ตอนที่ 12
ภุชคินทร์ทุรนทุรายด้วยความคิดถึง ต่างจากเจ้าอุรคาที่ลืมตามองฟ้าด้วยหัวใจปลอดโปร่ง แม้เศร้าใจที่ไม่ได้เห็นหน้าชายหนุ่ม แต่ไม่รู้สึกผิดมากนักเพราะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“แค่ได้ระลึกถึงท่านและรู้ว่าท่านคิดถึง เราก็เป็นสุขใจแล้วภุชเคนทร์”
เจ้า อุรคากลายร่างเป็นพญานาคี แหวกว่ายในลำน้ำโขงอย่างสบายใจ ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าพญานาคบริเวณริมฝั่ง สร้างความตื่นตะลึงให้ชาวบ้านละแวกนั้น แห่แหนกราบไหว้บูชา เชื่อว่าพญานาคปรากฏตัวเพราะใกล้ถึงวันสัตตนาคา
ข่าวรอยเท้าพญานาคเป็น ที่สนใจของคนทั่วประเทศเหมือนเคย ภุชคินทร์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินข่าว มีความหวังว่าเจ้าอุรคาอาจปรากฏตัวให้เห็นจึงจะออกจากบ้าน หม่อมภาณีพยายามรั้ง โดยมีนารีวรรณกับพะนอฤดีช่วยกันจับแต่ไม่ได้ผล ภุชคินทร์สะบัดตัวหนีตวาดเสียงก้อง
“อย่ามายุ่ง ไม่มีใครห้ามผมได้”
“อย่านะชาย อย่าไป...แม่ไม่ให้ลูกไป”
“อย่าห้ามผม คุณแม่อย่าห้าม!”
ภุชคินทร์ผลุนผลันออกไปแล้ว หม่อมภาณีเข่าอ่อนเหมือนจะเป็นลม พะนอฤดีเข้าประคอง ส่วนนารี-วรรณตัดสินใจวิ่งตามพี่ชาย ขอร้องให้สงสารแม่ที่รักและเป็นห่วงเขาจากใจจริง ภุชคินทร์ผ่อนท่าทีแต่ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
“พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อคุณแม่นะหนูนา พี่ยังรักคุณแม่เหมือนเดิม แต่พี่ขอตามชีวิตคืน”
“แล้วชีวิตของคุณแม่ล่ะคะ พี่ชายเคยคิดถึงหรือเปล่า”
“พี่รักคุณแม่ที่สุดในชีวิต ให้พี่ไปเถอะ”
พะนอ ฤดีที่พยุงหม่อมภาณีตามมาแอบปลีกตัวไปซ่อนบนรถชายหนุ่ม โดยมีตาสินให้ความร่วมมือ ทิ้งสามแม่ลูกมองหน้ากันเครียดๆ ภุชคินทร์มองด้วยแววตาอ้อนวอน หม่อมภาณียืนน้ำตาไหลพราก เปรยเสียงสั่น
“แต่แม่กลัวว่าชายจะไม่กลับมา”
“ผมสัญญาว่าจะกลับมาครับคุณแม่”
ภุชคินทร์ยกมือไหว้แม่แล้วเดินจากไป นารีวรรณจะตามแต่หม่อมภาณีห้ามไว้ เปรยเสียงเศร้า
“ถึงแม่จะห้ามแค่ไหน ถ้าใจของชายอยากไป ยังไงแม่ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี”
“หมายความว่าแม่จะให้พี่ชายกับเจ้าอุรคา...”
“แม่จะปล่อยให้ตาชายเดินไปตายไม่ได้ แม่จะทำทุกอย่างเพื่อดึงชายกลับมา แม้จะต้อง...”
นารีวรรณมองอย่างสงสัย หม่อมภาณีนิ่งไป แววตาเต็มไปด้วยความดุดัน...ฉันไม่ยอมเธอแน่เจ้าอุรคา!
ฟากไพศิษฐ์ร้อนใจที่ติดต่อนาถสุดาไม่ได้ เพียรโทร.เข้ามือถือแต่ไม่มีคนรับ เวลาเดียวกันในห้องลับคฤหาสน์สุบรรณ...อำนาจได้ยินเสียงมือถือ แสยะยิ้มเมื่อเห็นชื่อไพศิษฐ์ จดมีดที่คอนาถสุดาแล้วหัวเราะลั่น เสียงมือถือ
ดังอีกครั้ง อำนาจส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วผงะปล่อยมีดในมือ เห็นชื่อสุบรรณโทร.มา ชักลังเลเพราะกลัวเจ้านายหนุ่ม ตัดสินใจปิดมือถือนาถสุดา พาไปกบดานข้างนอกและคิดแผนตลบหลังไพศิษฐ์ให้มาช่วยแฟนสาวเพื่อฆ่าปิดปาก
ด้านสุบรรณ...มองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด แปลกใจนาถสุดาที่ไม่รับสาย ตัดสินใจโทร.เช็กที่บ้าน พันเอกนรินทร์แอบกังวลแต่พยายามไม่คิดมาก เข้าใจว่าลูกสาวน่าจะอยู่กับไพศิษฐ์
ooooooo
หม่อมภาณีเครียดจัดเรื่องภุชคินทร์ นารีวรรณปลอบให้ใจชื้นว่าพี่ชายไม่ได้ไปคนเดียวแต่พะนอฤดีตามไปด้วย ส่วนพะนอฤดีบิดตัวด้วยความเมื่อยเพราะขดตัวในรถเป็นเวลานาน เหลือบมองนอกรถด้วยใจจดจ่อ มั่นใจว่าเขามาตามหาเจ้าอุรคา ภุชคินทร์จอดรถและเดินดุ่มไปยังลำน้ำโขง ตะโกนเรียกชื่อราชนิกุลสาวเสียงก้อง
พะนอฤดีเกาะหน้าต่างรถมองอย่างตื่นตะลึง ตกใจเมื่อเห็นเขาเริ่มลุยน้ำ ตัดสินใจไม่แสดงตัวและหาที่ซ่อนเพื่อสังเกตอาการ เวลาเดียวกันที่ถ้ำใต้บาดาล...เจ้าอุรคาลืมตาด้วยหัวใจสั่นรัว ดีใจที่ภุชคินทร์มาหาแต่ข่มไว้ ชรายุเหลือบมองเจ้านายสาวอย่างเป็นห่วง กลัวห้ามใจตัวเองไม่ไหว
พะนอฤดีซ่อนตัวหลังโขดหิน เห็นภุชคินทร์ยืนนิ่งริมน้ำและพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่และกำลังฟังผม เจ้ารักผมไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเจ้าถึงทำร้ายหัวใจของคนที่รักกัน”
เจ้าอุรคาต่อสู้กับใจตัวเองอย่างหนัก ยืนน้ำตาไหลพรากด้วยหัวใจร้าวราน พึมพำตอบเขาเสียงเบา
“ใช่...มันทำร้ายหัวใจเราเหมือนกัน ตอนนี้เราก็กำลังเจ็บปวดแทบขาดใจที่ต้องหักห้ามใจตัวเอง”
ภุชคินทร์เห็นทุกอย่างเงียบสงบ ตัดพ้อหญิงสาวเสียงเศร้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดช้าแต่ชัด
“ไม่ว่าเจ้าจะมีเหตุผลใดก็ตาม มันก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะมาขวางกั้นหัวใจของคนรักกันได้ ไม่ว่าจะผ่านกาลเวลานานชั่วกัปชั่วกัลป์ ผมจะตามหาเจ้า รอรักเจ้าชั่วนิจนิรันดร์”
จบคำภุชคินทร์ก็ค่อยๆปล่อยตัวลงน้ำ ไม่ดิ้นรนเหมือนยินดีเผชิญกับความตาย เจ้าอุรคารับรู้ความตั้งใจชายหนุ่ม ลุกพรวดด้วยความตกใจ ส่วนพะนอฤดีเบิกตา
กว้าง วิ่งถลาไปช่วยแล้วชะงัก เห็นท้องน้ำเคลื่อนไหวรุนแรงก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมมวลน้ำมหาศาล เจ้าอุรคาปรากฏตัวและแหวกว่ายไปช่วยภุชคินทร์ขึ้นฝั่ง สองหนุ่มสาวกอดกันแน่น ภุชคินทร์มองหญิงสาวอย่างห่วงหาระคนน้อยใจ เปรยเสียงอ่อน
“ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้ผมตาย ผมจะได้พิสูจน์ว่ารักเจ้าและพร้อมอยู่กับเจ้าชั่วกัลปาวสาน”
“ถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับทำร้ายหัวใจเราไปด้วย...การฆ่าตัวตายเป็นบาปมหันต์ ท่านต้องเวียนว่ายฆ่าตัวตายนับชาติไม่ถ้วน เราทนเห็นผู้ที่เรารักทุกข์ทรมานอย่างนั้นไม่ได้”
“แต่ผมพร้อมจะเผชิญทุกอย่าง ขอเพียงได้อยู่กับเจ้า”
“เราไม่ปรารถนาเห็นท่านฆ่าตัวตาย เรารอได้... ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน รับปากเรา อย่าทำเช่นนี้อีกภุชเคนทร์”
“ผมอยากไปอยู่กับเจ้า เพื่อทดแทนความรักและเวลาที่ต้องจากกัน”
สองหนุ่มสาวสัญญารักต่อกัน ไม่ว่าจะห่างไกลหรือต่างภพชาติก็ขอรักกันตลอดไป เจ้าอุรคาถามเสียงแผ่ว
“และถ้าเรายังเป็นนาคเทวีอย่างนี้ล่ะ”
“ผมจะขอกลับไปเป็นพญานาคา เพื่อครองรักกับเจ้าชั่วนิรันดร์”
ทันใดนั้นเอง...สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาเหมือนรับรู้การไถ่ถอนคำสัตย์สาบาน เจ้าอุรคายิ้มทั้งน้ำตา
“การรอคอยของเราสิ้นสุด ท่านถอนคำสาบานแล้ว”
“ถ้ากายหยาบนี้สิ้นสุด ผมขอกลับไปเป็นพญานาคเพื่อการรอคอยของเราจะได้สิ้นสุดอย่างแท้จริง”
ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคาโผกอดกันแน่น พะนอฤดีจ้องตาไม่กะพริบ ตั้งท่าไปแยกทั้งสองแต่ต้องถอย มวลน้ำขนาดใหญ่พุ่งจากท้องน้ำบังร่างสองหนุ่มสาว เมื่อน้ำลด...พะนอฤดีถึงกับตาค้าง เห็นพญานาคสองตนว่ายน้ำเล่นเหนือผิวน้ำ ยกมือปิดปากและช็อกหมดสติอยู่ตรงนั้น!
ooooooo
ไพศิษฐ์รอนาถสุดาติดต่อกลับจนผล็อยหลับที่โรงพัก สะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์จากพันเอกนรินทร์ถามหาลูกสาวที่ไม่กลับบ้านทั้งคืน ผู้กองหนุ่มหน้าเครียด เป็นห่วงแฟนสาวที่หายตัวอย่างไร้ร่องรอย รับปากอดีตนายทหารจะรีบตามหา วางสายแล้วหันมาสั่งจ่าชิดให้เร่งประสานงานทันที
ขณะที่ทุกคนร้อนรนตามหา...นาถสุดาปรือตาแบบคนเพิ่งรู้สึกตัว กวาดสายตามองรอบๆแล้วชะงัก เห็นอำนาจนั่งมองด้วยแววตาถมึงทึง นาถสุดากระถดตัวออกห่างอย่างตื่นตระหนก พยายามลุกขึ้นแต่ไม่สำเร็จเพราะมีโซ่ตรวนขนาดใหญ่ล่ามข้อเท้า หน้าซีดอ้อนวอนให้ปล่อยเธอไป อำนาจแสยะยิ้มเหี้ยม
“ถ้าคุณพูดแค่ประโยคเดียวแล้วผมยอมปล่อย ผมคงบ้า”
“แล้วแกจับฉันมาทำไม ถ้าพี่สุบรรณรู้ เขาไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่”
“นั่นเป็นแค่การคาดการณ์ ความจริงนายต้องขอบใจผม เพราะในที่สุด...ผมก็หาวิธีล่อผู้กองไพศิษฐ์มาที่นี่ได้”
นาถสุดามองด้วยแววตาหวาดหวั่น อำนาจหยิบมือถือเธอขึ้นมาแล้วหัวเราะเสียงลั่นอย่างสะใจ
ฝ่ายไพศิษฐ์พยายามจับสัญญาณมือถือนาถสุดาแล้วตะลึง เบอร์สุดท้ายที่เธอโทร.หาคือสุบรรณ ใจไม่ดีเพราะรู้ว่านักการเมืองหนุ่มมีเรื่องลับลมคมในหลายอย่าง ตัดสินใจไปสอบถามที่คฤหาสน์ สุบรรณหน้าเสียเมื่อรู้ว่าญาติสาวหายตัวไป สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี มองไพศิษฐ์ด้วยสายตาหงุดหงิด
“นี่ผู้กองคงไม่คิดว่าผมกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกพี่ ลูกน้องตัวเองใช่ไหม”
สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างท้าทาย ทันใดนั้น...เสียงมือถือไพศิษฐ์ดังขึ้น ยิ้มดีใจเมื่อเห็นชื่อแฟนสาวแล้วหน้าซีดเผือด ได้ยินเสียงเธอแผดร้องขอความช่วยเหลือ สุบรรณร้อนใจแย่งมือถือมาคุยเองแต่ไม่ทัน คนร้ายวางสายและกดปิดเครื่อง ขณะเดียวกันที่บ้านร้าง...อำนาจโยนมือถือลงพื้นแล้วตวาดใส่นาถสุดาเสียงลั่น
“หุบปาก! ยังไงแกก็ไม่รอด และไม่ใช่แค่แกคนเดียว ไอ้ผู้กองไพศิษฐ์ด้วย”
อำนาจหัวเราะเสียงดัง ส่วนนาถสุดาน้ำตาคลอด้วยความหวาดกลัว...ขออย่าให้แฟนหนุ่มเป็นอันตราย
เวลาเดียวกันที่ริมโขง...พะนอฤดีลืมตาอย่างมึนงง กวาดสายตามองแล้วสะดุ้งสุดตัว เห็นภาพลวงตาเหมือนถูกลากจมน้ำ กระเสือกกระสนหนีจนเป็นแผลถลอกเต็มตัว ได้ยินเสียงเจ้าอุรคาก้องในโสตประสาท สั่งให้เลิกยุ่งเรื่องเธอกับภุชคินทร์ ชาวบ้านละแวกนั้นตกใจ เห็นหญิงสาวแปลกหน้ากรีดร้องคนเดียวอย่างบ้าคลั่งราวกับโดนผีอำ ตัดสินใจไปช่วยแต่ไม่ทันขยับ หญิงสาวเป็นลมหมดสติเสียก่อน
ooooooo
ไพศิษฐ์กับพันเอกนรินทร์สงสัยการหายตัวไปของนาถสุดาจะเกี่ยวข้องกับศัตรูของสุบรรณ เช่นเดียวกับนักการเมืองหนุ่มที่เร่งให้ลูกน้องตามหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ถามหาอำนาจแต่ไม่มีใครรู้ ตัดสินใจกดมือถือหาด้วยตัวเอง อำนาจรับสายด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังแต่ยังไม่บอกเรื่องนาถสุดา
“ผู้กองไพศิษฐ์ลอบเข้าคฤหาสน์ มันรู้ความลับของนาย ตอนนี้ผมกำลังลวงมันมาจัดการอยู่ครับ”
สุบรรณวางสายจากมือขวาคนสนิทตาวาว ส่วนอำนาจยิ้มเหี้ยม หันไปพูดกับนาถสุดาเสียงแข็ง
“อยากร้องก็ร้องไป อยากรู้เหมือนกัน ไอ้ผู้กองไพศิษฐ์จะช่วยอะไรคุณได้”
นาถสุดาร้องไห้เพราะเป็นห่วงแฟนหนุ่ม กลัวจับใจว่าเขาจะเอาชีวิตมาทิ้งเพราะเธอ อำนาจตัดสินใจแก้ผ้ามัดมือและโซ่ตรวนให้หญิงสาว พาออกจากบ้านร้างเพราะกลัวตำรวจจับสัญญาณจากมือถือ นาถสุดาดิ้นรนขัดขืนแล้วต้องหน้าหงอ โดนชายหนุ่มขู่จะทำร้ายถ้าไม่ยอมดีๆ
ฟากไพศิษฐ์จับสัญญาณมือถือครั้งล่าสุดได้ที่แถบชานเมือง โทร.แจ้งพันเอกนรินทร์กับสุบรรณแล้วรุดไปบริเวณนั้นด้วยความร้อนใจ ทุกคนแยกย้ายตามหา สุบรรณลอบมองผู้กองหนุ่มด้วยความแค้นใจ แต่เป็นห่วงญาติสาวจึงพยายามเก็บอาการ ส่วนพันเอกนรินทร์เพ่งมองพื้นที่ตรงหน้า เห็นภาพลูกสาวโดนชายคนหนึ่งฉุดกระชากลากถูแต่มองไม่ออกว่าใคร บอกสองหนุ่มให้ค้นบริเวณนั้นอย่าง ละเอียด
คณะค้นหาตามหาจนเย็นย่ำแต่ไม่พบร่องรอย เห็นบ้านร้างจึงลองตรวจสอบ จ่าชิดเหลือบเห็นเทปกาวสีดำทิิ้งไว้จึงหยิบมาดู สุบรรณกับไพศิษฐ์มองรอบๆเห็นร่องรอยการต่อสู้ ใจเสียว่าหญิงสาวอาจโดนทำร้าย พันเอกนรินทร์หน้าเครียด บอกว่าเหมือนโดนหลอกให้มาที่นี่ สุบรรณลอบมองไพศิษฐ์อย่างพินิจ นึกถึงคำพูดของอำนาจ...หรือว่ามือขวาคนสนิทอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เวลาเดียวกันที่โรงงานป่นกระดูกสัตว์...นาถสุดาโดนลากเข้ามาอย่างทุลักทุเล ทำจมูกฟุดฟิดเพราะกลิ่นเหม็นสาบรุนแรง กวาดตามองแล้วนึกแหยง เห็นเศษกระดูกสัตว์มากมาย อำนาจบอกว่าเป็นกิจการของสุบรรณ นาถสุดาเลิกคิ้ว ไม่เคยรู้มาก่อนว่าญาติหนุ่มเป็นเจ้าของโรงงานโกโรโกโสแห่งนี้ อำนาจเหยียดยิ้ม
“หลายสิ่งเกี่ยวกับท่านสุบรรณที่คุณนาถไม่รู้ แต่ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ผมจะบอกให้...ที่นี่ไม่ได้มีแค่กระดูกสัตว์ แต่มีกระดูกคนรวมอยู่ด้วย คนหลายคน...และรายต่อไปคือผู้กองไพศิษฐ์ของคุณนาถ”
นาถสุดาปล่อยโฮ อ้อนวอนให้ปล่อยเธอและไว้ชีวิตแฟนหนุ่ม อำนาจหัวเราะเสียงหยัน
“ผมไม่เคยคิดอยากทำถ้าผู้กองไพศิษฐ์สุดที่รักของคุณนาถไม่รนหาที่”
นาถสุดาไม่ยอมแพ้ ขอร้องและสัญญาจะไม่แพร่ง พรายเรื่องทั้งหมด อำนาจส่ายหน้าและเปรยเสียงดุดัน
“วินาทีนี้ผมเชื่อคุณนาถไม่ได้ เพราะถ้าพลาด มันหมายถึงความพินาศของผมรวมทั้งท่านสุบรรณด้วย”
น้ำเสียงอำนาจเต็มไปด้วยความจงรักภักดีต่อสุบรรณ นาถสุดาได้แต่ร้องไห้กระซิกๆ มองรอบตัวอย่างหาตัวช่วย แล้วตาลุกวาว เห็นท่อนเหล็กสนิมเขรอะวางปะปนกับกองกระดูก...คราวนี้แกไม่รอดแน่อำนาจ!
ooooooo
ชาวบ้านช่วยกันพาพะนอฤดีไปพักฟื้นที่บ้านลุงแสงชาวบ้านหาปลาริมโขง มองหญิงสาวแปลกหน้า ที่สะลึมสะลือและร้องโวยวายเหมือนโดนผีอำตลอดเวลาด้วยแววตาเวทนา พะนอฤดีสะดุ้งพรวด สะบัดศีรษะเรียกสติตั้งท่าจะอธิบายแล้วผงะ เห็นชรายุในสภาพหญิงชาวบ้านมองมาด้วยแววตาของงู!
พะนอฤดีตัวสั่น กรีดร้องเสียงดังและผวาไปกอดชาวบ้าน ทุกคนกวาดตามองรอบๆแต่ไม่พบความผิดปกติ พะนอฤดีกรี๊ดและเป็นลมหมดสติอีกครั้ง ชาวบ้านมองหน้ากันงงๆ...หรือจะโดนของจริง
ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...หม่อมภาณีเดินไปมาเหมือนหนูติดจั่น มองน้องชายที่พยายามกล่อมให้ใจเย็นเรื่องภุชคินทร์ตาขวาง ภิงคารอาสาพูดกับเจ้าอุรคาเมื่อหลานชายกลับมา หม่อมภาณีแหวขึ้นอย่างเหลืออด
“อย่าทำอย่างนี้กับพี่นะ เธอไม่เห็นเจ้าอุรคาเหมือนพี่เห็น ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง...จะผีหรือคนก็มารยากันทั้งนั้น”
“พี่ภาณี...ไปกันใหญ่แล้วนะ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ แต่ถ้าใช้อารมณ์ พี่จะคิดทางแก้ปัญหาไม่ได้เลย”
“ถ้ารู้ว่าชายอยู่ไหน พี่จะตามกลับเดี๋ยวนี้ ไม่ปล่อยอยู่กับเจ้าอุรคาเด็ดขาด ไม่งั้น...ชายเป็นผีก่อนพี่แน่”
หม่อมภาณีปล่อยโฮอย่างหมดอาย เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีที่ตามภิงคารมามองด้วยแววตาเห็นใจระคน สมเพช นารีวรรณเดินมาบอกว่าติดต่อพะนอฤดีไม่ได้ หม่อมภาณียิ่งใจเสีย เฟื่องฟ้าเปรยว่าอาจเพราะเจ้าอุรคาทำทุกอย่างหายไป...รวมทั้งภุชคินทร์ หม่อมภาณีสติแตก คร่ำครวญร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ ภิงคารมองสองแม่ลูกอย่างไม่พอใจ ลุกขึ้นและบอกให้ไปคุยกับเขาด้านนอก
ภิงคารเดินนำสองแม่ลูกขาป่วนไปที่สวนในวัง ต่อ ว่าเสียงเข้มที่พูดจาสอดเสียดทำให้หม่อมภาณีขวัญเสีย เฟื่องฟ้าโต้ว่าพูดความจริง ภุชคินทร์ออกจากบ้านและไม่ยอมรับสาย แถมพะนอฤดีที่แอบตามก็ติดต่อไม่ได้ เฟื่องวลีเสริมว่าภุชคินทร์รักกับผีไม่ใช่คน ภิงคารส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“จะผีหรือคน ถ้ามีความรักต่อกัน เขาไม่ทำร้ายกันหรอก”
“คุณพี่กำลังผลักปัญหา ร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครยอมให้ลูกตัวเองไปรักกับผีหรอก” เฟื่องฟ้าเถียง
“แต่อย่างน้อย เจ้าอุรคาก็ไม่เคยทำร้ายนายชาย”
“แล้วที่พี่ชายหน้าหมองคล้ำเหมือนโดนของล่ะคะ หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่เพราะผีเจ้าอุรคา” เฟื่องวลีสวน
“ถ้าหากเขาคู่กันมา เราจะแก้ไขอะไรได้ นอกจากปล่อยให้มันเป็นไปตามเวรตามกรรม”
ภิงคารพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วหมุนตัวกลับด้านใน ปล่อยให้สองแม่ลูกมองหน้ากันเซ็งๆ...
คืนเดียวกันที่วัดธาตุพนม...เจ้าอุรคากับภุชคินทร์ไปไหว้บูชาพระธาตุ แสดงความเคารพและสัญญารักต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะไม่พรากจากกันและเป็นเนื้อคู่กันตลอดไป
“ด้วยบารมีแห่งองค์พระธาตุ ขอเป็นสักขีพยาน ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิดภพชาติไหน ขอเกิดเป็นคู่บุญบารมีของเจ้าอุรคาทุกภพทุกชาติ และข้าพเจ้าขอถอนคำสาบานที่เคยมีในอดีตชาติทุกประการ”
“อานิสงค์การทำบุญร่วมกันจะทำให้เราเกิดในภพภูมิเดียวกันได้เร็วขึ้น”
“ผมจะตั้งจิตปรารถนาให้เจอเจ้า นับแต่วันนี้ผมจะหมั่นทำกุศล บุญเราจะได้เสมอกันและได้อยู่ในภพภูมิที่ดี”
สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันด้วยความรักล้นใจ พร้อมใจนั่งสมาธิเพื่อบำเพ็ญบุญบารมี
เวลาเดียวกันที่บ้านร้าง...คณะค้นหานาถสุดาเดิน ทางกลับอย่างผิดหวัง ไม่พบหญิงสาวและหลักฐานชี้ตัว คนร้าย พันเอกนรินทร์ตั้งสมาธิเพ่งมองที่พื้นตรงหน้า เห็นภาพลูกสาวดิ้นรนต่อสู้และถูกลากไปอีกสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังของความตาย สุบรรณดูออกว่าน้าชายเห็น ภาพนิมิต สอบถามแล้วหน้าเครียด สัญญาว่าต้องตามหาญาติสาวให้ได้
ooooooo
อำนาจเห็นได้เวลา หยิบมือถือนาถสุดาโทร.หาไพศิษฐ์อีกครั้ง นาถสุดาตาเหลือก ตะโกนบอกแฟนหนุ่มไม่ให้ตามหาเธอ ไพศิษฐ์ยืนตัวแข็งที่โรงพัก หน้าซีดที่ได้ยินเสียงเธออยู่ในอันตราย ตั้งสติและบอกจ่าชิดให้เร่งจับสัญญาณมือถือ
ฟากสุบรรณครุ่นคิดถึงคำพูดอำนาจเรื่องแผนล่อไพศิษฐ์ให้ติดกับ สังหรณ์ว่าเกี่ยวกับการหายตัวไปของนาถสุดา สั่งลูกน้องโทร.หามือขวาคนสนิท ขณะเดียวกันที่โรงงาน...อำนาจจะกดรับมือถือ นาถสุดาฉวยโอกาสทีเผลอ หยิบท่อนเหล็กที่เล็งไว้แล้วหลับหูหลับตาฟาด อำนาจหลบหลีกพัลวัน ตัดสินใจกระชากท่อนเหล็กจนหญิงสาวเสียหลักล้มกับพื้น นาถสุดาไม่ยอมแพ้คว้ากระดูกสัตว์ข้างตัวพุ่งหาแต่ต้องล้มหมดสติเมื่อโดนท่อนเหล็กฟาดกลับ
อำนาจมองเลือดสดๆจากศีรษะหญิงสาวด้วยใจระทึก เสียงมือถือเขาดังอีกครั้ง เห็นเบอร์ที่คฤหาสน์สุบรรณบนหน้าจอก็ใจหาย กดรับสายด้วยใบหน้าซีดเผือด สุบรรณ ถามเสียงเข้มว่านาถสุดาอยู่กับเขาใช่ไหม อำนาจถึงกับอึ้งกดวางสายดื้อๆจนสุบรรณรู้ถึงความผิดปกติ อำนาจมองร่างจมกองเลือดของนาถสุดาอย่างใจไม่ดี เอามืออังจมูกแล้วถอนหายใจยาว พึมพำเสียงเครียด
“ถ้าคุณเป็นอะไร นายเอาผมตายแน่ ทำไมคุณต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยนะคุณนาถ”
อำนาจคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ส่วนสุบรรณมั่นใจว่าอำนาจมีส่วนกับการหายตัวไปของญาติสาว สั่งลูกน้องระดมกำลังตามหามือขวาคนสนิทอย่างเร่งด่วน... รนหาเรื่องจริงๆไอ้อำนาจ!
ด้านพันเอกนรินทร์...กังวลเรื่องลูกสาวแต่ไม่ร้อนรน นั่งสมาธิเพื่อดูเหตุการณ์ เห็นภาพในนิมิตมีแต่ความมืดมนและสับสนวุ่นวาย นึกเป็นห่วงลูกสาวจับใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเชื่อในกฎแห่งกรรม
“นาถ...เมื่อเจ้ากรรมนายเวรของลูกมาตามทวงคืน จงชดใช้คืนแก่เขา จะได้สิ้นเวรกรรมต่อกัน ขอผลบุญที่ผมได้ทำแผ่ไปถึงนาถสุดาที่กำลังเผชิญวิบากกรรม ขออย่าให้มีอันตรายถึงชีวิตเลย”
ขณะเดียวกันที่วัดธาตุพนม...ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคาไปนั่งสมาธิต่อหน้าพระธาตุเหมือนเคย พญานาคสาวลืมตาขึ้นด้วยแววตาไหวระริก บอกภุชคินทร์ที่รู้สึกตัวตามว่านาถสุดากับไพศิษฐ์กำลังอยู่ในอันตราย
“นาถสุดาเคยดีต่อเรา เราปล่อยให้เธอเจอวิบาก กรรมถึงแก่ชีวิตไม่ได้ เราต้องทดแทน ท่านก็เหมือนกัน ภุชเคนทร์ รีบกลับไปช่วยผู้กองไพศิษฐ์เพราะท่านสามารถช่วยได้ เร็วเข้า...ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
สองหนุ่มสาวมองหน้าด้วยความเข้าใจ เจ้าอุรคาเดินหายลับ ส่วนภุชคินทร์รีบขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ
ooooooo
สุบรรณรอลูกน้องตามหาอำนาจจนเช้าแต่ไม่มีใครพบเบาะแส อาละวาดขว้างปาข้าวของแล้วผลุนผลันไปตรวจดูกล้องวงจรปิด เห็นนาถสุดาเดินลับๆล่อๆเข้าบ้านและเห็นอำนาจลากเธอในสภาพหมดสติออกไปไม่นานจากนั้น เดือดจัดแต่ฉุกคิดได้ถึงแผนล่อไพศิษฐ์ที่มือขวาคนสนิทพูดถึง สบถด่าอย่างหัวเสีย
สุบรรณเดินไปมาคิดหาหนทาง เสียงมือถือเขาดังขึ้น ไพศิษฐ์โทร.บอกว่าจับสัญญาณมือถือนาถสุดาได้ อยู่ห่างจากจุดเดิมห้าสิบกิโลเมตร สุบรรณนึกรู้ว่าอำนาจอยู่ที่โรงงานป่นกระดูกสัตว์ของเขา พรวดพราดออกจากบ้านทันที
ขณะที่ทุกคนมุ่งหน้าไปยังโรงงาน...อำนาจมองร่างที่ยังไม่ได้สติของนาถสุดาอย่างกลัดกลุ้ม ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเขาก้องในหัวตลอดเวลา คิดว่าเป็นเสียงนาถสุดาจึงลองจับตัวแต่หญิงสาวยังแน่นิ่ง ตัดสินใจพาไปหาหมอ เจ้าอุรคาปรากฏตัวในสภาพเลือนราง มองตามด้วยแววตาโล่งใจ พึมพำเสียงเบา
“นับว่าโชคดีที่เจ้ามีใจช่วยนาถสุดา แต่จากนี้ไป คงต้องแล้วแต่เวรกรรมของเจ้าแล้วล่ะอำนาจ”
อำนาจอุ้มนาถสุดาไปขึ้นรถ เจ้าอุรคามองไปยังนาถสุดาด้วยสายตาเป็นห่วง เปรยเสียงเบา
“นาถสุดาฟังไว้นะ เราจะอยู่ข้างๆคอยปกป้องเจ้า”
ด้านไพศิษฐ์...รับสายภุชคินทร์ด้วยความมึนงง แปลกใจที่เพื่อนรู้เรื่องนาถสุดาอยู่ในอันตราย ตัดสินใจบอกเส้นทางและนัดเจอก่อนถึงโรงงาน สังหรณ์ว่าเพื่อนรู้ทุกอย่างจากเจ้าอุรคา
เวลาเดียวกันที่บ้านลุงแสงริมโขง...พะนอฤดีเพ้อไม่หยุดว่าเห็นผีงู ลุงแสงกับกลุ่มชาวบ้านเห็นท่าไม่ดี พาไปขอขมาผีสางและเทพเจ้าต่างๆที่ริมน้ำ
“ถ้าแม่หนูคนนี้ทำอะไรผิดพลาดไป ขอท่านให้อภัยเถิด อย่าให้ถึงแก่ชีวิตหรือสติไม่สมประกอบเลย...สาธุ”
พยาบาลคนหนึ่งผ่านมาจึงรีบบอกให้พาไปทำแผล ขู่ว่าหญิงสาวอาจตายถ้ารักษาไม่ถูกวิธี ชาวบ้านหน้าตื่น กุลีกุจอพาพะนอฤดีส่งโรงพยาบาลทันที
ฟากหม่อมภาณีเป็นห่วงลูกชายจนนั่งไม่ติด ตั้งท่าจะไปหาที่ธาตุพนม นารีวรรณไม่อยากให้ไปแต่ไม่กล้าขัด ภิงคารก้าวเข้าวังด้วยความตื่นเต้น บอกว่าภุชคินทร์กลับมากรุงเทพฯแล้ว หม่อมภาณีดีใจน้ำตาไหล ละล่ำละลักถามว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ที่ไหน ภิงคารหุบยิ้มแล้วมองมาด้วยท่าทีมีพิรุธ...
ooooooo










