ตอนที่ 9
เจ้าอุรคาปรากฏตัวบนเวทีพร้อมเครื่องเพชรประจำตระกูล ท่ามกลางเสียงฮือฮาและความตื่นตะลึงของแขกทั้งงาน ท่าทางราชนิกุลสาวดูปกติ ไม่มีวี่แววเหมือนคนบาดเจ็บแม้แต่น้อย ภุชคินทร์จ้องตาไม่กะพริบแล้วเบิกตาโพลงเมื่อเห็นแหวนประดับด้วยครุฑธิการบนมือเธอ
ภุชคินทร์ผลุนผลันออกจากงานอย่างหัวเสีย หม่อมภาณี นารีวรรณและไพศิษฐ์วิ่งตามด้วยความเป็นห่วง ผู้กองหนุ่มบอกว่าเพื่อนตั้งใจมางานนี้เพื่อจับสังเกตเจ้าอุรคา หม่อมภาณีนิ่งไปอึดใจ เปรยว่าอาจเป็นเพราะครุฑธิการ เธอเองก็แปลกใจว่าอัญมณีชิ้นนี้มาอยู่ที่แหวนบนมือ ราชนิกุลสาวได้อย่างไร
ฟากเจ้าอุรคายิ้มแย้มอวดโฉมรอบงาน มีชรายุคอยตามไม่ห่าง ภิงคารถือโอกาสทักทายและแสดงความยินดีกับหญิงสาวที่ไม่ได้เป็นเหมือนข่าวลือ เช่นเดียวกับเจ้าประกายคำที่มองมาอย่างชื่นชม ต่างจากเฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีที่ชักสีหน้าด้วยความหมั่นไส้ เจ้าอุรคามองท่าทีทุกคนอย่างรู้ทัน ปรายตาไปทางสุบรรณและเปรยเสียงหยันว่าอยากหลบไปพักในที่ปลอดภัยเท่านั้น สุบรรณหน้าเสีย พูดไม่ออกเพราะรู้สึกผิด
เจ้าอุรคาออกจากงานไม่นานจากนั้น สุบรรณตามไปดักหน้าปรับความเข้าใจ แต่โดนราชนิกุลสาวตอกกลับอย่างไม่ไยดี อำนาจจะช่วยพูดแต่เจ้านายหนุ่มยั้งไว้บอกว่าอยากเคลียร์ทุกอย่างเอง ชรายุมองเจ้าอุรคาด้วยความเป็นห่วงแต่จำใจเลี่ยงออกไปเพราะเริ่มเจ็บแผลที่โดนแทง เจ้าอุรคาเดินลิ่วมาถึงลานจอดรถ สุบรรณโผล่มาขวางและส่งสายตาเว้าวอน เจ้าอุรคาไม่พอใจ พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“ท่านสุบรรณเป็นอย่างนี้เอง คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรต้องได้ ไม่สนว่าใครจะรู้สึกยังไง”
“สำหรับเจ้าอุรคา ผมไม่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่...แต่เป็นแค่ผู้ชายที่หมดท่า ยอมทุกอย่างแม้ถูกหยามเกียรติและ ดูหมิ่นจนไร้ศักดิ์ศรี เพื่อให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักหันมามอง”
“งั้นต้องขอโทษท่านสุบรรณด้วย ที่ดิฉันรังเกียจผู้ชายไร้ศักดิ์ศรี ทำได้แม้กระทั่งคุกคามคนอื่นให้ยอมจำนนเพื่อแสดงความอหังการ์ ทั้งที่จริงแล้วมันคือความขี้ขลาด ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้หรืออ่อนแอของตัวเอง”
สุบรรณหน้าเจื่อน ขอโทษและแก้ตัวว่าทำไปเพราะอยากรู้เรื่องเธอมากขึ้น เจ้าอุรคาย้อนเสียงเยาะ
“อีกไม่นานหรอกท่านสุบรรณ ท่านจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แล้วทำไมดิฉันถึงไม่เคยอยากรับไมตรีจากท่านเลย”
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้นหรอกครับเจ้า เหตุผลเดียวเท่านั้นคือเจ้ารักคุณชายภุชคินทร์”
สุบรรณตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด เจ้าอุรคาไม่โต้ตอบ เดินจากไปโดยไม่หันมามองแม้แต่น้อย...
ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภุชคินทร์รื้อห้องกระจุยกระจายหาครุฑธิการแต่ไม่พบ คาดคั้นแม่กับน้องสาวว่าเห็นอัญมณีเจ้าปัญหาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หม่อมภาณีกับนารีวรรณอึ้งไปอึดใจ แปลกใจระคนหวาดหวั่นไม่แพ้ชายหนุ่มที่ครุฑธิการหายจากบ้านไปอยู่บนมือเจ้าอุรคาในงานกาล่า ดินเนอร์...เวลาเดียวกัน...เจ้าอุรคาจ้องครุฑธิการในมืออย่าง ครุ่นคิด เอื้อมอีกมือไปจับที่สร้อยนาคสวาทแล้วเปรยเสียงเศร้า
“แค่ได้รู้จักครุฑธิการท่านยังร้อนรนถึงเพียงนี้ ถ้าวันใดท่านรู้จักนาคสวาท ท่านจะรู้ว่าทำไมข้าถึงต้องเจ็บปวดทรมานและทำไมข้าถึงต้องตามมาเพื่อให้ท่านถอนคำสัตย์สาบาน...ภุชเคนทร์”
ooooooo
สุบรรณจมกับกองเหล้าและความขมขื่นใจที่โดนเจ้าอุรคาตัดรอน เขวี้ยงแก้วชนกระจกข้างฝาแล้วสะดุ้งเฮือก เห็นภาพตัวเองมีปีกเหมือนครุฑ ชายหนุ่มแทบหายเมา ได้ยินเสียงพ่อก้องในโสตประสาท
“ที่พ่อตั้งชื่อลูกว่าสุบรรณเพราะแปลว่าครุฑ ลูกพ่อต้องยิ่งใหญ่เหนือกว่าใครเหมือนครุฑ”
สุบรรณตัวชา เพ่งมองกระจกอีกครั้งแต่ไม่เห็นอะไร นึกถึงคำพูดเป็นนัยๆของเจ้าอุรคาที่เหมือนบอกบางอย่าง แล่นไปหาพันเอกนรินทร์ถึงบ้านด้วยความร้อนใจแต่ไม่ได้คำตอบ เพราะน้าชายไม่อาจทำผิดกฎสวรรค์ แพร่งพรายความลับดวงชะตาแต่บอกให้ลองศึกษาด้วยตัวเอง อดีตนายทหารพาหลานชายและลูกสาวไปวัดธาตุพนมในวันรุ่งขึ้น เจ้าอาวาสมองมาด้วยความเมตตาและทักทายอย่างคุ้นเคยกันดี สุบรรณแนะนำตัวเอง แสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการฝึกสมาธิ เจ้าอาวาสยิ้มรับและเปรยเสียงอ่อน
“ความสงบฝึกกันยากนะโยม โดยเฉพาะคนที่จิตใจวุ่นวาย โยมจะสู้ได้หรือ ยิ่งอยากรู้ยิ่งฝึกยากนะ”
สุบรรณตัดสินใจปฏิบัติธรรมอย่างไม่มีกำหนดกลับจนกว่าจะได้คำตอบ นาถสุดากับพันเอกนรินทร์ไหว้พระและนั่งคุยกันที่ท่าน้ำ นาถสุดาไม่เข้าใจที่ญาติหนุ่มต้องมาฝึกสมาธิถึงริมโขง พันเอกนรินทร์ยิ้มอ่อนโยน อธิบายว่าพามาที่ที่เหมาะสมแล้ว พูดเป็นนัยๆเหมือนรู้ว่าใครกำลังค้นหาความจริงในอดีตชาติบ้าง
เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...นารีวรรณเห็นพี่ชายเครียดเรื่องครุฑธิการกับเจ้าอุรคา ตั้งหน้าตั้งตาค้นหาตำนานพญานาคีจากอินเตอร์เน็ตแต่หาไม่เจอ ภุชคินทร์เดินมาทัก นารีวรรณบอกว่าอยากช่วยเพราะเชื่อว่าเขาอาจมีอดีตเกี่ยวข้องกับพญานาค ภุชคินทร์ส่ายหน้าอ่อนใจ คิดเหมือนน้องสาวทุกอย่างแต่จนปัญญาไม่รู้จะหาความจริงจากไหน ได้แต่หวังว่าจะมีใครสักคนให้คำตอบได้
ภุชคินทร์ไม่ต้องรอนาน คนที่สามารถให้คำตอบมาถึงเร็วกว่าที่คิด...ภิงคารแนะนำวิชัยสิงห์ นักเทววิทยา นักเขียนชื่อดังและเพื่อนนักเรียนทุนของเขาจากประเทศอินเดีย มาเมืองไทยเพราะได้ยินข่าวมณีนาคสวาท ภุชคินทร์อึ้ง เช่นเดียวกับภิงคารที่แกล้งถามว่าอัญมณีนั้นสำคัญอย่างไร วิชัยสิงห์ตอบเสียงเคร่ง
“ไม่ใช่ใครจะครอบครองมณีนาคสวาทได้ง่ายๆ ผู้ที่ครอบครองได้ต้องสืบเชื้อสายมาจากพญานาคเท่านั้น”
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าคนที่ครอบครองต้องสืบเชื้อสายจากพญานาคเท่านั้น” ภุชคินทร์ถาม
“มีหลายอย่างที่ผมศึกษามาแต่บอกใครไม่ได้ เพราะหลักฐานจากศิลาจารึกไม่สมบูรณ์ ที่ผมมาเมืองไทยเพราะต้องการหาหลักฐาน และผมทราบมาว่าเจ้าอุรคา ณ ภูจำปาเป็นเจ้าของมณีนาคสวาทนั้น”
สองน้าหลานมองหน้ากันเครียดๆ วิชัยสิงห์มั่นใจมากว่าหญิงสาวสืบเชื้อสายโดยตรงจากพญานาค
“เพราะพญานาคแปลงร่างมามีสัมพันธ์กับมนุษย์ได้ ผมมั่นใจว่าเจ้าอุรคาต้องเป็นทายาทอย่างแท้จริง เพราะถ้าไม่ใช่จะเกิดอาถรรพณ์เลวร้ายแก่ผู้ครอบครอง”
นักเทววิทยาหนุ่มอยากพบเจ้าอุรคา สองน้าหลานอึกอัก ภุชคินทร์ตัดสินใจถามให้ ถ้าหญิงสาวยินยอม เขาก็พร้อมพาไป วิชัยสิงห์ไม่พอใจแต่เก็บอาการ แววตาวาววับอย่างมีเลศนัย
ooooooo
เจ้าอุรคาตัดสินใจพักเรื่องภุชคินทร์ รักษาศีลเตรียมรับวันสัตตนาคาที่ผู้คนมาขอรับบารมีจากพญานาค ชรายุเห็นใจเจ้านายสาวที่ตัดเรื่องคำสาบานของพญานาคาไม่เด็ดขาด เจ้าอุรคายิ้มเศร้าสร้อย ค่อยๆเลือนร่างหายไปพร้อมกับเฮือนภูจำปา ชรายุมองตามแล้วหายตัวไปอีกคน
เวลาเดียวกันที่หน้าเฮือน...ภุชคินทร์ขับรถมาหาเจ้าอุรคา มีวิชัยสิงห์นั่งแท็กซี่ตามมา เบิกตากว้างเมื่อได้ยินราชนิกุลหนุ่มตะโกนร้องเรียกเจ้าอุรคาอย่างหัวเสีย
“เจ้าอยู่ที่ไหน เจ้ากำลังทำให้ผมกลัว ทำให้ผมเป็นบ้า ออกมาหาผมเดี๋ยวนี้นะเจ้าอุรคา เลิกพรางบ้านได้แล้ว!”
วิชัยสิงห์ตาโต ถลันไปหาด้วยความตื่นเต้น เปรยอย่างยินดีว่ามาเมืองไทยไม่เสียเที่ยวจริงๆ
“เจ้าอุรคาผู้สืบเชื้อสายจากพญานาคต้องร่ายมนต์ให้บ้านหายไปทั้งหลัง ถ้าคุณชายให้ความร่วมมือ ผมเชื่อว่าผมจะได้เจอกับพญานาคในร่างของเจ้าอุรคาแน่ๆ”
วิชัยสิงห์เนื้อเต้นแบบปิดไม่มิด เช่นเดียวกับภุชคินทร์ที่มีความหวัง...จะได้รู้เรื่องของราชนิกุลสาวเสียที!
คืนเดียวกันที่วัดธาตุพนม...สุบรรณตั้งหน้าตั้งตาฝึกสมาธิ เช่นเดียวกับเจ้าอุรคาและชรายุ เจ้าอาวาสเห็นภาพครุฑซ้อนร่างสุบรรณและภาพนาคซ้อนร่างเจ้าอุรคากับชรายุ ถอดจิตตัวเองและเดินมาหยุดตรงหน้าพญานาคสาวเจ้าอุรคาลืมตา ถอดกายทิพย์และยกมือไหว้ เจ้าอาวาสจึงทักทายอย่างปรานี
“การถือศีลเป็นวิสัยผู้อยู่ในภพภูมิสูง แม้ชั้นภุมมานังของท่านจะมีราคะ โทสะ โมหะ แต่ท่านก็เพียรภาวนา”
“เราอยากปัดเป่าทุกข์ให้หมดจากใจเรา เราอยากให้จิตเราสะอาด”
“ถ้าเช่นนั้น...ท่านก็ไม่ควรปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นมาครอบงำให้เสียความตั้งใจ อาตมาในฐานะผู้ปฏิบัติก็ถือสนทนาประสากัลยาณมิตร แต่สิทธิ์ในการเลือกเป็นของท่าน”
เจ้าอุรคามองอย่างซาบซึ้งใจ ก้มลงกราบเจ้าอาวาส... ตั้งใจจะตัดใจจากเรื่องภุชคินทร์ให้ได้
ooooooo
วิชัยสิงห์เล่าเรื่องเฮือนภูจำปาหายไปทั้งหลังให้ภิงคารฟังด้วยความตื่นเต้น ตัดสินใจนัดพบภุชคินทร์เพื่อนัดแนะเรื่องตามหาเจ้าอุรคา ยืนยันหนักแน่นว่าสามารถช่วยราชนิกุลหนุ่มพิสูจน์เรื่องเจ้าอุรคาเป็นพญานาคได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากเขาด้วย
“ดวงจิตที่ยังยึดมั่นถือมั่นกับจิตอีกดวง แม้สังขารแปรเปลี่ยนและข้ามเวลายาวนานสักเพียงใด ก็จะเฝ้าส่งสัญญาณจิตเชื่อมกับดวงจิตที่ผูกพันทุกวิถีทาง เจ้าอุรคาคงผูกพันกับคุณชายมาก ไม่งั้นคงไม่แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็น”
ภุชคินทร์ชะงัก วิชัยสิงห์เฉลยว่าทราบทุกอย่างจากภิงคาร อาสาช่วยถ้าเขายินดี ภุชคินทร์นิ่งไปอึดใจและตัดสินใจยอมร่วมมือเพราะอยากรู้ความจริงเต็มแก่...ในที่สุดเราก็จะได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเสียทีเจ้าอุรคา
เวลาเดียวกันที่วัดธาตุพนม...ดวงตาเจ้าอุรคาเบิกกว้างด้วยความปลื้มปีติ มีความหวังอีกครั้งที่รู้ว่าจิตภุชคินทร์ยินยอมฟื้นอดีต เธอค่อยๆเลือนร่างหายไป เจ้าอาวาสมองตามด้วยแววตารับรู้...เราคงไม่อาจฝืนลิขิตกรรมของใครได้
ฟากภุชคินทร์เล่าให้ไพศิษฐ์ฟังเรื่องร่วมมือกับวิชัยสิงห์ อ้างว่าอยากรู้เรื่องราชนิกุลสาวจนแทบคลั่ง ผู้กองหนุ่มไม่เห็นด้วยเพราะทุกอย่างดูรวดเร็วเกินไปแต่ไม่อยากค้าน...ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรง
หลังแยกจากภุชคินทร์...วิชัยสิงห์กลับที่พักอย่างอารมณ์ดี ความฝันสูงสุดที่จะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิคนดังของโลกกำลังจะเป็นจริง เขาล้มตัวลงนอน ทันใดนั้น...ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น เหลือบเห็นสตรีในชุดขาวยืนหันหลังที่ริมระเบียง วิชัยสิงห์ผุดลุก เดินไปหาและถามว่าคือใคร เจ้าอุรคาหันมายิ้ม แนะนำตัวและบอกว่ายินดีเปิดทางถ้าเขาทำให้ภุชคินทร์ระลึกชาติได้ โดยมีข้อแม้ให้เก็บทั้งหมดเป็นความลับ วิชัยสิงห์ลังเลแต่ความอยากดังมีมากกว่าจึงรับปาก เจ้าอุรคาพอใจ พูดเสียงหวานแต่จริงจัง
“ขอบใจที่ท่านรู้ว่าควรทำสิ่งใด อย่าลืมสัญญา...หากท่านแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป มันหมายถึงชีวิตของท่าน”
วิชัยสิงห์สะดุ้งตื่นเช้าวันถัดมา เสียงเจ้าอุรคายังก้องในหัว ชายหนุ่มโล่งอก...ในที่สุดเราก็ได้พบกันเจ้าอุรคา
ด้านไพศิษฐ์กลุ้มเรื่องภุชคินทร์ สั่งจ่าชิดให้ค้นข้อมูลเพชรของเจ้าประกายคำที่โดนโจรกรรมแต่ไม่ทันขยับ ผู้กำกับมาบอกให้ตามเรื่องนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ ผู้กองหนุ่มอ่านรายงานแล้วรีบรุดไปโรงแรมของผู้ต้องสงสัย เห็นชายหนุ่มจากเมืองแขกปรากฏตัวด้วยท่าทีแปลกๆ ตามไปดูแล้วชะงัก เห็นเขาทำท่าเหมือนพูดคนเดียว
วิชัยสิงห์ไม่รู้ตัวว่าโดนไพศิษฐ์สะกดรอยตาม เห็นสาวสวยคุ้นตาจึงเดินไปทัก เจ้าอุรคายิ้มพอใจ พูดคุยอย่างถูกคอและไม่ปิดบังว่าคือพญานาค นักเทววิทยาหนุ่มเนื้อเต้น พูดด้วยน้ำเสียงสั่นจนแทบคุมไม่อยู่
“ถ้าชาวโลกได้รู้ว่าพญานาคมีตัวตนจริงๆ ทุกคนจะต้องตื่นเต้น”
“เรื่องของพญานาคจะรู้เห็นได้เฉพาะผู้มีจิตเกี่ยวเนื่องเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์ทั่วโลกจะรู้ได้ เราจะช่วยท่านเกี่ยวกับนาคสวาท แต่มีข้อแม้...ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม”
“ได้ผมรับปาก...ผมจะไม่จดบันทึกใดๆ ความลับเรื่องนี้จะตายไปกับผมแต่เพียงผู้เดียว”
วิชัยสิงห์รับปากอย่างขอไปทีเพราะความอยากดัง ไพศิษฐ์ลอบมองอย่างสงสัย ท่าทางประหลาดเหมือนพูดคนเดียวทำให้ผู้กองหนุ่มหนักใจ...คนแบบนี้หรือที่ภุชคินทร์ไว้ใจให้ช่วย
ไพศิษฐ์ไปที่วังนาเคนทร์หลังจากนั้น เห็นภุชคินทร์ถือกระเป๋าใบใหญ่เตรียมออกไปข้างนอกก็พยายามรั้ง เล่าเรื่องข้อสงสัยและเบาะแสว่าวิชัยสิงห์อาจเป็นนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ ภุชคินทร์ชะงักแต่ไม่ยอมเปลี่ยนใจเรื่องเจ้าอุรคา ดึงดันไปหาวิชัยสิงห์และรับปากจะระวังตัว ไพศิษฐ์กุมขมับด้วยความเป็นห่วง กลับไปปรับทุกข์กับยายที่บ้าน อติศรีเห็นใจหลาน ปลอบไม่ให้คิดมากเพราะราชนิกุลหนุ่มน่าจะเอาตัวรอดได้
ไพศิษฐ์เป็นห่วงภุชคินทร์จนอยู่ไม่ติด บ่นกับ แฟนสาวด้วยความหนักใจ นาถสุดาบอกว่าวิชัยสิงห์ไม่ได้เป็นแค่นักเทววิทยาที่มีชื่อเสียง แต่มีความสามารถเรื่องสะกดจิตด้วย ไพศิษฐ์ยิ่งกังวล ตาลุกวาวเมื่อได้ยินแฟนสาวบอกว่าสุบรรณก็ค้นหาอดีตของตัวเองเช่นกันด้วยการฝึกสมาธิที่วัดธาตุพนม
ไพศิษฐ์ถือโอกาสนี้ลอบเข้าคฤหาสน์สุบรรณในคืนนั้นเพื่อค้นหาเบาะแสบางอย่าง เดินเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างคุ้นเคยเส้นทางจนไปถึงห้องนอน ผู้กองหนุ่มรื้อค้นอย่างระมัดระวังแต่ไม่พบอะไร ทันใดนั้น...เขาเห็นเซฟวางอยู่ที่มุมหนึ่ง
ตั้งท่าไปตรวจแต่ไม่ทันขยับ อำนาจเปิดประตูเข้ามาพร้อมลูกน้องและยกเซฟออกไปเสียก่อน ไพศิษฐ์ย่องตามแล้วเบิกตาโพลง เห็นอำนาจบอกลูกน้องให้แบกเซฟเข้าไปในห้องลับที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ไพศิษฐ์จ้องตาไม่กะพริบแล้วสะดุ้งเฮือก เห็นอำนาจชักปืนยิงใส่ลูกน้องทั้งหมดและพูดเสียงเครือ
“ขอโทษที่ฉันต้องทำแบบนี้ แต่ฉันปล่อยให้พวกแกออกไปพร้อมความลับนี้ไม่ได้จริงๆว่ะ”
ผู้กองหนุ่มเผลอถอนหายใจอย่างแรงจนอำนาจรู้สึก หันขวับมองรอบๆด้วยความสงสัย ไพศิษฐ์เห็นท่าไม่ดี ย่องไปใช้สันปืนฟาดต้นคอแล้วหนี อำนาจเจ็บแต่ยังไม่หมดสติ ตะโกนเรียกลูกน้องที่ด้านนอกให้ช่วยจับผู้บุกรุก ไพศิษฐ์อาศัยความเร็วปีนรั้วออกมาแต่เดินเซไม่ทันระวัง เกือบโดนรถคันหนึ่งที่แล่นสวนมาพุ่งชน คนขับเบรกตัวโก่งและวิ่งมาดูไพศิษฐ์ถึงกับอ้าปากค้าง...ทำไมนาถสุดาถึงโผล่มาตอนนี้!
ขณะเดียวกันที่วัดธาตุพนม...เจ้าอุรคาตัดสินใจช่วยสุบรรณรื้อความทรงจำในอดีตชาติ ปรากฏร่างเป็นสตรีลึกลับในความฝันชายหนุ่ม หลอกล่อให้เขาตามไป ชรายุลืมตามองตามสุบรรณกับเจ้าอุรคาด้วยแววตาอ่อนใจ
“ขนาดเจ้าตั้งใจจะปลดปล่อย แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ หรือนี่คือวิบากกรรมของท่านทั้งสามที่มีต่อกัน”
สุบรรณเดินตามสตรีปริศนาไปด้วยความอยากรู้ ได้ยินเสียงผู้หญิงก้องในโสตประสาท
“จิตที่ว้าวุ่นไม่มีทางเข้าสู่ฌานสมาธิได้ ถ้าท่านอยากรู้...ข้าจะทำให้ท่านรู้เอง”
สุบรรณเลิกคิ้ว มองหาต้นเสียงแต่ไม่เห็นใคร ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระโจนลงน้ำจึงวิ่งไปดู เห็นชาวบ้านยืนมุงและส่งเสียงอื้ออึงว่าเห็นรอยเท้าพญานาค เสียงผู้หญิงคนเดิมยังก้องในหัว บอกจะช่วยเขาตามหา ความจริงทั้งหมด สุบรรณมองรอยเท้าพญานาคตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง สังหรณ์ว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดี
ooooooo
นาถสุดาเคืองและคาใจเรื่องไพศิษฐ์บุกคฤหาสน์สุบรรณไม่หาย คิดเองต่างๆนานาว่าเขาตั้งแง่กับญาติหนุ่ม
ไพศิษฐ์เดินเข้าร้านเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พยายามอธิบายและปรับความเข้าใจแต่หญิงสาวไม่รับฟัง คาดคั้นให้เขาบอกเหตุผลจริงๆที่บุกบ้านสุบรรณ ไพศิษฐ์ถอนใจหนักหน่วงแล้วตัดสินใจพูดตรงๆ
“ผมไม่แน่ใจว่านาถจะรับได้หรือเปล่า ถ้าผมพูดให้ฟัง”
“นาถขอฟังคุณศิษฐ์ก่อนได้ไหมคะ แล้วนาถจะบอกเองว่ารับได้หรือเปล่า”
“นั่นแหละคือที่ผมกังวลใจ เพราะถ้านาถรับไม่ได้ มันอาจหมายถึงความสัมพันธ์ของเราที่ต้องจบลง”
นาถสุดาอึ้งไปอึดใจ มองแฟนหนุ่มด้วยสีหน้าไม่สบายใจสุดๆ...เรื่องอะไรจะร้ายแรงขนาดนั้น
เวลาเดียวกันที่แสงทองรีสอร์ต...ภุชคินทร์พาวิชัยสิงห์มาเพราะเคยได้ยินจากชาวบ้านว่าเป็นแห่งแรกที่พบรอยเท้าพญานาค วิชัยสิงห์มองรอบๆอย่างพอใจ เชื่อว่าที่นี่ต้องเคยมีพันธะสัญญาบางอย่างเกี่ยวกับพญานาค และอาจมีช่องทางเชื่อมโยงภุชคินทร์กับเรื่องราวในอดีตชาติ นัยน์ตาวาววับอย่างมีเลศนัย...ความลับทั้งหมดจะเปิดเผยในไม่ช้า
วิชัยสิงห์เริ่มขั้นตอนสะกดจิตทันทีที่ถึงห้องพัก บอกภุชคินทร์ให้นอนในท่าเตรียมพร้อมและหยิบลูกตุ้มมาแกว่งตรงหน้า พูดเสียงเบาแต่ช้าชัดจนราชนิกุลหนุ่มนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์
“หายใจช้าๆ นับเลขในใจให้รู้สึกเหมือนร่างกายเป็นลูกโป่งค่อยๆจมลง คุณชายกำลังกลับสู่อดีต”
ภุชคินทร์หลับตาแล้วรู้สึกตัวอีกครั้งว่ากำลังดำดิ่งลงใต้น้ำ เบิกตามองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ รับรู้ความ เปลี่ยนแปลงของร่างกายด้วยหัวใจเต้นรัว... ขณะเดียวกัน... เจ้าอุรคารออยู่แล้วที่ริมโขงอีกฝั่ง กระโจนลงน้ำแหวกว่ายไปหาพญานาคาด้วยหัวใจลิงโลด
ขณะที่ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคารื้อฟื้นความหลัง... สุบรรณขอร้องเจ้าอาวาสให้ช่วยบอกความจริงกับเขา ภาพในฝันประหลาดเมื่อเช้ายังติดในหัว เขาทนไม่ไหวแล้วที่ต้องอยู่กับความไม่รู้ เจ้าอาวาสปลอบเสียงอ่อน
“ตอนนี้โยมกำลังร้อนรุ่มเป็นไฟ ไฟมันกำลังเผาผลาญตัวของโยมเอง”
“ก็ผมทนไม่ไหวนี่ครับอาจารย์ พระอาจารย์ต้องช่วยผมนะครับ ต้องช่วยผม”
เจ้าอาวาสส่ายหน้าอ่อนใจ ปลงตกว่าคงไม่สามารถ ขัดขวางวัฏสงสารของใครได้ บอกสุบรรณให้พยายามทำจิตให้นิ่งที่สุดแล้วท่องครุฑโฑ สุบรรณเลิกคิ้ว เจ้าอาวาสจึง อธิบายเสียงเรียบ
“โยมสงสัยไม่ใช่หรือว่ารอยพญานาคเกิดขึ้น เพื่อบอกอะไร ครุฑโฑจะบอกโยมได้ จุดธูปเทียนบูชา พระรัตนตรัย เอาน้ำและผลไม้มาบูชาพญาครุฑ ทำจิต ให้สงบระลึกถึงครุฑโฑ...ครุฑโฑ...”
สุบรรณหลับตาท่องครุฑโฑ ครู่ใหญ่จึงได้ยิน เสียงนกร้องดังก้องในโสตประสาท ชายหนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้งว่าอยู่บนวิมานฉิมพลี สัมผัสถึงลมแรงปะทะ หน้าและร่างกายที่ค่อยๆลอยขึ้น เหลือบเห็นปีกครุฑ ขนาดใหญ่และจมูกงองุ้มบนใบหน้า นักการเมืองหนุ่มสะดุ้งเฮือก...เขานั่นเองคือพญาครุฑ!
ooooooo
ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคาในร่างพญานาคีกับพญานาคาดำผุดดำว่ายอย่างยินดีที่เจอกัน สองนาคหนุ่มสาวกลายร่างเป็นมนุษย์ ยืนกอดกันกลางลำน้ำด้วยความคิดถึง ภุชคินทร์มองเจ้าอุรคาแล้วพูดเสียงสั่น
“เจ้าอุรคา...ท่านคืออุรคาเทวี ที่รักแห่งเรา...ยอดรักแห่งเรา”
“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ภุชเคนทร์...คิดถึงท่านเหลือเกิน”
“ข้าก็คิดถึงท่าน ระลึกถึงความรักที่ท่านมีต่อข้า อุรคาเทวี...ข้าขอโทษ”
“คำใดก็ไม่มีความหมายเมื่อข้ามีท่านยืนอยู่ตรงนี้ภุชเคนทร์”
“ข้ารักท่าน...รักท่านเหลือเกินอุรคาเทวี”
สองหนุ่มสาวกอดและจุมพิตอย่างดูดดื่ม ถ่ายทอดความรักที่มีต่อกันจนล้นหัวใจ ทันใดนั้น...ท้องน้ำที่เงียบสงบค่อยๆกระเพื่อมด้วยแรงลม เสียงนกร้องกึกก้องไปทั่ว ภุชเคนทร์กับเจ้าอุรคาผละจากกันราวกับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พญาสุบรรณปรากฏตัวบนท้องฟ้าและทะยานลงมาอย่างรวดเร็ว ตวาดใส่ภุชเคนทร์ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“หยุดเดี๋ยวนี้ภุชเคนทร์...ข้าไม่มีวันให้เจ้าครองรักกับอุรคาเทวีโดยเด็ดขาด”
พญาสุบรรณโฉบมาคว้าร่างอุรคาเทวี พญานาคสาวดิ้นรนขัดขืนแต่สู้แรงพญาครุฑไม่ได้ ภุชคินทร์ในร่างพญานาคากระโจนขึ้นไปตวัดรัดร่างพญาสุบรรณ สองนาคหนุ่มสาวช่วยกันต่อสู้สุดกำลัง พญาสุบรรณไม่สะทกสะท้าน หัวเราะลั่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“สู้ไปก็ตายเปล่า ในสามโลก...ไม่มีใครต้านพละกำลังมหาศาลของพญาครุฑอย่างข้าได้”
พญาสุบรรณสยายปีกและกระพือ ร่างอุรคาเทวีจึงหล่นกระแทกน้ำอย่างแรง ส่วนภุชเคนทร์ยังโดนกรงเล็บจิกทึ้งร่างไว้ สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสจนเลือดหลั่งไหลลงทั่วท้องน้ำ พญาสุบรรณยิ้มสะใจ เหวี่ยงร่างพญานาคาลอยละลิ่วไปกระแทกพื้นอีกฟากจนกระอักออกมาเป็นเลือดสีเขียวเข้มหรือนาคสวาท
ด้านอุรคาเทวี...พุ่งขึ้นกลางลำน้ำและมองหาภุชเคนทร์ ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดจึงผลุนผลันตามหา...ในขณะที่พญาสุบรรณมองร่างจมกองเลือดของภุชเคนทร์ด้วยแววตาสาแก่ใจ ใช้กรงเล็บจิกร่างขึ้นมากระแทกพื้นอย่างแรงอีกครั้งจนพญานาคากระอักเลือดออกมาเป็นสีเขียวเข้มแต่อ่อนกว่าครั้งแรกหรือมรกต พญาสุบรรณยังไม่พอใจ ใช้เท้าเหยียบที่ยอดอกของภุชเคนทร์เพื่อแสดงการดูหมิ่นเหยียดหยาม
“กล้ามากที่อหังการกับข้า แย่งหัวใจรักของข้า เจ้าต้องตายภุชเคนทร์...เจ้าต้องตาย”
พญาสุบรรณตวัดร่างพญานาคาขึ้นมา อุรคาเทวีตามมาทันเห็นภาพสะเทือนใจ ส่งสายตาวิงวอนแต่ไม่ได้ผล ภุชเคนทร์ถูกโยนลงกระแทกพื้นอย่างแรงอีกครั้งจนกระอักออกมาเป็นเลือดสีเขียวจางหรือครุฑธิการ พญานาคสาวถลันไปประคองพญานาคาและร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ อาสาใช้พลังช่วยรักษาแต่ภุชเคนทร์ห้ามไว้ อุรคาเทวีไม่ยอม
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเราคือพญานาค เรารักษาตัวเองได้ เยียวยาตัวเองได้”
“ถึงอย่างไรก็พ่ายแพ้ต่อครุฑอยู่ดี ข้าขอสาบาน...ข้าจะไม่เกิดเป็นพญานาคอีก ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน”
จบคำภุชเคนทร์ก็ขาดใจตายในอ้อมกอดเธอ อุรคาเทวีกรีดร้องเสียงหลง ส่วนสุบรรณมองมาอย่างสะใจ
“จำไว้...ไม่มีใครเอาชนะพญาครุฑอย่างข้าได้”
สุบรรณสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รู้สึกผิดและสลดใจกับภาพในอดีต ต่างจากภุชคินทร์ที่ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด วิชัยสิงห์เห็นท่าไม่ดี ปิดกล้องวีดิโอที่แอบถ่ายอากัปกิริยาทุกอย่างของชายหนุ่มแล้วปลุกให้ตื่นจากการสะกดจิต ภุชคินทร์ลืมตาโพลงอย่างแค้นจัด ส่งเสียงดังอาฆาตพยาบาท
“ฉันขอสาบาน...ฉันจะจองล้างจองผลาญแกไอ้สุบรรณ!”
ooooooo
ภุชคินทร์ขับรถออกจากแสงทองรีสอร์ท มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯเพื่อเอาเรื่องสุบรรณ วิชัยสิงห์ไม่ห้ามเพราะได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว ต่างจากเจ้าอุรคาที่ร้อนรน กลัวภุชคินทร์ไปเอาเรื่องกับสุบรรณแล้วจะเกิดเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น
ขณะที่ภุชคินทร์บ้าคลั่ง...นาถสุดาเครียดเรื่องที่ไพศิษฐ์บอกว่าสุบรรณเป็นคนโจรกรรมเพชร ร่ำร้องจะออกไปถามญาติหนุ่มเอง พันเอกนรินทร์อ่อนใจ ปลอบลูกให้รอหลักฐานแล้วค่อยตัดสินและเตือนสติให้มองทุกอย่างด้วยเหตุผล
“เราต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าใจเรา...จะไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นก็ตาม”
เวลาเดียวกันที่สถานีตำรวจ...ไพศิษฐ์ตรวจสอบรายการเพชรของเจ้าประกายคำอย่างคร่ำเคร่ง จ่าชิดเดินมาบอกว่ามีคนโทร.มาแจ้งว่ามีคนพยายามบุกรุกคฤหาสน์สุบรรณ ผู้กองหนุ่มผลุนผลันไปที่เกิดเหตุแล้วผงะ เห็นภุชคินทร์เอะอะโวยวายอย่างคนไร้สติ อำนาจมารับหน้า มองท่าทางภุชคินทร์ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ราชนิกุลหนุ่มตะเบ็งเสียงต่อว่าสุบรรณอย่างโกรธแค้น อำนาจไม่รู้เรื่อง สวนกลับว่าเป็นไปไม่ได้เพราะเจ้านายไปรักษาศีลที่วัด ภุชคินทร์ไม่เชื่อ
“คนเลวอย่างมันน่ะหรือจะเข้าวัด...ไม่ต้องเอาวัดมาคุ้มกะลาหัว คนเลวอย่างมันไม่มีทางเข้าวัดได้”
ไพศิษฐ์เห็นท่าไม่ดี เข้ามาขวางและยืนยันว่าสุบรรณไปปฏิบัติธรรมที่วัดจริง ภุชคินทร์อึ้งแต่ยังไม่เชื่อ ถลาตามแรงลากของเพื่อนที่แก้ตัวกับอำนาจและนักข่าวแทนว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด หลังจากนั้นไพศิษฐ์พาภุชคินทร์ไปส่งวังนาเคนทร์พบภิงคาร หม่อมภาณีและนารีวรรณที่มารออยู่แล้วด้วยความเป็นห่วง ถามเหตุผลและต่อว่าถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ชายหนุ่มไม่ยี่หระ เปรยเสียงเรียบแต่แข็งกร้าว
“มันทำร้ายผม มันหยามเกียรติและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีผม มันพรากหัวใจผม...ผมจะเอามันคืน!”
ทุกคนตื่นตะลึง ไม่เคยเห็นชายหนุ่มเลือดร้อนขนาดนี้มาก่อน...หรือจะเกิดอะไรที่ริมน้ำโขง
คืนเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคาเดินไปเดินมาอย่างกลุ้มใจเรื่องภุชคินทร์ ชรายุมองด้วยความเป็นห่วง ต่างจากยมนาที่ปรากฏตัว ค่อนแคะถึงเรื่องที่เธอพยายามให้ชายหนุ่มทั้งสองระลึกชาติจนเกิดเรื่อง เจ้าอุรคาหน้าซีด ในหัวเต็มไปด้วยความสับสนและคำพูดเตือนของสหายรักครั้งก่อน ละล่ำละลักแก้ตัวเสียงสั่น
“ข้าไม่ได้ต้องการให้ภุชเคนทร์อาฆาตแค้นพยาบาท ข้าต้องการแค่เขาระลึกชาติได้”
“เจ้าก็รู้ว่าไม่มีใครกำหนดอะไรให้เป็นไปตามความต้องการของตัวเองได้”
เจ้าอุรคาร้องไห้เสียใจ ยมนาถอนใจหนักหน่วง เตือนสหายให้ถอนตัวจากเรื่องทั้งหมดแต่เจ้าอุรคาไม่ยอม ปฏิเสธเสียงกร้าวว่าชายหนุ่มไม่ใช่มารแต่เป็นยอดรักยอดดวงใจ ยมนาของขึ้น ตอกกลับเสียงเรียบแต่จริงจัง
“ภุชเคนทร์ไม่ใช่มาร แต่ใจที่พอกพูนด้วยกิเลสของเจ้าต่างหากที่คือมาร...สาแก่ใจแล้วใช่ไหม ทั้งพญาสุบรรณกับภุชเคนทร์ระลึกชาติได้ และทั้งสองจะตามอาฆาตจองเวรกันโดยไม่ได้มีใจพิศวาสเจ้าแม้แต่นิดเดียว”
“ไม่...ภุชเคนทร์รักข้า เขารักข้า!”
“เจ้าแน่ใจหรือ...งั้นเจ้าก็ไปขอร้องภุชเคนทร์ให้ละซึ่งความพยาบาทสิ”
เจ้าอุรคาอึ้งไปอึดใจ รู้เต็มอกว่าเป็นไปไม่ได้ ยมนาสงสาร ทอดเสียงอ่อนเตือนสติอีกครั้ง
“เจ้าก็รู้...ถึงภุชเคนทร์จะตามจองล้างจองผลาญพญาสุบรรณแค่ไหน นาคก็ไม่มีวันชนะครุฑได้ ถึงวันนี้เจ้ากำลังสร้างวิบากกรรมให้ภุชเคนทร์กับพญาสุบรรณ เจ้าทำลายคนสองคนด้วยมือของเจ้าเองอุรคาเทวี”
เจ้าอุรคารับไม่ได้ ชรายุกับยมนาเห็นใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!
ooooooo
ภุชคินทร์ยังไม่หายแค้นสุบรรณ ขับรถออกจากวังกลางดึกไปหาที่บ้านอีกครั้ง เจอเจ้าอุรคาที่ปรากฏตัวระหว่างทาง สองหนุ่มสาวผวากอดกันด้วยความคิดถึง เจ้าอุรคาละล่ำละลักขอโทษเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน
“ดิฉันขอโทษ...ดิฉันไม่ได้ต้องการทำให้คุณชายแปดเปื้อน แค่อยากให้คุณชายระลึกชาติได้ จดจำความรักของเราและจดจำถึงสิ่งที่เคยตั้งสัตย์สาบานไว้”
“อย่าโทษตัวเองเลย ผมต่างหากที่ต้องขอโทษเพราะไม่เคยระลึกอดีตชาติได้ ไม่เคยจำความรักที่เจ้ามีต่อผม ทั้งที่เจ้าพยายามบอกมาตลอด ถึงตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมคือใครและหัวใจรักของผมมีไว้เพื่อใคร ผมรักคุณเจ้าอุรคา”
“ข้ารักท่านเหลือเกินภุชเคนทร์”
“ตั้งแต่วินาทีนี้ผมพร้อมจะไปกับเจ้าทุกแห่ง เพื่อชดเชยเวลาที่หายไปของเรา”
“ถ้าเช่นนั้น...ฉันจะพาไปยังที่แห่งสองเรา”
สองหนุ่มสาวกอดกันแน่น เจ้าอุรคาร้องไห้ด้วยความปลื้มใจ...ลืมหมดว่าตั้งใจมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร
เวลาเดียวกัน...เฟื่องวลีขับรถมาตามทาง เม้าท์เรื่องภุชคินทร์กับแม่อย่างมันปาก คิดเองว่าชายหนุ่มมีสัมพันธ์พิเศษกับเจ้าอุรคา ทันใดนั้น...เฟื่องวลีเหยียบเบรกดังเอี๊ยด เฟื่องฟ้าอุทานเสียงดัง เห็นสองหนุ่มสาวที่เพิ่งพูดถึงตระกองกอดกันขึ้นรถและขับออกไปต่อหน้าต่อตา เฟื่องวลีเต้นผ่างด้วยแรงหึง...แล้วพี่ชายจะเสียใจที่ไม่เลือกเรา!
เจ้าอุรคากับภุชคินทร์มาถึงริมน้ำโขงเช้าวันถัดมา สองหนุ่มสาวจูงมือลงน้ำและแหวกว่ายอย่างร่าเริง เจ้าอุรคาเพลิดเพลินจนลืมความตั้งใจแรกที่จะยับยั้งภุชคินทร์ ได้ยินเสียงยมนาก้องในโสตประสาท
“เจ้าอาจกำลังมีความสุข แต่ถ้ามนุษย์ผู้นี้รู้ถึงกายหยาบแท้จริงของเจ้า เจ้าคิดหรือว่าเขาจะยอมรับได้”
เจ้าอุรคาชักหวั่น กลัวเขารับไม่ได้ถ้าเห็นร่างพญานาคี ภุชคินทร์สวมกอดจากด้านหลังและกระซิบข้างหู
“เจ้าฟังนะครับ ตั้งแต่วันนี้ไป...ผมจะไม่พรากจากเจ้าไปไหนอีก ผมรักเจ้า!”
ภุชคินทร์จุมพิตที่หน้าผากเธอแผ่วเบา เจ้าอุรคาปลื้มสุดๆ ไม่กังวลกับเรื่องอะไรอีก...ขอแค่มีเขาเคียงข้าง
ooooooo
สุบรรณกลับมาบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี สับสนเรื่องอดีตชาติอันเลวร้าย อำนาจมารับหน้าและรายงานเรื่องภุชคินทร์อาละวาดที่หน้าบ้าน สุบรรณชักสีหน้าไม่พอใจ เปรยเสียงเรียบแต่ดุดัน
“ฉันอุตส่าห์รู้สึกผิด แต่ทำอย่างนี้เท่ากับเหยียบหน้ากันชัดๆ ฉันจะเหยียบหัวใจแกอีกครั้ง...ไอ้ภุชคินทร์”
เวลาเดียวกันที่รีสอร์ตแสงทอง...ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคาโอบกอดดูฝนตกอย่างรื่นรมย์ พร่ำบอกคำรักและสัญญาจะไม่พรากจากกันอีก เจ้าอุรคาได้โอกาสขอให้ถอนคำสาบานในอดีต ภุชคินทร์ยิ้มรับแล้วยกมือไหว้
“ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามโลกที่เคยรับรู้คำสาบานของข้า ที่ว่าจะไม่ขอเกิดเป็นนาคอีกนั้น วันนี้ข้าขอ...”
ไม่ทันจบคำก็มีเสียงฟ้าผ่า ไฟในห้องดับพรึบ สองหนุ่มสาวตกอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน แววตาที่เต็มไปด้วยความรักและแรงปรารถนาทำให้ไฟพิศวาสปะทุขึ้น...ทั้งสองหลงอยู่ในวังวนของกันและกันจนลืมทุกสิ่ง!
ด้านภิงคาร...วางกระแทกหนังสือพิมพ์ เคืองที่หลานชายโดนเขียนถึงอย่างเสียๆหายๆ ผลุนผลันออกจากบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เฟื่องวลีมองตามด้วยทีท่าไม่ยี่หระ สารภาพกับแม่ดื้อๆว่าเป็นคนให้ข่าวเองเพราะหมั่นไส้ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคา เฟื่องฟ้าถึงกับอ้าปากค้างแต่ไม่คิดห้าม ไม่คิดว่าลูกสาวทำเกินกว่าเหตุ...
ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...พะนอฤดีมาถามข่าวของภุชคินทร์ด้วยความร้อนใจ นารีวรรณปลอบไม่ให้คิดมากและบ่นเป็นห่วงพี่ชายที่เหมือนมีความสัมพันธ์กับเจ้าอุรคาจริง พะนอฤดีอาสาแยกทั้งคู่ นารีวรรณไม่อยากเชื่อหูแต่ไม่ขัด...อย่างน้อยก็ดีกว่าให้พี่ชายมีคนรักเป็นคนประหลาดอย่างเจ้าอุรคา!
ฟากสุบรรณของขึ้นที่เห็นข่าวภุชคินทร์กับเจ้าอุรคา ร้อนรนจนไม่เป็นอันทำงาน หุนหันออกจากบ้านไปที่เฮือนภูจำปา เจอกับชรายุที่ออกมารับหน้าด้วยท่าทีเย็นชาเหมือนเคย สุบรรณรู้สึกว่าโดนเหยียดหยาม กระชากร่างชรายุมาบีบคอและประกาศศักดาความเป็นครุฑ ชรายุไม่กลัวแถมย้อนเสียงหยัน
“อดีตจบแล้ว ปัจจุบันคุณคือคนธรรมดา แต่นาคอย่างฉันมีอิทธิฤทธิ์ทำได้ทุกอย่าง อยู่ที่จะทำหรือไม่เท่านั้น”
สุบรรณตาลุกวาวแล้วตะลึง เห็นร่างของชรายุค่อยๆ เลือนหาย ไพศิษฐ์มาหาหลักฐานเพิ่มที่เฮือนมาถึงทันเห็นสุบรรณทำร้ายสาวใช้ของเจ้าอุรคาจึงถลันมาห้าม ร่างชรายุร่วงลงพื้น มีเลือดไหลออกจากปาก สุบรรณอึ้ง เช่นเดียวกับไพศิษฐ์ที่ไม่เชื่อว่านักการเมืองหนุ่มจะเหี้ยมโหดขนาดนี้!
ฝ่ายนาถสุดา...ไม่เชื่อเรื่องที่แฟนหนุ่มบอกแม้แต่น้อย ฮึดฮัดไปหาสุบรรณที่บ้านเพื่อถามความจริง ไพศิษฐ์กับพันเอกนรินทร์จนใจจะห้ามเพราะรู้ว่าไม่ได้ผล หญิงสาวรั้นและรักสุบรรณเกินไป อดีตนายทหารมองตามลูกสาวอย่างอ่อนใจ...หวังว่าบุญเก่าที่สั่งสมจะช่วยเธอให้มีสติมากกว่านี้
นาถสุดาไปถึงคฤหาสน์สุบรรณไม่นานจากนั้น... อำนาจพยายามรั้งเพราะเจ้านายหนุ่มห้ามขาดไม่ให้ใครกวน นาถสุดาไม่ยอม ดึงดันเข้าไปแล้วผงะ ได้ยินเสียงญาติหนุ่มอาฆาตเจ้าอุรคากับภุชคินทร์
“ฉันคือพญาครุฑผู้ยิ่งใหญ่ พวกแกทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้ แกสองคนอยู่ที่ไหน...ฉันจะตามจนสุดหล้าฟ้าเขียว การฆ่าคนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฉัน... ไอ้ภุชคินทร์ เจ้าอุรคา!”
นาถสุดาอ้าปากค้าง ไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน...หรือที่แฟนหนุ่มพูดจะเป็นความจริง
ooooooo










