สมาชิก

มาหยารัศมี

ตอนที่ 16

สองแม่ลูกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง จันทราสั่งเพ็ญประกายห้ามยอมแพ้ ต้องบีบน้ำตาเข้าไว้ตนจะทำให้เป็นข่าว พวกหน้าบางอย่างธิติรัตน์จะต้องยอมแต่งงานด้วยแน่ๆ สองแม่ลูกหัวเราะมีความสุข เดือนแรมถือดอกไม้ไปไหว้พระผ่านมา ได้ยินเรื่องราวถึงกับหน่ายใจ จันทราหันมาเห็น ร้องเรียกให้หยุด ถามเยาะ

“คงได้ยินแล้วสินะ ว่าคุณชายจะแต่งงานกับลูกมาหยารัศมี”

“ได้ยินค่ะ ได้ยินด้วยว่าคุณน้าสอนให้พี่เพ็ญบีบน้ำตา สร้างเรื่องจับคุณชาย”

สองแม่ลูกตกใจที่เดือนแรมได้ยินก่อนหน้านั้นด้วย จันทราปรี่เข้าผลักอกเดือนแรม เพ็ญประกายยุให้จัดการ ตนจะจับไว้ให้ เดือนแรมหันมาถามว่าพี่สูงเท่าไหร่ เธอทำงงๆ

“พี่เพ็ญตัวเล็กกว่าแรมตั้งเยอะ พี่เพ็ญทำอะไรแรมไม่ได้หรอก อย่ามาหาเรื่องกันเลยค่ะ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกัน”

จันทราวีนใส่ใครเป็นพี่กับเด็กเก็บมาเลี้ยง เดือนแรมน้อยใจ โต้ว่าตนจะร้องต่อศาลขอตรวจดีเอ็นเอ จันทราหัวเราะเยาะ แต่พอเดือนแรมย้อนว่า ถ้าตนไม่ได้เป็นอะไรกับมณีกุล พ่อคงต้องสืบต่อไปว่าลูกที่แท้จริงอยู่ไหน ถึงตอนนั้นเธอคงต้องเตรียมคำตอบเพราะคงจะรู้ดีเห็นย้ำอยู่เสมอว่าตนเป็นเด็ก เก็บมาเลี้ยง จันทราหน้าซีดเผือด ตั้งสติได้ตามไปกระชากเดือนแรมหันมาตบ

“นังแรม แกคิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นเหรอ มีแต่แกจะตายก่อนนั่นแหละนังแรม”

เพ็ญประกายเข้ามาช่วยจับตัวเดือนแรมไว้ เดือนแรมเหลืออด สะบัดเพ็ญประกายล้มลง ประกาศว่าตนยอมมามากพอแล้ว วันนี้ตนไม่ยอม เดือนแรมหันมาตบหน้าจันทราอย่างแรง แล้วเหวี่ยงไปกองรวมกับเพ็ญประกาย สองแม่ลูกร้องกรี๊ดๆจะลุกขึ้นเล่นงาน เดือนแรมชี้หน้า

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะคะ แรมไม่อยากมีเรื่อง ที่แรมสู้เพื่อปกป้องตัวเอง กรุณาอย่าทำให้แรมหมดความเกรงใจมากไปกว่านี้เลย โดยเฉพาะเรื่องที่จะไปปรักปรำคุณชาย เพราะคืนนั้นพี่เพ็ญไม่ได้อยู่กับคุณชาย”

เพ็ญประกายหน้าเสีย จันทราโวยวายไม่ใช่เรื่อง... ถึงอย่างไรธิติรัตน์ต้องรับผิดชอบ เดือนแรมโต้ว่าหน้าไม่อายแล้วยังจะสอนให้ลูกตัวเองหน้าไม่อายไปด้วย ตนอายแทนจริงๆ เดือนแรมอดสูเดินไป สองแม่ลูกร้องกรี๊ดๆ จันทราไม่วายยุยงลูกสาวว่าเดือนแรมอิจฉาอยากแต่งงานกับธิติรัตน์เสียเอง เราจะยอมไม่ได้

มะลิกับแม้นเทพกำลังคุยเรื่องวุ่นๆนี้อยู่พอดี ป้าพิมผสมโรงไม่พอใจ ถ้าธิติรัตน์จะรับผิดชอบเพ็ญประกายก็ต้องรับผิดชอบเดือนแรมด้วย แม้นเทพรู้ว่าธิติรัตน์อึดอัดใจ จะพูดความจริงเดือนแรมก็จะเสียหาย มะลิเคือง

“พูดถึงแรมแล้วฉันก็โมโห ยังไงก็น่าจะหาวิธีกลับบ้าน ไม่ใช่ไปพักค้างอ้างแรมกับเขา ถึงผู้ชายคนนั้นจะเป็นคุณชายก็ตามทีเถอะ”

พอดีเดือนแรมเดินกลับมาได้ยินหน้าจ๋อย มะลิเรียกเข้ามาตักเตือนว่าคืนนั้นทำไม่ถูก เดือนแรมกราบขอโทษเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ มะลิถอนใจตนจะมีหน้าไปเถียงกับจันทราได้อย่างไรว่าคืนนั้นเดือนแรมต่างหาก ที่อยู่กับคุณชาย หรือตนต้องไปเรียกร้องให้เขามารับผิดชอบบ้าง แม้นเทพเห็นแม่หนักใจแล้วนึกโกรธธิติรัตน์

แม้นเทพไปหาธิติรัตน์ที่บริษัท กระชากคอเสื้อเขาขึ้นมาต่อหน้าเพื่อนและพนักงาน เลขาร้องเรียก รปภ. ธิติรัตน์โบกมือห้าม แม้นเทพต่อว่าก่อนจะชกหน้าเขาเข้าให้

“ผมเคยขอคุณชายแล้วใช่มั้ย ว่าไม่ให้ไปยุ่งกับแรมอีก แล้วนี่คุณชายทำอะไร...คุณเห็นแก่ตัว เอาแต่ความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง”

ธิติรัตน์จะแย้ง แต่แม้นเทพชกเข้าอีกหมัด “ไม่ต้องมาแก้ตัว เพราะทุกคำที่คุณพูด มีแต่ทำให้แรมเสียหาย ถ้าคุณชายรักแรม แสดงความเป็นลูกผู้ชายให้ผมเห็น อย่ายุ่งกับแรมอีก”

แม้นเทพกลับออกไป ธิติรัตน์ปาดเลือดที่มุมปาก ทุกคนมองงงๆ...วีระกับศรัณย์พาธิติรัตน์เข้ามาในห้องทำงาน ต่างซักไซ้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอธิติรัตน์เล่าให้ฟัง ศรัณย์ถึงกับหน้าถอดสี

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงเดือนแรม ธิติรัตน์รีบไปหาเธอที่บ้าน เดือนแรมตกใจเมื่อเห็นหน้าตาปูดบวมของเขา และยิ่งได้รู้ว่าเป็นฝีมือแม้นเทพ เธอกังวลใจอย่างมาก ธิติรัตน์ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง พาเดือนแรมออกไปตามหาเมิน ตนรู้มาว่า เมินอยู่ที่รีสอร์ตริมน้ำแถวกาญจนบุรี

“ฉันว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำ กับที่คุณเมินทำ คงไม่ได้ต่างกันหรอก สำคัญก็แต่คุณเมินจะกล้ายอมรับกับฉันรึเปล่า ว่ากำลังทำอะไร”

เดือนแรมยังไม่ค่อยเข้าใจ ธิติรัตน์รู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง หันขวับไปดูเห็นไวๆคล้ายเมิน เขาวิ่งตามไปร้องเรียก เดือนแรมวิ่งตามมามองหา

“คุณพ่อคะ...คุณพ่อ คุณพ่อออกมาหาแรมสิคะ” ดูเหมือนไม่มีวี่แวว เดือนแรมหันมาถาม “คุณชายเห็นคุณพ่อจริงใช่มั้ยคะ”

“ใช่ และที่นักสืบบอกฉัน คุณเมินยังอยู่ที่นี่ แต่คุณเมินจงใจหลบพวกเรา”

เดือนแรมใจแป้วอยากรู้ว่าพ่อทำอะไร ธิติรัตน์ได้แต่หวังว่า สิ่งที่เมินทำจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ตนกำลังทำ ทั้งเรื่องจันทราและมาหยารัศมี ให้ความจริงกระจ่างออกมาเสียที...

ครั้นเมื่อได้อยู่ลำพัง เพ็ญประกายก็ย้อนคิด ดึงดันเอาชนะต่อไปก็ไร้ผล จึงอยากโทร.คุยกับธิติรัตน์ให้สิ้นเรื่องจะได้จบๆกันไป...แต่ธิติรัตน์กลับเห็นว่าเพ็ญประกายโทร.มา ไม่ยอมรับสาย เดือนแรมขอร้องให้รับ เขาดึงดัน

“ไม่ ฉันไม่อยากคุยด้วย คุณเพ็ญจะให้ฉันแต่งงานกับมาหยารัศมี ฉันยังพอเข้าใจได้ แต่การที่คุณเพ็ญบอกว่า ไปค้างคืนกับฉัน ฉันไม่เข้าใจ ไปตามหาคุณเมินต่อกันดีกว่าแรม”

ด้านเพ็ญประกาย เสียใจที่ธิติรัตน์ไม่รับสายตน เขาเห็นตนเป็นตัวอะไร ความเสียใจกลายเป็นความแค้น จะไม่ยอมปล่อยธิติรัตน์แล้ว พลันแป้นเข้ามาบอกว่า ศรัณย์มาหา เธอตกใจรีบไปพบทันที จันทราได้ยินสงสัยว่าศรัณย์เป็นใคร

สองคนเจอกัน ศรัณย์รีบถามอย่างห่วงใยว่าเพ็ญประกายเป็นอย่างไรบ้าง เธอซึ้งใจ

“คงมีคุณศรัณย์เพียงคนเดียว ที่มองเพ็ญด้วยสายตาที่ลึกซึ้งอย่างนี้ คนอื่นเขาไม่เคยมอง”

“ก็ไม่จำเป็นนี่ครับ ที่ผมจะต้องทำเหมือนคนอื่น แล้วนี่คุณได้เปิดใจคุยกับคุณแม่หรือยัง”

“จะเปิดใจคุยอะไรกับฉันไม่ทราบ” จันทราโผล่เข้ามาด้วยสายตาขุ่นเคือง

สองคนสะดุ้ง ศรัณย์ยกมือไหว้เรียกจันทราว่าแม่ จันทราตาเขียวใส่ “หน้าตาอาวุโสกว่าฉันอีก มาเรียกฉันคุณแม่ คนพูดจาหยาบคาย ไม่มีมารยาทอย่างคุณ รู้เอาไว้บ้านนี้ไม่ต้อนรับ”

เพ็ญประกายหน้าเสีย จันทราเอ็ดไล่ให้เข้าบ้านและไล่ศรัณย์กลับไป แถมสั่งห้ามเรียกเพ็ญประกายอีก ศรัณย์ถอนใจ ขนาดจันทราเองยังเผลอเรียกลูกว่าเพ็ญประกายเองเลย...

จันทราตามเข้าบ้าน ลากเพ็ญประกายเข้าไปในห้อง เอ็ดตะโรใส่เมื่อรู้ว่าคืนนั้นเธอหายไปค้างคืนกับศรัณย์ เพ็ญประกายรับรองว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถึงอย่างไรจันทราก็ไม่พอใจ

“โอ๊ย...จะบ้าตาย ทำไมลูกฉันแต่ละคนมันไม่ได้ดั่งใจฉัน”

“ลูกแต่ละคน...หมายความว่ายังไงคะ” เพ็ญประกายสะดุดหู

“แกไม่ต้องถาม หน้าที่ของแกคือทำตามคำสั่งฉัน”

“ไม่ค่ะ เพ็ญจะไม่ทำตามคำสั่งคุณแม่ ถ้าคุณแม่มีความลับกับเพ็ญ...พี่ชุ คือลูกของคุณแม่อีกคนใช่มั้ย...”

จันทราโมโหตบหน้าลูกสาว กระชากตัวมาตะคอกใส่ “อย่ามาจับผิดฉันอย่างนี้ แกอยากให้ฉันบ้าตายรึยังไง แกรู้มั้ย ทุกวันนี้ฉันทุกข์ทรมานใจแค่ไหน พวกมันจ้องจับผิดฉัน ส่งคนมาตามสืบประวัติฉัน พวกมันรวมหัวกันอยากให้ฉันย่อยยับ แกยังอยากให้ฉันย่อยยับอีกคนรึไง”

“ไม่ค่ะ คุณแม่...เพ็ญรักคุณแม่ เพ็ญไม่เคยต้องการเห็นคุณแม่ย่อยยับ”

จันทราร้องไห้อย่างเจ็บปวด เพ็ญประกายกุมมือแม่ถามว่าพวกนั้นเป็นใคร แล้วแม่มีอดีตอะไร ทำไมต้องกลัว จันทราสะอื้น “อดีตที่จะทำให้แม่ต้องตายทั้งเป็น อย่าไปพูดถึงมันเลยลูก แม่อยากลืม...แม่อยากลืม”

เพ็ญประกายกอดปลอบจันทราแน่น ตนยอมแล้วที่จะทำทุกอย่างเพื่อแม่ จะเอาชนะทุกคน เข้าไปเป็นสะใภ้วังศิลาลายให้ได้ จะไม่ให้แม่เป็นคนแพ้เด็ดขาด จันทราตาวาวโรจน์อย่างมีความหวัง ใครขวางตนจะจัดการมันเอง

ooooooo

ขณะที่หม่อมรัตนากำลังทำความสะอาดเครื่อง-ประดับ เห็นกำไลสลักชื่อมาหยารัศมี เธอพึมพำ หวังว่ามาหยารัศมียังมีตัวจริงอยู่ เรื่องยุ่งๆจะได้จบลงเสียที

ไม่ทันไร ละเอียดเดินนำจันทราเข้ามา จันทราชำเลืองมองเครื่องเพชรอย่างอิจฉา แต่พอหม่อมรัตนาเงยหน้ามา ก็ปรับสีหน้าเป็นร้อนใจ หม่อมรัตนาถามว่ามีอะไร น่าจะโทร.มาก่อน

“อะไรคะหม่อม มาถึงนอกจากจะไม่เชื้อเชิญให้นั่งแล้ว ยังออกปากไล่อีก อย่าเสียมารยาทกับว่าที่แม่ยายของคุณชายธิติรัตน์นักสิคะ”

“คุณจันทราคะ ดิฉันแค่บอกให้ทราบว่า คนที่จะมาวังศิลาลาย โดยมารยาทแล้ว ควรบอกเจ้าของบ้านให้รู้ก่อน แล้วนี่คุณยังถือวิสาสะเดินเข้ามาเองอีก”

“ดิฉันถือว่าดิฉันไม่ใช่คนนอก แต่เป็นคนในครอบครัวเดียวกับหม่อม”

หม่อมรัตนาสีหน้าไม่พอใจ ถามถ้าเป็นเรื่องแต่งงานก็ขอให้หาหลักฐานมา จันทราขึ้นเสียงว่าไม่สำคัญแล้ว เพราะธิติรัตน์พาเพ็ญประกายไปค้างอ้างแรมมา หม่อมรัตนาตกใจไม่อยากเชื่อ จันทราสะใจเรียกร้องความรับผิดชอบ ดุจแขโผล่เข้ามา

“หม่อมคงไม่ต้องหาวิธีที่จะให้คุณชายเลี่ยงที่จะรับผิดชอบหรอกค่ะคุณจันทรา เพราะคนที่อยู่กับคุณชายทั้งคืนคือฉัน...คุณเองก็น่าจะรู้แล้วนี่คะ จะตามมาที่นี่ทำไมอีก”

ทั้งหม่อมรัตนาและจันทราตกใจ ดุจแขเอาคลิปในมือถือให้หม่อมรัตนาดู ถึงกับเป็นลม ละเอียดรีบโทร.ตามหมอเกรียง ดุจแขหันมาไล่จันทราให้กลับไป จันทราโกรธตัวสั่นเถียงไม่ออก เดินพรวดๆออกจากวัง เข่นเขี้ยวถ้าไม่มาขอลูกสาวตนจะโทร.บอกหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ให้ชื่อเสียงกมเลศย่อยยับไปเลย...

หมอเกรียงมาดูอาการหม่อมรัตนา ละเอียดรู้สึกผิดที่ปล่อยให้จันทราเข้ามา หม่อมรัตนาเข้าใจดีว่าจันทราดึงดันเข้ามาจนได้ ธิดากับเกรียงถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดุจแขเล่าให้ฟังและสรุปว่า พอจันทราหาหลักฐานการเป็นมาหยารัศมีไม่ได้ก็สร้างเรื่องขึ้นมาแทน ทุกคนเหนื่อยใจ

“ดายังคิดไม่ออกเลยค่ะพี่หมอ จะทำยังไงให้สองแม่ลูกมหาภัยออกจากชีวิตนายชายซักที”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกตรงๆ เกิดมาเพิ่งเคยเจอ”

“ดุจแขที่ว่าร้าย ยังสู้พวกเขาไม่ได้เลย” ธิดากระซิบยิ้มๆ

ดุจแขยังได้ยิน “ก็ดุจแขแค่ร้าย แต่ไม่ได้เลวนี่คะพี่ดา แขเคยอยากเอาชนะคุณชาย แต่พอรู้ว่าสู้ไปก็เหนื่อยเปล่า แขก็ถอยไม่เหมือนสองคนนั่น”

“โดยเฉพาะตัวแม่ น่ากลัวที่สุด นี่พี่ยังคิดไม่ออกเลยนะว่าจะจัดการกับเขายังไง” ธิดากลุ้ม

ดุจแขเสนอให้จัดการธิติรัตน์ก่อน ด้วยการโทร.แจ้งข่าว ธิติรัตน์ตกใจมาก แต่ดุจแขรับปากว่าจะจัดการให้ แต่เขาอย่าเพิ่งกลับมา...ธิติรัตน์บอกเดือนแรมว่า เราคงต้องค้างที่นี่ เขากุมมือเธอ

“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดี แต่เราสองคนต้องช่วยกันฟันฝ่านะแรม ไม่ใช่แค่เรื่องของมาหยารัศมี แต่ฉันต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับคุณจันทรา เรื่องของเธอ เพราะนานวัน ฉันยิ่งมั่นใจว่าเรื่องเลวร้ายทุกอย่างมาจากคุณจันทรา” น้ำเสียงธิติรัตน์มั่นใจมาก

ธิติรัตน์รู้ว่าเดือนแรมกังวลใจ จึงโทร.ไปบอกมะลิให้ “ขอโทษครับ ตอนนี้แรมอยู่กับผม”

“คุณชายคะ ป้าไม่เข้าใจจริงๆ คุณชายจะทำให้แรมเดือดร้อนไปถึงไหน”

“คุณป้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ที่ผมกับแรมอยู่ด้วยกัน เพราะมาตามหาคุณเมิน”

มะลิตกใจกับข่าวที่ธิติรัตน์บอกว่า เจอเมินที่เมืองกาญจน์ พอเล่าให้แม้นเทพฟัง เขาปลอบแม่ว่า ตอนนี้ไม่ต้องห่วงเดือนแรม แต่คนที่น่าเป็นห่วงคือเพ็ญประกาย มากกว่า...

ช่วงหลังมานี่ แม้นเทพมักมาปรับทุกข์กับชุติมา เธอเห็นด้วยว่าคนที่น่าห่วงคือเพ็ญประกาย คงทำใจไม่ได้แน่ ถ้าในที่สุดธิติรัตน์เลือกเดือนแรม แม้นเทพบ่นว่าตนเป็นพี่ชายยังไม่รู้ใจเพ็ญประกายเท่าเธอเลย ชุติมาโต้ ลืมแล้วหรือว่าตนก็เป็นพี่สาวเพ็ญประกายเหมือนกัน

“อีกอย่างเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงกับผู้หญิงดูกันออก บางทีอาจจะไม่ได้รักมากรักมายหรอกค่ะ แต่มันเสียหน้า เสียฟอร์ม อารมณ์ถ้าฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่ให้ใครได้เหมือนกัน ที่สำคัญ ยัยเพ็ญมีแม่คอยเสี้ยม ชุรู้ว่าแม่อยากได้ในสิ่งที่แม่เคยขาดหายไป ลองไม่ได้ แม่ต้องแย่กว่ายัยเพ็ญร้อยเท่าพันเท่าค่ะ” ชุติมากลุ้มใจเรื่องจันทรามากกว่า”

ooooooo

จันทรายอมไม่ได้ที่เพ็ญประกายจะไม่ได้แต่งงานกับธิติรัตน์ เธอโทร.ไปต่อว่าเมินที่ไม่กลับมาเสียที เมินย้อนก็เธอไม่ใช่หรือที่อยากให้ตนมาดูแลงานที่นี่ จันทราโวยว่าบ้านจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว เมินโต้ถ้าเป็นเรื่องจับลูกแต่งงาน ตนไม่ยุ่งด้วย

“คุณเมิน...ยัยเพ็ญเป็นลูกของเรานะ”

“ก็เพราะยัยเพ็ญเป็นลูกของเราน่ะสิ ฉันถึงไม่อยากให้ลูกถลำลึกไปมากกว่านี้ พอได้แล้วจันทรา กับการที่จะอุปโลกน์ยัยเพ็ญเป็นมาหยารัศมี เพราะยัยเพ็ญไม่ใช่” เมินตัดสายไป

จันทราร้องกรี๊ดๆอย่างเจ็บใจ...เมินไม่ได้นิ่งเฉยแอบจ้างนักสืบ สืบเรื่องราววุ่นๆนี้เช่นกัน

วันรุ่งขึ้น ธิติรัตน์ตื่นขึ้นมา มองไปบนเตียงเห็นเดือนแรมยังนอนหลับสนิท จึงค่อยๆย่องออกจากห้อง หวังตามหาเมิน และเหมือนเห็บแวบๆ แต่เมินวิ่งหนีจึงโทร.กลับไปถามนับสืบ เพื่อยืนยันว่าเมินอยู่ที่นี่แน่ๆ เดือนแรมเดินมาข้างหลัง บอกเขาว่าพ่อคงจงใจหลบหน้า พ่อตนเป็นคนฉลาด ท่านคงมีเหตุผล อย่างแรกท่านจงใจไม่กลับบ้าน น่าจะมีเรื่องต้องคิด...ธิติรัตน์หวังว่า เรื่องที่เมินคิดจะเป็นเรื่องของเดือนแรม อย่างที่ตนกำลังค้นหา

แพริมน้ำอีกแห่งที่เมินพักอยู่ เขาลำดับเรื่องราวที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ตนมาถึงที่นี่ ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และไม่มีใครโทร.ไปตามอย่างที่จันทราบอก วันนั้นเขาเหนื่อยและเพลียจนหน้ามืดเป็นลม หมอมาตรวจอาการและได้เห็นขวดยาที่เขาพกติดตัว หมอตกใจมาก เพราะนั่นเป็นยากล่อมประสาทอย่างแรง ที่หมอไม่น่าจ่ายให้คนไข้ ยิ่งพอรู้ว่ากินมายี่สิบกว่าปีแล้วยิ่งทึ่ง

เมินคิดทบทวน  ทุกครั้ง จันทราจะจัดยานี้ให้ รบเร้าให้ตนกิน และทุกครั้งที่กินยานี้ ตนจะรู้สึกเบลอๆ ควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้แต่วันที่จันทราพาไปดูชู้ของราศรีและย้ำเสมอว่าเดือนแรมเป็นลูกชู้ ตนจะต้องรู้ความจริงทุกอย่างให้ได้...

เมื่อติดต่อจันทราไม่ได้ เจิมจึงแอบมาหาถึงบ้านเพื่อส่งข่าวว่ามีคนไปสอบถามเรื่องราวของเธอ จันทรารู้ว่าที่เจิมดั้นด้นมาขนาดนี้เพราะต้องการเงินด้วย ตนควักให้และย้ำให้ดูแลชุติมาดีๆ แต่พอเห็นท่าทีอึกอักของเจิม ก็ซักไซ้จนรู้ว่าชุติมาหนีไปได้แล้ว จันทราโกรธมาก จะเอาเงินคืนแต่เจิมวิ่งหนีไปเสียก่อน

ในขณะที่ชุติมายังคุยอยู่กับแม้นเทพ  เขาสอบถามจนเธอเผลอเล่าเรื่องที่ปะติดปะต่อเองให้ฟัง ตั้งแต่เห็นแม่คุยกับฟลุคหลงให้หายา ตามด้วยแม่ข่มขู่สุดใจ และสุดใจเคยเปรยให้ฟังว่า มีคนตามฆ่าเพราะบาปที่ทำในอดีต เธออดอ้อนวอนเขาไม่ได้ว่า

“พี่ต้อมอย่าบอกใครนะคะ ชุแค่คิดเองไปตามประสา เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ชุต้องบาปที่ทำผิดกับแม่แน่ๆ”

“ชุไม่ต้องกังวลหรอกนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่สัญญา พี่จะไม่ทำร้ายคุณจันทรา พี่แค่อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับแรม” แม้นเทพกุมมือปลอบชุติมาอย่างจริงใจ

ooooooo

ดุจแขคิดว่า คู่แม่ลูกจันทรากับเพ็ญประกาย ต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน จึงโทร.ไปชวนเจ๊กอไก่ให้ไปจัดการด้วยกัน...ระหว่างนั้น จันทรารู้สึกเพลียกับเรื่องที่ประดังเข้ามา จึงคว้ายากล่อมประสาทที่ให้เมินกินมากินเองเม็ดหนึ่ง หวังเพียงนอนหลับไม่คิดอะไร

ไม่ทันไร เพ็ญประกายเข้ามาปลุกบอกว่าสองตัวมหาประลัยบุกบ้าน จันทรางัวเงียตื่น พากันเดินลงไป ประฝีปากกันสักพักก็โผเข้าตบกันนัว แป้นเห็นท่าไม่ดี แล่นไปฟ้องมะลิให้ช่วยห้าม มะลิหงุดหงิดจะไปทำบุญต้องมีมารมาผจญ...มาถึงเห็นสองคู่ดึงทึ้งกันสภาพดูไม่จืด ห้ามอย่างไรก็ไม่หยุด จึงร้องบอกแป้นให้ไปเอาปลาร้ามา ทั้งสี่คนหยุดชะงักทันที

ทั้งสี่คนนั่งให้มะลิเทศนา โดยเฉพาะเพ็ญประกายที่ทำให้มะลิผิดหวังมาก “แม่เพ็ญ...แค่เธอแอบอ้างเป็นมาหยารัศมี ป้าก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ขืนเธอยังปรักปรำให้คุณชายรับผิดชอบ ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ป้าคงต้องเอาปี๊บคลุมหน้าเดินแล้วล่ะ”

“คุณป้า...” “คุณพี่...” เพ็ญประกายกับจันทราครางพร้อมกัน

“คุณค่าลูกผู้หญิงอยู่ที่การวางตัว ถ้าพวกเธอยังทำตัวแบบนี้ คงไม่มีใครให้ค่าพวกเธอหรอก โดยเฉพาะคุณชาย”

เพ็ญประกายหน้าจ๋อย ดุจแขกับเจ๊กอไก่แอบยิ้มสะใจ...สองคนเดินออกมา ตีมือกันดีใจ แต่เจ๊กอไก่ยังกังวล ว่าสองแม่ลูกวันนี้หยุด วันหน้าจะสร้างเรื่อง
อีก ดุจแขยืนยันว่า ตนจะตามเอาเรื่องไม่หยุดเหมือนกัน เจ๊กอไก่ยื่นมือให้จับขอร่วมด้วย...สองคนชวนสรรชัยมาฉลองในผับ พอเขารู้เรื่องที่สองคนไปทำมาก็นึก
เป็นห่วงเดือนแรมจะเดือดร้อนมากขึ้น จึงโทร.ไปเตือน

“อะไรนะคะพี่สรรชัย คุณดุจแขกับเจ๊กอไก่บุกไปที่บ้าน”

ธิติรัตน์หันขวับมามองอย่างไม่พอใจ คว้ามือถือเดือนแรมมาเปิดลำโพงฟังด้วย เสียงสรรชัยเตือนให้เดือนแรมระวังตัว เพราะจันทราคงเอาคืนแน่ ธิติรัตน์ตอบแทนว่า

“ขอบคุณมากนะครับคุณสรรชัยที่โทร.มาบอก ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลแรมเอง”

สรรชัยตกใจเมื่อรู้ว่าเดือนแรมอยู่กับธิติรัตน์ แถมยืนยันจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเธออีก สักครู่ก็นึกขำรู้ว่าธิติรัตน์หึง แต่ก็โล่งใจที่เดือนแรมมีคนปกป้องแล้ว

หลังจากวางสาย ธิติรัตน์ก็หันมาบอกเดือนแรมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ว่าถึงเวลาแล้ว

“ฉันพูดจริงๆแรม ยิ่งหนี ยิ่งประนีประนอม ก็มี แต่ปัญหา ฉันจะพุ่งเข้าชนกับปัญหา”

“แรมกลัวว่ามันยิ่งจะบานปลายเข้าไปใหญ่”

“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขนาดคนอื่นเขายังลุกขึ้นมาสู้เพื่อเรา  เราจะอยู่เฉยๆได้ยังไง เกิดเป็นไก่ยังต้องชน เกิดเป็นคนก็ต้องสู้...สำคัญก็แต่ขอเราเข้าใจกัน ขอเธออยู่เคียงข้างฉันก็พอ”

“ค่ะ...เราจะเข้าใจกัน แรมจะอยู่เคียงข้างคุณชาย”

“ขอบใจมากแรม แค่เรามีกันและกัน แค่นี้แหละที่ฉันต้องการ”  ธิติรัตน์ดึงเดือนแรมมากอด  เธอซบหน้ากับอกเขาอย่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างยิ่ง...
สรรชัยเล่าให้ดุจแขกับเจ๊กอไก่ฟังว่าธิติรัตน์อยู่กับเดือนแรมและพร้อมจะดับเครื่องชน ดุจแขยิ้มนี่แหละอานุภาพของความรักเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้ เจ๊กอไก่เพ้ออยากเจอความรักบ้าง สรรชัยยิ้มชี้ที่ตัวเอง เจ๊กอไก่ตาโพลง สรรชัยรีบขยายความว่า

“ผมหมายถึงอยู่ที่ตัวเราเอง ถ้าเรารักและเห็นคุณค่าของตัวเอง เราไม่มีวันคิดทำร้ายใคร”

ดุจแขกระเซ้าเหมือนมาเที่ยววัด สรรชัยเปรย อยู่ที่ไหนก็ขอให้มีสติ ชีวิตไม่มีวันพลาด ดุจแขแหย่เดี๋ยวไปทำบุญที่วัดกัน พลันดุจแขตาค้างเมื่อเห็นใครบางคน สรรชัยถามว่าเจอโจทก์เก่าหรือ เธอตอบว่าโจทก์ใหม่นี่แหล่ะ แล้วชี้ไปที่เพ็ญประกายซึ่งนั่งดื่มคนเดียว ท่าทางกลุ้มจัด

ขณะนั้น ศรัณย์ไม่มีใจจะทำงาน เขากดมือถือหาเพ็ญประกาย ได้ยินเสียงเธออ้อแอ้ก็ตกใจ ยิ่งรู้ว่าเมาอยู่ที่ผับก็รีบแล่นไปหา...ดุจแขอดพูดจาแขวะเพ็ญประกายไม่ได้ สรรชัยตำหนิ

“ไม่แขวะก็ได้ค่ะคุณพระเอก ว่าแต่...คุณจะมาเที่ยวกับฉันทำไมเนี่ย ไม่เห็นคุณจะทำอะไร เต้นระบำก็ไม่เต้น ดื่มก็ไม่ดื่ม”

“มารอเก็บศพคุณกลับไปไง คุณมาเที่ยวผับทีไรกลายเป็นศพกลับบ้านทุกที”

คำพูดเหมือนตำหนิแต่แฝงความห่วงใยอยู่ในที ดุจแขสบตาเขาอย่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “ขอบคุณมากนะสรรชัย”

“อ้าว...หันมากินกันเองซะงั้น” เจ๊กอไก่มองอย่างอิจฉา พลันต้องตะลึง ขยี้ตาหลายครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินไปที่โต๊ะเพ็ญประกายคือศรัณย์ สรรชัยสงสัยว่าเป็นคนที่พาเพ็ญประกายหายไปคืนนั้น ทั้งสามมองศรัณย์ประคองเพ็ญประกายออกไปอย่างงงๆ

ooooooo

มาหยารัศมี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด