ตอนที่ 14
อนิรุทธิ์มาทำงานตามปกติ ยุทธการเข้ามาถามหานุดี เขาบอกว่าป้าเธอพาตัวกลับไปแต่งงานที่เพชรบุรี ยุทธการตกใจต่อว่าอนิรุทธิ์ยอมได้อย่างไร รู้ทั้งรู้ว่านุดีรักเขา
อนิรุทธิ์พูดอย่างปลดปลงว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยุทธการหาว่าพอเป็นไปไม่ได้ก็ปล่อยไปตามยถากรรมไม่คิดช่วย อนิรุทธิ์ไม่รู้จะพูดยังไง นิ่งเงียบไปอย่างอ่อนใจ
วาทินพาอรอินทร์กับนิ่มมาที่บ้านถาวร ท่าทางนิ่มมีความสุขเล่นสนุกกับลุงและวาทิน อรอินทร์สีหน้ายังไม่หายเครียด วาทินมองออกเข้ามายืนข้างๆ รู้แก่ใจว่าอรอินทร์ยังตัดใจจากอนิรุทธิ์ไม่ได้ แต่เขาก็แสดงความจริงใจให้เห็นและพร้อมจะรอให้เธอกับลูกเข้ามาอยู่ในความดูแล
ด้านอนงค์นารถกับฉวีเพ็ญกอดคอกันร้องไห้กับปัญหาครอบครัว ไม่ทันไรสีหนาทตามมาง้อฉวีเพ็ญยอมแยกบ้านออกมาอยู่กันเองดีกว่าเสียเธอไป ฉวีเพ็ญยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความปลื้มใจ ส่วนอนงค์นารถพยายามเอาอกเอาใจพลเวทย์เพราะรู้ว่าตัวเองผิดมหันต์ แต่เขามีท่าทีปั้นปึ่ง
วิภารดีให้วิกันดา เจนจบ และเคนกลับไปปูซานอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้ไปด้วยเพราะติดงานอื่น ทั้งสามนั่งคุยกันเรื่องนุดีด้วยความเป็นห่วง ถ้านุดีรักเคนก็คงไม่เจอปัญหานี้ เจนจบสะใจที่นุดีไม่ลงเอยกับอนิรุทธิ์ ไม่อย่างนั้นชีวิตคงหาความสุขไม่ได้ วิกันดาฟังแล้วเสียความรู้สึก
วิกันดาแวะมาเยี่ยมอรอินทร์ที่บ้านถาวร อรอินทร์กล่าวขอบคุณเธออย่างจริงใจ
“ถ้าไม่มีนุดี อรคงไม่มีวันรู้ว่าตัวเองทำให้คุณพี่เป็นทุกข์แค่ไหน วันก่อนอรต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังดีที่เด็กๆไม่อยู่ ไม่งั้นอรคงเกลียดตัวเองมากกว่านี้ สติแตก ขนาดนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ คุณพี่คงยังไม่หายโกรธ”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่เหนื่อย เหนื่อยแทนคุณด้วย”
“พี่รุทธิ์ไม่มีหัวใจ เขาใจร้ายมากที่ทำร้ายความรู้สึกอร วันนั้นอรไม่น่าเจอเขาเลย ถ้าไม่ได้เห็นกันก็คงไม่ต้องมีวันนี้”
วิกันดานิ่วหน้ามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง
“คุณพี่ไม่รู้หรอกว่าอรรักพี่รุทธิ์มานานแค่ไหน”
อรอินทร์เล่าอดีตที่เห็นอนิรุทธิ์ตั้งแต่ตนยังอยู่มัธยม และเฝ้ารักเขามาตลอด วิกันดาเตือนว่าถ้ารักขนาดนั้นก็น่า จะยอมรับตัวตนของเขาได้ คนอย่างเขาไม่มีวันเปลี่ยน ตัวเอง อรอินทร์ได้ฟังก็เงียบไปอย่างหมดคำพูด
คืนนั้นอนิรุทธิ์มาหาอรอินทร์ที่ห้องพักภายในคอนโด เขาสาบานว่าไม่เคยมีอะไรกับนุดี อรอินทร์ยอมเชื่อแล้วขอให้เขาสัญญาว่าจะไม่มีใครอีก แต่เขานิ่ง ทำให้เธอรู้ว่าไม่มีทางจึงถอยห่างกลั้นสะอื้น
ooooooo
ด้านนุดี...แวววรรณจับเธอให้ลองสวมชุดไทย เถกิงเดชนั่งดื่มอยู่กับสุนทรเพื่อนรุ่นน้องที่จะมาเป็นเจ้าบ่าว สุนทรมองนุดีด้วยสายตาโลมเลีย เธอรู้สึกรังเกียจเขาอย่างมาก
รุ่งเช้า แวววรรณเร่งนุดีให้รีบแต่งตัวจะไปโรงแรม เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงาน บ่นว่าให้แต่งๆไปเสียจะได้เลิกเป็นหอกข้างแคร่อยู่ให้รกหูรกตา
นุดีเก็บกลั้นความชอกช้ำใจ พอแวววรรณออกไปจากห้อง เธอถ่ายรูปตัวเองที่สวมชุดไทยในกระจกส่งไปให้อนิรุทธิ์ พร้อมข้อความว่านี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เห็นตนในชุดนี้ ตนเกลียด ทำไมต้องแต่งกับคนที่ไม่ได้รักด้วย
จังหวะนี้เถกิงเดชแอบเข้ามาจะปลุกปล้ำนุดีเพราะทนไม่ได้ที่เพื่อนชิงตัดหน้า แวววรรณเข้ามาเจอโมโหมาก เถกิงเดชหมดความเกรงใจประกาศจะพานุดีหนีเอง
นุดีฉวยโอกาสที่ลุงกับป้าตบตีกันคว้ากระเป๋าวิ่งหนี พอทั้งสองรู้ตัวก็สงบศึกรีบตามหานุดีกันจ้าละหวั่น
เป็นเวลาเดียวกับที่เคนเอาเอกสารจากมหาวิทยาลัยปูซานอยากให้อนิรุทธิ์ไปทำวิจัยที่นั่นมาให้ อนิรุทธิ์กำลังดีใจ แต่ครู่เดียวก็หัวเสียเพราะแวววรรณโทร.เข้ามาด่าเขาและคาดคั้นว่าเอานุดีไปไว้ไหน อนิรุทธิ์บอกว่าตนสอนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัยจะเอาเวลาที่ไหนไปพานุดีหนี แวววรรณไม่เชื่อจะมาอาละวาด ทำให้อนิรุทธิ์โกรธตอบโต้เสียงแข็งก่อนจะตัดสาย
“จะกล่าวหาก็ให้มีหลักฐานหน่อย ผมฟ้องคุณกลับได้ นุดีบรรลุนิติภาวะแล้ว ถึงไม่ได้อยู่กับผมก็อาจไปอยู่กับใครก็ได้ อย่าใส่ความ ผมไม่มีเวลาว่างยุ่งเรื่องไร้สาระ”
ooooooo
นุดีหมดหนทางไปจึงหนีมาหายุทธการ เขาดีใจมากรีบพาเธอไปหาห้องเช่าเล็กๆอยู่ สารภาพรักกับเธอและขอให้อดทน ตนเรียนจบเมื่อไหร่จะหางานทำเลี้ยงดูเธอ นุดีรับฟังทั้งที่รู้แก่ใจว่าไม่อาจรับรักเขาได้ เพราะหัวใจเธอมีแต่อนิรุทธิ์คนเดียว
อนิรุทธิ์นั่งกลุ้มใจเรื่องนุดีที่บ้านวิกันดา โดยมีเคน เจนจบ อนงค์นารถ และฉวีเพ็ญร่วมปรึกษา เคนซักถามว่านุดีติดต่อใครได้บ้าง
ทุกคนมองไปที่อนิรุทธิ์ เขาจึงยอมรับว่าเธอแค่ส่งรูปในชุดไทยมาให้เท่านั้น เจนจบปรักปรำว่าเขาวางแผนพานุดีหนีแล้วไม่บอก อนิรุทธิ์โวยว่าไร้สาระ วิกันดาเสียงเข้มบอกว่าตนเชื่อเขา อนิรุทธิ์ยิ้มอย่างขอบคุณ
อรอินทร์เริ่มเอนเอียงมาทางวาทินเพราะลูกสาวก็ดูจะติดเขามาก วาทินซื้อขนมเค้กที่นิ่มชอบมาให้ ทั้งสามกำลังจะตัดเค้กกินกันอย่างสนุกสนาน แวววรรณโทร.เข้ามายุแยงอรอินทร์ว่าอนิรุทธิ์พานุดีหนีไปกกอีกแล้ว อรอินทร์สบตาวาทินนิ่งๆ ตัดสินใจตอบแวววรรณไปว่า
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อย่ายุให้เหนื่อยเปล่าเลยค่ะ เสียเวลาแล้วก็ไม่ต้องโทร.มาตามหาใครกับฉันอีกนะคะ หวังว่าคงจะเข้าใจ”
อรอินทร์วางสายแล้วเอื้อมมือมาจับมือวาทิน วาทิน ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น นิ่มเห็นแล้วยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ
ooooooo
เมื่อสำนึกว่าตัวเองทำผิดแต่พยายามง้อขอโทษอย่างไรก็ไม่เป็นผล อนงค์นารถตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้าน กล่าวขอโทษพลเวทย์ที่เขาคงทนอยู่กับผู้หญิงที่นอกใจไม่ได้ เธอขอพูดอีกครั้งว่ารักเขามากและขอโทษที่ทำผิดต่อคนดีๆอย่างเขา
อนงค์นารถปาดน้ำตาหันหลังกลับ พลเวทย์เอ่ยถามว่าจะไปอยู่ที่ไหน เธอส่ายหน้ายังไม่รู้ แต่หลายวันที่ผ่านมาตนอึดอัดใจมาก แต่ไม่โทษเขาที่ไม่อยากคุยด้วยเพราะตนผิดเอง
พลเวทย์ก้าวเข้าโอบกอด ยอมรับว่าตนก็มีส่วนผิดที่ละเลยไม่สนใจดูแลเธอ เราผิดกันทั้งคู่ ตนยอมรับว่าตอนแรกโกรธเธอมาก แต่ถ้าต้องเสียเธอไป คิดว่าเรากลับมาปรับความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งน่าจะดีกว่า เพราะตนรักเธอ อนงค์นารถน้ำตาไหลพราก กอดเขาพร่ำบอกว่าตนก็รักเขาเช่นกัน
ด้านยุทธการก่อนไปเรียนจะซื้ออาหารเตรียมไว้ให้นุดี เอาอกเอาใจเพื่อขอโอกาสได้ดูแล รอจนเรียนจบแล้วความเป็นอยู่ของตนคงดีขึ้น นุดีได้แต่นิ่งๆ รู้แก่ใจว่าไม่มีหัวใจเหลือสำหรับเขาเลย
เมื่อยุทธการออกไปแล้ว นุดีกอดตัวเองร่ำไห้คิดถึงอนิรุทธิ์ หลังจากนั้นเธอแอบมายืนมองที่หน้าบ้านวิกันดา เห็นอนิรุทธิ์เล่นบอลกับลูกๆอย่างสนุกสนานก็สะท้อนใจ
วิกันดาถือน้ำผลไม้ออกมาวาง ยืนมองพ่อลูกเล่นกัน ...นุดีมองภาพครอบครัวอนิรุทธิ์อย่างขมขื่นใจ
เมื่อกลับมาที่ห้องเช่า คิดถึงภาพที่เคยได้ใกล้ชิดกับอนิรุทธิ์ จนมาถึงวันที่ยอมพลีกายให้เขา แต่เขากลับไม่ไยดี น้ำตาเธอพรั่งพรูไม่เหลืออะไรบนโลกใบนี้อีกแล้ว
ในที่สุดนุดีตัดสินใจเขียนจดหมายถึงอนิรุทธิ์ฉบับหนึ่ง แล้วเอาดอกไม้แห้งที่เก็บไว้ในกระเป๋ามากอด หยิบยาฆ่าหญ้าที่เตรียมไว้ด้วยมืออันสั่นเทา ขยำดอกไม้แห้งจนป่นก่อนจะกรอกยาเข้าปาก สักพักก็ดิ้นทุรนทุราย
ยุทธการกลับมาเจอตกใจมากรีบพานุดีส่งโรงพยาบาล พยาบาลรีบถามว่าเอายาที่กินมาด้วยหรือไม่ และถามปริมาณที่กินเข้าไป ยุทธการตอบไม่ได้ น้ำตาไหล ทั้งเครียดและเสียใจ
พักใหญ่ อนิรุทธิ์ วิกันดา เจนจบ และเคนมาถึง ทุกคนกรูเข้ามาถามยุทธการ เขาส่ายหน้าทั้งน้ำตา บอกว่านุดีบ่นว่ารู้สึกผิดที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ตนเสียใจที่ไม่ได้อยู่เฝ้าเธอตลอด ไม่น่าทิ้งเธอไปเรียน
ระหว่างทุกคนกำลังเครียด ถาวรโทร.เข้ามาหาอนิรุทธิ์ถามเรื่องเอกสารที่จะใช้ไปปูซาน จึงรู้ว่านุดีกินยาตาย อรอินทร์ที่นั่งคุยอยู่กับวาทินได้ยินตกใจมาก...
หมอออกมาบอกว่าสารพิษที่คนไข้กินเข้าไปรุนแรงมาก มันซึมซับเข้าทำลายอวัยวะในร่างกาย คนไข้ทราบสถานการณ์แล้ว และอยากพบคุณวิกันดา
วิกันดาน้ำตาร่วงด้วยความรันทดหดหู่ใจ อนิรุทธิ์ประคองเธอเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เห็นนุดีนอนใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ วิกันดายิ่งเวทนาสงสาร
นุดีรับรู้ทุกอย่าง ยกมือไหว้วิกันดาทั้งน้ำตาที่ไหลพรากและพยายามเปล่งเสียงพูดทั้งที่ตะกุกตะกักเต็มที
นุดีต้องการให้วิกันดายกโทษให้ตน วิกันดารวบมืออันสั่นเทานั้นไว้บอกว่าไม่เคยโกรธ เธอจะต้องหาย ต้องไม่เป็นอะไร
อนิรุทธิ์น้ำตาคลอด้วยความสงสารและรู้สึกผิดต่อนุดี เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ แต่เธอเลื่อนมือขึ้นมาแตะแก้มเขาอย่างยากลำบาก อนิรุทธิ์สะเทือนใจขยับเข้ามาโอบกอด เป็นจังหวะที่เคนเดินเข้ามาเห็น เขามองภาพนั้นด้วยความรู้สึกขมขื่น
มือหนึ่งนุดีจับมือวิกันดาไว้ อีกมือจับมืออนิรุทธิ์ เธอสูดลมหายใจอย่างทรมาน ตัวเกร็งพยายามจะพูดว่าขอโทษที่ตนรักอนิรุทธิ์...
อรอินทร์กับวาทินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พอเจนจบบอกว่าอนิรุทธิ์กับวิกันดาอยู่ข้างใน อรอินทร์รีบตามเข้าไป ได้ยินได้เห็นภาพนุดีทิ้งมือร่วงลงตาค้างสิ้นใจก็ยืนช็อกทำอะไรไม่ถูก หมอกับพยาบาลวิ่งเข้ามาตรวจเช็กมอนิเตอร์เส้นกราฟหัวใจเป็นเส้นตรง
วิกันดาร้องไห้ เอื้อมมือไปปิดตาให้นุดี
อรอินทร์พึมพำเสียงแผ่วอยู่ข้างๆ “อโหสิกรรมให้ฉันด้วยนะ ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับเธอ”
แวววรรณกับเถกิงเดชเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ฟังเสียงห้ามของพยาบาล แวววรรณโวยวายว่าตนเป็นป้า ด่าทอนุดีโดยไม่ทันมองว่าหลานสาวเป็นอย่างไร กระทั่งวิกันดาบอกว่านุดีเสียแล้ว แวววรรณตกใจอ้าปากค้าง เป็นลมล้มพับในอ้อมแขนสามี
ทุกคนเดินออกจากห้องฉุกเฉิน ยุทธการช็อกนั่งนิ่ง อรอินทร์มองอนิรุทธิ์อย่างห่วงใย เขาขออยู่คนเดียวแล้วเดินไป เธอยืนอึ้งเคว้งคว้าง วาทินเข้ามาจับมือและยิ้มให้อย่างอบอุ่น ชวนเธอกลับบ้าน อรอินทร์พยักหน้ารับ แต่แล้วจู่ๆแวววรรณก็ร้องกรี๊ดขึ้นมา ก่นด่าหลานสาวทั้งที่เธอหมดลมหายใจไปแล้ว
“นังโง่นุดี ฉันเลี้ยงแกมาแทบตาย แทนที่จะได้ตอบ แทนบุญคุณให้พึ่งได้ตอนแก่ ดันมาฆ่าตัวตายเพราะผู้ชาย”
เถกิงเดชปรามภรรยาว่าอายเขา แต่เธอยังโวยวายว่าใครจะรับผิดชอบ อุตส่าห์ส่งเสียตั้งมากมายดันมาตายใส่กัน
อรอินทร์อดรนทนไม่ไหว ก้าวไปยืนตรงหน้าสองสามีภรรยา ตำหนิอย่างไม่เกรงใจ
“เลิกพูดได้แล้ว ไม่มีความคิดรึไง คนตายทั้งคนยังมายืนด่าปาวๆกลางโรงพยาบาล เพราะมีป้าเลวๆแบบนี้แหละ นุดีถึงรีบหนีไปตาย”
เถกิงเดชเถียงแทนเมียว่าเราเลี้ยงนุดีมาอย่างดี
อรอินทร์รู้ลึกรู้จริงแหวกลับว่าเลี้ยงเพื่อหวังเคลม นึกว่าไม่มีใครรู้เรื่องชั่วๆของตัวเองหรือ แวววรรณโกรธขู่จะฟ้อง อรอินทร์ท้าให้ฟ้อง พยานมีมากมายคนจะได้รู้ทั้งประเทศ แวววรรณชะงัก เชิดหน้าเรียกสามีกลับไปติดต่อวัด บ่นขรมว่าต้องสิ้นเปลืองอีก
ทุกคนยิ้มให้อรอินทร์ แต่เธอยังรู้สึกเสียใจกับการตายของนุดี ไม่รู้ว่าเธอจะยอมอโหสิกรรมให้ตนไหม วาทินปลอบว่าวันนี้เธอกู้ศักดิ์ศรีให้นุดีแล้ว นุดีต้องรับรู้แน่ อรอินทร์ถอนใจบ่นคนอะไรทำเลวกับหลานยังไม่รู้สำนึก วิกันดาคงมัวตกใจเถียงไม่ทัน ตนเลยต้องออกงิ้วเอง
วาทินอมยิ้ม แซวว่านึกไม่ถึงสวยๆอย่างนี้จะสายแข็งทำสองคนนั่นหน้าเหลือสองนิ้ว อรอินทร์สบตาเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ
“ไม่เข้าใจเลย ทำไมคนดีๆอย่างคุณถึงมาเสียเวลากับผู้หญิงเลวๆอย่างอร คุณน่าจะหาคนที่ดีพร้อมได้มากกว่านี้”
“ใครว่าน้องอรเลว”
“อรยังหาข้อดีของตัวเองไม่เจอ”
“แต่กับคนที่พี่รัก พี่หาเจอเสมอ พี่รักอรและอยากเห็นอรมีความสุข พี่ไม่ได้ต้องการคนอื่นที่ดีพร้อม แต่พี่ต้องการอรคนเดียว”
วาทินเปิดเผยความในใจ กุมมือและสบตาอรอินทร์อย่างแน่วแน่เพื่อยืนยันคำพูดของตน
ooooooo
ยุทธการเอาจดหมายที่นุดีเขียนจ่าหน้าซองถึงอนิรุทธิ์มาให้ อนิรุทธิ์รับมาด้วยความรู้สึกเศร้าสลด ค่อยๆเปิดอ่าน
“เรียนคุณอนิรุทธิ์...หากคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ หนูคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว หนูขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป หนูรักคุณรุทธิ์มาก แต่หนูก็ขมขื่นและรู้สึกผิดทุกครั้ง เพราะหนูเองก็รักคุณวิไม่แพ้กัน หนูพยายามหักห้ามใจที่มีต่อคุณ แต่หนูก็ทำไม่ได้ หนูเข้าใจแล้วว่าความรักเป็นยังไง หนูทรมานที่ต้องหลอกลวงคุณวิ หนูไม่อยากทรยศคุณวิที่ดียิ่งกว่าพ่อแม่ หนูขอเป็นฝ่ายจากไปเอง และหวังว่าคุณทั้งสองจะยังระลึกและอโหสิกรรมให้หนู...รักคุณสุดหัวใจ”
อนิรุทธิ์สะเทือนใจถึงกับน้ำตาไหล กำจดหมายมือสั่น รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ...
ด้านนวลหวาดกลัวอยู่กับบ้านจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะร้ายกับนุดีไว้มาก กลัวจะมาหลอกหลอน วิกันดาพาลูกๆกลับจากงานศพนุดี นวลจึงขอนอนกับน้องๆ ถ้าไม่ให้ตนจะปูที่นอนนอนหน้าเตียงเธอ
ส่วนอนิรุทธิ์กลับมานั่งซึมเศร้าที่คอนโด อรอินทร์เข้ามาปลอบ เขาเอ่ยถามว่าวาทินเป็นใคร ท่าทางจิตใจดี อรอินทร์ย้อนถามว่าเรื่องระหว่างเราจะเป็นอย่างไรต่อ
เขาถอนใจหลับตาลง กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องนุดีเหมือนทุกอย่างมันเบลอไปหมด แต่อาทิตย์หน้าพี่จะไปทำงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยปูซาน คงอยู่ที่นั่นสักหนึ่งเดือน อยู่เงียบๆคนเดียวคงมีเวลาทบทวนอะไรๆมากขึ้น”
อรอินทร์แตะมือเขา แววตายังต้องการเขาอย่างมาก แต่หักห้ามใจ สลัดความต้องการนั้นทิ้งเสียดีกว่า
“ค่ะ อรก็จะคิดเรื่องของเราเหมือนกัน ไว้ถึงตอนนั้นค่อยคุยกันว่าควรจะทำยังไงกันดี”
ooooooo










