ตอนที่ 18
ลิซ่าต้อนรับธิชาด้วยไมตรีก่อนจะพาเธอไปห้องพัก ส่วนโทมัสแยกไปยังห้องส่วนตัวพร้อมณัฐชาแล้วนั่งคุยกันถึงธิชาที่ฝ่ายชายยังปกปิดเรื่องชาญตายเพราะกลัวเธอทำใจไม่ได้
“คุณตั้งใจจะบอกกับเธอเมื่อไหร่”
“เรื่องชาญน่ะเหรอ”
“ทุกเรื่อง ฉันอยากรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอหายไปไหนมา แล้วไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง”
“ณัฐชา...น้องสาวของชาญเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมานะ ผมคิดว่าเราน่าจะรอก่อน เอ๊ะ หรือว่าคุณมีอะไร”
“ฉันแค่สังหรณ์ใจ มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับธิชา”
คำพูดของณัฐชาทำให้โทมัสรู้สึกกังวล...ขณะ เดียวกันนั้น ลิซ่าพาธิชาไปห้องแล็บเพื่อตรวจร่างกาย พอเห็นธิชามีท่าทีลังเลเธอจึงอธิบายว่า
“มันเป็นกฎของบริษัทจ้ะ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องผ่าน การตรวจร่างกาย...ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอมีปัญหาเรื่องสาร เสพติดล่ะก็ ฉันจะปิดเป็นความลับ เอาล่ะ ทีนี้ก็ถอดเสื้อได้แล้ว”
ธิชาจำใจทำตามอย่างไม่มีทางเลี่ยง แล้วลิซ่าก็ตะลึงเมื่อพบว่าแผ่นหลังของเธอมีร่องรอยบาดแผลคล้ายถูกเฆี่ยนตีและรอยจี้ด้วยบุหรี่
“เธออยากเล่าไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
ธิชาอึกอัก แววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นสะเทือน ใจกับอดีตของตน...หลังรู้ข้อมูลบางอย่างจากธิชาแล้ว ลิซ่าจึงมาบอกต่อฤทธิ์และณัฐชา
“ฝีมือพวกแก๊งค้ายา พวกมันทารุณเธอจนต้องหนีไปหาจอย ก่อนไปเจอผู้หญิงคนที่เป็นผีดิบคนนั้น”
“ผู้หญิงคนนั้นจับเธอไว้เหรอ”
“เปล่า เธอเพิ่งเสียลูกสาวไป แล้วก็เสพน้ำตาสวรรค์จนเพี้ยน เลยคิดว่าธิชาคือลูกสาวของเธอ”
“แล้วทำไมธิชาไม่หนี”
“เธอคิดว่ามันปลอดภัยกว่าถ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่น และตัดขาดจากโลกภายนอก”
“น่าสงสัยนะ น้ำตาสวรรค์กำลังขาดตลาดแล้วยัยผีดิบไปเอามาจากไหนตั้งมากมาย แล้วที่สำคัญปกติการกลายพันธุ์จะไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แต่เหยื่อของแม่นี่ดันกลายเป็นผีดิบไปด้วย เหมือนแวมไพร์ไม่มีผิด ฉันว่ามันต้อง...”
“เอาล่ะๆ ค่อยๆคิดเถอะครับคุณตำรวจ เรื่องคดียังไงก็เป็นหน้าที่ของคุณ ส่วนเรื่องธิชาผมจัดการเอง”
ฤทธิ์ตัดบทเสียจนณัฐชาหน้ามุ่ย แถมเขายังคะยั้น คะยอให้เธอกลับได้แล้ว ทางนี้เขาจัดการเอง เธอเลยประชดให้ว่ากระตือรือร้นเหลือเกินนะเรื่องสาวๆเนี่ย
“โธ่คุณ ธิชาเป็นน้องสาวของชาญเพื่อนผมนะ”
“ก็ยังไม่ได้บอกว่าคุณคิดอะไรซะหน่อย ทำไมต้องร้อนตัวด้วยล่ะ หรือว่าคิดจริงๆ”
“อ้าวคุณ...ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น คุณต่างหากที่กำลังคิด”
ณัฐชาถามเสียงเขียวว่าคิดอะไร พอได้ยินคำตอบว่า “คุณหึง” ผู้กองสาวถึงกับแค่นหัวเราะหึๆ
“เฮอะ ฝันไปเหอะคุณ ผู้หญิงอย่างฉันไม่มีทางเหมือนผู้หญิงคนอื่น โหมดหึงไม่เคยมีในสารบบของณัฐชา”
“แล้วผมจะคอยดู โชคดีนะ”
ณัฐชาหมั่นไส้ แอบด่าเบาๆขณะลงลิฟต์ไป “คนบ้า...อย่าให้จับได้นะว่ากิ๊กเด็ก เจอวิสามัญแน่ คอยดูสิ”
ooooooo
บ่ายนั้น ธิชาเจออัศวินหน้าห้องสมุด เธอมีท่าทีหวาดกลัวจนกรีดร้องลั่นไปหมดแถมยังคว้ากรรไกรแทงหลังมือเขาจนได้เลือด โทมัสตกใจรีบวิ่งมาปลอบเธอ พร้อมกันนั้นก็ให้อัศวินไปทำแผล
หลังจากธิชาสงบลงแล้ว โทมัสจึงไปหารือกับลิซ่า ซึ่งหญิงสาววิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา
“ฉันว่ามันคงเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่ง ธิชามีประวัติเคยใช้สารเสพติดแถมยังเคยถูกทำร้ายร่างกายจิตใจมาก่อน อารมณ์ของเธอถึงได้เปราะบางขนาดนั้น”
“แล้วคุณว่าผมควรจะบอกเธอตอนไหนดี...เรื่องชาญ”
“ฉันบอกไม่ได้หรอกคุณโทมัส ตอนนี้คุณคือผู้ปกครองของเธอ เรื่องนี้คุณต้องตัดสินใจเอง”
แล้วในคืนนั้นเอง ฤทธิ์หรือโทมัสก็ตัดสินใจพูดความจริงเรื่องชาญให้ธิชารับรู้ หญิงสาวถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดเสียงสั่นเครือ
“ในเมื่อเขาไปแล้ว แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“เพราะชาญคือเพื่อนของฉัน ดังนั้นเธอก็คือน้องสาวของฉันด้วยเหมือนกัน ต่อไปนี้ฉันดูแลเธอเอง”
ขณะที่โทมัสปลอบใจธิชา เป็นเวลาที่ณัฐชากำลังเดินทางกลับคอนโดฯ หลังเลิกงาน แล้วเจออัศวินโดยบังเอิญ ตอนแรกเธอจำเขาไม่ได้ กระทั่งเขาแนะนำตัวว่าเป็นหัวหน้า รปภ.ของบลูฟินิกซ์ ถึงรู้สึกคุ้นหน้าขึ้นมาบ้าง
อัศวินอ่อนน้อมถ่อมตนจนณัฐชาไว้ใจ เมื่อรู้ว่าเขาอยู่คอนโดฯ เดียวกันก็ยิ่งให้ความสนิทสนม แต่พออัศวินบอกว่าถ้าโทมัสรู้ว่าตนอยู่ที่นี่เหมือนกันคงแปลกใจแน่ๆ ณัฐชาก็รีบกำชับว่าห้ามเล่าให้เขาฟังอย่างเด็ดขาด
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“ฉันจะได้ฝากคุณสอดส่องพฤติกรรมเขาไง”
“คุณโทมัสดูไม่ใช่คนเจ้าชู้นะครับ จะมีก็แค่คุณธิชาที่ดูเขาจะเป็นห่วงมาก”
“เขาแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ครับ กำชับให้พวกผมดูแลเป็นพิเศษ”
“แล้วธิชาเป็นไง มีอะไรแปลกๆบ้างมั้ย”
“แปลกยังไงครับ”
ณัฐชาลังเลเล็กน้อยก่อนตัดบทว่าไม่มีอะไร จากนั้นเธอแยกตัวเข้าห้องพัก โดยไม่รู้ว่าอัศวินย้อนกลับออกไปอีกพร้อมก๋วยเตี๋ยวหลายถุง...
ที่บริษัทบลูฟินิกซ์ โทมัสครึ่งหลับครึ่งเหมือนฝันร้าย ว่ามีใครคนหนึ่งเข้ามาจ้วงแทงด้วยมีด แต่พอเขาลุกพรวด ไปคว้าปืนร่างนั้นก็หายไปพร้อมกับถ้อยคำที่ว่า “ไม่มีใคร อยู่ค้ำฟ้าหรอกนักสู้มหากาฬ วันตายของแกมาถึงแล้ว”
โทมัสงุนงงและคิดว่าเป็นความฝัน พลันเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พอกดรับก็ตกใจไม่น้อยกับถ้อยคำของชายปริศนา
“ฉันคือคนที่จับตาดูแกอยู่ ฉันคือยมทูตของแก”
“พรายพิฆาตอีกสิท่า”
“ส่งน้ำตามัจจุราชที่แกซ่อนไว้มาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นแกจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
โทมัสขบกรามด้วยความตึงเครียด แล้วเรียกลิซ่ามาปรึกษาหลังจากชายปริศนาวางสายไปแล้ว
“คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าน้ำตามัจจุราชถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัย พวกคนร้ายไม่มีทางเจอมันแน่”
“เพราะแบบนี้ผมถึงกลัวว่ามันจะใช้วิธีสกปรก”
“เพื่อบีบคุณให้ส่งน้ำตามัจจุราชงั้นเหรอ ถ้ามันรู้จักคุณมันคงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก พรายพิฆาตเคยต่อรองกับคุณด้วยชีวิตของคนที่คุณรักมากที่สุด นั่นก็คือผู้กองณัฐชาแต่ถึงขนาดนั้นก็ยังเปลี่ยนใจคุณไม่ได้ เรื่องนี้สมุนของมันก็น่าจะรู้”
“ผมกลัวว่ามันจะมีแผนอื่น”
“วางใจเถอะคุณโทมัส ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องปลอดภัย ฉันรับรอง”
ขณะที่ลิซ่ากับโทมัสคุยกันอยู่ในห้องสมุด อัศวินกำลังทักทายลูกน้องอยู่ชั้นล่าง เขาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝากยามทุกคนที่เข้าเวรกันมากหน้าหลายตา
“คืนนี้อยู่เต็มอัตราศึกเลยหรือไง”
“ครับ คุณลิซ่าหวั่นว่าจะเกิดเหตุร้าย ก็เลยจัดเต็มแบบนี้มาหลายคืนแล้วครับ”
“ถ้าพรายพิฆาตบุกเข้ามาจริงๆ พวกมันต้องเสร็จเราแน่” อัศวินพูดพร้อมกับสอดส่ายสายตาไปแทบทุกมุมอย่างใช้ความคิด
ooooooo
วันถัดมา จ่าสมพรผู้ช่วยคนใหม่ของผู้กองณัฐชาได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีพรายพิฆาต ที่บุกเข้ามาขโมยน้ำตามัจจุราชเมื่อหลายวันก่อนในบริษัทบลูฟินิกซ์แต่ไม่สำเร็จ ซึ่งจ่าสมพรตามสืบอย่างกระชั้นชิดคนร้ายที่หนีไปได้คนหนึ่งถึงโกดังร้างและพบว่ามีผู้หญิงอยู่ที่นั่นด้วย
ปรากฏว่ารูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นคล้ายธิชามาก ณัฐชาเห็นหลักฐานจากจ่าสมพรแล้วอดคิดไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกัน จึงให้จ่าสืบต่อเพื่อความชัดเจน ส่วนตัวเองรีบโทร.ไหว้วานลิซ่าช่วยเตือนโทมัสให้ระวังตัวไว้บ้าง
“แล้วทำไมคุณไม่เตือนเขาเองล่ะ”
“ขืนฉันพูดเขาก็หาว่าฉันขี้ระแวงอยู่ดี คุณช่วยบอกแทนฉันด้วยละกัน”
“ถ้างั้นก็คงต้องรอเย็นนี้”
“เย็นนี้? โทมัสไม่อยู่เหรอ”
“เขาออกไปข้างนอกกับธิชา”
ณัฐชาฟังแล้วอึ้ง ทั้งห่วงทั้งหึงระคนกัน...โทมัสพาธิชาไปซื้อเสื้อผ้าแล้วแวะกินไอศกรีมกันประสาพี่น้อง เขาให้ความสนิทสนมเป็นกันเองจนธิชาดูผ่อนคลายไว้วางใจ
ขณะเดียวกันที่บริษัท ลิซ่าให้อัศวินเอากล้องสอดแนมขนาดจิ๋วเข้าไปซ่อนไว้ในห้องของธิชาตามที่ณัฐชาแนะนำ พอเสร็จปุ๊บโทมัสก็พาธิชากลับมาพอดี แต่ณัฐชามาถึงก่อนหน้านี้แล้ว เธอเห็นธิชาควงแขนโทมัสก็อดขุ่นมัวไม่ได้ พูดจาจับผิดธิชาเสียจนโทมัสไม่สบอารมณ์นัก ชวนแฟนสาวขึ้นไปคุยกันข้างบน
“นี่คุณต้องการอะไรกันแน่ณัฐชา คุณจะคอยจับผิดธิชาไปถึงไหน”
“แค่ไม่ไว้ใจเธอ คุณน่าจะส่งเธอไปอยู่ที่อื่น จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าคุณปลอดภัย”
“ทำไมผมต้องระแวงเธอด้วย เพราะคุณสั่งให้ผมระแวงงั้นเหรอ”
“ฉันเป็นห่วงคุณนะโทมัส”
“ผมตัดสินใจเองได้ ผมไม่ว่าหรอกนะที่คุณจะไม่ชอบธิชา แต่อย่างน้อยก็ควรจะมีหลักฐานหรือเหตุผล ที่มากกว่านี้ ที่คุณมีตอนนี้มันก็แค่อารมณ์เท่านั้นเอง”
“ก็จริงของคุณ ถ้างั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน” ณัฐชากลับออกมาด้วยความน้อยใจ เจอลิซ่าดักรออยู่หน้าห้อง ท่าทางเธอเหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เขาก็เหมือนกัน”
“ฉันจะรีบหาหลักฐานมายืนยันสิ่งที่ฉันพูดให้เร็วที่สุด ฝากทางนี้ด้วยนะ”
ลิซ่ารับปากและมองตามณัฐชาไปอย่างเข้าใจ ฝ่ายโทมัสขึ้นไปสงบสติอารมณ์บนดาดฟ้า ก่อนที่อัศวินจะตามมาพูดคุยให้เขาผ่อนคลาย แต่มันทำให้โทมัสอดคิดถึงชาญไม่ได้ ยามที่มีเรื่องไม่สบายใจ ชาญมักมีคำแนะนำดีๆให้เขาเสมอ
“แต่ก่อนฉันเคยมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาคอยปกป้องฉันเสมอ แล้วก็ให้คำปรึกษาเวลาที่ฉันจนตรอก”
“คุณคงหมายถึงชาญ...เสียดายที่ผมประสบการณ์ยังไม่ถึงขนาดนั้น ก็เลยช่วยอะไรคุณไม่ได้”
“ไม่ใช่ความผิดของนายซะหน่อย นี่เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน”
“แต่คุณก็ระบายให้ผมฟังได้นะครับ อย่างน้อยคุณ ก็ควรบอกว่าคุณกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร”
“ฉันรู้สึกว่าเวลาของฉัน...หมายถึงนาฬิกาชีวิตของฉันมันเดินช้าเหลือเกิน แล้วมันทำท่าจะหยุดเดินด้วยซ้ำ มันทำให้ฉันไม่กล้าวางแผนอะไรสำหรับอนาคต ไม่กล้าที่จะเริ่มต้นอะไรนอกซะจากดูแลแค่สิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุด”
“ผมเคยเห็นข่าวผู้ชายคนหนึ่ง เขาแต่งงานตอนอายุเจ็ดสิบ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าเขาเห็นแก่ตัวมาก แต่พอมานึกๆดูแล้ว...ผมคิดว่าเวลาที่เหลืออยู่ของทุกคนมีไว้เพื่อทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เพื่อรอวันตาย”
“นายแน่ใจเหรอ”
“ลูกผู้ชายทุกคนคือฮีโร่ และฮีโร่ควรอยู่อย่างมีความหวังครับเจ้านาย ไม่ว่าแพ้หรือชนะ เราต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมีหัวใจของนักสู้”
ฟังแล้วโทมัสนิ่งไปอย่างครุ่นคิด...วิญญาณของนักสู้เหมือนถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง
ooooooo
ลิซ่ารับทราบข้อมูลจากภาพจำลองเสมือนจริงของมาดามหลิวว่าผลวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของธิชาบ่งบอกว่าปกติดี สภาพร่างกายของเธอยังไม่มีการกลาย พันธุ์ แต่พบสารเสพติดประเภทยากล่อมประสาทในเลือดของเธอ
“ยากล่อมประสาทเหรอคะ ฉันนึกว่าเธอจะใช้น้ำตาสวรรค์ซะอีก”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”
“โทมัสบอกว่าที่บ้านหลังนั้นมีน้ำตาสวรรค์อยู่เต็มไปหมด”
“ลิซ่า...ฉันมีข้อสังเกตเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่ธิชามาที่นี่เคยแสดงอาการอยากยาให้เธอเห็นรึเปล่า”
“ไม่ค่ะมาดาม แต่ว่าตอนที่ฉันสอบถามเธอเรื่องที่เกิดขึ้น เธอมีอาการเบลอและจำเรื่องบางอย่างไม่ได้”
“แล้วเธอคิดว่าธิชาเสพยาจนเบลอ ตอบคำถามไม่ได้ หรือเสพยาเพื่อจะได้ไม่ต้องตอบคำถามบางอย่างกันแน่”
ลิซ่าคิดตามแล้วเอะใจ เธอรีบนัดพบณัฐชาบอกให้รู้ว่าจริงอย่างที่สงสัย ธิชาปกปิดอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ แต่เธอจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร
“มีเหตุผลเดียว...พรายพิฆาต”
“ผู้กองมีหลักฐาน?”
“ถ้า DNA ของธิชาตรงกับเส้นผมของผู้หญิงปริศนาในโกดัง เธอต้องเกี่ยวข้องกับพวกมันแน่ ถึงเวลากระชากหน้ากากของเธอแล้ว”
แล้วในคืนนั้นเอง ธิชาก็ทำให้ลิซ่าจับพิรุธได้อีก เธอแอบเข้ามาในห้องแล็บเพื่อค้นหาน้ำตามัจจุราชโดยไม่รู้ว่าในห้องมีสัญญาณเตือนภัยอยู่ เสียงสัญญาณทำให้ลิซ่า อัศวิน และโทมัสกรูกันเข้ามา ลิซ่าคาดคั้นความจริงแต่ธิชาปฏิเสธ อ้างว่าหิวก็เลยจะมาหาอะไรกินในครัวแต่สงสัยจะหลงทาง
“ฉันไม่เชื่อ เธอต้องถูกควบคุมตัว”
“เดี๋ยวก่อนลิซ่า แล้วธิชาเปิดประตูเข้ามาได้ยังไง คนนอกไม่มีใครรู้รหัส”
“ฉันเปิดเอาไว้เอง เพราะฉันรู้ว่าธิชาต้องเข้ามาแน่”
“ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆนะคะ พี่เชื่อฉันนะ” ธิชาส่งสายตาอ้อนวอนโทมัส
“ธิชาเพิ่งมาอยู่ที่นี่คงยังไม่คุ้นเคย ดีที่คนที่เข้ามาเป็นธิชา แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะลิซ่า ความระแวงบางทีมันก็เป็นผลร้ายนะ”
ลิซ่าอึ้งไป ขณะที่ธิชาเอาแต่ร้องไห้ รำพึงรำพันว่าตนไม่ได้โกหก
“พี่เชื่อเธอ ไม่มีอะไรแล้วทุกคน กลับไปพักผ่อนเถอะ ผมจะดูธิชาเอง”
ลิซ่ายังไม่วางใจแต่โทมัสสบตาให้เชื่อ ก่อนจะประคองธิชาไปส่งห้องนอน แต่ธิชายังไม่วายสะอึกสะอื้นบ่นว่าที่นี่ไม่มีใครชอบตน ทุกคนคิดว่าตนเป็นคนร้าย
“เราจะไปสนใจทำไมกับความคิดคนอื่น เรารู้ว่าเราเป็นอะไรก็พอ”
“แต่ฉันทำให้พี่ไม่สบายใจ”
“ถ้าอยากให้พี่สบายใจก็ต้องหยุดร้องไห้ แล้วก็นอนซะ”
ธิชาล้มตัวลงนอนแล้วแกล้งละเมอเรียกหาชาญ ทำให้โทมัสยิ่งสงสาร ลูบผมเธอเบาๆ พร้อมกับรำพึงว่าพี่จะไม่ทิ้งเธอ...
ooooooo
ในที่สุดณัฐชาก็ตรวจสอบได้ว่าธิชาเป็นพวกเดียวกับพรายพิฆาต โดยได้ข้อมูลจากจ่าสมพรที่เอาเส้นผมของธิชาไปตรวจดีเอ็นเอซึ่งตรงกับผู้หญิงที่พบในโกดังร้าง แต่เมื่อพวกเธอบุกมาจับธิชากลับถูกโทมัสขัดขวางเพราะคิดว่าทุกคนกำลังเข้าใจผิด
ธิชาปฏิเสธทั้งน้ำตาว่าตนไม่รู้เรื่อง ที่ตนถูกจับไปขังแล้วส่งตัวไปอยู่กับฤดีเป็นความจริงแต่ตนไม่รู้เหตุผลของคนร้าย และเรื่องที่ลิซ่าบอกว่าตนเป็นหนอนบ่อนไส้เพื่อหาทางขโมยน้ำตามัจจุราชก็ไม่เป็นความจริง
“จริงหรือไม่จริงเดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
“ณัฐชา...คุณจะทำอะไร”
“ธิชาจะต้องเข้าเครื่องจับเท็จ จ่า...เอาตัวไปกองปราบ”
จ่าสมพรปฏิเสธตามคำสั่งผู้กองทันที เขาควบคุมตัวธิชาออกไป สวนกับอัศวินที่เข้ามาพอดี โทมัสทำท่าจะเดินตามแต่ณัฐชารีบขวางไว้ บอกเขาว่าจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าธิชาบริสุทธิ์ ตนต้องปล่อยตัวกลับมาแน่
“คุณมีอคติกับธิชา...ทำไม!”
“แล้วแต่คุณจะคิด แต่ที่ฉันทำทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง”
ณัฐชาออกไปด้วยความน้อยใจ อัศวินรับรู้ถึงรอยร้าวของคนทั้งคู่แล้วหันมาถามลิซ่าเมื่อเห็นโทมัสขึ้นรถขับตามพวกณัฐชาไปแล้ว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ ตำรวจจับตัวคุณธิชาไปทำไม”
“ตำรวจมีหลักฐานว่าธิชาเป็นพวกพรายพิฆาต”
“ไม่น่าเป็นไปได้ เด็กผู้หญิงท่าทางไร้พิษภัยอย่างนั้น”
“ยาพิษที่อันตรายที่สุดย่อมไม่มีกลิ่น...จำไว้”
ลิซ่าทิ้งท้ายอย่างหนักใจ...
ภายในห้องสอบสวนกองปราบ ธิชานั่งเผชิญหน้ากับณัฐชา แม้จะมีเครื่องจับเท็จแต่ธิชาก็ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงหวาดกลัวเลยสักนิด และไม่ว่าจะถูกคาดคั้นอย่างไรเธอก็ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นพวกพรายพิฆาตและไม่ได้ประสงค์ร้ายกับโทมัส
“คุณคงรักพี่โทมัสมาก แต่คุณกำลังเข้าใจผิด หรือไม่คุณก็จงใจเข้าใจผิดเพราะแรงหึง”
“นี่เธอ!” ณัฐชาตบโต๊ะดังปังอย่างหมดความอดทน ธิชาแกล้งกรีดร้องแล้วล้มฟุบลงกับพื้น เป็นจังหวะที่โทมัสฝ่าด่านตำรวจเข้ามาเห็นพอดี เขาประคองธิชาพร้อมกับต่อว่าณัฐชาอย่างไม่พอใจ
“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะเอาอารมณ์มาปนกับหน้าที่”
“ใครกันแน่ที่เอาอารมณ์ตัดสินทุกอย่าง คุณต่างหากที่หน้ามืดตามัว”
“ผมจะพาธิชากลับ ถ้าอยากจะคุยอะไรอีก ผมจะส่งทนายมา”
โทมัสอุ้มธิชาออกไป ทิ้งให้ณัฐชาน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ ธิชารับรู้เรื่องราวตลอดแต่แกล้งหมดสติ พอกลับถึงที่พักก็ร้องห่มร้องไห้โทษตัวเองทำให้โทมัสเดือดร้อน แต่ขอยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรายพิฆาตจริงๆ และเพื่อความสบายใจของทุกคน ตนควรไปจากที่นี่
“พี่ไม่ยอม เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ที่นี่คือบ้าน คือครอบครัวใหม่ของเธอนะธิชา”
“แต่ผู้กองณัฐชาคงไม่เลิกราแน่ เขาคงรังเกียจฉันมาก”
“ณัฐชาทำไปเพราะเป็นห่วงพี่ พี่จะอธิบายให้เขาเข้าใจเอง”
“ห่วงหรือหวงคะ พี่ดูไม่ออกจริงๆเหรอ ลองผู้หญิงได้หึงแล้วอะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอกค่ะ”
โทมัสคิดตามอย่างหนักใจ...แล้วค่ำนั้นเองเขาซื้ออาหารเพื่อไปง้อแฟนสาวแต่กลับพบว่าเธออยู่กับอัศวินในลักษณะใกล้ชิดสนิทสนมกันจนทำให้เขาโมโหหึงถึงกับชกหน้าฝ่ายชายเต็มแรงพร้อมกับตำหนิณัฐชาทำแบบนี้เพื่อประชดตนที่ไม่เชื่อเรื่องธิชา
“คุณโทมัสครับ อย่าเข้าใจผิด คือผมพักอยู่ห้องตรงข้ามก็เลยซื้อของมาฝากผู้กอง แล้วทีนี้ก๊อกน้ำมันแตก เราสองคนก็เลยอยู่ในสภาพ...”
“พอ! คุณวิน คุณไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด หรือถึงจะทำ คนอื่นก็ไม่เกี่ยว”
“คนอื่นงั้นเหรอ” โทมัสน้อยใจผลุนผลันออกไปทันที
อัศวินรีบตามมาอธิบายเรื่องราวเพราะไม่อยากให้เขากลับไปทั้งๆที่มีเรื่องคาใจ หนำซ้ำยังทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นได้ด้วยการชวนแข่งบาสเกตบอลกันจนได้เหงื่อ
“ถึงฉันจะอารมณ์ดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันอนุญาตให้นายเข้าไปอยู่กับแฟนฉันสองต่อสองได้นะ”
“เจ้านายไม่มั่นใจในตัวผู้กองเหรอครับ”
“ฉันไม่มั่นใจในตัวเองต่างหาก ฉันกลัวว่าฉันจะพูดหรือทำอะไรที่ทำให้ณัฐชาเสียใจอีก”
“ง่ายนิดเดียว ถ้ารู้ว่าผิดก็ขอโทษสิครับ”
“เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
โทมัสตั้งใจอย่างนั้น แต่แล้วในเช้าวันใหม่ก็มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีก...ลิซ่าหน้าตาตื่นมาบอกเขาว่า
ธิชาหายไป โทมัสตกใจมากรีบเข้ามาตรวจสอบในห้องนอนก่อนจะพบจดหมายบอกลาบนเตียงและกล้องสอดแนมขนาดจิ๋วใต้หมอน
“ฉันเป็นคนซ่อนกล้องไว้ในห้องนี้เพื่อดูพฤติกรรมของธิชา แต่ถ้าเธอบริสุทธิ์ เธอก็ไม่เห็นต้องกลัว”
“แต่มันแสดงว่าเราไม่ไว้ใจเธอ เธอไม่มีใครอีกแล้วนะลิซ่า”
ณัฐชาทราบข่าวจากอัศวินจึงเร่งรีบเข้ามา แต่กลายเป็นว่าโทมัสไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินณัฐชาถามว่าตรวจดูหรือยังว่ามีอะไรหายบ้าง ธิชาหายไปแบบนี้ แสดงว่าต้องขโมยของสำคัญไปแน่
“อัศวิน...ตกลงนายเป็น รปภ.ของฉันหรือเป็นสายให้ตำรวจ พรุ่งนี้นายไม่ต้องมาทำงานแล้ว”
“โทมัส คุณไร้เหตุผลเกินไปแล้วนะ”
“ผมพยายามใช้เหตุผลกับคุณมาตลอด คุณต่างหากที่ทำให้ผมต้องใช้อารมณ์” ว่าแล้วเขาผละออกไปด้านนอก ตามหาธิชาในละแวกบริษัทจนกระทั่งเห็นเธอยืนอยู่อีกฝั่งถนนและโดนสมุนพรายพิฆาตจับตัวขึ้นรถตู้ไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาช่วยเหลือไม่ทัน แถมยังโดนมันยิงถากแขนจนได้เลือด
โทมัสกลับเข้ามาพร้อมบาดแผลแต่ไม่สนใจจะทำแผลเสียก่อนตามคำแนะนำของณัฐชา เขาโมโหฉุนเฉียวไล่เธอกลับและเน้นย้ำด้วยว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับธิชา เขาจะไม่ยกโทษให้เธออย่างเด็ดขาด ณัฐชาหน้าเสียแต่ไม่ดึงดันอีก ได้แต่เดินกลับออกมาพร้อมจ่าสมพร
“เรื่องนี้เราอยู่เฉยไม่ได้นะครับผู้กอง มันเป็นหน้าที่ของพวกเรา”
“แต่ถ้าเราเข้าไปวุ่นวายตอนนี้ โทมัสต้องไม่ยอมแน่”
“เราคอยจับตาห่างๆก็ได้นี่ครับ ไว้คนร้ายโผล่ออกมาเมื่อไหร่ค่อยลงมือ”
ณัฐชาครุ่นคิดตามก่อนจะพยักหน้าให้จ่าอย่างเห็นด้วย...ส่วนในบริษัท ลิซ่าทำแผลที่แขนให้โทมัสพลางพูดคุยอย่างเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงธิชา แต่เขาก็ไม่ควรต่อว่าผู้กองแบบนั้น
“พวกคุณทำไมไม่ปรึกษาผม ก่อนจะตั้งศาลเตี้ยธิชา”
“เรามีเหตุผลให้เชื่อว่าเธอเกี่ยวข้องกับพรายพิฆาต”
“แต่เรื่องที่เธอเล่ามาอาจเป็นความจริงก็ได้”
“หรืออาจโกหก”
“ถึงยังไงก็พิสูจน์ไม่ได้อยู่ดี”
“โทมัส...ฉันรู้นะว่าคุณเอ็นดูธิชาเหมือนน้องสาว แต่ว่า...” ลิซ่าชะงักเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือโทมัส
ดังขึ้น เบอร์ที่โทร.เข้ามาไม่คุ้นแต่โทมัสก็กดรับ ปรากฏว่า เป็นสมุนพรายพิฆาต
“ฤทธิ์ ราวี...ถ้าแกอยากให้ธิชาปลอดภัย คืนนี้ให้เตรียมน้ำตามัจจุราชไว้ให้พร้อม แล้วเราจะแลกเปลี่ยนกัน”
ฤทธิ์หรือโทมัสตื่นตัวเป็นห่วงธิชามาก เขาตั้งใจทำตามสิ่งที่มันต่อรอง แต่ลิซ่ากับอัศวินไม่เห็นด้วย แนะนำว่าเราควรแจ้งตำรวจ
“ไม่!! อย่าให้ณัฐชารู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
“นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้วนะคุณโทมัส ฉันจะปล่อยให้ทุกอย่างมาพังเพราะธิชาคนเดียวไม่ได้”
“ถ้างั้นก็ขวางผมสิ เพราะผมจะเอาน้ำตามัจจุราชไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้”
โทมัสเดินหนีไปแล้ว ลิซ่าทำท่าจะตามแต่อัศวินบอกว่าตนจะพูดให้เอง โทมัสเข้าไปในห้องสมุดหยิบภาชนะบรรจุน้ำตามัจจุราชออกจากที่ซ่อน อัศวินตามมายืนมองครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า
“เมื่อไหร่คุณจะบอกผมซะทีว่าคุณคือนักสู้มหากาฬ คุณต่อสู้กับพวกพรายพิฆาต คนธรรมดาไม่มีทางทำได้ขนาดนั้น”
“เรื่องของคนใกล้ตายอย่างฉัน นายจะรู้ไปเพื่ออะไร”
“เพราะคุณต้องมีเพื่อน สภาพตอนนี้ คุณสู้คนเดียวไม่ไหวหรอก”
“ไม่...นายต้องอยู่ทางนี้ และคุ้มกันที่นี่เอาไว้”
“ที่นี่มีคนมากพอแล้ว แต่คุณต่างหากที่ต้องการกำลังเสริม ผมจะไปกับคุณ”
แม้โทมัสกำชับไม่ให้บอกณัฐชาแต่ลิซ่าก็อดไม่ได้อยู่ดี ณัฐชารับทราบและเตรียมวางแผนกับทีมงานของตนอย่างรัดกุม เพื่อติดตามโทมัสไปพบคนร้ายในวันรุ่งขึ้น
คืนนั้นเอง บารอน...หนึ่งในหัวหน้าสาขาของพราย-พิฆาตปรากฏตัวต่อหน้าธิชาในที่คุมขังแต่ไม่ยอมเผยโฉมหน้าที่แท้จริง
“ตามแผนที่เราตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้” ธิชาโวยวาย
“แผนเดิมล้มเหลว เพราะณัฐชากับลิซ่าต่างก็สงสัยในตัวเธอ ดังนั้นฉันจึงต้องใช้แผนใหม่”
“คิดหรอว่าหมอนั่นจะเอาน้ำตามัจจุราชมาแลกตัวฉันจริงๆ เขาไม่ได้แคร์ฉันหรอก เขาก็แค่สร้างภาพว่ารักฉันเหมือนน้องสาว แต่เขาไม่ไยดีฉันด้วยซ้ำ”
“เดี๋ยวก็รู้ธิชา...เดี๋ยวก็รู้” บารอนแสยะยิ้มอย่างย่ามใจ
ก่อนออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น โทมัสได้รับการติดต่อจากสมุนพรายพิฆาตอีกครั้งเพื่อบอกเส้นทาง ลิซ่าเป็นห่วงโทมัสแต่ไม่สามารถขัดขวางเขาได้ นอกจากแจ้งข่าวไปทางณัฐชาที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วกับจ่าสมพร เมื่อเห็นรถของโทมัสเคลื่อนออกจากบริษัท ณัฐชาจึงให้จ่าสมพรขับตามไปห่างๆ
อัศวินนั่งมาในรถกับโทมัส สักครู่เขาคะยั้นคะยอให้เจ้านายฉีดยาต้านไวรัส ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดเวลาที่ลิซ่าเคยบอกว่าต้องฉีดทุกสิบสองชั่วโมง
“ยังเหลือเวลาไม่ต้องรีบร้อนก็ได้”
“สถานการณ์แบบนี้ผมว่าเราอย่าเสี่ยงดีกว่าครับ กันเหนียวไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องพะวงทีหลัง”
โทมัสพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะรับยาต้านไวรัสมาจัดการกับตัวเอง...ผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ สมุนพราย-พิฆาตก็ติดต่อกลับมาที่โทมัสอีก มันถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม
“หัวหน้าแกอยู่ที่ไหน ทำไมเขาไม่มาพูดเอง”
“ไม่ต้องถาม แกคอยทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน อีกหนึ่งกิโลเมตรข้างหน้าจะมีอาคารใหญ่หลังหนึ่ง ให้แกเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ชั้นใต้ดิน”
“แล้วธิชาอยู่ที่ไหน”
“เดี๋ยวก็รู้” พูดจบมันตัดสายทันที...
หลังจากนั้นไม่นาน โทมัสกับอัศวินก็ถึงจุดนัดหมายและเผชิญหน้ากับสมุนพรายพิฆาตที่ต้องการน้ำตามัจจุราชแต่ยังไม่ยอมให้เห็นธิชา แน่นอนว่าโทมัสไม่หลงกล
“ในกระเป๋าใบนี้มีระเบิด ถ้าพวกแกเล่นตุกติกละก็ ทุกอย่างที่นี่จะต้องแหลกเป็นจุณ ฉันจะไม่ส่งของเด็ดขาดจนกว่าจะเห็นธิชา”
ทันใดนั้น ธิชาถูกควบคุมตัวลงจากรถแต่สมุนพรายพิฆาตยังไม่ปล่อยเธอมา โทมัสจึงขู่จะกดระเบิดในกระเป๋าที่ใส่น้ำตามัจจุราช เท่านั้นเองหัวหน้าพรายพิฆาตก็เผยตัวตน!
เขาคืออัศวินนั่นเอง โทมัสตะลึงอย่างคาดไม่ถึง และไม่ทันตั้งหลักเมื่ออัศวินยิงใส่สามนัดซ้อนทำให้กระเป๋ากระเด็นหลุดมือ ณัฐชากับจ่าสมพรจอดรถซุ่มอยู่ด้านนอก ได้ยินเสียงปืนก็ตั้งท่าจะวิ่งเข้ามาแต่โดนแก๊สน้ำตาจนสำลักและหมดสติไปด้วยกัน
บารอนหรืออัศวินหัวเราะเยาะหยันนักสู้มหากาฬที่ช่างโง่เขลา แถมตอนนี้ยังไม่มีแรงอีกด้วย เพราะยาต้านไวรัสที่ให้ฉีดนั้นก็แค่น้ำเกลือ แล้วอัศวินก็ซ้อมโทมัสจนธิชาทนดูไม่ได้รีบเข้ามาขวาง
“อย่านะ คุณบอกว่าจะไม่ฆ่าเขา ที่เราตกลงกันมันไม่ใช่แบบนี้”
“งานของเธอจบแล้วน้องสาว” พูดขาดคำ อัศวินยิงธิชาตายอย่างเลือดเย็น โทมัสแค้นแทบคลั่งจะเล่นงานอัศวินแต่โดนสมุนของมันรุมจนหมดสติไปเสียก่อน พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกจับมัดและถูกอัศวินบังคับให้บอกรหัสปลดชนวนระเบิดที่อยู่ในกระเป๋าใส่น้ำตามัจจุราช ครั้นเขาไม่บอกก็โดนมันซ้อมอีกหลายหมัด
“แกรู้มั้ย น้ำตามัจจุราชถูกกวาดล้างไปจนหมดที่เหลืออยู่ในท้องตลาดตอนนี้มีแต่พวกที่ผสมสารเสพติดทั้งนั้น และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เราต้องการกองทัพใหม่ต้อง การอำนาจ และใช้มันรักษาอาการป่วยจากไวรัสอาวุธชีวภาพ”
“เลิกโง่ซะทีเถอะอัศวิน ถ้าน้ำตามัจจุราชมันวิเศษขนาดนั้น ฉันก็คงไม่ป่วยแบบนี้หรอก”
“อย่าโกหกฉัน แกเคยใช้น้ำตามัจจุราชรักษาอาการป่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง หรือว่าไม่จริง”
โทมัสหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพวกไอ้แหลมไล่ล่าที่ริมบึง ซึ่งตอนนั้นการกลายพันธุ์รอบสองของเขาไม่สมบูรณ์ จึงยืนยันกับอัศวินว่าพรายพิฆาตต่างหากที่ช่วยตนไว้ ไม่ใช่น้ำตามัจจุราชอย่างที่มันคิด
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเราจะใช้ห้องแล็บของแกพัฒนาน้ำตามัจจุราชให้เวิร์กจนถึงขีดสุด”
“ถ้าไม่มีคำสั่งของฉัน ใครก็ใช้ห้องแล็บไม่ได้ทั้งนั้น”
“คำสั่งของใครนะ ของนายโทมัสน่ะเหรอ” พูดจบอัศวินก็กลายร่างเป็นโทมัสแล้วยื่นหน้าเข้ามาเยาะหยัน “เรื่องต่อสู้ฉันเทียบบอสไม่ได้ แต่เรื่องนี้ฉันเจ๋งกว่ามันซะอีก”
โทมัสตะลึงงัน ไม่คิดว่าอัศวินจะใช้ไม้นี้ แล้วหลังจากนั้นอัศวินในคราบโทมัสก็พาณัฐชากับจ่าสมพรไปส่งยังที่พักและบอกทุกคนว่าอัศวินตายแล้ว...อัศวินพยายามเลียนแบบท่าทีของโทมัสทุกอย่างเพื่อไม่ให้ลิซ่าสงสัย เขากลับมาพร้อมกระเป๋าใส่น้ำตามัจจุราชและระเบิด
“ช่วยจัดการทีนะลิซ่า น้ำตามัจจุราชอยู่ข้างใน แต่ฉันดันลืมรหัสปลดชนวนระเบิด”
“ค่ะคุณโทมัส แล้วฉันจะจัดการให้” ลิซ่ารับปากทั้งที่เริ่มรู้สึกผิดสังเกต
ด้านณัฐชาก็รู้สึกได้ถึงความแปลกไปของโทมัสเลยอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่อาคารแห่งนั้นจึงส่งจ่าสมพรไปหาหลักฐาน แต่ต้องผิดหวังเพราะจ่ารายงานกลับมาว่ากล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุทุกจุดใช้การไม่ได้
ooooooo










