สมาชิก

มณีสวาท

ตอนที่ 7

ภุชคินทร์กวาดตามองบรรยากาศใต้บาดาลด้วยความตื่นเต้น เจ้าอุรคามองอย่างพอใจ บอกว่าเป็นที่ที่เขาเคยอยู่ ชายหนุ่มแปลกใจแต่ไม่ติดใจนักเพราะมัวชมความสวยงามรอบตัวจนถึงกับเปรยเสียงเคลิ้ม

“สวย...สวยมาก เหมือนเคยเห็นในเทพนิยาย”

“ท่านไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ...ความรู้สึกเบาเหมือนเป็นเนื้อเดียวกับสายน้ำที่โอบอุ้มท่านไว้”

ภุชคินทร์เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เรื่อยตั้งแต่ท่อนขาจนกลายเป็นพญานาคเต็มตัว ลอยลื่นไปกับสายน้ำ ราชนิกุลหนุ่มตกใจกับสภาพตัวเอง ต่างจากเจ้าอุรคาที่มองอย่างสุดรักและโหยหา บอกว่าคือร่างเดิมของเขา ภุชคินทร์ยังไม่ยอมรับ ดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานเพราะความตกใจ เจ้าอุรคาปลอบประโลมเสียงอ่อน

“ท่านหนีข้ามาด้วยความหวาดกลัว แม้แต่ความรัก...ท่านก็ไม่กล้าชิงมา แล้วตอนนี้ท่านยังหนีความจริงอีกหรือว่าท่านคือภุชเคนทร์...คือพญานาคา”

ภุชคินทร์ชะงัก เห็นสรรพสัตว์น้อยใหญ่ใต้น้ำเวียนว่ายมาใกล้ๆหมายผูกมิตร เสียงเจ้าอุรคาบอกรักแสนหวานก้องในโสตประสาท พญานาคามองเห็นความรักและความผูกพันในดวงตาเธอ ฉับพลันนั้น...ความทรงจำมากมายก็ไหลหลาก เปรยชื่ออุรคาเทวีแผ่วเบา นาคหนุ่มสาวผวาหากันอย่างยินดี หยอกล้อคลอเคลียด้วยความเสน่หาราวกับจะไม่มีวันพรากจากอีก สองนาคร่าเริงว่ายน้ำเล่น  ปรากฏกายให้ชาวบ้านริมน้ำโขงเห็นเป็นบุญตา...ไม่นานหลังจากนั้น...ภาพนาคทั้งสองก็หายไป เหลือไว้เพียงภาพชายหนุ่มแปลกหน้าว่ายน้ำคนเดียวอย่างอารมณ์ดี!

เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...หม่อมภาณีมองครุฑธิการในมืออย่างแปลกใจ อัญมณีสีเขียวอ่อนเหลือบแดงค่อยๆเปลี่ยนเป็นเขียวเข้มส่องประกายสวยล้อแสงจันทร์งามจับตา แม้ข้องใจที่ลูกชายไม่พกติดตัวแต่ไม่จริงจังนัก...บางทีอาจมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นก็ได้

ไพศิษฐ์กับนาถสุดามาถึงริมฝั่งโขงเช้าวันถัดมา... เห็นชาวบ้านยืนมุงข้างทางจึงแวะไปดูแล้วผงะ พบรอยเท้า พญานาคเลื้อยเป็นทางยาว ชาวบ้านส่งเสียงเซ็งแซ่ว่าเห็นพญานาคสองตัวเล่นน้ำเมื่อคืน นาถสุดาเชื่อว่าเป็นของจริงเพราะเหมือนรอยที่วังนาเคนทร์ ต่างจากผู้กองหนุ่มที่สงสัยว่ามีคนจัดฉากเพื่อประโยชน์แต่ไม่รู้ว่าใคร ทันใดนั้น... มีชาวบ้านส่งเสียงโห่ร้องจากอีกมุมจึงพุ่งไปดู เบิกตาโพลงเมื่อเห็นรองเท้าของภุชคินทร์ลอยมาติดกับรอยเท้าเจ้าปัญหา ผู้กองหนุ่มสอบถามชาวบ้านละแวกนั้น ได้ความว่าเพื่อนรักอาจลืมทิ้งไว้หลังลงไปเล่นน้ำคนเดียวกลางดึก ไพศิษฐ์กับนาถสุดามองหน้ากันเครียดๆแล้วกระโจนลงน้ำทันที!

ooooooo

เจ้าอุรคาแทบสำลักความสุขหลังได้หลับนอน และใช้เวลากับคนรักในอดีตชาติสมกับที่เฝ้ารอมานาน พญานาคสาวในร่างอุรคาเทวีกอดก่ายร่างภุชคินทร์ที่หลับสนิทอย่างหลงใหล พึมพำกับตัวเองเสียงเบา

“ในที่สุดเราก็ได้กลับมาครองรักกัน ข้าจะทำให้ท่านถอนคำสาบาน เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดกาล”

เจ้าอุรคาประทับจูบที่แก้มชายหนุ่มอย่างแสนรัก ทันใดนั้น...ยมนาปรากฏตัว ตวาดเสียงก้องให้ปล่อยราชนิกุลหนุ่มเพราะเป็นการฝืนดวงชะตา เจ้าอุรคารู้ตัวว่าผิดแต่ยังดื้อดึง เฉไฉว่าเพราะพรหมลิขิตทำให้เขาเจอเธออีกครั้ง ยมทูตหนุ่มของขึ้น ตอกกลับอย่างเหลืออดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดสหายรักเป็นคนกำหนดให้เกิดขึ้น เจ้าอุรคาสารภาพเสียงอ่อย

“ก็เพื่อให้ภุชเคนทร์ถอนคำสาบานเท่านั้น เลิกขวางข้าเสียทียมนา ถ้ายังคิดว่าข้าเป็นสหาย”

“ข้าก็ยังปรารถนาดีต่อเจ้าเช่นเดิม จิตของภุชเคนทร์ไม่พร้อม แต่เจ้าทำให้เขาไร้สติและดึงจิตเขามาหาเจ้า”

เจ้าอุรคาชะงัก บอกว่าต้องการแค่ภุชคินทร์ระลึกชาติและถอนคำสาบาน ยมนาอ่อนใจ เตือนว่าชีวิตมนุษย์ของชายหนุ่มอยู่ในอันตรายเพราะกำลังฝืนกฎธรรมชาติ พยายามเกลี้ยกล่อมและเตือนสติ

“การที่เจ้ายึดติดจะยิ่งทุกข์ไม่สิ้นสุด ต่อไปเจ้าจะไม่ใช่นาคเทวีแต่เป็นได้แค่นาค เพราะเจ้ากำลังลบบุญตัวเอง”

“เป็นไปไม่ได้ ข้าคือนาคเทวี...ผู้ยิ่งใหญ่แห่งลุ่มน้ำนี้”

“เจ้าลืมแล้วหรือไร แม้แต่นาคเทวีก็ไม่เป็นอมตะ การที่เจ้าพยายามเปลี่ยนแปลงโองการสวรรค์จะทำให้ยิ่งทุกข์ทรมาน เจ้าจะยิ่งได้รับโทษจนอาจกลายเป็นเดรัจฉาน นำท่านภุชเคนทร์คืนกลับเมืองมนุษย์เดี๋ยวนี้”

เจ้าอุรคาสับสน กอดร่างชายหนุ่มแน่นอย่างหวงแหน ยมนาเห็นท่าทีลังเลจึงตอกย้ำเสียงเข้ม

“อย่ามัวแต่หลงระเริงความสุขของตัวเอง ไม่เช่นนั้น... เจ้านั่นแหละจะเป็นผู้ฆ่าภุชเคนทร์ ไม่ใช่พญาสุบรรณ!”

เจ้าอุรคาไม่ยอมคืน ยมนาจำใจใช้อำนาจแห่งยมบาลพาชายหนุ่มกลับสู่ความเป็นมนุษย์ พญานาคสาว กรีดร้องเสียงหลง ละล่ำละลักขอให้รอชายหนุ่มถอนคำสาบานแต่ยมนาไม่ใจอ่อน  ภุชเคนทร์ลุกยืนเหมือนละเมอ และลอยละล่องขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว เจ้าอุรคาร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ ถลันตามขึ้นไปติดๆอย่างร้อนรน

ขณะเดียวกันที่ริมฝั่งโขง...นาถสุดากับไพศิษฐ์ดำผุดดำว่ายหาภุชคินทร์แต่ไม่พบ สองหนุ่มสาวชักกังวล ผู้กองห่วงแฟนสาวดูอ่อนแรงจึงประคองไปพัก นาถสุดาเหลือบเห็นร่างคนที่แก่งหินห่างออกไปจึงชี้บอกแฟนหนุ่ม ทั้งคู่รีบว่ายไปดู พบชายหนุ่มรูปร่างคุ้นตานอนคว่ำหน้าหมดสติ พลิกร่างนั้นแล้วชะงัก เห็นภุชคินทร์นอนหน้าซีดลมหายใจรวยริน ผู้กองผายปอดจนเพื่อนสำลักน้ำออกมา มองหน้าสองหนุ่มสาวอย่างมึนงงแล้วสลบไปอีก นาถสุดากับไพศิษฐ์จึงนำส่งโรงพยาบาล...เจ้าอุรคาโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มองภาพชายคนรักจากไปอย่างอาวรณ์ ได้แต่ส่งเสียงเกรี้ยวกราดไล่หลังว่าไม่ยอมให้เขาไป!

ooooooo

ภุชคินทร์สลบไสลตลอดทั้งวันถึงช่วงเย็น ไพ-ศิษฐ์กับนาถสุดารู้จากแพทย์เวรว่าเขาแค่อ่อนเพลียจึงตัดสินใจปลุก ภุชคินทร์ตื่นมาอย่างงัวเงีย จำอะไรไม่ได้ นอกจากที่ไปเดินเล่นริมน้ำโขงเมื่อคืนก่อน สองหนุ่มสาวมองหน้ากันงงๆ แปลกใจที่ราชนิกุลหนุ่มมีท่าทีสดใสเพราะได้นอนเต็มตามากกว่าคนที่เกือบจมน้ำตาย!

เวลาเดียวกันที่ใต้บาดาล...เจ้าอุรคาร้องไห้โหยหวน ปิ่มจะขาดใจ ตัดพ้อชายหนุ่มที่จำเรื่องราวความรักแต่หนหลังไม่ได้ ยมนาปรากฏตัว พยายามเตือนว่าการฟื้นอดีตชาติเป็นเรื่องฝืนกฎธรรมชาติ เจ้าอุรคาสะอึกที่โดนพูดแทงใจดำแต่ยังเถียงกลับไม่ยอมแพ้ ยมนาส่ายหน้าอย่างระอา ประกาศเสียงกร้าว

“มันผิดกฎสวรรค์ เมื่อมีการเปลี่ยนภพชาติ เบื้องบนจะล้างความจำในอดีตชาติ ภุชเคนทร์ก็ไม่ได้รับการยกเว้น”

“ข้านี่แหละจะเป็นผู้ล้างกฎสวรรค์ด้วยความรักของข้า ภุชเคนทร์จะต้องจำได้”

ยมนาโมโหที่สหายรักไม่สำนึก ค่อนแคะว่าถ้าอยากให้ชายหนุ่มระลึกชาติได้ ทำไมถึงมัวระเริงกับกาม ตัณหา เจ้าอุรคาชะงัก น้ำตานองหน้าด้วยความละอายใจ ยมนาทอดเสียงอ่อน

“เราไม่ถือโกรธ เพราะเราเข้าใจเจ้าอุรคาเทวี...ตอนนั้นเจ้าหลงกับความรักทั้งๆที่รู้ว่าการติดในตัณหานั้นร้ายกว่ากิเลสใดๆ...ทุกอย่างล้วนอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เจ้าฝืนกฎแห่งกรรมไม่ได้หรอก”

“ท่านพูดเช่นนี้ได้เพราะท่านไม่เคยมีความรัก”

“ต้องใช้เวลานานแค่ไหน กว่าเจ้าจะเรียนรู้ว่า ความรักที่แท้จริงคือความยินดี เสียสละ แต่ความรักที่ยึดติดจะก่อแต่ความทุกข์ ทำเช่นนี้พลังชีวิตของเจ้าจะยิ่งอ่อนลง เจ้าทำตามหัวใจตัวเองจนลืมรักตัวเองอุรคาเทวี”

เจ้าอุรคานิ่งฟังอย่างสงบ มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินออกมาอย่างสุดกลั้นเพราะความอัดอั้นตันใจ...

ด้านสุรินทร์...หนีไปกบดานในป่าลึก นั่งบริกรรมด้วยใบหน้าถมึงทึง เงื้อมีดลงอาคมแทงบนหัวงูตัวหนึ่งจนเลือดกระฉูด ส่งเสียงคำรามอาฆาตจองเวรเจ้าอุรคากับ สุบรรณ...อีกไม่นานทั้งสองต้องเจอชะตากรรมเดียวกับงูตัวนี้!

ในขณะที่สุรินทร์ฝึกปรือวิชา...สุบรรณกับอำนาจเตรียมรับมือเพราะรู้นิสัยนักฆ่าหนุ่มว่าเจ้าคิดเจ้าแค้นและโอหัง อำนาจเกรงว่าอดีตคู่หูจะใช้วิธีสกปรก เตือนเจ้านายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง

“ผมเกรงว่าเจ้าจะเป็นอันตราย เพราะถ้าไอ้สุรินทร์ ทำอะไรนายไม่ได้ มันต้องหาทางเล่นงานเจ้าอุรคาแทน”

“ถ้ามันทำแบบนั้นแสดงว่าโง่มาก รนหาที่ตายเร็วขึ้น ถ้าเจ้าอุรคาเป็นอะไรแม้ปลายเล็บ...มันต้องตาย!”

สุบรรณประกาศกร้าวและแล่นไปหาหญิงสาวถึงเฮือนวันถัดมาเพื่อเตือนให้ระวังตัว เจ้าอุรคามีท่าทีเฉยชา ปรายตามองเขาอย่างไม่พอใจ สุบรรณขอโทษที่ทำให้ลำบากใจแต่โดนย้อนกลับอย่างไม่ไว้หน้า สุบรรณรู้ว่าเธอตั้งใจแดกดันแต่ไม่ถือสา พูดถึงการเข้าใจผิดเมื่อคราวก่อน เจ้าอุรคาบอกว่าไม่แคร์จนชายหนุ่มของขึ้น ไม่พอใจที่เธอพูดเหมือนรังเกียจตลอดเวลา สวนกลับบ้างอย่างเหลืออด

“ท่านสุบรรณผู้ทรงเกียรติที่ใครๆต้องก้มหัวให้ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องยอมให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เสือกไสไล่ส่งผมอย่างไร้ค่า และนอกจากผมจะไม่โกรธแล้ว ยังรักและเทิดทูนอีกมากมาย”

“ถ้าดิฉันจะว่าท่านโง่งมงายก็คงดูหยาบคายเกินไป ถ้าอย่างนั้น...การที่ลุ่มหลงอิสตรีจนไม่ได้นึกถึงเกียรติยศตัวเองจะเรียกผู้ชายคนนั้นว่าอะไรดี”

“หากเจ้าจะหยามคนที่มีรักมั่นคงว่าโง่เง่า เจ้าก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้น เพราะเท่าที่ผมเห็น คุณชายภุชคินทร์ก็ไม่สนใจเจ้าแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่เจ้าอุตส่าห์ทอดสะพานให้ถึงขนาดนั้น”

เจ้าอุรคาโกรธจัดตวัดมือตบหน้าอย่างแรงจนชายหนุ่มเลือดขึ้นหน้า กระชากเธอมาใกล้และระดมจูบอย่างป่าเถื่อน ชรายุถลันมาห้ามแต่โดนเหวี่ยงร่างลงพื้น สุบรรณผลุนผลันออกไปแล้ว เจ้าอุรคาเจ็บใจจนแทบกระอัก เปรยอย่างไม่เข้าใจที่พญาสุบรรณแม้กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ยังทำร้ายพญานาคีอย่างเธอได้ ชรายุอธิบายเสียงอ่อนว่าเพราะบุญบารมีเก่าสมัยเป็นพญาครุฑยังอยู่ เจ้าอุรคาตัดพ้อน้ำตาคลอ

“แล้วมันไม่มีวันหมดไปเลยหรือไงชรายุ พญาสุบรรณต้องตามทำร้ายข้าชั่วกัปชั่วกัลป์เลยหรือไร”

“วันนี้เขามีบารมีเป็นถึงรัฐมนตรี มีอำนาจและโอกาสจะสร้างบุญกุศล พลังแห่งครุฑราชก็ยิ่งใหญ่ แต่หากเขากระทำชั่วเสมอ สักวันบารมีแห่งครุฑราชก็จะหมด ข้าเชื่อว่าวันนั้นต้องมาถึงอุรคาเทวี”

ชรายุมองเจ้านายสาวอย่างเห็นใจ ต่างจากเจ้า

อุรคาที่แววตาเต็มไปด้วยไฟแค้น...เช่นเดียวกับสุบรรณที่เบนรถจอดข้างทางอย่างฉุนเฉียว ประกาศกร้าวว่าต้องเอาชีวิตภุชคินทร์ศัตรูหัวใจคนสำคัญให้ได้!

ooooooo

ภุชคินทร์มองแก่งหินตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ นาถสุดากับไพศิษฐ์บอกว่าพบเขานอนสลบไสลอยู่ที่นี่เมื่อเช้าวันก่อน ราชนิกุลหนุ่มนึกอะไรไม่ออก จำได้แค่มาตะโกนเรียกใครสักคนตรงริมน้ำโขงเพราะจิตใต้สำนึกบอกให้มา ฉับพลันนั้น...ภุชคินทร์เบิกตาโพลง นึกได้ว่ามาตามหาหญิงสาวหน้าตาเหมือนเจ้าอุรคาแต่ไม่พบ

นาถสุดากับไพศิษฐ์สะอึก มองหน้ากันเครียดๆ ผู้กองหนุ่มบอกว่าเธอคนนั้นอาจอยู่ที่เฮือนภูจำปาเหมือนราชนิกุลสาวก็ได้ ภุชคินทร์เลิกคิ้วไม่เข้าใจ ไพศิษฐ์อธิบายเสียงเรียบ

“ก็อาจเป็นคนเดียวกัน ถ้าเป็นอย่างนั้น นายต้องอยู่ห่างจากเจ้าอุรคาแล้วล่ะ ก่อนที่นายจะตายเพราะเธอ”

ภุชคินทร์อึ้งไป สองหนุ่มสาวมองมาอย่างห่วงใย... ขณะเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคาลืมตาออกจากญาณด้วยแววตาแข็งกร้าว เคืองผู้กองหนุ่มที่คิดขวางแผนของเธอ ชรายุมองออกว่าเจ้านายสาวไม่พอใจ ตั้งท่าจะห้ามแต่ราชนิกุลสาวไม่ฟัง รั้นจะไปและบอกว่าต้องการแค่สั่งสอนผู้กองหนุ่มเท่านั้น หาได้ต้องการชีวิตไม่!

คืนเดียวกัน...ภุชคินทร์ ไพศิษฐ์และนาถสุดาตัดสินใจค้างคืนที่แสงทองรีสอร์ทและกลับกรุงเทพฯเย็นวันรุ่งขึ้น ทุกคนเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมน้ำโขงจนแทบลืมเรื่องเลวร้าย ลุงแสงชาวบ้านแถวนั้นเห็นราชนิกุลหนุ่มก็จำได้ ทักด้วยรอยยิ้มว่าเขามีบุญนักหนาที่มาถึงริมโขงพร้อมการปรากฏตัวของพญานาค แถมมาพักที่รีสอร์ทแสงทองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแห่งแรกที่พบรอยเท้าพญานาค

“เพราะการมาเยือนของพญานาคเหมือนแสงแรกแสงทองของพระอาทิตย์ที่นำความสุขความเจริญมาให้”

ลุงแสงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเทิดทูนสุดหัวใจ คิดว่าภุชคินทร์อาจมีอะไรเกี่ยวข้องกับพญานาคในอดีตชาติแล้วเดินจากไป สามคนมองหน้ากันเครียดๆ ไพศิษฐ์ปลอบไม่ให้คิดมากแต่ภุชคินทร์กลับคิดเหมือนลุงแสง เพราะอย่างนี้ถึงมีเหตุดลใจให้มาที่นี่...แม้แต่ชื่อเขายังแปลว่าพญานาค ราชนิกุลหนุ่มคิดเรื่องคำพูดลุงแสงจนนอนไม่หลับ สังหรณ์ว่าเรื่องที่เกิดอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือความฝัน อธิษฐานขอพญานาคให้ปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ความจริง

ฟากไพศิษฐ์อาสาเฝ้าระเบียงห้องเพื่อนเพราะกลัวเกิดเรื่องประหลาดอีก นาถสุดาเข้านอนด้วยความสบายใจ ส่วนเขาอ่านหนังสือจนดึกดื่น ผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลียแล้วสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ชายหนุ่มเห็นว่าต้นเสียงมาจากริมน้ำโขงจึงเดินไปดู พบหญิงสาวในชุดชาวบ้านนั่งหันหลังร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกว่าคนรักหาย เขาเสนอตัวเข้าช่วยตามประสาตำรวจที่ดี วางมือบนไหล่เธอช้าๆแล้วถึงกับผงะ เห็นเจ้าอุรคาจ้องตาขวาง เอื้อมมือมาบีบคอเขาอย่างแรงและตวาดก้อง

“อย่ามายุ่งกับเรื่องของข้า”

“ปล่อย...ผมไปยุ่งเรื่องอะไรของเจ้า”

“ภุชเคนทร์...อย่าพาเขากลับไป ไม่งั้นเจ้าจะถึงฆาต!”

ไพศิษฐ์ดิ้นรนต่อสู้จนนาฬิกาข้อมือหลุดโดยไม่รู้ตัว เจ้าอุรคาปล่อยมือแล้วผลักเขาลงกับพื้น...ไพศิษฐ์รู้สึกตัวอีกทีว่านอนแอ้งแม้งกับพื้นระเบียงห้องภุชคินทร์ เจ็บร้าวไปทั่วร่างเหมือนผ่านการสู้รบมาอย่างหนัก สะบัดหัวไล่ความมึนงง ไม่เข้าใจว่ากลับมานอนที่นี่ได้ยังไง นาถสุดาเพิ่งตื่น เดินมาหาและก้มมองเขายิ้มๆ ไพศิษฐ์ไม่ขำด้วย บอกว่าเจอเจ้าอุรคาเมื่อคืน นาถสุดาตาโต... หรือว่าแฟนหนุ่มจะเจอดีอีกคน!

ooooooo

นาถสุดาฟังเรื่องทั้งหมดแล้วสรุปว่าแฟนหนุ่มมีอคติกับเจ้าอุรคามากไป ราชนิกุลสาวจะปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไงในเมื่ออยู่ที่เฮือนในกรุงเทพฯ เธอปลอบไม่ให้คิดมากจนเก็บไปฝันร้ายแต่แฟนหนุ่มยังไม่วางใจ พยายามกลบเกลื่อนเพราะอยากให้เธอสบายใจและชวนไปดูชาวบ้านตกปลาอย่างผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย

ฝ่ายภุชคินทร์...ตื่นแต่เช้ามาเดินเล่น เห็นชาวบ้านมุงที่ริมโขงจึงตามไปดู ตะลึงเมื่อเห็นรอยเท้าพญานาคปะปนกับรอยเท้าคนคล้ายมีการต่อสู้อย่างดุเดือด ราชนิกุลหนุ่มเผลอมองเท้าตัวเองแล้วถอนใจอย่างโล่งอกที่รอยเท้าเป็นคนละขนาด ไพศิษฐ์กับนาถสุดามาสมทบมองรอยเท้าตรงหน้าแล้วถึงกับขนลุกซู่ หญิงสาวชาวบ้านตะโกนบอกว่าเจอนาฬิกาข้อมือ ผู้กองหนุ่มหันไปมองแล้วหน้าซีด พูดเสียงสั่นว่าเป็นของเขา หญิงสาวคนนั้นคืนให้แล้วหันไปสนใจรอยเท้าพญานาคต่อ นาถสุดากับภุชคินทร์มองมางงๆ ไพศิษฐ์เปรยเสียงเครียด

“นายชาย...เมื่อคืนฉันฝันว่าสู้กับเจ้าอุรคา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ความฝัน ไม่ใช่ความบังเอิญแต่คือเรื่องจริง”

ใบหน้าไพศิษฐ์ตื่นกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้เจอของจริง!

นาถสุดาเล่าเรื่องทุกอย่างให้พ่อฟังคืนเดียวกันนั้น... พันเอกนรินทร์ดูออกว่าลูกสาวอยากรู้เรื่องราวปริศนาแต่เขาบอกไม่ได้เพราะเป็นการฝืนชะตาฟ้าลิขิต ได้แต่บอกเป็นนัยๆเหมือนเคย

“ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้ ทุกสิ่งเป็นความลับเสมอ หากยังไม่ถึงเวลา”

“หมายความว่าเราต้องให้มันเกิด โดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือคะ”

“ห้ามน้ำไม่ให้ไหล ห้ามไฟไม่ให้มีควันฉันใด สิ่งที่เกิดมันก็ต้องเกิด และเมื่อถึงเวลามันจะดับเอง”

นาถสุดาเข้าใจแต่ยอมรับไม่ได้ ร้อนรนเพราะเป็นห่วงบุคคลอันเป็นที่รักรอบตัว อดีตนายทหารปลอบเสียงอ่อน

“นาถยิ่งอยากรู้เท่าใด สิ่งที่อยากรู้จะยิ่งห่างไกล ยิ่งจิตวุ่นวาย สิ่งที่อยากรู้ยิ่งกระเจิงเหมือนฝุ่นละออง ถ้าจิตนิ่งจิตจะมีพลัง ทุกอย่างจะเปิดเผยเองโดยที่นาถไม่ได้เป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน แต่มันเป็นกฎธรรมชาติ...ธรรมชาติของจิต”

นาถสุดาว้าวุ่นใจ สับสนเพราะความไม่รู้ พันเอกนรินทร์ส่ายหน้าปลงๆ...หวังว่าสักวันลูกจะเข้าใจ

เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภิงคารทราบเรื่องประหลาดของภุชคินทร์เกี่ยวกับพญานาคก็สังหรณ์ใจ นั่งคุยกับหม่อมภาณีและนารีวรรณอย่างเคร่งเครียดเพราะกลัวหลานรักมีอันตราย หม่อมภาณีเต้นผ่าง กลัวพญานาคมาเอาชีวิตลูกชาย มองหน้าน้องชายและลูกสาวบุญธรรมเครียดๆ...ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองภุชคินทร์ด้วยเถิด

ด้านสุบรรณ...เห็นภุชคินทร์ในทีวีก็หน้าตึง กำแก้วเหล้าแน่นจนแตกคามือ เลือดไหลอาบทั้งแขน นักการเมืองหนุ่มสาดเหล้าลงคอหมดขวด ความเมาทำให้สติพร่าเลือน เห็นภาพภุชคินทร์ส่งยิ้มเย้ยหยันมาให้ สุบรรณเลือดขึ้นหน้าและโผไปทำร้าย กางมือออกแล้วตะลึง เห็นนิ้วตัวเองกลายเป็นเล็บครุฑ ฉีกร่างภุชคินทร์จนเลือดกระฉูด ชายหนุ่มหัวเราะสะใจ มองกระจกข้างห้องแล้วตาค้าง เห็นภาพตัวเองเป็นพญาครุฑที่กงเล็บเต็มไปด้วยเลือด!

สุบรรณสะดุ้งตื่นตอนเช้าเหงื่อแตกพลั่ก...ภาพฝันยังติดอยู่ในสมอง ชายหนุ่มมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างตื่นๆ พยายามลำดับเหตุการณ์ในความทรงจำแต่ไม่ได้เรื่องนัก ถามตัวเองอย่างงงงันตกใจ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่!

ooooooo

ภุชคินทร์ตื่นมาตอนเช้าพร้อมรอยช้ำเต็มแขน ภาพความฝันลางเลือนเหมือนเห็นตัวเองสู้กับอะไรบางอย่างแต่มองไม่ชัด นารีวรรณมองด้วยความเป็นห่วง ช่วยพี่ชายปิดบังเพราะกลัวหม่อมภาณีเห็นแล้วเป็นกังวล มองตามพี่ชายกับมารดาออกจากบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด...หรือว่าพี่ชายจะโดนของ

นารีวรรณแล่นไปหาพะนอฤดีที่ร้านอาหารสายวันนั้นเพื่อระบายเพราะทนเก็บความกลุ้มใจไว้ไม่ไหว พบเฟื่องวลีเดินกรุยกราย ยกมือดูเล็บที่เพิ่งทำใหม่ก็สงสัย คิดเองว่าหญิงสาวอาจเป็นคนสร้างรอยแผลที่แขนราชนิกุลหนุ่ม เฟื่องวลีเห็นนารีวรรณจึงเดินมาทัก อวดเล็บสวยแล้วบอกว่าทำใหม่เพราะเกิดเรื่องเมื่อวานจนเล็บฉีก นารีวรรณกับพะนอฤดีตาโต เฟื่องวลีไม่รู้เรื่องเลยเกทับว่ามีเรื่องกุ๊กกิ๊กกับแฟนจนเล็บฉีก พะนอฤดีเต้นผ่างด้วยแรงหึง เฟื่องวลียั่วหนักขึ้นจนเฟื่องฟ้าเดินมาห้ามเพราะกลัวเสียภาพพจน์ พะนอฤดีฮึดฮัดทนไม่ไหว ลากนารีวรรณกลับเข้าร้านอย่างหงุดหงิด เฟื่องวลีมองตามด้วยความสะใจ...ใครที่มันกล้าตั้งตัวเป็นคู่แข่งต้องเจอแบบนี้

บ่ายวันเดียวกันนั้น...สุรินทร์ออกจากที่กบดานมาสุ่มรอสุบรรณที่โรงแรมหรู เห็นชายหนุ่มประชุมเรื่องงาน การกุศลกับหม่อมภาณี ภุชคินทร์ เจ้าประกายคำ เฟื่องฟ้า และเฟื่องวลี มีอำนาจและบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งเฝ้าไม่ห่าง ภุชคินทร์กับสุบรรณเขม่นกันอยู่ในทีแต่เก็บอาการ เฟื่องฟ้าสังเกตตลอด คิดเองว่าสองหนุ่มฮึดฮัดใส่กันเพราะเฟื่องวลี

เจ้าประกายคำแจกรายละเอียดงาน สุบรรณไม่ได้สนใจเพราะมัวมองรอยช้ำแปลกๆบนแขนภุชคินทร์ นักการเมืองหนุ่มจ้องเพลินแล้วสะดุ้งเมื่อได้ยินหม่อมภาณีถามความเห็นเรื่องการแสดง เขาอึ้งไปนิดแล้วเสถามถึงการแสดงของเจ้าอุรคา เจ้าประกายคำยิ้มตาพราวแล้วบอกว่าเป็นความลับ สุรินทร์ตาโตเพราะถือเป็นโอกาสดีจะล้างแค้นพญานาคสาว สุบรรณนิ่งไปแล้วถามถึงการแสดงของภุชคินทร์ ราชนิกุลหนุ่มตอกกลับเสียงเรียบ

“คงไม่ครับ แต่ผมตั้งใจรอชมการแสดงของเจ้า อุรคา เผื่อเธอจะเซอร์ไพรส์ให้ผมร่วมแสดงด้วย”

“งั้นผมจะตั้งใจเป็นผู้ชมที่ดี ผมไม่ชอบแสดงแต่ชอบชีวิตในความเป็นจริง และผมก็มักมีอะไรมาเซอร์ไพรส์คนอยู่เสมอๆ ไม่แน่...บางทีคุณชายอาจต้องเป็นฝ่ายเซอร์ไพรส์เสียเอง”

เฟื่องฟ้าหน้าเสียเพราะสองหนุ่มไม่มีท่าทีสนใจลูกสาว ต่างจากคนอื่นที่ไม่รู้ความนัย ตื่นเต้นและอยากให้ถึงวันงานเร็วๆ ภุชคินทร์กับสุบรรณจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครแต่ไม่มีใครสังเกต อำนาจเหลือบมองผ้าม่านที่พลิ้วไหวอย่างสงสัย ทันใดนั้น...สุรินทร์เคลื่อนตัวออกจากตรงนั้น สุบรรณกับอำนาจรีบตามไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

อำนาจตามมาถึงหน้าโรงแรมและยิงกราดแบบกะให้โดนสักนัด สุรินทร์อาศัยความเร็วหนีรอดไปอย่างหวุดหวิด รปภ.โรงแรมจะตามแต่สุบรรณห้ามไว้ บอกว่าไม่อยากเป็นเรื่องใหญ่ อำนาจคิดว่าอดีตคู่หูคงหาโอกาสเล่นงานเจ้านายหนุ่มกับเจ้าอุรคาที่งานการกุศล สุบรรณตาวาวอย่างโกรธจัด ประกาศกร้าวจะจัดการอดีตลูกน้องให้ได้ สุรินทร์มองจากมุมลับตาด้วยความเคียดแค้น พึมพำเสียงเบาแต่ดุดัน...อย่างพวกแกจะทำอะไรฉันได้!

เฟื่องวลีกลับถึงบ้านคืนนั้นอย่างหงุดหงิด ขัดใจไม่หายที่ภุชคินทร์กับสุบรรณไม่มองเธอแม้แต่น้อย สนใจแต่เรื่องของเจ้าอุรคาจนน่าหมั่นไส้ เฟื่องฟ้านิ่งไปนิดแล้วเบิกตาโพลง คิดเอาเองว่าราชนิกุลสาวทำเสน่ห์ให้สอง หนุ่มหลงหัวปักหัวปํา สองแม่ลูกมองหน้ากันเครียดๆ คิดหนักเพื่อหาวิธีแก้มนต์ของเจ้าอุรคา

เวลาเดียวกันที่บ้านพันเอกนรินทร์...ไพศิษฐ์กับนาถสุดาพูดถึงเรื่องที่ริมโขงด้วยความสงสัย ครุ่นคิดอย่างหนักถึงความจริงที่อธิบายปรากฏการณ์ประหลาด ผู้กองหนุ่มปักใจว่าเจ้าอุรคาไม่ใช่คนธรรมดา

“จากการสันนิษฐาน นายชายน่าจะเป็นศูนย์กลางของคำตอบ เพราะทุกคนที่แวดล้อมนายชาย ไม่เว้นแม้แต่เราจะต้องเจอเรื่องลี้ลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้สักคน”

“รวมทั้งการที่เจ้าอุรคาหาทางให้ไม้แกะสลักชิ้นนี้ให้มาอยู่กับนาถ”

สองหนุ่มสาวจนปัญญาจะหาคำตอบ พันเอกนรินทร์ที่แอบฟังอยู่ตลอด เดินออกมาและพูดเสียงอ่อน

“ในจักรวาลมีสิ่งที่เราไม่รู้และพิสูจน์ไม่ได้อีก เยอะแยะ แม้มันจะมีอยู่จริง”

“แต่ถ้ายังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ไม่มีใครเชื่อเรานะครับ”

“บางสิ่งจะเชื่อหรือไม่ มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น ที่สำคัญ...เขาไม่ได้ต้องการให้เราพิสูจน์เพื่อเชื่อหรือไม่เชื่อ”

นาถสุดาเปรยว่าเหมือนเรื่องเกี่ยวกับพญานาค อดีตนายทหารยิ้มรับ บอกว่าเป็นตัวอย่างที่ดีแล้วขึ้นบ้าน นาถสุดาตีความคำพูดพ่อว่ารอยเท้าพญานาคทั้งหมดเป็นของจริง ไพศิษฐ์อึ้งไปอึดใจ ประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วถอนหายใจหนักหน่วง สันนิษฐานว่าเจ้าอุรคาอาจเป็นพญานาคแต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ผู้กองหนุ่มเป็นห่วงแฟนสาวยื่นคำขาดให้ถอยห่างจากเจ้าอุรคา นาถสุดาไม่ค่อยเชื่อแต่ไม่อยากค้านเพราะท่าทีแฟนหนุ่มดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ooooooo

พันเอกนรินทร์ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ลูกสาวกับแฟนหนุ่มคาใจ นึกรู้ด้วยญาณพิเศษว่าเจ้าอุรคาอาจมีแผนบางอย่างในงานการกุศล อดีตนายทหารถอดจิตไปหาเธอที่เฮือน เตือนเป็นนัยๆถึงการแสดงของหญิงสาว

“ผู้ที่มีชาติกำเนิดสูงจะนำคุณมาให้ ไม่เหมือนผู้ที่มาจากภูมิต่ำ ที่จะนำแต่โทษมาให้ฝ่ายเดียว”

เจ้าอุรคาถึงกับทึ่ง เพราะความหมายที่ส่งมาเหมือนรู้เท่าทันความคิดเธอ พันเอกนรินทร์ดูออกว่าหญิงสาวเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“มนุษย์โลกที่ท่านปรากฏกายให้เห็นคงได้รับสิ่งดีงามจากท่าน ผมมาร่วมยินดี และขอรบกวนเวลาเพียงเท่านี้”

ร่างโปร่งใสของอดีตนายทหารหายไปแล้ว ยมนาปรากฏตัวและเปรยด้วยน้ำเสียงชื่นชม

“ผู้มีจิตสูง แม้มาเตือนยังมาเฉกกัลยาณมิตร สิ่งที่เจ้าจะทำควรมีขอบเขต หากเจ้าคือผู้มีชาติกำเนิดสูง”

“ผู้ที่มีชาติกำเนิดสูงเช่นข้า...นาคเทวีอุรคา ทุกอย่างที่ทำต้องสูงส่งแน่นอนยมนา”

เจ้าอุรคายิ้มรับ มั่นใจว่าความตั้งใจของตนเป็นเรื่องถูกต้อง ยมนามองอย่างไม่ไว้ใจ กลัวสหายรักก่อเรื่องอีก

และแล้ววันงานการกุศลก็มาถึง...บรรยากาศครึกครื้นไปด้วยผู้คนในสังคมชั้นสูง แต่ละคนแต่งกายสวยงามหรูหรา นารีวรรณเข้างานพร้อมกับพะนอฤดีที่ทุ่มทุนซื้อบัตรหลายพันบาทเพื่อมาเจอภุชคินทร์ชายหนุ่มในฝัน  สวนกับเฟื่องวลีและเฟื่องฟ้าที่มองมาอย่างเหยียดหยาม สองคู่ปรับปะทะคารมพอหอมปากหอมคอแล้วแยกย้ายเข้างาน

ภายในงาน...บรรยากาศจำลองคล้ายวิมานบนสวรรค์ ผ้าไทยสีสวยหลายผืนถูกใช้ประดับทั่วงาน สีสันสดใสทำให้งานน่าดูไม่น้อย ภุชคินทร์ยืนอยู่กับเจ้าภิงคาร ในขณะที่สุบรรณเข้างานกับอำนาจและลูกน้องจำนวนหนึ่ง สุรินทร์แฝงตัวกับแขกมองตามอย่างเย้ยหยัน ดูแคลนอดีตเจ้านายที่กลัวตายจนถึงกับขนบอดี้การ์ดมาเดินทั่วงาน ไพศิษฐ์กับนาถสุดาเข้ามาจากอีกทาง กวาดตามองรอบงานอย่างตื่นตาตื่นใจ หวังลึกๆว่าคงไม่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีก

ทันใดนั้น...เสียงฆ้องดังเป็นจังหวะ แขกในงานหันไปมองแล้วตะลึงในความงามแปลกตาของขบวนที่โดดเด่นด้วยเสลี่ยงทองคำ มีรูปปั้นพญานาคนอนขดชูคอมองทุกคนด้วยแววตาน่ากลัว สุบรรณกับภุชคินทร์รู้ว่าเป็นขบวนของเจ้าอุรคา มองหาแต่ไม่เห็นเธอ เฟื่องฟ้ามองด้วยความหมั่นไส้ คิดเองว่าราชนิกุลสาวจะแสดงเพื่อเพิ่มเสน่ห์ มองเห็นผ้าซิ่นหลังเวทีแล้วเกิดความคิดบางอย่าง บอกลูกสาวหาทางทำให้สุบรรณกับภุชคินทร์ลอดใต้ผ้าเพื่อถอนมนต์

ด้านภิงคาร...ชอบใจบรรยากาศงาน ภุชคินทร์บอกต้องยกความดีให้เจ้าอุรคาเพราะเป็นคนออกความคิดเรื่องธีมหลักของงาน สุบรรณมองหาเจ้าอุรคาด้วยความเป็นห่วง สั่งอำนาจไปอารักขาหญิงสาวเพราะตนดูแลตัวเองได้ ส่วนเฟื่องฟ้าแยกกับเฟื่องวลีเพื่อประกบสุบรรณกับภุชคินทร์ หาทางถอนเสน่ห์แต่ไม่สำเร็จเพราะสองหนุ่มไม่ให้ความ ร่วมมือแถมยังเจองูที่หลังเวที สองแม่ลูกมองตามอย่างตกใจและขัดใจ...แล้วเมื่อไหร่แผนจับชายหนุ่มจะเป็นจริง!

ooooooo

และแล้วเวลาของการแสดงก็มาถึง...เฟื่องวลีวิ่งหน้าตื่นเข้ามาที่หน้างาน บอกว่าเห็นงูที่หลังเวที เจ้าประกายคำกับหม่อมภาณีมองด้วยความไม่พอใจ ส่วนพะนอฤดีหน้าซีด นึกถึงเหตุการณ์เห็นงูในรถตัวเอง นารีวรรณมองเพื่อนรักงงๆ ข้องใจแต่ตัดสินใจเก็บไว้ก่อนเพราะได้ยินเสียงเพลงมาจากเวที

ฉากและแสงสีบนเวทีแปรเปลี่ยนเป็นท้องน้ำ แขกเหรื่อทุกคนนั่งมองนิ่งราวกับโดนสะกด นักแสดงชายหญิงแสดงจินตลีลาในชุดมรกตเหลือบฟ้าและเขียวคล้ายสีของงู ชรายุออกมาร่ายรำด้วยท่าทางงดงามอ่อนช้อยแต่ปราดเปรียว ตัวอ่อนราวกับไม่มีกระดูก ภุชคินทร์จ้องอย่างสนใจและชื่นชม ต่างจากสุบรรณที่มีท่าทางอึดอัดเหมือนเห็นงู นัยน์ตาแดงจัดของรูปปั้นพญานาคจ้องมองมาอย่างน่ากลัว เสียงดนตรีเร็วขึ้น เช่นเดียวกับลีลาการเต้น...ทันใดนั้น...รูปปั้นพญานาคก็แปรเปลี่ยนไปเป็น เจ้าอุรคา ทุกคนเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ราชนิกุลสาวร่ายรำด้วยลีลาเย้ายวนใจ ก่อนที่ร่างบางจะเดินลงจากเวทีตรงมาหาภุชคินทร์และยื่นมือให้จับ

“ตามข้ามาเถิด ผู้เป็นที่รักแห่งข้า”

ภุชคินทร์ยื่นมือออกไปเหมือนละเมอ สองร่างก้าวขึ้นเวทีและคลอเคลียกันด้วยความคิดถึง สุบรรณเหมือนหลุดออกจากภวังค์ ความรู้สึกหึงหวงพลุ่งพล่านอย่างคุมไม่อยู่ ลุกพรวดและเดินขึ้นเวทีไปด้วยท่าทีคุกคาม สองหนุ่มสาวผละออกจากกัน จังหวะเดียวกับที่สุบรรณกางมือครุฑตะครุบที่ร่างของภุชคินทร์อย่างจัง ราชนิกุลหนุ่มตาเหลือกด้วยความเจ็บปวด เจ้าอุรคาตกตะลึง ไม่ต่างจากคนข้างล่างเวทีที่มองมาอย่างชื่นชมในการแสดงที่สมจริง

ขณะเดียวกัน  ที่ด้านนอกงาน...สุรินทร์บ่นพึมพำอย่างหัวเสียที่คลาดกับเจ้าอุรคาจนไม่สามารถล้างแค้นได้ อำนาจที่เดินตรวจตรารอบงานเห็นอดีตคู่หูก็ตั้งท่าจะยิงแต่สุรินทร์อาศัยความเร็ว กระโดดถีบอำนาจเสียหลักล้มลงแล้วหายตัวเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว อำนาจกับลูกน้องวิ่งตามหน้าตื่น...กลัวอดีตเพื่อนทำร้ายเจ้านายและเจ้าอุรคา

เวลาเดียวกันที่บนเวที...สุบรรณขย้ำลำคอของภุชคินทร์อย่างโกรธจัด เจ้าอุรคาร้องเสียงหลง ถลันไปห้ามแต่กลับโดนเหวี่ยงไปนอนกับพื้น ราชนิกุลสาวตัดพ้ออย่างคับแค้นใจ

“ไยต้องมาพรากความรักจากเรา แต่ข้าไม่ได้รักท่าน...ข้ารักภุชเคนทร์”

“เพราะข้ารักเจ้า พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์รักกัน นาคเทวีต้องเป็นของข้า ข้าจะทำลายความรักของพวกเจ้าทุกชาติไป”

พูดจบสุบรรณก็เปลี่ยนร่างเป็นพญาครุฑแต่ไม่รู้ตัว จิกเล็บลงร่างภุชคินทร์จนกระอักเลือดออกมาเป็นอัญมณีทั้งสาม ทุกคนข้างล่างมองมาด้วยความพิศวง เจ้าอุรคาประคองร่างภุชคินทร์ที่โชกไปด้วยเลือดและจ้องพญาสุบรรณอย่างโกรธแค้น ทันใดนั้น...ดาวห้าแฉกสัญลักษณ์ของนินจาถูกเขวี้ยงขึ้นมา พญาสุบรรณกลับคืนร่างมนุษย์และรับได้อย่างแม่นยำ สุรินทร์กระโจนขึ้นเวที เงื้อมือจะแทงแต่โดนสุบรรณเล่นงานจนลงไปนอนคว่ำกับพื้นด้านล่าง นักฆ่าหนุ่มมองอย่างคาดไม่ถึงแล้วหนีหายไป เสียงฆ้องปลุกทุกคนออกจากภวังค์ ภุชคินทร์นอนบนเวที โดยมีสุบรรณยืนอีกมุมหนึ่ง ส่วนเจ้าอุรคาหายไปแล้ว...ทิ้งไว้แต่รูปปั้นพญานาคนัยน์ตาสีแดง!

การแสดงสุดอลังการจบลง ผู้ชมส่งเสียงอื้ออึงด้วยความชื่นชมในความสมจริง มีเพียงไพศิษฐ์ที่มองด้วยความสงสัย พึมพำอย่างไม่เชื่อสายตาว่าทุกอย่างเหมือนจริงเกินไป หยิบดาวห้าแฉกขึ้นมามองเครียดๆ บอกนาถสุดาว่านินจาจากสำนักนินจัตสุปรากฏตัวอีกแล้ว...ท่าจะเป็นเรื่องเสมือนจริงที่ไม่ได้การเสียแล้ว

ooooooo

ทุกคนในงานปลื้มการแสดงของเจ้าอุรคาจากใจจริง ภิงคารอยากเจอราชนิกุลสาวแต่เจอชรายุแทน สาวใช้คนสนิทบอกว่าเจ้านายสาวกลับไปแล้วและดีใจมากที่ทุกคนชื่นชอบการแสดงชุดตำนานนาคเทวีมณีสวาท จบคำชรายุก็เดินหายไป ภิงคารและคนอื่นๆมองตาม อย่างสงสัยแต่ไม่จริงจังนัก ตามหาสุบรรณกับภุชคินทร์เพื่อแยกย้ายกันกลับ

เวลาเดียวกันนั้น...สุบรรณกับภุชคินทร์มองหน้ากันอย่างมึนงง แม้จะไม่อยากพูดกันแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าขึ้นมาอยู่บนเวทีได้อย่างไร แถมเจ้าอุรคายังหายตัวไปอีก ภุชคินทร์ตั้งข้อสังเกต

“ที่ผมสงสัยกว่านั้น เราสองคนเป็นใครกันแน่ เพราะผมไม่เห็นท่านเป็นท่าน”

“ผมไม่เห็นคุณชายเป็นคุณชายเหมือนกัน”

สองหนุ่มมองหน้ากันแต่ไม่ทันพูดอะไร ภิงคารและคนอื่นๆตามมาสบทบ ถามกันอื้ออึงว่าสองหนุ่มวางแผน เซอร์ไพรส์แต่ไม่ยอมบอก สองหนุ่มเหนื่อยใจแต่ไม่อยากอธิบาย แยกย้ายกันกลับด้วยความงุนงง

สุบรรณออกจากงานอย่างหงุดหงิดเพราะเกิดประหลาดและโดนสุรินทร์ลอบทำร้าย อำนาจตั้งท่าจะบอกว่าเจ้าอุรคาอาจเป็นตัวการแต่เจ้านายหนุ่มชักสีหน้าและสั่งให้กลับ สุรินทร์ที่แอบสุ่มมองอยู่ห่างๆมองตามอย่างสงสัย มั่นใจว่าคนที่ทำร้ายเขาไม่ใช่อดีตเจ้านายแต่เป็นอะไรที่มีพลังพิเศษ...ส่วนภุชคินทร์เก็บเรื่องที่เกิดขึ้นไปคิดจนนอนไม่หลับ หยิบครุฑธิการออกมาดูอย่างครุ่นคิด ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดแต่เป็นครั้งแรกที่เชื่อว่าทุกอย่างเกิดจากราชนิกุลสาว...

เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีกลัวเสน่ห์ของเจ้าอุรคาจะทำให้สุบรรณกับภุชคินทร์หลุดมือ ตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดให้นาถสุดา ไพศิษฐ์ นารีวรรณและพะนอฤดีรู้เพื่อหาแนวร่วมกำจัดราชนิกุลสาว ผู้กองหนุ่มยังไม่เชื่อ เฟื่องฟ้าบอกว่าเคยเห็นชรายุในร่างงูปรากฏตัวที่บ้านภิงคาร ไพศิษฐ์นิ่งไปอึดใจ ไม่ค้านเพราะเหมือนได้เงื่อนงำบางอย่างเพิ่มมากกว่า

ขณะเดียวกัน  ที่เฮือนภูจำปา...เจ้าอุรคายิ้มหยันให้กับความอยากรู้ของมนุษย์ ทั้งที่กลัวเรื่องลี้ลับแต่กลับสืบหา ชรายุเปรยว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่อยากรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง เจ้าอุรคานั่งหน้าเศร้า คิดถึงภุชคินทร์จับใจ

“ไม่เว้นแม้แต่ภุชเคนทร์...เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงอยากรู้อดีตชาติและจำสิ่งที่เขาเคยตั้งสัตย์สาบานเอาไว้ได้ ว่ามันทำให้เราต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสมานานเพียงใด”

เวลาเดียวกัน  ที่บึงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ...ภุชคินทร์ทอดสายตามองท้องน้ำเบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด เสียงจากเพื่อนรักยังก้องในหัวว่าการแสดงเรื่องตำนานนาคเทวีมณีสวาทอาจถูกจัดขึ้นโดยเจ้าอุรคาเพราะอยากให้เขารับสารบางอย่าง ชายหนุ่มหน้าเครียด มองเห็นเงาตัวเองในน้ำ...แลคล้ายพญานาคากำลังเคลื่อนไหว!

ooooooo

มณีสวาท

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด