ตอนที่ 15
สัปเหร่อพงษ์นั่งดวดเหล้าอยู่บนแคร่ไม้ไผ่จะพังมิพังแหล่ แผดเสียงร้องเพลงไปตามประสาคนเมา
ในความเงียบสงัดนั้น ตาพงษ์ได้ยินเสียงตอกอะไรโป๊กๆ เงี่ยหูฟังบ่น “ใครมาทำอะไรวะ?”
เปียกำลังตั้งหน้าตั้งตาตอกฝาโลงโป๊กๆ อารมณ์ดุร้ายอำมหิตจนหน้าตาบิดเบี้ยว ภายในโลง น้อยยังนอนไม่ได้สติ
ตาพงษ์เงี่ยหูฟัง บ่นไปตามประสา “หรือพวกเปรตมาขอส่วนบุญ” ยกขวดเหล้ากระดกจนหมด ทิ้งขวดเอามือยันฝาบ้าน เดินโงนเงนออกไป พอทำท่าจะล้มก็สะบัดหัวเรียกความรู้สึกตัวเองพยายามเดินไปตามเสียงตอกโป๊กๆที่ยังดังอยู่
“โป๊ก!” เปียกระหน่ำสุดแรงเป็นค้อนสุดท้าย โยนค้อนทิ้ง มองโลงยิ้มสะใจ เคาะฝาโลงพูดเสียงหวานเย้ย...
“หลับให้สบาย...รอถูกเผานะจ๊ะน้อย...ชาติหน้าค่อยกลับมาเป็นลูกพ่อแม่เธอใหม่ก็แล้วกัน”
พลันเปียก็สะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกมีมือเหี่ยวย่นมาตะปบที่มือตน เงยขวับเห็นเป็นนมแสจ้องเขม็งด่า
“นังเลว!”
“ผี!!” เปียแผดเสียงลั่น
ตาพงษ์เดินมาใกล้ได้ยินเสียงเปียก็พึมพำ “ผี???” แต่ยังเดินหน้าไปตามเสียงที่ได้ยิน
เปียสะบัดมือร้องกรี๊ดๆจ้องนมแส พลันมือที่ตะปบมือเปียอยู่ก็กลายเป็นใบไม้แห้งปลิวไป เปียเกิดภาพหลอนว่านมแสขึ้นคร่อมคำรามอย่างเกลียดชัง
“ต่อให้แกฆ่าคุณน้อย ยังไงคุณน้อยก็เป็นทายาทของอนุรักษ์ธานิน” เปียแผดเสียงค้านว่าไม่จริ๊ง! “จริง!! ส่วนแก...ก็จะเป็นผีเหมือนกับฉัน!”
เปียเห็นนมแสเอื้อมมือมาบีบคอตนก็แผดเสียงร้องกรี๊ดๆอย่างสติแตก เกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น พอเริ่มได้สติลืมตาดูไม่เห็นอะไร ก็ลุกวิ่งอ้าวกลับไป
ตาพงษ์ได้ยินเสียงก็พยายามหรี่ตามองแต่ไม่เห็นอะไร พบแต่ความมืด กระนั้นก็ยังพยายามพยุงตัวเดินไป แต่เพราะเมามาก แกล้มลงนอนแผ่หมดแรงหลับผล็อยตรงนั้นเอง
ooooooo
ที่บ้านคุณหญิง ทุกคนร้อนรุ่มกลุ้มใจไม่รู้ว่าน้อยหายไปไหน โดยเฉพาะเย็นทุกข์ร้อนจนจะเป็นลม ส่วนเลอสรรขับรถออกตามหาน้อย ประวิทย์กับนายเอิบถูกจวนใช้ให้ไปตามหาแถวบ้าน
ความทุกข์ร้อนของเย็นจนจะเป็นลม ทำให้คุณหญิงสงสาร บอกให้พวกหวาน จวน และช้อยที่วนเวียนอยู่รอบข้างพาเย็นเข้าไปพักข้างในก่อน
ระหว่างที่ทุกคนกำลังใจคอไม่ดีนั่นเอง ก็มีข่าวทางทีวีประกาศว่า
“พบศพหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี ผิวขาว รูปร่างหน้าตาดี คาดว่าเพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา จากการตรวจสอบยังไม่พบหลักฐานว่าเป็นใคร”
เย็นได้ยินถึงกับลุกพรวดทั้งที่กำลังนอนดมยาอยู่ บอกว่าจะไปตามหาน้อย แต่พอลุกขึ้นไม่ทันตั้งตัวก็ทรุดฮวบลงไปกับพื้น ทุกคนตกใจร้องลั่น ส่วนคุณหญิงยกมือไหว้ภาวนา... “ขออย่าให้เป็นหนูน้อยเลย...”
ooooooo
เปียในสภาพผมกระเซิง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนหน้าตามอมแมม วิ่งออกจากวัดอย่างหวาดกลัว นอกจากถูกภาพหลอนของนมแสตามรังควานแล้วยังถูกตาพงษ์ที่เมานอนกับพื้นคว้าขานึกว่าขวดเหล้า
เปียตกใจตวาดและกระทืบมือตาพงษ์อย่างแรง ตาพงษ์ก็แค่ร้องอย่างเจ็บปวดครั้งเดียวแล้วหลับต่อเพราะเมา
เย็นยังพร่ำเรียกหาน้อยเหมือนใจจะขาด คุณหญิงบอกจวนให้พาเย็นกลับบ้านเสีย เผื่อน้อยกลับมาจะได้เจอ จวนประคองเย็นขึ้น แต่รับน้ำหนักเย็นไม่ไหว คุณหญิงจึงเข้าช่วย หวานกับช้อยมองหน้ากันแปลกใจแล้วรีบเข้าไปช่วยประคองเย็นแทน
เปียนั่งแท็กซี่มาใกล้บ้าน ก็ลงจากรถเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อยาแก้ปวดหัวและน้ำดื่ม พอได้ยาก็ฉีกกินหมดทั้งแผงเหมือนคุมตัวเองไม่ได้ เพราะทั้งเครียด ทั้งกลุ้ม ทั้งกลัว
ระหว่างเปียแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อนั้น เลอสรรขับรถผ่านไปโดยไม่ได้เฉลียวใจ ประวิทย์จะแวะซื้อน้ำก็ถูกนายเอิบเร่งให้รีบตามหญิงสาวที่คลับคล้ายคลับคลาน้อยไป ทุกคนจึงคลาดกับเปียไปอย่างหวุดหวิด
เมื่อพาเย็นไปถึงบ้านพัก คุณหญิงดูอาการเย็นแล้วกลัวจะช็อก พอดีเลอสรรโทร.เข้ามา จวนรับสาย พอ
รู้อาการของเย็นจากจวน เขาบอกให้เอาถุงน้ำร้อนประคบให้ร่างกายอบอุ่น จวนไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า เลอสรรจึงแวะซื้อในร้านสะดวกซื้อให้ เป็นจังหวะที่เปียกินยากินน้ำจนหมดขวดแล้วเดินออกมา คลาดกับเลอสรรที่เดินสวนเข้าไปเส้นยาแดงเดียว!
ooooooo
เปียกลับถึงบ้านก็รีบวิ่งเข้าห้องปิดประตูทันที อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร็ว
วณีกับอุทัยเพิ่งกลับถึงบ้านวณีบ่นว่า
“ก็ว่าแวะซื้อของแป๊บเดียวแต่กลับซะดึกเลยลูกเปียกินอะไรรึยังก็ไม่รู้”
“นั่นน่ะสิวณีเอาโจ๊กไปให้ลูกเปียเถอะเดี๋ยวพี่ขนของเข้าบ้านเอง”
วณีเดินเข้าบ้านพลางร้องเรียกเลอสรรถามว่ากินอะไรหรือยังตนซื้อโจ๊กมาฝากแต่พอเดินเข้าไปมองโต๊ะที่เลอสรรนั่งทำงานเห็นแต่โต๊ะกับโน้ตบุ๊กและถ้วยสาคูแคนตาลูปวางอยู่วณีเอะใจมองขึ้นข้างบนนึกระแวงขึ้นมาวณีรีบวางถุงโจ๊กขึ้นไปทันที
เปียอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแต่ภาวะจิตใจยังสับสนหวาดกลัวเดินไปปิดไฟเตรียมนอนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเปียตกใจเอาเสื้อผ้าที่เพิ่งเปลี่ยนยัดใส่ถุงรีบขึ้นเตียงชักผ้าคลุมกอดถุงเสื้อผ้าไว้ทำเป็นหลับ
“เปีย...ลูกเปีย...”
เมื่อเรียกหลายครั้งไม่มีเสียงตอบวณีจึงเปิดประตูเข้าไปเห็นเปียนอนอยู่บนเตียงก็โล่งใจเดินไปลูบผมเปียพูดอย่างรักและเอ็นดู
“นอนกอดตุ๊กตาอย่างนี้แล้วจะหลับสบายได้ยังไงลูก” พลางจะเลิกผ้าห่มขึ้นแต่เกรงเปียจะตื่นจึงเปลี่ยนใจปล่อยให้เปียนอนอย่างนั้น “นอนให้สบายนะลูกนอนหลับฝันดีจ้ะ” ก้มหอมเปียแล้วเดินออกไปเบาๆ
เปียลืมตาขึ้นอย่างโล่งใจรีบเอาห่อผ้าไปซุกไว้ในซอกตู้เสื้อผ้าแม้จะโล่งใจที่วณีจับอะไรไม่ได้แต่ลึกๆแล้วเปียยังหวาดกลัวกังวลกับเหตุการณ์ที่ตัวเองก่อขึ้น
ขณะอุทัยกำลังขนของจากรถนั้นเลอสรรขับรถกลับเข้ามาตามด้วยประวิทย์และนายเอิบที่เดินตามหาน้อยกันจนเหงื่อชุ่ม
“ไปไหนกันมา” อุทัยถามงงๆกับสภาพไม่ปกติของทุกคน
“ตามหาน้อยครับน้อยหาย...” เลอสรรบอกวณีเดินลงมาได้ยินพอดีอุทานตกใจอุทัยเองก็หน้าเครียด
ooooooo
น้อยนอนหมดสติอยู่ในโลงจนเช้าวันรุ่งขึ้นพอรู้สึกตัวลืมตาดูเห็นเป็นพื้นฝาโลงทึบๆน้อยคิดทบทวนจำได้แต่ว่าตนวิ่งตามหาเปียแล้วหมดความรู้สึกไป
น้อยตั้งสติค่อยๆมองไปรอบตัวจึงรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในโลงศพ! น้อยตกใจกรีดร้องสุดเสียงร้องขอความช่วยเหลือพลางทุบโลงทั้งที่อ่อนแรงมาก
“ช่วยด้วย...ด้วยด้วย...”
ตาพงษ์ที่นอนเมามาทั้งคืนเริ่มสร่างเมาหูแว่วเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งมองไปรอบตัวก็ไม่เห็นมีใครเดินผ่านตาพงษ์ลุกเดินโซเซไปตามเสียงที่แว่วมาเป็นระยะ
ตาพงษ์เดินมาจนถึงโลงศพที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานเห็นโลงสั่นตาพงษ์ผงะร้อง
“เฮ้ย! จะมาหลอกอะไรกันตอนนี้วะ” แล้วเดินโซเซกลับไปพลันจิตสำนึกของสัปเหร่อก็เตือนตัวเองตาพงษ์หันมองโลงศพที่ยังสั่นเพราะแรงทุบของน้อยบอกตัวเองอย่างห้าวหาญว่า “เป็นสัปเหร่อจะกลัวอะไรกับผี” ว่าแล้วก็เดินกลับไป
น้อยที่ถูกทำร้ายและอ่อนเพลียมากทุบโลงและร้องขอความช่วยเหลือจนหมดสติไปอีกครั้ง...
ตาพงษ์ย้อนกลับมาที่โลงอีกครั้งไม่มีทั้งเสียงและโลงก็ไม่สั่นตาพงษ์ขมวดคิ้วสงสัยจำได้ว่าเพิ่งช่วยกันกับคนเอาโลงมาส่งแบกมาไว้ที่นี่โลงหนึ่งส่วนอีกโลงตาพงษ์บอกคนช่วยแบกว่า
“เดี๋ยวจะเผาตอนเย็นนี้เลย”
ตาพงษ์มองโลงที่วางผิดที่ผิดทางกับตอนที่แบกมาวางพึมพำสงสัย...
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงวะ?”
แต่พอดูละเอียดเห็นฝาโลงมีตะปูตอกตาพงษ์มองปราดไปที่อุปกรณ์การตอกฝาโลกเห็นค้อนถูกทิ้งอยู่ที่พื้นตาพงษ์หายเมาเป็นปลิดทิ้งพรวดไปคว้าค้อนมางัดตะปูออกทีละดอก...ทีละดอก...จนหมดพองัดฝาโลงขึ้นตาพงษ์ผงะแทบช็อกเมื่อเห็นน้อยนอนสงบนิ่งอยู่ในโลง!
ตาพงษ์จำได้ว่าน้อยคือหญิงสาวที่มากับเย็นและซื้อโลงบริจาคสองโลงรีบกลับไปค้นหาบิลผู้บริจาค
ooooooo
ที่หน้าบ้านอนุรักษ์ธานินเลอสรรขับรถออกไปมีอุทัยกับวณีนั่งไปด้วยประวิทย์ปิดประตูแล้วเดินกลับมาเจอเปีย
“คุณพ่อคุณแม่พี่เลอสรรไปไหนกันแต่เช้า
ประวิทย์” เปียถาม
“ไปสถานีตำรวจครับ”
เปียแอ๊บตาโตตกใจถามว่ามีเรื่องอะไรพอประวิทย์บอกว่าน้อยหายไปเปียก็ทำท่าเป็นห่วงมากถามว่าน้อยหายไปไหน? หายไปได้ยังไง?
“ไม่ทราบครับพวกเราตามหากันทั้งคืนแต่ไม่เจอคุณๆเลยไปแจ้งความ” เปียแกล้งตกใจจะเป็นลมประวิทย์ตกใจจริงๆรีบประคองพาเข้าข้างใน
ที่ประตูรั้วตาพงษ์ถือบิลบริจาคเดินมาด้อมๆมองๆตรวจบ้านเลขที่ตรงกันแล้วจึงกดกริ่งเรียกประวิทย์พาเปียเข้าไปข้างในแล้วจึงรีบออกมาที่ประตูเปียมองตามพึมพำ...
“มูลนิธิมาตามให้ไปเก็บศพนังน้อยมั้ง” เปียหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
ตาพงษ์ถามประวิทย์ว่าที่นี่บ้านของหนูมารยาทบัวแย้มใช่ไหมประวิทย์บอกว่าใช่ถามอย่างร้อนรนว่า
“มีอะไรหรือครับ”
ooooooo
ที่บ้านเย็น...จวนเฝ้าเย็นอยู่คุณหญิงนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างเป็นห่วงเย็นอยู่เหมือนกันพลันคุณหญิงก็สะดุ้งเมื่อจวนร้องเสียงตื่นเต้น
“คุณหญิงขา...เย็นฟื้นแล้วค่ะ”
คุณหญิงเดินไปดูเย็นมองทุกคนถาม “น้อยๆๆน้อยล่ะ...น้อยอยู่ไหน”
“น้อยยังไม่กลับมานี่อุทัยวณีเลอสรรกำลังไปแจ้งความที่สน.อยู่” เย็นร้องไห้โฮแทบขาดใจคุณหญิงเองก็เห็นใจเข้าใจปลอบเย็นว่า “ใจเย็นๆก่อนได้ไหมแกยิ่งร้องไห้ฉันยิ่งทำอะไรไม่ถูก”
เย็นย้อนถามอย่างรับไม่ได้ว่าจะใจเย็นได้อย่างไรในเมื่อหลานหายไปทั้งคนคุณหญิงย้อนถามอย่างผูกใจเจ็บว่า
“งั้นแกก็เข้าใจความรู้สึกของอุทัยกับแม่วณีตอนที่แกขโมยลูกเขาไปแล้วใช่ไหมว่ามันเจ็บปวดทุกข์ทรมานแค่ไหนนังเย็น!”
เย็นอึ้งพูดไม่ออกมีแต่แววตาที่มองคุณหญิงอย่างรู้สึกผิดละอายใจในขณะที่คุณหญิงยิ่งด่าก็ยิ่งแค้นแม้จะเห็นใจเย็นแต่คุณหญิงก็เห็นว่ากรรมที่เย็นทำไม่ควรตกอยู่กับน้อย
ทันใดนั้นเองประวิทย์เดินอ้าวเข้ามาร้องบอกอย่างตื่นเต้นว่า “น้าเย็นครับมีคนเจอน้อยแล้ว” ตาพงษ์ที่เดินตามมาบอกว่า “คุณ...หนูมารยาทน่ะนอนอยู่ในโลง”
“หา!!” ทุกคนตกใจแต่พอรู้รายละเอียดจากตาพงษ์คุณหญิงก็รีบโทร.บอกอุทัยว่าไม่ต้องแจ้งความแล้วเพราะมีคนเจอน้อยอยู่ในโลง
เปียเดินสบายอกสบายใจอยู่ในห้องโผล่หน้าต่างมาเห็นเลอสรรขับรถกลับมาก็ตกใจรีบออกจากห้องลงมา
ทันทีที่อุทัยเข้ามาเห็นคุณหญิงนั่งรออยู่เขาถามว่า “น้อยนอนอยู่ในโลงหมายความว่ายังไงครับคุณแม่!” วณีก็ถามอย่างตระหนกว่าน้อยตายแล้วหรือเปียเดินมาแอบฟังตรงบันไดยิ้มสะใจกับความตกใจของทุกคน
“แม่ยังไม่รู้รายละเอียดสัปเหร่อแค่มาบอกว่าเจอยัยน้อยนอนอยู่ในโลงในป่าช้าวัดแถวๆบ้านเรานี่แหละเย็นกับประวิทย์ก็รีบพากันออกไป”
ฟังแล้วเลอสรรพรวดพราดจะออกไปวณีถามว่าจะไปไหนเขาบอกว่าจะไปหาน้อยเปียตาวาวขึ้นมาทันทีพริบตาเดียวก็ปล่อยตัวกลิ้งตกบันไดมาเปียร้องครวญคราง “ช่วยเปียด้วยค่ะ...” ทุกคนตกใจเลอสรรพุ่งเข้าไปอุ้มเปียทันที
ooooooo
ทันทีที่รู้ว่าน้อยอยู่ที่ศาลาวัดเย็นกับประวิทย์ก็รีบตามตาพงษ์ไปเจอน้อยนั่งพิงเสาอย่างอ่อนเพลียอิดโรยอยู่เย็นถลาเข้าไปหาน้อยเห็นเย็นก็ร้องไห้โฮ
“น้าเย็น...น้อยกลัว...น้อยกลัว” เย็นกอดน้อยไว้บอกว่าไม่ต้องกลัวทุกคนเป็นห่วงน้อยประวิทย์บอกว่าพวกตนตามหาน้อยกันทั้งคืนเย็นถามว่าน้อยลงไปนอนในโลงได้ยังไง? “น้อย...น้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน...น้อยจำได้แค่ว่า...น้อยเดินตามหาเปีย...แต่น้าเย็นคะเปียไม่เกี่ยวนะคะ”
เย็นโกรธมากบอกน้อยว่าตนมั่นใจว่าเปียจงใจจะฆ่าน้อยดุน้อยว่าหยุดเป็นนางเอกเสียทีน้อยไม่โกรธแต่ตนโกรธ
“น้าเย็นอย่าโกรธเปียนะคะเปียไม่ได้เป็นคนทำน้อยแน่ๆวันนั้นเปียจะฆ่าตัวตายค่ะ...”
“ฉันไม่เชื่อ!! ทุกอย่างมันเป็นแผนของนังเปีย!!” เย็นตาเป็นประกายอย่างโกรธแค้นแล้วลากน้อยไปที่บ้านอุทัยทันทีเจอทุกคนกำลังประคบประหงมเปียที่แกล้งตกบันไดเปียทำท่าเหมือนจะตายออเซาะว่า
“เปียไม่สบายน่ะค่ะเวียนหัวโลกหมุนไปหมดเลยมองไม่เห็นขั้นบันได
“ตอแหล!!” เย็นที่มายืนฟังอยู่ตะโกนขึ้นแล้วลากน้อยเข้าไปประวิทย์ตามมาแต่ไม่กล้าเข้าได้แต่แอบอยู่ตรงประตู
ทุกคนในห้องหันมองเย็นเป็นตาเดียวอุทัยด่าเย็นว่าเดินเข้ามาก็พูดจาหยาบคายคุณหญิงก็ด่าว่าไม่มีมารยาทสันดานต่ำลงทุกวันเย็นสวนไปอย่างพร้อมที่จะแตกหักว่า
“สันดานต่ำก็ยังดีกว่าคนจิตใจต่ำใจร้ายใจดำเหมือนมาจากขุมนรก” แล้วจ้องหน้าเปีย “แกทำยัยน้อยทำไมหา!”
เปียแอ๊บซื่อถามว่าน้าเย็นว่าเปียทำอะไรน้อยเย็นโพล่งไปว่า “ก็ที่แก...” พลันก็หยุดกึกเมื่อนึกได้อุทัยจับพิรุธได้ถามว่าอะไรเย็นยิ่งอึกอักอุทัยดักคอว่าหรือเย็นคิดว่าเปียรู้เห็นกับการหายตัวไปของน้อยเปียยิ่งแอ๊บกอดวณีแน่นพร่ำบอกว่า
“เปียไม่รู้เรื่องนะคะคุณแม่เปียไม่รู้เรื่อง”
“จะไม่รู้เรื่องได้ยังไงก็แกนั่นแหละทำเป็นจะฆ่าตัวตายจนยัยน้อยตายใจตามแกไปที่วัดน่ะ” เมื่อเปียทำเป็นไม่รู้เรื่องเย็นก็ยิ่งโมโหด่าและจะเข้าไปทุบตีวณีเอาตัวบังเปียไว้ตวาดลั่น
“อย่าทำลูกฉันนะ!!”
“ก็มันทำยัยน้อยมันหลอกยัยน้อยไปที่วัดทุบยัยน้อยแล้วจับยัยน้อยยัดใส่โลง” เย็นโต้เสียงแข็งครั้นวณีและคุณหญิงถามว่าเปียจะฆ่าน้อยทำไมพอเย็นกับเปียสบตากันเย็นก็พูดไม่ออกกอปรกับทุกคนรวมทั้งเลอสรรก็ยืนยันว่าเมื่อคืนเปียไม่สบายนอนซมทั้งคืนเย็นเปลี่ยนเป็นกระชากน้อยพูดประชด
“งั้นก็คงเป็นยัยน้อยที่มันเข้าใจผิดเข้าใจผิดจนเกือบเอาตัวเองไปตายกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนังโง่!”
เปียแอบยิ้มสะใจคุณหญิงมองเย็นด่าว่ามันบ้าไปแล้วพลางหันไปเรียกขวัญให้เปีย
“เปียไม่เป็นไรค่ะคุณย่าแค่เสียใจเพราะเปียเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่แน่ๆน้าเย็นถึงได้มองเปียในแง่ร้ายตลอด” เปียอ้อนร้องไห้สะอึกสะอื้นวณีกอดลูบผมโอ๋เต็มที่
อุทัยมองอยู่ครู่หนึ่งก็ขอตัวไปทำงานแต่ที่แท้เขาไปหาตาพงษ์ที่วัดบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
เมื่อฟังตาพงษ์เล่าเหตุการณ์ที่พบเห็นแล้วอุทัยยิ่งสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้?
ส่วนเย็นพอส่งน้อยกลับบ้านแล้วก็ออกไปปิดประตูคล้องสายยูไม่ให้น้อยออกจากบ้าน
เย็นไปหาหลักฐานที่วัดเดินไปในป่าช้าเกือบเหยียบเชือกที่เปียทิ้งไว้แต่เย็นไม่เห็นพอดีเจออุทัยที่กำลังเดินกลับต่างมองกันอย่างตกใจแล้วพากันไปนั่งคุยที่ร้านกาแฟ
ooooooo
อุทัยกับเย็นต่างเดาใจกันออกว่ามาที่วัดทำไมเมื่อแบปัญหากันแล้ว อุทัยบอกว่าตนไม่มีข้อมูลอะไรเลยถามเย็นว่าทำไมจึงสงสัยว่าเปียจะฆ่าน้อย
เย็นด่าว่าคงเป็นเพราะเปียใจดำอำมหิตเหมือนเขาแล้วจะลุกไปอุทัยถามเคืองๆว่า
“เหตุผลอ่อนไปไหมอำมหิตแล้วลวงคนไปฆ่าทิ้งเล่นมันก็โรคจิตแล้วฉันว่ามันต้องมีสาเหตุเธอถึงได้คิดอย่างนั้น”
“สาเหตุคือยัยเปียมันโรคจิตไง!” เย็นพูดใส่หน้าแล้วออกจากร้านไปอย่างฉุนเฉียวอุทัยมองตามยิ่งสงสัย
ฝ่ายเปียทำเป็นเสียอกเสียใจที่ถูกเย็นกล่าวหาว่าตั้งใจจะฆ่าน้อยทำให้ทุกคนรังเกียจตน
“ไม่นะลูก...ไม่มีใครรังเกียจหนูนะ” วณีปลอบใจเปียทำเป็นก้มหน้าเศร้าพูดเสียงเครือ
“แต่ยังไงเปียก็ไม่สบายใจอยู่ดีพี่เลอสรรขา...เปียเป็นห่วงน้อยแล้วก็อยากเคลียร์กับน้อยให้เข้าใจพี่เลอสรรไปเป็นพยานให้เปียด้วยนะคะ” เปียมองเลอสรรออดอ้อนอย่างน่าสงสาร
ooooooo
เลอสรรเดินนำเปียขึ้นไปบนบ้านของเย็นพบว่าประตูคล้องสายยูใส่กุญแจน้อยได้ยินเสียงฝีเท้าก็ดีใจถามว่าน้าเย็นกลับมาแล้วหรือ?
เลอสรรแปลกใจว่าน้อยอยู่ข้างในทำไมต้องใส่กุญแจน้อยบอกว่าน้าเย็นกลัวตนจะออกจากบ้านเลยล็อกไว้เปียทำเป็นเกาะประตูร้องไห้สงสารบอกน้อยว่า “รู้ไหมว่าเปียเป็นห่วงน้อยมาก”
“น้อยก็เป็นห่วงเปียเลยตามเปียไปไง”
เปียหันมองหน้าเลอสรรทำนองว่าน้อยพูดอะไรเพ้อเจ้อตะโกนบอกว่าน้อยตาฝาดแน่ๆเพราะตนนอนซมเป็นไข้อยู่ที่ห้องไม่ได้ไปไหนเลยไม่เชื่อให้ถามเลอสรรดู
เลอสรรถูกอ้างก็อึกอักบอกน้อยว่าตนอยากคุยด้วยเปียหาทางกีดกันถามเขาว่าจะตะโกนคุยกันอย่างนี้หรือเลอสรรจึงมองหาทางเข้าเห็นหน้าต่างเปิดอยู่เขาจะปีนหน้าต่างเปียรีบทักท้วงน้อยเองก็ตกใจแต่เลอสรรพูดอย่างมุ่งมั่นว่า
“พี่ก็ไม่อยากทำอย่างนั้นหรอกนะแต่พี่อยากคุยกับน้อยพี่อยากรู้จริงๆว่าน้อยไปนอนในโลงได้ยังไง”
ทั้งเปียและน้อยต่างร้องห้ามเมื่อเปียเห็นเลอสรรลงไปปีนหน้าต่างก็สะบัดหน้าเดินกลับไปทั้งแค้นทั้งกลัว
เปียเดินไปเจอเย็นที่สวนขณะกลับมาพอดีเปียที่กำลังฮึดฮัดรีบปรับสีหน้าเป็นใสซื่อถามเย็นว่าไปไหนมา
“ไม่ต้องรู้รู้แค่ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
“ก่อนจะคุยกับเปียน้าเย็นไปดูที่บ้านก่อนไหมตอนที่น้าเย็นไม่อยู่มันมีอะไร” เย็นชะงักถามว่ามีอะไร “น้าเย็นไปดูให้เห็นกับตาดีกว่าค่ะเดี๋ยวน้าเย็นจะหาว่าเปียสร้างเรื่องอีก” พูดแล้วจะเดินไปเย็นเรียกไว้จ้องหน้าพูดอย่างจับโกหกว่า
“อย่าคิดว่าแกจะตบตาฉันได้ต่อให้แกให้คนทั้งโลกมาเป็นพยานฉันก็เชื่อว่าแกเป็นคนร้าย”
“น้าเย็นมองเปียในแง่ร้ายเปียเข้าใจแต่น้าเย็นรู้ไหมยิ่งน้าเย็นทำแบบนี้คุณพ่อคุณแม่เขาก็ยิ่งสงสัยเปียสงสัยทั้งที่เปียไม่ได้ทำผิดอะไร” เปียบีบน้ำตาเย็นย้ำถามว่าแน่ใจ? เปียย้ำยืนยัน “แน่ใจสิน้าเย็น”
“แต่นายอุทัยไปดักเจอฉันแล้วก็ยังคาดคั้นสงสัยจนฉันมั่นใจว่าแกต้องรู้อะไรมาแน่ๆถึงได้คิดกำจัด
ยัยน้อย”
“เปียไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆนะน้าเย็นแล้วเปียก็ไม่ได้เป็นคนหลอกน้อยไปทำร้ายด้วยน้าเย็นเชื่อเปียนะเปียไม่ได้ทำ” เปียกุมมือมองเย็นดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาเป็นดวงตาที่เย็นไม่เคยเห็นมาก่อนจนทำให้ลังเลเปียได้ทีอ้อนต่อ “จะให้เปียไปสาบานที่ไหนก็ได้ตอนนี้เปียมีความสุขจริงๆทุกคนรักเปียคุณพ่อก็ล้มเลิกที่จะตรวจดีเอ็นเอไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เปียจะฆ่าน้อย”
เย็นเองก็ยืนยันว่าน้อยบอกว่าตามเปียไปเปียย้อนถามว่าคิดไหมว่าน้อยสร้างเรื่องขึ้นมาเพราะคืนนั้นตนนอนป่วยอยู่แล้วเปียก็ยกเรื่องแผงไฟในตู้อบมาอ้างว่าไม่มีใครเชื่อว่าน้อยเป็นคนทำทั้งๆที่น้อยเป็นคนเข้าไปในนั้นเป็นคนแรกพูดแล้วมองเย็นอย่างวัดใจก่อนใส่ไฟน้อยต่อว่า
“บางทีน้อยอาจจะเอาความเชื่อใจของทุกคนทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้ทำเพื่อทวงตำแหน่งทายาทของอนุรักษ์ธานินคืนจากเปียไงคะ”
ooooooo
เลอสรรปีนหน้าต่างเข้าไปหาน้อยน้อยตกใจบอกว่าถ้าน้าเย็นมาเห็นเข้าตนตายแน่แต่เลอสรรอ้างว่าถ้าน้าเย็นรู้ว่าตนปีนเข้ามาเพราะอะไรน้าเย็นต้องเข้าใจแล้วขอร้องน้อยให้เล่าว่าน้อยลงไปนอนในโลงได้อย่างไร
น้อยไม่ยอมเล่าให้ฟัง อ้างว่าในเมื่อคืนนั้นเขากับวณีเห็นเปียนอนป่วยอยู่ที่บ้านแล้วเราจะมาเถียงกันทำไมตัดบทว่าตนคงตาฝาดกระมัง แล้วบอกให้เขากลับไปเสีย
ขณะน้อยกำลังผลักไสเลอสรรให้กลับไปนั้นเย็นไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาเห็นเหมือนน้อยอยู่ในอ้อมกอดของเขา!
อุทัยหัวเสียจากเย็นกลับถึงบ้านบอกคุณหญิงที่รออยู่ว่าพูดกับเย็นไม่รู้เรื่องเพราะเย็นโยกโย้พูดอะไรไม่รู้น่ารำคาญทำให้ตนยิ่งสงสัยว่าทำไมเย็นถึงคิดว่าเปียเป็นคนลวงน้อยไปฆ่า
คุณหญิงปรารภว่าถ้าเปียรู้ว่าอุทัยจะพาไปตรวจดีเอ็นเอก็ไปอย่างสองแม่ลูกคิดไม่ออกเพราะเรื่องไปตรวจดีเอ็นเอนั้นเราก็พูดกันแค่สองคนขนาดวณียังไม่รู้เลย
ส่วนวณีก็กำลังปลอบใจเปียที่กลับมาคร่ำครวญออดอ้อนว่าเลอสรรเองก็เห็นว่าตนไม่สบายนอนอยู่ที่ห้องแล้วน้อยจะเห็นตนได้ยังไงแล้วอ้อนให้จับตัวดู
ตอนนี้ก็ยังรุมๆอยู่เลยแต่พอวณีเอามืออังหน้าผากกลับไม่รู้สึกอะไรแต่ก็พูดเอาใจว่า
“เอาอย่างนี้ดีไหมแม่จะให้คุณรจนามาอยู่กับลูกดีกว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้มีคุณรจนาเป็นพยานว่าลูกของแม่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับใครทั้งนั้น” เปียชะงักหน้าเจื่อนวณีรวบรัดว่า “แม่ว่าดีที่สุดจ้ะแม่จะโทร.เรียกคุณรจนามาเลยนะ”
วณีลุกเดินออกไปเลยเปียมองตามตาวาวโรจน์อยากจะกรี๊ดแต่ไม่กล้า
พอวณีโทร.บอกรจนาเสร็จเย็นก็เดินหน้าตึงเข้ามาพร้อมน้อยและเลอสรรถามวณีอย่างเอาเรื่องว่า
“คุณเลอสรรปีนเข้าไปหายัยน้อยถึงในห้องคุณวณีคิดว่าฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ”
เปียเดินมาได้ยินถึงกับอึ้งคิดไม่ถึงว่าเย็นจะมาไม้นี้
ooooooo
อุทัยคิดไม่ตกบอกคุณหญิงว่า งานนี้ตนควรเป็นคนเดินหมากแต่กลับกลายเป็นหมากให้ใครก็ไม่รู้จับไปเดินแบบนี้
คุณหญิงไม่ทันพูดอะไรวณีก็เดินหน้าเครียดเข้ามาบอกว่า “ตาเลอเข้าห้องไปหาหนูน้อยเย็นจะเอาเรื่องค่ะ”
คุณหญิงกับอุทัยเดินอ้าวกลับไปที่บ้านถามเลอสรรทันทีที่เห็นหน้าว่า
“บอกย่ามาซิตาเลอเราปีนเข้าหาหนูน้อยเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” เลอสรรบอกว่าจริงเปียรีบแก้ต่างให้ทันทีว่า
“แต่เปียเป็นพยานได้นะคะพี่เลอสรรกับน้อยไม่ได้มีอะไรกันหรือน้อยบอกน้าเย็นว่ามี” เปียจิกตาถามน้อย
น้อยปฏิเสธว่าไม่ได้บอกเลอสรรยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าตนไม่ได้ล่วงเกินน้อยเลยแสดงความรับผิดชอบว่า
“ถ้าน้าเย็นจะให้ผมรับผิดชอบน้อยผมก็ยินดีและเต็มใจ”
ทุกคนมองเลอสรรอึ้งเมื่อออกมาพบกันที่สนามเปียตัดพ้อต่อว่าเย็นว่ารู้อยู่ว่าตนรักเลอสรรแล้วทำไมจะให้เขาแต่งงานกับน้อยเย็นบอกว่าเลอสรรกับน้อยรักกันเปียถามเสียงสะท้านน้ำตาคลอว่า “แล้วเปียล่ะ...”
“เปียได้ทรัพย์สมบัติเปียได้เป็นทายาทของอนุรักษ์ธานินให้น้อยได้อะไรสักอย่างบ้างนะ”
“แต่ถ้าน้อยได้แต่งงานกับพี่เลอสรรนั่นก็แปลว่าน้อยได้ทั้งทรัพย์สมบัติทั้งความรักน้าเย็นแก้แค้นประสาอะไรให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกของศัตรู” เปียเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
“น้าคิดได้...ตอนน้อยหายตัวไปไงล่ะ”
เย็นจ้องหน้าเปียที่ความรู้สึกสูญเสียกำลังกระหน่ำหัวใจเจ็บใจที่แผนการของตนกลับกลายเป็นให้ผลร้ายกับตัวเองเย็นถามจี้
“เจ็บใช่ไหมที่แผนที่แกทำมันให้ผลร้ายกับตัวเอง
ต่อให้แกหลอกฉันยังไงสันดานแกมันก็ทำให้ฉันเชื่อไม่ได้ว่าแกบริสุทธิ์ใจจริงๆให้ยัยน้อยมันบ้างเถอะบางทีการยอมแพ้มันก็เป็นเรื่องที่มีศักดิ์ศรีมากกว่าไปดันทุรังยื้อแย่งเอาชัยชนะมา”
เปียไม่ตอบแต่ตาวาวแค้นหน้าถมึงทึงเดินผละไปเงียบๆเย็นมองตามพูดลอยๆ...
“ฉันกำลังทำให้แกได้ทุกอย่างอย่างสมศักดิ์ศรีที่สุดยังไงคุณเลอสรรก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับยัยน้อยหรอกเปีย!”
ooooooo
บรรดาผู้ใหญ่ในบ้านอนุรักษ์ธานินคุยกันอย่างกลัดกลุ้มเรื่องของเลอสรรกับน้อยวณีถามคุณหญิงกับอุทัยว่าคิดเห็นอย่างไร
คุณหญิงบอกว่าตนไม่ได้รังเกียจน้อยแต่ก็รู้สึกอยู่ดีว่าน้อยกับเลอสรรไม่เหมาะกันอุทัยก็ไม่รังเกียจน้อยแต่ทั้งสองคนยังเด็กเกินไปฟังแล้ววณีแอบยิ้มพูดกับทั้งสองว่า
“วณีก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันค่ะคุณแม่ขา...วณีไม่กล้าคุณแม่กรุณาช่วยไปพูดให้เย็นเข้าใจหน่อยนะคะ”
คุณหญิงฟังอย่างหนักใจแต่ในฐานะผู้ใหญ่คุณหญิงจึงไปหาเย็นที่บ้านเป็นเวลาที่น้อยจะไปเรียนหนังสือพอดีเย็นจึงเรียกน้อยไว้อยู่ฟังด้วยกันเมื่อมีน้อยนั่งอยู่ด้วยคุณหญิงไม่สะดวกใจที่จะพูดเย็นตัดบทพูดแทนว่า
“คุณหญิงไม่กล้าพูดงั้นฉันก็พูดเองคุณหญิงไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานของคุณเลอสรรกับยัยน้อยใช่ไหมคะ” คุณหญิงอ้างว่าน้อยยังเด็กอยู่ “งั้นก็แปลว่าถ้ายัยน้อยไม่เด็กเรียนจบมีการมีงานทำคุณหญิงก็ให้ยัยน้อยแต่งงานกับคุณเลอสรรได้ใช่ไหมคะ”
คุณหญิงฟังแล้วหนักใจมองหน้าน้อยแล้วก็ยิ่งเวทนาไม่กล้าพูดเย็นหัวเราะอย่างรู้ทันรวบรัดตัดบทเองว่า
“ไม่ได้!! เพราะยัยน้อยกับคุณเลอสรรไม่ได้เหมาะสมกัน” คุณหญิงทำท่าจะท้วงติงอะไรเย็นขัดขึ้นทันที “ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะฉันว่าฉันกับยัยน้อยเข้าใจถ้าอย่างนี้ให้คุณเลอสรรแต่งงานกับคุณหนูเปียเถอะนะคะคุณเลอสรรจะได้เลิกยุ่งกับยัยน้อยและยัยน้อยของฉันก็จะได้ตัดใจจากคุณเลอสรรได้เสียที”
เมื่อวณีรู้เธอเห็นด้วยกับเย็นแต่อุทัยไม่เห็นด้วยแม้วณีจะพูดแง่ดีว่าถ้าเปียได้แต่งงานกับเลอสรรเปียอาจหายจากอาการโรคได้อุทัยกลับเห็นว่านั่นเป็นการสร้างความทุกข์ให้เลอสรรแทนบอกว่าเลิกพูดเรื่องนี้เถิดแล้วอุทัยก็บอกวณีว่าแม้เราจะตรวจดีเอ็นเอของเปียไม่ได้ตนกับคุณหญิงตกลงกันว่าเราจะตรวจดีเอ็นเอของน้อยแทนแล้วเอาสัญญาฉบับหนึ่งให้ดู
“พี่ทำสัญญาไว้แล้วกะจะให้เย็นดูสัญญาระบุทุกอย่างไม่ว่าผลการตรวจดีเอ็นเอของหนูน้อยจะเป็นอย่างไรเราจะรักและเลี้ยงดูยัยเปียเป็นลูกเหมือนเดิมรวมทั้งไม่เอาผิดกับเย็นด้วยพี่ว่าวิธีนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน”
เมื่อวณีรับไปอ่านอุทัยพูดอ่อนโยน “เซ็นนะวณีเรื่องยุ่งๆจะได้จบลงเสียที”
ขณะวณีกับอุทัยคุยกันอยู่ในห้องนอนนั้นเปียถือน้ำผลไม้คั้นมาให้พอเปิดประตูเข้าไปเห็นทั้งอุทัยและวณีท่าทางมีพิรุธอุทัยรีบเอาสัญญาเก็บใส่ลิ้นชักเปียเห็นแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอาน้ำผลไม้ให้พูดฉอเลาะไปตามประสาแล้วออกไป
ooooooo
จนเมื่ออุทัยจะไปทำงานวณีเดินลงมาส่งเจอเลอสรรเดินเข้ามาถามเรื่องตนกับน้อยวณีบอกว่าเย็นบอกให้เลอสรรเลิกยุ่งกับน้อย
เลอสรรยืนยันว่าตนพร้อมและยินดีแต่งงานกับน้อยอุทัยลำบากใจที่จะพูดจึงขอตัวไปทำงานวณีจึงบอกเขาว่าตนกับคุณย่าอยากให้เขาแต่งงานกับเปียมากกว่าเลอสรรฟังแล้วหน้าเสียผิดหวัง
เปียเห็นวณีคุยกับเลอสรรอยู่และอุทัยก็ขับรถออกไปแล้วจึงย่องขึ้นไปแอบดูสัญญาที่อุทัยเก็บใส่ลิ้นชักไว้พออ่านสัญญาและมีลายเซ็นทั้งของอุทัยและวณีที่เซ็นยินยอมตามสัญญาก็แทบคลั่ง
เมื่ออาละวาดกับอุทัยและวณีไม่ได้เปียกลับเข้าห้องตัวเองรื้อข้าวของขว้างปาระบายอารมณ์อย่างคลุ้มคลั่งกระทั่งเอารูปของวณีกับอุทัยในมือถือมาแอพแต่งภาพให้ทั้งสองมีเลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้า!
ooooooo
เลอสรรผิดหวังเสียใจกับการตัดสินใจของวณีกับคุณย่าเขาไปออกกำลังระบายความเครียดในฟิตเนสจนเหงื่อท่วมตัวเลิกเล่นก็หยิบมือถือขึ้นดู
ในมือถือมีรูปเย็นกับน้อยที่เขาแอบถ่ายไว้แต่ตอนอยู่ที่ตากเป็นภาพความอ่อนโยนน่ารักของทั้งสองคนที่มีต่อกันเขาเก็บมือถือใส่กระเป๋าเดินออกมาจังหวะที่หมุนตัวกลับชนเข้ากับมุกอย่างจังมุกคือน้องชายโมกที่เคยทำงานในบ่อนแต่ปัจจุบันมาเป็นคนทำความสะอาดที่ฟิตเนส
เลอสรรเอ่ยขอโทษฉวยผ้าขนหนูที่หล่นขึ้นมาไม่เห็นมือถือที่พื้นพอเลอสรรคล้อยหลังไปมุกก็รีบเก็บมือถือเลี่ยงไปแอบดูในที่ลับตานึกดีใจว่า “เอาไปขายได้หลายเงินแน่ๆ”
เมื่อเลอสรรรู้ว่ามือถือหายก็แจ้งพนักงานและขอยืมมือถือเธอโทร.เข้าของตัวเองมุกกำลังกดดูรูปในมือถือเห็นเย็นกับน้อยก็เพ่งมองอย่างไม่แน่ใจพอดีมือถือดังขึ้นมุกรีบกดปิดเก็บทันทีพนักงานบอกเลอสรร
ที่คอยอยู่ว่าโทร.ติดแต่ถูกปิดเครื่องไปแล้วมุกยังนึกถึงรูปเย็นกับน้อยในมือถือพึมพำกับตัวเองว่า
“ถ้าเป็นนังเย็นมันมาอยู่กับคนรวยๆแบบนี้ได้ยังไง?”
ooooooo
ที่บ้านพักเย็นน้อยยังคงทำงานบ้านตามปกติเย็นถามว่าเสียใจเรื่องเลอสรรไหมน้อยบอกว่าไม่เย็นมองหน้าถามว่าจริงหรือ
“จริงค่ะน้อยจะเสียใจมากกว่าถ้าไม่มีชีวิตอยู่ตอบแทนบุญคุณน้าเย็น” น้อยขยับเข้านั่งใกล้เย็นพูดอย่างไม่หายหวาดกลัวว่า “น้าเย็นขา...คืนนั้นน้อยกลัวที่สุดในชีวิตเลยกลัวจะไม่ได้อยู่กับน้าเย็นอีก”
เย็นมองน้อยทั้งรักทั้งระอาใจ เปรยๆว่า “เขาถึงได้บอกดีได้แต่อย่าดีจนโง่”
“น้อยไม่ได้คิดว่าน้อยโง่น้อยแค่เป็นห่วงเปียน้อยไม่ได้บ้าไม่ได้ตาฝาดคืนนั้นน้อยตามเปียไปจริงๆแต่น้อยไม่ได้คิดว่าเปียจะเป็นคนทำน้อยที่น้อยเสียใจคือทำไมเปียต้องโกหกด้วยน้อยไม่เข้าใจทำไมเปียต้องโกหก”
“น้าก็ไม่รู้เหมือนกันแต่น้อยไม่ต้องเสียใจหรอกสักวันความจริงก็ต้องปรากฏอย่างที่เขาเรียกว่า ‘กรรม’ไง” เย็นลูบผมน้อยอย่างเวทนา
ส่วนที่ครัวบ้านอนุรักษ์ธานินบรรดาพวกในครัวก็คุยกันอย่างตื่นเต้นนายเอิบทำท่าหวาดเสียวว่าถ้าสัปเหร่อไม่ไปเจอมีหวังน้อยถูกเผาทั้งเป็นแน่ช้อยเชื่อว่าต้องมีคนลวงน้อยไปทำร้ายแน่หวานก็เชื่ออย่างนั้นบอกว่าถ้าวณีกับเลอสรรไม่บอกว่าคืนนั้นเปียนอนป่วยอยู่ตนเชื่อว่าคนร้ายต้องเป็นเปียแน่ๆ
ลูกเต๋ามองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีนึกถึงวันที่เห็นเปียวิ่งหน้าตาตื่นตระหนกกลับบ้าน
ส่วนประวิทย์ก็ยังคงแก้ต่างและปกป้องเปียว่า “คุณหนูไม่ใช่คนใจร้ายใจดำขนาดนั้นหรอกอีกอย่างคุณหนูจะฆ่าน้อยไปทำไม” พูดแล้วเดินออกไปอย่าง
ไม่อยากฟังใครพูดเรื่องนี้อีกถูกหวานเหน็บว่าทนฟังความจริงไม่ได้จวนติงหวานว่า
“ประวิทย์มันรักมันชอบของมันจะไปว่าให้มันเสียใจทำไมแกนี่”
ลูกเต๋าเห็นอาการของประวิทย์ก็รีบตามออกไปเรียกพอประวิทย์หันมาก็เล่าอย่างมั่นใจว่า
“คืนนั้นคุณหนูไม่ได้ป่วยนะลูกเต๋าเห็นคุณหนูไปไหนมาไม่รู้แล้วย่องกลับเข้ามาในบ้านค่ะ”
ประวิทย์ตกใจไม่สบายใจพยายามโทร.หาเปียแต่พอเปียเห็นเป็นสายจากประวิทย์ก็กดทิ้งอย่างรำคาญจนเขาต้องฝากข้อความไปว่า “มาหาผมด่วนวันที่เกิดเรื่องมีคนเห็นคุณหนูไม่อยู่บ้าน” เปียตกใจรีบออกไปหาประวิทย์ที่บ้านทั้งกลางคืนเลย
เปียคาดคั้นถามว่าใครเป็นคนเห็นตนประวิทย์ไม่ยอมบอกซ้ำยังถูกเปียขู่ว่าถ้าเขายังพูดอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้จะตบให้สมองไหลเลยแต่นาทีนี้ประวิทย์ไม่กลัวแล้วบอกเปียว่า
“ถึงคุณหนูจะไม่ยอมรับผมก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเพราะท่าทางของคุณหนูมันฟ้องและถ้าเราคุยกันดีๆไม่ได้เรื่องคงต้องถึงคนอื่น”
เปียจิกตาจ้องประวิทย์หายใจหอบถี่อย่างโกรธจัดแต่ไม่ตอบโต้เดินหนีไปแบบไม่แคร์พอกลับเข้าห้องก็คว้ายาแก้ปวดหัวกินคิดถึงเรื่องที่เลอสรรบอกว่าตนเต็มใจแต่งงานกับน้อยคิดถึงสัญญาที่วณีกับอุทัยยอมให้น้อยตรวจดีเอ็นเอและประวิทย์บอกเรื่องมีคนเห็นตนกลับจากป่าช้าคืนนั้น
เท่านั้นไม่พอหูยังแว่วเสียงอุทัยกับวณีคุยกันขณะเดินผ่านห้องเรื่องจะให้รจนามาดูแลตนอย่างใกล้ชิดเป็นหูเป็นตาแทนด้วย
เปียฟุ้งซ่านสับสนไปหยิบถุงดำที่ใส่เสื้อผ้าเปื้อนดินในคืนกลับจากป่าช้าอย่างว้าวุ่นใจเปียหอบถุงดำออกไปพอไม่เห็นใครก็วิ่งลงไปข้างล่างอย่างเร็วแต่พอจะออกจากบ้านก็ชะงักเมื่อเห็นเลอสรรเดินกลัดกลุ้มอยู่เปียมองถุงดำในมือไม่รู้จะทำอย่างไรดีพลันก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงอุทัยเดินลงมา!
ข้างหน้าเป็นเลอสรรข้างหลังเป็นอุทัยเปียแทบจะคลั่งไม่รู้จะทำอย่างไรแต่โชคช่วยเมื่อประวิทย์ที่กำลังร้อนรุ่มใจเดินมาเรียกเลอสรรขอคุยด้วยเปียอาศัยจังหวะนั้นวิ่งเอาถุงดำไปทิ้งถังขยะถอนใจโล่งอกเหมือนรอดตาย
ooooooo
ประวิทย์กับเลอสรรยืนคุยกันในที่ลับตาประวิทย์บอกเลอสรรว่าคืนที่น้อยถูกทำร้ายลูกเต๋าเห็นเปียวิ่งกลับเข้าบ้านพูดออกตัวกับเลอสรรว่า
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพูดไม่เกิดผลดีกับคุณหนูแต่ผมคิดว่าผมปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ไม่ได้ไม่ว่าคุณหนูจะมีส่วนเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับการที่น้อยถูกทำร้ายแต่น้อยไม่ควรถูกมองว่าเป็นคนโกหก”
เลอสรรถอนใจแม้จะโล่งใจเรื่องน้อยแต่กลับต้องมากลุ้มเรื่องเปียแทน
ทิ้งถุงดำแล้วเปียรีบกลับเข้าบ้านเจออุทัยพอดีเขาถามว่าไปไหนมาเปียอึกอักนิดหนึ่งตอบเลี่ยงว่าเห็นประวิทย์มาหาเลอสรรเลยตามออกมาดูอุทัยสงสัยว่าประวิทย์มาหาเลอสรรทำไมแต่อีกใจก็ระแวงว่าเปียจะโกหกพอดีประวิทย์กับเลอสรรเดินกลับมาด้วยกันเปียชี้ให้ดูอุทัยจึงเชื่อ
อุทัยถามเลอสรรว่าคุยอะไรกันเขามองเปียแล้วบอกอุทัยว่า “เปล่าครับ” เปียที่เงี่ยหูฟังอยู่มองประวิทย์ที่ท่าทางมีพิรุธส่วนอุทัยก็มองเลอสรรอย่างระแวงเหมือนกันอุทัยพูดตรงๆว่า
“ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับยัยเปียเลอไม่ควรปิดน้าเพราะมันอาจจะทำให้เรื่องเลวร้ายไปใหญ่”
“ครับคุณน้า” เลอสรรก็ยังคงตอบแค่นั้นแล้วเดินเลี่ยงไปอย่างไม่อยากให้อุทัยไม่สบายใจเปียยังแอบดูอยู่อย่างระแวงพาลไม่พอใจทุกคนไปหมด
ooooooo
เลอสรรจับไม่ปล่อยเห็นเปียจะออกจากบ้านจึงตามไปถามว่าจะไปไหนเปียบอกว่าจะไปเดินเล่นเขาถามประชดว่า
“เดินเล่นเหมือนคืนนั้นใช่ไหมน้องเปียไม่สบายแต่มีคนเห็นน้องเปียออกมาเดินเล่น...ใช่ไหม!” เปียหน้าเผือดปฏิเสธว่าเปล่าเลอสรรบอกเปียว่า “พี่ไม่เชื่อน้องเปียพี่เชื่อน้อย”
“แปลว่าพี่เลอสรรไม่เชื่อคุณแม่ไม่เชื่อแม้กระทั่งตัวเองแต่เชื่อน้อยใช่ไหมคะ...เปียรู้ว่าพี่เลอสรรรักน้อยเลยเข้าข้างน้อยทุกอย่างแต่เข้าข้างจนดูถูกคุณแม่ดูถูกตัวเองเปียว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ” เปียตีหน้าเศร้าพูดอย่างเยือกเย็นมีเหตุผลแล้วกลับไปพอพ้นสายตาเลอสรรเปียก็ตาวาวอย่างโกรธแค้นในขณะที่เลอสรรถูกเปียตำหนิก็ยืนอึ้ง
เปียแอบไปหาประวิทย์ที่บ้านพักด่าประวิทย์ว่าห่วงน้อยมากจนหักหลังตนใช่ไหมประวิทย์ถามว่ายอมรับแล้วใช่ไหมว่าคืนนั้นเปียหลอกน้อยออกไปเปียตอบอย่างท้าทายว่า
“เออ! แล้วไง!! เอาเล้ยประวิทย์อยากทำอะไรก็ทำฉันจะคอยดูว่าแกจะปกป้องยัยน้อยได้นานแค่ไหนไอ้ประวิทย์”
“ผมจะปกป้องจนกว่าน้อยกับคุณเลอสรรจะได้แต่งงานกัน” เปียเย้ยว่าไม่มีวันนั้นหรอก
ประวิทย์ถามว่าถ้าอย่างนั้นมีวิธีไหนที่จะทำให้ตนตัดใจจากเปียได้...ถึงวันนี้ตนหมดแรงที่จะรักคนใจร้ายใจดำอย่างเธอแล้วเปียไล่ให้ไปตายเสียเบ้ปากใส่แล้วเดินออกไปประวิทย์มองเปียทุบผนังบ้านพึมพำทั้งน้ำตาอย่างสมเพชตัวเองว่า
“คนโง่เพราะความรักเป็นอย่างผมนี่เอง...”
ส่วนเปียพอออกจากบ้านประวิทย์ก็คำราม “ไม่มีใครขวางฉันได้หรอก” แล้วเดินพรวดๆไปที่ร้านโชห่วยซื้อยาเบื่อหนูหนึ่งโหลรับยาเบื่อหนูแล้วเปียยิ้มร้ายอย่างมีแผน
เปียตรงไปที่บ้านพักของเย็นแกล้งทำห่อยาเบื่อหนูหล่นใกล้บ้านตัวเองเก็บไว้เพียงห่อเดียวน้อยลงมาเห็นยาเบื่อหนูก็ตกใจคิดถึงในอดีตตอนอยู่ที่ตากเวลานั้นเปียเอายาเบื่อหนูมาห่อใหญ่บอกน้อยว่าน้าเย็นซื้อมาเบื่อหนูแต่ตนจะเอาไปเบื่อหมาของยายฟักน้อยตกใจถามว่าทำมันทำไม
“ก็เกลียดยายฟักปากมากชอบเอาเรื่องเปียไปฟ้องน้าเย็นให้น้าเย็นตีเปีย” น้อยติงว่าแต่หมาไม่เกี่ยวอะไรเลยนะ “งั้นเบื่อยัยฟักแทนดีไหมจะได้หุบปากตายๆไปซะที” เปียยิ้มเหี้ยม
คิดถึงเรื่องที่จังหวัดตากแล้วน้อยคิดว่าคงเป็นยาเบื่อที่เย็นซื้อมาเบื่อหนูแต่พอนึกว่าถ้าเปียเจอล่ะ?! แค่คิดน้อยก็กลัวแล้วพอดีเย็นมาเห็นถามว่าทำอะไรน้อยกลบเกลื่อนว่าจะเอาขยะไปทิ้งแล้วรีบเอาขยะกับยาเบื่อหนูไปทิ้งแต่พอเปิดถังขยะน้อยเห็นถุงดำมีเสื้อแลบออกมาน้อยจำได้ว่าเป็นเสื้อที่เปียใส่ในคืนนั้น
พอหยิบเสื้อขึ้นมาดูเห็นขะมุกขะมอมน้อยถึงกับใจสั่นพอดีจวนเอาขยะมาทิ้งถามน้อยว่าทำอะไรอยู่น้อยตกใจรีบทิ้งถุงดำและยาเบื่อหนูลงถังขยะทำเฉไฉถามว่าน้าจวนเอาขยะมาทิ้งหรือพอจวนทิ้งขยะน้อยก็รีบชวนเข้าบ้าน
น้อยยังคาใจเรื่องเสื้อของเปียเดินไปเมียงมองที่บ้านอุทัยไม่กล้าเข้าแต่พอเห็นเปียนั่งอยู่ก็เข้าไปถามว่าเห็นเปียเอาเสื้อไปทิ้งถังขยะเปียบอกว่ามันเก่าแล้วเลยเอาไปทิ้ง
“แต่น้อยจำได้มันเป็นชุดที่เปียใส่ไปหาน้อยวันที่น้อยถูกทำร้าย” ถูกเปียจิกตาย้อนถามว่าน้อยคงไม่คิดว่าตนเป็นคนทำร้ายใช่ไหม “งั้น...เปียบอกน้อยได้ไหมทำไมเสื้อผ้าของเปียมันถึงได้เปื้อนดิน”
เปียทำเป็นหัวเราะขำบอกว่าตนหกล้มที่สนามเสื้อเลยเปื้อนน้อยแย้งว่าลุงสัปเหร่อเล่าว่าคืนนั้นเหมือนแกกระชากขาคนร้ายจนล้มด้วยเปียเริ่มจนตรอกก็พอดีเลอสรรเดินมาถามว่าคุยอะไรกันอยู่ทั้งเปียและน้อยต่างนิ่งไม่มีใครตอบ
พอดีโทรศัพท์บ้านดังขึ้นเปียหาทางหลบจะไปรับสายเลอสรรบอกว่าตนไปรับเองน้อยเลยได้จังหวะขอให้เปียบอกมาดีกว่าว่าความจริงคืออะไรเปียจนแต้มมารยาทันทีทำท่าจะเป็นลมขึ้นมาน้อยตกใจลืมเรื่องเสื้อไปเลย
ส่วนเลอสรรไปรับโทรศัพท์ปรากฏว่าเป็นสายจากฟิตเนสโทร.มาแจ้งว่าเจอมือถือของเขาแล้วเลอสรรดีใจบอกว่าจะไปเอาเดี๋ยวนี้เลย
เหตุที่เลอสรรได้มือถือคืนเพราะมุกดูรูปเย็นกับน้อยในมือถือแล้วอยากรู้ว่าทั้งสองเกี่ยวพันกับเจ้าของมือถือฐานะดีคนนี้ได้อย่างไรจึงเอาไปให้เจ้าหน้าที่ตามหาเจ้าของเพื่อจะได้รู้จักตัว
เลอสรรกลับมาที่น้อยกับเปียเห็นเปียทำท่าจะเป็นลมเขาฝากน้อยให้ช่วยดูแลเปียแล้วตัวเองรีบไปรับมือถือที่ฟิตเนส
ส่วนน้อยถูกเปียมารยาทำเป็นป่วยแล้วหนีขึ้นข้างบนน้อยตามไปวณีออกมาเจอพอดีเปียอ้อนว่าตนป่วยแต่พอวณีจะพาไปหาหมอก็ไม่ไปวณีจึงจะไปต้มข้าวต้มให้กินเปียทำเป็นขอโทษน้อยที่คุยด้วยไม่ได้แต่ยิ้มร้ายแล้วปิดประตูใส่หน้าเลย
ooooooo
น้อยเข้าครัวช่วยวณีทำข้าวต้มวณีถามว่าเมื่อกี๊คุยอะไรกับเปียน้อยบอกว่าเรื่องทั่วไปก็พอดีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นวณีจึงเดินไปเปิดประตู
เปียอยู่ในห้องรีบเดินไปเอายาเบื่อหนูที่ซ่อนไว้ในลิ้นชักมองซองยาเบื่อหนูพึมพำ
“รนหาที่นักฉันจะโยนความผิดทุกอย่างให้แกนังน้อย!!”
วณีออกไปเปิดประตูดีใจที่เห็นรจนามาทันเวลาพอดีเพราะเปียกำลังไม่สบายเปียเดินลงมาเห็นวณีกับรจนานั่งคุยกันอยู่และน้อยกำลังเอาน้ำมาให้เปียยิ้มร้ายพอใจที่จังหวะเหมาะพอดีย่องไปในครัวเห็นข้าวต้มวางอยู่สองชามเปียแอบเอายาเบื่อหนูใส่ในชามหนึ่งแล้วเอาซอสเหยาะไว้เป็นจุดสังเกตก่อนวิ่งออกจากครัวไปอย่างเร็ว
รจนาถามอาการของเปียจากวณีรู้ว่าท่าทางมึนๆจึงเสนอให้พาเปียลงมาพักผ่อนข้างล่างเพราะอากาศดีและมีหลายคนเปียจะได้ไม่เหงาวณีจะไปตามเปียบอกน้อยว่าข้าวต้มสุกแล้วก็จัดสำรับเผื่อทุกคนด้วย
เปียถูกตามลงมานั่งหน้าตาซีดเซียวพอดีน้อยยกข้าวต้มมาสามชามบอกว่าตนไม่หิววณีบอกให้ตักมาจะได้กินด้วยกันเปียเห็นข้าวต้มทุกชามใส่ต้นหอมกับพริกไทยเครื่องหมายที่ตนทำไว้หายไปเลยไม่รู้ว่าชามไหนใส่ยาเบื่อหนูไว้ก็โวยวายว่าตนไม่กินทั้งต้นหอมและพริกไทยให้น้อยไปตักมาให้ตนใหม่
น้อยบอกว่าเหลือชามเดียวเท่านั้นเปียสั่งให้เอาชามนั้นมาให้ตนแต่พอน้อยไปตักมาคุณหญิงเข้ามาพอดีน้อยไม่ทันระวังเลยชนข้าวต้มหกหมดน้อยรีบขอโทษแต่คุณหญิงบอกว่าตนเดินมาไม่ให้สุ้มเสียงเองเปียฉวยโอกาสบอกว่าไม่มีข้าวต้มเปล่าตนก็ไม่กิน
คุณหญิงเอาช้อนตักทั้งต้นหอมและพริกไทยออกบอกเปียว่าตักออกหมดแล้วกินเสียเปียมองข้าวต้มหน้าเสียแอบมองวณีกับรจนาไม่รู้ใครได้ชามนั้นไปแต่พอเห็นวณีตักกินไม่กี่คำก็สะอึกเหมือนมีอะไรติดคอเปียเลยโล่งใจว่าชามตนปลอดภัยตักกินคำโตๆอย่างเอร็ดอร่อย
ครู่เดียวเปียก็รู้สึกถึงความผิดปกติพลันก็ปวดท้องและอาเจียนอย่างหนักทุกคนตกใจรจนาเป็นพยาบาลรู้วิธีแก้ร้องบอกให้ไปเอานมมาให้เปียดื่มเยอะๆบอกว่า “อาการคุณเปียเหมือนกินยาเบื่อค่ะ”
ooooooo
เลอสรรไปรับมือถือที่ฟิตเนสเจ้าหน้าที่บอกว่าชดเป็นคนเก็บได้ชดหรือมุกก็โผล่หน้ามายิ้มเผล่ให้เลอสรร
มุกทำเป็นขอโทษที่ตอนเก็บมือถือได้ใหม่ๆมีโทร. เข้าแต่ตนรับไม่เป็นมือเลยไปกดปิดเครื่องเสียเลอสรรพูดยิ้มๆว่าไม่เป็นไรพลางมอบเงินรางวัลให้มุกพูดซื่อๆ
ว่าไม่ขอรับบอกว่าตนเป็นคนบ้านนอกง่ายๆทำอะไรไม่ได้คิดเรื่องเงินๆทองๆจะให้ขโมยหรือเอาของของคนอื่นตนก็ทำไม่เป็นเหมือนกันทำให้เลอสรรซึ้งใจขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
แต่พอเลอสรรขึ้นรถขับออกไปมุกก็รีบใส่หมวก
กันน็อกขึ้นมอเตอร์ไซค์ตามทันที
จวนมาเล่าเรื่องเปียกินยาเบื่อให้เย็นฟังที่บ้านเย็นตกใจอุทาน “อะไรนะยัยเปียกินยาเบื่อ”
จวนที่มาเล่าให้ฟังทำหน้างงบอกว่าตนก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่ตอนนี้ทุกคนพาเปียไปโรงพยาบาลแล้ว
เย็นหน้าซีดตกใจงุนงงคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอย่างนี้ออกจากบ้านโบกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลทันที
แต่พอเย็นกับจวนขึ้นแท็กซี่ไปเลอสรรก็ขับรถสวนเข้ามาข้างหลังเขามุกขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาห่างๆแต่ทั้งเลอสรรและมุกต่างไม่ได้สังเกตรถแท็กซี่ที่เย็นนั่งไป
เลอสรรเอารถเข้าบ้านมุกซุ่มดูตาโตกับบ้านหลังใหญ่และบริเวณกว้างขวางอย่างตื่นเต้นอยากรู้
ooooooo










