ตอนที่ 8
ระหว่างที่ดาราขับรถไปนั้น บัวทองพูดอย่างแค้นใจว่าจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ ถ้าพวกมันตัดถนนเข้าไป โบราณสถานต้องพินาศย่อยยับแน่
“ฉันไม่หยุดหรอกบัวทอง ถ้าต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็ยอม”
พลันดาราก็ต้องเหยียบเบรกอย่างแรง เพราะที่กลางถนนมีรถของแจ็คกับลูกน้องมาขวางอยู่ ท่าทางมันร้ายกาจมากจนบัวทองบอกว่าพวกมันไม่ปล่อยเราแน่ จะทำอย่างไรดี
ดาราเอาปืนที่ซ่อนในรถออกมา ให้บัวทองขับรถถอยหลังส่วนเธอยิงต้านพวกมันที่ไล่มาอย่างกระชั้นชิด บัวทองตัดสินใจขับรถลงในไร่อ้อย มันก็ขับตามไปในดงอ้อย เมื่อเห็นจวนตัว ดารากับบัวทองลงจากรถวิ่งหนีสุดชีวิต บัวทองถูกกิ่งไม้แทงเท้าจนเลือดออกลุกแทบไม่ไหว
ขณะทั้งสองกำลังลำบากและอยู่ในภาวะอันตรายนั่นเอง มีเสียงแหวกกออ้อยเข้ามา บัวทองให้ดาราหนีไป ตนจะต้านพวกมันเอง
“ไม่...ฉันจะไม่ทิ้งเธอ” ดาราเด็ดเดี่ยวมาก หันไปคว้าท่อนไม้พร้อมสู้ตาย เมื่อเสียงแหวกดงอ้อยใกล้เข้ามาเธอเงื้อไม้สุดแขน เมื่อได้จังหวะเธอกระหน่ำสุดแรง
มือที่กำไม้ถูกจับค้างไว้กลางอากาศ ด้วยมือของบุรุษลึกลับที่ใช้ผ้าขาวม้าพันหน้าไว้ เขาแย่งไม้จากดาราปาทิ้ง
“แกเป็นใคร!” ดาราถอยไปยืนกับบัวทอง บุรุษลึกลับไม่ตอบ กลับชักดาบดำออกมา สองสาวผวากอดกันแน่น มองดาบคมกริบในมือเขา
“ดาบ...หรือว่า...เขาคือวีรบุรุษบาปคะอาจารย์”
บุรุษลึกลับนั้นปักดาบลงดิน หันหลังให้แล้วชี้ไปทางหนึ่งเป็นสัญญาณให้ทั้งสองหนีไปทางนั้น บัวทองเข้าใจเจตนาพากันหนีไปทางนั้น
เขาชำเลืองมอง พอเห็นสองสาวไปแล้ว เขาชักดาบขึ้นมาอยู่ในท่าพร้อมสู้!
แจ็คกับสมุนไล่ตามมาถึงพอดี สองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างพร้อมลุย
ooooooo
ระหว่างนั้น ยงยุทธไปร้องเรียกขุนเดชที่กระท่อม ปรากฏว่าหลวงลุงออกมาบอกว่าขุนเดชยังไม่กลับ มีธุระอะไรหรือ ยงยุทธบอกว่าตนมีเรื่องอยากจะเตือนขุนเดช
หลวงลุงถามว่าขุนเดชกำลังมีเรื่องเดือดร้อนอะไรหรือ ยงยุทธบอกว่าไม่ใช่ขุนเดช แต่เป็นวีรบุรุษบาป
“แล้ววีรบุรุษบาปเกี่ยวอะไรกับขุนเดช?”
“ผมขอโทษหลวงลุง ผมเคยเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของผมมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากให้ตัวเองสงสัยผิด”
หลวงลุงมองยงยุทธอย่างแปลกใจในคำตอบ...
ooooooo
บุรุษลึกลับเผชิญหน้ากับแจ็คและลูกน้องต่างพร้อมจะลุยใส่กัน แจ็คถามลูกน้องว่าหมอนั่นเป็นใคร
“ท่าทางกับดาบของมัน...มันคือวีรบุรุษบาปแน่”
แจ็คยิ้มร้าย พูดอย่างสะใจว่า “วีรบุรุษบาปเหรอ...หึๆได้ยินชื่อเสียงมานาน ในที่สุดก็ได้เจอตัวเสียที!”
เขาคือวีรบุรุษบาป ที่ทุกคนรู้โดยไม่ต้องประกาศตัว!
ทั้งสองฝ่ายลุยเข้าใส่กัน แต่ด้วยรูปร่างใหญ่โตแข็งแรงของแจ็ค วีรบุรุษบาปถูกรุมจนอ่อนแรงและถูกแจ็คจับหักมือจนร้องลั่นอย่างเจ็บปวด เสียงร้องดังไปถึงบัวทองกับดารา บัวทองผละจากดาราจะย้อนกลับไปทางเสียงร้อง
“วีรบุรุษบาป!! อาจารย์ได้ยินไหมคะ เขาพยายามจะช่วยเรา”
ดาราบอกบัวทองให้หลบอยู่ตรงนี้ ตนจะไปช่วยวีรบุรุษบาปเอง เธอถือปืนวิ่งออกไปทันที
วีรบุรุษบาปกำลังเพลี่ยงพล้ำ แจ็คกับลูกน้องรุมกันเข้ามา หมายเอาให้ตายในคราวนี้ แจ็คเหวี่ยงหมัดสั่งตายใส่ วีรบุรุษบาปถีบท้องมัน ทำให้หมัดสั่งตายของแจ็คพลาดจากหน้าไปถูกท้องอย่างจัง ทำให้วีรบุรุษบาปกระอักเลือดออกมาทันที ผ้าขาวม้าที่พันหน้าชุ่มไปด้วยเลือด!
แจ็คง้างหมัดสั่งตายจะเข้าไปซ้ำอีก ดารามาถึงพอดีเธอเล็งปืนใส่ตวาด
“ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นนัดนี้จะแสกหน้าแกแน่!” แจ็คเจอปืนจ่อมันจึงถอยไป บัวทองกะเผลกมาถึงพอดี เห็นสภาพของวีรบุรุษบาป เธอจะเข้าช่วย เขาส่ายหน้าแล้วกำดาบชี้หน้าสองสาวทำนองให้ถอยไป อย่าตามตน ดาราบอกบัวทองว่า “ปล่อยเขาไปเถอะบัวทอง เขาไม่ต้องการให้เราตามเขา”
สองสาวได้แต่ยืนมองวีรบุรุษบาป ที่เดินจากไปในสภาพบอบช้ำสาหัส ด้วยความเป็นห่วง...
ooooooo
ในยามนี้...ขุนเดชคิดถึงคำพูดและความหวังของพ่อเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก และไปดักเล่นงานเด็กเกเรที่เคยมีเรื่องกัน หมายสั่งสอนพวกมันให้ต้องจำตนไปจนตาย
ครั้งนั้น ขุนเดชแอบเอาดาบดำของเดื่องไปด้วย ชูดาบบอกเด็กเกเรเหล่านั้นว่า นี่คือดาบของพ่อที่ปราบโจรมาแล้วทั้งสุโขทัย สั่งให้พวกนั้นขอโทษตน ถ้าไม่ขอโทษตนจะใช้ดาบนี้จัดการ
เด็กเกเรไม่ขอโทษ ขุนเดชถูกพวกที่อยู่ข้างหลังเข้ามาล็อกตัวแย่งดาบโยนทิ้ง แล้วเข้ารุมขุนเดชก่อนพากันหนีไป
ขุนเดชถูกรุมจนสะบักสะบอม เขาพยายามพาตัวเองไปหยิบดาบ ขณะโซเซจะล้มนั่นเอง เดื่องมาประคองไว้ เอาผ้าขาวม้าเช็ดเลือดที่ปากให้ขุนเดชอย่างเป็นห่วง บอกลูกว่า
“เดี๋ยวเอ็งกลับไปทำแผล สักสองสามวันก็หาย ส่วนเรื่องทะเลาะวิวาทของเอ็งก็พอได้แล้ว แค่นี้ก็เห็นแล้วว่าเอ็งสู้เขาไม่ได้” พูดแล้วเห็นขุนเดชเสียใจจะร้องไห้ เดื่องเสียงเข้มขึ้นว่า “อย่าร้องไห้ให้พ่อเห็นเด็ดขาด น้ำตามันไม่ได้ช่วยทำให้เอ็งรู้สึกดีขึ้นหรอก จำไว้ว่า นี่แหละคือบทเรียนที่เอ็งไม่รู้จักคิด แล้วก็อย่าขโมยดาบพ่อออกมาอีก เพราะถ้าเอ็งพลาด มันจะทำให้เอ็งเดินทางผิดไปตลอด”
“ฉันขอโทษจ้ะพ่อ” ขุนเดชพยายามกลั้นสะอื้น “ฉันต้องการพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าฉันพิเศษกว่าคนอื่นอย่างที่พ่ออยากให้ฉันเป็น”
“ขุนเดช...ที่พ่ออยากให้เอ็งพิเศษกว่าคนอื่น พ่อหมายความว่า ผู้ที่หลงอยู่แต่กับความทะนงตน ย่อมหลงอยู่กับความพ่ายแพ้ พ่อไม่อยากให้เอ็งเป็นคนแบบนั้นต่างหาก”
ขุนเดชนิ่งไปอย่างเข้าใจคำสอนของพ่อ เดื่องประคองลูกพาเดินกลับบ้านท่ามกลางแสงอัสดง...
นั่นคือคำสอน คำเตือนของพ่อ ที่ตราบวันนี้ ขุนเดชยังจดจำฝังใจ เขาประคองตัวเองในสภาพบอบช้ำหนักเพราะหมัดสั่งตายของแจ็ค ปลดผ้าขาวม้าที่พันหน้าซึ่งบัดนี้ชุ่มไปด้วยเลือด กระอักเลือดออกมาอีก เขาวักน้ำล้างเลือดที่หน้า สายน้ำมีสีเลือดปนแดงเรื่อ ไหลไปตามธาร ผ้าขาวม้าที่ปลดออก ก็ถูกสายน้ำพัดพาไปด้วย...ขุนเดชทรุดลงที่ริมธารนั่นเอง...
ที่ปลายลำธาร จากที่ขุนเดชทรุดล้มลง หมอน้อยกำลังออกหาสมุนไพรในป่า แวะมาล้างหน้าที่ลำธาร เห็นผ้าขาวม้าเปื้อนเลือดลอยมา หมอน้อยหยิบขึ้นดูอย่างสงสัย มองย้อนขึ้นไปที่ทางน้ำไหลผ่าน หมอน้อยตกใจเมื่อเห็นขุนเดชนอนบาดเจ็บอยู่
“ขุนเดช!!”
“อา...หมอ...” เสียงขุนเดชแผ่วหายไปอย่างหมดแรง...
ooooooo
คำปันทำแผลให้บัวทอง ยงยุทธกับดารายืนดูอยู่ ครู่เดียว ยงยุทธก็รีบเดินออกไป ดาราตามมาถามว่าจะไปไหน
“ไอ้ฝรั่งนายช่างที่คุณเจอ มันชื่อแจ็ค ผมเคยชกกับมันมาแล้ว ลองถ้ามันใช้หมัดสั่งตายกับใครแล้ว ตอนนี้วีรบุรุษบาปก็คงยืนอยู่ปากเหว รอให้พญายมพาตัวลงนรก” ยงยุทธพูดแล้วออกไปเลย ดาราจะตาม จ่าแท่นบอกว่าอย่าตามไปเลย หมวดรู้ดีว่าต้องทำยังไง
หมอน้อยพาขุนเดชกลับมาที่กระท่อมแต่อาการเขาหนักมาก หมอน้อยอยากพาไปอนามัย ไม่เพียงขุนเดชไม่ยอมไปเท่านั้น หากยังบอกหมอน้อยด้วยว่า อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าตนเป็นแบบนี้ หมอน้อยถามว่าทำไมถึงให้ใครรู้ไม่ได้
ขุนเดชชักดาบดำคมกริบวาววับออกมา หมอน้อยตะลึงอุทาน “ขุนเดช...นี่เธอ...”
หมอน้อยไม่ทันได้พูดอะไร ขุนเดชก็เก็บดาบเข้าฝักอย่างเร็วเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเข้ามา
“อาหมอครับ ไว้ผมจะอธิบายให้อาหมอฟังว่าทำไมผมถึงต้องทำแบบนี้ แต่อาหมอต้องช่วยผม ผมขอร้องล่ะครับ”
หมอน้อยเปิดประตูออกมาเจอยงยุทธพอดี ยงยุทธถามหมอน้อยว่ามาทำอะไรที่นี่ หมอน้อยอึกอัก พอนึกได้ก็บอกว่าเอายาสมุนไพรที่ขุนเดชฝากให้ช่วยหามาให้ ยงยุทธมองขวับเข้าไปทันทีถามว่างั้นขุนเดชก็อยู่ข้างในสิ พลันเปิดประตูเข้าไปจนหมอน้อยห้ามไม่ทัน
ยงยุทธทั้งมองหาทั้งเรียกหาก็ไม่มีขุนเดช หมอน้อยตามมาบอกว่าขุนเดชไม่ได้อยู่ที่นี่ ถามว่าหมวดมีอะไรกับขุนเดชหรือ ยงยุทธตอบสั้นๆว่ามีธุระนิดหน่อยไว้ขุนเดชกลับมาค่อยแวะมาอีกทีแล้วกัน
พอยงยุทธไปแล้ว ขุนเดชก็กลับเข้ามาในกระท่อมในสภาพบอบช้ำมาก เขากระอักเลือดออกมาอีก หมอน้อยรีบประคองบอกว่า “อย่าเพิ่งพูดอะไร...เธอต้องให้อารักษาเธอก่อน” ขุนเดชพยักหน้าอย่างอ่อนเพลียมาก...
ooooooo
ออกจากกระท่อมขุนเดช ยงยุทธไปหาประดับที่บ้านกำนัน สั่งให้ออกจากที่นี่ไปภายใน 24 ชั่วโมง กำนันออกมาปกป้องประดับ เตือนยงยุทธว่าพวกเราล้วนแต่เป็นคนมีหน้ามีตามีหน้าที่การงานใหญ่โต หมวดไม่ควรมาใช้อำนาจข่มขู่กัน
ยงยุทธบอกว่าตนไม่เชื่อว่าถนนที่กำลังจะตัดนี้เป็นที่เวนคืนถูกต้อง สั่งเฉียบขาดว่า
“ถ้าแกรุกล้ำเข้าไปในแหล่งโบราณคดีเมื่อไหร่แกมีเรื่องกับฉันแน่”
“อย่าหาว่าฉันสอนแกเลยนะ คนของฉันเพิ่งจะจัดการกับไอ้วีรบุรุษบาป ไอ้ฆาตกรที่แกยังตามล่าตัวไม่ได้ งานนี้แกควรจะต้องมาขอบใจฉันมากกว่า เข้าใจไหม ไอ้ตำรวจไร้น้ำยา!!” ประดับเดินเข้าไปเผชิญหน้ายงยุทธอย่างเย้ยหยันท้าทาย
ยงยุทธสุดทนซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าประดับ พริบตานั้นแจ็คกำหมัดสั่งตายพรวดออกมา ยงยุทธไวกว่าชักปืนออกมาจ่อทันทีทำเอาแจ็คชะงัก นิ้วเขาสอดในโกร่งไกพร้อมเหนี่ยว พูดใส่หน้าแจ็คว่า
“หมัดสั่งตายของแก ไม่ได้ไวไปกว่าลูกปืนของฉันหรอกไอ้แจ็ค!”
ประดับบอกแจ็คให้ปล่อยยงยุทธไป ยงยุทธกวาดปืนไปรอบๆ กำนันพยักหน้าให้ลูกน้องเปิดทางให้ ยงยุทธพูดก่อนถอยไปว่า “จำเอาไว้ ฉันให้เวลา 24 ชั่วโมง ถ้าฉันเห็นแกในพื้นที่ของฉันอีก ฉันจะลากคอพวกแกเข้าตะรางให้หมด!”
กำนันโวยใส่ประดับว่าคนของเขาไปกระตุกหนวดเสือแบบนี้พวกตนเดือดร้อนกันไปหมด ทั้งคู่โต้เถียงกันเล็กน้อย ประดับกล่อมว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าแผนการของเราสำเร็จกำนันอยากได้อะไรตนให้ได้ทุกอย่าง ตบท้ายกับกำนันว่า
“เรื่องไอ้หมวดยงยุทธกับไอ้วีรบุรุษบาปปล่อยให้เป็นเรื่องของผม ไว้ผมขุดเจอวัตถุโบราณโลหะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นต่อไปได้เมื่อไหร่ กำนันค่อยมาทำพิธีให้ผม เราจะไปถึงฝั่งพร้อมกัน”
พอประดับกอดประคองผกาออกไปแล้ว สัมฤทธิ์ถามพ่ออย่างไม่พอใจว่าให้บอกท่านไปเลยว่าประดับวางแผนหักหลังท่าน ท่านจะได้ให้ความสำคัญกับพ่อมากกว่ามัน กำนันจึงบอกความจริงว่า
“ข้าร่วมมือช่วยมันหักหลังท่านไปแล้ว ถ้าท่านรู้เรื่องขึ้นมา ข้านี่แหละที่จะเป็นคนแรกที่โดนท่านสั่งเก็บ”
ส่วนประดับเมื่อพาผกาเข้าห้องแล้ว ตั้งข้อสังเกตกับผกาว่า
“ถึงคราวนี้ไอ้วีรบุรุษบาปมันจะรอดไปได้ แต่ก็ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมโจรที่คอยไล่ฆ่าพวกขุดกรุถึงแสดงตัวออกมาปกป้องผู้หญิงธรรมดาอย่างอาจารย์ดารากับบัวทอง”
ผกาคาดว่าวีรบุรุษบาปอาจรู้จักสองคนนั้นเป็นพิเศษ ประดับบอกว่าเหตุนี้แหละที่ทำให้ตนต้องหาวิธีล่อให้วีรบุรุษบาปโผล่มาอีก ผกาบอกว่างานนี้ตนพอจะช่วยเขาได้ ทั้งคู่โลมเล้ากันร้อนแรงทั้งที่ต่างมีเหลี่ยมมุมที่คุมเชิงกันอยู่
ooooooo
เมื่อขุนเดชเปิดเผยตัวกับหมอน้อยว่าตนคือวีรบุรุษบาปคนนั้น หมอน้อยเตือนเขาว่าอาการหนักมากอยากให้พัก ขุนเดชถามถึงเรื่องที่ตนทำอยู่ หมอน้อยติงว่า ถึงพวกนั้นจะเป็นโจรแต่ก็ไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องไปฆ่า
“เพราะทุกคนคิดแต่ว่าไม่ใช่หน้าที่ ศาสนาถึงถูกย่ำยี คนชั่วกลายเป็นคนดี พ่อผมถึงต้องตายอย่างน่าเวทนา ทั้งๆที่ต้องการปกป้องรากเหง้าของพวกเราเอาไว้”
แม้จะมีความเห็นต่างกัน แต่หมอน้อยก็บอกขุนเดชให้สบายใจว่าไม่ต้องห่วง ตนจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร แต่ก็ติงว่า
“อาอยากให้เธอเอาไปคิด มือคู่นี้ของเธอจะต้องเปื้อนเลือดไปอีกนานเท่าไหร่ เธอถึงจะหยุดคนพวกนั้นได้”
คืนเดียวกันนี้ บัวทองเฝ้าครุ่นคิดเรื่องวีรบุรุษบาป เธอรู้ว่าวันนี้วีรบุรุษบาปได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยตนกับดารา เพื่อพิสูจน์ว่าขุนเดชบาดเจ็บหรือไม่ บัวทองแอบไปที่กระท่อมขุนเดชเพื่อดูให้เห็นกับตา
ขุนเดชรู้ตัวว่ามีคนมาแอบดู เขาลุกไปตีเหล็กเสมือนหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเขา ทั้งที่ต้องกัดฟันทนกับความเจ็บปวดจากอาการบอบช้ำ บัวทองเห็นเช่นนั้นเชื่อว่า เขาไม่ใช่วีรบุรุษบาป จึงถอยกลับ เจองูเลื้อยอยู่บนกิ่งไม้เหนือหัว บัวทองตกใจเลยตกน้ำ ทำให้ขุนเดชต้องออกมาช่วย
เมื่อขุนเดชซักถาม บัวทองบอกว่าตนแค่ต้องการมาพิสูจน์อะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมบอก เมื่อเธอจะกลับขุนเดชจึงรั้งตัวไว้ขู่ว่าถ้าไม่บอกก็จะไม่ปล่อย บัวทองจึง บอกว่า ตนคิดว่าเขาคือวีรบุรุษบาป บัวทองพูดอย่างโล่งใจว่า
“ฉันยอมรับว่าฉันเห็นด้วยกับการกระทำของเขา มันต้องมีใครสักคนเอาจริงเดินหน้าตามล่าพวกคนใจบาป พวกมันจะได้รู้จักกลัว แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่พี่...วันนี้ฉันดีใจมากที่ได้รู้ว่า พี่ไม่ใช่วีรบุรุษบาป”
เมื่อบัวทองยอมบอกแล้วขุนเดชจึงปล่อยกลับไป ขุนเดชยืนนิ่งกับความรู้สึกต่อวีรบุรุษบาปของบัวทอง...
กลับเข้ากระท่อม ขุนเดชคิดถึงเรื่องราวที่เป็นบาดแผล ในชีวิตทั้งเรื่องพ่อถูกฟันคอขาดต่อหน้า ทั้งเรื่องถูกประดับเอาปืนจ่อและถูกแจ็คเล่นงานจนบอบช้ำ เขาควงดาบอย่างสวยงามพร้อมกับเสียงคำสัตย์ปฏิญาณที่เปล่งออกมา...
“เมื่อถึงเวลาที่ยมบาลต้องการตัวข้า เมื่อถึงเวลาที่ข้าต้องใช้กรรม เลือดทุกหยดของข้า พร้อมหยดลงแผ่นดินเพื่อปกป้องรากเหง้าของบรรพบุรุษและปกป้อง...คนที่ข้ารัก”
ooooooo
คืนเดียวกัน ดาราไปที่บ้านพักของยงยุทธ เห็นเขาซ้อมเชิงมวยไม้ตายและหมัดฟ้าฟาดกับกระสอบทราย แม้จะซ้อมได้ดีแต่เขาก็ยังไม่พอใจ จนดาราออกมาชมว่าทำได้ดีแล้ว ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย
ทั้งสองเข้าไปคุยกันในบ้านพัก คุยกันถึงสมัย ที่ถูกลุงเถินจับมาฝึกมวยด้วยกันทั้งสามคน ดาราพูดขำๆว่าพ่อบ่นว่าฝึกเขากับขุนเดชเหมือนฝึกลิง สอนอะไรก็ไม่ฟัง สู้ตนไม่ได้ฝึกแป๊บเดียวก็เป็น
ทั้งสองคุยกันถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน ดาราถามว่าทำไมเขาถึงเกลียดวีรบุรุษบาปอย่างเข้ากระดูกดำ ยงยุทธบอกว่า เพราะวีรบุรุษบาปทำตัวเหนือกฎหมาย ดาราเปรยๆ ว่าถ้าเขากับวีรบุรุษบาปร่วมมือกันอาจช่วยกันกวาดล้างพวกคนเลวได้
“ที่คุณมาหาผม เพราะคุณจะให้ผมร่วมมือกับโจรงั้นหรือ” ยงยุทธเสียงเข้มขึ้น
พลันทั้งคู่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆข้างนอก ยงยุทธให้ดาราอยู่ในห้องพัก ตัวเขาออกไปดูข้างนอก
มันคือพวกลูกน้องประดับที่มาลอบเล่นงานยงยุทธ ขณะที่ยงยุทธออกไป คนที่ซุ่มอยู่ก็เล็งปืนหมายหัวเขา เวลาเดียวกันลูกน้องอีกคนก็บุกเข้าไปทำร้ายดารา แต่ดาราที่เรียนการป้องกันตัวมาเธอต่อสู้กับมันเสียงดังไปถึงข้างนอก ยงยุทธได้ยินเสียงเขารีบกลับเข้ามา เลยรอดจากกระสุนปืนของลูกน้องประดับที่ลั่นไกพอดี
ยงยุทธต่อสู้กับคนที่ทำร้ายดาราจนมันกระโดดหน้าต่างหนี ยงยุทธจะตามแต่เห็นดาราได้รับบาดเจ็บจากปลายมีดที่ต้นแขนจึงหันกลับมาช่วยเธอ
ยงยุทธรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้ดาราได้รับบาดเจ็บ ดาราเตือนเขาว่า ประดับทำงานให้กับนักการเมืองใหญ่ ไม่อยากให้เขามีปัญหากัน
“ผมไม่กลัวอิทธิพลหรอก เพราะความยุติธรรมจะเป็นเกราะป้องกันผม” ยงยุทธไม่หวั่นไหว ดาราจะกลับเพราะดึกแล้ว ยงยุทธเกรงเธอจะได้รับอันตรายหากพวกนั้นไปดักกลางทาง ชวนเธอนอนค้างที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับ
ดารานอนในห้องพักของยงยุทธ ส่วนตัวเขาเองออกไปยืนคอยระวังภัยอยู่ข้างนอก ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหนาว ดาราจึงเรียกเขาเข้ามานอนในห้อง
แค่ได้รับคำชวน ยงยุทธก็ใจเต้นตึ้กตั้กแล้ว แต่เมื่อเข้าไปนอนหันหลังให้กันบนเตียง ยงยุทธก็พยายามข่มใจตัวเองด้วยเจียมว่าไม่คู่ควรกับเธอ ต่างก็นอนไม่หลับ เมื่อหันมองกัน ตาสบตาหน้าเกือบสัมผัสกัน ทำให้ต่างตกอยู่ในภวังค์...
ความรักที่มีสติทำให้ยงยุทธให้เกียรติดารา เขาเพียงแต่จูบหน้าผากเธอ ทำให้ดารารับรู้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษของเขา คืนนี้ เธอจึงหลับไปอย่างไร้กังวล...
ooooooo
วันนี้ หมอน้อยไปรักษาขุนเดชที่กระท่อม เห็นเขายังซ้อมเพลงดาบอย่างดุดัน หนักหน่วง หมอน้อยถามอย่างเป็นห่วงว่าร่างกายยังบอบช้ำทำไมไม่พัก ขุนเดชตอบอย่างมิพักต้องคิดว่า
“ตราบใดที่พวกใจบาปยังไม่หยุดทำบาป ผมก็หยุดไม่ได้เหมือนกันครับอาหมอ” เห็นหมอน้อยมองอย่างหนักใจ ขุนเดชเข้ามากราบแทบเท้าหมอน้อย “ผมกราบขอโทษอาหมอที่ไม่ฟังคำตักเตือน แต่ผมตัดสินใจแล้วตั้งแต่วันที่ผมถวายตัวเป็นทหารของพระร่วงเจ้า ทั้งวิญญาณเลือดเนื้อนี้ไม่ใช่ของขุนเดช ถ้าคิดจะหยุดขุนเดช ก็ต้องฆ่าขุนเดชเท่านั้น”
“แต่จุดจบของเธอจะไม่ต่างจากพ่อของเธอ”
“เกิดมาแล้วก็ต้องตาย แต่ขอให้ตายเพื่อแผ่นดิน อาหมอจะเอาเรื่องของผมไปบอกตำรวจก็ได้ แต่ผมจะไม่ยอมให้จับ ผมจะไปซ่อนตัวอยู่ในป่า คอยตามล่าพวกใจบาปจนกว่ามันจะหยุด”
“นั่นหมายความว่าเธอพร้อมที่จะทิ้งทุกคนที่รักและห่วงเธองั้นเหรอขุนเดช”
แม้จะเป็นคำถามที่บาดความรู้สึก แต่ขุนเดชก็ฟังด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หมอน้อยหว่านล้อมเขาอย่าได้ทิ้งทุกคนไปเลย แต่ขุนเดชเชื่อว่า ถ้าเขาอยู่และทุกคนรู้ว่าเขาคือวีรบุรุษบาปคนที่ใกล้ชิดเขาก็ต้องได้รับอันตราย ตนยอมเดือดร้อนคนเดียวดีกว่าให้ทุกคนต้องมาเดือดร้อนไปด้วย หมอน้อยเสนอให้ร่วมมือกับตำรวจก็ได้ ขุนเดชพูดอย่าง
ไม่เชื่อถือว่า
“กฎหมายใช้จัดการกับพวกที่กลัวกฎหมายได้เท่านั้น แต่สำหรับพวกที่แม้แต่รากเหง้าตัวเองยังไม่รักษา ศาสนายังชำระจิตใจมันไม่ได้ คนจำพวกนั้น รอให้บาปกรรมตามไปชำระมันก็มีแต่คำว่าสายเกินไป ผมขอโทษครับอาหมอ”
ขุนเดชเดินออกไปแล้ว หมอน้อยยังยืนมองตามไปด้วยความเป็นห่วง...
ooooooo
สัมฤทธิ์ถูกผกาหลอกใช้ให้ไปล่อวีรบุรุษบาปออกมา มันไปดักเกาะแกะบัวทองที่เดินมากับดารา ดาราปกป้องบัวทองต่อสู้ขัดขวางสัมฤทธิ์ มันสั่งลูกน้องให้เล่นงานดารา แต่ถูกยงยุทธมาช่วย กำราบทั้งสัมฤทธิ์และลูกน้องจนหนีกระเจิง
ขุนเดชซุ่มดูอยู่ เห็นยงยุทธไปดูแลดารากับบัวทอง เขาจึงตามสัมฤทธิ์ไป สัมฤทธิ์สะใจมากที่ล่อวีรบุรุษบาปออกมาได้ มันระดมยิงใส่วีรบุรุษบาป แต่พอเสียงปืนสงบวีรบุรุษบาปก็หายไปแล้ว
ลูกน้องสัมฤทธิ์ถูกวีรบุรุษบาปเก็บไปทีละคน...ทีละคนจนเหลือแต่สัมฤทธิ์ มันร้องขอชีวิตอย่างจนตรอกเมื่อถูกวีรบุรุษบาปแกว่งดาบดำเข้าหา
เมื่อกำนันรู้ว่าประดับหลอกให้สัมฤทธิ์ไปล่อวีรบุรุษบาปออกมาก็โมโห ประดับเยาะเย้ยว่า ตนทำเพื่อกำนันจะได้รู้ว่าลูกชายไร้ฝีมือ วันข้างหน้าเมื่อกำนันขึ้นมายิ่งใหญ่จะได้ไม่มาเป็นตัวถ่วงความเจริญของกำนัน แม้กำนันจะแค้นแสนแค้นแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรประดับ เพราะต่างก็เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ คิดคดต่อเจ้านายด้วยกันทั้งคู่
ooooooo
ชาวบ้านรวมทั้งอาฮวดและสาลี่ รวมตัวกันไปคัดค้านการตัดถนนผ่านเขตโบราณสถาน แต่ถูกคนงานและโฟร์แมนทำร้าย เมื่อมันลากสายชนวนไปรอบเจดีย์เพื่อระเบิด สาลี่กับชาวบ้านพากันพังแนวกั้นเข้าไปเพื่อจะหยุดมัน แต่กลับถูกมันจุดชนวนระเบิดทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บมากมาย ต้องพากันหามส่งอนามัยให้หมอน้อยรักษาพยาบาลเต็มอนามัย
หมอน้อยถามอาฮวดกับสาลี่ที่ประคองกันเข้ามาว่า ทำไมถึงได้เป็นกันถึงขนาดนี้ อาฮวดด่าว่า พวกนี้อยู่ไปก็รกแผ่นดิน ขนาดสมบัติของชาติมันยังไม่ช่วยกันรักษา สาลี่โมโหเลยด่าอาฮวดว่า
“แกก็ได้แต่แช่งมันอย่างเดียวอาฮวด อำนาจอยู่ในมือใคร คนนั้นมันก็ใช้กฎหมาย พวกเราจะไปทำอะไรได้”
“ได้สิ...วีรบุรุษบาปไง ถ้าเป็นอี พวกมันต้องกลัวหัวหดแน่”
หมอน้อยหันไปมองสองผัวเมียที่ต่างก็ฝากความหวังไว้กับวีรบุรุษบาปคนเดียว
ooooooo
หลังจากดูแลดารากับบัวทองเห็นว่าปลอดภัยแล้ว ยงยุทธตามสัมฤทธิ์ไปในป่า เจอลูกน้องสัมฤทธิ์นอนไม่ได้สติทั้งคู่ เขานึกสังหรณ์ใจ แล้วก็เจอวีรบุรุษบาปเข้าอย่างจัง ยงยุทธถามว่าสัมฤทธิ์อยู่ไหน เขาทำอะไรสัมฤทธิ์
ไม่มีเสียงตอบจากวีรบุรุษบาป ไม่มีแม้แต่การขยับเขยื้อน ยงยุทธลดปืนลงเอากุญแจมือจะไปจับ พริบตานั้นวีรบุรุษบาปเปลี่ยนจากนิ่งเป็นรุกใส่ด้วยจระเข้ฟาดหางจนปืนในมือยงยุทธกระเด็น ยงยุทธหันมาตั้งท่าเชิงมวยจู่โจมทันที
ทั้งสองต่อสู้กันด้วยฝีมือที่ไม่มีใครเป็นรองใคร ยงยุทธท้าให้วีรบุรุษบาปใช้เพลงดาบที่จัดการพวกโจร
“ฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบ...เดือน...ดับ!!” วีรบุรุษบาปแผดเสียงเงื้อดาบฟาดฟันใส่ แต่ยงยุทธก็สามารถรับเพลงดาบได้อย่างเฉียดฉิว หันไปคว้าเคียวตวัดใส่ดาบดำบิดจนดาบหลุดจากมือวีรบุรุษบาปได้
“ยอมมอบตัวซะ ฝีมืออย่างแกน่าจะใช้ในทาง
ที่ถูก ถ้าแกรับโทษตามกฎหมายแล้ว ฉันจะให้โอกาสมาร่วมมือกับราชการ”
ทันใดนั้น แจ็คปรากฏตัวขึ้น มันกลายเป็นศัตรูร่วมที่ยงยุทธกับวีรบุรุษบาปหันมาร่วมกันต่อสู้กับมัน แต่ทั้งสองก็ใช่ว่าจะเล่นงานมันได้ง่าย ถูกแจ็คควงปืนลูกซองสองมือระดมยิงจนทั้งสองต้องกระโดดหนีเอาตัวรอดกัน แต่เมื่อถูกแจ็คไล่ล่าก็หันมาร่วมกันต่อสู้กับแจ็คอีกครั้ง
ยงยุทธพลาดท่าถูกแจ็คจับมัดไว้ แล้วหันไปใช้หมัดสั่งตายหมายฆ่าวีรบุรุษบาป ยงยุทธดิ้นหลุดมาใส่มันด้วยหมัดฟ้าฟาดชุดใหญ่จนมันเซไป แต่ก็กำทรายซัดใส่หน้ายงยุทธแล้วจะหนี วีรบุรุษบาปกระโดดไปขวางพร้อมดาบดำในมือ แผดเสียงก้อง
“ฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบ...เดือนดับ!!”
ยงยุทธยกปืนเล็งวีรบุรุษบาปไม่ให้ฆ่าแจ็ค สั่งให้วีรบุรุษบาปวางดาบเสีย ปล่อยให้กฎหมายจัดการกับมัน กล่อมว่า
“แกกับฉัน เรายังสามารถร่วมมือกันได้ วางดาบแล้วมาเป็นพวกเดียวกับฉันเถอะวีรบุรุษบาป”
“คนอย่างข้ามันบาปหนาเกินกว่าจะเป็นคนดี” วีรบุรุษบาปเงื้อดาบดำจะกำจัดแจ็ค ยงยุทธยิงใส่ทันทีถูกดาบดำเกิดประกายไฟวาบ ดาบดำหลุดจากมือวีรบุรุษบาปปักลงดิน แจ็คอาศัยจังหวะนั้นลุกวิ่งหนีไป
วีรบุรุษบาปไม่ยอมปล่อยแจ็คหลุดมือ คว้าดาบขึ้นมาจ้องยงยุทธเขม็งแล้วไล่ตามแจ็คไป ยงยุทธยืนกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ
ooooooo
แจ็คประคองตัวเองที่บาดเจ็บกระเสือกกระสนหนีไป วีรบุรุษบาปถือดาบดำไล่ตาม แต่ทันใดนั้นประดับขับรถโฉบเข้ามาพาแจ็คขึ้นรถหนีไปต่อหน้าต่อตา ทั้งยังยิงสกัดไม่ให้วีรบุรุษบาปตามด้วย
วีรบุรุษบาปกระชากผ้าขาวม้าที่พันหน้าออกมองตามไปอย่างสุดแค้น
ครู่หนึ่ง ยงยุทธตามมาทัน แต่ไม่เห็นอะไรตรงนั้นแล้ว เขาสบถอย่างเจ็บใจไม่ได้ทั้งแจ็คและวีรบุรุษบาป
ฝ่ายกำนัน โวยวายใส่ประดับที่เอาสัมฤทธิ์ไปล่อวีรบุรุษบาปตัวเองกลับมาแต่สัมฤทธิ์กลับหายไป กำนันประกาศว่า ถ้าเอาตัวสัมฤทธิ์กลับมาไม่ได้ทุกคนตาย!
ลูกน้องกำนันพากันออกไปตามหาสัมฤทธิ์สวนกับประดับที่ให้ลูกน้องประคองแจ็คที่หมดสภาพเข้ามา กำนันถามประดับว่า กลับมาในสภาพแบบนี้ อย่าบอกนะว่าแผนของเขาไม่สำเร็จ
“พาไอ้แจ็คเข้าไปแล้วตามหมอมารักษามัน อย่าให้มันตายเด็ดขาด” ประดับสั่ง แล้วหันไปตอบโต้กำนันว่า “ถ้าไอ้วีรบุรุษบาปกับไอ้หมวดยงยุทธไม่ร่วมมือกัน ไอ้แจ็คไม่มีทางแพ้แน่” กำนันหาว่าประดับเอาชีวิตลูกชายตนไปเสี่ยงโดยไม่ได้อะไรกลับมา ก็ถูกประดับโต้อย่างไม่แยแสว่า “ถ้าโลกนี้มีอะไรได้มาง่ายๆ ป่านนี้คนอย่างกำนันคงไม่จมปลักอยู่แต่ที่สุโขทัยนี่หรอก”
กำนันเหมือนถูกประดับตบปากจนพูดไม่ออก ได้แต่มองเขาด้วยความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ooooooo
ที่ถ้ำศิลา ขุนเดชกำลังคุกเข่ากราบพระศิลาที่ไร้เศียร เขาชักดาบออกมาทันที เมื่อรู้ว่ามีคนเข้ามา แต่พอหันมองก็ชะงักเพราะคือหมอน้อยที่ขุนเดชเรียกว่าอาหมอนั่นเอง
หมอน้อยบอกขุนเดชให้เก็บดาบเสีย ตนต้องการมาคุยด้วยเท่านั้น ขุนเดชถามว่าถ้าจะมาพูดให้ตนมอบตัว ตนก็ขอยืนยันคำเดิม หมอน้อยพูดอย่างเมตตาเป็นห่วงว่าตนไม่ได้บอกตำรวจแต่จะมาชวนกลับไปด้วยกัน เห็นขุนเดชแปลกใจ หมอน้อยชี้แจงว่า
“ยี่สิบกว่าปีตั้งแต่พี่เดื่องถูกฆ่าตาย เศียรพระศิลาถูกลักตัด จนทุกวันนี้ก็ยังตามหาคืนมาไม่ได้ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่มีใครให้ความเหลียวแล เหมือนว่าการตายของพี่เดื่องเป็นเรื่องธรรมดา”
“วันนึง ผมจะตามเศียรพระศิลากลับคืนมาให้ได้ครับ วิญญาณของพ่อจะได้สงบ”
“ขุนเดช...ในเมื่อเธอยอมเป็นคนบาป เพื่อรักษาความดีให้คงอยู่ อาจะไม่ปล่อยให้เธอแบกรับกรรมที่หนักหนาสาหัสนั้นไว้คนเดียว ถึงต้องตกนรกหมกไหม้อาก็ยอม”
“อาหมอ...” ขุนเดชอุทานอึ้ง หมอน้อยจับไหล่ขุนเดชบีบแน่น
ooooooo
กำนันให้ลูกน้องออกตามหาสัมฤทธิ์ ลูกน้องไปเจอสัมฤทธิ์ถูกจับฝังทั้งเป็นมีปล้องไม้ไผ่เสียบไว้ให้หายใจเท่านั้น แต่พอพากลับบ้าน ปรากฏว่าสัมฤทธิ์กลัวจนเป็นบ้า ร้องตะโกนแต่ว่า อย่าทำอะไรตนเลย...กลัวแล้ว...อย่าฆ่าตนเลย...
กำนันเห็นสภาพสัมฤทธิ์แล้วสั่งลูกน้องให้พาออกไปและดูแลให้ดี ถ้าลูกชายตนยังกลับมาดีไม่ได้เหมือนเดิม ทุกคนจะต้องถูกกระทืบไส้แตกเรียงตัว! แล้วหันไปเสียงเข้มกับประดับว่า ต่อไปถ้าทำอะไรไม่ปรึกษาตนก่อน ตนจะไม่ช่วยอีกแล้ว
แต่พอประดับขู่ว่า ถ้าอยากดักดานเป็นกำนันอยู่อย่างนี้ก็ตามใจ คนที่ทะเยอทะยานอยากมีอำนาจไม่ได้มีกำนันคนเดียวเพียงเท่านั้น กำนันเสียงอ่อนว่า ครั้งนี้ก็ให้มันแล้วไป เพราะไหนๆเราก็ลงเรือลำเดียวกันมาก็ต้องไปถึงฝั่งด้วยกัน
ยงยุทธค้นคว้าอย่างหนักที่จะรู้ให้ได้ว่าอาวุธที่วีรบุรุษบาปใช้สังหารนั้นเป็นแบบไหน เขาร่างดาบดำขึ้นมาให้จ่าแท่นดู บอกจ่าว่าดาบนี้ไม่ใช่เหล็กธรรมดาทั่วไปแน่ มีทั้งความคม เหนียว และแข็งแกร่ง แถมยังมีสีดำทั้งเล่ม
จ่าถามว่ามันใช้เชิงดาบไม้ตายกับหมวดด้วยใช่ไหม ยงยุทธยืนยันว่า “มันเรียกเพลงดาบที่มันใช้ว่า...ดาบเดือนดับ” จ่าทวนคำอย่างตื่นเต้น ยงยุทธถามว่าจ่ารู้จักหรือ
“ครับ...เป็นเพลงดาบโบราณที่พวกเพชฌฆาตฝึกไว้ใช้ลงโทษประหารนักโทษ ว่ากันว่า ความร้ายกาจของมันสามารถฟันครั้งเดียวแต่ตัดเส้นเลือดใหญ่ทั้ง 5 จุดได้เลยครับ” จ่าเชื่อว่าวีรบุรุษบาปนำมาใช้เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ทำให้คนที่คิดจะทำผิดเกรงกลัว
จ่าบรรยายอย่างรู้จริง จนยงยุทธถามว่าแล้วจ่ารู้จักเพลงดาบนี้ได้ยังไง
“สมัยหนุ่มๆพี่เดื่องเคยเล่าให้ผมฟังครับ เขา
ว่าเป็นเพลงดาบที่หาคนฝึกได้ยากเต็มที เพราะมันอาจ
จะทำให้คนที่ฝึกเพลงดาบเดือนดับ กลายเป็นเสพติดความโหดเหี้ยม ถ้าควบคุมดาบไม่ได้ ก็อาจจะทำให้เป็นบ้าได้เลย”
ยงยุทธถามว่านายเดื่องที่จ่าพูดถึงคือพ่อของ
ขุนเดชใช่ไหม จ่าบอกว่าใช่ ทำให้ยงยุทธเริ่มเชื่อมโยงอะไรได้เลาๆแล้ว
ooooooo
คืนนี้ ดาราไปหาขุนเดชที่กระท่อม บอกเขาว่า ตอนที่ตนกับบัวทองถูกสัมฤทธิ์ตามรังควาน มีคนเห็นเขาอยู่แถวนั้น ขุนเดชบอกว่าคงจำคนผิดมากกว่า เพราะวันนี้ตนอยู่ที่เขาหลวงกับหมอน้อย ดารายืนยันว่าคนที่เห็นบอกว่าเขาเป็นห่วงบัวทองจึงตามไปดูแล ขุนเดชถามว่าตนมีงานมากมาย จะโผล่ไปที่นั่นในเวลาเดียวกันได้ยังไง
“ได้สิ เพราะคนอย่างเธอ ถ้าเป็นห่วงใครแล้วเธอทำให้เขาได้ทุกอย่าง เหมือนที่เคยทำให้ฉันกับยงยุทธ” ขุนเดชยืนยันว่าตนเป็นห่วงทุกคนและตนก็ไม่ได้ตามไปดูแลบัวทอง คนที่ดูแลความปลอดภัยของที่นี่คือยงยุทธและเขาก็ทำได้ดี บอกว่าเธอเข้าใจผิด ดาราถามว่าแล้วเขารู้สึกอย่างไรกับบัวทอง รู้ไหมว่าบัวทองมีใจให้เขา ขุนเดชหยุดตีเหล็กตอบดาราอย่างหนักแน่นว่า
“บัวทองเป็นน้องสาว เป็นได้แค่เท่านั้น” พูดแล้วหันไปตีเหล็กต่อ
บัวทองมาแอบฟังอยู่ เธอถึงกับต้องเอามือปิดปากไม่ให้ร้องไห้ออกมา หันหลังกล้ำกลืนความเสียใจเดินออกไป...
พอกลับถึงบ้านก็บอกคำปันว่าจะซ้อมรำ คำปันหยิบชฎามาสวม หยิบกรับมาตีให้จังหวะ บัวทองเริ่มซ้อมรำ แต่วันนี้บัวทองกลับรำอย่างเศร้าสร้อยน้ำตาซึม...
จากที่ได้ยินขุนเดชพูดกับดาราคืนนั้นเป็นต้นมา บัวทองก็หมางเมิน พูดกับขุนเดชอย่างมะนาวไม่มีน้ำ ขุนเดชเอาจักรยานคันใหม่มาให้ใช้แทนคันเก่าที่ผุพังเสียเป็นประจำก็ไม่เอา เอาจักรยานคันปุโรทั่งขี่ออกไปจะเก็บดอกบัวมาบูชาพระไปเสียกลางทาง เมื่อขุนเดชตามไปเจอแกล้งหยอกว่าหยุดชมนกชมไม้หรือ บัวทองก็ตะบึงตะบอนใส่
“จะสายแล้วนะไม่รีบไปเก็บบัว เดี๋ยวก็โดนแดดเผาหรอก” พูดแล้วเอามือตบเบาะท้ายรถ “ให้พี่ไปส่งไหม”
“ฉันมีขาเดินเองได้ ไม่อยากให้เป็นภาระใคร” บัวทองตอบอย่างอวดดี พอขุนเดชถามว่าโกรธอะไรตนให้บอกมาตนจะได้รู้ตัวและขอโทษได้ถูก
ไม่ว่าขุนเดชจะพูดดีด้วยอย่างไร บัวทองก็ไม่ยอมญาติดีด้วย เขาเลยขี่จักรยานผิวปากไปสบายๆ
บัวทองจิกตามองตามอย่างหมั่นไส้ แล้วหันมองจักรยานของตัวเองที่โซ่หลุด ยางแบน อย่างสุดเซ็ง
ooooooo
ฟังเรื่องในอดีตที่จ่าแท่นเล่าแล้ว ยงยุทธไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากดารา แต่เธอก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แต่ว่า
พ่อของขุนเดชถูกโจรลักลอบขุดกรุตัดหัวไปต่อหน้า
ขุนเดช ถามยงยุทธว่าทำไมถึงสนใจเรื่องขุนเดชขึ้นมา
“พ่อของขุนเดชเป็นคนสุดท้ายที่ฝึกเพลงดาบเดือนดับ เพลงดาบเพชฌฆาตโบราณที่วีรบุรุษบาปใช้ฆ่าพวกโจร”
ดาราฟังแล้วตกใจ ก็พอดีจ่าแท่นขับรถมาตามยงยุทธพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา
เป็นคำสั่งจากราชการ ยงยุทธเอาไปแสดงที่ไซต์งานก่อสร้างถนน ประกาศว่า ที่ดินผืนนี้ถูกอายัดไว้แล้ว ต้องหยุดการก่อสร้างทุกอย่าง ให้รีบเก็บข้าวของออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ครู่เดียวดารากับจ่าแท่นก็มาสมทบ
ประดับเพิ่งขุดเจอปืนคาบศิลาเหล็กไหล แม้มันจะเสียดายใจแทบขาด แต่มันก็สั่งคนงานให้หยุด กำนันถามอย่างเสียดายว่าแล้วของพวกนี้ล่ะ ประดับพูดตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ว่า “ไม่ใช่ตอนนี้กำนัน” ก่อนประดับจะถอยไป ได้พูดใส่หน้ายงยุทธว่า
“แล้วแกจะได้รู้ ว่ากฎหมายที่แท้จริงไม่ใช่ไอ้แผ่นกระดาษที่อยู่ในมือแก แต่เป็นฉันต่างหาก!”
ooooooo
แม้ขุนเดชจะถูกบัวทองหมางเมิน ตะบึงตะบอนใส่ แต่เขาก็ยังตามบัวทองไปที่สระบัว จะช่วยพายเรือให้เก็บบัว เธอก็ไม่ยอมจะพายเองเก็บเอง เลยถูกขุนเดชแกล้งดำน้ำไปก่อกวนขณะบัวทองพายเรือ เก็บบัวถูกบัวทองเอาพายฟาดหัวดังโพละ! พอทำขุนเดชเจ็บบัวทองก็ตกใจ เป็นห่วง
แต่ขณะพายเรือกลับ เรือล่ม บัวทองจมหายไป ขุนเดชช่วยเธอขึ้นฝั่งในสภาพไม่ได้สติ เขาผายปอดให้และเฝ้าดูอย่างเป็นห่วง ในยามที่บัวทองสิ้นพยศ ขุนเดชพินิจดวงหน้าที่ไม่ได้สติ พึมพำอย่างรู้สึกผิด
“บัวทอง...พี่ขอโทษที่พี่ทำให้บัวทองต้องเสียใจ” เขาตำหนิตัวเองว่า “พี่มันเป็นคนบาปไม่คู่ควรกับนางฟ้านางสวรรค์จิตใจงดงามอย่างบัวทอง แต่พี่สัญญาจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องลงไปชดใช้บาปในนรก พี่จะดูแลรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้บัวทองได้ภูมิใจ...พี่สัญญา”
ขุนเดชบรรจงหอมหน้าผากบัวทองอย่างแผ่วเบา กอดเธอไว้ราวกับชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสกอดเธออีก
เมื่อบัวทองรู้สึกตัวขึ้นมา เธอมองหาและร้องเรียกขุนเดช แต่...ไม่มีเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว...
ooooooo
ที่แคมป์โบราณคดี ดาราและอาจารย์ประทีป ช่วยกันตรวจและค้นคว้าอาวุธปืนคาบศิลาโบราณอย่างละเอียด วิเคราะห์กันถึงยุคสมัยและที่มาของอาวุธเหล่านี้ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์
นอกจากอาวุธปืนคาบศิลาแล้ว ยังมีข้าวของเครื่องใช้ที่ขุดพบ ทำให้อนุมานได้ว่า พื้นที่ที่ขุดพบนี้ น่าจะเป็นจุดพักระหว่างเดินทัพทหาร
“ต้องขอบคุณยงยุทธเขาเลยค่ะอาจารย์ เพราะถ้าไม่ได้เขาเดินเรื่องอายัดพื้นที่ไว้ ป่านนี้สมบัติทุกชิ้นก็คงต้องตกไปอยู่ในมือพวกโจร” ดาราเอ่ยอย่างประทับใจ
ยงยุทธยิ้มรับ หยิบปืนคาบศิลาขึ้นมาดูอย่างพินิจ พิจารณา มีบางจุดที่เขายังติดใจสงสัย
ตกกลางคืน ขุนเดชไปที่แคมป์โบราณคดีตามที่อาจารย์ประทีปให้คนไปตาม อาจารย์ให้เขาช่วยดูปืนคาบศิลาที่ยึดมา ขุนเดชใช้กล้องขยายส่องดูจุดสำคัญ บอกว่าปืนนี้ไม่มีตราสัญลักษณ์ของพวกทหารฝรั่ง คาดว่าเป็นฝีมือของช่างสยาม ทั้งยังวิเคราะห์ว่า ปืนพวกนี้น่าจะเป็นของกองทหารสอดแนมไม่ใช่ทัพหน้า เขาชี้ให้อาจารย์ประทีปดูว่า
“อาจารย์เห็นไหมครับ คมดาบพวกนี้บิ่นเพราะผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก เป็นไปได้ว่า กองทหารกลุ่มนี้คงจะโดนข้าศึกไล่ล่าจนเหลือน้อยเต็มที ทำให้ต้องหนีมาซ่อนตัวในพื้นที่ที่เราขุดพบ”
อาจารย์ประทีปฟังอย่างครุ่นคิดใคร่ครวญ พลันก็นึกอะไรได้บอกว่า มีตำนานอยู่เรื่องหนึ่งที่ตนเคยได้ยิน เกี่ยวกับกองทหารที่หายไปอย่างลึกลับ อาจารย์ประทีปเล่าว่า
“สมัยที่ผมยังตระเวนบูรณะโบราณสถานกับอาจารย์ก้องเกียรติ มีคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า กองทหารที่ถูกส่งไปลาดตระเวน ถูกพวกทหารฝั่งตรงข้ามโจมตี จนต้องหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่า พวกทหารที่บาดเจ็บก็ทยอยล้มตาย อาวุธที่ใช้ต่อสู้ก็บิ่นหักจนเหลือเพียงแค่ปืน ไม่กี่กระบอก และกระสุนอีกไม่กี่นัด”
“สถานการณ์แบบนั้น มีทางเลือกแค่สองทาง คือยอมเป็นเชลยกับสู้ตายถวายหัว” ขุนเดชมองออก
“ใช่...เหมือนโชคจะเข้าข้าง มีการพบเหล็กไหลระหว่างการเตรียมตัวสู้ตาย ในกลุ่มทหารที่เหลือรอด มีช่างทำปืนอยู่ด้วย เลยใช้เหล็กไหลมาทำปืนและกระสุนลงอาคมเรียกว่าปืนคาบศิลาเหล็กไหล ว่ากันว่า ผู้ที่โดนยิงด้วยกระสุนเหล็กไหลอาถรรพณ์จะทำให้วิญญาณไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เป็นผีโหงพรายทนทุกข์ทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์”
ขุนเดชพึมพำถึงเหล็กไหล...อาจารย์บอกว่ามันเป็นตำนานเล่าขานกันมาเกี่ยวกับเหล็กไหล เรื่องลี้ลับที่ยังมีคนพยายามพิสูจน์ถึงความศักดิ์สิทธิ์และต้องการครอบครองมัน
“ครับอาจารย์ แต่ของดีต้องอยู่กับคนดีจึงดีเลิศ คนไม่ดีถึงจะได้ครอบครองของดี ก็มีอยู่ได้ไม่นาน และจะนำพาหายนะไปสู่มัน”
ขุนเดชพูดด้วยประกายตาแข็งกร้าว จริงจัง
ooooooo










