icon member

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 2

ตอนที่ 2 เหนือธรรมดา

ยามราตรี

บนเตียงอันอบอุ่น ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังเอนกายอ่านหนังสือบนเตียง แสงนวลที่ส่องออกมาจากตะเกียงผลึกข้างๆ สว่างไสวไปทั้งห้อง

ชื่อหนังสือคือ ‘สิบอัศวินเหนือธรรมดา’

นี่เป็นนิทานประเภทตำนาน ตงป๋อเสวี่ยอิงชอบอ่านนิทานที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเหนือธรรมดาในนิทาน ในฐานะที่เป็นชนชั้นสูง อีกทั้งมารดาก็เป็นปรมาจารย์เวทย์ มีหนังสือสะสมไว้เป็นจำนวนมาก ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงมีความรู้มากมายมานานแล้ว

ดังเช่นอัศวินแบ่งได้เป็นเจ็ดลำดับขั้นได้แก่ ชั้นมนุษย์ ชั้นดิน ชั้นฟ้า ดาวตก จันทร์เงิน สมญา และ ‘เหนือธรรมดา’

ชั้นมนุษย์ ชั้นดิน และชั้นฟ้าต่างก็นับว่าเป็นอัศวินธรรมดา

ส่วนดาวตก จันทร์เงิน และสมญาก็ล้วนนับว่าเป็นอัศวินดวงดาราแล้ว

สูงกว่าดาวตก จันทร์เงิน สมญา ก็คือเหนือธรรมดา

สามลำดับขั้นใหญ่...ก้าวไปถึงได้ยากนัก! เช่นท่านพ่อและท่านอาถงต่างเป็นเพียงอัศวินชั้นฟ้าเท่านั้น

ส่วนอัศวินดวงดารา อะไรคืออัศวินดวงดารา ก็คือในสนามรบ พวกเขาเหมือนกับดวงดาราที่ส่องแสงเจิดจ้าดึงดูดสายตา ลูกศรนับไม่ถ้วนรายล้อมก็มิอาจทำร้ายพวกเขาได้ พวกเขาสามารถนำได้ทั้งสามเหล่าทัพ ไร้ศัตรูรอบทิศ

แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนนับว่าเป็นพละกำลังของคนธรรมดา

ต่อให้เป็นอัศวินสมญาที่สามารถทลายกองทัพนับแสนคนลงได้ด้วยตัวคนเดียว แม้จะมีสมญานามต่างๆ อย่าง ‘จอมพลังหนึ่งกองพล’ ‘ขีดสุดแห่งมนุษย์’ ‘พลังที่ใกล้เคียงเทพ’ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพียงพละกำลังของคนธรรมดา หากอาศัยจำนวนคนมากๆ แล้ว ก็สามารถฆ่าให้ตายได้

แต่หากก้าวสู่ระดับเป็นเหนือธรรมดาเล่า!

นั่นเป็นความแตกต่างของคุณสมบัติ เป็นการเปลี่ยนผ่านของทั้งระดับชีวิต ไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นชีวิตเหนือธรรมดา อาศัยคนธรรมดาจำนวนมากเพียงอย่างเดียวไม่มีความหมายใดๆ สำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ในสถานการณ์ปกติ ต่อให้คนธรรมดามากมายสักเพียงใดก็ไม่สามารถสังหารพวกเขาให้ตายได้ แม้แต่ทำร้ายพวกเขาก็ยังทำไม่ได้ พวกเขามีพละกำลังอย่างเหลือเชื่อและเหนือกว่าสรรพสิ่งทั่วไป

ทวยเทพก็คร้ามเกรงพวกเขา

ดังเช่นยักษ์อัคนีสูงพันเมตรในตำนาน หรือจอมมารในนรกโลกันตร์ ล้วนเป็นชีวิตเหนือธรรมดา ส่วนมนุษย์ก็กลายเป็นพวก ‘เหนือธรรมดา’ ได้เช่นกัน โดยผ่านการฝึกฝน

เหล่าผู้กล้าซึ่งเป็นพวกเหนือธรรมดาในมวลมนุษย์ ได้ปราบมารร้ายที่รุกรานจนล่าถอยไป และกำจัดผู้ต่อต้านที่บังอาจทั้งหมด!

พวกเขาเป็นกำลังสำคัญของชนเผ่าเจิ้น สะเทือนขวัญเผ่าอื่นทั้งหมด!

“หากข้าได้กลายเป็นอัศวินเหนือธรรมดาก็คงดี จับมารร้ายเล่นสักสองสามตน จับมังกรสักตัวมาทำเก้าอี้นั่ง แล้วก็ไปหาเทพมานั่งดื่มสุราด้วยสักหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงอ่านตำนานปรัมปราแล้วเริ่มยิ้มซื่อๆ ราวกับว่าตนเองได้กลายร่างเป็นอัศวินเหนือธรรมดา ทันใดนั้น...

“พรึ่บ”

ตะเกียงผลึกข้างๆ ดับมอดไปเอง

“เอ๋? ทำไมตะเกียงผลึกมอดไปแล้วล่ะ เร็วเพียงนี้เชียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่กำลังอ่านหนังสืออย่างสนุกทำหน้ามุ่ยจนใจขึ้นมาโดยพลัน “มีมารดาเป็นปรมาจารย์เวทย์นี่ช่างน่าสงสารเสียจริง ขนาดตะเกียงผลึกยังมอดไปเองเมื่อถึงเวลา”

“อืม นอนก็ได้!”

ไม่มีแสงไฟ ทำได้เพียงนอนเท่านั้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา ในความฝันนั้น ตัวเขากลายร่างเป็นอัศวินเหนือธรรมดา ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ตกอยู่ในห้วงนิทรานั้น ยกมุมปากยิ้มอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันหวาน

******

ในยามนี้ ตงป๋อเลี่ยและภรรยาก็อยู่บนเตียง เตรียมตัวเข้านอนแล้วเช่นกัน

“ตงป๋อ ช่วงนี้ข้ารู้สึกจิตใจไม่ค่อยสงบอย่างไรก็ไม่รู้” ภรรยาเอนกายอยู่ในอ้อมกอดของสามี

“อาอวี๋ อย่ากังวลไปเลย พวกเราอยู่ที่เมืองอี๋สุ่ยมาตั้งแปดปีแล้ว ก็สงบสุขมาโดยตลอด ตระกูลเจ้าตามหาไม่เคยพบ เจ้าวางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ครอบครัวเราต้องได้ใช้ชีวิตสุขสงบไปตลอด สิบปียี่สิบปี...จนแก่เฒ่าผมหงอกขาว พวกเขาหาเราไม่เจออยู่แล้ว ไม่มีวันหาเจอ” ตงป๋อเลี่ยโอบกอดภรรยาอย่างแผ่วเบา

ภรรยาซุกศีรษะเข้ากับแผ่นอกของสามี

นางไม่ได้พูดอะไรมาก นางรู้ดีว่าตระกูลของนางยิ่งใหญ่เพียงไหน เกรงว่าคงมีสักวันที่ถูกจับได้

มุมปากของนางมีรอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมา นางไม่เสียใจในสิ่งที่เลือกเมื่อตอนนั้นสักนิด หากตอนนั้นเชื่อฟังคนในตระกูลต่างหากถึงจะนับว่าเป็นหายนะ นางหนีออกมาจากตระกูล ผจญภัยไปตามที่ต่างๆ ได้อยู่กับคนที่รักในท้ายที่สุด ทั้งยังมีบุตรชายที่น่ารักถึงหนึ่งคู่ นางก็พอใจมากแล้ว

“ตงป๋อ ท่านจะรู้สึกเสียใจหรือไม่” ผู้เป็นภรรยาเอ่ยเสียงเบา “หากถูกจับได้ พวกเขาย่อมไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่” 

“เจ้ากับข้าร่วมเป็นร่วมตายกันมากี่ครั้งกี่หนแล้ว ยังถามเช่นนี้อีกรึ” ตงป๋อเลี่ยพูดยิ้มๆ

“อื้อ”

    ……

ดึกแล้ว ปราการเมืองเงียบสงบยิ่งนัก

นอกจากทหารยามรักษาการณ์แล้ว แทบทุกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา

“ครืน...” นกตัวใหญ่ราวกับเมฆดำบินมาด้วยความเร็วสูง เสียงครั่นครืนดังก้องฟ้า ทำให้หน้าต่างกระจกของปราการเมืองสั่นไหว

นกยักษ์หยุดนิ่งกลางท้องฟ้า

คนในอาภรณ์สีเทาและบุรุษชุดเกราะเงินมองไปยังเบื้องล่าง

“ถึงแล้ว” คนในอาภรณ์สีเทาแววตาซับซ้อน “น้องสาว...ไม่อยากจับตัวเจ้าไปเลยจริง ๆ”

“เตรียมพร้อม!!!”

เสียงคำรามสะท้อนก้องไปทั้งปราการเมือง มนุษย์สิงห์ถงซานเปล่งเสียงคำรามออกมา

“มนุษย์สิงห์แห่งเผ่าอสูรรึ?” บุรุษชุดเกราะเงินมองไปด้านล่างแล้วเอ่ยอย่างแปลกใจ

“เป็นเจ้าทาสมนุษย์สิงห์ที่ตระกูลข้าแบ่งสรรให้น้องสาวในปีนั้น ไม่นึกเลยว่าผ่านไปหลายปีเช่นนี้ เจ้ามนุษย์สิงห์นี่จะยังติดตามน้องสาวข้าอยู่อีก ยังนับว่าภักดีนัก” คนในอาภรณ์สีเทามองมนุษย์สิงห์ผู้กล้าแกร่ง นึกย้อนไปถึงทาสมนุษย์สิงห์ในวัยเยาว์ที่ถูกขังไว้ในกรงในตอนนั้น เจ้าทาสมนุษย์สิงห์ในวัยเยาว์ติดตามน้องสาวอย่างเงียบเชียบ มาบัดนี้องอาจถึงเพียงนี้แล้ว

ปราการเมืองเบื้องล่างกินพื้นที่สองลี้ แบ่งเป็นปราการเมืองชั้นนอกและปราการเมืองชั้นใน ปราการเมืองชั้นนอกมีทหารและคนรับใช้อาศัยอยู่ทั้งหมดสี่ค่าย อัศวินสามารถพาครอบครัวมาอาศัยที่ปราการเมืองชั้นนอกได้ ในยามค่ำคืน บนกำแพงปราการเมืองชั้นนอกจะมีทหารหนึ่งค่ายเดินรักษาการณ์อยู่

“มีข้าศึก”

“มีข้าศึก”

ทหารทั้งสามร้อยนายบนกำแพงเมืองต่างก็หยิบธนูคันใหญ่สีแดงเข้มข้างกายขึ้นมา ลูกศรดอกใหญ่ใส่ไว้ในคันธนูก่อนหน้านานแล้ว ธนูล้วนเล็งตรงไปที่พญาแร้งสี่ปีกที่อยู่กลางอากาศตัวนั้น

“เจ้าไปสิ” คนในอาภรณ์สีเทากำชับ

“ขอรับ” จากกลางอากาศ บุรุษชุดเกราะเงินกระโดดเพียงทีเดียวก็ถึงพื้น จากความสูงห้าหกสิบเมตรไม่มีสิ่งรองรับแต่อย่างใด สองเท้าวางลงบนพื้นศิลาของปราการเมืองด้วยเสียงกึกก้อง พื้นดินสั่นสะเทือน แผ่นศิลาใต้เท้าแตกกระจายออกไปทั้งสี่ทิศ

บุรุษชุดเกราะเงินมองไปข้างหน้า ตอนนี้ตงป๋อเลี่ยและภรรยาออกมาแล้ว แม้แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงและชิงสือน้องชายก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

ข้างนอกมีทั้งเสียงคำรามทั้งเสียงดังกึกก้อง จะนอนหลับได้ที่ไหนกันเล่า   

“เรื่องอะไรกันนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงอุ้มน้องชาย ยืนดูอยู่หลังบิดามารดา

“ม่อหยางอวี๋!” บุรุษชุดเกราะเงินยืนอยู่ตรงที่ว่างบนปราการเมือง ปล่อยให้ทหารจำนวนมากบนปราการเมืองทั้งจากที่ไกลๆ และที่สูงเล็งศรใหญ่ตรงมายังเขา พูดด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะดื้อด้านอยู่อีกรึ ไปกับพวกเราเสียดีๆ เถอะ” 

“ดูรอบตัวเจ้าเสียก่อนเถอะ” ตงป๋อเลี่ยแค่นเสียงเฮอะ

บุรุษชุดเกราะเงินกวาดสายตาสำรวจรอบกาย ทหารบนกำแพงสูงที่ปราการไกลออกไป และทหารส่วนหนึ่งที่ล้อมเขาอยู่บนพื้น ทุกคนล้วนถือธนูคันใหญ่สีแดงเข้ม ม่านตาของบุรุษชุดเกราะเงินหดลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดยิ้มๆ ว่า “ธนูทลายดาว เก่งไม่เบานี่ ดินแดนใต้อาณัติเล็กๆ ธรรมดาๆ ในเขตตำบลกลับมีธนูทลายดาวมากมายเพียงนี้ได้ มีธนูทลายดาวมากมายเช่นนี้มาล้อมข้าคนเดียว คงหวังจะฆ่าข้าให้ตายเป็นแน่”

“เจ้าเป็นถึงอัศวินดาวตก หากสู้กันตัวต่อตัวแล้ว ในปราการเมืองของเราคงไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้หรอก” ตงป๋อเลี่ยเอ่ย “แต่ถ้ามีธนูทลายดาวห้าร้อยคัน ทุกคันล้วนสามารถทำให้เจ้าบาดเจ็บได้ทั้งนั้น ล้อมเจ้าพร้อมๆ กัน รวมกับพวกเราสองสามคนลงมืออีกหน่อย...ล้อมฆ่าเจ้าก็ยังคงพอมีทางอยู่”

“ที่นี่เป็นแดนใต้อาณัติของตระกูลตงป๋อ” ม่อหยางอวี๋ สตรีในอาภรณ์สีม่วงพูดบ้าง “เจ้าบุกรุกแดนใต้อาณัติของชนชั้นสูง ถือเป็นการรุกล้ำตระกูลเรา พวกเราสามารถนำเจ้ามาตีให้ตายได้อยู่แล้ว ถึงเจ้าตายก็ตายเปล่า”

ตามกฎหมายอาณาจักร ชนชั้นสูงมีอภิสิทธิ์ แดนใต้อาณัติของชนชั้นสูงยิ่งไม่อาจรุกล้ำ

“พวกเจ้าสองสามีภรรยาไปกับข้าเสียเถอะ อย่าดื้อด้านอีกเลย” บุรุษชุดเกราะเงินขมวดคิ้ว

“ชนชั้นสูงได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายอาณาจักร หรือว่าเจ้าคิดจะฝ่าฝืนกฎหมายอาณาจักร จับตัวชนชั้นสูงสองคนไปอย่างนั้นรึ” ม่อหยางอวี๋ในอาภรณ์สีม่วงพูดเสียงเยียบเย็น

“เสี่ยวอวี๋”

เสียงแหบห้าวเสียงหนึ่งลอยมา

 ทุกคนต่างเงยหน้ามอง ก็เห็นคนในอาภรณ์สีเทาบนหลังนกยักษ์กลางท้องนภานั้นถือคทาเวทย์อยู่ในมือ ทันใดนั้นกระแสพลังก็โหมซัดสาดรวมกัน บนท้องฟ้าปรากฏชั้นเมฆหนาขึ้นมาจากความว่างเปล่า กลางชั้นเมฆมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบนับไม่ถ้วน หลายจุดบนปราการเมืองเบื้องล่างปรากฏแสงสายฟ้าเป็นสายขึ้นมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ท่ามกลางราตรีมืดมิดมีแสงสายฟ้าสว่างวาบนับไม่ถ้วน สายฟ้าเหล่านี้ฟาดลงบนร่างทหารเหล่านั้น เหล่าทหารร้องครวญคราง สะดุ้งล้มลงบนพื้นทีละคนๆ ธนูทลายดาวก็ร่วงหล่นลงบนพื้น

เพียงขยับมือ เหล่าทหารนับร้อยก็ไร้แรงต้านทานโดยสิ้นเชิง เขาปราณียั้งมือไว้แล้ว มิเช่นนั้นทหารทั้งหมดคงกลายเป็นเถ้าธุลี

พญาแร้งสี่ปีกบนฟ้าร่อนลงมายังพื้น คนในอาภรณ์สีเทาก้าวลงมา เขาเปิดหมวกที่ปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวซีดอยู่บ้างหากยังคงงามสง่า เค้าหน้าของคนหนุ่มในอาภรณ์สีเทากับม่อหยางอวี๋คล้ายกันถึงเจ็ดแปดส่วน

“เสี่ยวอวี๋ ยังจะต่อต้านอยู่อีกไหม” คนหนุ่มในอาภรณ์สีเทาเอ่ย

“ท่านพี่...” ม่อหยางอวี๋เบิกตาโพลง ทั้งร่างสั่นสะท้าน

อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด