สมาชิก

มณีสวาท

ตอนที่ 10

วิชัยสิงห์จ้องภาพในกล้องวีดิโอด้วยใจลิงโลด มั่นใจว่าข้อมูลจากการสะกดจิตภุชคินทร์ต้องเป็นที่สนใจและสร้างชื่อเสียงให้ดังไปทั่วโลก ทั้งเรื่องตำนานมณีนาคสวาทและการกลับชาติมาเกิดของพญานาคกับพญาครุฑ เจ้าอุรคารับรู้ด้วยญาณพิเศษ กลายร่างเป็นพญานาคีแล้วเลื้อยออกจากอ้อมกอดภุชคินทร์...

เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...หม่อมภาณีนอนกระสับกระส่ายเพราะฝันร้าย เห็นภาพงูใหญ่นอนร่วมเตียงกับภุชคินทร์ งูตัวนั้นมองมาทางเธอและตั้งท่าจะฉก หม่อมภาณีสะดุ้งสุดตัว ลืมตาด้วยหัวใจเต้นรัว มองรอบห้องตื่นๆ ภาพในฝันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน ที่สำคัญ...

งูใหญ่นั้นหน้าเหมือนเจ้าอุรคา!

ขณะที่หม่อมภาณีใจไม่ดี...ภุชคินทร์นอนตัวแข็งในห้องพักรีสอร์ทแสงทอง งูขนาดมหึมาเลื้อยไปที่ประตู ฉับพลันนั้น...ไฟห้องสว่างขึ้นและเจ้าอุรคาเดินเข้ามา ภุชคินทร์สั่นศีรษะเรียกสติ กระโจนจากเตียงมาคว้าหญิงสาวไปกอดแน่น ละล่ำละลักว่าเห็นงูตัวใหญ่ เจ้าอุรคามองตอบด้วยแววตาสงสัย เดินตามชายหนุ่มออกไปสำรวจด้านนอก

พื้นหญ้าด้านนอกดูปกติทุกอย่าง ภุชคินทร์มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด ทำหน้าแหยงๆบอกว่าท่าทางงูยักษ์จะมีพิษมาก เจ้าอุรคาหน้าเจื่อน แสร้งตีหน้าสดชื่นแล้วพูดเป็นนัยๆ

“ไม่มีใครทำอะไรดิฉันได้หรอกค่ะ เพราะดิฉันคืออุรคาเทวีผู้ยิ่งใหญ่กว่าอสรพิษใดๆทั้งปวง”

“ความรักทำให้ผมเป็นห่วงเจ้า”

“ขอบคุณที่รักดิฉัน ถ้าวันหนึ่ง...ดิฉันกลายร่างเป็นพญานาค คุณชายยังจะรักไหม”

“รักสิ...ถึงตอนนั้นเราคงกลายร่างเป็นพญานาคด้วยกัน ครองรักกันตราบจนนิรันดร์”

เจ้าอุรคาตื้นตันใจ โผซบภุชคินทร์แล้วชวนกลับห้อง สองหนุ่มสาวนอนกอดกันจนค่อนคืน ท่าทางภุชคินทร์มีความสุข แตกต่างจากเจ้าอุรคาที่ร้อนรุ่ม ร่ายมนต์ให้ชายหนุ่มหลับสนิทแล้วลุกออกจากห้อง

ฟากวิชัยสิงห์...ปิดคอมพิวเตอร์อย่างปลื้มใจ ข้อมูลทุกอย่างถูกบันทึกและพร้อมเผยต่อสายตาชาวโลก กุลีกุจอโทร.หานักข่าวเพื่อเปิดงานแถลงข่าว ขณะเดียวกัน...เจ้าอุรคาในร่างพญานาคีมองจากนอกหน้าต่าง ได้ยินเสียงคุยโม้โอ้อวดเรื่องตำนานพญานาคแล้วของขึ้น พุ่งเข้าห้องและรัดร่างนักเทววิทยาแน่น วิชัยสิงห์ตะโกนขอความช่วยเหลือ โดนงูใหญ่ฉกที่ลำคออย่างแรงจนขาดใจตาย พญานาคสาวมองร่างที่นอนตายตาเหลือกด้วยความโกรธแค้น

“เจ้าคงลืมสินะ...ว่าสัญญากับข้าไว้ยังไง เจ้าเป็นฝ่ายผิดคำสัตย์เองนะมนุษย์ผู้ละโมบ!”

ooooooo

นาถสุดาหนักใจที่สุบรรณเปลี่ยนไปมาก

พันเอกนรินทร์ปลอบว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีด้านไม่ดีและอาจไม่อยากให้ใครรู้ นาถสุดาน้ำตาคลอ ตัดสินใจเคลียร์กับไพศิษฐ์เรื่องที่เคยเข้าใจผิด อดีตนายทหารเห็นด้วย บอกว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้สุบรรณไม่ถลำลึกไปกว่านี้

ฝ่ายไพศิษฐ์...ได้รับแจ้งว่าวิชัยสิงห์นอนตายในห้องพัก ตั้งท่าออกจากสถานีตำรวจ เสียงมือถือดังขึ้น นาถสุดาโทร.บอกว่าจะมาหา เขาขอคุยวันหลังเพราะมีคดีด่วน วางสายแล้วรุดไปที่เกิดเหตุทันที สภาพศพมีรอยเขี้ยวใหญ่ที่ลำคอ ตาเหลือกลานเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ไพศิษฐ์ตรวจสอบ เห็นหน้าต่างแตกกระจายแต่สภาพห้องปกติ ไร้ร่องรอยการต่อสู้ ผู้กองหนุ่มขมวดคิ้ว สังหรณ์ว่าอาจเป็นเรื่องเดียวกับคดีในเฮือนของเจ้าอุรคา

เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ทุกคนดูข่าวด้วยสีหน้าตกใจ เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีที่ติดสอยห้อยตามภิงคารมาพูดถึงเบาะแสต่างๆโดยเฉพาะที่วิชัยสิงห์โทร.หานักข่าวเพื่อเปิดแถลงข่าวเรื่องตำนานและตัวตนที่แท้จริงของพญานาค ภิงคารนิ่วหน้า นึกถึงก่อนหน้านี้ที่นักเทววิทยาหนุ่มเคยบอกว่าอยากพบเจ้าอุรคา สังหรณ์ว่าอาจเกี่ยวข้องกัน หม่อมภาณีมีท่าทีอึดอัด โพล่งขึ้นว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเหมือนฝันร้ายเมื่อคืนก่อน

“พี่ฝันว่าตาชายนอนกับงู...งูใหญ่เหมือนกับพญานาค”

ภิงคารกับนารีวรรณมองหน้ากันเครียดๆ เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีเบิกตาโพลง พูดเป็นนัยๆถึงครั้งล่าสุดที่เจอ ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคาว่าอาจมีสัมพันธ์พิเศษ ทุกคนในบ้านหันมองสองแม่ลูกอย่างเอาเรื่อง!

เย็นวันเดียวกันพะนอฤดีมาหานารีวรรณที่วัง เต้นผ่างเมื่อได้ยินข้อสันนิษฐานของสองแม่ลูก เชื่อสนิทใจเพราะเคยอ่านเจอพญานาคแปลงร่างเป็นคนมาสมสู่กับมนุษย์ได้ นารีวรรณพูดไม่ออก...หรือว่าพี่ชายจะโดนของจริง!

ขณะที่ทุกคนเป็นกังวล...ภุชคินทร์มีช่วงเวลาดีๆที่แสงทองรีสอร์ท เจ้าอุรคามองด้วยสีหน้าหม่นหมอง เสียงเตือนสติของยมนาก้องในหัว กลัวเหลือเกินว่าเมื่อเขาเห็นร่างพญานาคีแล้วจะรับไม่ได้ ภุชคินทร์เอะใจท่าทางแปลกๆ สวมกอดจากด้านหลังและถามอย่างห่วงใย เจ้าอุรคาถอนใจเบาๆ เปรยเสียงอ่อน

“คิดว่า...นี่ยังเป็นความจริงอยู่ใช่ไหม ที่เราได้อยู่ด้วยกัน”

“ครับ...เป็นความจริง แล้วเราก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไปเพราะผมรักเจ้า”

สองหนุ่มสาวกอดกันด้วยความรัก ภุชคินทร์พาเจ้าอุรคาไปพักในห้อง จูบขมับแผ่วเบาและออกไปเดินเล่น เจ้าอุรคาลอบตามห่างๆ ทันเห็นเขาลัดเลาะริมน้ำโขงและเข้าวัดธาตุพนม พญานาคสาวจะตาม ยมนาปรากฏตัวดักหน้าและเตือนสติให้ยุติทุกอย่าง ก่อนวิบากกรรมจะทำให้ทุกคนทุกข์ทรมานกว่านี้ เจ้าอุรคายังรั้น

“ถ้าการที่ข้ารักภุชเคนทร์คือการสร้างวิบากกรรม มันก็ควรค่าแล้วที่จะทำให้ข้ากับเขารักกันทุกชาติไป”

”คิดหรือว่าที่ภุชเคนทร์มาที่นี่เพราะความรักที่มีต่อเจ้า ตามไปดูเถิด แล้วจะรู้ว่าเขามาที่นี่เพราะสาเหตุใด”

เจ้าอุรคาลังเล ตัดสินใจตามเพราะอยากรู้ ยมนามองตามด้วยความเป็นห่วง...เมื่อไหร่สหายรักจะคิดได้

ooooooo

ภุชคินทร์ถามหาสุบรรณกับเจ้าอาวาส แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต เจ้าอาวาสนึกรู้ถึงเรื่องราวในอดีตชาติของสองหนุ่ม มองอย่างเมตตาและถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แน่ใจหรือว่าตั้งใจคุยกัน การพูดคุยหรือการสนทนาแตกต่างจากการวิวาท”

“พระคุณเจ้ารู้ความในใจผมงั้นหรือ”

“ถ้ามีทุกข์ต้องการดับ อาตมาช่วยได้ แต่ถ้ามีทุกข์ต้องตอบสนองแรงพยาบาท อาตมาว่าไม่ควร เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ยามวิกาลของฆราวาสคือนอนหลับ ส่วนของสงฆ์คือเวลาสร้างความเพียร”

ภุชคินทร์ผ่อนท่าทีและขอโทษเพราะรู้ตัวว่าพูดแรง เจ้าอาวาสย้ำให้ปล่อยวางและขอตัวกลับกุฏิ ราชนิกุลหนุ่มนิ่วหน้า พยายามข่มใจแต่ไม่สำเร็จ สิ่งที่สุบรรณทำเมื่อชาติก่อนเขาอภัยให้ไม่ได้จริงๆ...เจ้าอุรคารับรู้ความคิดพยาบาทของเขาแล้วผลุนผลันออกจากวัดด้วยน้ำตานองหน้า...เสียใจที่เขาเห็นความแค้นสำคัญมากกว่าความรักของเธอ

เวลาเดียวกันที่คฤหาสน์สุบรรณ...อำนาจรายงานผลการชันสูตรศพวิชัยสิงห์ว่าตายด้วยพิษที่ร้ายแรงกว่าพิษงูจงอางร้อยเท่า สุบรรณไม่ทันจับสังเกตน้ำเสียงแปร่งๆ เข้าใจว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางเพราะรู้จากวงในว่านักเทววิทยาหนุ่มเป็นหนึ่งในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ อำนาจพูดถึงหลักฐานแวดล้อมเกี่ยวกับการปรากฏตัวของงูและรอยเขี้ยวขนาดใหญ่ที่คอวิชัยสิงห์ สุบรรณนิ่งไปอึดใจ พูดไม่ออกเพราะชักสังหรณ์ว่าเจ้าอุรคาอาจมีส่วนกับคดีนี้

ด้านไพศิษฐ์...เครียดเรื่องคดี นาถสุดานำกาแฟและของกินมาฝาก นั่งคุยถึงเรื่องทั้งหมดและถือโอกาสปรับความเข้าใจกัน ผู้กองหนุ่มบอกว่าสงสัยเรื่องงูเป็นพิเศษเพราะรอยกัดที่คอและสภาพห้องเหมือนไม่มีการต่อสู้ใดๆ ที่สำคัญยังเหมือนรอยที่พบบนตัวสุรินทร์กับปัญญาที่เฮือนเจ้าอุรคา นาถสุดาชะงัก มองหน้าแฟนหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ...ราชนิกุลสาวเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนตายอีกแล้ว

ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...หม่อมภาณีพะวัก พะวนเรื่องภุชคินทร์ กลัวว่าฝันที่ลูกชายหลับนอนกับงูจะเป็นจริง ยกหูโทร.ตามเขากลับบ้าน ภุชคินทร์บ่ายเบี่ยงและยืนยันจะกลับพร้อมเจ้าอุรคา หม่อมภาณีพยายามกล่อมแต่ไม่ได้ผลเพราะเขาขอวางสายเสียก่อน ภุชคินทร์กลับถึงห้องพักแต่ไม่เห็นเจ้าอุรคาก็ตามหา พบเธอนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ริมน้ำโขง เขาตกใจและปลอบขวัญ เจ้าอุรคาแหวขึ้นอย่างเหลืออด

“คุณชายไม่ได้มาที่นี่เพราะดิฉัน แต่คุณชายมาเพราะต้องการหาท่านสุบรรณ”

“มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำไม่ใช่หรือ”

“ดิฉันไม่น่าให้คุณชายรู้อดีตเลย คุณชายไม่ให้ความสำคัญในความรักของเรา แต่ให้กับความแค้นแทน”

“ชีวิตไม่ได้มีแค่อย่างเดียว เจ้าจะให้ผมคิดถึงแต่ความรักอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้”

“ดิฉันก็เคยแค้นท่านสุบรรณ แต่เมื่อได้อยู่กับคุณชาย ดิฉันลืมความแค้นหมดสิ้น ทุกวินาทีก็มีแต่คุณชาย”

ภุชคินทร์จับมือขอโทษ เจ้าอุรคาสะบัดมือและสวนกลับอย่างน้อยใจ

“อย่าขอโทษถ้าคุณชายไม่รู้สึกอย่างนั้น ดิฉันผิดเองที่รักคุณชาย หลงคิดไปว่าคุณชายจะรู้สึกอย่างดิฉัน”

เจ้าอุรคาหันหลังวิ่งลงน้ำ ภุชคินทร์รั้งไม่ให้ไป ขอโทษและสัญญาจะไม่คิดเรื่องความแค้นอีก เจ้าอุรคาผ่อนท่าที คาดคั้นให้สัญญาอย่างจริงจัง ภุชคินทร์พยักหน้ารับปากและกอดเธอแน่น เจ้าอุรคากอดตอบแต่แววตาไม่มั่นใจ สองหนุ่มสาวกลับห้องและตระกองกอดกันจนหลับไป ภุชคินทร์สะดุ้งตื่นกลางดึก มองหญิงสาวอย่างหนักใจ รู้สึกผิดที่ไม่อาจระงับความพยาบาทได้ เจ้าอุรคารู้สึกตัวแต่ไม่ยอมลืมตา รับรู้ความคิดของชายหนุ่มด้วยความเหนื่อยใจ...

ooooooo

หม่อมภาณีเป็นห่วงภุชคินทร์มาก ตัดสินใจขับรถไปหาที่รีสอร์ทแสงทอง เห็นหญิงชรายืนก้มๆเงยๆ เข้าใจว่าเป็นเจ้าของจึงถามหาลูกชาย สุนีย์หรี่ตามองอย่างจับสังเกตแล้วชี้ไปที่ห้องด้านใน หม่อมภาณีขอบคุณ และเดินไปด้วยแววตาหวาดหวั่น...กลัวเหลือเกินจะเห็นภาพเหมือนในฝัน

หม่อมภาณีก้าวไปที่ห้องลูกชายด้วยหัวใจเต้นรัว เห็นประตูแง้มอยู่จึงตัดสินใจมองลอดแล้วเบิกตาโพลง เห็นภุชคินทร์นอนกอดงูตัวใหญ่บนเตียง เธอกรีดร้องสุดเสียงจนเขาสะดุ้งตื่น เห็นแม่ยืนปิดหูปิดตากรี๊ดจึงกระโจนมาหา สุนีย์ปรากฏตัวและถามเสียงห้วนว่าเกิดอะไรขึ้น หม่อมภาณีชี้ไปที่ห้องด้วยมือสั่นๆว่าเห็นงู ภุชคินทร์ชะงัก สำรวจห้องอย่างละเอียดแต่ไม่พบอะไร สุนีย์ชักสีหน้าไม่พอใจและบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด หม่อมภาณีสวนกลับเสียงเข้ม

“แม่ไม่ได้ตาฝาด แม่เห็นจริงๆ ลูกนอนบนเตียงกับงู...และงูตัวนั้นก็กลายร่างเป็นเจ้าอุรคา”

ทุกคนผงะ หม่อมภาณีโกรธจนลืมความกลัว พรวดพราดเข้าไปในห้องและเรียกหาราชนิกุลสาว เจ้าอุรคาปรากฏตัวด้วยชุดลำลองสง่างามเช่นเคย สุนีย์ทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับคุ้นเคยมานาน หม่อมภาณีจับสังเกตอยู่แล้ว ถลันไปเกาะแขนลูกชายและสั่งให้กลับบ้าน หันไปพูดกับเจ้าอุรคาเสียงเครียด

“ผู้หญิงคนนี้เป็นผี เมื่อก่อนฉันสงสัยแต่ไม่คิดมาก แต่ตอนนี้ฉันเห็นกับตาว่าเธอเป็นงูยักษ์...เป็นปีศาจ”

จบคำหม่อมภาณีก็กระชากมือภุชคินทร์ให้ออกไปกับเธอ เจ้าอุรคาหน้าซีดแต่ไม่กล้าตาม ภุชคินทร์ดึงมือแม่ไว้และขอร้องให้คุยกันดีๆ พยายามกล่อมให้แม่เห็นใจเขากับเจ้าอุรคา

“ผมจะทิ้งเจ้าอุรคาไว้ที่นี่คนเดียวได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นภรรยาผม”

“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน มันเป็นผี...ชายจะมีเมียเป็นผีไม่ได้”

หม่อมภาณีกรีดร้อง ดึงแขนลูกชายสุดแรงจนปัดโดนแจกันดอกไม้ตกแตก สุนีย์งัวเงียตื่นจากเก้าอี้โยกหลังเคาน์เตอร์ตามเสียง สองแม่ลูกถึงกับช็อก ไม่เข้าใจว่าเจ้าของรีสอร์ทมาอยู่ตรงนั้นได้ยังไง หม่อมภาณีกำมือลูกชายแน่น วิงวอนให้เขาพากลับบ้านเพราะทนอยู่ใน สถานที่ลึกลับแบบนี้ไม่ไหว ภุชคินทร์ลังเลแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพาแม่ไป

ขณะเดียวกันภายในห้องพัก...เจ้าอุรคาร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ สุนีย์ที่กลับร่างเป็นชรายุดังเดิมนั่งหมอบที่แทบเท้า เงยขึ้นมองอย่างเห็นใจ ขอโทษเจ้านายสาวที่ช่วยรั้งภุชคินทร์ไว้ไม่ได้ เจ้าอุรคาคร่ำครวญด้วยความน้อยใจที่เขาทอดทิ้ง ทั้งที่เคยสัญญาจะไม่พรากจากกันอีก ชรายุส่ายหน้าและเตือนสติเสียงอ่อน

“ที่เจ้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาสานรัก แต่เจ้าต้องการให้ท่านภุชเคนทร์ถอนคำสาบานไม่ใช่หรือคะ”

“เจ้ากำลังต่อว่าเราที่ปล่อยให้ราคะครอบงำ เรายอมรับว่ามีความสุขกับภุชเคนทร์จนลืมว่าต้องทำสิ่งใด ช่างน่าละอายยิ่งนัก...เราจะไปตามภุชเคนทร์กลับมา”

เจ้าอุรคาตั้งท่าจะออกไป ชรายุขวางไว้เพราะไม่อยากให้เจ้านายสาวสร้างวิบากกรรมแต่เธอไม่ยอม

“อย่าห้ามชรายุ เราขอครั้งสุดท้าย ครั้งนี้เราจะไม่หลงในตัณหาราคะ เราจะขอให้ภุชเคนทร์ถอนคำสาบาน”

เจ้าอุรคาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ชรายุไม่อยากเชื่อ...หวังว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ

ooooooo

ภิงคารครุ่นคิดเรื่องวิชัยสิงห์ ทั้งสาเหตุที่มาเมืองไทยและตำนานมณีนาคสวาท ปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วนิ่วหน้า...หรือว่าตัวตนแท้จริงของพญานาคที่วิชัยสิงห์พยายามบอกก่อนตายคือเจ้าอุรคา รัฐมนตรีหนุ่มอึ้งกับความคิดตัวเอง โทร.หาไพศิษฐ์เพื่อหาหลักฐานสนับสนุน

ผู้กองหนุ่มฟังข้อสันนิษฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บอกว่าไม่เคยรู้ว่าวิชัยสิงห์มาเมืองไทยเพราะต้องการพบเจ้าอุรคาและมณีนาคสวาท ภิงคารเปรยด้วยน้ำเสียงหนักใจไม่แพ้กัน

“เขาเป็นเพื่อนน้าเอง ไม่คิดว่าจะจากไปพร้อมปริศนามากมายโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเจ้าอุรคา”

“มีคนเดียวจะไขปริศนาทุกอย่างได้ คนที่ใกล้ชิดเจ้าอุรคาที่สุด แต่เขาต้องพร้อมร่วมมือด้วยนะครับ”

สองหนุ่มต่างวัยมองหน้ากันเครียดๆ รู้โดยไม่ต้องบอกว่าคนคนนั้นคือภุชคินทร์...

คืนเดียวกันที่วังนาเคนทร์...หม่อมภาณีกับนารีวรรณมองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจ ภุชคินทร์ยื่นคำขาดจะไม่ยอมเลิกกับเจ้าอุรคา หม่อมภาณีน้ำตาไหลพราก ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

“ทำไมชายพูดแบบนี้ รู้ตัวไหมว่ากำลังถูกมนต์ครอบงำ ชายต้องเข้มแข็ง เขาไม่ใช่คนและกำลังกลืนกินชีวิตลูก”

“เจ้าไม่มีทางทำร้ายผม...เจ้ารักผม ผมสัญญากับเจ้าแล้วว่าจะไม่ทิ้งเธอไปไหน เธอเป็นภรรยาผมนะครับแม่”

“แต่จะให้แม่สูญเสียลูกชายไป...แม่ไม่ยอม ชายรักเขาแต่ชายกำลังฆ่าแม่...ฆ่าตัวเอง”

นารีวรรณกอดปลอบแม่ ขอร้องพี่ชายให้เห็นใจแต่ไม่สำเร็จ ภุชคินทร์ขอโทษและผลุนผลันขึ้นห้อง ภิงคารเข้ามาทันเห็นหม่อมภาณีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ละล่ำละลักขอร้องให้ช่วยลูกชาย

“ภิงคารช่วยชายที เธอต้องช่วยหลาน อย่าปล่อยให้หลานไปเสพสมกับเดรัจฉาน”

ภิงคารไม่เข้าใจ หม่อมภาณีบอกว่าเจ้าอุรคาเป็นงูผี ภิงคารกับนารีวรรณผงะ...ภุชคินทร์เจอดีเข้าแล้วจริงๆ!

เวลาเดียวกันที่ลำน้ำโขง...เจ้าอุรคารับรู้ความคิดของหม่อมภาณีด้วยสีหน้าซีดเผือด ร่ำไห้อย่างเจ็บช้ำที่โดนเข้าใจผิดและดูหมิ่นให้เป็นแค่เดรัจฉาน ยมนาปรากฏตัวและพยายามเตือนสติ

“เจ้ามิเคยฟังคำเตือนของกัลยาณมิตรเลยนะ”

“เรารู้ตั้งแต่วันนั้น หากว่าเรายุติ พญานาคผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ถูกดูแคลนว่าเป็นงูผี ทั้งที่จริงพญานาคคือผู้เพียรภาวนา รักการปฏิบัติธรรมรักษาศีล บุญของเรากำลังเสื่อมถอย เราคงได้เกิดเป็นแค่งูดินในภพต่อไป...เดรัจฉานเต็มตัว”

“ตราบที่ไม่สิ้นลม เจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเองได้ เร่งสร้างความเพียรเถิดอุรคา...อย่าให้เสียภพภูมิ”

ยมนาหายไปแล้ว เจ้าอุรคายกมือไหว้ทวยเทพบนสวรรค์ ใบหน้าอิ่มเอิบเหมือนคนปล่อยวาง กลายร่างเป็นพญานาคีและลงน้ำด้วยใจสงบ ชรายุยิ้มอย่างยินดีจากอีกด้าน กลายร่างเป็นงูยักษ์และดำดิ่งตามไป

ooooooo

สุบรรณเห็นภาพตนเองไม่มีหัวจากกระจกเงาที่บ้าน สังหรณ์ใจว่าภุชคินทร์มีแผนประทุษร้ายล้างแค้น บอกอำนาจให้เฝ้าบ้าน ส่วนเขาจะไปหาเจ้าอุรคาที่เฮือน เพื่อบอกความในใจราวกับเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย

“ผมรู้ว่าบาปกรรมที่ผมเคยทำในอดีตชาติรุนแรงเกินจะให้อภัย แต่หากเกิดอะไรกับผมชาตินี้ ผมอยากให้รู้ว่าผมรักเจ้าเสมอ ไม่ว่าจะภพชาติไหน เจ้าคงรำคาญแต่นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสบอกรัก”

สุบรรณนึกในใจอย่างคนตัดสินใจแล้ว เขาขับรถถึงหน้าเฮือนเวลาเดียวกับภุชคินทร์ที่ไม่พูดพรํ่าทำเพลงถลันไปชกหน้าสุบรรณแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ชี้หน้าและตวาดเสียงกร้าว

“เพราะคุณ...ทำให้เจ้าต้องพรางบ้าน รู้ทั้งรู้ว่าเจ้ารังเกียจ คุณยังตามมาอีก”

“ถึงเจ้ารังเกียจผม มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ เพราะมันเป็นเรื่องของผมกับเจ้า”

“ไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อเจ้าเป็นภรรยาผม เลิกยุ่งเกี่ยวกับเจ้า ไม่งั้นจะเจ็บตัวกว่านี้”

ภุชคินทร์ชกหน้าสุบรรณอีกที สุบรรณเลือดขึ้นหน้า ความรู้สึกผิดเหือดหาย ผลักอกภุชคินทร์แล้วตะคอก

“เมียแล้วไง...ถ้าฉันชอบ ฉันจะแย่ง...เหมือนที่เคยแย่งเมื่อชาติก่อน ไอ้คุณชายภุชเคนทร์!”

จบคำก็กระชากร่างภุชคินทร์มาต่อยคว่ำกับพื้น เตะซ้ำจนราชนิกุลหนุ่มน่วมไปทั้งตัว สุบรรณถากถางเสียงเยาะ

“แกนี่มันรนหาที่จริงๆ จำไม่ได้หรือว่าชาติก่อนน่ะ ...ตอนตายแกมีสภาพยังไง”

“ถึงฉันตาย...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าอุรคาก็ไม่มีวันรักแก”

“ไม่รักก็ช่าง...เพราะฉันจะตามทำลายความรักแกทุกชาติเช่นกัน...ไอ้ภุชคินทร์”

สุบรรณเตะเสยคางภุชคินทร์ลอยละลิ่วไปนอนหมดสติแล้วหุนหันขับรถจากไป เวลาเดียวกันที่ถ้ำบาดาลใต้ลำน้ำโขง...เจ้าอุรคารับรู้เหตุการณ์ตลอด ตั้งสมาธิข่มจิตให้สงบแต่ตบะแตกเมื่อเห็นภุชคินทร์โดนซ้อมปางตาย ลืมตาโพลงและลุกพรวดออกไป...แล้วเราจะได้เห็นดีกันพญาสุบรรณ!

เจ้าอุรคาในร่างพญานาคีโผล่ขึ้นกลางลำน้ำด้วยดวงหน้าดุดัน กรีดร้องโหยหวนอย่างโกรธแค้น ในใจอาฆาตพยาบาทพญาสุบรรณจนอยากฆ่าให้ตาย ฉับพลันนั้น ...ภาพในอดีตและเสียงเตือนของยมนาว่ายวนในหัว พญานาคสาวต่อสู้กับใจตัวเอง
อย่างหนัก เหล่าพญานาคตนอื่นค่อยๆหลบเลี่ยงลอยห่าง เจ้าอุรคามองด้วยความเสียใจ รู้ว่าโดนรังเกียจแต่ไม่อาจฝืนทนให้ภุชคินทร์โดนทำร้ายฝ่ายเดียวได้ ยมนาปรากฏตัวและเตือนสติเสียงอ่อน

“พวกเขาถอยห่างจากเจ้าเพราะไม่มีใครอยาก แปดเปื้อน เจ้าคงจำได้...เจ้าทำให้พวกเขามัวหมอง”

“แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีผู้ใดเป็นมิตรกับเราเลย”

“เจ้าต้องยอมรับผลกรรมและหยุดมัน จำได้ไหม ...เจ้าบอกกับข้าว่าอย่างไรอุรคาเทวี”

เสียงตนเองที่เคยปฏิญาณจะยุติทุกอย่างเพื่อความสุขและภพภูมิความเป็นพญานาคอื้ออึงในใจ มองเห็นยอดพระธาตุพนมสูงเด่นเป็นสง่า เจ้าอุรคาเรียกสติกลับมาแล้วค่อยๆผ่อนท่าที กลายร่างเป็นพญานาคีและดำดิ่งลงน้ำด้วยใจสงบ เธอปรากฏตัวอีกครั้งที่ลานวัดธาตุพนม นั่งหลับตาบำเพ็ญเพียรข้างๆชรายุที่ลืมตามองอย่างยินดี สบตาเจ้าอาวาสและหันมองราชนิกุลสาว...หวังว่าคราวนี้จะปล่อยวางได้จริงๆ

ooooooo

ภุชคินทร์ประคองร่างที่มีแผลฟกช้ำเต็มตัวไปหาไพศิษฐ์ที่บ้าน ขอพักด้วยเพราะไม่อยากกลับวังให้แม่กับน้องสาวเป็นห่วง ผู้กองหนุ่มเตือนไม่ให้ใช้กำลังและอารมณ์ ภุชคินทร์ชักสีหน้า พูดถึงความแค้นในอดีตชาติอย่างโกรธจัด ไพศิษฐ์งงเป็นไก่ตาแตก ภุชคินทร์จึงอธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ

“ปาฏิหาริย์มันเกิดกับฉันจริงๆ ฉันรู้แล้วว่าอดีตฉันคือใคร เกี่ยวกับเจ้าอุรคาและไอ้สุบรรณอย่างไร และนี่มันก็คือผลว่าทำไม ฉันต้องไปจัดการไอ้สุบรรณ!”

ไพศิษฐ์พูดไม่ออก มองท่าทางเจ็บแค้นอย่างไม่อยากเชื่อ พาเพื่อนไปพักผ่อนที่ห้องแล้วครุ่นคิด ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วนิ่วหน้า...เราต้องรู้และพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับสุบรรณให้ได้!

เวลาเดียวกันที่คฤหาสน์สุบรรณ...ภาพในอดีตชาติและภาพเงาไร้หัวเมื่อเช้าทำให้ความเดือดดาลเบาบางลง สุบรรณไม่โกรธหรือกลัวความตาย รู้สึกผิดและนึกขออโหสิกรรมจากภุชคินทร์กับเจ้าอุรคา อำนาจที่ทราบเรื่องทุกอย่าง เข้ามาหาและอาสาล้างแค้นราชนิกุลหนุ่ม สุบรรณ ปฏิเสธและบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต อำนาจยังไม่ยอม

“ผมกลัวคุณชายย้อนกลับมาทำร้ายนายอีกแบบ หมาลอบกัด”

“ก็ถ้าหมาตัวนั้นจะลอบกัดฉันจริงๆ ฉันจะเตะปากมันเอง”

“ช้างยังล้มได้เพราะมด ผมไม่อยากให้นาย ประมาทศัตรู”

“ขอบใจมากอำนาจที่หวังดีกับฉัน แต่ฉันพยายามให้สติตัวเองว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”

อำนาจกลัวภุชคินทร์จะไม่ยอมจบ สุบรรณถอนใจหนักหน่วง บอกว่าหากถึงที่สุดจะยอมมือเปื้อนเลือดจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง อำนาจมองอย่างเป็นห่วง ไม่ต่างจาก เจ้านายหนุ่มที่มีท่าทางลำบากใจสุดๆ

ฟากนาถสุดากังวลเรื่องสุบรรณ เก็บทุกอย่างไปคิดจนผล็อยหลับ เห็นภาพญาติหนุ่มเปิดหีบเครื่องเพชรดูด้วยสายตาระแวดระไว ทันใดนั้น...มีชายชุดดำกระโดดข้ามหน้าต่างใช้มือแข็งแรงตวัดรัดเชือกที่ลำคอสุบรรณจนล้มไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้น นักการเมืองหนุ่มพยายามแกะเชือกออกแต่มันกลายเป็นกุญแจมือพร้อมโซ่ตรวน สุบรรณหันขวับแล้วตกตะลึง เห็นชายชุดดำคนนั้นเป็นไพศิษฐ์!

นาถสุดาสะดุ้งตื่นเช้าวันถัดมา หน้าซีดและเหงื่อ แตกพลั่ก หอบหายใจระรัวเพราะภาพความฝันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน คว้ามือถือโทร.หาญาติหนุ่ม เสียงสุบรรณงัวเงียรับสายด้วยความหงุดหงิดที่โดนปลุกแต่เช้า เบิกตาโพลงเพราะได้ยินเสียงละล่ำละลักถาม น้ำเสียงนาถสุดาเหมือนคนวิตกกังวลจนเขานึกเป็นห่วง วางสายและตัดสินใจลุกไปแต่งตัวเพื่อไปหาเธอที่ร้านขายของเก่า

เวลาเดียวกันที่บ้านพันเอกนรินทร์...นาถสุดายืน ใส่บาตรกับพ่อด้วยสีหน้าหม่นหมองเหมือนคนมีเรื่องไม่สบายใจ ปรับทุกข์กับพ่อว่าฝันถึงสุบรรณและไพศิษฐ์ในทางไม่ดี พันเอกนรินทร์นึกรู้ด้วยญาณพิเศษ ปลอบลูกไม่ให้คิดมากเพราะเป็นแค่ความฝัน นาถสุดากลัวจะเป็นลางบอกเหตุ อดีตนายทหารถอนใจเบาๆแล้วเปรยเสียงอ่อน

“คนที่มีจิตผูกพันจะเชื่อมโยงสัญญาณกรรมต่อกันได้ง่าย ถึงนาถจะกลัวแต่ถ้ามันจะเกิด มันก็ต้องเกิด”

“คุณพ่อหมายความว่ายังไง แล้วเราจะช่วยได้ ยังไงคะ”

“ช่วยไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขามีเวรกรรมต่อกัน เขาต้องตามมาทวงกรรม”

“นาถไม่ยอมให้คุณศิษฐ์ทำร้ายพี่สุบรรณเด็ดขาด”

“เจ้ากรรมนายเวรคนนั้นอาจไม่ใช่ไพศิษฐ์หรือใช่ก็ได้ แต่ถ้าใช่...นาถก็ต้องให้อภัย เพราะเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ไม่อย่างนั้น...นาถเองที่จะผูกกรรมต่อไป และกลายเป็นกงเกวียนกำเกวียนไม่มีที่สิ้นสุด”

นาถสุดาไม่เข้าใจ หากเกิดเรื่องกับบุคคลอันเป็นที่รักจริงแล้วจะอภัยได้หรือ พันเอกนรินทร์ย้ำเสียงเรียบ

“พ่อรู้ว่ามันยากที่คนถูกกระทำจะให้อภัยคนที่กระทำง่ายๆ มันต้องจองล้างจองผลาญ จองเวรจองกรรมไงล่ะ”

นาถสุดาอึ้ง พันเอกนรินทร์มองมาด้วยสายตาปลงๆ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม!

สุบรรณไปหานาถสุดาที่ร้านขายของเก่า บอกว่าไม่สบายใจที่ได้ยินเสียงเธอเมื่อเช้า พูดอย่างอ่อนโยนว่ารักและเป็นห่วงเธอเสมอ นาถสุดาดีใจที่เจอเขา ตัดสินใจหยิบไม้แกะสลักพญานาคให้ดูและเล่าว่าได้มาจากเจ้าอุรคา

“แค่รู้ว่าไม้แกะสลักชิ้นนี้เกี่ยวพันกับเจ้าอุรคา นาถก็รู้สึกรักทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักตัวตนของเจ้า และไม่ใช่แค่นาถ พี่สุบรรณเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับนาถใช่ไหมคะ... หรืออาจจะมากกว่า”

สุบรรณแสลงใจที่เห็นไม้แกะสลัก นิ่งไปอึดใจแล้วบอกว่าเจ้าอุรคาเป็นคนมีเสน่ห์ นาถสุดายิ้มรับตาพราว

“ก็คงจริงค่ะ ไม่เช่นนั้นคุณชายคงไม่รักและก็เป็นโชคดีที่เจ้ารู้สึกเช่นเดียวกับคุณชายภุชคินทร์”

นาถสุดาจ้องตาญาติหนุ่มเหมือนต้องการสื่อบางอย่าง สุบรรณสวนกลับเสียงห้วนว่าไม่อยากพูดเรื่องคนอื่น นาถสุดาไม่ถือสาอารมณ์ฉุนเฉียว พูดเสียงอ่อนว่านี่คือเรื่องสำคัญ

“เพราะพี่สุบรรณกำลังเป็นมือที่สาม พี่เป็นคนยิ่งใหญ่ทั้งตำแหน่งและศักดิ์ศรี นาถไม่อยากให้มัวหมอง นาถอยากเห็นพี่สง่างามในเกียรติของตัวเอง”

สุบรรณสะอึก หน้าเจื่อนเหมือนวัวสันหลังหวะ นาถสุดามองมาอย่างคาดคั้นแต่ไม่เป็นผล สุบรรณเฉไฉบอกว่าไม่มีใครทำดีได้ทุกเรื่องและขอตัวออกไป หญิงสาวมองตามเหนื่อยใจ...กลัวเขาคิดไม่ได้แล้วสร้างกรรมขึ้นอีก

สุบรรณกลับบ้านทันทีหลังแยกจากนาถสุดา คิดหนักเรื่องคำพูดของญาติสาว เดินลิ่วไปที่ห้องลับ เห็นหีบเครื่องเพชรวางอยู่ครบก็เบาใจ เปรยลอยๆกับอำนาจว่ากลัวมีคนรู้เรื่องเครื่องเพชรที่โจรกรรมมา อำนาจมีท่าทางพิรุธจนเจ้านายหนุ่มผิดสังเกต คาดคั้นจนรู้ว่ามีคนบุกรุกช่วงเขาไปจำศีลวัดธาตุพนม ตะคอกด่าคนสนิทที่ไม่ยอมรายงานและหาว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ อำนาจละล่ำละลักแก้ตัวว่าไม่กล้าบอกเพราะกลัวความผิด สุบรรณถอนใจหนักหน่วง มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือคนเคยเข้านอกออกในคฤหาสน์และรู้ทางหนีทีไล่อย่างดีเพราะภาพในกล้องวงจรปิดจับไว้ไม่ได้

อำนาจกลุ้มใจเรื่องหาตัวผู้บุกรุกตามคำสั่งสุบรรณ นึกถึงเหตุการณ์ปะทะในห้องลับแล้วขมวดคิ้ว คนร้ายรู้ทางในบ้านดี แถมมีฝีมือซัดเขาจนหมอบ นิ่งไปอึดใจแล้วตาโต...ภุชคินทร์หรือไพศิษฐ์ ต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้แน่ๆ!

เวลาเดียวกันที่สถานีตำรวจ...ไพศิษฐ์หนักใจเรื่องสุบรรณ จ่าชิดพยายามแหย่เรื่องลึกลับในคดีต่างๆ โดนตะเพิดกลับจนหน้าจ๋อย ไพศิษฐ์มองตามและส่ายหน้าอ่อนใจ พึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ทุกเรื่องต้องรอการพิสูจน์ คนเลวไม่ควรมีอำนาจ คนที่มีอำนาจแต่เป็นคนเลวก็ไม่ควรมีอีกต่อไป!”

ขณะที่ไพศิษฐ์มุ่งมั่นหาข้อพิสูจน์...สุบรรณข่มตานอนอย่างยากลำบาก ในหัวเห็นแต่ภาพในอดีตและอาการพลอดรักของราชนิกุลหนุ่มสาว เขาเบิกตาโพลงในความมืด ความริษยาพลุ่งพล่านในตัวจนเกินระงับพึมพำอโหสิกรรมและควบคุมสติด้วยดวงจิตตั้งมั่น ส่วนภุชคินทร์หัวเราะเย้ยหยันที่ไพศิษฐ์แนะนำให้แจ้งความสุบรรณที่ทำร้ายปางตาย ผู้กองหนุ่มกลุ้มที่เพื่อนไม่เชื่อในเรื่องความยุติธรรม เตือนสติเสียงอ่อน

“เราผิด เขาผิดก็ต้องมีพยานหรือหลักฐานพิสูจน์ ไม่ใช่แค่คำพูดหรือความรู้สึก ฉันเป็นตำรวจ แม้จะเป็น เพื่อนนายแต่ไม่ได้จะเข้าข้างเห็นดีเห็นงามไปทุกเรื่อง ความยุติธรรมมันมีเสมอนะชาย”

“แต่ก็ไม่ได้เกิดกับทุกคน...รวมทั้งฉัน แต่ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธี รับรองว่าท่านสุบรรณต้องกระอักเลือดตายแน่!”

ภุชคินทร์เปรยแววตาวาววับ ไพศิษฐ์มองด้วยสีหน้าไม่สู้ดี...กลัวเพื่อนก่อเรื่องจนฉุดไม่อยู่

ooooooo

มณีสวาท

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด