ตอนที่ 17
หนึ่งเดือนผ่านไป ผู้คนยังคงพูดถึงพรายพิฆาตและนักสู้มหากาฬอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพวกเขาจะเงียบหายไปแล้วก็ตาม...
บางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่าจุดประสงค์ของพรายพิฆาตคือการสร้างโลกใหม่ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการสูญเสียแต่มันไม่ใช่การกระทำที่ชั่วร้าย สังคมไทยยังมีความหวัง ยังมีคนดีๆอีกมากที่พร้อมจะดูแลโลกนี้ให้ดีขึ้น เพียงแต่ว่าเรายังขาดฮีโร่ที่จะเป็นศูนย์รวมจิตใจ แต่ไม่ใช่นักสู้มหากาฬที่ฆ่าคนตายเป็นเบือ เพราะมันผิดกฎหมาย
สารวัตรสิงหาเห็นด้วยว่านักสู้มหากาฬไม่ใช่ฮีโร่และจ้องจะจับเขาดำเนินคดีหากรวบรวมพยานหลักฐานได้ ณัฐชาฟังแล้วไม่พอใจแต่ไม่แสดงอาการ เธอตัดสินใจขอลาออกจากอาชีพตำรวจแต่ผู้กำกับเมธาไม่อนุมัติ ให้ได้แค่ลาพักผ่อน
วันเดียวกันที่บริษัทบลูฟินิกซ์ซึ่งเปิดดำเนินกิจการอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ฤทธิ์หรือโทมัสถูกนักข่าวรุมล้อมสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่ได้เป็นเจ้าของบริษัทนี้โดยสมบูรณ์
“ต้องขอบคุณมาดามหลิว คุณอาผู้ล่วงลับของผมครับที่ท่านวางใจให้ผมรับตำแหน่ง”
“แล้วที่บริษัทต้องปิดกิจการก่อนหน้านี้เพราะลือว่ามีปัญหากับพรายพิฆาต คุณโทมัสมีความเห็นยังไงครับ”
“บริษัทของเราขายเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์นะครับ เราไม่เคยอยากมีปัญหากับใคร”
“แล้วที่ลือกันว่าคุณคือนักสู้มหากาฬล่ะคะ เป็นความจริงรึเปล่า”
ฤทธิ์ชะงักนิดหนึ่งก่อนหันไปมองหน้านักข่าวสาวคนนั้นพร้อมกับส่งตาหวานให้เธอ “นักสู้มหากาฬผมไม่รู้จักครับคุณนักข่าว ชีวิตผมเป็นได้อย่างเดียวก็คือนักรักมหาเสน่ห์...แล้วเจอกันครับทุกคน ขอบคุณที่ให้ความสนใจ ผมขออย่างเดียวถ้ารูปถ่ายไม่หล่ออย่าเอาออกสื่อนะครับ”
ฤทธิ์ยิ้มให้นักข่าวอย่างเป็นกันเองก่อนจะปลีกตัวเข้าไปในอาคารเพื่อประเมินร่างกายของตัวเองด้วยคอมพิวเตอร์จำลองความทรงจำของมาดามหลิวโดยใช้เลเซอร์สแกนร่างกายและสรุปผลได้ว่าสมบูรณ์หกสิบสามเปอร์เซ็นต์ ไวรัสยังมีอยู่ในกระแสเลือดและกล้ามเนื้อบางส่วน นั่นแสดงว่าเวลาที่เหลืออยู่ของเขากำลังนับถอยหลัง
“คุณมีเวลาอีกแค่เดือนเดียว ฉันเสียใจด้วย”
“ไม่จำเป็น เพราะคุณไม่ใช่มาดามหลิว แต่เป็นแค่คอมพิวเตอร์ที่มีความทรงจำของเธอ”
“คุณพูดประชดฉัน ตอนอยู่ข้างนอกคุณเสแสร้งทำตัวมีความสุขแปลว่า...คุณกลัว”
“ผมเป็นทหาร ผมไม่กลัวตาย แต่ผมเป็นห่วงคนที่ผมรักว่าพวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง”
“ข้อมูลอย่างเดียวที่ฉันมีคือใช้เวลาที่เหลือให้เต็มที่ให้ความทรงจำดีๆได้คงอยู่ต่อไป”
ฤทธิ์คิดหนัก นึกถึงณัฐชาขึ้นมาจับจิต...ขณะนั้นณัฐชากำลังติดต่อประชาสัมพันธ์อยู่ชั้นล่างเพื่อขอพบโทมัส แต่แล้วหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าเหมือนโซเฟียราวกับคนเดียวกันก็ปรากฏตัวจนหมวดสาวตะลึง
“ดิฉันลิซ่าค่ะ เป็นทนายและตัวแทนของมาดามหลิว ยินดีที่ได้รู้จัก”
หลังจากทักทายกันแล้วถึงรู้ว่าลิซ่าเกิดจากการโคลนนิ่งรุ่นเดียวกับโซเฟียและปกติเธอดูงานให้มาดามหลิวที่ต่างประเทศจึงไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทย...แล้ว
ลิซ่าก็นำพาณัฐชาไปพบฤทธิ์ที่กำลังรอเธออยู่ ชายหนุ่มเตรียมสัมภาระเพื่อพาเธอไปต่างจังหวัดโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาถ้าจะออกเดินทางกันทันทีเลย เพราะถึงยังไงณัฐชาก็หยุดงานยาวอยู่แล้ว
ทั้งคู่ไปพักที่รีสอร์ตและเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทุกนาทีผ่านไปอย่างมีความสุข...สุขที่ได้อยู่เคียงข้างกันตลอดเวลาไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น แต่อยู่ๆฤทธิ์ก็ถามเธอขึ้นว่า
“ถ้าเลือกได้ คุณจะอยากเป็นอมตะรึเปล่า”
“เหมือนกรณ์กับพรายพิฆาตงั้นเหรอ”
“นั่นไม่ใช่ชีวิตคน ฉันพอใจจะเป็นแบบนี้มากกว่า”
“ถึงแม้ว่ามันจะต้องลงเอยด้วยการพลัดพราก?”
ณัฐชาใจหายวาบ สวมกอดเขาแน่น รำพึงว่ามันยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอ?
“ยัง...ยังไม่ใช่ตอนนี้” ฤทธิ์ตอบเสียงแผ่ว...พอเห็นเธอหันไปง่วนกับโทรศัพท์มือถือจึงปลีกตัวเข้ามาในห้องน้ำพร้อมเข็มฉีดยา เขาปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อดูร่องรอยของไวรัสที่กำลังแผ่ซ่านทั่วบริเวณแผงอกแล้วทิ่มเข็มฉีดยาระงับอาการปวดลงไป
ณัฐชาเช็กเว็บไซต์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือและเจอภาพข่าวของไอริณได้เล่นหนังที่เมืองนอก เธอดีใจมากร้องเรียกโทมัสให้มาดูด้วยกัน ฤทธิ์รับปากเดี๋ยวออกไป เนื่องจากเขาต้องรอให้ยาออกฤทธิ์เสียก่อนร่องรอยของไวรัสถึงจะค่อยๆจางหาย
คืนนั้น หลังจากณัฐชาหลับแล้ว ฤทธิ์สังเกตเห็นแสงสว่างบางอย่างภายนอก เขาลุกออกจากห้องเดินไปหน้ารีสอร์ตและพบกายทิพย์ของลูกสาวพ่อค้ายาเสพติด
“พรายพิฆาต...”
“ท่าทางคุณไม่ตื่นเต้นเลยนะ ที่ต้องตาย”
“ผมตายมาสองครั้งแล้ว มีครั้งที่สามก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน”
“ฉันรู้ว่าห้องแล็บของมาดามหลิวผลิตวัคซีนเพื่อช่วยชีวิตคุณ แต่เชื่อเถอะไม่มีอะไรหยุดไวรัสได้ นอกจากพลังของฉัน”
“ถ้าจะยื่นเงื่อนไขเดิมอีกล่ะก็ คุณก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว”
“ฉันรู้ แต่ฉันแค่ไม่อยากเชื่อว่าจะเอาชนะคุณไม่ได้”
“ถึงตายผมก็ไม่ยอมก้มหัวให้คุณ”
“คุณนี่แปลกจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือไง”
“เรื่องนั้นผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าโลกนี้ต้องมีใครสักคนที่ยืนหยัดต่อสู้กับคุณ”
“พูดดีไปเถอะ ฉันเห็นนิมิตภาพการตายของคุณกับคนที่คุณรัก ฉันจะคอยดูว่าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่คุณจะปากแข็งอีกรึเปล่า...สมุนที่เหลือของกรณ์กำลังจะมาที่นี่”
ฤทธิ์ใจหายวาบ วิ่งกลับห้องพักโดยไม่สนใจกายทิพย์ของพรายพิฆาตที่เลือนหายไป...เขาเข้ามาปลุก
ณัฐชาบอกว่าเราต้องไปจากที่นี่ แต่ไม่ทันเสียแล้ว สมุนของกรณ์สี่คนบุกเข้ามายิงฤทธิ์ล้มลง ณัฐชาตั้งหลักยิงตอบโต้ก่อนจะถลามาประคองฤทธิ์ที่เลือดเต็มตัวไปหมด
พรายพิฆาตอยู่ในเงามืดเฝ้ามองภาพนั้นอย่างขุ่นมัว “ฉันกำลังเฝ้าดูจุดจบของผู้ชายคนนั้น คนที่บอกว่าจะไม่ก้มหัวให้กับความชั่วช้าใดๆ ฉันไม่เคยเชื่อว่าโลกนี้จะมีวีรบุรุษ เพราะเมื่อถึงจุดนึงมนุษย์ทุกคนจะต้องเห็นแก่ตัว แม้แต่ฤทธิ์ ราวี หรือนักสู้มหากาฬก็จะต้องวิงวอนฉัน ขอให้ฉันช่วยคนที่ตัวเองรัก เขาต้องยอมสยบให้ฉัน”
แล้วกายทิพย์ของพรายพิฆาตก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฤทธิ์ที่เห็นเพียงคนเดียว ขณะที่สมุนของกรณ์เดินกุมแผลโซซัดโซเซมาเพื่อจ่อยิงฤทธิ์กับณัฐชา...ทั้งคู่กอดกันแน่นราวกับจะไม่พรากจากกันไม่ว่าจะเป็นหรือตาย พรายพิฆาตเห็นแล้วไม่สบอารมณ์ คำรามลั่นเมื่อเห็นทั้งคู่ถูกสมุนกรณ์ยิงต่อหน้าต่อตา
“ไอ้โง่...แกทำอะไรลงไป” ขาดคำก็ยกฝ่ามือปล่อยพลังระเบิดร่างสมุนของกรณ์จนแหลกกระจาย ก่อนหันมาดูฤทธิ์ที่กำลังจะขาดใจโดยมีณัฐชาในอ้อมแขน “ทำไมถึงไม่ยอมแพ้ ทำไมถึงไม่ยอมสยบให้พรายพิฆาต ทำไมไม่ยอมรับว่าโลกนี้หมดสิ้นความหวัง ทำไมไม่ยอมเชื่อฉันว่าโลกใบนี้สมควรถูกทำลาย...ทำไม!!!”
เสียงของพรายพิฆาตกึกก้องไปทั่วผืนป่า ก่อนจะแผ่วลงมาอย่างทำใจยอมรับ
“ฉันไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าโลกนี้จะมีวีรบุรุษที่แท้จริง จนกระทั่งวันหนึ่ง...วันที่ฉันเริ่มรู้สึกว่าบางทีโลกนี้อาจจะมีความหวังเหลืออยู่ หากแต่มันถูกซ่อนไว้ในหัวใจของใครบางคน”
เช้าวันใหม่ ฤทธิ์ลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ภายในห้องพักของรีสอร์ต โดยมีณัฐชานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง
“เรายังไม่ตาย...” ฤทธิ์พึมพำอย่างเหลือเชื่อ
“พรายพิฆาตช่วยเราเอาไว้...แต่เพื่ออะไร”
ฤทธิ์ส่ายหน้าไม่อยากคิดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้ เขาดึงณัฐชาเข้ามากอดทั้งน้ำตาซึมๆ ทำเอาณัฐชาตกใจถามเขาว่าร้องไห้เหรอ?
“ผมไม่เคยกลัวตายณัฐชา แต่สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดก็คือต้องไปจากคุณ”
ณัฐชาแค่นึกตามก็ร้องไห้ออกมา...หนุ่มสาวสวมกอดกันกลมด้วยความรัก ท่ามกลางเสียงพูดของพรายพิฆาตที่ทั้งคู่ไม่ได้ยิน
“เวลายังคงนับถอยหลังต่อไป โลกใบนี้จะไม่ถูกทำลาย ตราบเท่าที่มันยังมีความรักและความหวังเหลืออยู่ ตราบเท่าที่หัวใจของผู้คนยังเปี่ยมเมตตาและศรัทธาต่อสิ่งที่ดีงาม แล้วสักวัน...ฉันจะกลับมา!!”
ooooooo
หลังจากพรายพิฆาตหายสาบสูญไป เหล่าสาวกทั้งในและต่างประเทศก็ถูกกวาดล้างอย่างหนักจนต้องหนีไปหลบซ่อนในที่ต่างๆ
“น้ำตามัจจุราช” สารเคมีที่เป็นเสมือนขุมพลังขององค์กรได้ถูกทำลายจนหมดสิ้นเพื่อยุติการเพิ่มจำนวนของมนุษย์กลายพันธุ์ แต่ก็มีข่าวเล็ดลอดมาว่ายังมีน้ำตามัจจุราชยูนิตสุดท้ายถูกเก็บไว้ในบลูฟินิกซ์ฟาร์ม่า บริษัทของมิสเตอร์โทมัส หลิว ชายหนุ่มผู้ที่ใครๆร่ำลือว่าเป็นนักสู้มหากาฬ...
ฤทธิ์หรือโทมัสยังคงปกปิดความเป็นนักสูมหากาฬ จะมีก็แต่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ และในเวลานี้ร่างกายเขาก็ไม่เต็มร้อย ไม่รู้ว่าวันใดไวรัสจะกำเริบขึ้นมาอีก แต่ที่แน่ๆการใช้ชีวิตแต่ละวันของเขายังคงดำเนินไปตามปกติในฐานะเจ้าของบริษัทซึ่งตกทอดมาจากมาดามหลิว
นอกจากลิซ่าที่กลับมาช่วยงานในบริษัทแล้วยังมีอัศวินอีกคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย ท่าทางเขาสุภาพและเป็นมิตรกับทุกคน โดยเฉพาะกับโทมัสจะนอบน้อมเป็นพิเศษ
ขณะที่ทุกชีวิตดำเนินต่อไป ไม่มีใครรู้เลยว่าบัดนี้ “บารอน” หัวหน้าสาขาคนหนึ่งของพรายพิฆาตกับสมุนสามคนกำลังวางแผนกอบกู้องค์กรขึ้นมาอีกครั้งโดยเริ่มจากต้องเข้าไปชิงน้ำตามัจจุราชที่มั่นใจว่าอยู่ในบริษัทบลูฟินิกซ์ของโทมัส
ด้านณัฐชาเมื่อกลับเข้ามาทำงานตามปกติ เธอได้เลื่อนยศจากหมวดเป็นผู้กองแต่ไม่มีสารวัตรสิงหา จ่าไมตรี และหมู่ปรีดาร่วมทีมอีกแล้ว เพราะพวกเขาได้รับคำสั่งให้ไปช่วยงานคดีอื่น โดยผู้กำกับเมธารับปากจะเร่งหาลูกทีมคนใหม่มาแทนเพราะณัฐชายังต้องรับผิดชอบคดีพรายพิฆาตที่เหลืออยู่
ลิซ่ากลายเป็นผู้ดูแลโทมัสอย่างใกล้ชิดเนื่องจากร่างกายของเขายังมีปัญหา และในวันนี้เองหลังจากสแกนร่างกายดูแล้วปรากฏว่าไวรัสในตัวเขาเริ่มดื้อยา มันกำลังพัฒนาตัวเองเพื่อสู้กับยาต้าน ทางรอดเดียวก็คือต้องผลิตเซรุ่มมาฆ่ามันให้เร็วที่สุด
“แล้วในระหว่างนี้ผมต้องทำยังไงบ้าง”
“ใช้ยาต้านไวรัสตัวเดิมไปก่อน แต่ต้องเพิ่มปริมาณเป็นสองเท่าต่อวัน มันสำคัญมากนะโทมัส พลังพิเศษของคุณตอนนี้เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ถ้าคุณลืมฉีดยาเมื่อไหร่ ฉันว่าคุณตายแน่”
โทมัสฟังแล้วหนักใจ แต่พออยู่ต่อหน้าณัฐชาก็ต้องฝืนยิ้มราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ครั้นได้ยินเธอเปรยเรื่องการมีครอบครัวซึ่งอาจเป็นไปได้ยาก เขายิ่งสงสารเธอ
แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน เป็นอมตะหรือไม่ เขาจะรักเธอตลอดไป ความรักของเขาที่มีต่อเธอต้องเป็นอมตะ
ดึกคืนนั้นหลังจากณัฐชาหลับแล้ว โทมัสเข้าไปในห้องสมุดพูดคุยกับโปรแกรมจำลองความคิดของมาดามหลิวเพราะต้องการคำตอบบางอย่างให้กับตัวเอง
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง โทมัส”
“เช่นกันครับมาดาม”
“ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้ อย่าลืมสิว่าฉันเป็นแค่โปรแกรมจำลองความคิดของมาดามหลิว...ในช่วงที่ฉันจำศีล ฉันพยายามค้นหาข้อมูลของพรายพิฆาตจากเน็ตเวิร์กตลอดเวลา ก็เลยรู้มาว่าสมาชิกที่เหลือของมันพยายามหาวิธีจัดการกับไวรัสอยู่เหมือนกัน”
“มีแนวโน้มว่าจะสำเร็จรึเปล่า”
“มีความผิดพลาดเกิดขึ้นในห้องทดลอง ฉันรู้มาแค่นี้”
“แสดงว่าพวกมันล้มเหลวพอๆกับผม สุดท้ายก็ตายด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
“เธอมีแผนหรือยังว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ผมอยากจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เผื่อว่าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมาจะได้ตายตาหลับ”
ทันใดนั้นเองเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นแสดงว่ามีผู้บุกรุก ซึ่งภาพเสมือนจริงของมาดามหลิวบอกว่าสามคนที่บุกเข้ามามีพลังพิเศษ โทมัสฟันธงทันทีว่าเป็นพรายพิฆาต
ณัฐชาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงสัญญาณเตือนภัย พอไม่เห็นโทมัสก็รีบวิ่งออกจากห้องพร้อมอาวุธปืน ฝ่ายลิซ่ากับอัศวินก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน ทุกคนต่อสู้กับผู้บุกรุกที่ตั้งใจเข้ามาขโมยน้ำตามัจจุราชแต่ท่าทางจะรับมือไม่ไหวเพราะพวกมันไม่ใช่คนธรรมดา แม้อัศวินจะสู้ยิบตาก็ยังจัดการมันไม่ได้ กระทั่งโทมัสต้องลงมือเอง อัศวินเห็นการต่อสู้ด้วยพลังพิเศษของโทมัสก็อดสงสัยไม่ได้
“คุณโทมัสทำแบบนี้ได้ยังไง หรือที่เขาลือว่า...” อัศวินพูดไม่ทันจบก็โดนลิซ่าแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ถ้าคิดจะทำงานที่นี่ต่อไป นายคงรู้นะว่าอะไรควรพูดและอะไรไม่ควรพูด”
อัศวินนิ่งเงียบ มองดูโทมัสที่มีแววตาเป็นสีเขียวใช้ดาบสยบผู้บุกรุกทั้งสามจนราบคาบ...แล้วเช้าวันใหม่ โทมัสก็ชื่นชมอัศวินต่อหน้าลิซ่าที่เมื่อคืนเขากล้าหาญช่วยณัฐชาและคนอื่นๆไว้
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับคุณโทมัส ว่าแต่ที่นี่มีน้ำตามัจจุราชจริงๆเหรอครับ”
“นายสงสัยอะไร”
“ผมเคยได้ยินข่าวลือว่าน้ำตามัจจุราชแทบทั้งหมดถูกทำลายไปอย่างลึกลับโดยนักสู้มหากาฬ”
“แล้วนายคิดว่ายังไง”
“ในฐานะหัวหน้าองครักษ์ ผมควรจะรู้ว่าน้ำตามัจจุราชถูกเก็บไว้ที่ไหน เพื่อจะได้ระวังอย่างเต็มที่”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง มีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ที่ซ่อนของมันแบบนี้คงปลอดภัยกว่า...เอาล่ะ ยินดีด้วยนะอัศวิน นายผ่านโปรแล้ว ต่อไปนี้นายคือหัวหน้าองครักษ์ของฉัน”
จากนั้นโทมัสรีบลงมาชั้นล่างเพราะรู้จากลิซ่าว่าณัฐชากำลังจะกลับ ทั้งที่เขาคิดว่าเธอจะอยู่ด้วยกันทั้งวัน
“ก็คุณมีหลายเรื่องต้องจัดการ ฉันไม่รบกวนดีกว่า”
โทมัสได้แต่จำใจพยักหน้า เขามีหลายเรื่องต้องทำจริงๆ ณัฐชามองเขานิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนเปรยขึ้นมาเบาๆ
“บางครั้งฉันก็เหนื่อยเหลือเกินโทมัส ฉันอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติ อยากมีครอบครัวที่น่ารักเหมือนคนอื่น”
“ผมจะหาทางหยุดเรื่องนี้ เชื่อผมสิณัฐชา”
“ฉันรักคุณนะโทมัส แต่บางเรื่องมันก็เป็นไปไม่ได้ พรายพิฆาตมันจะตามล่าคุณไปชั่วชีวิต”
ณัฐชาผละไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ โทมัสเองก็ซึมถนัดตา กลับขึ้นมาในห้องสมุดครุ่นคิดถึงหนทางหาความสงบสุขให้ตนเอง...เขากำลังจะตาย แถมยังโดนพรายพิฆาตจ้องเล่นงาน แล้วจะมีอนาคตมีครอบครัวได้ยังไง
เมื่อโปรแกรมจำลองความคิดของมาดามหลิวปรากฏขึ้น โทมัสต้องการให้ตรวจสอบพินัยกรรมของมาดามหลิว เขาอยากรู้ว่ามีคำสั่งเสียข้อไหนบ้างที่เขายังไม่จัดการ
“ทำไมถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา”
“เพราะว่าผมต้องทำพินัยกรรมแล้วเหมือนกัน”
ผ่านไปไม่นาน ภาพจำลองหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เธอคือธิชาน้องสาวของชาญ เคยก่อคดีทะเลาะวิวาทและมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ทำให้ชาญตัดขาดกับเธอเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่ชาญเสียชีวิตมาดามหลิวเคยพยายามติดต่อกับเธอแต่ไม่สำเร็จ...ลิซ่าและอัศวินร่วมรับรู้อยู่กับโทมัสด้วยความสนใจ ลิซ่าซักว่าตกลงธิชารู้หรือยังว่าพี่ชายเสียชีวิต คำตอบคือมาดามหลิวไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนอื่น บางทีเธออาจไม่รู้ แต่ในพินัยกรรมของมาดามหลิวระบุว่าต้องการให้บลูฟินิกซ์เป็นผู้อุปการะเธอ
“ถ้างั้นผมจะตามหาเธอเองครับ” อัศวินเสนอตัว แต่โทมัสไม่ยอมเพราะเดิมทีเขาตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเอาอัฐิของชาญกลับบ้าน
“แต่มันอันตรายมากนะ” ลิซ่าท้วงขึ้นมา
“ชาญคือเพื่อนรักของผม ดังนั้นธิชาก็คือน้องสาวของผม” คำพูดของโทมัสทำให้อัศวินกับลิซ่าเงียบงันไป...รู้แน่แก่ใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้แล้ว
ooooooo
ในขณะฤทธิ์หรือโทมัสออกเดินทาง เป็นเวลาที่ณัฐชาได้ผู้ช่วยคนใหม่คือจ่าสมพร ซึ่งผู้กำกับเมธารับประกันว่าเขามือดีเคยจับโจรมาเกือบครึ่งร้อย ที่สำคัญ เป็นคนตงฉิน เชื่อใจได้ แม้ว่าอายุจะมากไปสักหน่อย...
เดินทางเพียงข้ามคืนฤทธิ์ก็ไปถึงปั๊มน้ำมันที่แต่ก่อนเคยเป็นของครอบครัวชาญ แต่พอพ่อแม่ตายลูกๆก็ขายกิจการเล็กๆนี้ให้ลุงแสง ลูกคนโตคือชาญได้ข่าวว่าไปทำงานในกรุงเทพฯ ส่วนน้องสาวชื่อธิชาไปทำงานที่บาร์ผีเสื้อแล้วก็ไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย
ข้อมูลจากลุงแสงทำให้ฤทธิ์มุ่งหน้าต่อไปที่บาร์ผีเสื้อซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกัน และที่นี่เองฤทธิ์ได้เจอจอยแฟนเก่าของชาญ ซึ่งแน่นอนว่าจอยรู้จักธิชาดี แต่เธอไม่กล้าให้ข้อมูลเพราะยังไม่แน่ใจว่าฤทธิ์เป็นใครและต้องการพบธิชาเพื่ออะไร แต่พอเห็นเขาโดนไอ้ดอนขาใหญ่ประจำบาร์หาเรื่องชกต่อยแถมจะยึดรถมอเตอร์ไซค์ของเขาเอาไว้ จอยก็อดช่วยเหลือเขาไม่ได้
ฤทธิ์ต่อสู้กับดอนและสมุนอยู่พักหนึ่งซึ่งฝีมือของฤทธิ์ทำให้พวกดอนบาดเจ็บกันไม่น้อย นี่เองทำให้ดอนอาฆาตแค้นชายแปลกหน้า รวมทั้งจอยที่มาช่วยพาเขาหนี ไป...ฤทธิ์ได้รับบาดเจ็บบ้างเหมือนกัน แต่เขาไม่ยอมให้จอยทำแผลเพราะทราบดีว่าแผลของเขาจะสมานตัวได้เอง แต่สิ่งที่เขาต้องตระหนักให้ดีก็คือการฉีดยาต้านไวรัสให้ตัวเองทุก 12 ชั่วโมงตามที่ลิซ่ากำชับมา เพราะไม่เช่นนั้นอาการป่วยทางร่างกายของเขาจะกำเริบ
คืนนั้นจอยพาฤทธิ์หลบมาพักที่บ้านของเธอ แล้วเช้าขึ้นก็รีบออกไปหาอาหารและติดตามข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน โดยเธอทิ้งโน้ตข้อความบอกฤทธิ์เอาไว้ จอยเริ่มจากแวะไปหาลุงแสงและบอกให้แกรู้ว่าชาญตายแล้ว จากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยกันเรื่องผู้ชายที่มาตามหาธิชา ระหว่างนี้เองดอนกับสมุนแห่กันมาคาดคั้นเอาเรื่องจอยที่ช่วยชายแปลกหน้า ลุงแสงพยายามไกล่เกลี่ยแต่ไม่ค่อยได้ผลนัก ดอนยื่นคำขาดกับธิชาว่าภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ชายคนนั้นต้องไสหัวไปจากเมืองนี้ ไม่งั้นไม่รับรองความปลอดภัย
จอยรีบกลับมาที่บ้านและบอกฤทธิ์ให้หนีไป แต่ชายหนุ่มยืนยันไม่ยอมไปไหนเด็ดขาดถ้ายังไม่ได้เจอธิชา จอยซึ่งพอจะรู้ว่าธิชาอยู่ที่ไหนจึงเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
“ตั้งแต่ชาญเข้าไปทำงานกับมาดามหลิว เขาก็มีเวลาให้ธิชาน้อยลง พอสองพี่น้องทะเลาะกัน ธิชาก็เลยหันไปคบกับพวกของนายดอน แต่มันกลับมอมเมาเธอจนตกเป็นทาสของน้ำตาสวรรค์ ชีวิตของธิชาตกต่ำจนถึงขีดสุด ดอนบังคับให้เธอขายยาให้มัน แถมยังทำร้ายเธอ ธิชาไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้ชาญรู้ เธอขโมยเงินของดอนแล้ววางแผนจะหนีไปอยู่ที่อื่น แต่ทุกอย่างมันฉุกละหุกมาก พวกนายดอนกำลังออกตามล่าธิชา มันเสี่ยงมากถ้าฉันจะพาธิชาหนีไป จึงให้เธอเดินทางไปซ่อนตัวเพียงลำพัง”
“แล้วคุณบอกชาญเรื่องนี้รึเปล่า”
“คิดว่าตอนนั้นชาญคงมีปัญหาอะไรสักอย่าง ก็เลยติดต่อไม่ได้”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นนานหรือยัง”
“เกือบเดือน แต่กว่าฉันจะมั่นใจว่าธิชาหายไปก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อน”
“ตอนนั้นชาญไม่อยู่แล้ว” ฤทธิ์เอ่ยอย่างสะเทือนใจ ขณะที่จอยหน้าสลดอย่างรู้สึกผิด บ่นตัวเองทำให้ชาญผิดหวัง เขาอุตส่าห์ฝากจอยไว้แต่เธอปกป้องไม่ได้ “ทำใจดีๆ ไว้ บางทีธิชาอาจจะกบดานอยู่ก็ได้ ผมจะตามหาเธอเอง” ฤทธิ์ปลอบใจจอยและตั้งใจว่ายังไงตนก็ต้องตามหาน้องสาวของชาญให้พบ
เมื่อค่ำนี้จอยไม่มาทำงานที่บาร์ ดอนจึงบุกถึงบ้านหมายเล่นงานทั้งจอยและไอ้หนุ่มแปลกหน้าไปพร้อมกัน แต่พอมาถึงกลับพบความว่างเปล่าเพราะทั้งคู่ไหวตัวเตรียมรับมืออยู่แล้ว
ฤทธิ์กับจอยหลบออกทางหลังบ้าน แต่ยังไม่ทันห้อมอเตอร์ไซค์หนี สมุนคนหนึ่งของดอนก็เห็นเข้า การไล่ล่าจึงเกิดขึ้นในนาทีนั้นทันที!
รถของพวกดอนซิ่งตามรถของฤทธิ์ที่มีจอยซ้อนท้ายเข้าไปในป่าโปร่ง แถมมันยังใช้ปืนกราดยิงเป็นระยะ ทำให้ฤทธิ์ต้องทิ้งรถแล้วเดินเท้าหนีไปกับจอย แต่ไม่นานก็ถึงทางตันที่เหวเบื้องหน้า ที่สำคัญฤทธิ์มีอาการกำเริบเพราะ ไวรัสในร่างกายจึงจำเป็นต้องฉีดยา แต่กล่องบรรจุเข็มฉีดยาที่ลิซ่าให้มาหายไปซึ่งจอยเดาว่าคงทำหล่นตอนรถล้ม
ฤทธิ์พยายามข่มอาการเจ็บปวด ระหว่างนั้นก็เหลือบเห็นพวกดอนวิ่งตามมาลิบๆ ดอนเก็บกล่องเข็มฉีดยาของฤทธิ์ได้และไล่กวดมาพร้อมสมุน พอรู้ว่าผู้ถูกล่าจนมุมก็ยิ่งผยองลำพองใจ แต่ปรากฏว่าฤทธิ์ตัดสินใจไปตายดาบหน้า พาจอยโรยตัวลงเหวด้วยเถาวัลย์
ดอนเห็นดังนั้นก็สั่งสมุนตัดเถาวัลย์ทำให้ฤทธิ์กับจอยเสียหลักกลิ้งหลุนๆหายไปในป่าทึบที่พวกดอนชะโงกหน้ามองหาไม่เห็น สมุนคนหนึ่งจะให้กลับไปตั้งหลักแต่ดอนไม่ยอม ประกาศต้องฆ่าทั้งคู่ให้ได้เพื่อแก้แค้นให้คนของตนที่ตายไปหนึ่ง
ลุงแสงเพิ่งรู้ข่าวจากชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าและเห็นพวกดอนไล่ยิงใครไม่รู้ป่าแทบแตก แกนึกถึงจอยกับชายแปลกหน้าขึ้นมาทันที และคาดเดาได้ไม่ยากว่าดอนกำลังไล่ล่าใคร หลังจากแกขับรถมาดูที่บ้านจอยแล้วพบกับความว่างเปล่า
“ไอ้ดอน...เอ็งกำแหงเกินไปแล้ว” ลุงแสงซึ่งรู้จัก มักคุ้นกับจอยเป็นอย่างดีรีบกลับมาที่รถของตนเองและหยิบปืนพกมาตรวจดูกระสุนด้วยความแค้น พลันสายตาก็เหลือบเห็นรอยล้อรถกระบะของดอนที่มุ่งหน้าไปทางหนึ่ง!
เวลาเดียวกันนั้น ณัฐชากระวนกระวายใจอย่างมากหลังจากติดต่อโทมัสไม่ได้ทั้งที่เมื่อวานยังพูดคุยกันอยู่ เธอสังหรณ์ใจจะเกิดเหตุร้ายกับเขาจึงรีบมาพบลิซ่าที่บริษัท
“เมื่อวานเขาให้ฉันเช็กข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมในพื้นที่ที่เขาไป แต่พอฉันจะติดต่อกลับก็ไม่มีคนรับสาย”
“คุณก็เลยคิดว่าอาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น?”
“ฉันรู้ว่าที่บลูฟินิกซ์มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่าของตำรวจ บางทีมันอาจจะช่วยให้ติดตามเขาได้เร็วขึ้น”
“ก็คงงั้น” ลิซ่าผละไปยังคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน ณัฐชารีบลุกตามไปสมทบและเห็นลิซ่าเปิดโปรแกรมค้นหาผ่านดาวเทียม
“อย่าบอกนะว่าคุณใช้ดาวเทียม”
“ปัญหาเดิมๆทำให้ฉันเรียนรู้ว่า GPS ไม่ปลอดภัยพอสำหรับคนอย่างคุณโทมัส ตอนนี้ฉันก็เลยฝังอุปกรณ์ติดตามไว้ที่ตัวของเขา...นี่ไง” ลิซ่าชี้ตำแหน่งบนภาพขยายผ่านดาวเทียม คาดว่าเป็นป่าและพื้นที่ไม่กว้างเท่าไหร่ โทมัสคงไม่ได้หลงป่าแน่
“ขอบคุณ...แล้วฉันจะติดต่อมา” ณัฐชารีบผละไปเพื่อตามหาแฟนหนุ่ม...ลิซ่ามองตามแล้วแอบส่ายหน้าให้กับความหุนหันของณัฐชาที่ไม่เคยเปลี่ยน...
พวกดอนบากบั่นดั้นด้นตามลงมาถึงก้นเหวและพบรอยเท้าคนจึงแกะรอยไปเรื่อยๆ ฝ่ายจอยก็ประคองฤทธิ์หนีอย่างเร่งรีบ แต่เพราะพิษไวรัสทำให้ฤทธิ์อ่อนแรงลงทุกทีและคิดว่าไปต่อไม่ไหวเลยต้องหาที่ซ่อนตัว
ขณะจอยมองหาที่ซ่อน ไม่คาดคิดว่าจะเจอธิชาน้องสาวของชาญ แต่ไม่ว่าจอยซักถามอะไร ธิชาก็เอาแต่นิ่งเงียบและวิ่งหนีหายไปต่อหน้า จอยจึงปล่อยให้ฤทธิ์รออยู่ตรงนี้แล้ววิ่งตามออกไป
ธิชาวิ่งหนีเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งและหนีขึ้นชั้นบนเมื่อเห็นจอยตามเข้ามา หลังจากนั้นไม่นานจอยก็โดนฤดีเจ้าของบ้านซึ่งเป็นทาสของพรายพิฆาตตะปบคอจนหมดสติไปด้วยความตกใจกลัว
ด้านฤทธิ์ซมซานหาที่พักใต้ต้นไม้ เซลล์ไวรัสกระจายตัวและเกาะกินเซลล์กลายพันธุ์จนเขาแทบสู้ไม่ไหว...พลันนึกถึงคำตอบของลิซ่าเมื่อเขาถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาลืมฉีดยา หรือฉีดไม่ครบตามกำหนด
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคุณโทมัส ในเมื่อเราพัฒนาตัวยามาสู้กับไวรัสได้ ไวรัสก็พัฒนาตัวเองเพื่อสู้กับยาได้เช่นกัน มันจะเพิ่มจำนวนเป็นสองเท่าทุกๆสิบนาที แล้วหลังจากนั้นมันก็จะเกาะกินเซลล์ต่างๆในร่างกายคุณ รวมทั้งระบบประสาท คุณอาจเป็นอัมพาต ตาบอด หรือแม้แต่สูญเสียความทรงจำ”
คำตอบนั้นของลิซ่าทำให้ฤทธิ์ทรุดลงเหมือนปลดปลง พร้อมกันนั้นพวกดอนก็ก้าวมายืนตรงหน้าตั้งท่าจะทำร้าย แต่ต้องชะงักกึกด้วยความสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงปวกเปียกแบบนี้
“ฉันกำลังป่วย ฉันขยับตัวไม่ได้”
“ป่วย!?? ฮ่าๆๆ เอ็งนึกว่าข้าเป็นเด็กอมมือหรือไงวะ ข้ารู้หรอกน่าว่าเอ็งน่ะเป็นอะไร เอ็งต้องการไอ้นี่ใช่มั้ย ล่ะ” ดอนหยิบกล่องใส่หลอดยาต้านไวรัสออกมาโชว์ ทำเอาฤทธิ์ตาวาวเห็นทางรอดอยู่ตรงหน้า
“ว่าแต่ไอ้นี่มันยาเสพติดประเภทไหนวะ ถึงได้ใส่หลอดพร้อมฉีดแบบนี้ของแพงซะด้วย”
ฤทธิ์นิ่งเงียบ รู้ดีว่ายิ่งพูดมากยิ่งเสียเปรียบ ดอนเห็นเขามองกล่องในมือตนไม่วางตาก็ยิ่งกล้าต่อรอง
“เอาล่ะ ข้าว่าเรามายื่นหมูยื่นแมวกันดีกว่า เอ็งบอกข้ามาว่านังจอยอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะไว้ชีวิตเอ็ง”
“ฉันไม่รู้”
ดอนยิ้มกวนๆอย่างไม่แปลกใจในตอบนั้นเขาส่งซิกให้สมุนสองคนลงมือซ้อมฤทธิ์จนล้มไม่เป็นท่าแต่ยังไม่ฆ่า ตั้งใจจะตามจอยให้เจอก่อนแล้วค่อยเก็บทั้งสองคนพร้อมกัน ไม่นานนักพวกดอนที่เร่งตามหาจอยก็ไปเจอบ้านหลังนั้นของฤดี โดยพวกมันพาฤทธิ์มาด้วย
เพียงแรกเห็นฤดี...ฤทธิ์ก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติของเธอ และยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อบังเอิญเห็นหลอดบรรจุน้ำตาสวรรค์หรือสารเสพติดชนิดหนึ่งของพรายพิฆาตหล่นอยู่ที่พื้น เขาพยายามบอกให้พวกดอนหนีไปจากที่นี่แต่ไม่มีใครเชื่อ แถมดอนยังทำรุ่มร่ามกับฤดีเมื่อรู้ว่าเธอเป็นม่ายเพราะสามีตาย
ขณะที่ดอนพาฤดีเข้าห้องเพื่อหาความสุข จอยซึ่งถูกจับมัดอยู่ชั้นบนเริ่มรู้สึกตัวและพยายามบอกให้ธิชาช่วยเหลือ แต่หญิงสาวกลับทำท่าเหมือนจำเธอไม่ได้ แล้วจอยก็ต้องตกใจอีกระลอกเมื่อเหลือบไปเห็นศพเด็กสาวบนเตียง!
เด็กคนนั้นคือลูกสาวของฤดี ซึ่งคนเป็นแม่กำลังรอคอยผู้วิเศษมาชุบชีวิตให้ตามคำสัญญา แต่เธอต้องแลกเปลี่ยนด้วยการยอมทำทุกอย่างตามคำสั่งของเขา
ภายในห้อง ดอนไม่สบอารมณ์ที่ฤดีไม่เล่นด้วย เขาตบเธอไปทีเดียวแต่กลับโดนเธอกระชากคอมากัดจนเลือดพุ่ง ดอนตะลีตะลานหนีด้วยความกลัวนังผีดิบและมาเจอจอยกับธิชาเข้าอย่างจัง
“นังจอย อะไรกันวะเนี่ย...ธิชา ที่แท้ก็มาหลบอยู่นี่เอง บอกมาทั้งหมดเป็นแผนของเธอใช่มั้ย แล้วนั่นศพใคร ฉันถามว่าศพใคร”
ไม่มีใครตอบคำถามสักคน มีแต่เสียงของจอยที่ร้องเตือนดอนให้ระวังข้างหลังเพราะผีดิบฤดีกำลังแยกเขี้ยวจะเล่นงาน ดอนวิ่งอ้าวหนีลงชั้นล่างและทำกล่องใส่หลอดเข็มฉีดยาต้านไวรัสหล่นโดยไม่รู้ตัว ฤทธิ์จึงคว้ามันมาจัดการกับตัวเองทันที
ดอนและสมุนสองคนมัวแต่หลบหนีผีดิบ แต่พวกมันก็หนีไม่รอด โดนจัดการทั้งในและนอกบ้านจนตายเรียบ แล้วฤดีก็กลับเข้ามาที่บ้านอีกครั้ง เธอทุบประตูโครมครามพร้อมร้องบอกให้คนข้างในเปิดเดี๋ยวนี้!
ลุงแสงแกะรอยมาจนกระทั่งเห็นศพลูกน้องของดอนก่อนจะวิ่งต่อไปยังบ้านฤดี และทันเห็นเธอบ้าคลั่งพังประตูบ้านเข้าไปปะทะกับพวกฤทธิ์ จอยถูกดอนที่ตายกลายเป็นผีดิบกัดข้อเท้าจนเลือดโชก แต่แล้วฤทธิ์ซึ่งร่างกายแข็งแรงดังเดิมเพราะยาต้านไวรัสก็สยบมันลงได้ ส่วนลุงแสงใช้ปืนของตนช่วยยิงผีดิบฤดีจนล้มทั้งยืน ก่อนจะหันมาซักถามจอยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันไม่รู้เหมือนกันลุง แต่ธิชาจำใครไม่ได้เลย”
ลุงแสงมองธิชาอย่างเวทนา ขณะที่ฤทธิ์มองสภาพศพดอนและมองมาที่แผลตรงข้อเท้าของจอยอย่างนึกสังหรณ์ใจ...เมื่อพากันออกจากบ้านหลังนั้นมาแล้ว ลุงแสงเอ่ยถึงผีดิบที่เพิ่งพบเจอกับตาทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยได้ยินข่าวว่ามันระบาดอยู่ช่วงหนึ่งที่กรุงเทพฯ ฤทธิ์จึงบอกให้รู้ว่าสารเสพติดที่ชื่อน้ำตาสวรรค์ถูกผลิตจากน้ำตามัจจุราช มันทำให้มนุษย์กลายพันธุ์เป็นผีดิบ
“ผู้หญิงคนนั้นใช้น้ำตาสวรรค์” จอยอุทานหน้าตาตื่น
“ปกติแล้วการกลายพันธุ์จะแพร่ระบาดจากคนสู่คนไม่ได้ เพราะมันเกิดจากสารเคมีไม่ใช่เชื้อโรค”
“แล้วพวกของดอนล่ะ...ฉันด้วย” จอยเสียงสั่นเครืออย่างขวัญเสีย สีหน้าเธอเริ่มซีดเซียวผิดปกติฤทธิ์ เหมือนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ จึงขอปืนจากลุงแสงเพราะไม่ต้องการเห็นเธอทรมาน แต่ลุงแสงทำใจไม่ได้ถ้าต้องฆ่าจอย จึงดึงดันกับฤทธิ์อยู่พักหนึ่งก่อนจะยินยอมเมื่อเห็นจอยกลายสภาพเป็นผีดิบและทำท่าจะทำร้ายทุกคน
หลังจากนั้นฤทธิ์กับลุงแสงก็พาธิชาออกจากป่าและพบณัฐชาที่เพิ่งมาถึง หลังทักทายกันแล้วลุงแสงก็ฝากฝังธิชาให้ฤทธิ์ดูแล
“ไม่ต้องห่วงครับลุง น้องสาวของชาญก็เหมือนน้องสาวของผม ผมจะดูแลเธอให้ดีที่สุด”
แล้วฤทธิ์กับณัฐชาก็พาธิชามุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ตลอดทางธิชาแทบไม่พูดอะไรเลย แววตาที่เธอลอบมองฤทธิ์แฝงไว้ด้วยความเหี้ยมเกรียม!
ส่วนที่บ้านฤดี...ชายลึกลับคนหนึ่งยืนมองศพฤดีและพวกดอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนโยนการ์ดที่มีโลโก้พรายพิฆาตลงพื้นพร้อมกับรำพึงอย่างสะใจ “พรายพิฆาตจงเจริญ!!”
ooooooo










