรามีปรมัตถ์อีกคน ปรมัตถ์ทำเป็นร้อนตัว พาตัวเองในสภาพนั่งรถเข็นถือซองใบลาออกมาหาทุกคน

“ทุกคนรู้ดีว่าผมเป็นนักเรียนทุนของนายวาทิศ ผมเองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ผมขอลาออก”

มาโนชกับสุจิตราตกใจ ลุ้นว่าคณินทร์จะตัดสินใจอย่างไร

“ที่ผ่านมานายพิสูจน์ให้พวกเราเห็นว่านายทำงานด้วยความทุ่มเท นายช่วยกำจัดหนอนบ่อนไส้ นายเลือกข้างความถูกต้อง พวกเราคิดเห็นยังไง”

คณินทร์ถามความเห็นมาโนช สุจิตรา และผู้ร่วมทีมคนอื่นๆปรากฏว่าทุกคนเห็นด้วยกับคณินทร์ว่าปรมัตถ์มีความดีความชอบ จึงไม่ติดใจ คณินทร์ขอเป็นตัวแทนทุกคนฉีกใบลาออกนั้นทิ้ง ทำให้ปรมัตถ์ตื้นตันใจเหลือเกิน

“ผมขอบคุณพวกคุณที่ไว้ใจผม ความเชื่อใจและกำลังใจมันทำให้ผมพร้อมสละชีวิตเพื่ออาชีพนี้”

ออกจากห้องประชุมแล้วปรมัตถ์ยังขอบใจและขอโทษคณินทร์อีกครั้ง แต่คณินทร์ให้เขาเลิกพูดได้แล้ว บอกว่าคนเราผิดพลาดกันได้

“แต่ความผิดของฉันใหญ่กว่าแก ฉันอคติกับแก ทำให้งานล้มเหลวมาตลอด ในวันที่ฉันผิด แกกลับหยิบยื่นกำลังใจและโอกาสให้ฉัน ฉันไม่รู้จะพูดคำไหนแทนความ รู้สึกจากใจ”

“สิ่งที่แกพูดมามันเพียงพอแล้ว มีบางคนสอนฉันให้วางอคติ ฉันว่ามันสำคัญมาก อคติไม่ได้ทำร้ายคนอื่น แต่มันทำร้ายตัวเราด้วย”

“ถ้าคนคนนั้นคือคุณมินตรา ฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ ฉันกลับมาเชื่อใจแกเฉพาะเรื่องงาน แต่เรื่องความรัก แกกับฉันอยู่บนเส้นขนาน”

“แน่นอน ฉันไม่ยอมยกของรักให้ใคร แม้แต่เพื่อน”

ปรมัตถ์ไม่ชอบใจ ชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนบอกคณินทร์ว่าไม่ต้องไปส่งเพราะตนให้ญาติมารับ
คณินทร์รับรู้ว่าปรมัตถ์ยังรักมินตราและตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับตน มาโนชกับสุจิตรายืนมองอยู่ห่างๆ เข้าใจว่าสองผู้กองกลับมารักกันก็ปลาบปลื้มยินดี เห็นแล้วโลกสดใส แต่ถ้าอยากให้โลกนี้เป็นสีชมพู มาโนชจึงหยอกเย้าสุจิตราเหมือนจะจีบ แต่หมวดสาวรู้แกวเสียก่อน

แยกจากปรมัตถ์แล้วคณินทร์ตามไปพบมินตราที่กำลังเฮิร์ตเรื่องงานชิ้นแรกไม่ผ่าน คณินทร์ให้กำลังใจเธอพร้อมทั้งแนะแนวทางให้จนเธอคิดออกว่าจะทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับเยาวชน คนไม่ติดยาเพราะพวกเขามีกิจกรรมดีๆทำ ทำด้วยความรักและมีความสุข เกิดความภูมิใจในตัวเอง แล้วก็รักตัวเอง แต่ในทางกลับกันคนที่ขาดรักจะหาสิ่งอื่นมาทดแทนหรือเดินทางผิด ถ้าตนนำเสนอให้เยาวชนเห็นคุณค่าตัวเองก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้

มินตราพร้อมจะทำหน้าที่สื่อ ให้กล้องแก้ปัญหา ปราบปรามที่ต้นตอ ขณะที่คณินทร์เห็นด้วยอย่างยิ่ง เขาจะใช้กฎหมายปราบปรามที่ปลายทาง เราสองคนจะร่วมมือกันเพื่อสังคม...

ปรมัตถ์มาพบวาทิศที่คอนโดแล้วปะทะคารมกับไอ้แหลมเรื่องที่ปรมัตถ์ฆ่าไพศาลสายข่าวของตน แต่สำหรับวาทิศกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาบอกปรมัตถ์ว่าตนเกลียดคนต่อรอง ตนต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ช่วยกำจัดพวกเห็บเหาที่คอยดูดเลือด

“มันตายไป...ผมก็ยังมีคุณอยู่ในหน่วย คุณช่วยผมได้มากกว่ามัน”

“แต่ทางตำรวจพุ่งเป้ามาที่คุณ คุณทำงานยากขึ้น”

“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าผมควรทำอะไร ไม่งั้นคงไม่อยู่ได้ถึงทุกวันนี้ แล้วที่สำคัญ...คุณทำให้ผู้กองคณินทร์ไว้ใจคุณ มันง่ายสำหรับเรา”

“คุณวาทิศครับ ไพศาลพูดถึงคนชื่อ...คุณ...เขาคือใครครับ”

“คุณ...เป็นมากกว่าพ่อ ไม่ได้ให้ชีวิตแต่ให้วิญญาณ ผมมีตัวตนและมีทุกอย่างได้เพราะคุณ”

“ผมอยากพบท่าน ขอกราบขอบพระคุณที่ท่านให้ผมร่วมงานด้วยครับ”

“ในวันที่พวกเราทำยอดขายถึงพันล้านตามเป้า ผมจะพาผู้กองเข้าพบคุณเป็นการส่วนตัว”

ปรมัตถ์รับคำแล้วกลับไปพักผ่อนเพราะขายังไม่หายดี ส่วนไอ้แหลมที่ไม่ไว้ใจปรมัตถ์ก็บอกกับวาทิศ ตรงๆว่าตนขอวัดใจกับมันสักตั้ง วาทิศเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายจึงยินยอม

ooooooo

คณินทร์มารับมินตราที่บ้านเพื่อไปซื้อของที่ตลาดมาทำเค้กวันเกิดให้ณรงค์ จังหวะที่มินตรากำลังจะออกจากบ้านปรมัตถ์ส่งข้อความมาคุย แต่หญิงสาวคุยด้วยไม่กี่ประโยคก็รีบขึ้นรถไปกับคณินทร์

สองหนุ่มสาวมีความสุขมากในระหว่างช่วยกันซื้อของ แต่แล้วความสุขก็เปลี่ยนเป็นความเสี่ยง สองคนโดนไอ้แหลมจู่โจมจะเอาชีวิต คณินทร์ปกป้องมินตราเต็มที่ แต่ก็แทบพลาดท่าให้กับความดุดันบ้าระห่ำของไอ้แหลม ถ้าไม่ได้กรัณย์โผล่มาช่วยเหลือ

กรัณย์ นายทหารอากาศเพื่อนรักของคณินทร์ตามจีพีเอสของคณินทร์มาทันเวลา สองหนุ่มช่วยกันเล่นงานไอ้แหลมและสามารถควบคุมตัวมันไว้ได้ ก่อนที่คณินทร์จะส่งต่อมันให้จ่าขจรควบคุมตัวไปโรงพัก เพราะเขาต้องคุ้มครองมินตราไปที่ศูนย์ผู้สูงอายุ แต่ไม่ลืมโทร.บอกปรมัตถ์ให้รับรู้เรื่องนี้ด้วย

ทันทีที่ปรมัตถ์รู้เรื่องก็รีบแจ้งไปยังวาทิศ วาทิศห่วงสมุนคู่ใจเป็นที่สุด เขาส่งสมุนไปช่วยในระหว่างการเดินทางไปโรงพักที่มีจ่าขจรกับตำรวจอีกสองนายควบคุมตัวไอ้แหลมบนรถ

แต่แล้วเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาด จ่าขจรใช้ปืนขู่บังคับให้สองตำรวจจอดรถก่อนจับพวกเขามัดมือและเท้าไว้แล้วพาไอ้แหลมหนีออกมาโดยที่คนของวาทิศยังไม่ลงมือ

ที่แท้เป็นแผนของจ่าขจรกับคณินทร์นั่นเอง คณินทร์ยอมรับจ่าขจรเข้าร่วมทีมและให้เป็นสายข่าวแทนสมเกียรติที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้

จ่าขจรทำทีช่วยเหลือไอ้แหลมเพราะต้องการเข้าคลุกวงในแก๊งค้ายาเสพติด ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ไอ้แหลมให้ความไว้วางใจจ่าขจรเต็มๆ เข้าใจว่าจ่าคือตำรวจนอกรีตเหมือนกับปรมัตถ์ โดยจ่าบอกเหตุผลว่าตนตั้งใจเป็นตำรวจที่ดีแต่ไม่เคยได้ดี ทำงานหามรุ่งหามค่ำแต่ยังจนกรอบ อยู่แฟลตเก่าๆ ตนไม่อยากอดตาย จึงต้องการเข้าแก๊งขายยาเพราะอยากรวย...

ooooooo

กรัณย์ตามคณินทร์มาที่ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย รับฟังเหตุผลของเพื่อนที่ยอมให้จ่าขจรทำงานด้วย เพราะจ่าอยากเห็นบ้านเมืองนี้ดีขึ้น แม้ตัวเองต้องตายก็ขอให้ลูกเมียอยู่ในสังคมที่ปลอดภัย

“แล้วอีกเหตุผลที่ฉันยอมรับจ่าเข้าทำงาน ฉันอยากให้ลูกชายภูมิใจในตัวพ่อ”

“ฉันชื่นชมการตัดสินใจของแก ว่าแต่ปรมัตถ์ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหรอ”

“ใช่...ลับเท่าไหร่จ่าก็ยิ่งปลอดภัย แต่ถ้าจำเป็นฉันก็ต้องแจ้งทีมงานในหน่วย”

“เอาใจช่วยว่ะเพื่อน ฉันว่าตอนนี้แกน่าจะไปอยู่ข้างๆสุภาพสตรีของแกก่อน เจอไล่ยิง ขวัญคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว”

“งั้นคืนนี้แกช่วยจัดสถานที่งานเลี้ยงวันเกิดคุณตาณรงค์ด้วยนะ”

กรัณย์รับคำด้วยความเต็มใจ คณินทร์แยกไปทางมินตราที่กำลังขะมักเขม้นทำเค้ก มินตรายอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอหวาดกลัว แต่พอผ่านความตายมาได้ก็ทำให้เชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับตนอีกแล้ว

คณินทร์ไม่สบายใจนักที่ทำให้มินตราตกอยู่ในอันตราย ขณะที่มินตรามองออก พยายามอธิบายให้เขาคลายความกังวลใจ

ฝ่ายกรัณย์มีโอกาสพูดคุยกับณรงค์ในห้องพัก จากคำพูดและท่าทีของณรงค์ทำให้กรัณย์รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ และเหมือนปกปิดอะไรไว้ บุคลิกของเขาไม่เหมือนคนชราพักฟื้น

เมื่อกลับออกมารวมตัวกับคณินทร์และมินตรา กรัณย์หาโอกาสถามคณินทร์ว่าตาณรงค์เป็นคนยังไง คณินทร์พูดไปตามที่เห็นคือณรงค์อัธยาศัยดี ไหวพริบดี มีพลังชีวิต

“แล้วก็มีความลับ”

“แกหมายถึงอะไร”

“เมื่อกี้ฉันเห็นคุณตากำลังทำอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เขียนหนังสือ แต่คุณตากลับไม่พูดความจริง”

“ไม่มีเหตุผลที่คุณตาต้องโกหก...แกน่ะตาฝาด”

“สายตาฉันไม่เคยพลาดเป้า”

“ถ้าสนุกกับการสืบสวนก็เปลี่ยนกัน ฉันขึ้นบินแทนแก”

“ไม่ได้ เครื่องบินของใครใครก็รัก เหมือนคุณมินตราของแกไง แกหวงและห่วงมาก”

กรัณย์แซวขำๆ แต่คณินทร์หน้าสลดลง บอกว่าความรักของตนอาจต้องปิดจ๊อบ

“ได้ไง ฉันดูออก คุณมินตรามีใจให้แก หรือแกมีคนอื่น”

มินตราได้ยิน ขยับมาแอบฟังอยู่เงียบๆ อยากรู้ว่าคณินทร์คิดอะไรกันแน่

“ฉันรักคุณมิน”

“คนสองคนรักกันก็จบ...แฮปปี้เอนดิ้ง”

“ฉันว่าแค่รักอาจไม่พอ ฉันอดคิดไม่ได้ อาชีพที่อยู่บนความตายอย่างพวกเราอาจไม่เหมาะที่จะมีใคร ฉันไม่อยากทำให้คนที่ฉันรักต้องเสียใจหรือเสียชีวิต”

“จะให้ทหารตำรวจเป็นโสดมันไม่แฟร์ ลืมคำขวัญของเราแล้วรึไง...ภารกิจของเราปกป้องแดนไทย ภารกิจหัวใจมีไว้ให้เธอ ความภาคภูมิใจได้ทำเพื่อประเทศไทย ความรักก็ทำเพื่อเธอ”

กรัณย์ท่องคำขวัญสร้างความฮึกเหิมให้คณินทร์ได้อย่างดี ขณะที่มินตราถอยไปเปิดไฟสว่างจ้าไปทั่ว เสมือนสื่อว่าเธอพร้อมจะร่วมชีวิตกับคณินทร์อย่างไม่หวั่นกลัวสิ่งใด

“สถานที่พร้อมแล้ว มินไปตามแขกนะคะ”

คณินทร์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม กรันย์ตบไหล่เพื่อนบอกว่าเขามาถูกทางแล้ว ทางเดินสว่างไสวและสวยงาม

ooooooo

เสียงเพลงฉลองวันเกิดดังขึ้นจากทุกคน ณรงค์ปลาบปลื้มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำตามที่มินตราบอกว่าต้องอธิษฐานก่อนเป่าเทียนบนเค้ก

“ตาอธิษฐานให้ตัวเองมาทั้งชีวิตแล้ว ตาขออวยพรให้ทุกคน ขอให้ทุกคนแข็งแรง มีความสุข คิดอะไรสมความปรารถนาและทำทุกอย่างได้ดั่งใจ ชีวิตอิสระมันสำคัญมากนะ เราเกิดมามีลมหายใจของเราเอง เราต้องเป็นคนกำหนดชีวิตด้วยตัวเอง...อิสระไม่ใช่เสรีภาพในการใช้ชีวิตหรืออยู่เหนือการควบคุม แต่การที่เราได้เป็นผู้ควบคุมเราถึงจะเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์...ตาขอโทษที ไม่ได้เขียนไว้ก่อน ตาพูดเพ้อไปเรื่อยอย่าถือสา เอาเป็นว่าตาขอให้ทุกคนมีความสุข”

คณินทร์กับกรัณย์มองหน้ากันด้วยความแปลกใจในคำพูดของณรงค์ คนอื่นไม่มีใครสนใจ ต่างปรบมือแล้วให้ณรงค์เป่าเทียน ต่อจากนั้นก็อวยพรวันเกิดและมอบของขวัญ กฤติยาภรณ์เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯมอบหนังสือเล่มหนึ่งให้ณรงค์ คณินทร์สงสัยแอบมาถามส่วนตัวกับเธอว่าเป็นหนังสืออะไร

“คุณตาชอบอ่านหนังสือแบบบ้าน พรก็เลยซื้อหนังสือเกี่ยวกับบ้านให้ค่ะ นี่ถ้าไม่ทราบประวัติว่าคุณตาเคยทำธุรกิจค้าขาย พรต้องคิดว่าคุณตาเป็นสถาปนิกค่ะ”

“คุณตาออกแบบเก่งเหรอครับ”

“ห้องที่คุณตาพัก คุณตาขอออกแบบ จ้างผู้รับเหมาเข้ามาทำเองค่ะ แล้วก็ยังมีส่วนของ...” กฤติยาภรณ์ชะงัก เห็นจันทราโบกมือเรียก จึงขอตัวเดินจากคณินทร์ไป

คณินทร์กลับมายังมุมเครื่องดื่ม ยืนคุยกับกรัณย์ที่ยังข้องใจสงสัยในตัวณรงค์ไม่เลิก กรัณย์แน่ใจว่าคำพูดของณรงค์เมื่อสักครู่ไม่ได้เพ้อเจ้อ แต่มาจากใจ

“แกกำลังจะบอกว่า...”

“คนแก่แบบไหนกันที่คิดได้ว่าผู้ควบคุมคืออิสระที่แท้จริง”

“คุณตาเคยพูดเรื่องปล่อยวางชีวิต แต่ปล่อยแบบไหนกันที่ยังสนใจสร้าง”

“สร้างอะไร”

“คุณตาสนุกกับการคิดสร้างบ้าน”

“ฉันมั่นใจว่าตาฉันไม่ฝาด ที่ฉันเห็นอาจเป็นโมเดลบ้าน”

“ฉันอยากรู้จักตัวตนจริงๆของคุณตา แกน่าจะช่วยฉันได้” คณินทร์สรุปทิ้งท้าย ฝากความหวังไว้ที่กรัณย์เพื่อนรัก...

เสร็จจากงานเลี้ยงวันเกิดคืนนี้ คณินทร์ไปส่งมินตราถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แล้วกลับมาอาบน้ำนอนบ้านตัวเองได้สี่ชั่วโมงก็ไปเฝ้าที่หน้าบ้านเธออีก เช้าตรู่มินตราเตรียมจะเข้าออฟฟิศเพราะโดนอุมาเรียกตัว เธอออกมาเจอคณินทร์ก็นึกว่าเขานอนค้างที่นี่ทั้งคืน

หลังจากฟังเขาบอกเล่าแล้ว มินตราแปลกใจว่าทำไมเขาต้องคอยรับส่งตนขนาดนี้ด้วย คณินทร์ไม่ตอบตรงๆ แต่อยากให้เธอคิดเอาเองเพราะโตแล้ว

มินตรารู้เต็มอกว่าเพราะความเป็นห่วง รู้สึกดีกับเขามากๆ ขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาไปอย่างมีความสุข และยิ่งสุขมากขึ้นเมื่อมีโอกาสแวะใส่บาตรพระด้วยกันกับเขาก่อนเข้าออฟฟิศ

อุมาเรียกมินตรากลับมาทำข่าวสายบันเทิงเหมือนเดิมเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย หลังจากทราบข่าวว่าเมื่อวานเกิดเหตุการณ์ไล่ยิงคณินทร์กลางวันแสกๆแล้วมินตราก็อยู่ด้วย

มินตราไม่ยอมปฏิบัติตามเพราะต้องการทำข่าวอาชญากรรมโดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด เธอดึงดันด้วยเหตุผลดีๆ ทำให้อุมาจนมุมในที่สุด ตอบประชดให้มินตราไปเสี่ยงตายกับผู้ชายของเธอ ตนจะเรี่ยไรหาเงินซื้อเสื้อเกราะกันกระสุนให้ มินตราได้ฟังถึงกับยิ้มหน้าบานสวมกอดอุมาด้วยความดีใจสุดๆ

ooooooo

คณินทร์ปกปิดเรื่องจ่าขจรเป็นสายลับของตนไม่ให้ใครรู้ โดยเฉพาะปรมัตถ์ที่ยังพัวพันกับวาทิศหรือแม้แต่ลูกเมียของจ่าขจรก็ให้รู้ไม่ได้ เหตุนี้เองทำให้เจ๊สุกับโน้ตถูกสวาทนินทาว่าร้ายหลังรู้ข่าวจ่าขจรช่วยพาโจรหนีการจับกุมของตำรวจ

จ่าขจรได้รับความไว้วางใจจากไอ้แหลม แต่กับวาทิศนั้นยังไม่เต็มร้อยเหมือนอย่างที่เขาไว้ใจปรมัตถ์ และเรื่องปรมัตถ์เป็นสายของวาทิศก็ยังคงเป็นความลับสำหรับจ่าขจร ทั้งที่ไอ้แหลมอยากจะบอกจ่าแต่ติดตรงที่วาทิศขอไว้

ปรมัตถ์ชอบมินตราและยังตัดใจจากเธอไม่ได้ กอปรกับห่วงความปลอดภัยของเธอด้วยหากยังคบกับคณินทร์ที่ต้องทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ปรมัตถ์จึงกดดันให้คณินทร์ลาออกจากการเป็นตำรวจ

“ภารกิจเราต้องเสี่ยงตายทุกวัน ถึงแกจะปกป้องคุณมินตราได้ แล้วเคยคิดไหม วันที่แกเป็นอะไรไปคุณมินตราจะรู้สึกยังไง คนตายก็ตายไป แต่คนที่อยู่ข้างหลังต่างหากที่เจ็บปวด”

“แกพูดเหมือนไม่รู้จักฉัน ตำรวจคือชีวิตของฉัน”

“เพราะฉันรู้ ฉันถึงต้องเคลียร์กับแก ถ้าแกเลือกทำงาน เท่ากับแกไม่ได้รักคุณมิน แกรักตัวเอง...แกจะหาว่าฉันฉวยโอกาสไม่ได้”

“หมายความว่าไง”

“ฉันจะลาออกจากตำรวจ ฉันยอมทิ้งอุดมการณ์ของฉันเพื่อคนที่ฉันรัก ฉันจะสร้างชีวิตใหม่เพื่อคุณมินตรา”

“แต่เธอไม่ได้รักแก”

“ใช่...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแก” ปรมัตถ์วางใบลาออกกับปากกาไว้ตรงหน้าคณินทร์แล้วเดินหนีไป ทิ้งความเครียดในการตัดสินใจให้คณินทร์ต้องไตร่ตรอง

คณินทร์ยังไม่ทำตามความต้องการของปรมัตถ์ ทั้งที่ลึกๆคล้อยตามความคิดเขาเพราะตัวเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของมินตราเช่นกัน วันนี้เมื่อเธอโทร.หา คณินทร์จึงไม่รับสายเพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะยุติหรือเดินหน้าต่อในการคบหากับเธอ

ooooooo

เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้หลังจากสวาทพูดจาว่าร้ายจ่าขจรที่ช่วยพาโจรหนีแล้วโน้ตได้ยิน ทั้งที่จ่าแคนกับดาบพลพยายามช่วยกันปกปิดไม่ให้ลูกชายของจ่าขจรรู้

เจ๊สุรู้ก่อนโน้ตแต่ปกปิดไว้ แล้ววันนี้ที่สวาทมาตอกย้ำความเลวของจ่าขจรอีกทำให้โน้ตไม่พอใจ เจ๊สุจึงโดนลูกคาดคั้นจนต้องพูดมันออกมา

“เขาว่าพ่อช่วยโจร พาโจรหนีไป แต่ไม่เชื่อหรอก พ่อไม่ทำอย่างนั้น แม่รอให้พ่อกลับมาสู้คดี ทุกคนจะได้รู้ ความจริงว่าพ่อไม่ได้ทำผิด”

“นังสุ...เรื่องมาถึงขนาดนี้ยังเข้าข้างผัว...พ่อแกเป็นโจร กำพืดเลวมันก็เลวทั้งเมียทั้งลูก อีกหน่อยแก ก็ต้องติดยา คลั่งยา ฆ่าคน”

โน้ตทนฟังไม่ได้ วิ่งหนีกลับไปที่แฟลตตำรวจ เจ๊สุห่วงความรู้สึกของลูกรีบวิ่งตามไป โดยมีมินตราที่มารู้เห็นก้าวตามรั้งท้ายด้วยความเป็นห่วง

ความผิดของจ่าขจรยังไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กระนั้นโน้ตก็รับไม่ได้ที่ถูกสวาทกล่าวหาด่าประจานให้อับอาย เด็กหนุ่มกลับมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจะไปอยู่ที่อื่น เจ๊สุพยายามรั้งแต่โน้ตไม่ฟัง จนกระทั่งมินตราต้องเข้ามาช่วยพูดด้วยเหตุผลที่ทำให้โน้ตหยุดคิด

“โน้ต...พี่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่พี่รู้จักจ่าขจร พี่เชื่อว่าพ่อโน้ตไม่ได้ทำผิด มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เรารู้ คนที่ตอบคำถามนี้ได้ดีคือพ่อโน้ต โน้ตต้องเย็น รอให้มีโอกาสได้เจอพ่อแล้วถามความจริงจากพ่อ ตอนนี้โน้ตถูกศาลสั่งควบคุมความประพฤติ ถ้าหนีไปคนที่ต้องรับผิดชอบคือแม่ อยากให้แม่ติดคุกเพราะตัวเองรึไง”

โน้ตมองแม่ที่นั่งร้องไห้ตรงประตูห้อง สภาพแม่ทุกข์หนักหมดอาลัยตายอยาก ขณะที่มินตรายังใช้ความพยายามเพื่อโน้มน้าวโน้ตต่อไป

“รู้ไหมพี่มาที่นี่ทำไม...พี่ตั้งใจมาหาโน้ต พี่อยากจะให้โน้ตเป็นตัวแทนเยาวชนที่หลงผิดบอกเล่าชีวิตเพื่อเป็นบทเรียนให้คนอื่น พี่อยากให้โน้ตเป็นกำลังใจให้คนหลงผิดกลับมาลุกขึ้นสู้ แต่พี่คิดผิด โน้ตจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้ยังไง ในเมื่อโน้ตเห็นแก่ตัว รักตัวเอง โน้ตเอาแต่น้อยใจว่าพ่อแม่ไม่รัก เรียกร้องหาความรักแล้วเคยให้คนอื่นบ้างไหม อยากได้ความรัก ก็ต้องรู้จักรักคนอื่นด้วย”

โน้ตรับฟังและยอมหิ้วกระเป๋ากลับเข้าห้องปิดประตูดังปัง เจ๊สุร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยก็ยังรู้สึกดีที่ลูกไม่หนีไปไหน ซึ่งมินตราปลอบใจว่า

“แกไม่หนีไป ฉันเชื่อว่าแกรักคุณและรักจ่า”

“ขอบคุณมากนะคะ ฉันเองก็เลี้ยงลูกผิด”

“ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ความรักและความหวังดีของพี่จะเปลี่ยนลูกได้” มินตราให้กำลังใจ เจ๊สุพยักหน้ารับ หวังว่าโน้ตจะคิดได้...

ooooooo

มือปราบเจ้าหัวใจ

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด