ตอนที่ 11
ฤทธิ์ยังติดใจสงสัยว่าทำไมณัฐชากับไอริณถึงเปลี่ยนไปไม่เป็นมิตรกับเขาเหมือนก่อน แต่แล้ววันนี้เขาก็เพิ่งเข้าใจเมื่อสำรวจในห้องนอนตัวเองและพบว่าช่องลับที่เก็บเครื่องแบบนักสู้มหากาฬกับอาวุธถูกเปิดทิ้งไว้
“ทุกอย่างต้องมีจุดจบเสมอ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ไม่ว่าพรายพิฆาตหรือนักสู้มหากาฬ” ฤทธิ์บอกกับตัวเองอย่างทำใจ ทันใดนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวรุนแรงเหมือนมีบางอย่างบีบสมองแทบจะระเบิด เลือดสีแดงไหลออกจากจมูก เขารีบพาตัวเองไปหาชาญเพื่อให้เจาะเลือดตรวจสอบเป็นการด่วน
“แปลกมาก เซลล์เม็ดเลือดแดงของคุณเพิ่มจำนวนแต่เซลล์กลายพันธุ์กลับลดลง”
“พอรู้สาเหตุรึเปล่า”
“ต้องวิเคราะห์ให้ละเอียดกว่านี้ ถ้ามองในแง่ดีมันก็อาจเป็นแค่ปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่าง”
“แล้วถ้าแง่ร้ายล่ะ”
“คุณได้รับสารพิษหรืออะไรก็ตามที่ทำให้การกลายพันธุ์ของคุณหยุดชะงัก หรือว่าง่ายๆก็คือคุณกำลังกลายเป็นคนธรรมดา”
“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับมาดามหลิว”
“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”
“ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” พูดจบฤทธิ์ผลุนผลันออกไปโดยที่ชาญไม่รู้ว่าจุดหมายของเขาคือที่ไหน?
ด้านณัฐชาที่แอบมาพบราเมศ หลังจากคุยธุระกันเสร็จเธอก็รีบกลับเซฟเฮาส์ที่ไอริณรออยู่ แต่ระหว่างเดินทางเธอเห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่าไฟไหม้บ้านนำชัยและสุชาติถูกยิงเสียชีวิต ณัฐชาอ่านพาดหัวข่าวแล้วขนลุกซู่ ไม่คิดว่าสุชาติที่เพิ่งเห็นกันเมื่อวานจะมาจบชีวิตลงเช่นนี้
ณัฐชากลับมาพร้อมเสบียงและหนังสือพิมพ์
ไอริณเศร้าใจเมื่อเห็นข่าว และถามเพื่อนสาวว่าธุระที่ไปทำได้เรื่องหรือเปล่า
“ผู้กองราเมศจะช่วยประสานงานให้เรา ผู้กำกับเมธาจะมารับหลักฐานด้วยตัวเอง”
“ทำไมต้องยุ่งยากด้วยล่ะ เธอฝากหลักฐานให้ผู้กองราเมศไปก็ได้นี่”
“ฉันต้องแน่ใจว่าคนที่ได้หลักฐานไปเป็นคนที่ไว้ใจได้และสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ทันที”
“เธอนี่ขี้ระแวงตามเคย คิดว่าพรายพิฆาตมันจะรู้เบาะแสของเราหรือไง”
ณัฐชาคิดเช่นนั้น เธอเร่งไอริณรีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นเพื่อหนีไปจากที่นี่ ขืนอยู่ต่ออาจไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าก่อนสุชาติตายเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง
ooooooo
ชาญตามฤทธิ์ไปที่ดาดฟ้าเมมเบอร์คลับของพรายพิฆาตซึ่งถูกปิดทำการไปแล้วหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญผู้คนล้มตายจำนวนมากเมื่อไม่กี่วันก่อน
ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงจุดที่ฤทธิ์เจอใจทิพย์ ซึ่งฤทธิ์เชื่อว่าไม่ใช่ภาพหลอน เธออยู่กับเขาที่นี่ตอนเกิดเรื่อง แต่ชาญท้วงว่าตอนนั้นเขาบาดเจ็บ จะแน่ใจได้ยังไงว่าที่เห็นเป็นใจทิพย์ตัวจริง
พลันฤทธิ์ได้ยินเสียงเรียกของใจทิพย์ เขาวิ่งพล่านตามหาต้นเสียง ขณะที่ชาญก็ระแวดระวังตัวแจเพราะไม่ไว้ใจ ไม่นานฤทธิ์ก็พบใจทิพย์ในสภาพอ่อนล้า พร้อมๆกับนักรบพรายพิฆาตโผล่มา ชาญต่อสู้กับพวกมันโดยให้ฤทธิ์พาใจทิพย์หลบไปก่อน
หลังจากสยบนักรบพรายพิฆาตได้แล้ว ชาญกับฤทธิ์รีบพาใจทิพย์ในสภาพหมดสติกลับมาที่บริษัท
มาดามหลิวเพื่อเยียวยาภายในห้องทดลอง ชาญใช้เครื่องมือสแกนหาสิ่งผิดปกติในร่างกายของเธออย่างละเอียด มาดามหลิวทราบจากโซเฟียก็รีบเข้ามาสมทบ
“อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยครับมาดาม ตอนนี้เรากำลังตรวจร่างกายเธออยู่”
“โทมัส...เธอแน่ใจนะว่านี่คือใจทิพย์ตัวจริง”
“ใจทิพย์เป็นคนรักของผม ผมไม่มีวันลืมเธอเด็ดขาด”
มาดามหลิวไม่ซักอะไรอีก โซเฟียยืนอยู่ด้านหลังเหลือบมองไปที่ใจทิพย์อย่างเคลือบแคลง แล้วอีกสักพักมาดามหลิว ชาญ และโซเฟียก็ออกจากห้อง ทิ้งฤทธิ์หรือโทมัสนั่งเฝ้าใจทิพย์ที่ยังไม่รู้สึกตัวอยู่คนเดียว
ทั้งสามคนมาปักหลักในห้องสมุด ชาญให้ความเห็นเรื่องใจทิพย์ว่าค่อนข้างเหลือเชื่อ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือใจทิพย์ตัวจริง
“ใจทิพย์หายไปตั้งนานทำไมเพิ่งมาโผล่เอาตอนนี้ แถมมาอยู่ในรังของพรายพิฆาตอีกต่างหาก เราจะประมาทไม่ได้นะคะมาดาม” โซเฟียเอ่ยอย่างระแวง มาดามหลิวเห็นด้วยและคิดว่าโทมัสคงไม่ยอมให้เราส่งตัวใจทิพย์ไปที่อื่นแน่ จึงสั่งเวรยามให้คอยระวังเต็มที่ ห้ามคลาดสายตาจากใจทิพย์
ooooooo
เอมี่แอบเข้ามาในห้องเก็บยาเสพติดเพื่อขโมยน้ำตามัจจุราช แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอบอสเข้าอย่างจัง เอมี่หน้าเสีย อึกอักไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
“น้ำตามัจจุราชชนิดบริสุทธิ์ไม่เจือปนสารเสพติดจะส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ขั้นรุนแรง คนที่ได้รับมันเข้าไป ถ้าไม่ตายก็จะกลายเป็นอสูรร้าย หรือไม่ก็เป็นผู้มีพลังพิเศษอย่างนักสู้มหากาฬ”
“บอส...ฉันก็แค่อยากมีของดีติดตัวบ้างเท่านั้นเอง ถ้าฉันมีพลังเหมือนคุณเมื่อไหร่ ก็จะได้คอยรับใช้คุณตลอดไป คุณว่าไม่ดีเหรอ” เอมี่ไม่พูดเปล่า เดินเข้ามา ลูบไล้ตัวบอสอย่างยั่วยวน พอได้โอกาสก็ชักมีดแทง
แต่บอสคว้าไว้ได้เพราะระวังตัวอยู่ก่อน
“ไม่ได้ผลหรอกเอมี่ ลีลาสวยประหารของเธอฉันรู้ไต๋หมดแล้ว”
เอมี่เจ็บใจฉวยโอกาสนั้นกระชากหน้ากากของบอส เผยให้เห็นโฉมหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใน เอมี่ถึงกับตะลึงตะไลอย่างคาดไม่ถึง แล้วจากนั้นสติของเธอก็เกือบดับวูบเพราะความเหี้ยมโหดของบอส!
แหลมถูกบอสใช้ไปตามกรณ์กับลุงโจเข้ามาพบทั้งที่ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะมา ปรากฏว่าพวกเขาใจกล้าไม่เบา เข้ามาอย่างระแวดระวัง พอเห็นสภาพเอมี่ถูกซ้อมเลือดโทรมกาย กรณ์ตกใจตั้งคำถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น บอสทำร้ายเธอทำไม
“เด็กของแกพยายามขโมยน้ำตามัจจุราช ดังนั้นมันต้องถูกลงโทษ ยกเว้นแต่ว่ามันจะยอมสารภาพว่าใครที่อยู่เบื้องหลัง บอกมาสิเอมี่ ถ้ายังไม่อยากตาย”
เอมี่ไม่ตอบแถมยังด่าบอสว่าไอ้ปีศาจ...บอสไม่ใส่ใจ เดินมายืนข้างหลังกรณ์อย่างคุกคาม
“กรณ์...แกต้องพิสูจน์ว่าแกภักดีต่อฉันด้วยการฆ่านังนี่ซะ”
กรณ์หน้าเครียด ขณะที่ลุงโจเห็นท่าไม่ดีออกตัว
ขอจัดการเอง แต่กรณ์ไม่ยอม เขาถือมีดเดินเข้าหาเอมี่กระชาก คอเธอเข้ามาใกล้แล้วแอบกระซิบสั่งความ “ยกโทษ ให้ฉันด้วย”
“สัญญากับฉันนะหัวหน้า ว่าคุณจะต้องพาฉันกลับมา”
กรณ์ให้สัญญาก่อนจ้วงแทงเอมี่ทีเดียวสิ้นใจ บอสพอใจถึงกับหัวเราะลั่น
“ทำได้ดีมาก กลับไปเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้หมวดณัฐชาจะส่งมอบหลักฐานให้ตำรวจ เราต้องไปที่นั่นเพื่อขัดขวางมัน”
“ครับบอส” กรณ์รับคำแล้วอุ้มศพเอมี่ออกไปใส่ท้ายรถ โดยมีลุงโจคอยช่วยเหลือทั้งที่หดหู่ใจและอยากรู้ว่าหัวหน้าจะเอายังไงต่อจะสู้หรือจะเผ่น ปรากฏว่าคำตอบคือทำตามแผนเดิม กรณ์ต้องการคืนชีพให้พวกของตนทุกคน
“แต่เราไม่มีน้ำตามัจจุราชนะ แถมบอสยังเขม่นเราด้วย ท่าทางเสร็จงานนี้เมื่อไหร่มันสอยเราแน่”
“เราต้องยืมมีดฆ่าคน หาคนอื่นมาจัดการกับบอส” คำพูดของกรณ์ทำให้ลุงโจชะงักด้วยความสงสัยว่าคนคนนั้นคือใคร?
ผลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดของใจทิพย์พบวัตถุเล็กๆฝังอยู่ในสมอง เป็นโลหะแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆต้องเป็นฝีมือพรายพิฆาต!
ขณะที่ฤทธิ์หนักใจเรื่องใจทิพย์ กรณ์ติดต่อมานัดพบเขาที่สนามเด็กเล่นแห่งหนึ่งเพื่อเจรจาให้เขาจัดการบอส แต่วิธีการของกรณ์ไม่ใช่แค่เจรจาดีๆ มีระเบิดเป็นตัวช่วย โดยให้ลุงโจเตรียมพร้อม ถ้าเขาสั่งการเมื่อไหร่เด็กๆในสนามต้องแขนขาขาดเรี่ยราด ฤทธิ์ไม่พอใจ เยาะหยันกรณ์ว่าถ้าขี้ขลาดแบบนี้แล้วนัดเจอตนทำไม
“ถ้าจะฆ่าฉัน อย่าว่าแต่เจ้านายเลย ต่อให้เป็นญาติผู้ใหญ่ฉันก็ไม่ปล่อยเอาไว้” กรณ์ว่าแล้วบุ้ยใบ้ให้ลุงโจ อธิบายแทน
“คืนนี้ยายตำรวจหน้าหวานคู่หูของแกมีนัดจะส่งมอบหลักฐานให้ตำรวจ บอสมีแผนจะไปขัดขวางหล่อน”
“แกเก็บบอส เราจะคอยหนุนหลัง ส่วนเรื่องของเราไว้ค่อยสะสางกัน”
ฤทธิ์มองหน้ากรณ์อย่างไม่ค่อยวางใจ เช่นเดียวกับมาดามหลิว เมื่อรับรู้จากฤทธิ์ที่กลับมาเล่าให้ฟังก็โพล่งขึ้นทันทีว่าตนไม่เชื่อใจหมอนั่น
“แต่ถึงยังไงผมต้องไปดูลาดเลาที่นั่น อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันหลักฐาน”
“เธอจะเสี่ยงไปเพื่ออะไร ในเมื่อใจทิพย์ก็กลับมาแล้ว”
“ผมเคยรับปากคุณเอาไว้ ว่าเราจะสะสางหนี้แค้นด้วยกัน นี่คือการตอบแทนสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา”
“หมายถึง...เธอจะไปจากฉันแล้วสิ”
“เสร็จงานเมื่อไหร่ผมจะพาใจทิพย์ไปจากที่นี่ โลกนี้จะไม่มีนายโทมัส หลิว...และนักสู้มหากาฬอีกต่อไป”
หลังจากนั้นฤทธิ์กลับเข้าห้องพัก เตรียมมีดซึ่งเป็นอาวุธคู่กายเพื่อภารกิจครั้งสุดท้าย ขณะที่มาดามหลิวยังนั่งอยู่ที่เดิมภายในห้องสมุด รำพึงออกมาด้วยความไม่พอใจ
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอก ฤทธิ์ ราวี ความแค้นของฉันต้องมีคนช่วยสะสาง และเธอต้องเป็นโทมัส หลิว ของฉันตลอดไป”
ooooooo
เย็นนั้น ผู้กำกับเมธามีนัดรับหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับพรายพิฆาตจากณัฐชาซึ่งนัดกันที่ร้านอาหาร แต่ขณะที่เมธาเดินมาถึงลานจอดรถในกองปราบ จู่ๆ ราเมศก็โผล่มาแทงเข็มฉีดยาที่ร่างกายเขาจนทรุดฮวบแล้วหมดสติไปอย่างเร็วโดยไม่ทันป้องกันตัว แต่ก็เห็นใบหน้าราเมศชัดเจน!
ด้านกรณ์กับลุงโจเพิ่งได้รับคำสั่งของบอสผ่านมาทางไอ้แหลมว่าให้ทั้งคู่ไปรอยังจุดนัด เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้คอยเป็นกองหนุน กรณ์รอเวลานี้อยู่แล้ว ถามไอ้แหลมว่าจุดนัดอยู่ที่ไหน พอได้คำตอบก็แอบส่งข่าวไปยังฤทธิ์ที่กำลังเตรียมอาวุธพิเศษ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชาญเป็นอย่างดี แต่ไม่ยอมให้เขาติดตามไปด้วย เพราะต้องการให้อยู่ดูแลใจทิพย์ทางนี้
ฝ่ายณัฐชากับไอริณก็พร้อมแล้วเช่นกัน สองสาวมุ่งหน้ามาพร้อมหลักฐานคือพระของนำชัย โดยไอริณเอาห้อยไว้ที่คอตลอดเวลา ราเมศขับรถมารับพวกเธอโดยไม่รู้ว่าสิงหาสะกดรอยตามทุกระยะด้วยอุปกรณ์ที่เขาแอบติดตั้งไว้กับตัวรถ
ราเมศพาสองสาวมาถึงหน้าโรงงานเดิมที่ตำรวจเคยหลงกลคิดว่าที่นี่คือโรงงานผลิตยาเสพติดของพรายพิฆาตซึ่งณัฐชาจำได้ดี
“ที่นี่คือที่แรกที่เราได้เจอกับนักรบของพรายพิฆาต และนักสู้มหากาฬ พวกมันต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าเราจะนัดเจอกันแถวนี้” ราเมศอธิบาย...ไอริณไม่ได้ใส่ใจ กลับถามหาผู้กำกับเมธาเพราะเธอต้องการมอบหลักฐานถึงมือเขาด้วยตัวเอง
“อยู่ข้างใน พวกคุณเข้าไปเถอะ ผมจะดูต้นทางให้เอง”
สองสาวพากันเข้าไปในโรงงานทิ้งราเมศเฝ้าอยู่ด้านนอก ส่วนสิงหาที่แอบตามมารีบเดินอ้อมไปอีกทาง...
บรรยากาศในโรงงานเหมือนบ้านผีสิงไม่มีผิด ไอริณกับณัฐชาร้องเรียกผู้กำกับเมธาอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินมาเผชิญหน้าแล้วถามหาหลักฐานทันที ไอริณบอกว่าอยู่ที่ตนแต่ตนมีเงื่อนไขอยากต่อรอง
“ถ้าท่านได้หลักฐานไปแล้ว ท่านต้องรับปากว่าจะไม่จับกุมณัฐชาเพื่อนของฉัน”
“ไม่ได้นะไอริณ ถ้าผู้กำกับทำแบบนั้นก็เท่ากับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”
“แต่เธอถูกใส่ร้ายนะณัฐชา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะฆ่ามาวิน”
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกัน เรื่องนี้ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตกลงฉันรับปาก ฉันจะหาทางช่วยณัฐชาให้ถึงที่สุด ตอนนี้ขอหลักฐานให้ฉันก่อนเถอะ”
พริบตานั้นเอง! สิงหาปรากฏตัวก่อนที่ไอริณจะถอดสร้อยพระที่คอให้เมธา ทุกคนตะลึงคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเมธาซึ่งแท้จริงแล้วเขาคือบอส ส่วนเมธาตัวจริงโดนราเมศทำร้ายจนสลบแล้วยัดไว้ในท้ายรถที่กองปราบ
เมื่อถูกสิงหาขัดขวาง บอสจึงกลับสู่ร่างเดิมของตนแล้วประกาศก้องว่าตนเป็นคนฆ่ามาวินกับนำชัย ไอริณตะลึงเพราะเข้าใจมาตลอดว่าฆาตรกรฆ่าพ่อเธอคือนักสู้มหากาฬ
สิงหารับมือกับบอสโดยสั่งณัฐชาพาไอริณหนีไปก่อน แต่แล้วฝีมือของสิงหาก็สู้บอสไม่ได้ เขาถูกเหวี่ยงกระเด็นไปหมดสติอยู่มุมหนึ่ง จากนั้นบอสก็หายตัวไปดักหน้าสองสาวที่พยายามจะออกจากโรงงาน ณัฐชาสู้ยิบตาและสามารถพาไอริณวิ่งไปถึงรถแต่ไม่พบผู้กองราเมศ
ขณะสองสาวเหลียวหน้าเหลียวหลังร้อนใจ ราเมศก็โผล่พรวดมาจากมุมหนึ่ง ณัฐชาถามเขาว่าหายไปไหนมา ราเมศตอบอย่างไม่มีพิรุธว่าตนได้ยินเสียงปืนเลยจะอ้อมไปดูข้างหลังแต่พวกเธอกลับมาเสียก่อน สองสาวไม่เอะใจ จนกระทั่งราเมศรบเร้าจะเอาหลักฐาน พร้อมกันนั้นจ่าไมตรีโทร.เข้ามือถือณัฐชาพอดี
ณัฐชาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินจ่าเล่าว่าเจอผู้กำกับเมธานอนสลบอยู่ในรถ พอฟื้นขึ้นมาก็บอกว่าถูกผู้กองราเมศทำร้าย ที่สำคัญผู้กองไม่ได้บอกแกเรื่องส่งมอบหลักฐาน...แน่นอนว่าณัฐชาไม่พูดอะไรต่อหน้าราเมศแน่ ได้แต่วางสายจากจ่าแล้วบอกเขาว่าเราควรแยกกันตรงนี้ ส่วนหลักฐานตนจะส่งไปที่กองปราบ
“คุณฝากไว้ที่ผมก็ได้นี่” ราเมศแบมือมาตรงหน้า ณัฐชาตัดสินใจในนาทีนั้นชักปืนเล็งใส่เขาแล้วดึงไอริณถอยออกมา พร้อมกับพูดโพล่งว่าเขาไม่ใช่ราเมศ
“คุณพูดผิดแล้วณัฐชา ผมคือราเมศ...แต่ราเมศจริงๆแล้วเป็นใครต่างหาก”
ที่แท้ราเมศก็คือบอสนั่นเอง! บอสที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตาแท้จริงของเขามาก่อนนอกจากเอมี่ที่เพิ่งเห็นเมื่อวันก่อนแต่เธอก็ตายไปเสียแล้ว
สองสาวตะลึงงันแทบไม่เชื่อสายตา...พวกเธอเกือบโดนบอสทำร้ายหมายฆ่าปิดปากและช่วงชิงหลักฐานถ้านักสู้มหากาฬไม่ปรากฏตัวเสียก่อน ฤทธิ์หรือนักสู้มหากาฬสั่งณัฐชาพาไอริณหลบไปก่อน ส่วนตัวเองห่ำหั่นกับบอสอยู่พักหนึ่งก่อนจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำถูกคมดาบจนได้เลือด แต่ไม่ใช่เลือดสีฟ้าเหมือนแต่ก่อน
“ฮ่าๆๆ เลือดสีแดง เหมือนที่พรายพิฆาตบอกไว้ แกไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้วนักสู้มหากาฬ วันนี้แกตายแน่”
“แกต่างหากที่ต้องตายก่อนฉัน”
ฤทธิ์ไม่สะทกสะท้าน ควงมีดของตนเก็บคืนที่เดิมแล้วดึงกระบองไฟฟ้าออกมาเล่นงานบอสต่อ ปรากฏว่าอาวุธพิเศษนี้สามารถจัดการบอสได้อยู่หมัด มันถึงกับบาดเจ็บ ร้องโหยหวนวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากกรณ์ แต่ไม่นึกว่า จะโดนลุงโจยิงด้วยปืนไฟฟ้าหัวฉมวกเข้าเต็มรัก ทันทีที่หัวฉมวกปักเข้าที่หน้าอก กระแสไฟก็ถูกปล่อยผ่านเส้นลวดจนช็อตร่างบอสอย่างรุนแรง กรณ์เห็นดังนั้นก็ชักโผนเข้าใส่หมายตัดศรีษะมัน แต่ฤทธิ์พุ่งมาสกัดไว้เสียก่อน
“พอได้แล้ว”
“แกจะบ้าหรือไง ถ้ามันรอดไปเมื่อไหร่ มันเอาแกตายแน่”
“ฉันรู้ แต่ถ้าจะจับพรายพิฆาต ตำรวจต้องใช้เบาะแสจากมัน”
“ก็ได้...ถ้างั้นเราจบเกมกันแค่นี้”
ฤทธิ์ไม่พูดอะไรแต่ตวัดมีดมาที่คอของกรณ์ ลุงโจตกใจหันปืนมาที่ฤทธิ์ทันที กรณ์เองก็ใจเสียทวงถามขึ้นว่า แกจะผิดคำพูดหรือไง?
“ไม่! ตอนนี้ฉันไม่อยากแก้แค้น เพราะฉันได้ใจทิพย์กลับมาแล้ว” กรณ์แทบไม่เชื่อหู ทำท่าจะซักแต่ฤทธิ์ไม่เปิดโอกาส ตวาดเสียงดัง “ถอนตัวจากพรายพิฆาตซะ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าแกเสร็จฉันแน่”
กรณ์สีหน้าข้องใจแต่ไม่ทันพูดอะไรอีกลุงโจก็ลากตัวเขาออกไปจากตรงนั้น สิงหาเพิ่งเดินออกมาจากข้างใน เห็นนักสู้มหากาฬเต็มสองตา
“ทุกอย่างมันจบแล้วสารวัตร หัวหน้าสาขาของพรายพิฆาตตอนนี้อยู่ในมือคุณ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะไม่มีนักสู้มหากาฬอีกต่อไป”
สิงหามองไปที่บอสอย่างงุนงง และยิ่งตกใจเมื่อเห็นบอสค่อยๆกลายร่างเป็นราเมศ!!
ooooooo










