สมาชิก

ขุนเดช

ตอนที่ 12

เมื่อประดับไปหาปารมี ถูกเธอต่อว่าต่อขานที่มาช้า พอเขาอ้างว่าต้องแก้ปัญหาในงานวันเกิดของคุณหญิง ปารมีบอกว่าตนรู้แล้ว คนอย่างพ่อสร้างศัตรูไว้ทั่ว พลาดท่าขึ้นมาเมื่อไรคงได้ถูกยิงตาย

พอประดับติงว่าเธอพูดเหมือนแช่งพ่อตัวเอง เธอเถียงว่าไม่ได้แช่งแต่ถ้าพ่อตายตนก็จะเป็นคนได้สมบัติทั้งหมดของพ่อ ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องกลัวลำบากถ้าต้องอุ้มท้องลูกของเขา ประดับยังอยากให้ไปทำแท้ง เมื่อเธอบอกว่ากลัวเจ็บ ทั้งยังต่อว่าเขาว่าไม่ได้เอาอกเอาใจตนเหมือนเมื่อก่อน ระแวงว่าเขามีคนอื่น แล้วสะบัดไปนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น

ประดับไม่เซ้าซี้เรื่องทำแท้ง เข้าไปโอบเอาใจ ชวนกลับบ้าน ถ้าเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันงานเสร็จตนก็จะบอกให้ท่านรู้ว่าเราชอบกัน ทำทีเป็นห่วงว่าเธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย จึงสั่งอาหารมาให้ ทานเสร็จแล้วค่อยกลับกัน

ปารมีหายงอนเป็นปลิดทิ้ง กินอาหารอย่างหิวโหยจนหมด แต่พอเดินลงบันไดจะกลับบ้าน เธอรู้สึกหน้ามืด ประดับทำทีค้นหายาดมให้ พริบตานั้น ปารมีก็กลิ้งตกบันไดลงไปกองที่พื้น ประดับมองแล้วยิ้มร้าย ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

หลังจากนั้น เขาทำทีแจ้งคุณหญิง ทั้งคุณหญิงและปราชญ์รีบไปโรงพยาบาล แล้วทั้งสองก็แทบเป็นลมเมื่อรู้ว่าปารมีท้อง ปราชญ์โทษคุณหญิงว่าไม่รู้จักดูแลอบรมลูก สั่งประดับให้จัดการเคลียร์เรื่องนี้อย่าให้เป็นข่าวออกไป เสร็จแล้วให้รีบกลับเพราะมีงานด่วนให้เขาทำ เพราะอาจารย์ก้องเกียรติบอกว่าเจอวัตถุโบราณชิ้นต่อไปแล้ว

“นี่คุณ! ลูกเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส แต่คุณยังมีแก่ใจตามหาวัตถุโบราณบ้าๆบอๆอยู่อีกเหรอ”

ปราชญ์ตบหน้าคุณหญิงฉาดใหญ่ ตะคอก “อย่ามาว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่เป็นเรื่องบ้าๆบอๆ ฉันไม่ไล่เธอออกจากบ้านเพราะเลี้ยงลูกให้มันเสียคนก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

คุณหญิงวิ่งร้องไห้ออกไป ประดับมองสองผัวเมียทะเลาะกันแล้วแอบยิ้มสะใจที่แผนการของตนสำเร็จง่ายๆ

ooooooo

บัวทองเอาปิ่นโตมาส่งขุนเดชกับอาจารย์ประทีป แล้วปั่นจักรยานคันปุโรทั่งกลับ มันพยศกลางทางอีก แต่นี่ก็ทำให้บัวทองได้ยินสัมฤทธิ์มาพบกับลูกน้องที่ซื้อปืนมาให้ ทั้งได้ยินสัมฤทธิ์พูดอย่างผยองว่า

“ไอ้ขุนเดชก็ไอ้ขุนเดชเถอะ ข้าคันไม้คันมือเต็มทนแล้ว”

บัวทองตกใจเมื่อรู้ว่าขุนเดชถูกปองร้าย รีบกลับไปยังพื้นที่โบราณสถานอีกครั้งเพื่อเตือนขุนเดชให้ระวังตัว

เมื่อบัวทองเล่าสิ่งที่ได้ยินให้ฟังแล้ว ขุนเดชถามว่ามันพูดอะไรอีก บัวทองอึกอักก่อนเล่าเขินๆว่า

“มันว่ามันกำลังจะจัดการเสี้ยนหนามหัวใจของไอ้สัมฤทธิ์”

ดาราบอกขุนเดชว่า เขาเพิ่งมีเรื่องกับสัมฤทธิ์เรื่องบัวทองมันก็เลยยังแค้น ขุนเดชขอบใจบัวทองแต่เชื่อว่า ที่นี่มีคนเยอะ คนขี้ขลาดอย่างมันคงไม่กล้าทำอะไร ตนหรอก บัวทองงอนหาว่าตนเตือนแล้วไม่ฟังเดินน้อยใจออกไป ดาราบอกขุนเดชให้ตามไปขอโทษบัวทองเสีย

ขุนเดชตามไปขอโทษบัวทอง เป็นเวลาที่สัมฤทธิ์พาลูกน้องมาดักยิงขุนเดชที่เจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์พอดี

ขุนเดชตามทันบัวทองก็จับบ่าทั้งสองข้างของเธอไว้ บอกว่า ที่ได้ยินพวกสัมฤทธิ์พูดนั้นมันหมายถึงตนจริงๆหรือ มองตาบัวทองบอกเธอว่า

“พี่ขอบใจบัวทองมากนะที่เป็นห่วงพี่ พี่จะคอยระวังตัว บัวทองสบายใจนะ” เมื่อบัวทองรับคำเขินๆ ขุนเดช บอกว่า “จักรยานบัวทองเสียใช่ไหม งั้นรอพี่ทำงานเสร็จพี่จะไปส่งบ้าน”

ดาราได้ยินแล้วก็อดใจหายไม่ได้ เมื่อบัวทองกลับมา เธอถามดาราว่าได้ยินที่ขุนเดชสารภาพกับตนแล้วใช่ไหม ตนขอโทษด้วย ดารารีบบอกว่า

“ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกบัวทอง ฉันกับขุนเดชเราจบกันไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เรามีแต่ความเป็นเพื่อนให้กันเท่านั้นจ้ะ ตั้งแต่ฉันรู้จักขุนเดชมา ฉันยังไม่เคยเห็นใครทำให้เขายิ้มอย่างมีความสุขได้อย่างบัวทองเลย”

ฟังดาราแล้วบัวทองเขินจนทำหน้าไม่ถูก

ขุนเดชไปทำงานต่อ เขาปีนบันไดที่พาดขึ้นไปบนยอดเจดีย์ นาทีนั้นเขาถูกสัมฤทธิ์ยิงอย่างเลือดเย็น ขุนเดชถูกยิงตกลงมาที่ดงต้นพุทธรักษาพอดี บัวทองกับดาราเดินมาเห็นต่างร้องอย่างตกใจ

ครู่เดียว จ่าแท่นก็กระหืดกระหอบมาบอกยงยุทธ ที่กำลังจุดเทียนบูชาพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ได้มาอยู่ว่า

“หมวดครับหมวด...เกิดเรื่องแล้วครับ...ขุนเดชถูกลอบยิง!”

ooooooo

ขุนเดชถูกนำตัวไปส่งอนามัยท่ามกลางความเป็นห่วงของทุกคน โดยเฉพาะบัวทองกับดารา หมอน้อยรีบผ่าเอากระสุนออก บอกบัวทองกับดาราว่า โชคดีที่กระสุนไม่ถูกที่สำคัญและขุนเดชตกลงในดงต้นพุทธรักษาพอดี เลยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

ส่วนในที่เกิดเหตุ ตำรวจพบปลอกกระสุนที่คนร้ายใช้ซุ่มยิงขุนเดช จ่าแท่นก็ไปดูที่เกิดเหตุอย่างละเอียด จ่าแท่นเห็นอะไรบางอย่างในดงพุทธรักษาแต่ไม่ทันแหวกเข้าไปดูดาราก็มาถึงถามว่าเจออะไรไหม จ่าบอกว่าพบปลอกกระสุน ตอนนี้หมวดยงยุทธกำลังไปตรวจสอบอยู่ ดาราเล่าว่าตนถามพวกนักศึกษาดูแล้วไม่มีใครเห็นพวกสัมฤทธิ์เข้ามาเหมือนอย่างที่บัวทองได้ยินมันคุยกัน

ยงยุทธถือปลอกกระสุนเข้ามาพอดี จ่าบอกว่าตนรู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน

ยงยุทธกับจ่าแท่นนำกำลังตำรวจไปที่บ่อนมวยเถื่อน สัมฤทธิ์ทำหน้าเยาะเย้ยกวนประสาท อ้างว่าตนอยู่ที่นี่ทั้งวันตั้งแต่เช้าจะไปยิงขุนเดชได้ยังไง มันท้าให้ค้นตัว ค้นแล้วไม่เจออาวุธใดๆ

ooooooo

ขุนเดชรู้สึกตัวขึ้นมา เขาถามหมอน้อยว่าตนมาอยู่ที่อนามัยได้ยังไง หมอน้อยบอกว่าพวกอาจารย์ดาราพามาส่ง เห็นเขาปลอดภัยแล้วจึงกลับไปให้ปากคำตำรวจ ขุนเดชตกใจบอกหมอน้อยว่า ดาบดำของวีรบุรุษบาปตกอยู่ที่ดงพุทธรักษา

หมอน้อยตกใจรีบไปดู กลับมาบอกขุนเดชว่าหาจนทั่วแล้วไม่เจอ คาดว่าน่าจะมีคนอื่นเจอและเอาดาบดำไปแล้ว

ดารานั่นเองที่เจอดาบดำและเอาไปที่แคมป์ เธอจำดาบดำเล่มนี้ที่วีรบุรุษบาปใช้เป็นอาวุธเข้าช่วยชีวิตเธอกับบัวทองครั้งนั้น เธอมองดาบดำ อุทานอย่างตกใจ

“ขุนเดช...หรือว่าเธอ...”

พอดียงยุทธขับรถมาหา ดารารีบห่อดาบดำซ่อนแต่ยังซ่อนไม่ทันดียงยุทธก็เข้ามาแล้ว เธอแกล้งวานเขาไปหยิบแฟ้มให้และรีบซ่อนดาบดำไว้ ยงยุทธเอาแฟ้มมาให้ บอกว่า อยากถามเธอว่าเวลานี้ขุนเดชรับผิดชอบงานอะไรอยู่บ้าง

“ได้สิ ฉันกำลังจะเสร็จงานอยู่แล้ว เดี๋ยวเราแวะออกไปหาอะไรกินแล้วคุยกัน เธอไปรอที่รถแล้วกันเดี๋ยวฉันตามไป”

แม้ยงยุทธจะรู้สึกถึงอาการร้อนรนของดารา แต่เมื่อถามเธอบอกว่าไม่มีอะไรเขาจึงไม่เซ้าซี้ เดินออกไปรอที่รถ

ฝ่ายกำนันเจ็บใจที่งานนี้กำจัดขุนเดชไม่สำเร็จ ผกาแนะนำตามเคยว่า แบบนี้เราต้องหาตัวตายตัวแทน กำนันนิ่งไปนิดหนึ่ง แต่พอนึกได้ก็ชมเปาะว่า “สมกับเป็นเธอจริงๆผกา...ได้...ฉันจะจัดการเอง”

อยู่อนามัยไม่ทันข้ามคืนขุนเดชก็จะกลับแล้ว บัวทองบอกว่าหมอน้อยยังไม่ให้กลับเพราะกลับไปแล้วจะไม่มีใครดูแล จ่าแท่นก็บอกว่าหมวดยงยุทธให้ตนมาช่วยเฝ้า เพราะตอนนี้ยังไม่ได้เบาะแสคนร้าย กลัวมันจะย้อนกลับมาเล่นงานเขาอีก

ขุนเดชไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของจ่า บอกว่าถ้ามันย้อนกลับมาจริงตนจะเป็นคนจับมันส่งยงยุทธเอง

“ทำเป็นคุย ถ้าพี่ขุนเดชมีของดีของขลังช่วยชีวิตเหมือนที่วีรบุรุษบาปมีละก็ ฉันจะช่วยพูดให้ลุงจ่ากลับไปนอนตีพุงที่บ้านให้” บัวทองพูดอย่างหมั่นไส้นิดๆ ขุนเดชถามว่าเธอรู้ได้อย่างไรว่าหมอนั่นมีของดีช่วยชีวิต “ก็ขนาดถูกจับฝังทั้งเป็นเขายังรอดมาได้ ถ้าเขาไม่มีของดีไว้คุ้มครองตัว ฉันว่าป่านนี้เขาตายไปนานแล้ว”

“อาก็คิดอย่างบัวทองเหมือนกัน ยังสงสัยเลยว่าดาบที่วีรบุรุษบาปใช้คงจะไม่ใช่ดาบธรรมดา ต้องเป็นดาบลงอาคมแน่”

บัวทองรีบรวบรัด บอกขุนเดชว่าพรุ่งนี้จะทำข้าวต้มมาเยี่ยมแต่เช้า หันไปบอกจ่าว่า “ฉันฝากพี่ขุนเดชด้วยนะลุงจ่า”

จ่าแท่นมองบัวทองที่เดินออกไปยิ้มๆ จนขุนเดชถามว่า “ยิ้มอะไรน่ะอาจ่า”

ooooooo

ดาราไปกินข้าวกับยงยุทธ เขาเลียบเคียงว่าเหมือนเธอมีอะไรปิดบังตนอยู่ ดารายืนยันว่าไม่มีอะไร เขาจึงบอกว่าไม่อยากให้เธอคิดทำอะไรเสี่ยงๆอีก ตนเป็นห่วง ดาราขอบใจแต่ยืนยันว่าตนไม่มีอะไรจริงๆ พอดีกินข้าวเสร็จจึงพากันกลับ

บัวทองเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาเจอ ถามดาราว่าหมวดสืบได้เบาะแสอะไรบ้างไหม

“ตอนนี้คงยัง แต่ฉันบอกเขาหมดแล้วว่าขุนเดชไปรับงานตกแต่งโบราณสถานที่ไหนบ้าง เพราะยงยุทธคิดว่าขุนเดชอาจจะไปขัดผลประโยชน์ใครเข้า...แล้วอาการของขุนเดชเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกค่ะ แต่ดื้ออยากจะออกจากอนามัยให้ได้ บัวทองก็เลยต้องอ้างว่าอาหมอไม่ให้กลับ แถมลุงจ่ายังพาตำรวจมาช่วยเฝ้าเพราะกลัวถูกปองร้ายอีก พี่ขุนเดชก็เลยต้องอยู่ที่นั่น”

แยกจากบัวทองแล้ว ดาราคิดเครียด กังวลกับเรื่องที่จะตัดสินใจ...

ooooooo

ระหว่างที่จ่าอยู่เฝ้าขุนเดชนั้น จ่าบอกเขาว่า ถ้าสงสัยว่าพวกไหนที่จ้องเล่นงานเขาให้บอกจะได้ช่วยกันตามสืบ ขุนเดชบอกว่างานของตนต้องไปดูแลโบราณสถานหลายที่ พวกลักลอบขุดกรุเลยไม่ชอบขี้หน้า

“ถ้าเป็นฝีมือไอ้พวกนั้น ผู้หมวดกับข้าก็คงเจองานหนัก เพราะพวกมันมีเยอะแยะเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด”

“ก็เพราะอย่างนี้ไงจ่า ถึงต้องมีวีรบุรุษบาปมาคอยช่วยตำรวจ”

จ่ารีบเตือนว่าอย่าพูดให้หมวดได้ยินเชียว เพราะหมวดเขาหมายหัววีรบุรุษบาปเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ขุนเดชมองหน้าจ่าถามว่าแล้วจ่าไม่เห็นด้วยกับหมวดหรือ จ่าขยับเข้าใกล้ขุนเดช กระซิบกระซาบอย่างระวังตัวว่า

“ข้าคุยกับเอ็งสองคนนะเว้ย อย่าให้หมวดรู้เชียว บอกตรงๆนะ ข้าสนับสนุนวีรบุรุษบาป อยากให้มันฆ่าพวกโจรให้หมด หมวดจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

ขุนเดชถามชิมลางว่าแล้วจ่าไม่อยากรู้หรือว่าวีรบุรุษบาปเป็นใคร จ่าบอกว่าใครๆก็อยากรู้ทั้งนั้น ย้อนถามขุนเดชว่า “หรือว่าเอ็งไม่อยากรู้” ขุนเดชหลบตาจ่า ไม่ตอบ

ooooooo

ทันใดนั้นเอง ชาวบ้านถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกนำมาส่งอนามัย จ่าแท่นจึงให้ตำรวจรีบออกไปดูว่าใครมีเรื่องกับใคร จะได้วิทยุให้ร้อยเวรที่โรงพักไปจัดการ

พอตำรวจไปดูที่ห้องผ่าตัด พบหมอน้อยกับพนักงานถูกทำร้ายหมดสติอยู่กับพื้น ไม่ทันตั้งสติ ตัวเองก็ถูกทุบสลบไป

คืนนี้ บัวทองมาเคาะประตูห้องเรียกดาราเพื่อจะเอาหนังสือที่ยืมไปมาคืน ถูกคำปันดุว่าดึกแล้วมา

รบกวนอาจารย์ทำไม อาจารย์เจอเรื่องวุ่นๆมาทั้งวันคงอยากพักผ่อนแล้ว พลางดึงบัวทองให้กลับไปนอน

ดาราหลบอยู่แถวนั้นเอง พอบัวทองกับคำปันเดินไป เธอก้มดูดาบดำในมืออย่างตัดสินใจแล้ว

ที่อนามัย จ่าแท่นเห็นตำรวจที่ไปดูเหตุการณ์หายไปนานจึงตามไปดู ไปเจอคนฟุบหมดสติอยู่ที่พื้นก็รีบเข้าไปดู ถูกมือมืดเอาปืนมาจ่อสั่งให้อยู่เฉยๆ จ่าไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกมันเอาด้ามปืนทุบท้ายทอยจนสลบ แล้วพวกมันก็บรรจุกระสุนปืนลูกซองอย่างพร้อมทำงานทันที

แต่พอมันเข้าไปในห้องพักขุนเดช ก็ถูกขุน–เดชที่ซุ่มรออยู่แล้วจัดการบิดคอกร๊อบเดียวเสร็จ อีกคนมายิงใส่ ขุนเดชเอาร่างเพื่อนมันรับกระสุนแทน พอมันใช้มีดพก ก็ถูกขุนเดชหักมือปักมีดเข้าที่ไหล่ตัวมันเองจนต้องวิ่งหนีเตลิดไป

ขุนเดชเข้าไปพบหมอน้อยเพิ่งรู้สึกตัว ขุนเดชบอกหมอน้อยว่าคงเป็นพวกที่ลอบยิงตนแล้วตามมาเก็บงาน ตนจัดการไปคนหนึ่งแล้ว อีกคนบาดเจ็บวิ่งหนีไป แต่คิดว่าคงไปได้ไม่ไกลเดี๋ยวจะตามไปจัดการเอง

ดารากำลังเอาดาบดำบ่ายหน้าไปหาขุนเดช เจอคนที่บาดเจ็บวิ่งโซซัดโซเซมาล้มตรงหน้าพอดี เธอวางดาบดำก้มลงประคอง กลับถูกมันเอามีดจ่อคอ สั่งห้ามขัดขืน ขุนเดชตามมาเจอสั่งมันให้ปล่อยดารา มันได้ท่าขู่ว่าถ้าขุนเดชทำอะไร มันจะเสียบคอดาราทันที

ขุนเดชจำต้องปล่อยให้มันพาดาราไป เขาเหลือบเห็นอะไรห่ออยู่ในผ้า แกะออกดู เป็นดาบดำของเขานั่นเอง!

มือปืนเอามีดจ่อเอาดาราเป็นตัวประกันหนีไป เธอพยายามขัดขืนก็ถูกมันชกที่ท้องจนเกือบหมดสติ โชคดีที่ขุนเดชตามมาทัน เขาพุ่งเข้าใช้ดาบดำฟันเข้ากลางหลังมัน เขาแผดเสียง

“ฟ้า...ดิน...เป็นพยาน...ดาบเดือนดับ!!”

สิ้นเสียงคมดาบก็ฟันฉับเข้าที่คอ หัวมันขาดกระเด็น ไปทันที เป็นจังหวะที่ดาราเริ่มรู้สึกตัวลืมตาขึ้น แม้จะเห็นแค่ภาพเลือนราง เธอก็ดูออก อุทาน...“ขุน...ขุนเดช... เธอ...เธอคือ...” แล้วเธอก็หมดสติไปอีกครั้ง

ที่อนามัย ยงยุทธวิทยุเรียกจ่าหลายครั้ง แต่ไม่มีใครตอบรับจึงรีบมาที่อนามัย จ่ารู้สึกตัวพอดี เล่าว่า พวกมือปืนบุกเข้ามาเล่นงาน ตนไม่ทันระวังตัวเลยโดนมันซัดเสียหมอบ

“ขุนเดช!!” ยงยุทธนึกถึงขุนเดชขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งไปที่ห้องพักของขุนเดช เจอศพมือปืน ไม่มีขุนเดชบนเตียงแต่พบเขานอนหมดสติอยู่ที่พื้น ยงยุทธเขย่าเรียกจนรู้สึกตัวถามว่า “เกิดอะไรขึ้นขุนเดช”

“ฉันถูกพวกมันเล่นงาน แต่วีรบุรุษบาปมาช่วยฉันไว้”

พอดีหมอน้อยเข้ามาพร้อมจ่าแท่น ขุนเดชส่งสัญญาณกับหมอน้อยว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

ooooooo

แม้กำนันกับสัมฤทธิ์จะจัดการกับขุนเดชไม่สำเร็จ แต่สองพ่อลูกก็ลำพองใจว่าตำรวจไม่มีหลักฐานอะไรจะสาวมาถึงพวกตน สัมฤทธิ์เล่าว่า ตำรวจไปค้นบ้านลูกน้องเจอปืนที่ตนใช้ยิงขุนเดชซ่อนอยู่ งานนี้ตนเลยรอดตัว

ส่วนพวกลูกน้องที่ส่งไปจัดการขุนเดชถูกฆ่าตายหมดนั้น ผกาสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของขุนเดช สัมฤทธิ์บอกทันทีว่า

“ไม่ใช่ พวกตำรวจมันว่าเป็นฝีมือของวีรบุรุษบาป เพราะตอนที่คนของเราถูกฆ่า ไอ้ขุนเดชยังอยู่ที่อนามัย”

งานนี้ ผกาได้รับคำขอบใจจากกำนันที่ช่วยคิดแผนดีๆให้ และได้รับคำชมเชยจากสัมฤทธิ์ว่า “ตั้งแต่มีคุณผกา อะไรๆมันก็ง่ายไปเสียหมด”

กำนันมอบสร้อยมุกให้ผกาเป็นรางวัลแล้วคลุกเคล้านัวเนียกันตามเคย ผกาเห็นทิพย์มายืนดูอยู่ แต่พอกำนันหันมองก็ไม่เห็นทิพย์แล้ว กำนันบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะปัญญาอ่อนอย่างทิพย์ทำอะไรใครไม่ได้หรอก ผกายุให้ส่งทิพย์ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า กำนันบอกว่าเคยคิดเหมือนกัน ...แล้วกำนันก็อดนึกถึงเรื่องในอดีตไม่ได้...

เมื่อ 10 ปีก่อน ตนกับวงศ์เพื่อนนักล่าสมบัติวัยเดียวกัน ไปตามหารูปปั้นนางรำทองคำสมบัติของแม่นางเมืองจนหลงป่า อดข้าวอดน้ำหิวโซ กำนันจับได้ว่าที่แท้วงศ์แค่รู้ว่าสมบัติซ่อนอยู่แถวนี้ แต่ตัวเองไม่มีทุนจึงต้องโกหกให้กำนันมาด้วย

ขณะที่กำลังทั้งเหนื่อยทั้งหิว เจอชะนีแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่ง กำนันจะยิง ถูกวงศ์ร้องห้ามว่า

“เฮ้ย อย่าเพิ่งยิง นั่นมันชะนีแม่ลูกอ่อน เอ็งอย่าได้ยิงเชียว ไม่งั้นเจอมันอาฆาตแน่” กำนันถามว่าไม่ยิงแล้วจะเอาอะไรกิน “แต่นังรำพันเมียเอ็งกำลังท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ไร้สาระน่ะ ถ้าข้าไม่ยิงมันตอนนี้ ข้าก็ต้องอดตายอยู่ในป่า ถอยไป!” กำนันผลักวงศ์กระเด็นแล้วยิงชะนีแม่ลูกอ่อนทันที

คิดถึงอดีตแล้วกำนันนิ่งไป ผกาถามว่าเป็นอะไร เขาบอกว่าไม่มีอะไร ถ้าทิพย์ทำให้ผกาไม่สบายใจ จะสั่งให้ล่ามทิพย์ไว้ไม่ให้ออกมาทำให้เธอตกใจ ผกาอ้อนว่าแบบนี้ตนค่อยสบายใจขึ้น บอกว่าตนเกลียดพวกปัญญาอ่อนมาก

ระหว่างนั้น สัมฤทธิ์เข้ามาบอกว่ามีโทรเลขจากประดับ กำนันรับไปอ่าน ผกาถามอย่างสนใจว่า ประดับว่ายังไงบ้าง

“ท่านเรียกให้ฉันเข้าไปพบที่กรุงเทพฯ อยากให้ฉันช่วยตามหาโลหะศักดิ์สิทธิ์โบราณชิ้นต่อไป”

ooooooo

ขุนเดชพาดาราที่ยังไม่รู้สึกตัวมาที่ถ้ำศิลา พอเธอฟื้นขึ้นมา เขาบอกเธอว่ามีเรื่องอยากคุยกับเธอตามลำพัง หมอน้อยถามว่าแน่ใจแล้วหรือ ขุนเดชบอกว่า

“เธอเห็นทุกอย่างแล้ว เราคงปิดเธอไม่ได้อีก ขอผมอยู่ตามลำพังกับเธอนะครับอาหมอ”

หมอน้อยกับพนักงานจึงพากันออกจากถ้ำไป

คำปันเพิ่งรู้ว่าดาราหายตัวไปต่อเมื่อยงยุทธมาถามหาที่บ้าน คำปันไปวัดแต่เช้าจึงไม่รู้ บัวทองบอกแม่ว่าคงหายไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ตนไปเคาะประตูเรียกแล้วเพราะข้างในเงียบผิดปกติ ทำให้ยงยุทธคิดหนัก เมื่อรู้ว่าเธอหายไปตั้งแต่เมื่อคืน

ที่ถ้ำศิลา ดารากับขุนเดชคุยกันตามลำพัง ขุนเดชพาเธอไปไหว้พระศิลาที่ไร้เศียร ถามว่าเธอรู้จักพระศิลาองค์นี้ใช่ไหม เมื่อเธอพยักหน้า ขุนเดชพูดต่ออย่างเจ็บปวดว่า

“งั้นคุณก็คงรู้ด้วยว่าพ่อผมยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องพระศิลา” เธอพยักหน้าอีก ขุนเดชเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นที่เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยว่า “พ่อรู้ว่าพวกโจรจ้องจะมาตัดเศียรพระศิลา พ่อถึงมารอจัดการกับพวกมัน พ่อใช้ดาบดำต่อสู้กับพวกมันอย่างไม่คิดชีวิต เพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ที่ให้สัตย์ปฏิญาณต่อพระร่วงเจ้าว่า จะรักษาสมบัติของแผ่นดินไว้ให้ลูกให้หลาน ไม่ยอมให้รากเหง้าและภูมิปัญญาบรรพบุรุษถูกย่ำยี เพราะว่าพ่อผมคือ...ทหารของพระร่วง”

ฟังขุนเดชเล่าถึงความแค้นที่เห็นพ่อถูกตัดหัวไปต่อหน้าแล้ว ดาราถามว่าเขาเป็นวีรบุรุษบาปเพราะต้องการแก้แค้นใช่ไหม ขุนเดชตอบเสียงดังว่า

“ไม่ใช่! เพราะว่าแผ่นดินนี้มีพวกใจบาปหยาบช้ามากเกินไป เพราะพวกมันมักจะตายช้ากว่าคนดี ผมถึงต้องมาเป็นเพชฌฆาตไล่ล่าฆ่าพวกมัน เพื่อคนดีๆจะได้ไม่ถูกพวกมันฆ่าตาย”

ดาราถามอย่างเจ็บปวดว่า เพราะเรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่ทำให้เขาทิ้งตน ทิ้งมิตรภาพของเพื่อนไว้ข้างหลัง ถามเสียงสะท้านว่ารู้ไหมว่า เขาไม่ได้ทำร้ายคนอื่นอย่างเดียว แต่เขาทำร้ายยงยุทธและตนด้วย ดาราร้องไห้เข้าไปทุบอกเขาพร่ำถามว่า

“เธอทำร้ายฉันทำไม...ฮือๆๆ ใจคอของเธอทำด้วย อะไร...คนใจร้าย...ฮือๆๆ”

ยงยุทธกับบัวทองไปเที่ยวตามหาดาราที่โบราณสถานหลายแห่งแต่ก็ไม่มีใครเจอเธอ สุดท้ายยงยุทธเชื่อว่า เมื่อเธอไม่ยอมบอกอะไรตน ไม่ยอมบอกบัวทอง ก็เหลือคนเดียวที่อาจจะรู้ว่าเธอไปไหน ทั้งสองพากันไปที่กระท่อมของขุนเดช เจอหมอน้อยมาพอดี หมอน้อยบอกว่า

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับหมวด อาจารย์ดาราอยู่กับขุนเดช” เมื่อบัวทองถามว่าพวกเขาไปไหนกัน หมอน้อยปดว่า อาจารย์เขาได้ข้อมูลเพิ่มเติมของโบราณสถานบนเขาหลวงก็เลยชวนขุนเดชขึ้นไปสำรวจด้วยกัน

“ขอบคุณครับหมอ ผมจะตามพวกเขาไป” ยงยุทธหันหลังเดินไปทันที บัวทองรีบตามไป หมอมองตามไปด้วยสีหน้ากังวล

แต่เดินไปได้ไม่นาน บัวทองก็สะดุดรากไม้เท้าแพลง ยงยุทธพาเธอไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ให้รอที่นั่น เดี๋ยวตนจะมารับแล้วเขาก็เดินมุ่งหน้าไปทางเขาหลวง

ooooooo

ดาราพยายามหว่านล้อมขุนเดชให้เปลี่ยนใจ กระทั่งยกเอาคำฝากฝังตนไว้กับขุนเดชของพ่อมาอ้าง บอกว่า ให้เลือกเอาระหว่างชีวิตของตนกับวีรบุรุษบาปเขาจะเลือกใคร แล้วเธอก็กระโดดลงน้ำตกต่อหน้าขุนเดช เขาพุ่งตามลงไปพาเธอขึ้นฝั่ง บอกว่าอย่าทำอย่างนี้อีก ถ้าตนไม่ตามลงไปช่วยป่านนี้เธอก็กลายเป็นศพอยู่ในแอ่งน้ำนั่นแล้ว

ไม่ว่าดาราจะหว่านล้อมกระทั่งเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจขุนเดชได้ เขาบอกเธอเหมือนยืนยันความเด็ดเดี่ยวของตัวเองว่า

“ขุนเดชคนนั้นมันตายไปแล้ว คุณจะไม่มีวันได้พบกับมันอีก ขุนเดชไม่เคยเป็นคนดี มันเป็นได้แค่คนเลวที่รอให้นรกมาพามันไปใช้กรรม ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมก็จะทำให้คุณเห็นว่าไอ้ขุนเดชมันสารเลวแค่ไหน”

สิ่งที่ขุนเดชทำคือกระชากตัวดาราเข้าไปจูบอย่างดุเดือดร้อนแรงจนเธออ่อนแรงในอ้อมกอดเขา

เป็นเวลาที่ยงยุทธเดินมาเห็นพอดี เขาหันหลังเดินกลับไปอย่างปวดร้าว เจอบัวทองกะเผลกตามมาเห็นเช่นกัน บัวทองร้องไห้เสียใจ ยงยุทธถามว่าเธอรัก

ขุนเดชหรือ ปลอบใจว่าที่เห็นเมื่อกี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดก็ได้

“แล้วหมวดล่ะคะ หมวดก็รักอาจารย์ดาราไม่ใช่เหรอ” บัวทองถาม ยงยุทธไม่ตอบแต่หน้าเครียดจัด จับหัวบัวทองมาซบอกตน ให้เธอร้องไห้ให้สาสมกับที่ใจอยากร้อง...

เมื่อหมอน้อยรู้ว่าขุนเดชไม่อาจเปลี่ยนใจดาราให้เห็นด้วยกับเขาได้ ถามว่าถ้าเขาไปบอกยงยุทธล่ะ

“ผมคิดไว้แล้วครับว่ายงยุทธต้องรู้เรื่องนี้เข้าสักวัน จะช้าหรือเร็วก็ต้องแตกหักกับเพื่อน”

ooooooo

ปารมีไม่ยอมอยู่ที่โรงพยาบาล ประดับจึงต้องพากลับมาที่บ้าน วางแผนฆ่าเธอให้ตายทีละน้อยด้วยการวางยาทีละนิด บอกเบิ้มที่เป็นมือขวาว่า เก็บเสียจะได้ไม่ปากโป้งมาขวางทางของตน

ปราชญ์กับคุณหญิงเพิ่งกลับจากข้างนอก คุณหญิงถามประดับว่าปารมีเป็นอย่างไรบ้าง ปราชญ์ขัดขึ้นอย่างไม่พอใจว่าจะห่วงทำไม ลูกล้างลูกผลาญ ตนต้องหมดเงินไปเท่าไรรู้หรือเปล่ากว่าจะปิดปากพวกนักข่าวได้ แล้วบีบแขนคุณหญิงพูดลอดไรฟันว่า

“แล้วที่มันสันดานเสียแบบนี้ก็เพราะคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก ปล่อยให้ประดับจัดการไป” แล้วถามประดับว่าตนให้นัดกำนันไว้ มาหรือยัง พอรู้ว่ามารอนานแล้วก็ผละไปทันที

คุณหญิงทนไม่ได้โผไปกอดแขนประดับบอกว่า “ฉันเกลียดเขา...เกลียดเขา” ประดับรีบแกะมือคุณหญิงออกเตือนว่าถ้าท่านหันกลับมาเห็นตนแย่แน่ คุณหญิงชวนหนีไปด้วยกันไหมตนสุดจะทนแล้ว

“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ...อำนาจของท่านมากมายขนาดไหนคุณหญิงก็รู้ ถ้าเราทำอะไรไม่คิด เราจะถูกตามล่า ผมว่า คุณหญิงกลับมาเหนื่อยๆไปพักเถอะครับ”

ประดับปลีกตัวเดินตามปราชญ์ไป คุณหญิงแหวใส่พวกคนใช้ว่า “หายหัวไปไหนหมด เอาเหล้ามาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

ooooooo

วันนี้ คำปันให้บัวทองเอาปิ่นโตไปส่งขุนเดชตามปกติ แต่บัวทองเกี่ยงว่าตนจะซ้อมรำ จนคำปันสงสัย พอถามก็ไม่บอก เลยยัดปิ่นโตใส่มือสั่งให้เอาไปให้ขุนเดช พอเอาปิ่นโตไปถึง บัวทองก็ตะบึงตะบอนใส่จนขุนเดชแปลกใจถามว่าไปมีเรื่องอะไรกับใครมาหรือ

“ทำไมพี่ถึงชอบคิดว่าฉันจะต้องไปมีเรื่องกับ

คนอื่น” บัวทองทำหน้างอถามแล้วตีโพยตีพายว่าตนไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้ ประชดว่าต่อไปจะไม่เอาปิ่นโตมาส่งและจะไม่เข้าใกล้เขาอีก ทำเอาขุนเดชงง บอกว่าเธอต้องเข้าใจอะไรตนผิดแน่เลย

“ฉันไม่มีอะไรต้องเข้าใจผิด ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน”

“บัวทอง...” ขุนเดชจับบ่าทั้งสองข้างของบัวทองให้เผชิญหน้าตน จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ ทำเอา

บัวทองชะงักอึ้ง “ที่พี่เคยบอกว่าพี่เป็นห่วงบัวทอง พี่ไม่ได้หมายความแค่เรื่องความปลอดภัยอย่างเดียว แต่พี่ห่วงไปถึงความรู้สึกของบัวทองด้วย บัวทองเข้าใจไหม”

เพียงเท่านั้นบัวทองก็ท่าทีอ่อนลง บอกเขาว่าถ้าอย่างนั้นตนถามอะไรก็ต้องตอบตามจริงนะ ขุนเดชถามว่าจะถามอะไร แต่พอบัวทองทำท่าจะถาม ยงยุทธกับดาราก็เดินเข้ามาพอดี สีหน้าขุนเดชเปลี่ยนไปจนบัวทองสังเกตได้

ยงยุทธกับดาราเดินเลยเข้าไปด้านในโบราณสถาน ขุนเดชถามบัวทองว่าจะถามอะไรให้ว่ามาเลย

“ฉันไม่มีอะไรจะถามพี่แล้ว...ปล่อยฉัน!!” บัวทองเปลี่ยนใจสะบัดหลุดแล้ววิ่งออกไปเลย ขุนเดชอยากตามแต่เห็นว่าเรื่องของดารากับยงยุทธสำคัญกว่าจึงไม่ตามไป

เหตุที่ดารากับยงยุทธมาที่นี่ เพราะวันนี้อาจารย์ประทีปนำพระพุทธรูปที่เพิ่งขุดได้กลับมาเพื่อศึกษา ระหว่างทางถูกคนร้ายโรยตะปูเรือใบดักปล้นเอาไป ทั้งยังจับเอากบนักศึกษาหญิงในโครงการไปด้วย

ยงยุทธมาถามอาจารย์ประทีปว่าเห็นหน้าไหม มันเป็นใคร อาจารย์ไม่รู้เพราะมันปิดหน้าปิดตาหมด ดาราเป็นห่วงกบมาก ยงยุทธบอกว่าไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตน แล้วรีบออกไป

ระหว่างนั้น ดาราเหลือบเห็นขุนเดชมายืนอยู่ด้วยสีหน้าเครียดจัด เธอเห็นแล้วกังวลใจมาก

ooooooo

ที่แท้เป็นฝีมือของลูกน้องกำนัน ดักปล้นเอาพระพุทธรูปเพื่อเอาไปเป็นของกำนัลปราชญ์ที่เรียกไปพบ แต่พอปราชญ์เห็นเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนก็ไม่เอา บอกว่ามีเยอะแล้ว แต่เมื่อเอามาแล้วก็ให้ประดับเอาไปเป็นของขวัญวันเกิดท่านสมศักดิ์แทน

ปราชญ์เรียกกำนันมาเพื่อถามว่ารู้จักวงศ์ไหม พอกำนันเห็นรูปก็ร้องอ๋อ บอกว่ารู้จัก ไอ้วงศ์เคยทำงานด้วยกันกับตนมา ปราชญ์บอกว่าตอนนี้วงศ์เป็นเจ้าของบ่อนร่ำรวยกว่ากำนันเสียอีก

“ไอ้วงศ์เนี่ยนะรวยกว่าฉัน ฉันไม่เชื่อหรอก ไอ้นี่มันเหมือนขอทาน ดีแต่แบมือขอเงินคนอื่น ติดหนี้เขาไปทั่ว แล้วเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของมัน ก็ฉันนี่แหละ”

“ที่ฉันตามกำนันมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ ฉันอยากให้กำนันไปเอาโลหะวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ไอ้วงศ์มันร่ำรวยมาให้ฉัน”

กำนันถามว่าวงศ์มีโลหะศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ ปราชญ์บอกว่ามี คือ “รูปปั้นนางรำทองคำ สมบัติของแม่นางเมือง”

ooooooo

ที่บ่อนของวงศ์ นักพนันคนหนึ่งเป็นหนี้วงศ์หลายหมื่นจึงจะเอาบ้านมาจำนอง วงศ์ไม่เอาเพราะบ้านเล็กอย่างกับรังหนู นักพนันคนนั้นจึงเสนอให้เอาลูกสาวมาเป็นคนรับใช้ วงศ์สนใจทันที

เมื่อรู้ว่าลูกสาวนักพนันคนนั้นอายุ 18 ซักถามว่ายังเป็นสาวบริสุทธิ์หรือไม่ เมื่อครบเงื่อนไข มันจึงเอาเด็กสาวไปเป็นเครื่องเซ่นเจ้าแม่นางรำ ให้นางวาสนาเมียตัวเองท่องคาถาจนเด็กสาวเหมือนถูกผีนางรำเข้าสิงเดินทื่อขึ้นไปบนดาดฟ้ากระโดดลงมาตายเลือดนองพื้น

นี่คืออิทธิฤทธิ์ของเจ้าแม่นางรำ สมบัติของแม่นางเมือง ที่วงศ์ต้องหาเด็กสาวพรหมจรรย์วัย 18 ปี เป็นเครื่องสังเวย และนี่ก็คือโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ปราชญ์สั่งให้กำนันไปเอามาให้ตนให้ได้!

ooooooo

ขุนเดชในสภาพเตรียมพร้อมทำงาน เดินมาที่มอเตอร์ไซค์ ดาราจับตาดูอยู่แล้วรีบออกมาถามว่าจะไปไหน เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่าเธอน่าจะรู้อยู่แล้ว ดาราไม่ยอมให้เขาไปบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของเขา เธอดึงกุญแจรถไปถือไว้

“คุณพูดถูก ไม่ใช่หน้าที่ของขุนเดชแต่เป็นหน้าที่ของวีรบุรุษบาป”

ดาราเสียงแข็งไม่ให้เขาไป ปรามว่าที่ตนยังไม่บอกยงยุทธเรื่องของเขาก็เพราะยังถือว่าเขาเป็นเพื่อน ถูกขุนเดชสวนไปว่า ที่เธอไม่บอกยงยุทธเพราะกลัวว่าตนกับยงยุทธจะฆ่ากันตายมากกว่า พูดแล้วจับข้อมือดาราบิดจนกุญแจรถร่วง เขาก้มเก็บแล้วขึ้นขี่ออกไปเลย ดาราได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง

ส่วนยงยุทธที่ตามไปช่วยกบนักศึกษาหญิงคนนั้น จนป่านนี้ก็ยังหาร่องรอยไม่เจอ จ่าบอกว่าป่าแถวนี้

เราไม่ชำนาญ ตนเกรงว่าเนิ่นช้าไปศิษย์อาจารย์ดาราจะ...

“ไม่ได้นะจ่า” ยงยุทธขัดขึ้นบอกว่าเราจะต้องไม่หยุดการค้นหา แล้วสั่งลูกน้อง “พวกคุณไปกับผม เลาะไปหาดูทางด้านนั้นกัน” พลางพาตำรวจไปอีกด้านหนึ่ง จ่าแท่นมองแล้วอดคิดไม่ได้ว่า...

“ผมไม่ได้อยากจะหักหน้าผู้หมวดนะครับ แต่งานนี้ ถ้าได้วีรบุรุษบาปมาช่วยละก้อ...”

ooooooo

ขุนเดชไปยืนที่กลางป่าในมือถือดาบดำ เขาหยุดฟังเสียงและสังเกตภูมิประเทศ ได้ยินเสียงคนเดินมาจึงรีบหลบ เห็นลูกน้องของสัมฤทธิ์พากบในสภาพสลบไม่ได้สติ ถูกเอาตัวไปที่กระท่อมกลางป่า

สัมฤทธิ์ตามมามันรู้ว่าลูกน้องจะทำอะไร ทำเป็นด่าว่า พ่อสั่งให้ปล้นพระไปให้นายไม่ได้สั่งให้ฉุดผู้หญิงมาด้วย ลูกน้องบอกว่าเป็นแค่ของติดไม้ติดมือมา พูดแล้วพากันหัวเราะ

สัมฤทธิ์บอกให้ไอ้เนพากบเข้าไปไว้ในกระท่อมก่อน ไอ้เนถามว่าทำแบบนี้ทำไม มันพูดอย่างย่ามใจว่า ทำเพราะต้องการส่งสัญญาณให้พวกนั้นรู้ ไอ้เนถามว่าสัญญาณอะไรหรือ

“ก็ไอ้พวกอาจารย์นักโบราณคดีนั่นไง ถ้ามันรู้ว่าไม่มีใครปกป้องมันได้ มันจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองหนีเตลิดกลับกรุงเทพฯ ไม่มาเกะกะขวางทางพวกเราอีกไง”

ooooooo

ขุนเดช

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด