สมาชิก

ขุนเดช

ตอนที่ 20

หลังจากปารมีเลิกกินยาที่ประดับจัดให้แล้ว ร่างกายแข็งแรงขึ้น เธอเดินไปหาคุณหญิงที่เอาแต่ดื่มไวน์ประชดชีวิตทั้งกลางวันกลางคืนจนหน้า หมองคล้ำ

ปารมีบอกคุณหญิงว่า จะจัดการกับประดับที่แว้งกัดครอบครัวเรา จะไม่ยอมให้ประดับตักตวงผลประโยชน์จากเราต่อไปแล้ว คุณหญิงบอกว่าเรื่องนี้ตนจะหาทางจัดการเอง ปารมีถามอย่างร้อนใจว่าทำไมเราต้องรออีก

พอดีคนใช้เข้ามาบอกว่าประดับกลับมาแล้ว ปารมี บอกคุณหญิงว่าตนจะไปสั่งสอนประดับเอง คุณหญิงห้ามก็ไม่ฟัง

“ไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่...มันทำร้ายปาเหมือนไม่ใช่คน ปามีวิธีจัดการมันแบบที่มันไม่ทันจะรู้ตัว คุณแม่รอดูปาจัดการมันเถอะ”

ปารมีเดินออกไปหาประดับที่กำลังเข้ามา เธอหยิบมีดปอกผลไม้ซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วตีหน้าเศร้าวิ่งไปหาประดับ ออดอ้อนราวกับรักคิดถึงแทบขาดใจ ชวนประดับออกไปอยู่ข้างนอกกัน เพราะตนทนอยู่กับพ่อที่เป็นบ้าและแม่ขี้เมาไม่ไหวแล้ว

ประดับบอกให้รอก่อน ตอนนี้เรายังไปไหนไม่ได้ ปารมีอ้อนว่าตนรอไม่ไหวแล้ว พลางก็เข้ายั่วยวนกอดรัดประดับจนเขาเคลิ้มไปเหมือนกัน

แต่สัญชาตญาณระวังตัวของมันสูง เพียงปารมีเอามีดปอกผลไม้ออกมาจะแทงเท่านั้น ก็ถูกประดับจับมือตรึงไว้ คำรามใส่หน้า

“คิดว่าลูกไม้ตื้นๆแค่นี้ของคุณปาจะทำอะไรผมได้เหรอ” ว่าแล้วก็บิดมือปารมีจนมือหลุด ปารมีร้องอย่างเจ็บปวด

คุณหญิงได้ยินเสียงปารมีวิ่งมาบอกประดับให้หยุด แต่กลับถูกประดับสั่งให้คุณหญิงหยุดแค่นั้น ขู่ว่าถ้าเข้ามายุ่ง คุณหญิงรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไร

แม้คุณหญิงจะหยุดแค่นั้น แต่ประดับไม่หยุด เดินไปหยิบซองที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบรูปออกมาให้ปารมีดู พูดอย่างสะใจว่า

“ลูกสาวคุณหญิงควรจะดูไว้ จะได้จำใส่กะโหลกว่า คุณหญิงที่สูงส่ง เวลามั่วกับผู้ชายแล้วเป็นยังไง” พลางโยนรูปให้ปารมีดู

“คุณแม่!!” ปารมีช็อกกับภาพที่เห็น

เมื่อประดับเข้าไปในห้องเก็บสมบัติชื่นชมโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณ คุณหญิงตามเข้าไปต่อว่าอย่างโกรธแค้น ประดับตอบอย่างไม่แยแสว่า

“ช่วยไม่ได้ คุณหญิงเป็นแม่ แต่กลับปล่อยให้ลูกสาวมาทำร้ายผัวตัวเอง แม่ยายแบบนี้ผมไม่ปลื้ม” คุณหญิงปรี่เข้าไปจะตบก็ถูกจับแขนไว้ ขู่ว่า “จำไว้นะคุณหญิงอย่าได้คิดต่อกรกับผมอีก ไม่งั้นคราวหน้า คนที่จะต้องไปนอนให้ไอ้พวกนั้นมันปู้ยี่ปู้ยำจะเป็นคุณปา” พูดจบก็ผลักคุณหญิงกระเด็นไป

“คนอย่างแกอย่าหวังว่าจะได้ยิ่งใหญ่ แกเป็นได้ก็แค่ไอ้ผีเปรต ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด บาปกรรมที่แกทำจะตามจัดการแก”

“บาปกรรมน่ะเหรอ...หึๆกลัวเสียที่ไหน...ไป!!” มันตะเพิดจนคุณหญิงต้องออกไปอย่างเจ็บใจที่ทำอะไรมันไม่ได้

ooooooo

ที่โรงพัก...ยงยุทธถามจ่าแท่นว่า ที่ให้ไปถามคำปันว่าวีรบุรุษบาปเป็นใครได้ความเพิ่มไหม จ่าบอกว่าคงยาก เพราะตอนนี้คำปันไปบวชชีพราหมณ์อยู่ที่วัดเกาะน้อยแล้ว

ที่วัดเกาะน้อย ขุนเดชยืนดูคำปันที่นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมสวดมนต์อยู่หน้าพระประธาน มีบัวทองพนมมือสวดมนต์อยู่ใกล้ๆ ดาราเดินเข้ามาหาขุนเดช บอกเขาว่า

“ที่น้าคำปันตัดสินใจมาอยู่วัดถือศีลปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด น้าเขาทำเพื่อเธอนะขุนเดช เขาอยากให้บุญกุศลที่เพียรทำเพื่อช่วยแบ่งเบาบาปของเธอ”

“ผมเข้าใจ และก็อนุโมทนาด้วย แต่บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ยังไงผมก็หยุดทำบาปไม่ได้ จนกว่าพวกมันจะถูกตัดสินโทษจนหมด” พูดแล้วขุนเดชเดินออกไป ดารามองตามไปอย่างเป็นห่วง

ขุนเดชไปกราบพระศิลาไร้เศียรที่ถ้ำศิลา บัวทองตามมาเพื่อเอาพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำที่เขาฝากดาราให้เธอไว้ปกป้อง คุ้มครองคืนให้เขา ขุนเดชจะไม่รับคืน บัวทองบอกเขาว่า นี่เป็นพระเครื่องของพ่อเขา

“พ่อของพี่ได้มอบพระเครื่องนี้ให้คำปันเพราะเป็นผู้หญิงที่พ่อรัก วันนี้พี่ก็ทำเหมือนพ่อ”

บัวทองชะงักอึ้ง ขุนเดชเดินอ้อมไปข้างหลังสวมสร้อยให้ที่คอบัวทองอย่างทะนุถนอม บัวทองถึงกับน้ำตาคลอ

“พี่อยากให้บัวทองรู้ไว้นะว่า ทุกครั้งที่พี่เห็นบัวทองเจ็บ พี่ยิ่งเจ็บกว่าหลายเท่า”

ยิ่งฟังขุนเดชพูดความในใจ บัวทองยิ่งร้องไห้หนัก จนทนไม่ได้ร้องไห้โฮโผเข้าซบอกขุนเดช แต่พอขุนเดชจะโอบกอด บัวทองกลับผลักเขาออก พูดอย่างเป็นการเป็นงานว่า

“ฉันขอโทษนะจ๊ะพี่ ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วงฉัน และรู้ว่าพี่...รักฉัน...แต่ว่า...หัวใจของฉันได้ให้วีรบุรุษบาปไปหมดแล้ว”

“ทั้งๆที่เขาผลักไสให้บัวทองเสียใจ บัวทองก็ยังไม่เลิกรักเขาอีก”

“ไม่จ้ะพี่...ต่อให้เขาทำร้ายหัวใจของฉันมากแค่ไหน แต่พอเกิดเรื่องกับเขา วินาทีนั้นฉันไม่คิดอะไร นอกจาก...ขอให้ได้ทำหน้าที่ของเขาต่อ”

ขุนเดชนิ่งงัน มองหน้าบัวทองที่ร้องไห้ไม่หยุด บัวทองยังพูดต่อทั้งที่ใจหายว่า...

“ยิ่งแม่ยกโทษให้เขาแล้วหันมาปฏิบัติธรรมเพื่อให้บุญกุศลช่วยรักษาชีวิตเขา ไว้ ฉันก็ยิ่งรักเขาหมดหัวใจ พี่ขุนเดชจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ เพราะฉันมันไม่รักดีที่พลีหัวใจให้โจร”

ขุนเดชเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร บัวทองปาดน้ำตาแล้วเดินจากไป ขุนเดชมองตามอย่างหนักใจอยู่เบื้องหน้าพระศิลาไร้เศียร...

ooooooo

เมื่อกำนันจำได้ว่าอ่ำกับอ๊อดเคยเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์มาขายแต่ตนไม่ซื้อ ก็สั่งให้ลูกน้องออกตามหาตัวสองพี่น้องทันที

แต่มันหาไม่เจอ เพราะหลังจากวันที่ผกาตามไปจับได้ว่ามันใช้ธรรมจักรสัมฤทธิ์หลอกลวงชาวบ้าน ให้เอาทรัพย์สินเงินทองมาแก้กรรมแล้ว ชาวบ้านคนหนึ่งที่รู้ตัวว่าถูกหลอกลวงก็ถือมีดพร้าเข้ามาจะเล่นงาน อ่ำวิ่งไปคว้าปืนจะยิง ผกาเลยถูกชาวบ้านคนนั้นจับเป็นตัวประกัน แต่ก็ถูกอ่ำตามไปยิงตาย แล้วขู่ผกาว่าถ้าปากโป้งเอาเรื่องวันนี้ไปโพนทะนาให้ชาวบ้านรู้จะถูกเก็บอีก คน

ระหว่างนั้น อ๊อดวิ่งมาบอกอ่ำว่า ได้ข่าวว่ากำนันส่งคนไปค้นที่บ้านเพราะอยากได้ธรรมจักรสัมฤทธิ์

“ข้าเคยเอาไปขายมันแล้ว แต่มันบอกไม่อยากได้นี่หว่า แล้วทำไมอยู่ๆมันถึงกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ขึ้นมา”

“ฉันว่าฉันรู้นะ ว่าทำไมกำนันบุญถึงต้องการธรรมจักร สัมฤทธิ์ของแก” ผกายิ้มอย่างมีเลศนัย

ฝ่ายกำนัน เมื่อส่งลูกน้องไปค้นบ้านอ่ำกับอ๊อดแล้วไม่เจอธรรมจักรสัมฤทธิ์ ก็สั่งให้ไปตามสืบจากเมียๆของมัน

เบิ้มเดินเข้ามาบอกว่า ไม่ต้องไปสืบหรอก ตนสืบมาแล้ว อ่ำไม่ได้อยู่กับเมียๆของมัน แต่ส่งเงินมาให้ใช้อู้ฟู่ทุกเดือนเพราะ “มันใช้ประโยชน์จากธรรมจักรสัมฤทธิ์ โลหะวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เรากำลังตามหาต้มตุ๋นชาวบ้าน”

ฝ่ายอ่ำกับอ๊อดพอรู้ว่ากำนันกำลังตามหาธรรมจักรสัมฤทธิ์เครื่องมือทำมาหากิน ของมัน ก็ประกาศว่า ต่อให้เอาเงินมากองให้ ตนก็ไม่สน อ๊อดกลัวกำนันจะใช้ลูกน้องมาปล้น อ่ำบอกว่าไม่กลัว เพราะฝีมือตนสู้กับพวกนั้นได้สบาย

ผกาปรามาสว่าได้ยินมาเยอะแล้ว คนอวดเก่งแบบนี้ พอถึงเวลาก็กลายเป็นผีเฝ้าป่าทุกคน ทำให้อ่ำไม่พอใจกระชากผกาเข้าไป ตะคอกใส่หน้าว่า ตอนนี้เธอกำลังถูกกำนันตามล่า ถ้าจวนตัวตนก็ยังมีเธอเป็นตัวแลกเปลี่ยน ผกาตกใจขอร้องมันอย่าส่งตนให้กำนันเลย อยากได้อะไรตนยอมให้ได้ทุกอย่าง อ่ำมองผกาที่ยั่วยวนด้วยสายตาหื่นจัด

ooooooo

เมื่อยงยุทธเห็นคำปันบวชชีพราหมณ์อยู่จึงไม่คาดคั้นเรื่องวีรบุรุษบาป แต่ก็ได้ข่าวจากจ่าแท่นว่า เวลานี้มีชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องแปลกๆเกี่ยวกับพวกต้มตุ๋นหลอกลวง พลางเล่ารายละเอียดที่ได้ยินมาให้ฟัง

ยงยุทธไปปรึกษาดาราที่แคมป์โบราณคดี เรื่องชาวบ้านถูกคนปลอมเป็นพระใช้ธรรมจักรสัมฤทธิ์โบราณหลอกลวงว่าสามารถมอง เห็นเวรกรรม แล้วให้ร่วมทำบุญเพื่อไม่ต้องตกนรก จ่าแท่นช่วยชี้แจงเพิ่มเติมว่า

“คือหมวดเขาสงสัยว่าไอ้พวกนี้จะเป็นพวกลักลอบขุดกรุด้วยครับ เพราะมีข้อมูลถูกส่งมาว่า ธรรมจักรสัมฤทธิ์ที่พวกต้มตุ๋นมันใช้เป็นโบราณวัตถุที่ถูกขโมยมา”

“ชาวบ้านที่มาร้องเรียนบอกว่ามีคนพยายามจะเปิดโปงพวกมัน แต่ก็หายตัวไป คิดว่าน่าจะถูกเก็บไปแล้ว หนำซ้ำยังมีคนหลงเชื่อพวกมันมากขึ้นเรื่อยๆด้วย” ยงยุทธเสริม

ระหว่างนั้น ดารานิ่งคิด จนยงยุทธถามว่ามีอะไรหรือ เธอบอกเขาว่า

“ฉันว่าถ้าเธออยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนที่จะให้คำตอบได้น่าจะเป็นขุนเดช”

ooooooo

ดังนั้น ทั้งสามจึงไปหาขุนเดชที่กระท่อม ขุนเดชฟังทั้งสามเล่าแล้วเชื่อว่า สิ่งนั้นคงเป็นธรรมจักรสัมฤทธิ์ วงล้อแห่งกรรมและดวงตายมบาลที่ตนเคยเล่าให้ทุกคนฟัง

“ฉันจำได้” ดารานึกออก “ตามตำนานว่ากันว่า สมัยโบราณมีคณะทูตสงฆ์มุ่งหน้าจาริกแสวงบุญ พร้อมนำธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปเผยแผ่คำสอนของพระพุทธองค์

แต่ระหว่างทางถูกโจรฆ่าตายทั้งคณะเพราะต้องการธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปหลอมทำอาวุธ”

“ใช่ แต่สิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่อธรรมจักรสัมฤทธิ์หลอมไม่ละลาย แม้จะอยู่ในกองเพลิงถึง 7 วัน 7 คืน และเมื่อผู้ใดสัมผัสพร้อมจิตอธิษฐาน ผู้นั้นจะมองเห็นกรรม” ขุนเดชเสริม

จ่าแท่นตื่นเต้น บอกว่าถ้าเห็นกรรมล่วงหน้าเราก็เร่งทำบุญแล้วลดละกรรมจะได้ไม่ต้องตกนรก ถูกยงยุทธแย้งว่า

“แต่ผมไม่เชื่อหรอกจ่าว่าการทำบุญแล้วจะล้างบาปได้ บุญก็ส่วนบุญบาปก็ส่วนบาป”

“ยงยุทธพูดถูก ไม่มีใครหนีคำว่ากงเกวียนกำเกวียนพ้น และตำนานก็ไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะการมองเห็นกรรมไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ สุดท้ายโจรพวกนั้นแม้จะยังไม่ถึงที่ตาย แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น” ขุนเดชเห็นด้วยกับยงยุทธ จ่าถามว่าหมายความว่ายังไง ขุนเดชบอกจ่าว่า “ลองให้อาจ่าเห็นภาพการลงโทษทรมานคนตกนรกต่อหน้าต่อตาทุกวัน อาจ่าคิดว่าจะทนดูได้ไหมครับ”

จ่าทำท่าขนลุกขนพองบอกว่า ไม่เอาหรอก สยองขวัญ

ooooooo

ที่กระท่อมกลางป่า อ่ำที่เพิ่งรับการปรนเปรอจากผกาแลกกับการไม่ให้อ่ำส่งตัวไปให้กำนัน มันพอใจมากบอกว่าถ้าผกาไม่ทรยศ มันก็จะปกป้องเธอให้พ้นมือกำนัน และเลี้ยงดูอย่างดี

ไม่ว่าผกาจะขยะแขยงความโสโครกของอ่ำขนาดไหน ก็จำต้องทำเป็นพิศวาสมัน ทันใดนั้น อ่ำได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวนจากข้างนอก พอออกไปดู จับได้ว่าอ๊อดมาแอบดูตนเมื่อครู่นี้ เลยยันเสียอ๊อดจุกแล้วเดินตามเสียงโหยหวนนั้นไป

อ่ำตกใจตาเหลือก เมื่อภาพที่เห็นคือหญิงชาย 5-6 คนกำลังถูกนักการยมบาลใช้เหล็กแหลมทิ่มแทง บ้างถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้จนเลือดอาบไปทั้งตัว ทั้งหมดร้องโหยหวนทรมาน

“ดูไว้ซะไอ้คนบาป...เอ็งตายเมื่อไหร่...เอ็งก็จะโดนแบบนี้” นักการยมบาลหันมาจ้องอ่ำเขม็ง จนมันตกใจวิ่งหนีไป

ooooooo

จ่าแท่นที่คิดจะทำบุญล้างบาป เมื่อรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็เสนอยงยุทธว่า ถ้าธรรมจักรสัมฤทธิ์แสดง ปาฏิหาริย์ได้แบบนั้น ก็ปล่อยให้พวกนั้นเห็นความสยองกันเองเถิด เดี๋ยวมันก็บ้าตายไปเอง

ยงยุทธบอกว่าไม่ได้เพราะนั่นเป็นเพียงตำนานที่เล่ากันมา เรายังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ธรรมจักรสัมฤทธิ์เป็นสมบัติของชาติ เราต้องตามกลับคืนมาให้ได้ แล้วขอบใจขุนเดชที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับธรรมจักรสัมฤทธิ์ บอกว่าตนจะรีบไปตามกลับคืนมาก่อนที่จะถูกคนอื่นมาตัดหน้า พูดแล้วมองหน้าขุนเดชเป็นนัยๆ

เมื่อยงยุทธกับจ่าแท่นไปแล้ว ดาราหันมองขุนเดช เขาบอกเธอว่า

“ผมรู้แล้วว่าเขาหมายถึงวีรบุรุษบาป” ดารากังวลบอกว่าปล่อยให้ยงยุทธจัดการไปคนเดียวเถิด “ไม่ได้หรอกดารา...ผมมีลางสังหรณ์ว่า ธรรมจักรสัมฤทธิ์จะเป็นโลหะวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่พวกไอ้กำนันบุญกำลังตามหาอยู่”

ฟังขุนเดชแล้ว ดารายิ่งใจคอไม่ดี

ooooooo

เมื่ออ่ำออกมาแล้วหายเงียบไป ผกาที่ยังขยะแขยงกับความโสโครกของอ่ำอยู่เหยียดยิ้มร้ายกาจกับแผนการกำจัดทั้งกำนันและอ่ำว่า จะให้ทั้งสองต่อสู้จนตายไปด้วยกัน

ผกาเดินออกมาดูไม่เห็นอ่ำแล้ว เจอแต่ธรรมจักรสัมฤทธิ์วางอยู่ นึกอยากลองดูว่าอนาคตตนจะเป็นอย่างไร จึงหลับตาอธิษฐานจิต พลันก็เห็นภาพตัวเองในวัย 15-16 ปี เนื้อตัวมอมแมมไปยืนมองแม่ค้าขายข้าวแกง จนแม่ค้าเวทนาเอาข้าวให้กิน ทั้งยังใจบุญบอกว่าถ้าวันไหนไม่มีข้าวกินก็ให้มาหา

แต่ด้วยจิตใฝ่ต่ำของผกา เห็นสร้อยทองคำเส้นเล็กๆที่คอแม่ค้าก็คิดร้าย แอบขโมยสร้อยทอง ถูกแม่ค้าจับได้ขู่ว่าจะเรียกตำรวจจับ แทนที่จะสำนึก ผกากลับผลักรถเข็นล้มทับแม่ค้าจนลุกไม่ขึ้น

“นังผกา...นี่เอ็งกล้าทำร้ายข้าเหรอ...ข้าให้เอ็งกินแต่เอ็งกลับมาอกตัญญูข้า ตายไปเอ็งต้องตกนรก!”

ผกาคว้าก้อนอิฐแถวนั้นทุบหัวแม่ค้าจนเลือดสาด

ผกาเห็นกรรมของตนก็ตกใจผละจากธรรมจักรสัมฤทธิ์ ได้ยินเสียงคนพูดกันอยู่ข้างนอกจึงแอบฟังแอบดู

เห็นกำนันกับไอ้นะไอ้เนและลูกน้องมาถึงหน้ากระท่อมแล้ว ผกาตกใจคว้าธรรมจักรสัมฤทธิ์หลบไป เมื่อลูกน้องกำนันบุกเข้ามาในกระท่อมจึงเจอแต่เสื้อผ้าของผกาที่กองทิ้งไว้

กำนันแค้นใจมาก สั่งลูกน้องตามล่าธรรมจักรสัมฤทธิ์มาให้ได้ แล้วเอาผกามา ตนจะฆ่าด้วยมือตัวเอง

ooooooo

ขณะยงยุทธกับจ่าแท่นออกป่าตามหาธรรมจักรสัมฤทธิ์นั้น ยงยุทธรู้ว่าวีรบุรุษบาปตามมาห่างๆ หันไปตะโกนว่า

“ฉันรู้ว่าแกสะกดรอยตามฉันมาตลอด ถ้าแกคิดจะมาตัดหน้าจัดการกับพวกโจรที่ฉันกำลังตามจับอยู่ละก็...แกเหนื่อยกว่าฉันแน่...”

ทันใดนั้น วีรบุรุษบาปก้าวออกมาแสดงตัว จ้องยงยุทธเขม็ง ยงยุทธยังคงท้าทายว่า

“หึๆ ได้ยินมาว่าแกอยากให้ฉันเป็นคนฆ่าแกแทนโทษติดคุก ถ้าตำนานของธรรมจักรสัมฤทธิ์ที่ฉันได้ยินมาเป็นเรื่องจริง ฉันก็อยากจะรู้ว่าแกจะถูกตัดสินด้วยโทษตายจากฉันหรือพวกโจร”

“งั้นเราคงต้องแข่งกันว่าใครจะไปได้ถึงก่อนแล้วล่ะหมวด”

พูดจบวีรบุรุษบาปพุ่งออกไปทันที ยงยุทธรีบตาม พอจ่านึกได้ก็วิ่งตามไปแทบไม่ทัน

ooooooo

อ่ำหนีไปกลางป่าถือดาบแกว่งอย่างหวาดกลัวกับภาพวิญญาณถูกนักการยมบาลทรมานที่ตามหลอนตลอดเวลา เจออ๊อดที่กลางป่า อ๊อดบอกว่าพวกกำนันตามมาเจอเราแล้ว และผกาก็ขโมยธรรมจักรสัมฤทธิ์หนีไปแล้วด้วย

ไม่ทันที่มันจะตั้งหลักได้ ไอ้นะที่ตามมาทันก็ยิงอ๊อดจนตายคาที่ อ่ำตกใจหนีเอาตัวรอด ไอ้นะไล่ตามไม่ลดละ

ยงยุทธกับวีรบุรุษบาปเพิ่งไปถึงกระท่อมกลางป่าของอ่ำกับอ๊อด ไม่เจอทั้งคนและธรรมจักรสัมฤทธิ์ แต่ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันจนได้ยินเสียงปืน ต่างก็ชะงัก จังหวะนั้นเองวีรบุรุษบาปถูกยงยุทธถีบกระเด็นทะลุฝากระท่อมออกไป แล้วยงยุทธก็วิ่งไปตามเสียงปืนก่อน

ยงยุทธตามไปเจออ่ำที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน เขาสั่งให้มันวางดาบ มันทำใจเย็นสู้เสือบอกว่าตนไม่ใช่คนร้าย

“ฉันรู้เรื่องแกจากชาวบ้านแล้วนายอ่ำ...แกต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน แล้วยังขโมยสมบัติชาติมาอีก” อ่ำยังพยายามหลอกล่อ จนยงยุทธตะคอกถาม “บอกฉันมาว่าแกเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปซ่อนไว้ที่ไหน”

ทีแรกมันยังไม่ยอมบอก จนยงยุทธให้มันเลือกว่าจะยอมเข้าคุกหรือให้ถูกกระทืบตาย มันจึงยอมบอกว่า ผกาเอาไปแล้ว มันอาศัยทีเผลอของยงยุทธถีบเขาแล้วหนีไป ยงยุทธจะตามก็พอดีไอ้นะกับไอ้เนตามมาเจอ เลยต้องหันมาต่อสู้กับมันสองคนแทน

แต่อ่ำหนีไปได้ไม่นานก็เจอวีรบุรุษบาปมายืนขวาง พอมันเห็นวีรบุรุษบาปก็เข่าอ่อน วีรบุรุษบาปประกาศว่า

“ข้า...วีรบุรุษบาป ทหารของพระร่วงเจ้า ขอตัดสินคนบาปด้วยความตาย!”

เมื่อเผชิญกับวีรบุรุษบาปเช่นนี้ อ่ำก็ควงดาบเข้าหาแบบสู้ตาย แม้มันจะมีฝีมือ แต่เทียบชั้นไม่ได้กับวีรบุรุษบาป ในที่สุดก็พลาด มันรีบยอมแพ้ร้องขอชีวิต จนวีรบุรุษบาปที่กำลังจะตัดสินมันด้วยดาบเดือนดับชะงักดาบไว้

อ่ำอ้อนวอนอย่าให้นักการยมบาลมาเอาตัวไปลงนรก ทำให้วีรบุรุษบาปรู้ว่ามันได้แตะต้องธรรมจักรสัมฤทธิ์มาแล้ว จึงมีดวงตายมบาลเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น

อ่ำกลัวจนสติแตก บอกว่าถ้ามองไม่เห็นก็ไม่ต้องกลัว มันเอามีดพกออกมา อึดใจเดียวมันก็ร้องอย่างเจ็บปวด ดวงตาถูกควักออกมา เลือดอาบหน้า แต่มันก็ยังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งบอกว่า ในเมื่อไม่มีดวงตาแล้วก็ไม่ต้องเห็นนรก

“สรรพสิ่งล้วนต้องเป็นไปตามกรรม” วีรบุรุษบาปเอ่ยอย่างสมเพช แม้ตัวเขาจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วีรบุรุษบาปก็คาดเดาได้จากเสียงร้องของอ่ำที่ตะโกนอย่างขวัญเสียว่า “ไม่ไป...ข้าไม่ไป...”

ฝ่ายผกาที่ขโมยธรรมจักสัมฤทธิ์ไป วางแผนจะเอาไปต่อรองกับประดับให้ไว้ชีวิตตน และถ้าประดับไม่ยอมก็จะทำลายธรรมจักรสัมฤทธิ์นี้เสีย แต่ระหว่างทางผกาก็ถูกภาพนักการยมบาลลงโทษวิญญาณบาปอย่างโหดร้าย ทั้งนักการยมบาลยังบอกผกาว่า

“นรกกำลังรอเอ็งอยู่...อีวิญญาณบาป”

ผกาตกใจ ขณะผงะถอยก็ไปชนเข้ากับแม่ค้าข้าวแกงคนนั้นเลือดเต็มหน้า ยืนจ้องเขม็งอย่างอาฆาต!

ooooooo

ที่กลางป่า ยงยุทธต่อสู้ด้วยเชิงมวยกับไอ้นะไอ้เน แม้จะสู้แบบหนึ่งต่อสอง ไอ้นะไอ้เนก็ยังถูกหมวดเล่นงานเสียกระเด็นไปกองรวมกัน กำนันเดินมาเจอพอดี กำนันมองมันสองคนตำหนิอย่างไม่พอใจว่า

“พวกเอ็งนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ไป...ไปตามหานังผกาแล้วเอาของที่ข้าต้องการมาให้ได้”

ไอ้นะกับไอ้เนยันตัวลุกขึ้นจะพาลูกน้องไป ยงยุทธขยับจะตาม ก็ถูกกำนันสะอึกออกมาขวาง พูดยียวนว่า

“ไม่เอาน่า ผมว่าหมวดไปทำงานอย่างอื่นดีกว่า ปล่อยให้ทางนี้เป็นหน้าที่ของผม”

“กำนันเป็นข้าราชการ กินเงินภาษีของประชาชน ถามจริงๆเถอะ ไม่เคยกระดากใจบ้างรึไงถึงได้ทำแต่เรื่องชั่วๆแบบนี้”

“หมวดอย่าเอาแต่กล่าวหาผมแบบนี้สิ...ถ้าผมมันเลวจริงๆ แล้วทำไมชาวบ้านถึงยังให้ผมเป็นกำนัน ทำไมเขาไม่ร้องเรียนผมล่ะ”

“เขากลัวอิทธิพลกำนันไง”

“ไม่...เขาเรียกประชาธิปไตยต่างหากล่ะหมวด ถ้าหมวดยังไม่เข้าใจความหมายก็คงต้องกลับไปเรียนหนังสือใหม่แล้ว ฮ่ะๆๆๆ”

“ไอ้กำนัน!” ยงยุทธกระโจนเข้าหา กำนันเตรียมรับอยู่แล้ว ทั้งคู่ซัดกันด้วยหมัดลุ่นๆอย่างไม่มีใครยอมใคร

ooooooo

ผกาตกใจกลัวจนหมดสติไป รู้สึกตัวอีกทีพบว่า ตัวเองถูกจับมัดไว้กับต้นไม้ เมื่อดิ้นไม่หลุดก็ตะโกนขอความช่วยเหลือ คนที่ปรากฏออกมากลับเป็นแม่ค้าคนนั้นที่ยังมีเลือดเต็มหน้าเดินมาพร้อมกับนักการยมบาล

“อย่า...อย่าเข้ามานะ...ฉันขอโทษ...ฉันไม่ตั้งใจ... แล้วฉันจะทำบุญไปให้”

หญิงแม่ค้าไม่สนใจ เดินทื่อเข้าหา หยิบก้อนหินที่พื้นปาถูกผกาหัวแตกเลือดอาบ ผกาต่อรองว่าอยากได้อะไรตนยอมให้ทุกอย่าง ทั้งยังจะทำบุญไปให้ด้วย แต่หญิงแม่ค้าไม่แยแส หันไปหยิบหินในชะลอมที่นักการยมบาลเอามาให้ ปาใส่ผกาอย่างเลือดเย็น

“อย่า!! อย่านะ อย่าทำฉันแบบนี้เลย ฉันไหว้ล่ะ อโหสิให้ฉันเถอะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำกับป้าแบบนั้น ฉันจำเป็น สงสารฉันเถอะ...”

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง” นักการยมบาลเอ่ยขึ้น ส่วนหญิงแม่ค้าก็หยิบหินในชะลอมปาใส่ผกาไปเรื่อยๆ จนผกาหน้าตาแตกยับเยิน

ไอ้นะกับไอ้เนเดินมาเจอกัน ต่างยังหาผกาไม่เจอ แต่ไอ้นะเชื่อว่าผกาคงหนีไปได้ไม่ไกล ให้ตามหาอีก เพราะขืนกลับไปมือเปล่าโดนกำนันกระทืบตายแน่ๆ

ทันใดนั้น ลูกน้องคนหนึ่งร้องบอกว่า เจอผกาแล้ว ไอ้นะกับไอ้เนชะงักรีบตามไปดู แล้วมันทั้งสองก็มองอึ้งเมื่อเห็นผกาหน้าตาเละเลือดท่วม ตายคาต้นไม้ที่ถูกมัด

ไอ้เนที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบมานับไม่ถ้วน ก็ยังต้องเบือนหน้าหนีกับภาพสยองของผกา

ooooooo

ยงยุทธกับกำนันบุญเข้าจู่โจมกันด้วยหมัดลุ่นๆอย่างหนักหน่วงมีชั้นเชิง แม้กำนันจะอายุมากแต่ร่างกายยังแข็งแกร่ง ยงยุทธถูกเล่นงานจนซวนเซ กำนันหัวเราะเยาะพูดเย้ยว่า

“เป็นไงหมวด อย่าคิดว่าผมเป็นพวกแก่แล้วแก่เลยนะ ถ้าผมเอาจริงมากกว่านี้ หมวดได้มีพิการแข้งขาหักแน่ แต่วันนี้ผมแค่ต้องการสั่งสอนเบาๆแค่นั้น ต่อไปหมวดจะได้เลิกเกะกะขวางทางผมอีก” กำนันหันหลังจะเดินไป

“ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย...ทางของกำนันไม่มีคำว่าราบรื่นหรอก”

กำนันได้ยิน หันขวับมาราวกับพยัคฆ์ร้ายหมายเหยื่อ

แม้ยงยุทธจะบอบช้ำมากแต่ก็ยังฮึดสู้ พลันก็มีกำลังใจฮึกเหิมเมื่อวีรบุรุษบาปมาปรากฏตัวข้างหลังกำนันยกดาบดำฟันฉับ แต่ก็แค่เฉี่ยวที่แขนได้เลือดซิบๆ เพราะกำนันรู้ตัวฉากหลบทัน ด่าวีรบุรุษบาปว่าเล่นแบบหมาลอบกัด

วีรบุรุษบาปรีบเข้าไปดูยงยุทธ กลับถูกหมวดถามว่ามาช่วยตนทำไม วีรบุรุษบาปบอกหมวดว่า

“จะจัดการกำนันบุญ ลำพังหมวดคนเดียวรับมือมันไม่ได้หรอก”

กำนันท้าให้ทั้งสองรุมเข้ามาเลย ตนจะได้จัดการให้สิ้นในคราวเดียว ว่าแล้วก็พนมมือท่องมนตร์ดำ ยงยุทธเอามือแตะปืนที่เอว วีรบุรุษบาปห้ามไว้ บอกว่า

“ปืนธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้หรอก อาคมของมันปกป้องศัสตราวุธได้เกือบจะทุกอย่าง แต่ดาบดำของผมลงอักขระโบราณของทหารพระร่วงไว้ เลยพอจะเล่นงานมันได้”

ยงยุทธจึงหลอกล่อกำนันเพื่อให้วีรบุรุษบาปเล่นงาน แต่ไม่ทันที่วีรบุรุษบาปจะเข้าจู่โจม ก็ถูกงูตัวเขื่องจากอาคมของกำนันเลื้อยมาขวางแล้วพุ่งจะฉก วีรบุรุษบาปใช้ดาบดำฟาดฟันก็ถูกงูตวัดหางใส่จนดาบดำหลุดจากมือ

ยงยุทธตกใจหันมองเลยถูกกำนันพุ่งเข้าบีบคอจนเกือบหมดสติ ทันใดนั้นจ่าแท่นมาถึงเห็นยงยุทธถูกกำนันบีบคอกำลังจะแย่ วีรบุรุษบาปก็เพลี่ยงพล้ำ วิ่งคว้าดาบดำฟันกำนันฉับ! ดาบดำฟันเข้ากลางตัวกำนันจนร้องลั่น ต้องปล่อยมือจากคอยงยุทธจะหันมาเล่นงานจ่า

แต่กำนันมายังไม่ถึง งูอาคมตัวนั้นก็ฟาดหางใส่จ่าจนกระเด็นไปกระแทกต้นไม้สลบเหมือด ดาบดำกระเด็นหลุดจากมือ กำนันบาดเจ็บเพราะถูกฟันจึงต้องรีบหลบออกไป

ยงยุทธรีบเข้าไปดูจ่า ส่วนวีรบุรุษบาปวิ่งไปคว้าดาบดำไล่ตามกำนันไป

ooooooo

ไอ้นะกับไอ้เนช่วยกันปลดร่างผกามาวางที่พื้น ไอ้เนถามว่าจะทิ้งศพไว้อย่างนี้หรือจะเอาไปให้กำนันดู ไอ้นะบอกว่าไปเล่าให้กำนันฟังก็พอแล้ว ตอนนี้ต้องรีบไปหาธรรมจักรสัมฤทธิ์ให้เจอก่อน เชื่อว่าผกาต้องซ่อนไว้แถวๆนี้แน่

ระหว่างที่มันสองคนกำลังหาธรรมจักรสัมฤทธิ์นั่นเอง วีรบุรุษบาปได้ยินเสียงพวกมันจึงเดินไปดู พอดีลูกน้องมันตะโกนบอกว่าเจอแล้ว พลางเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์ที่ผกาเอาใบไม้กลบไว้ไปให้ไอ้เน

“วางลงซะ นั่นไม่ใช่ของที่พวกเอ็งจะเอาไป” วีรบุรุษบาปเอาดาบดำชี้หน้ามัน ลูกน้องไอ้เนรุมกันเข้าเล่นงานวีรบุรุษบาป แต่ก็กระเด็นกระดอนออกมาไม่เป็นท่า ไอ้เนพุ่งเข้าใส่ก็ถูกถีบจนกระอักออกมา พวกมันหน้าเสียไม่กล้าหืออีก

วีรบุรุษบาปเดินไปที่ธรรมจักรสัมฤทธิ์มองแน่นิ่งครู่หนึ่งจึงเอื้อมมือไปแตะ ตั้งจิตอธิษฐาน ทำให้เกิดลมกระโชกมาอย่างแรง

พริบตานั้น วีรบุรุษบาปเกิดภาพนิมิตการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับยงยุทธที่ถ้ำศิลา และในการต่อสู้ครั้งนี้ วีรบุรุษบาปถูกยงยุทธตวัดดาบเข้าที่ท้องเลือดทะลัก วีรบุรุษบาปพยุงร่างไปที่ฐานพระศิลาไร้เศียร ยกมือพนมก่อนสิ้นใจไปอย่างน่าเวทนา...

วีรบุรุษบาปสะดุ้งตื่นจากนิมิตที่เห็นเพราะถูกไอ้นะยิงใส่แต่พลาดไปถูกต้นไม้ วีรบุรุษบาปพุ่งเข้าไปอุ้มธรรมจักรสัมฤทธิ์จะเอาไปด้วย ไอ้นะตะโกนลั่น “อย่าให้มันเอาธรรมจักรไป” ไอ้เนกับลูกน้องจึงระดมยิงปืนใส่ จนวีรบุรุษบาปจำต้องวางธรรมจักรสัมฤทธิ์แล้ววิ่งหลบไป

กำนันที่ถูกจ่าแท่นใช้ดาบดำของวีรบุรุษบาปฟันเป็นแผลฉกรรจ์เดินโซซัดโซเซมาเจอพวกไอ้นะไอ้เน คำแรกที่กำนันถามคือเจอธรรมจักรสัมฤทธิ์ไหม พอไอ้นะบอกว่าเจอแล้ว กำนันถามว่าแล้วผกาล่ะ? ไอ้เนบอกว่าตายแล้ว แต่ไม่รู้ใครฆ่า เพราะพวกตนไปเจอแต่ศพเละๆของผกา แล้วไอ้นะก็สั่งลูกน้องให้รีบประคองกำนันกลับไปทำแผล

พวกกำนันออกไปได้ครู่เดียว วีรบุรุษบาปก็มาถึงแต่ไม่เจอใครแล้ว ได้แต่กวาดตามองไปรอบๆ พึมพำอย่างเจ็บใจ

“ไอ้กำนันบุญ!”

ooooooo

จ่าแท่นกับยงยุทธกลับไปที่บ้านคำปัน ดาราทำแผลให้ยงยุทธและบัวทองดูแลจ่าแท่น ระหว่างนั้นยงยุทธเอ่ยขึ้นว่า

“ขอบคุณมากนะจ่า ไม่ได้จ่ามาช่วยไว้ผมก็คงแย่จริงๆ”

“ทุกคนรอดมาได้แบบนี้ก็ถือว่าโชคยังดี อย่างน้อยก็รู้ว่าจะเล่นงานกำนันบุญให้อยู่หมัด เราต้องเตรียมตัวให้ดีกว่านี้”

บัวทองบ่นเสียดายที่เอาธรรมจักรสัมฤทธิ์กลับมาไม่ได้ ยงยุทธพูดอย่างมุ่งมั่นว่า ถึงวันนี้มันเอาไปได้ แต่อยู่กับพวกมันไม่นาน ตนจะต้องไปตามเอากลับมาให้ได้หมดทุกชิ้น ดาราฟังแล้วสีหน้ากังวลจนยงยุทธมองอย่างสงสัย

เมื่อดาราเดินออกมา ยงยุทธตามมาถามว่าธรรมจักรสัมฤทธิ์ที่พวกมันเอาไปเป็นหนึ่งในโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่พวกมันจะใช้ทำพิธีสัตโลหะบุรุษใช่ไหม เมื่อดารานิ่ง ยงยุทธเชื่อว่าใช่ เขาหว่านล้อมเชิงตัดพ้อเธอว่า

“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คุณควรจะต้องไว้ใจผมมากกว่าไปไว้ใจไอ้หมอนั่นได้แล้ว” ดาราบอกว่าตนไม่เคยไม่ไว้ใจเขา ยงยุทธถามว่า “แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากให้ผมจัดการเรื่องนี้เอง ทำไมต้องคอยช่วยเหลือไอ้หมอนั่นลับหลังผมตลอด...ว่าไงดารา บอกผมมาสิ”

“เพราะฉันกลัวพวกคุณจะฆ่ากันเองจนตายไปข้างก่อนที่จะหยุดพวกมันได้น่ะสิ วันนี้คุณก็เห็นแล้วว่า ถ้าไม่ร่วมมือกันจะไม่มีใครรอดชีวิต แล้วแผ่นดินก็จะต้องลุกเป็นไฟเมื่อพวกมันได้อย่างที่ต้องการ”

ยงยุทธนิ่งไป ดาราเข้าไปจับมือเขาบีบแน่นเหมือนจะให้เชื่อในสิ่งที่ตนพูดว่า

“ฉันเชื่อมั่นเธอมาตลอดนะยงยุทธ และเชื่อด้วยว่าเธอจะทำให้ทุกคนในศรีสัชนาลัยหลับได้อย่างเป็นสุข”

“งั้นผมก็อยากบอกให้คุณรู้ด้วยว่า ผมไม่ได้ทำเพื่อทุกคนอย่างเดียว แต่ผมทำเพื่อคุณ เพราะผมอยากเห็นคุณหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของผม” พูดจบเขาประคองมือเธอขึ้นหอมเบาๆก่อนเดินจากไป

ดาราร้อนวูบวาบใจเต้นแรงกับสัมผัสของเขา พลันเธอก็รู้สึกอะไรบางอย่างข้างหลัง หันไปมอง เห็นขุนเดชยืนมองอยู่

ooooooo

เมื่อไปคุยกับขุนเดชที่ถ้ำศิลาคืนนี้ ดาราถามอย่างตกใจว่าเขาได้สัมผัสธรรมจักรสัมฤทธิ์แล้วหรือ แล้วเห็นกรรมอย่างที่ตำนานเล่าขานไว้หรือเปล่า ขุนเดชนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบอกเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ตนไม่เห็นอะไรเลย

ขุนเดชยืนยันว่าตนไม่เห็นอะไรจริงๆ ไม่เห็นแม้แต่ศพที่น่าสยดสยองของผกา บอกดาราอย่างเชื่อมั่นว่า

“จะเป็นฝีมือใครมันก็ไม่สำคัญ เพราะในที่สุด คนบาปก็ต้องถูกตัดสินโทษด้วยบาปที่ตัวเองทำ”

ดาราหลงเชื่อและดีใจที่ขุนเดชบอกว่าสัมผัสธรรมจักรสัมฤทธิ์แล้วแต่ไม่เห็นอะไร แสดงว่าเขาไม่ใช่คนบาปเหมือนพวกนั้น ขุนเดชเองก็สบายใจที่พูดไปอย่างนั้นแล้วเธอสบายใจ บอกว่าต่อไปเธอจะได้ไม่ต้องมาห่วงและคอยช่วยเหลือตนอีก และจะได้ไปทำสิ่งที่หัวใจเรียกร้องเสียที เขาตัดสินใจพูดกับดาราว่า

“ไอ้หมอนั่นมันเก่งสารพัด แต่เรื่องรักมันไม่ได้ความ ส่วนคุณก็พวกปากแข็งศักดิ์ศรีเยอะ ถ้าจะจับให้ลงเอยกันคงต้องอาศัยเหล้าช่วยแล้วล่ะ”

“คนบ้า...” ดาราเขินจนหน้าแดง หันหน้าหลบแล้วเดินออกไปเขินๆ

แต่พอดาราออกไปแล้ว ขุนเดชก็หน้าเครียดขึ้นมากับความจริงที่ปกปิดเธอ พลันก็รู้สึกมีใครมายืนมองอยู่ หันไปเห็นนักการยมบาลก้าวออกมาจากหลังพระศิลาไร้เศียรจ้องมองอยู่อย่างน่ากลัว ขุนเดชพนมมือคุกเข่าไหว้อย่างนอบน้อม...

“ข้าน้อยขุนเดช ขอน้อมรับต่อบาปต่อกรรมที่กระทำ เพียงแต่ยังไม่ใช่เวลานี้ เมื่อข้าน้อยปราบคนบาปจนหมดสิ้น...บาปกรรมที่ทำไว้จะขอแบกรับไว้แต่ผู้เดียว”

ขุนเดชก้มกราบ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น นักการยมบาลก็หายไปแล้ว...

ooooooo

ประดับเดินทางมาถึงบ้านกำนันบุญ เจอเบิ้มมารอรับที่ระเบียง เขาถามถึงอาการของกำนันเบิ้มบอกว่าตามหมอมาดูให้แล้ว แต่กำนันไม่ยอมพัก ตอนนี้อยู่ในห้องพระ

ประดับเข้าไปยืนดูกำนันเงียบๆ เห็นกำนันเอื้อมมือจะไปแตะธรรมจักรสัมฤทธิ์ แต่แล้วก็ชะงัก ประดับถามว่าทำไมล่ะ ไม่อยากรู้อยากเห็นเหมือนผกาหรือ แล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

“นี่นะเหรอธรรมจักรสัมฤทธิ์ วงล้อแห่งกรรมและดวงตายมบาล เมื่อกี้ฉันเห็นกำนันกำลังจะแตะมัน คงอยากรู้ใช่ไหมว่าที่เจ็บตัวคราวนี้เพราะดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาป จะใช่จุดจบของกำนันรึเปล่า”

กำนันปากแข็งบอกว่าคนอย่างตนไม่ตายง่ายๆ เพราะดาบดำหรอก ประดับเสนอจะให้หมอฝีมือดีมารักษา กำนันปฏิเสธ เพราะกลัวลูกน้องเห็นความอ่อนแอแล้วจะเสียขวัญไม่มีกำลังใจไปสู้กับวีรบุรุษบาปต่อไป

“หึๆ สมแล้วกับที่เป็นกำนันบุญ ทันทีที่ฉันได้เป็นสัตโลหะบุรุษ รับรองว่าฉันไม่ลืมตบรางวัลให้กำนันอย่างงามแน่” แล้วประดับก็เรียกเบิ้มให้มาเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์ออกไป เหลือบเห็นกำนันแสดงสีหน้าเจ็บปวดจากบาดแผลอีก ประดับพูดยิ้มๆว่า “อดทนไว้กำนัน โลหะศักดิ์สิทธิ์อีกเพียงแค่ชิ้นเดียว ฉันก็จะได้เป็นสัตโลหะบุรุษแล้ว”

ooooooo

กำนันเจ็บแผลที่ถูกฟันมาก แต่เมื่อไอ้นะไอ้เนแสดงความเป็นห่วงก็ตวาดไล่อย่างเกรี้ยวกราด

บอกว่าตนไม่เป็นอะไร แต่เมื่อรำพันเดินมาเจอ กำนันสั่งให้พาตนกลับเข้าห้อง

รำพันเห็นแผลที่ถูกฟัน บอกว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว ถูกกำนันตวาด บอกว่าตนไม่เป็นอะไร แล้วสั่งให้เอาเหล้ามาและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ ระหว่างรำพันเปลี่ยนผ้าพันแผล กำนันก็ดื่มเหล้าอั้กๆ เหมือนใช้เหล้าข่มความเจ็บปวด

กำนันสั่งรำพันว่าคืนนี้ให้นอนที่นี่เผื่อจะเรียกใช้อะไร รำพันเป็นห่วงทิพย์ถูกกำนันตวาดว่ามันโตแล้วปล่อยให้อยู่คนเดียวบ้าง ความดุดันของกำนันทำให้รำพันไม่กล้าขัดใจ

หลังจากทำแผลให้กำนันแล้วรำพันจะออกไปดูทิพย์ กำนันไม่ให้ไป พูดอย่างรำคาญเบื่อหน่ายว่าแบบนี้ส่งไปอยู่โรงพยาบาลเสียก็สิ้นเรื่อง รำพันตกใจอ้อนวอนว่าอย่าเอาไปเลย ลูกจะไม่เป็นอย่างนี้ถ้าตอนนั้นกำนันไม่...

รำพันจะพูดถึงเรื่องที่กำนันฆ่าลิงแม่ลูกอ่อน แต่ไม่ทันพูดก็ถูกกำนันบีบปากอย่างแรงจนรำพันไม่กล้าพูด แต่ขอร้องกำนันว่า ทรัพย์สินเงินทองเราก็มีมากมายแล้ว อยากให้กำนันหยุด ไม่อยากให้สร้างเวรสร้างกรรม เพราะแค่นี้ก็ตกมาถึงลูกมากพอแล้ว

แม้กำนันจะกลัวจนไม่ยอมให้รำพันพูดถึงเรื่องยิงลิงแม่ลูกอ่อนแต่ก็เหมือนถูกหลอน เมื่อได้ยินเสียงลิงร้องดังมาโหยหวน กระทั่งเห็นภาพลิงแม่ลูกอ่อนที่ถูกยิง แต่พอขยี้ตาจ้องก็ไม่เห็นอะไรแล้ว

ขณะกำนันกำลังหงุดหงิดคว้าไม้เรียวจะเฆี่ยนทั้งรำพันและทิพย์นั้น ทิพย์กัดกำนันที่แขนอย่างเกลียดชังจนเลือดออก กำนันพุ่งเข้าหาอย่างดุร้าย ก็พอดีประดับเข้ามาห้าม บอกกำนันว่า

“เลิกเสียเวลากับเรื่องนี้เสียที วันนี้ฉันจะเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์กลับไปทำพิธี และอาจารย์ก้องเกียรติก็คงจะบอกฉันว่าโลหะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายคืออะไร ระหว่างนี้ฉันอยากให้กำนันจัดการกับไอ้วีรบุรุษบาปให้เรียบร้อย เพราะฉันไม่อยากให้มันมาขวางการเป็นสัตโลหะบุรุษของฉันอีก...ว่าไงล่ะกำนัน”

“ครับคุณประดับ” กำนันรับคำ ประดับพยักหน้าอย่างพอใจแล้วเดินออกไป

ooooooo

จู่ๆวันนี้ขุนเดชก็ไปหายงยุทธที่บ้านพักตำรวจ บอกว่ามีเรื่องอยากขอร้องให้ช่วยเหลือ

ขุนเดชเล่าให้ฟังว่า ตนบอกดาราว่า ตอนที่ไล่ล่ากำนันนั้นได้ยินพวกมันพูดถึงวัตถุโบราณบางอย่าง ตนตรวจสอบแล้วคิดว่าน่าจะเป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายที่พวกมันกำลังตามหา นั่นคือ หัวสิงห์ตะกั่วศักดิ์สิทธิ์ ที่อาจารย์ประทีปเคยไปสำรวจเจอประดับอยู่ที่สถูปโบราณสถานกลางป่าใกล้เส้นทางแม่น้ำแควน้อยเดิม ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จนแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนเส้นทางน้ำ

ขุนเดชเล่าให้ยงยุทธฟังอีกว่า ดาราจำได้เพราะอาจารย์ประทีปเคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน ขุนเดชเล่าอีกว่า ตนบอกดาราไปว่า

“ถ้าเราชิงตัดหน้าได้มาก่อนพวกมัน แผนการสัตโลหะบุรุษก็ต้องหยุดชะงัก ผมจะไม่ปล่อยโอกาสนี้พลาดอีกแล้ว”

นี่เอง ดาราจึงเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าเตรียมออกเดินทาง บอกบัวทองว่าอาจไปนานจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการกลับมา บัวทองจะขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป

ระหว่างขับรถออกไปนั้น ดาราครุ่นคิดถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า

“ขอโทษด้วยนะขุนเดช...ฉันจะช่วยตัดปัญหาการกระทบกระทั่งกัน ไม่ให้วีรบุรุษบาปกับยงยุทธต้องลงมือใส่กันอีก ฉันนี่แหละ จะหยุดพวกมันด้วยตัวเอง”

ขุนเดชบอกยงยุทธว่า ตนได้พยายามห้ามแล้วแต่ดาราไม่ฟัง เพราะคิดแต่จะตัดปัญหาไม่ให้เขากับวีรบุรุษบาปต้องปะทะกัน จ่าแท่นกังวลว่าดาราไปคนเดียว ถ้าเจอกับพวกกำนันจะอันตรายมากเพราะแถวนั้นไม่ใช่พื้นที่ของเรา

“หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วนะดารา ผมไม่ปล่อยให้พวกมันมาแตะต้องดาราได้หรอกจ่า” พูดแล้วยงยุทธลุกไปเตรียมออกเดินทางทันที จ่าแท่นจะไปด้วย ขุนเดชบอกว่าให้ยงยุทธไปคนเดียวดีกว่าเผื่อทางนี้มีอะไรจ่าจะได้ช่วยเหลือชาวบ้านได้

“เอ็งก็พูดถูก แล้วทำไมเอ็งไม่ตามไปช่วยอาจารย์เขาล่ะ” จ่าแท่นถามอย่างข้องใจ ขุนเดชบอกว่าตนมีธุระสำคัญต้องทำ “ธุระอะไรของเอ็ง...อาจารย์เขาเป็นคนรักของเอ็งไม่ใช่เหรอ”

“ดาราไม่ใช่คนรักผมหรอกครับอาจ่า...ไม่ใช่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ขุนเดชพูดแล้วเดินออกไป ไม่สนใจจ่าแท่นที่มองตามไปงงๆ

ส่วนบัวทองพอรู้ว่าขุนเดชไม่ตามไปช่วยดาราก็ไม่พอใจ ถามอย่างรับไม่ได้ว่า “ทำไมพี่ทำอย่างนี้ล่ะ”

บัวทองยังเข้าใจว่าขุนเดชเป็นคนรักของดารา แต่ เมื่อขุนเดชชี้แจงและรับรองว่ายงยุทธจะไม่มีวันปล่อยให้ดาราเป็นอันตราย และดาราก็มีคนดูแลที่ดีที่สุดแล้ว บอกบัวทองว่า ไม่ต้องห่วงตน เพราะเห็นคนที่ตนรักมีความสุข ตนก็ตายตาหลับแล้ว พูดแล้วขอตัวเพราะมีงานสำคัญต้องไปจัดการ บัวทองมองตามงงๆเช่นเดียวกับที่จ่าแท่นเคยมอง

ระหว่างที่ขุนเดชเล่าเรื่องที่ไปสำรวจกับอาจารย์ประทีปแล้วพบหัวสิงห์ตะกั่วศักดิ์สิทธิ์ ขุนเดชได้กางแผนที่ให้ดาราดู ชี้ให้ดูต้นไม้ใหญ่เป็นที่สังเกต วันนี้ดาราจึงเอาแผนที่มากางดู มองต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าอย่างดีใจที่มาได้ถูกทางแล้ว

ทันใดนั้นเธอถูกลูกดอกพุ่งเข้าปักที่หัวไหล่ เธอตกใจ รีบดึงลูกดอกออกมองหาคนยิงแต่ไม่เห็น เธอเดินไปอีกเพียงครู่เดียวก็หมดสติ

ขุนเดชนั่นเอง เขาตามมายิงลูกดอกใส่เธอแล้วเข้า ไปเอ่ยกับร่างที่หมดสตินั้นว่า

“ขอโทษด้วยนะดารา คุณทำเพื่อผมมามากแล้ว ถึงเวลาที่ผมจำเป็นต้องทำเพื่อคุณและยงยุทธบ้าง” แล้วเขาก็เดินจากไป

ooooooo

คุณหญิงกับปารมีแค้นประดับมาก คุณหญิงจะเข้าไปทำลายวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในห้อง ถูกคนของประดับที่เฝ้าอยู่จับได้ขู่ว่าประดับสั่งไว้ว่าถ้าคุณหญิงทำอะไรให้จัดการขั้นเด็ดขาด ส่วนปารมีก็ให้เป็นรางวัลกับพวกตนทุกคน ทำให้คุณหญิงไม่กล้า

แต่คุณหญิงไม่ยอมแพ้ บอกปารมีด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่า ตนเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว

ระหว่างที่เบิ้มขับรถให้ประดับเอาธรรมจักรสัมฤทธิ์เข้ากรุงเทพฯนั่นเอง ระหว่างทางถูกวีรบุรุษบาปออกมายืนขวางถนน ประดับสั่งเบิ้มให้ชนเลยอย่าให้แย่งธรรมจักรสัมฤทธิ์ไปได้

ทันใดนั้นวีรบุรุษบาปเอาระเบิดออกมาถอดสลักกลิ้งใส่รถมัน เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว เบิ้มหักรถไปจอดสนิทอยู่ข้างทาง วีรบุรุษบาปเดินเข้าหา ประดับยิงใส่แต่ไม่ถูก มันหันมองเบิ้มเห็นบาดเจ็บหัวแตกเลือดอาบ สั่งว่า

“เฝ้าธรรมจักรสัมฤทธิ์ไว้ ฉันจะไปตามล่ามัน” ประดับสั่งแล้ววิ่งออกไป ไม่ลืมคว้าดาบติดมือไปด้วย

ส่วนเบิ้มที่บาดเจ็บและเฝ้าธรรมจักรสัมฤทธิ์อยู่ที่รถ ถูกมือปืนสองคนขี่มอเตอร์ไซค์มายิงใส่ เบิ้มรีบคว้าธรรมจักรสัมฤทธิ์อุ้มหนี มือปืนสองคนคุยกันว่า ประดับคงจะอยู่แถวนี้ คนหนึ่งจะไปตามหาประดับ ส่วนอีกคนตามไปจัดการเบิ้ม นัดกันว่าเสร็จงานแล้วค่อยไปรับเงินที่เหลือจากคุณหญิง

ประดับไล่ตามวีรบุรุษบาปไปถึงโรงนาร้าง ทั้งคู่ต่อสู้กันด้วยดาบอย่างไม่มีใครยอมใคร ต่างหมายที่จะให้อีกฝ่ายตายด้วยดาบของตน

ที่โรงไม้ มือปืนคนที่ไล่ตามเบิ้มไป ถูกเบิ้มยิงสกัดจนกระสุนหมด มือปืนเดินเข้าหาพูดอย่างย่ามใจ “เอ็งเสร็จข้าแล้ว” แต่มันไม่ทันทำอะไร แจ็คก็โผล่มา แค่มันจับแขนมือปืนบิดนิดเดียวแขนก็หักดังกร๊อบ! แล้วมันก็จับขึ้นมาบีบคอตาย

มือปืนอีกคนไปเจอประดับกับวีรบุรุษบาปกำลังต่อสู้กันที่โรงนาร้าง มันยิงใส่แต่ไม่ถูกใคร ทันใดนั้นแจ็คโผล่เข้ามา มันตรงเข้าเล่นงานมือปืน แค่มือปืนตั้งท่าสู้เท่านั้นก็ถูกแจ็คใช้ “หมัดสั่งตาย” หมัดเดียวก็ตายคาที่

ประดับดีใจมากที่แจ็คมาทันเวลา ประดับชี้ไปทางวีรบุรุษบาปบอกให้ใช้หมัดสั่งตายจัดการเลย

วีรบุรุษบาปรู้พิษสงของแจ็คดี จึงควักระเบิดออกมาปลดสลักแล้วกลิ้งใส่ ถูกมันเตะกระเด็นไปไกลก่อนระเบิดสนั่น

แจ็คช่วยประดับปลอดภัยจากระเบิด เมื่อต่างก็ปลอดภัย ประดับถามแจ็คว่า “แล้วมันล่ะ” พลางมองหาวีรบุรุษบาปแต่ไม่เห็นแล้ว ประดับคำรามอย่างเจ็บใจ...

“ไอ้วีรบุรุษบาป...ฉันจะให้โอกาสแกหนีไปก่อน...และฉันนี่แหละที่จะเป็นเจ้าชีวิตแก ฉันจะเปลี่ยนชะตากรรมสุดท้ายของแกให้ตายไปด้วยน้ำมือไอ้แจ็ค...หึๆๆ!!” ประดับยิ้มร้ายอย่างย่ามใจ

ooooooo

ขุนเดช

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด