สมาชิก

ขุนเดช

ตอนที่ 16

คำปันตกใจมากเมื่อจ่าแท่นมาบอกว่าพระจำเริญถูกฆ่า มีคนพบศพอยู่ที่หลังวัดหลังจากถูกวีรบุรุษบาป โผล่มาขัดขวางการทำงาน บัวทองบอกว่าตนเชื่อว่าเรื่องเลวๆ แบบนี้ไม่ใช่ฝีมือของวีรบุรุษบาปหรอก ต้อง เป็นไอ้สัมฤทธิ์มากกว่า

คำปันปรามบัวทองว่าตัวเองอยู่ตรงนั้นด้วยรึถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่าง ดาราพูดแทรกขึ้นว่า

“แต่ฉันเห็นด้วยกับบัวทองนะจ๊ะน้า...วีรบุรุษบาปปกป้องพุทธสถานย่อมต้องปกป้องพุทธศาสนาด้วยเหมือนกัน”

“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าวีรบุรุษบาปจะลงมือกับพระจำเริญ แต่การที่มันโผล่มาเล่นงานหมวด ฉันว่ามันต้องมีเหตุผลแน่” จ่าแท่นวิเคราะห์ ซึ่งบัวทองเห็นด้วยและเชื่อว่าสัมฤทธิ์ต้องโดนตัดสินบาปด้วยดาบของวีรบุรุษบาปแน่นอน จ่าติงหลานสาวว่า “แต่มันจะไม่ง่ายอย่างนั้นสิบัวทอง หมวดยงยุทธอยู่ที่นั่นด้วย คงไม่ยอมแน่”

ดาราฟังแล้วหนักใจ เป็นห่วงทั้งยงยุทธและขุนเดช...

ooooooo

หลังจากเสือเพิกถูกฆ่าตายแล้ว สัมฤทธิ์ก็ได้เป็นเจ้าของโหงพราย มันใช้โหงพรายมาทำร้ายวีรบุรุษบาป แม้เขาจะมีฝีไม้ลายมือทั้งเชิงดาบและเชิงมวยเก่งกาจเพียงใด แต่สู้โหงพรายด้วยดาบอย่างเดียวไม่ชนะ ถูกควันโหงพรายพุ่งเข้าเล่นงาน สร้างความเจ็บปวดทรมานจนดาบดำหลุดจากมือ

วีรบุรุษบาปถูกโหงพรายใช้อาคมเหวี่ยงไปกระแทกต้นไม้ตกลงมาจุกจนลุกไม่ขึ้น เขาถอดผ้าขาวม้าที่พันหน้าออกมาเช็ดเลือดที่กระอักออกมาอย่างเจ็บปวด โหงพรายรุมล้อมกันเข้ามาหมายเอาให้ตายในคราวนี้

สัมฤทธิ์ที่ใช้โหงพรายเล่นงานวีรบุรุษบาป กำลังผยองเต็มที่ แต่มันก็ถูกยงยุทธตามมาทัน หมวดเอาปืนจ่อสั่งให้ยกมือขึ้น มันเจ้าเล่ห์ตามเคย เสนอว่าให้หมวดปล่อยตนเสียแล้วตนจะเล่นงานวีรบุรุษบาปให้ หมวดจะได้ไม่ต้องเหนื่อย จากนั้นตนก็จะไม่กลับมาเหยียบศรีสัชนาลัยอีกเลย

“อย่างไอ้วีรบุรุษบาป ฉันจับมันได้โดยไม่ต้องพึ่งแกหรอก” ยงยุทธไม่แยแสกับข้อเสนอของสัมฤทธิ์ เตรียมจับมันใส่กุญแจมือ สัมฤทธิ์ฮึดสู้ ศอกใส่ยงยุทธจนปืนกระเด็น มันจะแย่งปืนถูกยงยุทธเตะขวาง เลยตั้งท่าเชิงมวยลุยกัน

แต่สัมฤทธิ์สู้เชิงมวยของยงยุทธไม่ได้ ถูกหมัดฟ้าฟาดกระเด็นไปล้มใกล้หุ่นดินเหนียวที่ตกอยู่ มันหัวเราะสะใจ เอาหุ่นดินเหนียวขึ้นมาว่าคาถาเรียกโหงพรายมาช่วย

วีรบุรุษบาปกำลังเครียดที่ถูกโหงพรายรุมล้อม พลันโหงพรายก็หายวับไป เขาลุกขึ้นไปหยิบดาบดำที่ปักบนพื้นขึ้นมามองจีวรเปื้อนเลือดของพระจำเริญที่พันด้ามดาบ แววตาแข็งกร้าว

ooooooo

สัมฤทธิ์ขู่ยงยุทธว่า ถ้าพ่อตนได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเมื่อไร ทั้งวีรบุรุษบาป และยงยุทธจะต้องร้องขอชีวิตพ่อตนแน่ๆ

“คนที่จะขึ้นมายิ่งใหญ่เป็นหนึ่งในแผ่นดินได้ต้องได้มาด้วยความดีความชอบไม่ใช่ความเลว!” ยงยุทธพูดใส่หน้า พลันก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหัวเราะของผีโหงพรายก้องกังวานไปทั้งป่า สัมฤทธิ์เยาะเย้ยก่อนหนีไปว่า

“อยู่สนุกกับโหงพรายของข้าไปแล้วกันนะไอ้หมวดยงยุทธ...ฮ่าๆๆๆๆ”

ยงยุทธจะตามสัมฤทธิ์ไป ถูกโหงพรายกระโดดเข้าขวาง เขายิงใส่แต่กระสุนก็ทำอะไรมันไม่ได้ ยงยุทธเครียดขึ้นมา...

ขณะสัมฤทธิ์หนีไปนั้น เจอวีรบุรุษบาปเข้าอย่างจัง มันถึงกับผงะหน้าเสีย มันถูกวีรบุรุษบาปซ้อมสั่งสอนจนจุก มันทำท่ายอมแพ้ แต่พอวีรบุรุษบาปจะเข้าไปจับ มันกระชากผ้าขาวม้าที่พันหน้าวีรบุรุษบาปออก แล้วมันก็ตกใจอุทานเสียงหลง

“ไอ้ขุนเดช!! ที่แท้...ก็แก!!”

“เอ็งเห็นหน้าข้าแล้ว แต่ก็เอาไปบอกใครไม่ได้ เพราะคืนนี้...ประตูนรกกำลังเปิดรอรับเอ็งอยู่!!”

ระหว่างนั้น สัมฤทธิ์อ้อนวอนให้อโหสิให้ตนด้วยสัญญาสาบานว่าต่อไปจะเลิกทำลายโบราณสถานจะหันมาทำนุบำรุงศาสนา ขุนเดชอโหสิให้ สัมฤทธิ์รีบขอบใจ

“แต่ข้าจะบอกอะไรเอ็งอย่าง ตอนที่ข้าถูกเอ็งจับฝังทั้งเป็น ข้าเคยเฉียดนรกมาแล้ว เพราะข้าก็คือพวกคนบาปเหมือนอย่างเอ็ง บาปกรรมที่ข้าทำกลายเป็นเพลิงที่พร้อมจะเผาผลาญทั้งตัวและวิญญาณให้ต้องทนทุกข์ทรมาน”

“เอ็งถึงอโหสิให้ข้าใช่ไหม เพื่อเอ็งจะได้บุญกุศลไปด้วย งั้นข้าก็จะหันมาเร่งทำบุญเผื่อให้เอ็ง เผื่อให้ข้าด้วย”

“หึ...ไอ้เรื่องทำบุญล้างบาปมันไม่มีหรอก บาป ส่วนบาป บุญก็ส่วนบุญ ทำบาปก็ต้องชดใช้มันลบล้างไม่ได้หรอก”

พูดจบวีรบุรุษบาปโยนคบไฟลงไปบนลานที่เจิ่งไปด้วยน้ำมัน ไฟลุกพรึ่บ เสียงสัมฤทธิ์แผดร้องขอความช่วยเหลือโหยหวนอยู่ในกองไฟ

วีรบุรุษบาปเอาเศษจีวรเปื้อนเลือดของพระจำเริญโยนใส่ในกองไฟไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ แล้วหยิบหุ่นโหงพรายของสัมฤทธิ์ที่ตกอยู่หักทิ้ง

กลับถึงกระท่อม ขุนเดชเอาพระพุทธรูปปางประทานอภัยกลับมาวางที่แท่นบูชาแล้วคุกเข่าพนมมือกราบ...

“สาธุ...ข้าน้อยนี้ขอเคารพนบไหว้พระไตรรัตน์ดวงประเสริฐ พระสยามเทวาธิราช พระมหาราชแต่อดีตจนปัจจุบัน ไหว้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ไหว้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ ข้าน้อยนามขุนเดชไหว้แผ่นดินพระร่วงเจ้า”

ฝ่ายยงยุทธที่ถูกโหงพรายเล่นงานจนสะบักสะบอมจนคิดว่าตัวเองต้องตายแน่แล้ว แต่เมื่อจู่ๆโหง–พรายก็หายวับไป เขามองไปรอบๆอย่างแปลกใจว่า

โหงพรายหายไปได้อย่างไร กระเซอะกระเซิงมาจนถึงโบราณสถานร้าง จึงเห็นศพสัมฤทธิ์ถูกไฟไหม้อยู่ที่ลาน ยงยุทธขบกรามแน่น

“วีรบุรุษบาป แกมันโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ไปแล้ว ฉันจะตามล่าแก ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ฉันก็ต้องจับแกให้ได้”

ooooooo

คืนนี้ กำนันฝันร้ายว่าไปขุดสมบัติแล้วเจองูเห่าเฝ้าสมบัติอยู่มากมายจึงสั่งลูกน้องเอาน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผา ถูกงูเห่ายักษ์เลื้อยมาแผ่แม่เบี้ยตรงหน้า กำนันตกใจสะดุ้งตื่นเหงื่อเต็มหน้า

ครู่เดียว ลูกน้องก็มารายงานว่าพบศพสัมฤทธิ์ถูกเผาตายที่หน้าโบราณสถานร้าง เมื่อกำนันไปถึงเจอชาวบ้านมามุงดูศพสัมฤทธิ์กันมากมาย รวมทั้งบัวทองกับดาราด้วย

กำนันแค้นแทบคลั่งไม่เชื่อว่าศพที่คลุมผ้าอยู่นั้นคือสัมฤทธิ์ วิ่งไปเปิดดู เห็นกับตาแล้วก็ยังไม่เชื่อ ฟูมฟายกับศพอยู่พักใหญ่แล้วหันมาอาละวาด ยกปืนกราดไปทั่ว ถามว่าใครฆ่าลูกตน ถ้าไม่มีใครยอมรับก็จะฆ่าเรียงตัว ทำเอาชาวบ้านแตกตื่นหนีตายกันอลหม่าน

“อย่าทำอย่างนี้นะกำนัน ถ้าจะมาเรียกหาความยุติธรรมให้สัมฤทธิ์ละก็...” บัวทองชี้ไปที่ศพ “นั่นแหละคือสิ่งที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับลูกชายกำนัน”

“นังบัวทอง...นังเด็กเมื่อวานซืน!” กำนันจิกผมบัวทองลากไปจะเอาเรื่อง ดาราตกใจตะโกนให้ปล่อยบัวทองเดี๋ยวนี้ กำนันด่ากราดว่า “ชีวิตของไอ้สัมฤทธิ์ มีค่ามากกว่าชีวิตสวะๆของพวกเอ็งทุกคน”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะกำนัน!!” ยงยุทธตะโกนและก้าวเข้ามา กำนันหันปืนใส่ยงยุทธทันที ยงยุทธสั่งให้ทิ้งปืนเสีย

“อย่ามายุ่งดีกว่าหมวด ถ้าฉันจับไอ้คนที่มันฆ่าลูกชายฉันไม่ได้ ศรีสัชนาลัยจะต้องลุกเป็นไฟ พวกเอ็งทุกคนจะต้องรับผิดชอบที่ลูกข้าตาย”

“ถ้ากำนันอยากแก้แค้นให้ลูกด้วยชีวิตคนบริสุทธิ์ งั้นฉันก็ต้องส่งกำนันไปอยู่กับไอ้สัมฤทธิ์เดี๋ยวนี้เลย”

ไอ้นะเห็นยงยุทธแตะไกปืน มันรีบเข้าไปบอกว่าหมวดเอาจริงนะ กำนันจึงขู่อาฆาตทุกคน ประกาศว่าสัมฤทธิ์จะต้องไม่ตายฟรี แล้วสั่งให้เอาศพสัมฤทธิ์กลับไป

“ไม่เป็นไรแล้วนะ บัวทอง...ดารา...” ยงยุทธเข้าไปดูสองสาวด้วยความเป็นห่วง ทั้งสองพยักหน้าอย่างโล่งใจ...

ooooooo

ดาราไปเล่าให้ขุนเดชฟังถึงความบ้าคลั่งของกำนันที่เห็นลูกชายถูกฆ่า ติงๆเขาว่าตนไม่เห็นด้วยเพราะที่เขาทำกับสัมฤทธิ์นั้นเหี้ยมโหดเกินไป ขุนเดชแย้งว่าไม่เกินไปเลยสำหรับบาปกรรมที่พวกนั้นทำไว้กับโบราณสถานและชีวิตคนบริสุทธิ์ที่ถูกมันฆ่า

“แต่เธอทำแบบนี้เท่ากับไปยั่วให้กำนันบุญโกรธแค้น ที่เขาพูดว่าแผ่นดินศรีสัชนาลัยจะต้องลุกเป็นไฟ คงไม่ใช่แค่ขู่”

“ถ้าไอ้กำนันบุญมันกล้าทำให้แผ่นดินของคนดีลุกเป็นไฟได้ มันก็ต้องเจอกับการลงทัณฑ์ที่หนักหนากว่าที่ลูกมันเจอ”

ขณะนั้นเอง ยงยุทธมากับจ่าแท่น ยงยุทธถามขุนเดชทันทีว่าโกหกตนเรื่องพระจำเริญทำไม!

“เพราะพระจำเริญสำนึกผิดต่อบาปและช่วยทำให้คนบาปอย่างไอ้สัมฤทธิ์ได้ชดใช้กรรม”

“งั้นแสดงว่าแกรู้เห็นทุกอย่าง แกรู้ว่าวีรบุรุษบาปจะมาจัดการพระจำเริญกับไอ้สัมฤทธิ์ จ่า! จ่าแท่น!! จับขุนเดชใส่กุญแจมือ”

จ่าแท่นตกใจถามว่าในข้อหาอะไร ยงยุทธบอกว่าข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกรอย่างวีรบุรุษบาป ดาราพยายามห้าม ถูกยงยุทธสั่งให้ถอยไป เพราะขุนเดชยอมรับเองแล้วว่าสมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาปจัดการสัมฤทธิ์ ตนต้องทำตามกฎหมาย

ดารายื่นมือออกไปบอกว่าให้จับตนไปด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเอาตัวขุนเดชไป ยงยุทธสั่งจ่าให้จับขุนเดชไป ส่วนดาราตนจัดการเอง พลางจับแขนดาราไว้ เมื่อจ่าพาขุนเดชไป ดาราจะตามถูกยงยุทธบีบแขนไว้แน่น เธอมองเขาอย่างไม่พอใจ

เมื่อกลับมาถึงบ้านคำปัน ดาราบอกยงยุทธว่า ตนจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะปล่อยขุนเดช คำปันกับบัวทองได้ยินเสียงเอะอะออกมาถามว่ามีอะไรกันหรือ ดาราบอกว่ายงยุทธจับขุนเดชไปหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับวีรบุรุษบาป ยงยุทธชี้แจงว่าตนต้องการเอาตัวไปสอบสวน ถ้าขุนเดชไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงๆก็จะปล่อยตัว บัวทองบอกยงยุทธว่า

“แต่อย่างพี่ขุนเดชคงไม่รู้เรื่องหรอกค่ะหมวด วันๆเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง เคยสนใจใครเสียที่ไหน”

ยงยุทธเสียงแข็งใส่ทั้งสองว่าอย่ายุ่งกับงานของตน ฝากคำปันให้ช่วยดูแลดาราให้ด้วย พูดแล้วเดินออกไป ดาราจะตาม คำปันรั้งไว้ขอร้องว่า น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางเลยจะพาล่มกันหมด ทำให้ดารานิ่งไปทั้งที่กังวลใจมาก

ooooooo

หลังจากปราชญ์ทำพิธีให้ตนได้เป็นสัตโลหะบุรุษทั้งที่มีโลหะศักดิ์สิทธิ์ไม่ครบ แล้วก็กลายเป็นคนเสียสติ เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาก็ประกาศตัวว่าเป็นสัตโลหะบุรุษ เป็นหนึ่งในแผ่นดิน ใครขวางตนต้องตาย

ปราชญ์ใช้ดาบแทงพยาบาลที่มาดูแลจนตาย แล้วถือดาบหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกไป เมื่อประดับพยายามเรียกสติ ปราชญ์ก็ใช้ดาบฟันแขนตัวเองจนเลือดสาด ประกาศว่า

“ข้าคือสัตโลหะบุรุษ...ข้าคือบุรุษแห่งแผ่นดิน

ข้าอยู่ยงคงกระพัน ฮ่าๆๆๆ”

แต่ความคลุ้มคลั่งของปราชญ์ ก็ถูกประดับพุ่งเข้าชาร์จแย่งดาบและต่อยหน้าจนสลบเหมือดไป จากนั้นตามหมอมาทำแผลและให้ยาระงับประสาทอย่างแรงเพื่อให้ปราชญ์ได้สงบ หมดฤทธิ์บ้าไปชั่วขณะ

ส่วนพยาบาลที่ถูกฆ่า ประดับสั่งลูกน้องให้จัดการเอาศพไปอำพรางและห้ามทุกคนในบ้านพูดเรื่องนี้เด็ดขาด!

คุณหญิงถามว่าทำไมปราชญ์เป็นถึงขนาดนี้ ประดับบอกว่าเพราะท่านไม่ฟังคำเตือนของตนกับอาจารย์ก้องเกียรติเลยต้องลงเอยแบบนี้ คุณหญิงถามอย่างหวาดหวั่นว่าขาดท่านแล้วตนจะอยู่อย่างไร ประดับจับมือคุณหญิงมองลึกเข้าไปในดวงตาถามว่า

“คุณหญิงจะเครียดไปทำไม ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณหญิงต้องการมาตลอดไม่ใช่หรือครับ วันที่ผมจะได้โอกาสขึ้นมาทำหน้าที่แทนท่าน...ในทุกๆอย่างและ ทุกๆเรื่อง” ประดับเชยคางคุณหญิงขึ้นมองอย่างเสน่หา

“ประดับ...นั่นสินะ...ฉันก็ลืมนึกไปว่าต้องขอบใจเวรกรรมที่ตามทันเขาแบบติดจรวด” คุณหญิงโน้มคอประดับลงมาจูบอย่างพิศวาสร้อนแรง

ooooooo

ที่ไร่อ้อยของหมอน้อยกลายเป็นขุมสมบัติ เมื่อชาวบ้านรู้ว่ามีเครื่องสังคโลกมากมายจึงพากันมาขุดจนทะเลาะเบาะแว้ง กระทั่งเกือบฆ่ากันตาย หมอน้อยสั่งชื่นคนดูแลไร่อ้อยให้หาทางหยุดชาวบ้านให้ได้ ไม่อย่างนั้นมีหวังฆ่ากันตายแน่ๆ

เมื่อหมอน้อยกลับไปถึงบ้าน เจอดาราอยู่กับมะลิภรรยาและลูกๆของหมอ มะลิบอกว่าดารามารอนานแล้ว หมอน้อยจึงชวนกันไปนั่งคุยในห้องทำงาน

ดาราร้อนใจ มาปรึกษาหมอน้อยว่าต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนที่ยงยุทธกับขุนเดชจะปะทะกันจนถึงขั้นแตกหัก หมอน้อยพยักหน้ารับอย่างหนักใจ

ที่โรงพัก จ่าแท่นเองก็กลุ้มใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนรักกำลังขัดแย้งกันอาจถึงขั้นแตกหัก ยงยุทธสั่งจ่าให้ไปเอาตัวขุนเดชออกมาสั่งให้ถอดกุญแจมือด้วย จ่าขอยงยุทธว่าค่อยพูดค่อยจา เพราะยังไงก็เพื่อนกัน พอปล่อยขุนเดชออกมา จ่าภาวนา...

“เจ้าประคู้ณ...ขออย่าให้ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเลย...”

แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของจ่า เพราะยงยุทธคาดคั้นจะให้ขุนเดชบอกให้ได้ว่าใครคือวีรบุรุษบาป กระทั่งขู่ว่า ถ้าไม่บอกตนจะถือว่าเขาคือวีรบุรุษบาปอย่างที่สงสัยมานาน

ขุนเดชยอมรับอย่างท้าทายว่าตนร่วมมือกับวีรบุรุษบาปอย่างที่เขาสงสัย จะเอาผิดกับตนอย่างไรก็ได้ แต่อย่าหวังว่าตนจะบอกว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร ทำให้ยงยุทธโมโหชกหน้าขุนเดชจนเลือดกบปาก ท้าว่า

“เข้ามาเล้ยไอ้ขุนเดช ฉันจะง้างปากให้แกพูดออกมาว่ามันเป็นใคร”

ทั้งคู่ชกกันไปเจรจากันไป แต่จนแล้วจนรอดยงยุทธก็ไม่สามารถทำให้ขุนเดชบอกได้ว่าวีรบุรุษบาปคือใคร สุดท้ายเขากัดฟันบอกขุนเดชว่า “ไปจากศรีสัชนาลัยเสียขุนเดช อย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก”

“หึๆ ฉัน ขุนเดช...ลูกหลานพระร่วง บ้านของฉันคือศรีสัชนาลัย เพราะฉะนั้นแกจะไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้านตัวเองได้ยังไง แกต่างหากที่ควรไปจากที่นี่”

ยงยุทธเดือดจัดกระชากคอเสื้อง้างหมัดจะชก ทันใดนั้น! มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งเข้าเฉียดหน้ายงยุทธไปปักต้นไม้ฉึก! ทั้งยงยุทธและขุนเดชมองขวับ เห็นวีรบุรุษบาปยืนอยู่เหนือสถูปที่หักพัง วีรบุรุษบาปตะโกนลงมาว่า

“หยุดทำร้ายขุนเดชได้แล้วหมวดยงยุทธ เขาไม่ใช่ไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นใคร ต่อให้ฆ่าขุนเดชตายหมวดก็ไม่มีวันรู้ความจริง”

ยงยุทธปล่อยมือจากขุนเดช วิ่งไล่ตามวีรบุรุษบาปที่กระโดดจากสถูปวิ่งหนีไป ขุนเดชยังยืนงงว่า วีรบุรุษบาปที่เห็นเมื่อครู่ เป็นใคร??

ขุนเดชเดินโซเซจากโบราณสถานมาถึงถนนลูกรัง เจอดาราขับรถมาจอดเทียบ ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกว่าเมื่อกี้เจอวีรบุรุษบาป ดาราบอกว่ารู้แล้ว ทำเอาขุนเดชงง เธอบอกว่าขึ้นรถมาก่อนแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

กลับมาถึงกระท่อมดาราจึงบอกว่า วีรบุรุษบาปที่ขุนเดชเห็นนั้น ที่แท้คือหมอน้อยปลอมตัวไปเพื่อช่วยเขา ขุนเดชขอบใจอาหมอที่ต้องมาพลอยเสี่ยงไปด้วย พูดยิ้มๆว่า “งานนี้ ยงยุทธคงหัวฟัดหัวเหวี่ยงน่าดู”

ooooooo

กำนันบุญถูกประดับเรียกตัวไปพบที่คฤหาสน์ของปราชญ์ คุณหญิงมองกำนันอย่างดูถูกจนประดับต้องบอกว่า ตนกับกำนันทำงานให้ท่านมานานจึงต้องเรียกให้มาช่วยในยามที่ท่านอยู่ในสภาพนี้ เพื่อช่วยให้ตนได้ขึ้นแทนที่ท่านโดยเร็ว ส่วนคุณหญิงก็มีหน้าที่กระจายข่าวเรื่องท่านไม่สบายเพื่อเตรียมให้ตนได้ขึ้นแทนที่ท่านโดยเร็ว

“ไม่ต้องห่วงหรอก...สังคมวงไพ่ของฉันเรื่องปากต่อปากเนี่ยไวยิ่งกว่าหนังสือพิมพ์เสียอีก” พูดแล้วเดินเชิดออกไป

ประดับบอกกำนันว่าตนต้องจัดการกับท่านเร็วกว่ากำหนด แต่ก็ดีที่จะได้ใช้อำนาจให้เต็มที่กว่าเดิม กำนันไม่ขัดข้องแต่มีข้อเรียกร้องประดับเรื่องการตายของสัมฤทธิ์ว่าตนไม่ยอมให้ลูกชายตายฟรีแน่ ประดับรับปากว่าจะดูแลให้แต่ก่อนอื่นกำนันต้องช่วยให้ตนได้ขึ้นแทนที่ท่านอย่างสมบูรณ์ก่อน

แผนของประดับคือ ให้กำนันไปหาเครื่องสังคโลกที่สมบูรณ์มาเพื่อตนจะได้นำไปมอบให้ผู้ใหญ่ที่จะช่วยให้ตนขึ้นแทนที่ท่านได้ เพราะผู้ใหญ่คนนี้หลงใหลเครื่องสังคโลกมาก

“ได้ครับคุณประดับ...แผ่นดินสุโขทัยออกจะกว้างขวาง สมบัติยังมีให้ขุดกันอีกเยอะ มันต้องมีสักที่ ที่ผมจะไปหาสังคโลกดีๆกลับมาให้คุณได้แน่นอน” กำนันรับคำแข็งขันแล้วกลับไป
หมอน้อยเองก็คิดหนักกังวลเรื่องการขุดพบเตาเผาสังคโลกในไร่อ้อยของตนจะทำให้มะลิกับลูกวุ่นวายไปด้วย เพราะเครื่องสังคโลกที่พบนั้น สมบูรณ์มาก ถ้าเรื่องแพร่งพรายไปจะเป็นที่หมายตาของพวกนักสะสม

“คุณหมอไม่ต้องห่วงมะลิกับลูกหรอกค่ะ ศรีสัชนาลัยได้ชื่อว่าเป็นเมืองคนดี มะลิเชื่อว่าวีรบุรุษบาปกับเจ้าหน้าที่จะต้องช่วยเหลือคุณหมอให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้”

แม้จะเบาใจลง แต่หมอน้อยก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี...

ooooooo

จากการไปสำรวจเตาเผาสังคโลกในไร่ของหมอน้อย ทั้งอาจารย์ดำรงและดาราต่างมีความเห็นพ้องกันว่า ตั้งแต่ขุดพบเตาเผาสังคโลกมายังไม่มีที่ไหนที่สวยและสมบูรณ์มากขนาดนี้เลย และโชคดีที่เตานี้อยู่ในไร่ของหมอน้อย ถ้าอยู่ที่อื่นคงถูกขุดทำเสียหายไปแล้วเพราะเครื่องสังคโลกมีราคาสูงมากในหมู่พวกนักสะสม

ที่บ้านกำนัน ไอ้นะบอกกำนันว่ามีชาวบ้านเอาเครื่องสังคโลกมาขายให้จะเอาไหม กำนันพยักหน้าให้เอามาดู บอกว่าเป็นเครื่องสังคโลกที่ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่แต่จัดว่าดีกว่าทุกชิ้นที่เคยเห็น ถามว่าขุดมาจากไหน จึงรู้ว่าได้จากไร่ของหมอน้อย แต่เวลานี้พวกนักโบราณคดีกำลังปิดพื้นที่เข้าไปสำรวจอยู่

“ไอ้พวกโบราณคดีน่ะเรอะ แผ่นดินสุโขทัยไม่ใช่ที่ของพวกมัน...แต่เป็นของข้าต่างหาก” กำนันยิ้มเหี้ยม

ที่ไร่ของหมอน้อย อาจารย์ดำรง ดารา ขุนเดช และบัวทอง กำลังศึกษาเกี่ยวกับความขึ้นชื่อลือเลื่องของเครื่องสังคโลก จู่ๆยงยุทธก็เข้ามา เขาจ้องเขม็งไปที่ขุนเดชอย่างระแวง

เมื่อมาพบหมอน้อยที่บ้าน ยงยุทธเสนอจะเอาตำรวจมาดูแลไร่และความปลอดภัยของหมอน้อยกับครอบครัว หมอน้อยบอกว่าแค่ตนกับชื่นสองคนก็พอแล้วไม่อยากรบกวนขุนเดชกับหมวดเพราะมีงานต้องสะสางอีกมาก แล้วหมอน้อยก็ให้นายชื่นพายงยุทธไปดูเตาเผาในไร่ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง

ยงยุทธเดินสวนกับขุนเดชและบัวทองที่กลับมาบ้านหมอน้อยพอดี ต่างมองหน้ากันผ่านๆ ขณะเดินสวนกัน

ขุนเดชเป็นห่วงหมอน้อยกับครอบครัวเพราะกว่าทางคณะโบราณคดีจะสำรวจเสร็จคงอีกนาน เสนอให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนดีไหม หมอน้อยจะย้ายมะลิกับลูกไปอยู่ลำปาง ส่วนตัวเองไม่อาจทิ้งหน้าที่ดูแลชาวบ้านแถวนี้ไปได้

ระหว่างขุนเดชคุยกับหมอน้อยนั้น บัวทองเข้าไปช่วยมะลิเลี้ยงลูก เธอกล่อมเด็กน้อยจนหายโยเย ขุนเดชมองด้วยแววตาอ่อนโยน ดาราเห็นแววตาของขุนเดชก็อ่านความรู้สึกออก แต่พอขุนเดชเห็นดารามองอยู่ก็ตีหน้าขรึมแล้วเดินหนีไป

ooooooo

ขุนเดชเดินเลี่ยงออกไป ดาราตามมาถามว่าจะไปไหน ขุนเดชบอกว่าจะไปสืบดูว่าสังคโลกที่ ชาวบ้านขุดไปวันก่อนเอาไปขายให้ใครบ้างเผื่อจะตามกลับคืนมาได้

“อย่าทำร้ายชาวบ้านนะขุนเดช พวกเขาทำไปเพราะความจนและความไม่รู้” ดาราขอร้อง

“ถ้าเพราะความจนและความไม่รู้จริงๆ ผมอภัยให้ได้ แต่ถ้าไม่ใช่...” ขุนเดชหน้าเครียดเข้มขึ้นจนน่ากลัว

“ขุนเดช...ลำพังเธอคนเดียว ยังไงก็คงจัดการกับคนบาปทั้งแผ่นดินไม่ได้หรอก ฉันเห็นนะ สายตาที่เธอมองบัวทองเมื่อกี้ เธอคงรู้สึกเหนื่อย อยากจะพักเพื่อมีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปแล้วใช่ไหม”

“ผมมีชีวิตปกติอย่างคนทั่วไปไม่ได้หรอก เพราะคนอย่างผมมีแต่จะทำให้คนที่รักผมต้องนอนร้องไห้ ทุกคืน” พูดแล้วขุนเดชบิดมอเตอร์ไซค์ไปเลย ดาราได้แต่ มองตามอย่างเป็นห่วง

ooooooo

เมื่อปราชญ์เสียสติไปแล้ว ประดับก็เร่งที่จะขึ้นมาแทนที่เร็วๆ ส่วนคุณหญิงก็ว้าวุ่น เพราะผัวก็เป็นบ้า ลูกก็นอนป่วยเป็นผักเน่าอยู่ ประดับก็แสดงท่าทีแข็งกร้าวไม่ปรนเปรอเอาใจเหมือนเคยโดยอ้างว่าเขาต้องรีบหาเครื่องสังคโลกไปไหว้ท่านประธาน

คุณหญิงติงว่ากว่าจะหาได้คนอื่นมิเสียบแทนแล้วหรือ เสนอให้เอารูปปั้นนางรำทองคำไปแทนก็แล้วกันเพราะราคาก็คงไม่ต่างกัน ถูกประดับบีบแขนแน่นจ้องด้วยแววตาดุร้าย สั่งห้ามแตะต้องของพวกนี้เด็ดขาด

แล้วคุณหญิงก็แทบช็อก เมื่อบอกประดับว่าของพวกนี้ก็เหมือนของของตน แล้วถูกประดับสวนไปทันทีว่า “มันเป็นของผม!” พลางขยับเข้าใกล้คุณหญิงจ้องเขม็งขณะพูดลอดไรฟันว่า

“ถ้าคุณหญิงยังอยากมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ยังอยากให้คนนับหน้าถือตาอยู่ในวงสังคมอยู่อีก ต่อไปนี้ห้าม คุณหญิงมาออกคำสั่งกับผมและห้ามเข้าไปในห้องนี้เด็ดขาด ถ้าคุณหญิงไม่ฟัง สิ่งที่คุณหญิงสูญเสีย จะไม่ใช่แค่ท่านกับลูกแน่ ทุกอย่างที่คุณหญิงมีจะหายไปในพริบตา!”

คุณหญิงตะลึงหน้าถอดสีกับความเหี้ยมของประดับ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยอะไรบางอย่าง...

ooooooo

วันนี้ บัวทองมีเรื่องน่าตกใจมาเล่าให้ดาราฟัง แล้วพาดาราไปดูให้เห็นกับตาที่ไร่หมอน้อยที่นั่น กำนันเอาเครื่องสังคโลกมาให้อาจารย์ดำรงกับยงยุทธดูถามว่าเป็นของแท้จากเตาเดียวกับในไร่หมอน้อย กำนันบอกว่าตนเองเอามาคืนเพราะเป็นสมบัติของชาติ แต่ก็มีข้อเรียกร้องว่า

“ผมอยากให้หมวดรีบเร่งจัดการตามล่าไอ้วีรบุรุษบาปมารับโทษที่มันทำไว้กับลูกชายผม เพราะถ้าพลเมืองดีอย่างผมยังไม่ได้รับความยุติธรรม ผมจะถือว่าหมวดบกพร่องในหน้าที่...ถ้าผู้ใหญ่รู้เรื่องเข้า...หมวดก็เตรียมย้ายไปจากศรีสัชฯได้เลย”

กำนันพาลูกน้องกลับไปแล้ว ยงยุทธมองตามอย่างเจ็บใจ

ระหว่างเดินทางกลับ ไอ้เนกับไอ้นะพากันหัวเราะที่กำนันขู่ยงยุทธได้สะใจ กำนันบอกว่าตนไม่ได้ขู่แต่จะทำจริง

“ข้าจะเล่นงานพวกมันให้สาสมกับที่ลูกข้าต้องตาย อย่างไร้เกียรติ ทั้งไอ้วีรบุรุษบาป ทั้งไอ้หมวดยงยุทธ เตรียมตัวรับกับมือสังหารที่ข้าสั่งมาจัดการกับพวกแกไว้ให้ดีเถอะ”

ooooooo

ขุนเดชเตือนพวกเราทุกคนต้องระวังตัวให้มากขึ้น เพราะกำนันมาสร้างภาพตัวเองแบบนี้คงไม่พ้นคิดเรื่องชั่วๆอยู่แน่

“กำนันบุญเป็นยิ่งกว่าอสรพิษ ยิ่งลูกชายมาถูกวีรบุรุษบาปฆ่าตายแบบนี้ อาเป็นห่วงเธอมากนะขุนเดช แผนการครั้งนี้ของมันเป้าหมายอยู่ที่เธอ”

“ถ้ากำนันคิดจะเจอกับผมจริงๆ ก็ดีสิครับอาหมอ ดาบดำของผมจะได้ตัดสินโทษประหารมันเสียที”

ส่วนมะลิไม่ยอมไปอยู่ลำปางเพราะเป็นห่วงหมอน้อย หมอน้อยบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะที่นี่มีทั้งหมวดยงยุทธ มีขุนเดช และมีชื่นดูแลอยู่ เธอเลยย้อนไปว่าเมื่อไม่น่าห่วงแบบนี้ ตนกับลูกก็อยู่ได้ใช่ไหม

“มะลิ...อย่าทำให้อาหมอหนักใจเลย” ขุนเดชเอ่ยขึ้น

“ขุนเดช...เธอใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอด เธอไม่เข้าใจหรอกว่า การไม่ได้อยู่กับคนที่เรารักมันทรมานแค่ไหน”

ขุนเดชชะงักกับคำพูดของมะลิที่แทงใจดำเขาอย่างจัง บัวทองมองหน้าขุนเดชอย่างเข้าใจ ในที่สุดหมอน้อยบอกว่า

“เอาล่ะ ถ้ามะลิยืนยันว่าไม่ยอมไปก็ไม่เป็นไร ฉันจะปกป้องมะลิกับลูกเอง”

มะลิดีใจโผเข้ากอดหมอน้อย บัวทองเห็นสีหน้าขุนเดชที่มองภาพตรงหน้าแล้วก็อดสงสารไม่ได้...

ooooooo

บัวทองเดินผ่านกำแพงวัด เห็นเด็กๆมีไอ้ด่างเป็นหัวโจกกำลังเล่นอะไรกันอยู่อย่างสนุกสนาน แวะ ไปถามว่าเล่นอะไรกัน ไอ้ด่างสวนมาทันทีว่าแก่แล้วไม่ให้เล่นด้วยหรอก ทำเอาบัวทองอึ้ง ด่าว่าปากเสียเดี๋ยวจะตบเสียให้ปากแตกเลย

ไอ้ด่างวิ่งพลางหันมาแลบลิ้นหลอก บัวทองเสียหน้าเลยเดินเชิดผ่านขุนเดช แต่ดั๊น...เดินสะดุดหินที่พื้นเกือบล้ม

โชคดีที่ขุนเดชรับไว้ได้ พวกไอ้ด่างเลยกรูกันมามุงดูขุนเดชกอดบัวทองล้อกันเย้วๆ ทำให้บัวทองอายมากบอกให้รีบปล่อย เพราะพวกเด็กพากันแซวตนใหญ่แล้ว

“ถ้าพี่ไม่ช่วยบัวทองไว้ บัวทองล้มก้นจ้ำเบ้า พวกไอ้ด่างจะยิ่งล้อบัวทองมากกว่านี้อีกนะ”

พวกเด็กๆยังพากันล้อบัวทอง ขุนเดชบอกว่าตนห้ามเด็กพวกนี้ไม่ได้แล้วล่ะ บัวทองบอกว่าทีหลังก็ให้อยู่ห่างๆตนไปเลย ขุนเดชพูดยิ้มๆว่า

“อยู่ห่างบัวทองพี่คงทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าทำให้พวกนั้นเลิกล้อบัวทองพี่พอช่วยได้” ว่าแล้วขุนเดชเรียกพวกเด็กๆมาบอกว่า ถ้าใครเอาบัวทองไปล้อละก็...อดได้ของเล่นแน่ พวกเด็กๆเลยพากันเฮ บอกว่าไม่ล้อ แต่ขุนเดช ต้องให้ของเล่นตอนนี้เลยนะ ขุนเดชจึงพาไปที่รถเข็นขายของเล่นเด็กของจีนเปียที่เข็นผ่านมาพอดี

บัวทองมองๆทั้งขำทั้งเคือง พึมพำ “เชอะ...ติดสินบนเด็ก”

ooooooo

ที่แท้ จีนเปียคนนี้เข้ามาในศรีสัชนาลัยแบบคนเข็นรถขายของเด็กเล่น แต่ที่แท้เป็นพวกลักลอบขุดและขโมยโบราณวัตถุ จีนเปียมาทำงานให้กำนันบุญ มีมีดสั้นเป็นอาวุธประจำกาย ใช้มีดสั้นได้คล่องแคล่วและปามีดได้แม่นฉมังนัก

หลังจากเข็นรถขายของเด็กเล่นวันนี้ จีนเปียได้เห็นบัวทองก็ไปเล่าให้กำนันฟัง กำนันบอกว่าบัวทองนี่แหละจะเป็นตัวล่อให้วีรบุรุษบาปออกมา จีนเปียตั้งข้อสังเกตว่า ขุนเดชที่อยู่กับบัวทองนั้น ตนรู้สึกว่าเป็นคนไม่ธรรมดา

กำนันยอมรับว่าฝีมือขุนเดชไม่ธรรมดา แต่ถ้ามาเกะกะขวางทางจีนเปียก็ให้จัดการได้ตามสบาย จะฆ่าสักกี่ศพก็เรื่องของจีนเปีย เพราะทุกคนที่ศรีสัชนาลัยต้องรับผิดชอบต่อการตายของสัมฤทธิ์

ระหว่างนั้นเอง ไอ้นะมาบอกกำนันว่ามีโทรเลขมา กำนันรับโทรเลขไปอ่าน บอกไอ้นะว่า เราต้องเร่งมือเอา เครื่องสังคโลกไปส่งให้ประดับ ไอ้นะบอกว่าที่ไร่หมอน้อยมีทั้งนักโบราณคดีและคนของหมอน้อยเฝ้าอยู่

จีนเปียบอกว่างานง่ายๆแบบนี้ให้ตนเหมาทำให้ก็ได้ แค่เพิ่มเงินให้ตนอีกสักเท่าหนึ่ง และให้ยืมคนของกำนันไป แค่นี้กำนันก็นอนกกเมียที่บ้านได้สบายแล้ว กำนันมองจีนเปียอย่างสนใจ

ooooooo

คืนนี้ ดารายังง่วนอยู่กับการทำงานที่บริเวณเตาเผาโบราณ โดยมีนายชื่นนั่งเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ๆ ยงยุทธกับจ่าแท่นมาถึงทักว่ายังไม่เลิกอีกหรือ ดาราบอกว่ากำลังติดลม เพราะนานๆจะได้เจอเครื่องสังคโลกที่สวยงามและสมบูรณ์แบบนี้เลยตื่นเต้น

ยงยุทธอาสาจะช่วย ดารากลัวว่ามือหนักแบบนี้เดี๋ยวเครื่องสังคโลกพัง หมวดหันไปบอกจ่าแท่นกับนายชื่นให้ไปสำรวจพื้นที่ ทั้งสองพากันเดินออกไปอย่างรู้กัน

พอสองคนไปแล้ว ยงยุทธขอช่วยดารา เธอส่งให้เขาช่วยทำความสะอาด แต่เขาเงอะงะเสียจนเครื่องสังคโลกเกือบตก ดาราเลยไม่ให้ทำ หมวดหนุ่มถอยไปยืนจ๋อยห่างๆ หงอยๆ อย่างรู้สึกผิด จนดาราเห็นแล้วอดขำไม่ได้

ดารายังทำอยู่จนดึก ยงยุทธเตือนว่าน้ำค้างเริ่มลงแล้ว ยิ่งดึกอากาศก็จะยิ่งหนาว เดี๋ยวจะไปส่งที่บ้าน ดาราบอกว่าตนยังทำงานไม่เสร็จ ยงยุทธเลยเสนอให้สอนเพราะตนอยากช่วยจริงๆ

ดารายอมสอนแต่ขู่ว่าถ้าเขาทำเครื่องสังคโลกเสียหายตนจะโกรธเขาไปจนตายเลย ชายหนุ่มทำเสียงอ้อนว่า

“ไม่ต้องห่วง...ผมอยู่ไม่ได้หรอกถ้าคุณจะโกรธผมไปจนตาย” ว่าพลางเอาแปรงปัดฝุ่นเศษดินออกจาก เครื่องสังคโลกอย่างละเมียดละไม จนดาราบอกว่าทำแบบ นั้นเบาไป แค่ชิ้นเดียวถึงพรุ่งนี้เช้าก็คงไม่เสร็จ

“อ้าว...แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ แรงไปก็แตก เบาไปก็ไม่เสร็จ”

“ก็เธอเป็นคนสุดโต่งไง ถ้าไม่มากเกินไปก็น้อยไปตลอด...เอาใหม่ คราวนี้ให้เธอรู้สึกว่าอยากทะนุถนอม อยากรักษาสิ่งดีๆเอาไว้ แค่นั้นแหละ ลองทำดู”

ยงยุทธทำตามคำแนะนำ ดาราดูแล้วชมว่า “เห็นไหมแค่นี้ก็ทำได้แล้ว”

“ไม่ยากเลยนะดารา แค่ผมนึกว่าเครื่องสังคโลกชิ้นนี้เป็นคุณ ผมก็รู้สึกอยากทะนุถนอม อยากรักษาเอาไว้กับตัว”

หมวดหนุ่มหวานเสียจนดาราเขินใจเต้นตึกตัก ยงยุทธนึกได้ เอ่ยเสียงอ่อยๆ ว่า

“ดารา...ผมขอโทษ...ผมลืมไปว่าคุณเลือกขุนเดชแล้ว...”

ดาราไม่พูดแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ยงยุทธเห็นแล้วยิ่งเศร้า...สงสารตัวเอง...

ooooooo

คืนนี้ บัวทองมารำแก้บนที่วัด ขุนเดชมายืน รวมๆกับกลุ่มชาวบ้านดูบัวทองรำ เธอยังงอนเขาไม่หายเลยเมินไปทางอื่น ระหว่างนั้นขุนเดชได้ยินเสียงป๋องแป๋งขายของเด็กเล่นของจีนเปีย หันมองเห็นจีนเปียกำลังขายของเด็กเล่นให้ชาวบ้าน

ครู่หนึ่งจีนเปียเข็นรถขายของออกไปในทาง เปลี่ยวมืด ขุนเดชตามไปห่างๆ นึกว่าจีนเปียไม่รู้ตัว แต่ที่ แท้จีนเปียรู้ตัวตลอดเวลา และหาทางแก้เผ็ดขุนเดช เมื่อถึง ที่มืดเปลี่ยวตัวจีนเปียก็หายไปเหลือแต่รถเข็นขายของทิ้งไว้ ขุนเดชรู้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เขาชักดาบดำออกมาเตรียมพร้อม แล้วออกเดินหาจีนเปีย

ขุนเดชถูกจีนเปียซุ่มเล่นงานด้วยมีดสั้นอาวุธประจำกายที่ถนัด มีดสั้นถูกปาเฉียดขุนเดชไปปักที่ต้นไม้ จีนเปียยังปามีดสั้นพุ่งใส่ขุนเดชไม่ยั้ง แต่ขุนเดชก็ยกดาบดำรับทั้งฝักได้อย่างปลอดภัย จีนเปียจึงเดินออกมาชมว่าฝีมือดีใช้ได้

“ฝีมือแกก็ไม่ธรรมดาไอ้จีนเปีย อย่างแกคงไม่ได้มา ขายของเล่นในศรีสัชฯอย่างเดียว”

“ฮ่าๆๆ ลื้ออย่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นให้มาก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าอั๊วไม่เตือน” ว่าแล้วจีนเปียตั้งท่ามวยจีน ขุนเดชวางดาบดำแล้วตั้งท่ามวยไทย ต่างย่างสามขุมเข้าใส่กันด้วยลีลาของตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครเอาใครลงได้ จนต้องหยุดคุมเชิงกัน

พอได้จังหวะขุนเดชพุ่งเข้าใส่กระชากคอเสื้อจีนเปียถามว่า “ฝีมืออย่างแกมาทำอะไรที่นี่”

จีนเปียยิ้มกวนๆ แล้วอาศัยจังหวะเผลอของขุนเดช เอามีดสั้นปาดถูกแขนขุนเดชจนได้เลือด มันตวัดมีดกลับอีกครั้งแต่ขุนเดชหลบทัน มันอาศัยจังหวะนั้นหนีหายไป ขุนเดชกัดฟันทั้งเจ็บตัว ทั้งเจ็บใจ

เมื่อบัวทองรำแก้บนเสร็จ คำปันเอาเงินที่เจ้าของงานให้พิเศษส่งให้บัวทอง บอกว่าเอาไว้ใช้จ่ายที่จำเป็น อย่า เอาไปซื้อของสุรุ่ยสุร่าย บัวทองไม่เอา บอกแม่ว่าตนกินใช้อยู่กับแม่แล้วไม่เปลืองกระเป๋าสตางค์ดี

แต่พอคำปันชวนกลับ บัวทองนึกได้ว่าลืมของไว้ข้างใน ให้แม่ไปรอที่หน้าวัดเดี๋ยวมา ว่าแล้วก็รีบเดินไปเอาย่ามที่ลืมไว้ที่หน้าโบสถ์ ทันใดนั้น ได้ยินเสียงป๋องแป๋งสัญลักษณ์ของจีนเปียดังขึ้น บัวทองทักทายประสาคนมีอัธยาศัยดีว่ายังไม่กลับอีกหรือ จีนเปียเดินเข้าหาพูดเป็นนัยว่าตนยังทำธุระไม่เสร็จ

คำปันยังรอบัวทองอยู่ที่หน้าวัด รู้สึกนานผิดปกติบ่นไปตามประสาว่าไม่รู้เถลไถลไปไหนอีก พอดีขุนเดช เดินเข้ามาหน้าตามีรอยฟกช้ำถามว่าไปทำอะไรมา ขุนเดชบอกว่าไม่มีอะไร เจอนักเลงแถวนี้เลยสั่งสอนไปนิดหน่อย

ขุนเดชถามว่าแล้วบัวทองไปไหน พอรู้ว่าบัวทองกลับไปเอาของที่ลืมไว้ในวัด ไปนานแล้วยังไม่ออกมาสักที ขุนเดชก็สังหรณ์ใจขึ้นมารีบเดินย้อนกลับไปในวัด เดินหาพลางร้องเรียกบัวทอง ไม่เจอตัว เจอแต่ย่ามของบัวทองหล่นอยู่ ขุนเดชจำได้รีบหยิบขึ้นมาดู พบว่าในย่ามมีป๋องแป๋ง อยู่อันหนึ่งและมีกระดาษอยู่ด้วย เขารีบหยิบมาดู

“เขียนว่าอะไรหรือขุนเดช” คำปันถามอย่างร้อนใจ

“บัวทองถูกจับตัวไป มันต้องการให้วีรบุรุษบาปปรากฏตัวออกมา”

คำปันใจหายวาบ ส่วนขุนเดชกำป๋องแป๋งอันนั้นบีบจนหักคามือ!

ooooooo

ยงยุทธยังอยู่ช่วยดาราจนดึก จ่าแท่นกับนายชื่นกลับมารายงานว่าเดินสำรวจทั่วบริเวณนี้แล้ว ไม่มีอะไร แต่ไม่ทันไร หมอน้อยก็เข้ามาอย่างรีบร้อนบอกยงยุทธว่า เกิดเรื่องแล้ว

เมื่อพากันกลับมาที่บ้านหมอน้อย หมอน้อยบอกยงยุทธขณะกำลังจะขึ้นรถจี๊ปที่จอดอยู่หน้าบ้านว่า รีบไปช่วยขุนเดชตามหาบัวทองเถิด ไม่ต้องห่วงทางนี้ ยงยุทธยังเป็นห่วง นายชื่นเองก็รับรองว่า ตนเพิ่งไปเดินสำรวจกับจ่าแท่นมาไม่พบอะไรผิดปกติเลย

แต่พอยงยุทธกับจ่าแท่นขึ้นรถขับออกไป ไอ้นะกับไอ้เนและลูกน้องที่มาซุ่มอยู่ก็จิกตามองเข้าไปในบ้านหมอน้อย พลางเอาผ้าขึ้นมาคาดหน้าพร้อมปล้น

เมื่อยงยุทธกับจ่าแท่นและดาราไปเจอคำปันที่วัด จ่าแท่นบอกคำปันว่าให้เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น หมวดจะได้ไปตามหาบัวทองได้ถูก

“ขุนเดชกับน้าเจอจดหมายของไอ้คนที่มันจับ บัวทองไป มันบอกว่าต้องการให้วีรบุรุษบาปปรากฏตัว”

จ่าถามว่าตอนนี้ขุนเดชอยู่ที่ไหน คำปันบอกว่า ขุนเดชรู้ว่าคนที่จับบัวทองไปเป็นใครเลยตามไปช่วย ดาราถามว่าขุนเดชรู้หรือว่ามันเป็นใคร

“ค่ะ อาจารย์” คำปันตอบพลางยื่นป๋องแป๋งให้ดู “ขุนเดชบอกว่าเป็นของไอ้จีนเปีย เจ๊กขายของเล่น”

“จีนเปีย...จ่า...เราต้องรีบตามขุนเดชไปแล้ว ผมฝากน้าคำปันด้วยนะดารา” ยงยุทธพูดอย่างร้อนใจแล้วรีบขึ้นรถออกไปพร้อมกับจ่าแท่น

ooooooo

จีนเปียเอาบัวทองที่สลบอยู่ไปไว้ที่โรงสีร้าง ขณะนั่งรอวีรบุรุษบาป มันเอาลิงตีฉาบขึ้นมาไขลานให้ลิงตีฉาบฆ่าเวลารอ ไม่นานนัก ขุนเดชก็ก้าวเข้ามาจีนเปียยิ้มทักอย่างสมใจว่า

“ในที่สุด ลื้อก็มาตามคำท้าของอั๊ว...ไอ้วีรบุรุษบาป” แต่แล้วมันก็แปลกใจเมื่อคนที่มาคือขุนเดช

“คนอย่างแกไม่จำเป็นต้องถึงมือของวีรบุรุษบาปหรอก” ขุนเดชจ้องหน้ามันเขม็ง

จีนเปียพูดสำเนียงจีนว่า แสดงว่าขุนเดชไม่เข็ด ขู่ว่าถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวออกไป ตนไม่มีธุระกับเขา พลางมันถอดเสื้อออกโชว์มีดสั้นที่เสียบอยู่รอบตัวมากมายหลายสิบเล่ม วางก้ามขู่ว่า

“คราวนี้อั๊วจะไม่ออมมือ...ลื้อไม่มีทางหลบมีดบินของอั๊วได้หรอก” สิ้นเสียงมันชักมีดออกมาปาใส่ขุนเดช เขายกด้ามดาบดำขึ้นปัดป้อง มีดสั้นกระเด็นไปปักที่เสาดังฉึก แล้วทั้งสองก็จดๆจ้องๆอย่างพร้อมจะเข้าห้ำหั่นกัน

จีนเปียเปิดฉากรุกด้วยมีดสั้น มันซัดมีดสั้นใส่จนขุนเดชต้องใช้ดาบดำปัดป้องแล้วหลบไป จีนเปียได้ใจเอามีดสั้นออกมา 4 เล่ม ถือมือละสองเล่มแล้วมันก็ซัดออกไปอย่างแรง

“โอ๊ย!” เสียงขุนเดชร้องออกมา จีนเปียหัวเราะสะใจคุยโวว่าไม่มีใครหลบมีดสั้นของตนพ้นหรอก มันเดินเข้าไปดูแล้วก็ต้องผงะ เพราะมีดที่มันปาปักไปนั้น เป็นเพียงหุ่นที่ขุนเดชถอดเสื้อตัวนอกคลุมไว้หลอกตาเท่านั้นเอง

ขุนเดชเปิดฉากรุกทันที เขาใช้ด้ามดาบดำกระแทกหน้าจีนเปียจนทรุดเลือดกบปาก ขุนเดชตามซ้ำ กระหน่ำด้วยหมัดเท้าเข่าศอกจนมันสะบักสะบอม

“ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย...ใครจ้างแกมาเล่นงานวีรบุรุษบาป”

จีนเปียยังอวดดี ถามท้าทายว่าถ้าไม่บอกจะทำอะไรตน ขุนเดชชักดาบดำจากฝักช้าๆ พอจีนเปียเห็นดาบดำเท่านั้นเอง มันร้องอย่างตระหนก

“ดาบ...ดาบ...ดาบดำ...หรือว่าลื้อ??”

ขุนเดชกำลังจะชักดาบดำออกจากฝักทั้งหมด ก็พอดีจ่าแท่นร้องบอกยงยุทธว่า “ทางนี้ครับหมวด” ขุนเดชรีบเสียบดาบดำคืนฝัก แล้วใช้ด้ามดาบกระแทกหน้าจีนเปียอีกทีก็สลบเหมือด
ยงยุทธมาถึงพอดี มองสภาพจีนเปียแล้วถามขุนเดชว่า “นั่นฝีมือแกหรือ?”

“ใช่...ฉันตามรอยมันมา บัวทองสลบอยู่ตรงโน้น” ขุนเดชชี้ให้ดู จ่าแท่นรีบไปดูบัวทอง แต่ยงยุทธเดินไปพลิกหน้าจีนเปียขึ้นมาดูพบว่ายังไม่ตาย

“ฝีมือแกคนเดียว หรือว่า...”

“ถ้าแกคิดว่าเป็นไอ้หมอนั่นละก็...ป่านนี้ไอ้จีนเปียคนนี้คงถูกฆ่าตายไปแล้ว”

ยงยุทธดูสภาพจีนเปียอีกครั้ง สั่งตำรวจให้เอาไปโรงพัก มันฟื้นเมื่อไรตนจะสอบปากคำด้วยตัวเอง แล้วจะใช้จีนเปียล่อวีรบุรุษบาปออกมา ขุนเดชฟังแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า

“ฉันนึกว่าที่ตามมาเพราะต้องการช่วยบัวทอง”

“ฉันมาเพื่อช่วยบัวทอง และจับวีรบุรุษบาปด้วย” ยงยุทธตอบ จ้องหน้ากับขุนเดชเขม็ง

ooooooo

ที่บ้านหมอน้อย...นายชื่นยังนั่งอยู่ที่กองไฟ ได้ยินเสียงผิดปกติบางอย่าง ร้องถามว่าใครพลางยก ปืนเล็งไป

หมอน้อยได้ยินเสียงออกมาถามว่ามีอะไรหรือ นายชื่นบอกว่าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆทางโน้นพลางชี้ให้ดู หมอน้อยบอกว่าคงเป็นหมาแมวเดินผ่านกระมัง ดึกแล้วให้นายชื่นไปนอนเสีย ไม่ต้องเฝ้าทั้งคืนหรอก นายชื่นจะนอนแถวนี้ หมอน้อยไม่เห็นด้วย จึงต่อรองว่าเดี๋ยวไฟมอดแล้วจะไปนอน หมอน้อยจึงกลับเข้าไปในบ้าน

พอหมอน้อยกลับเข้าบ้านเท่านั้น ไอ้นะ ไอ้เนและลูกน้องก็โผล่มาเล่นงานนายชื่น มันปัดปืนนายชื่นกระเด็นแล้วรุมกันชกต่อย สุดท้ายมันเอามีดกะซวกกลางอกจนนายชื่นสะดุ้งสุดตัวฟุบลง จากนั้นพวกมันก็พากันบุกเข้าไปในบ้าน

คืนนี้ ตาหนูลูกของหมอน้อยโยเยผิดปกติ หมอน้อยต้องอุ้มขึ้นมากล่อม ระหว่างนั้นได้ยินเสียงข้าวของหล่นแตกดังจากอีกห้องหนึ่ง หมอน้อยกับมะลิตกใจ รู้ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นแน่แล้ว หมอน้อยบอกมะลิให้พาลูกเข้าห้องแล้วไม่ต้องออกมาจนกว่าตนจะเรียก

“อย่าเลยพี่หมอ...ฉันว่าเรารีบไปจากที่นี่เถอะ”

“ไม่ได้หรอกมะลิ สมบัติของชาติอยู่ที่นี่...พี่ต้องรักษาเอาไว้ เข้าไปอยู่ในห้องแล้วห้ามออกมาเด็ดขาด”

ความตึงเครียดของหมอน้อยทำให้มะลิจำต้องทำตาม หมอน้อยคว้าปืนที่ผนังจ้องไปทางห้องที่มีเสียงดังแววตาแข็งกร้าว

ooooooo

หมอน้อยถือปืนเดินไปยังห้องนั้น เจอลูกน้องกำนันกำลังรื้อข้าวของกระจุยกระจาย หมอน้อยยกปืนขู่ไล่พวกมันออกไป ไม่อย่างนั้นตนยิงเรียงตัวแน่

ทันใดนั้น กำนันบุญโผล่มาเอาปืนจ่อหมอน้อย จากข้างหลัง สั่งเหี้ยม

“ทิ้งปืนไปเถอะคุณหมอ...มือหมอควรจะจับผ้า พันแผลไว้รักษาคนไข้ ไม่ใช่มาจับปืนผาหน้าไม้แบบนี้”

มันด่าหมอว่าเป็นหมอรักษาคนไข้อยู่ดีๆ ไม่ชอบ ดันหาเรื่องมาปกป้องสมบัติที่ไม่ใช่ของตัวเอง หมอไม่น่ามาแส่หาเรื่องใส่ตัวเลย

“ฉันไม่ยอมให้แกเอาสมบัติของชาติไปแม้แต่ชิ้นเดียว” หมอน้อยประกาศ กำนันถามท้าว่าถ้าเอาไปแล้วจะทำอะไรตน หมอน้อยตอบอย่างดุดันว่า “ฉันจะฆ่าแก!”

“ฮ่าๆๆ คืนนี้หมอกับลูกเมียจะมีชีวิตรอดไปถึงพรุ่งนี้เช้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย แล้วหมอจะทำอะไรฉันได้”

“ถ้าแกแตะต้องลูกเมียฉัน แตะต้องสมบัติของแผ่นดิน เมื่อไหร่...แกตาย!!” หมอน้อยพยายามขัดขืนแต่ถูกไอ้นะกับไอ้เนล็อกตัวไว้ กำนันยังพูดต่ออย่างเย้ยหยันว่า

“ไอ้พวกเครื่องสังคโลกที่หมอขุดเจอในที่ของหมอ เจ้าของเขาตายไปเป็นร้อยๆปีแล้ว เขายังไม่มา เรียกร้องเอาคืน แล้วหมอจะเอาชีวิตตัวเองมาปกป้องทำไม”

“เพราะมันเป็นของแผ่นดิน เป็นของลูกหลานคนไทยทุกคน วิญญาณของบรรพบุรุษจะต้องมาเล่นงานแก”

กำนันบุญหัวเราะพูดอย่างผยองว่า ถ้าตนกลัวก็คงไม่รวยและมีอำนาจวาสนาจนใครๆก็เรียกว่า กำนันบุญสุโขทัยหรอก พูดจบ กำนันบุญแทงหมอน้อยจนมิดด้าม หมอน้อยสะดุ้งเฮือก เลือดทะลักออกจากปาก แต่ยังแข็งใจสาปแช่งว่า...

“บาป...บาปกรรมจะตามทันแก...แกจะต้องถูก วี ...วีรบุรุษบาปตัดสินลงโทษให้ตกนรกหมกไหม้ด้วย... ด้วย...ดาบดำ!”

“ไอ้วีรบุรุษบาปกับพวกแกทุกคนในศรีสัชฯต่าง หากที่ต้องชดใช้ความตายให้ลูกชายฉัน”

“แล้วลูกเมียของไอ้หมอน้อยล่ะครับกำนัน” ไอ้นะถามอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

กำนันหันมองด้วยสีหน้าแววตาร้ายกาจ เลือดเย็น

ooooooo

ขุนเดช

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด