ตอนที่ 13
ขณะไอ้นะกำลังกลัดมันเต็มที่นั่นเอง มันก็ตกใจแทบตายเมื่อหันไปเห็นวีรบุรุษบาปถือดาบดำยืนจังก้าอยู่ อึดใจเดียวมันก็ถูกถีบกระเด็นออกมานอนจุกอยู่นอกกระท่อม พอเห็นวีรบุรุษบาปควงดาบตามออกมา มันก็คว้าดาบของมันมารับดาบของวีรบุรุษบาปที่ฟันฉับลงมาหวิดผ่าแสกหน้ามัน
พอดีกับที่กบรู้สึกตัวเธอเดินโผเผออกมา วีรบุรุษบาปหันมองเลยถูกไอ้นะฟันที่แขน แต่พอวีรบุรุษบาปจะไปลุย ก็พอดีมีเสียงปืนดังขึ้น สัมฤทธิ์กับไอ้เนมาช่วยไอ้นะ ทำให้วีรบุรุษบาปต้องรีบคว้าตัวกบพาหนีออกไป
ยงยุทธกับจ่าแท่นที่ออกตามหากบได้ยินเสียงปืน พอจับทิศทางได้ก็พากันวิ่งไปทางนั้น แต่ครู่เดียวก็เจอกบอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งสองวิ่งเข้าไปหา หมวดสั่งจ่าให้นำกำลังไปสำรวจรอบๆนั้นด้วย ตรงนั้นจึงเหลือแต่ยงยุทธกับกบสองคน
ยงยุทธถามว่าเธอหนีออกมาเองหรือ กบบอกว่ามีคนช่วยแล้วชี้ไปข้างหน้าช้าๆ เขามองตามไปถึงกับชะงักเมื่อเห็นวีรบุรุษบาปยืนอยู่ ยงยุทธยกปืนเล็งใส่ทันที กบคว้ามือไว้ร้องห้าม
“อย่าค่ะหมวด”
ยงยุทธชะงักหันมองกบ พอหันกลับไปอีกที วีรบุรุษบาปก็หายไปแล้ว
เมื่อกลับมาถึงอนามัย ทั้งดาราและเพื่อนๆของกบ พากันมาห้อมล้อมด้วยความเป็นห่วง กบบอกว่าตนไม่เป็นอะไร แต่ถ้าไม่ได้วีรบุรุษบาปตามไปช่วย ป่านนี้ตนคง...กบสะอื้นขึ้นมาจนพูดไม่ออก
ooooooo
ในขณะที่ยงยุทธมุ่งมั่นที่จะจับวีรบุรุษบาปด้วยข้อสงสัยว่าอาจรู้เห็นเรื่องขโมยวัตถุโบราณนั้น ชาวบ้านโดยเฉพาะสาลี่กลับเห็นว่าวีรบุรุษบาปเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน สามารถช่วยกำจัดพวกลักลอบขุดกรุและอันธพาลที่ข่มเหงชาวบ้านได้
วันนี้สาลี่กับอาฮวดจึงนำชาวบ้านมาที่อนามัย มาขอหมวดว่าเอะอะก็จะตามจับวีรบุรุษบาป ขอเว้นไว้สักคนได้ไหม เพราะวีรบุรุษบาปเป็นคนช่วยนักศึกษาหญิงที่ถูกจับไป ชาวบ้านพากันฮือฮาเห็นด้วย แต่อาฮวดติงเมียว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจดีกว่าอย่าไปก้าวก่ายเลย ถูกสาลี่แหวใส่ว่า
“ไอ้ฮวด เอ็งเงียบไปเลย คนชั่วต้องได้รับกรรม ส่วนคนดีก็ต้องได้รับความเห็นใจ ถ้าปล่อยให้คนดีถูกกล่าวหา แล้วแบบนี้ใครที่ไหนมันจะอยากทำดี อาจารย์ดาราว่าจริงไหมคะ”
ดาราพลั้งปากว่า “เอ่อ...ก็...ก็จริงค่ะ” สาลี่เลยได้ทีบอกยงยุทธให้เลิกตามจับวีรบุรุษบาปเสีย ปล่อยให้วีรบุรุษบาปทำหน้าที่ปกป้องสมบัติของพวกเรา แล้วหันไปขอเสียงชาวบ้านว่าใครเห็นด้วยยกมือขึ้น ชาวบ้านพากันยกมือพรึ่บ อาฮวดยกครึ่งๆกลางๆ พอถูกเสียงเพชฌฆาตของสาลี่ตวาด เอ็นก็กระตุกยกสุดแขนทันที แถมจ่าแท่นที่ยืนอยู่ฝั่งตำรวจก็ยังเผลอชูมือขึ้นด้วย พอรู้ตัวก็รีบหดมือลง
แต่สุดท้าย ชาวบ้านก็ถูกหมวดยงยุทธเอากฎหมายขึ้นมาอ้างว่า สิ่งที่วีรบุรุษบาปทำเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นอกจากตนจะไม่ละเว้นวีรบุรุษบาปแล้ว ใครที่ให้ความร่วมมือด้วยก็จะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน มีความผิดร่วมกันมีสิทธิ์ติดคุกเหมือนกัน
เมื่อตำรวจเอากฎหมาย เอาคุกมาขู่ ชาวบ้าน
ตาดำๆก็พากันถอย แม้แต่สาลี่เมื่อไม่มีใครอยู่ด้วยก็ต้องถอยไปทั้งที่ยังฮึดฮัดๆอยู่
ooooooo
ดาราไปหาขุนเดชที่กระท่อม ถามว่าพวกที่ทำร้ายอาจารย์ประทีปกับลูกศิษย์แล้วขโมยพระ-พุทธรูปไปเป็นใคร
ขุนเดชบอกว่าเป็นพวกลูกน้องกำนันบุญ เธอขอให้ยงยุทธเป็นคนจัดการได้ไหม ขุนเดชบอกว่าไม่ได้เพราะพวกนี้มีคนมีอิทธิพลใหญ่คับประเทศหนุนอยู่ เธอถามอีกว่าเป็นพวกเดียวกับที่ตามล่าหาโลหะวัตถุศักดิ์สิทธิ์โบราณใช่ไหม
“ใช่...พวกมันช่วยกันตามล่าหาของพวกนั้น เพื่อทำให้นายใหญ่ของมันเป็นสัตโลหะบุรุษ เป็นผู้มีอำนาจและบารมีเป็นหนึ่งเดียวในแผ่นดิน ถ้าพวกมันทำสำเร็จ แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ ผู้คนจะล้มตาย คนชั่วจะครองเมือง”
ขุนเดชขอโทษดารา บอกว่าตนไม่อยากทำให้เธอเสียใจ แต่ถ้าตนกลับไปเป็นขุนเดชคนเดิม ลูกหลานของเราจะ...
“เธอไม่ต้องพูดแล้วล่ะ” ดาราขัดขึ้นพร้อมกับเอาสำลีซับเลือดที่ซึมจากแผลที่แขนให้เขา “ฉันขอแค่คำสัญญาคำเดียว สัญญาว่าถ้าเธอหยุดสัตโลหะบุรุษได้ เธอจะเลิกเป็นวีรบุรุษบาป สัญญากับฉันได้ไหมขุนเดช”
ขุนเดชนิ่ง เธอรบเร้าน้ำตาอาบแก้ม ขุนเดชปาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน รับปากว่า
“ได้...ผมสัญญา...”
ดาราดีใจโผเข้ากอดขุนเดชร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกเขา...
ขุนเดชขอบใจที่เธอช่วยทำแผลและเข้าใจในสิ่งที่ตนทำ แต่ตนเป็นห่วงเธอกับยงยุทธ ดารารับปากว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เมื่อเขาหยุดสัตโลหะบุรุษได้ วีรบุรุษบาปก็จะต้องหายสาบสูญไปด้วย
ขุนเดชติงว่าตนหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับยงยุทธ ดาราตัดบทว่า
“หยุดเถอะขุนเดช ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือฉันต้องปกปิดไม่ให้ยงยุทธรู้เรื่องเธอ และไม่ให้เขามาขวางการทำงานเธอ ส่วนเรื่องอื่น...ค่อยว่ากัน ฉันไปทำงานล่ะ”
ooooooo
ระหว่างที่ดาราไปคุยกับขุนเดชนั้น ยงยุทธไปจับกุมพวกระเบิดเจดีย์สองคน คนหนึ่งยอมแพ้แต่อีกคนต่อสู้เอาหัวโขกยงยุทธขณะเข้าไปจะสวมกุญแจมือแล้วแย่งปืน เกิดปลุกปล้ำต่อสู้กันจนปืนลั่น
ปรากฏว่าปืนลั่นถูกโจรได้รับบาดเจ็บและไปตายที่อนามัย ยงยุทธจึงให้จ่าติดต่อญาติให้มารับศพ
หมอน้อยคุยกับจ่าว่าดูท่าทางหมวดเครียดๆ ที่จริงไม่น่ากังวลเพราะคนร้ายขัดขืนการจับกุมไม่ใช่ความผิดของหมวด
“ครับหมอ แต่ที่หมวดเขาดูเครียดก็เพราะเขาไม่อยากถูกมองว่าใช้วิธีตัดสินลงโทษโจรด้วยชีวิตเหมือนวีรบุรุษบาป”
แต่สำหรับชาวบ้านโดยเฉพาะสาลี่ต่างพากันชื่นชมยงยุทธ เมื่อเขาไปนั่งกินกาแฟที่ร้าน สาลี่กุลีกุจอต้อนรับให้กินฟรีทั้งกาแฟและปาท่องโก๋ เขาถามว่าเพราะตนยิงโจรตายเลยสะใจใช่ไหม
“ตอนนี้ทั้งหมวดทั้งวีรบุรุษบาปคอยฆ่าพวกมัน รับรองว่าพวกเราได้นอนหลับกันเต็มอิ่มทุกคืนแน่ เอ้าพวกเรา...ไชโยให้หมวดหน่อย” สาลี่ตะโกนนำชาวบ้านพากันไชโยกันลั่นร้าน
ยงยุทธลุกขึ้นทุบโต๊ะปัง! ทุกคนตกใจ เขามองทุกคนตาขวาง แล้วเดินออกจากร้านไปเลย ทำเอาชาวบ้านพากันงง
เมื่อกลับถึงบ้านพัก หมวดไปซ้อมยิงปืนระบายความเครียด จนเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็ระแวงหันกระบอกปืนใส่
“ฉันเองนะยงยุทธ” ดาราตกใจรีบร้องบอก
ยงยุทธลดปืนลง แต่มีท่าทีหมางเมินเย็นชากับเธอ ดาราถามว่าเป็นอะไรก็ปฏิเสธ ครั้นชวนคุยก็ไม่คุย ซ้ำยังบอกว่าขออยู่คนเดียว ดาราโมโหและหมั่นไส้เลยกลับไป แต่พอดาราเดินไป ยงยุทธก็สบถตัวเองอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย!!”
ooooooo
ยงยุทธตามไปขอโทษดารา เธอบอกว่าเอาไว้เขาอารมณ์ดีก่อนแล้วค่อยคุยกัน ยงยุทธยอมรับว่าที่อารมณ์ไม่ดีเมื่อครู่เพราะตนยิงคนร้ายตาย ดาราบอกว่าเรื่องนั้นตนได้ยินชาวบ้านพูดกันแล้ว เขาไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์
“คุณจะไม่ให้ผมคิดเลยได้ยังไง ในเมื่อพวกเขาเอาผมไปเปรียบเทียบกับไอ้หมอนั่น นอกจากพวกเขาจะไม่ช่วยผมเคารพกฎหมายแล้ว ยังกลับไปยกย่องเชิดชูไอ้ฆาตกรอย่างมัน”
ดาราฟังแล้วเงียบไป จนยงยุทธถามว่าทำไม...ดักคออย่างระแวงว่า “อย่าบอกนะว่าแม้แต่คุณก็เห็นด้วย”
“ยงยุทธ...ฉันว่าบางทีเธอน่าจะปล่อยให้วีรบุรุษบาปทำงานของเขาไปนะ”
“ดารา!! นี่...คุณ...” ยงยุทธตะลึงอึ้งไปครู่หนึ่งพลันก็เข้าบีบไหล่ดาราอย่างแรง “บอกผมมาสิดารา ว่าคุณไม่ได้เห็นด้วยกับพวกชาวบ้าน”
ยงยุทธแสดงความเกลียดชังวีรบุรุษบาปจนแม้แต่ชื่อก็ไม่อยากได้ยิน ดาราหว่านล้อมเขาให้ลดทิฐิลงบ้างแล้วมองว่าวีรบุรุษบาปทำเพื่อช่วยพวกเรา ทำให้ยงยุทธยิ่งรับไม่ได้หาว่าดารามากล่อมให้เขายอมเข้าใจพวกโจร ทั้งที่เมื่อก่อนเธอก็ไม่เห็นด้วย ถามว่าเพราะถูกขุนเดชเป่าหูให้มาขอร้องตนใช่ไหม
ยงยุทธพาลถึงขุนเดชเพราะยังเจ็บปวดกับภาพบาดตาที่เห็นดารากับขุนเดชจูบกันที่น้ำตก ดาราตกใจถามว่าเขาอยู่ที่นั่นด้วยหรือ? เธอบอกเขาว่า ความจริงไม่ใช่อย่างที่เขาเห็น
ยงยุทธตัดพ้อต่อว่าด้วยอารมณ์หึงหวง จนดาราบอกว่าให้เลิกบ้าเสียทีเพราะเขาเป็นแบบนี้ไง...ยงยุทธสวนไปทันทีว่าเธอถึงไม่รักใช่ไหม ดาราชะงัก ยงยุทธยิ่งระบายอารมณ์อย่างเจ็บปวดว่า
“คุณกลับไปได้แล้ว เรื่องที่คุณมาขอร้องผม ผมคงทำให้ไม่ได้ ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่อยู่ที่นี่ ยังมีลมหายใจอยู่ ผมจะตามล่ามัน มันจะต้องได้รับโทษที่มันทำ!”
“ถ้าเธออยากคิดอะไรก็คิดไป แต่วันนึงเธอจะเข้าใจฉันกับขุนเดช” ดาราปาดน้ำตาหันหลังเดินจากไป
เช่นเดียวกัน บัวทองที่เห็นภาพเดียวกันกับยงยุทธ ก็อยู่ในความเศร้าเสียใจ งอน โกรธขุนเดช เมื่อเขาบอกว่าเธอกำลังเข้าใจผิดตน บัวทองบอกว่าไม่ใช่การเข้าใจผิด แต่เป็นความจริงที่ตนเห็นเขากับดาราที่น้ำตก
ขุนเดชไม่ปฏิเสธ บัวทองเสียใจมากถามว่าแล้วที่เขาบอกตนตอนนั้นล่ะ ขุนเดชพูดหน้าตาเฉยว่าตนโกหก พูดเพราะสงสารอยากให้เธอสบายใจเท่านั้น
บัวทองตบหน้าขุนเดช พูดใส่หน้าว่าเกลียดและไม่มีวันให้อภัยเขา
“พี่ขอโทษนะบัวทอง พี่มันเป็นคนบาปหนา ที่เดียวที่เหมาะกับพี่ก็มีแต่ในนรกเท่านั้น” ขุนเดชพูดเบื้องหน้าพระพุทธรูปที่ตัวเองหล่อขึ้นมา แล้วหันมองหน้าบัวทอง...
ooooooo
หลังจากได้รับคำสั่งจากปราชญ์ให้ไปเอารูปปั้นนางรำทองคำจากวงศ์แล้ว กำนันก็บ่ายหน้าไปที่บ่อนของวงศ์พร้อมกับประดับและลูกน้อง กำนันถือ ว่าตัวเองเป็นเจ้าหนี้วงศ์จึงลุยเข้าไป ถูกลูกน้องวงศ์ที่คุมบ่อนขัดขวางก็จับหักแขน ทำร้ายจนหมดสภาพ
ระหว่างที่กำนันกับประดับและลูกน้องต่อสู้กับลูกน้องวงศ์นั้น วงศ์อยู่ข้างบนกับวาสนาผู้เป็นเมีย พอลูกน้องมารายงานว่ากำนันบุญมาเท่านั้น วงศ์ที่ผยองอย่างยิ่งใหญ่ ก็กลายเป็นแมวไปทันที สั่งวาสนาให้เก็บของ ตัวเองก็ไปเอารูปปั้นนางรำทองคำใส่กระเป๋า พากันหนีตายไป
เมื่อกำจัดลูกน้องวงศ์เรียบร้อย ประดับสั่งกำนันให้ไปเอารูปปั้นนางรำทองคำมา กำนันขึ้นไปครู่เดียวก็กลับมาบอกว่าวงศ์หนีไปแล้วและเอารูปปั้นนางรำทองคำไปด้วย ประดับเลือดขึ้นหน้า ขยุ้มคอเสื้อกำนันเข้าไปตะคอก
“กำนันรู้ใช่ไหมว่าถ้าไม่ได้รูปปั้นนางรำทองคำกลับไปให้ท่าน กำนันจะต้องลงเอยยังไง”
“ข้ารู้...” กำนันแกะมือประดับออก “ไม่ต้องมาสั่งข้าหรอกเว้ย ขี้ขลาดอย่างไอ้วงศ์มันหนีคนอย่างกำนันบุญไม่พ้นหรอก”
ooooooo
บัวทองผละจากขุนเดชไปนั่งร้องไห้ที่ท่าน้ำ ผกานั่งเรือมาขึ้นที่ท่าเห็นเข้า เยาะเย้ยว่าไปกับขุนเดชมาทั้งคืนคงถูกเจาะไข่แดงแล้วถูกทิ้งใช่ไหม บัวทองเดือดปุดชี้หน้าด่า ปรี่จะเข้าไปตบ ถูกไอ้เนจับมือไว้
บัวทองด่าไอ้เน มันโมโหเงื้อมือจะตบ เลยถูกบัวทองเตะผ่าหมากจนทรุดนั่งกุมเป้า บัวทองตามไปถีบตกคลองแล้วหันมาตบหน้าผกาเพียะ
ยงยุทธมาประสบเหตุร้องห้าม แต่ผกาไม่แยแสจะพุ่งเข้าตบหน้าบัวทอง เลยถูกยงยุทธจับใส่กุญแจมือบอกว่าจะเอาไปสงบสติอารมณ์ในคุก ผกาหน้าเผือด
ไม่คิดว่ายงยุทธจะเอาจริง
เอาเข้าห้องขังแล้วผกาทั้งด่าทั้งขู่ตำรวจลั่นโรงพัก ไม่นานยงยุทธก็มาบอกจ่าให้ปล่อยผกาออกมา พอออกมาเจอกำนันผกาก็โผเข้ากอดร้องไห้สะอึกสะอื้น กำนันโอบผการับขวัญ แต่ตามองยงยุทธอย่างไม่พอใจ
ผกาให้กำนันเอาเรื่องบัวทองให้ถึงที่สุด กำนันขอให้ตนจัดการเรื่องใหญ่ให้เสร็จก่อนแล้วจะเอาคืนให้เธอแน่ ผกาถามว่างานตามหาโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ท่านสั่งมาใช่ไหม
“ใช่ แต่คราวนี้โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันต้องไปตามมามันไม่ธรรมดานะ มันคือรูปปั้นนางรำทองคำ สมบัติล้ำค่าของแม่นางเมือง”
ผกามองหน้ากำนันอย่างสงสัยว่าแม่นางเมืองคืออะไร กำนันเล่าว่า...
“เป็นสมบัติของแม่นางเมือง เป็นตำนานที่
เล่าต่อๆกันในกลุ่มของนักล่าสมบัติโบราณหลายร้อยปีแล้ว เล่ากันถึงเมืองแสน เมืองลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาลึกลับบนแผ่นดินสุวรรณภูมิ แม่นางเมืองเป็นหมอผีที่มีเวทมนตร์และคาถาอาคม เป็นหญิงสาวสวยที่ต้องถือพรหมจรรย์”
ผกาฟังอย่างสนใจ กำนันเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“แม่นางเมืองเป็นหญิงกระหายความสาวและบ้าทรัพย์สมบัติ จึงใช้อาคมหลอกล่อผู้ชายจนลุ่มหลงและเป็นเครื่องมือหาเหยื่อสาวพรหมจรรย์มาสังเวยนาง ผลตอบแทนที่นางจะให้ก็คือสิ่งที่พวกเขาอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจหรือความร่ำรวย แต่เพราะมีหญิงสาวถูกฆ่าตายมากมาย ผู้ที่มีอาคมแก่กล้ากว่าจึงวางแผนฆ่านางและสะกดวิญญาณนางไว้ในรูปปั้นนางรำทองคำ สมบัติที่นางโปรดปรานมากที่สุด”
“ถ้าวิญญาณของแม่นางเมืองยังถูกสะกดอยู่ในรูปปั้นนางรำทองคำ ก็แสดงว่านางยังไม่หยุดกระหายเหยื่อสาวพรหมจรรย์ใช่ไหมกำนัน”
“เธอคิดถูกแล้วล่ะผกา รูปปั้นนางรำทองคำถูกเปลี่ยน
มือไปหลายเจ้าของ เพราะมันได้สร้างความร่ำรวยให้กับผู้ปกครอง แต่ก็อยู่กับใครไม่ได้นานจนหายสาบสูญไป”
ระหว่างที่กำนันเล่าตำนานนางรำทองคำนั้น เหตุ–
การณ์ที่เป็นจริงก็ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้านจนพากันตื่นตระหนกกันทั้งตลาด
ooooooo
หลังจากวงศ์พาวาสนาหนีไปแล้ว ต่อมาก็พากันย้อนกลับมาที่ร้านอาฮวดเพราะนัดมือปืนไว้ กำชับมือปืนหลังจากมอบเงินให้แล้วว่า
“อย่าให้พลาดล่ะ ถ้างานนี้เอ็งทำสำเร็จ ข้ามีเงินพิเศษให้แน่”
พอมือปืนออกไป วงศ์ก็เรียกอาฮวดมาเก็บเงินส่งแบงก์ใหญ่ให้จนอาฮวดบอกว่าไม่มีทอน วงศ์บอกว่าไม่มีทอนก็เก็บไว้ใช้ อาฮวดดีใจมากอวยพรให้ร่ำให้รวย
ขุนเดชนั่งอยู่ในร้านลุกตามวงศ์กับวาสนาไป มันรู้ตัวแต่คิดว่าเป็นพวกโจรที่จะมาปล้นเงิน ทั้งสองพากันเดินหนีเมื่อเห็นท่าจะไม่พ้น วงศ์ก็เอาเงินในกระเป๋าวาสนาออกมาโปรย ให้ชาวบ้านวิ่งมาเก็บเงินอาศัยความชุลมุนนั้นหนีรอดไปได้
เมื่อเข้าไปในบ้านทรงไทยที่เช่าไว้แล้ว วงศ์บอกวาสนาให้รีบทำพิธีเซ่นแม่นางเมือง ให้เงินทองไหลมาเทมาเพราะช่วงนี้เงินทองร่อยหรอไปมาก วาสนาบอกให้วงศ์ออกไป แล้วเริ่มทำพิธีท่ามกลางความหวาดกลัวจนตัวสั่นของเด็กสาวที่เอามาขังไว้ เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียงแล้ววิ่งเตลิดออกไปที่ตลาด พวกชาวบ้านพากันมุงดูอย่างแปลกใจกับสภาพทรุดโทรมและตาขวางของเด็กสาว วิพากษ์วิจารณ์กันว่าไม่เคยเห็นเด็กสาวคนนี้มาก่อน
อาฮวดกับสาลี่ไปซื้อหมูที่ตลาด เห็นคนมุงกันอยู่ก็เข้าไปดู สาลี่สงสารเข้าไปถามเด็กสาวว่าเป็นใครอยู่ไหนจะพาไปส่ง ถูกเด็กสาวมองตาขวาง อาฮวดเลยเข้าไปคุยแทน พริบตานั้น เด็กสาวคว้ามีดจากเขียงหมูปาดคอตัวเองเลือดกระเซ็นใส่หน้าอาฮวดเต็มๆ!!
ooooooo
หลังจากวงศ์กับวาสนาหนีไปได้แล้ว ขุนเดชกลับมาที่โรงพักเล่าให้จ่าแท่นฟังว่า มีผู้หญิงกับผู้ชายที่เป็นคนต่างถิ่นนัดพบกับคนที่ตนเห็น ก็รู้โดยสัญชาต-ญาณทันทีว่าเป็นมือปืนที่ร้านอาฮวด จ่าฟังแล้วบอกว่าหมวดกลับมาตนจะเล่าให้ฟัง
ระหว่างนั้นเอง ร้อยเวรเข้ามาบอกจ่าว่าเกิดเรื่องที่ตลาดแล้วให้รีบไปดูกันเร็วๆ
ยงยุทธตามไปถามจ่าว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ตายเป็นใคร ใครเป็นคนเห็นผู้ตายเป็นคนสุดท้าย
“ไอ้ฮวดกับนังสาลี่ ขุนเดชกำลังคุยกับพวกนั้นอยู่” จ่าบอก
ยงยุทธตามไปทันที พอไปถึงอาฮวดกับสาลี่กลับบ้านไปแล้ว ยงยุทธไม่พอใจบอกขุนเดชว่าตนยังไม่ได้สอบปากคำเลย ขุนเดชชี้แจงว่า ทั้งสองเจอคนเชือดคอตายต่อหน้า ตนเลยให้กลับไปตั้งสติก่อน ถ้าเขาอยากรู้อะไรตามไปถามทีหลังได้
“แล้วสองคนนั้นเล่าอะไรให้แกฟัง”
ขุนเดชมองร่างหญิงสาวที่ถูกตำรวจใส่เปลหามออกไป บอกยงยุทธว่า
“ฉันว่างานนี้แกเจอคดีไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”
ooooooo
ต่อมา จ่าแท่นเอาผลการชันสูตรศพหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายมารายงานยงยุทธว่า เธอไม่มีประวัติเสพยาและปัญหาเรื่องสุขภาพจิต ยิ่งได้ไปคุยกับพ่อแม่เธอก็ยิ่งไม่มีวี่แววเลยว่าเธอจะฆ่าตัวตาย แต่น่าสังเกตว่าก่อนที่เด็กสาวจะฆ่าตัวตายเธอหายจากบ้านไป พ่อแม่กำลังจะไปแจ้งความก็มาเจอลูกสาวฆ่าตัวตายเสียก่อน
“งั้นที่เด็กสาวคนนั้นหายตัวไปก็ต้องมีส่วนสำคัญกับคดีนี้ ถ้าเริ่มสืบจากตรงนั้นได้ก็อาจจะได้อะไรมากขึ้นนะครับจ่า” ขุนเดชเข้ามาพูดแทรกขึ้น ยงยุทธหันมอง ขุนเดชจึงขอโทษ บอกว่าตนไม่คิดจะก้าวก่ายการทำงานของเขา เพียงแต่มาให้ข้อมูลบางอย่างเผื่อจะเป็นแนวทางการสอบสวน
แล้วขุนเดชก็เล่าเรื่องที่ไปเจอชายแปลกหน้าที่ร้านอาฮวดและการโปรยเงินแจกชาวบ้านให้ฟัง
“คนที่นี่โชคดีที่นอกจากจะมีวีรบุรุษบาปแล้วยังมีขุนเดชคอยช่วยเหลืออีกคน ว่าแต่แกมาหาฉันถึงที่นี่ก็ดีแล้ว เพราะฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยพอดี” ยงยุทธชมประชด
แล้วยงยุทธก็พาขุนเดชไปที่ริมบึง มาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าขุนเดช ด่าว่าเขาทำร้ายตนเรื่องดาราคนเดียวไม่พอ ยังทำร้ายจิตใจบัวทองอย่างโหดร้ายด้วย แบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ยงยุทธให้ขุนเดชไปขอโทษบัวทอง ขุนเดชยืนนิ่งอยู่นานจึงบอกว่าตนไม่จำเป็นต้องขอโทษบัวทอง และยงยุทธเองก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะต้องรู้เหตุผลด้วยว่าทำไม
“ไอ้ขุนเดช...ไอ้เลวเอ๊ย!” ยงยุทธพุ่งเข้าตะบันหน้าขุนเดช ต่างแลกหมัดกันอย่างดุเดือด จังหวะที่ขุนเดชพลาดถูกยงยุทธถีบหน้าอกหงายไปนั่นเอง ดารามาเจอวิ่งเข้ามาห้าม ถามยงยุทธว่าทำไมต้องทำร้ายขุนเดชด้วย
“มันสมควรโดน” ยงยุทธพูดแค่นั้นแล้วเดินหนีไปเลย ดาราเรียกยงยุทธ ขุนเดชบอกให้ปล่อยเขาไปเถอะ เธอถามว่ายงยุทธมาเอาเรื่องเขาเพราะตนใช่ไหม ขุนเดชก็ตอบสั้นๆว่า “เปล่า” ดาราได้แต่มองอย่างสงสัย
ooooooo
หลังจากเอาเด็กสาวมาเซ่นแม่นางรำทองคำแล้ว วงศ์ก็ชวนวาสนาไปที่วัดเกาะน้อย ไปเจอบัวทองกำลังรำแก้บนก็ชี้ให้วาสนาดู บอกว่าคนนี้แม่นางรำ-ทองคำต้องถูกใจแน่ๆ จากนั้นหาทางตีสนิทโดยเข้าทางคำปัน โกหกคำปันว่าพาเมียมาบนบานขอพรให้เมียท้อง
คำปันแนะนำอย่างมีนํ้าใจว่าให้ลองไปกราบขอพรพระแม่ย่าดู ชาวสุโขทัยเชื่อกันว่า พระแม่ย่าคือพระนางเสืองมารดาของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ใครมาบนบาน ศาลกล่าวอะไรก็ได้สมปรารถนาทุกที
วงศ์ทำเป็นดีอกดีใจ บอกว่าถ้าได้ลูกสมปรารถนาก็จะมาจ้างบัวทองไปรำแก้บนให้ ทำทีถามบัวทองว่าช่วยตนได้ไหม บัวทองบอกว่า ถ้าเป็นจริงตนจะรำให้ไม่คิดค่ารำเลย ทำให้สองผัวเมียยิ้มให้กันอย่างดีใจ ที่จะได้เหยื่อไปเซ่นแม่นางรำทองคำ
กำนันหลงกลวงศ์ เมื่อลูกน้องมารายงานว่าเห็นวงศ์กับเมียมาป้วนเปี้ยนที่ศรีสัชนาลัย สัมฤทธิ์อาสาพาลูกน้องไปจัดการทันที
แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านทรงไทย สัมฤทธิ์ก็ถูกผีแม่นางรำเข้าสิงหักคอลูกน้องตายไปสองคน ไอ้นะกับไอ้เนเห็นท่าไม่ดีเลยต่างคนต่างหนีเอาตัวรอด
“ถุย...ไอ้กำนันบุญ คิดจะจัดการข้า แต่ส่งลูกน้องกระจอกๆมา มันดูถูกกันเกินไปแล้วเว้ย...ฮ่าๆๆๆ” วงศ์แอบดูอยู่หัวเราะอย่างสะใจ
ส่วนมือปืนที่วงศ์จ้างมาเก็บกำนัน มือไม่ถึง ไปซุ่มยิงกำนันขณะคุมลูกน้องตัดเศียรพระพุทธรูป ปรากฏว่าลูกน้องตายหมด ส่วนกำนันได้รับบาดเจ็บที่แขนและวิ่งหนีไป ถูกมือปืนตามไปในป่า กำนันถามว่ามันเป็นใคร
“คนจ้างเขาให้ฉันมาบอกว่า หนี้ที่ติดกำนันไว้ เขาขอจ่ายด้วยลูกปืน”
“ไอ้วงศ์!” กำนันเดาได้ทันที แต่ไม่ทันทำอะไร ประดับก็ยิงมือปืนจากข้างหลังนัดเดียวมือปืนก็ตายคาที่
ooooooo
ตำรวจชันสูตรศพที่ได้จากบ้านทรงไทยแล้ว ทั้งสองศพถูกหักคอหมุนได้รอบ เรียกวงศ์ไปสอบปากคำ วงศ์อ้างว่าตนนอนหลับอยู่ในบ้านไม่รู้เรื่องและรูปร่างอย่างตนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหักคอสองคนที่ตัวใหญ่ลํ่าขนาดนั้นได้
เหตุผลของวงศ์ฟังขึ้น ยงยุทธจึงปล่อยตัวไป แต่ก็มีเบาะแสให้คิดว่าศพทั้งสองเป็นลูกกำนันที่ไร่ ทำไมถึงมาตายแถวนี้ได้ อีกทั้งก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นสัมฤทธิ์พาลูกน้องไปแถวบ้านทรงไทย ยงยุทธถามว่าแล้วบ้านทรงไทยเป็นบ้านใคร
“คู่ผัวเมียต่างถิ่นที่ขุนเดชเคยเล่าให้ฟังครับหมวด” จ่าบอก
ยงยุทธจึงไปหากำนันบุญที่บ้าน ขอสอบปากคำตามที่พยานบอกเล่าว่าเห็นสัมฤทธิ์ไปป้วนเปี้ยนแถวบ้านทรงไทยก่อนเกิดเหตุ กำนันบอกว่ามีอะไรให้ถามตนได้เลยเพราะสัมฤทธิ์ไม่อยู่ตนใช้ให้ไปทำที่นครสวรรค์ ตั้งแต่วานซืน ฉะนั้นคงไม่รู้เห็นเรื่องนี้ ครั้นยงยุทธถามว่ากำนันรู้จักนายวงศ์กับนางวาสนาหรือเปล่า กำนันบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ
ที่แท้ประดับให้ไอ้เนกับไอ้นะอาสัมฤทธิ์ที่ถูกผีแม่นางรำหลอกหลอนจนสติแตกร้องโวยวายตลอดเวลา ไปมัดและปิดปากให้แน่นอย่าให้โวยวายได้
ยงยุทธทำเป็นเชื่อ ถามว่าแล้วแขนกำนันไปโดนอะไรมา กำนันบอกว่าไปดูงานที่ไร่ไม่ทันระวังเลยโดน เครื่องมือเข้า ยงยุทธจึงลากลับ แต่พอออกมาที่หน้าบ้าน กำนัน เขาบอกจ่าแท่นว่ากำนันโกหกทุกคำ ตนเชื่อว่ากำนัน รู้จักนายวงศ์และพวก เขากำลังมีปัญหากันถึงขั้นจ้องเล่นงานกัน งานนี้ตนต้องสืบให้รู้ให้ได้
ooooooo
คืนนี้ ยงยุทธวางแผนจะบุกเข้าไปหาหลักฐานในบ้านทรงไทย โดยให้จ่าแท่นคอยดูต้นทางให้ตน
ยงยุทธเข้าไปขโมยกุญแจที่วงศ์วางไว้ข้างตัว แต่ทั้งตัววงศ์และวาสนาหลับเป็นตายไม่รู้เรื่อง ยงยุทธเอาไปไขห้องที่เก็บรูปปั้นนางรำทองคำ เขาตะลึงงันเมื่อเห็นรูปปั้นนางรำทองคำเหลืองอร่ามวางอยู่บนแท่นบูชา
จ่าที่ดูต้นทางให้เห็นหมวดเข้าไปนานก็เป็นห่วง ได้ยินเสียงอะไรอยู่ข้างหลังนึกว่าหมวดมาแล้ว แต่พอหันไปดูกลายเป็นผีนางรำตาแดงก่ำหน้าถมึงทึงจ้องอยู่อย่างน่ากลัว!
รุ่งขึ้น วาสนาจะให้คำปันพาไปไหว้พระแม่ย่า คำปันไม่ว่างเพราะต้องไปเยี่ยมจ่าที่จับไข้หัวโกร๋นอยู่ที่วัด บัวทองจึงอาสาพาไปเอง วงศ์กับวาสนาสบตากันอย่างสมใจ
ooooooo
ยงยุทธมาหาอาจารย์ประทีปเพื่อถามเรื่องรูปปั้นนางรำทองคำ เขาจำรูปลักษณะแล้วมาวาดให้อาจารย์ดู ระหว่างนั้นขุนเดชเดินเข้ามา เห็นรูปวาดที่มืออาจารย์ เขาบอกว่า
“ถ้าผมจำไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นรูปปั้นนางรำทองคำ สมบัติของแม่นางเมืองครับอาจารย์” อาจารย์ประทีปจึงนึกออก จำได้ว่านั่นเป็นสมบัติโบราณตามตำนานสุวรรณภูมิ ดาราติงว่านั่นเป็นตำนานที่เล่ากันมาปากต่อปาก อาจารย์แย้งว่า “แต่ถ้าที่หมวดไปเจอมาเป็นของจริง ตำนานแม่นางเมืองก็คงไม่ใช่ตำนานแล้วล่ะอาจารย์ดารา”
“ขอโทษครับอาจารย์ จะมีใครอธิบายให้ผมฟังได้บ้างว่า ตำนานแม่นางเมืองคืออะไร” ยงยุทธถาม
หลังจากฟังอาจารย์เล่าตำนานแม่นางเมืองแล้ว ยงยุทธพึมพำว่า
“ต้องมีการสังเวยหญิงสาวบริสุทธิ์เพื่อขอให้แม่นางดลบันดาลให้ได้อย่างที่หวังน่ะเหรอครับ...คนเรานี่ก็แปลก ลำพังมูลค่าทองคำของรูปปั้นก็มากมายมหาศาลแล้ว ยังจะต้องการอะไรอีกถึงกับต้องเอาชีวิตคนไปเซ่นสังเวย”
“ว่าแต่แกไปเจอรูปปั้นนี่ที่ไหน” ขุนเดชสนใจมาก
“บ้านของนายวงศ์กับนางวาสนาที่แกสงสัยพวกมันอยู่นั่นแหละ” ตอบขุนเดชแล้วหันไปบอกอาจารย์ประทีปว่า “ถ้ารูปปั้นนี่เป็นสมบัติโบราณจริงๆ สองผัวเมียนั่นก็ไม่มีสิทธ์ิครอบครอง ผมจะรีบทำเรื่องเข้าไปตรวจค้นแล้วนำมาให้อาจารย์ศึกษา”
ยงยุทธเดินออกไปแล้ว ขุนเดชมองตาม สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เลยขอตามไปด้วยคน ยงยุทธบอกว่าไม่ต้องเพราะมันเป็นหน้าที่ของตนอยู่แล้ว ขุนเดชเตือนอีกว่าสมบัตินั้นไม่ธรรมดา ไม่อยากให้ประมาท
“นี่แกคงรู้เรื่องที่จ่าแท่นจับไข้หัวโกร๋นจนต้องไปหาหลวงลุงแล้วล่ะสิ ฉันไม่กลัวอาถรรพณ์แม่นางเมืองนั่นหรอก ตราตำรวจของฉันมีความศักดิ์สิทธิ์จะคอยปกป้องรักษาความดีที่ฉันทำ” ยงยุทธตอบอย่างไม่หวั่นไหวแล้วขึ้นรถขับออกไป
“เธอไปเตือนอะไรเขาตอนนี้ไม่ได้หรอกขุนเดช” ดาราออกมาบอก ขุนเดชบอกว่าที่ตนเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องอาถรรพณ์อย่างเดียว แต่เพราะรูปปั้นนางรำทองคำคือหนึ่งในโลหะโบราณศักดิ์สิทธิ์ที่พวกมันกำลังตามหากันอยู่ ดาราตกใจถามว่า “ถ้าอย่างนั้น ยงยุทธก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญหน้ากับพวก...”
“ไอ้ประดับ” ขุนเดชหันขวับมาบอก แต่แววตาเขานาทีนี้ เป็นแววตาของวีรบุรุษบาปชัดๆ!
ooooooo
แม้ว่าวงศ์จะหอบรูปปั้นนางรำทองคำหนีไป แต่กำนันก็ยังมั่นใจว่าจะตามคืนมาได้เพราะแถวนี้เป็นถิ่นตน วงศ์หนีไม่รอดแน่
ระหว่างนั้นเอง ไอ้นะกับไอ้เนก็มารายงานอย่างตื่นเต้นว่า รู้แล้วว่าตอนนี้วงศ์กำลังพาบัวทองมุ่งหน้าไปที่ศาลพระแม่ย่า
“ถ้าพวกมันคิดจะหนี แล้วพวกมันพาบัวทองไปกับมันด้วยทำไม” ประดับตั้งข้อสังเกต
“หึ...ไอ้วงศ์ ไอ้เจ้าเล่ห์ มันคงไปหลอกล่อนังบัวทองคิดจะใช้นังนั่นเป็นเครื่องเซ่นสังเวยแม่นางเมืองขอให้มันหนีรอดหรือไม่ก็ ขอให้มาจัดการกับพวกเรา” กำนันพูดอย่างรู้ทันวงศ์
“ถ้างั้นงานนี้ฉันคงปล่อยให้กำนันออกโรงคนเดียวไม่ได้แล้ว” ประดับลุกไปหยิบปืนสีหน้าจริงจัง
บัวทองพาวงศ์กับวาสนาเดินเข้าป่าขึ้นเขา ถามทั้งสองอย่างเป็นห่วงว่าเหนื่อยกันหรือเปล่า วงศ์บอกว่าไม่เหนื่อย ถามบัวทองว่ายังอีกไกลไหม
“ไม่ไกลหรอกจ้ะ น้าหอบอะไรมาด้วยเหรอจ๊ะ” บัวทองจะเข้าไปช่วย วาสนาบอกว่าไม่ต้อง นี่เป็นของที่ตนเตรียมไปแก้บน แล้วเร่งให้เดินทางต่อกันเถอะ
ระหว่างนั้นวาสนาแอบกระซิบบอกวงศ์ว่าเจอที่เหมาะเมื่อไรให้รีบจัดการเลย วงศ์ให้เข้าไปลึกกว่านี้อีกหน่อย แถวนี้ยังไม่ปลอดภัยเดี๋ยวใครตามมาจะยุ่งกันใหญ่ แล้วพากันเดินมุ่งหน้าต่อไป
ooooooo
คำปันไปเยี่ยมจ่าแท่น ถามว่าไปเจออะไรมา รบเร้าจนจ่าเล่าให้ฟัง คำปันเอะใจว่าคนต่างถิ่นที่จ่าเล่านั้นชื่อวงศ์กับวาสนาใช่ไหม พอรู้ว่าใช่ คำปันตกใจสุดขีดบอกว่าตอนนี้บัวทองกำลังพาสองคนนั้นขึ้นเขาไปกราบศาลพระแม่ย่า
คำปันรีบไปเล่าให้ขุนเดชกับดาราที่แคมป์โบราณคดีฟัง ดาราบอกว่าตนจะรีบไปบอกยงยุทธ ส่วนตนกับขุนเดชจะรีบตามไปช่วยบัวทอง
“คุณพาน้าคำปันกลับไปรอที่บ้านเถอะดารา...ผมรีบไปตอนนี้จะเร็วกว่า” ขุนเดชบอก ดาราพยักหน้าอย่างเข้าใจ เตือนเขาให้ระวังตัวด้วย เธอมองตามขุนเดชไปด้วยความเป็นห่วง
ขุนเดชกลับไปที่กระท่อม คว้าดาบดำของวีรบุรุษบาปขึ้นมา ชักดาบออกจากฝัก มองดาบดำด้วยแววตาดุดันน่ากลัว เป็นแววตาของวีรบุรุษบาปโดยแท้!
ooooooo










