ตอนที่ 14
ลากเปียมาที่กลางสวนเย็นกระชากเปียเข้าไปถามว่ามอมยาน้อยทำไมเปียทำหน้าซื่อตาใสบอกว่าตนไม่ได้ทำจริงๆ
“ฉันไม่เชื่อ” เย็นตวาด
“แล้วทำไมเปียต้องทำร้ายน้อยด้วยล่ะน้าเย็นในเมื่อตอนนี้เปียมีความสุขทุกอย่างทุกคนรักเปียเปียจะทำร้ายน้อยทำไม” เปียแอ๊บซื่อสุดๆพอเห็นเย็นเริ่มสับสนเปียยิ่งทำเป็นคนดี “ที่สำคัญตอนนี้เปียมีความสุขจนพร้อมจะแบ่งปันความรักให้กับทุกคนนี่ไง...เปียซื้อเสื้อมาฝากน้าเย็นมาฝากน้อยด้วยน้าเย็นเปิดดูสิมันสวยมากเลยนะ”
เย็นไม่ดูเปียถามว่าไม่เชื่อใจตนหรือ
“ฉันไม่เชื่อใจพ่อแม่แกต่างหากว่าสองคนนั้นมันจะรักแกจริงๆฉันสงสัยว่าพวกมันจะเก็บเส้นผมของแกไปตรวจดีเอ็นเอ” เปียเบิกตากว้างตกใจสุดขีด “ที่ฉันพยายามให้แกมาหาก็เพราะเรื่องนี้แต่แกก็ไม่ยอมมามัวแต่หลงละเลิงกับความสุขที่พวกมันปรนเปรอรู้ไว้! ที่พวกมันทำก็เพื่อหลอกให้แกตายใจเท่านั้นนังโง่!!”
เปียยังไม่เชื่อเย็นบอกว่าไม่เชื่อก็ไปหาความจริงเอาเอง “เพราะที่ฉันช่วยเอาเส้นผมของยัยน้อยไปวางอยู่บนเตียงของแกมันก็แค่ถ่วงเวลาเท่านั้นอย่างน้อยตอนมันตรวจถ้ามีทั้งผมแกผมยัยน้อยมันก็คงจะงงๆใครกันแน่เป็นลูกจริงของมัน”
เปียทรุดนั่งอย่างหมดแรงแต่ยังร้องว่าไม่จริ๊ง...ไม่จริงเย็นเลยไล่ให้ไปหาความจริงเอาเอง
แยกจากเย็นแล้วเปียลิ่วกลับบ้านตรงไปที่ห้องวณีแอ๊บเสียงใสน่ารักร้องเรียก “คุณแม่ขา...คุณแม่...” ปรากฏว่าวณีไม่อยู่เปียกวาดตามองหาเส้นผมบนเตียงไม่มีเห็นแต่กล่องเพชรวางอยู่ที่หัวเตียงเปียไม่สนใจหาไปจนทั่วห้องก็ไม่เจอ
เมื่อหาเส้นผมไม่เจอเปียมองกล่องเพชรหยิบติดมือไปไม่ให้เสียเที่ยวแต่พอเปิดดูก็ตกใจผงะพริบตา
เดียวก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นคิดจะเอาคืนให้ได้!
พลันเปียก็สะดุ้งเมื่อจู่ๆวณีก็เปิดประตูเข้ามา
ถามเปียว่ามาทำอะไรในห้องแม่?
“เปียมาหาคุณแม่น่ะสิคะพอดีได้สูตรขัดผิวมาเราไปอบตัวขัดผิวกันนะคะคุณแม่เดี๋ยวเปียจะทำให้คุณแม่เองนะคะ” เปียกอดวณีฉอเลาะอย่างน่ารักแล้วไปเปิดตู้เย็นเอาโยเกิร์ตผสมขมิ้นออกมาวณีชมว่าหอมจังบอกเปียให้ชวนน้อยมาขัดผิวด้วยเปียชะงักไปนิดหนึ่งแต่ปรับสีหน้าได้ในพริบตารีบอาสาจะไปตามน้อยมา
“ไม่เป็นไรจ้ะเดี๋ยวไปตามเองลูกเปียทำต่อเถอะ”
เปียจิกตามองตามวณีไปอย่างโกรธริษยาน้อยพอวณีไปแล้วเปียตรงไปที่ตู้อบมองแผงไฟข้างบนแล้วกรีดสายไฟบางเส้นจินตนาการว่าน้อยเข้าไปนั่งในตู้พอแผงข้างบนร้อนจัดก็จะหล่นลงมาถูกตัวน้อยและแผงไฟทั้งแผงก็จะลุกไหม้บนตัวน้อย...
แค่คิดเปียก็สะใจแล้ว!
ooooooo
น้อยทำกะท้อนลอยแก้วเอาไปให้วณีพอดีเจอวณีบอกว่าวันนี้เปียจะขัดผิวให้ชวนน้อยไปขัดผิวด้วยกัน
ขณะวณีกำลังชวนน้อยนั้นเลอสรรเดินผ่านมาพอดีเปียเลยแกล้งทำเป็นชวนน้อยมาทำด้วยกันจะได้สวยด้วยกันเลอสรรทำหน้านิ่งจะเดินผ่านไปเปียรีบชวน
“พี่เลออยู่ขัดผิวกับเปียก่อนนะคะ” เลอสรรบอกว่าไม่เป็นไรเปียตรงเข้าไปกอดแขนอ้อนว่าถ้าไม่ขัดผิวก็จะนวดอโรมาให้ตัดบทสั่ง “น้อยจ๋าไปเปิดสวิตช์ไฟตู้อบให้หน่อยเปียนวดให้พี่เลอสรรเสร็จเดี๋ยวตามไปจ้ะ” ว่าแล้วกอดแขนเลอสรรนัวเนียไปเลย
เปียนวดให้เลอสรรไปฉอเลาะไปน้อยเดินมาเพื่อบอกเปียว่าเปิดไฟตู้อบให้แล้วเห็นทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันก็เสียใจในขณะที่เลอสรรหันมาเห็นก็ทำเป็นพูดหวานกับเปียประชดน้อยเปียถามน้อยว่าตู้อบเรียบร้อยหรือยังพอน้อยบอกว่าน่าจะร้อนแล้วเปียบอกเลอสรรอย่างอ่อนหวานว่า
“งั้นเดี๋ยวเปียเข้าไปดูให้นะคะถ้าได้ที่แล้วจะได้ให้คุณแม่อบตัวก่อนค่อยมาขัดสมุนไพรเดี๋ยวเปียมานะคะพี่เลอ”
ooooooo
เปียไปดูตู้อบมองที่แผงอินฟราเรดด้านบนเห็นสายไฟบางเส้นถูกกรีดและแผงไฟก็ทำท่าจะร่วงลงมาเปียกะว่านั่งตรงไหนจะถูกไฟลวกน้อยที่สุดแล้วก้าวเข้าไปเลย
พลันแผงไฟก็ร่วงลงมาเปียกรีดร้องทุกคนวิ่งกรูมาดูในตู้อบแผงอินฟราเรดหล่นอยู่ที่พื้นในตู้มีร่องรอยการไหม้ส่วนเปียนอนร้องครวญครางอยู่ทุกคนตกใจมากเลอสรรตรงเข้าอุ้มเปียออกมาอย่างเร็วในขณะที่แผงไฟควันยังพุ่งน่ากลัว
วณีตกใจมากวิ่งตามเลอสรรที่อุ้มเปียออกมาปากก็พร่ำวอน “ลูกเปียหนูต้องไม่เป็นอะไรนะลูก”
ประวิทย์ถือหนังสือเดินมาจะไปเรียนจวนประคองสำรับอาหารมาจากบ้านอนุรักษ์ตามมาต่างมองเลอสรรที่อุ้มเปียมาอย่างตกใจเลอสรรร้องบอกประวิทย์ให้เปิดประตูจู่ๆเปียก็บอกว่าตนไม่เป็นอะไรแล้ววณีโล่งใจบอกเลอสรรให้อุ้มเปียเข้าไปในบ้านเลย
ประวิทย์ถามน้อยงงๆว่า “มีเรื่องอะไรน้อย?”
“แผงไฟในตู้อบหล่นลงมาถูกเปียค่ะ”
ประวิทย์กับจวนตกใจหน้าตื่นพริบตานั้นจวนวิ่งอ้าวไปบอกเย็นเกิดเรื่องใหญ่ที่บ้านอุทัยให้รีบไปเร็ว!
วณีแปลกใจว่าตั้งแต่ซื้อเตาอบมาไม่ค่อยได้ใช้แผงไฟจะชำรุดได้อย่างไรเลอสรรบอกให้ประวิทย์ที่เรียนวิศวะไฟฟ้าไปช่วยตรวจดูตัวเขาเองก็ตามไปดูด้วยครู่เดียวประวิทย์ก็ตรวจพบว่าแผงไฟชำรุดสายไฟบางเส้นมีรอยเหมือนถูกกรีดเลอสรรงุนงงตกใจว่าเป็นไปได้ยังไง? แต่พอเปียรู้ก็โวยวายว่าถ้าวณีเข้าไปก่อนคงแย่แน่ๆดราม่าเว่อร์
เลอสรรถามประวิทย์ว่าแน่ใจหรือว่าแผงไฟไม่ได้ชำรุดเพราะเก่าไม่ใช่ถูกกรีดเมื่อประวิทย์ยืนยันว่าเป็นรอยกรีดเขาบอกว่าทีแรกก็คิดจะแจ้งทางเจ้าหน้าที่ของตู้อบให้มารับผิดชอบแต่แบบนี้คงเอาเรื่องกับเขาไม่ได้
“แล้วแผงไฟจะถูกกรีดได้ยังไง” เปียทำเป็นสงสัยวณีหันไปถามน้อยว่าตอนไปเปิดเห็นมีอะไรผิดปกติไหมน้อยว่าไม่เห็นเปียพยายามจะโบ้ยความผิดให้น้อยทำให้น้อยยิ่งตกใจปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำอะไรจริงๆก็ถูกเปียตั้งข้อสังเกตว่า
“น้อย...ไม่มีใครคิดว่าเป็นน้อยจริงๆนะจ๊ะแต่ทำไมน้อยพูดเหมือนร้อนตัวเลย”
เย็นมาถึงก็ตรงเข้าเล่นงานน้อยถามว่าทำอะไรคุณหนูเปียน้อยตกใจเกือบร้องไห้ยิ่งปฏิเสธก็ยิ่งถูกเย็นคาดคั้นสุดท้ายลากน้อยเข้าไปด้านในบังคับน้อยว่าถ้าไม่ได้ทำจริงก็ต้องเข้าไปในตู้อบที่ยังมีควันกรุ่นอยู่เปียถลาเข้ามาห้าม...
“อย่าค่ะน้าเย็นอย่าทำน้อยเลยนะคะน้อยคงไม่ได้ตั้งใจใช่ไหมน้อยมันเป็นอุบัติเหตุ”
เย็นหันไปตำหนิเปียว่าพูดไม่อยู่กับร่องกับรอยเดี๋ยวก็ว่าน้อยทำเดี๋ยวก็ว่าเป็นอุบัติเหตุตกลงมันคืออะไรแน่แผงไฟร่วงมาขนาดนี้ยังไงก็ต้องมีคนทำและคนแรกที่เข้าไปนั่งต้องเจ็บหนักแน่ถามว่าใครจะเป็นคนเข้าไปแล้วลากน้อยออกไป
“งั้น...ผมไปมหาวิทยาลัยก่อนนะครับ” ประวิทย์ขอตัวแต่แอบตามไปดูน้อยด้วยความเป็นห่วง
เย็นลากน้อยไปคาดคั้นว่าใครจะเข้าไปในตู้อบเป็นคนแรกน้อยรู้แต่ว่าเปียจะขัดผิวให้วณีและวณีบอกให้เปียทำให้ตนด้วยเย็นก็สรุปว่า “งั้นเป้าหมายก็คือคุณวณีหรือไม่ก็แกนั่นแหละน้อย”
ประวิทย์ยืนฟังอยู่ก็ได้แต่ถอนใจ...
ส่วนเปียร้องไห้สะอึกสะอื้นทำเป็นตกใจเสียใจบอกวณีว่าอย่าไปฟังเย็นที่ชอบพูดจากำกวมตนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุวณีกลัวเปียจะคลั่งขึ้นมาอีกเลยเออออว่าใช่... มันเป็นอุบัติเหตุ
เปียทำเป็นถามวณีว่าไม่ติดใจว่าน้อยแกล้งใช่ไหมวณีรับว่าใช่อีกทั้งเลอสรรก็บอกว่าไม่เชื่อว่าน้อยจะทำอะไรแบบนั้นเปียแอบใจหายแว้บย้ำว่า “แต่ประวิทย์บอกว่าสายไฟถูกกรีดนะคะ”
“อาจจะเป็นรอยหนูแทะหรืออะไรก็ได้พี่ว่าเป็นอุบัติเหตุอย่างที่น้องเปียคิดนั่นแหละ” เลอสรรยิ้มอ่อนโยนเปียผสมโรงว่ามันเป็นอุบัติเหตุยิ้มให้ทุกคนทั้งที่ใจอยากจะกรี๊ดอย่างผิดหวัง
ooooooo
คืนนี้เปียแอบไปที่บ้านพักของประวิทย์ด่าทอต่อว่าประวิทย์ว่าสาระแนไปบอกทุกคนว่าสายไฟถูกกรีดทำไม!
“ก็เป็นความตั้งใจของคุณหนูอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับที่อยากให้ทุกคนรู้ว่าสายไฟถูกกรีดแล้วโยนความผิดให้น้อย”
เปียแผดเสียงอย่างขัดใจทุบตีประวิทย์อย่างบ้าคลั่งประวิทย์เตือนว่า
“เลิกสร้างเรื่องแบบนี้ได้แล้วการที่คนอื่นไม่พูดไม่ได้แปลว่าเขาโง่นะครับแต่เพราะเขากำลังมองคุณหนูอยู่ยิ่งคุณหนูแกล้งทำดีเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้ว่าในใจคุณหนูคิดร้ายเท่านั้น” เห็นเปียยังอาละวาดไม่หยุดประวิทย์ยอมรับว่า “ผมรักคุณหนูไม่ว่าคุณหนูจะทำอะไรผมอภัยให้ได้แต่คุณหนูคิดบ้างไหมกับคนที่เขาไม่รักคุณหนูเขาจะรังเกียจเขาจะมองคุณหนูยังไง” พูดแล้วประวิทย์เดินเข้าบ้านปิดประตูเลย
“ไอ้ประวิทย์เปิดประตูออกมาให้ฉันด่าเดี๋ยวนี้ไอ้ประวิทย์...” เปียทั้งทุบทั้งถีบประตูอย่างบ้าคลั่งประวิทย์ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูอย่างช้ำใจทุกข์ใจกับอารมณ์ของเปีย
ลูกเต๋าได้ยินได้เห็นทุกอย่างตกใจวิ่งอ้าวกลับไป
ooooooo
วณีเห็นเปียหายไปก็เดินเรียกหาได้ยินเปียขานรับเสียงหวานจากในครัวบอกว่ากำลังคั้นน้ำผลไม้ให้คุณพ่อคุณแม่อยู่และเอากากผลไม้มาแปะแผลที่ถูกแผงไฟเพราะกลัวจะเป็นแผลเป็น
“โถๆคนดีของแม่ถ้าพรุ่งนี้ไม่ทุเลาแม่จะพาไปหาหมอนะ” วณีโอ๋เปียบอกว่าไม่เป็นไรเป็นแค่นิดเดียวเองแล้วทำเป็นห่วงใยวณีอีกว่าโชคดีที่ตนเข้าไปก่อนวณีเลยไม่เป็นอะไรทำให้วณียิ่งกอดเปียอย่างปลื้มอกปลื้มใจเปียแอบมองวณีในใจคิดว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ประวิทย์พูด
เลอสรรพูดให้น้อยตายใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุแต่พอตกกลางคืนก็ออกไปยืนครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ประวิทย์ที่ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเดินออกจากบ้านเห็นเลอสรรก็เดินเข้าไปถามเขาว่าคงไม่คิดว่าน้อยเป็นคนทำใช่ไหมถูกเลอสรรประชดว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ
“คุณเลอพาลผมเพราะหึงน้อย” ประวิทย์พูดตัดพ้อถูกย้อนถามว่าตนจะหึงทำไม “เพราะคุณเลอสรรรักน้อยเหมือนอย่างที่ผม...รักคุณหนูเปีย...ผมรู้ครับว่าผมไม่สมควรที่จะอาจเอื้อมไปรักคุณหนูผมแค่อยากบอกคุณเลอสรรอย่างลูกผู้ชายผมรักน้อยอย่างน้องสาว”
“มันไม่สำคัญตรงที่นายจะรักน้อยยังไงมันสำคัญตรงที่น้อยรักนาย”
“ผมกล้ายืนยันว่าน้อยไม่ได้รักผมพอๆกับที่ผมกล้ายืนยันว่าน้อยไม่ได้เป็นคนทำร้ายคุณหนูเปีย...ที่ผมมาก็อยากจะบอกคุณเลอสรรเท่านี้แหละครับ” พูดแล้วเดินกลับไปฟังประวิทย์แล้วเลอสรรมองตามเขาไปอย่างโล่งใจ...
ooooooo
เช้านี้ขณะน้อยจะไปเรียนเจอเลอสรรดักอยู่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยน้อยถามว่าเรื่องอะไรเขาไม่ตอบแต่สั่งให้ขึ้นรถ
“ตลอดชีวิตมีแต่คนสั่งน้อยคุณเลอสรรอย่าสั่งน้อยอีกคนเลยค่ะน้อยขอร้อง” พูดแล้วเดินเลี่ยงไป
“น้อย...น้อย...” เลอสรรเรียกเมื่อน้อยไม่หยุดเขาเดินตามไปขวางหน้าถามว่าที่ไม่อยากคุยกับตนเพราะอะไรเพราะประวิทย์หรือเพราะกลัวว่าตนจะรู้ว่าน้อยทำอะไรเปีย
“ในสายตาคุณเลอสรรน้อยเป็นคนเลวร้ายมากเลยเหรอคะ??” พอเขาบอกว่าเปล่าน้อยถามเสียงเครือว่า “แล้วคุณเลอสรรมาหาเรื่องน้อยทำไม”
“อยากคุยด้วย...ถึงน้อยจะไม่อยากคุยกับพี่พี่ก็จะหาเรื่องมาคุยกับน้อยเพราะพี่รักและเป็นห่วงน้อยโอเคนะ” พูดแค่นี้แล้วเดินไปเลยน้อยมองตามถอนใจเฮือกกับความดื้อของเขาแต่พอหันกลับก็หน้าเผือดเมื่อเห็นเย็นที่เพิ่งกลับจากตลาดยืนมองอยู่
“อย่าแส่หาเรื่อง” เสียงเย็นเหน็บๆตามเคยน้อยรับคำแล้วรีบไปเรียนส่วนเย็นมองตามเลอสรรไปอย่างไม่สบายใจ
ooooooo
บรรดาพวกในครัวฟังลูกเต๋าที่วิ่งอ้าวมาเล่าสิ่งที่ได้ยินประวิทย์พูดกับเปียแล้วช้อยถามว่า
“นี่แปลว่าเรื่องตู้อบคุณหนูทำตัวเองเหรอ”
จวนถามว่าใครจะบ้าทำแบบนั้นคุณหญิงเดินมาได้ยินแว่วๆก็หยุดฟัง
“ก็คุณหนูเปียน่ะแหละเพราะถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงแผงไฟมันต้องหล่นมาถูกคุณหนูแบบจังๆแล้วนี่อะไรแบบเฉียดๆหวานล่ะเพลีย??”
ช้อยเห็นด้วยชมว่านอกจากประวิทย์แล้วก็มีหวานนี่แหละฉลาดจริงๆ
“ฉลาดอย่างนี้หางานใหม่ทำกันดีไหม!” เสียงคุณหญิงถามทุกคนเหวองัน “ถ้าใครนินทาหลานฉันอีกฉันจะไล่ออกไล่ออกแบบไม่มีเงินเดือนด้วยอยากลองดีก็เอา!!” ปรามแล้วคุณหญิงเดินไม่พอใจไปทิ้งพวกในครัวมองกันไปมาหน้าแหยไปตามกัน
แม้คุณหญิงจะปรามพวกในครัวเสียงเข้มแต่ก็ใช่ว่าคุณหญิงจะไม่ทุกข์ใจเรื่องที่ได้ยินในครัวพูดกัน
เมื่อกลับมาเจออุทัยที่บ้านคุณหญิงถามว่าตกลงเรื่องจริงมันเป็นอย่างไรอุทัยบอกว่าตนก็ไม่ทราบได้ยินแต่วณีเล่าให้ฟังซึ่งวณีเองก็ไม่ปักใจว่าใครทำบอกแต่ว่าเป็นอุบัติเหตุแต่คุณหญิงบอกว่า
“ในครัวเขานินทากันเขาว่ายัยเปียทำตัวเองแล้วใส่ร้ายยัยน้อย”
เปียคาดผ้ากันเปื้อนเดินมาได้ยินพอดีตาวาวแค้นทุกคนไฟริษยากระพือได้ยินคุณหญิงถามอุทัยว่าคิดอย่างไรเปียเงี่ยหูฟังเครียด
“ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ผมตอบไม่ได้จริงๆครับคุณแม่แต่สิ่งที่ความรู้สึกบอกผมหนูน้อยเป็นเด็กดีไม่ว่าจะถูกเปียโขกสับยังไงหนูน้อยก็ให้อภัยเสมอเหมือนกับวณีไม่ว่าจะถูกเย็นกระแนะกระแหนให้เจ็บปวดยังไงวณีก็อภัยให้เสมอ” ฟังแล้วคุณหญิงถามว่าเขาจะบอกอะไรอุทัยตัดสินใจบอก “ผมอยากจะขอหนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ”
คุณหญิงตกใจเปียตกใจยิ่งกว่าเบิกตากว้างแทบช็อกโกรธจนตัวสั่นเดินกลับเข้าไปในครัววณีที่ช่วยทำครัวอยู่ถามว่าไหนว่าจะไปตามคุณพ่อ
เปียหน้าซีดเสียงแผ่วบอกว่าไม่ทราบพอดีจู่ๆตนก็ปวดหัวแล้วขอตัวผละไปทันทีวณีไม่ทันพูดอะไรได้แต่งง...
ooooooo
เปียพรวดพราดกลับเข้าไปในห้องใบหน้าบูดบึ้งบิดเบี้ยวด้วยแรงโมหะโทสะริษยาอาฆาตสมองสับสนอารมณ์แปรปรวนพลุ่งพล่านจนควบคุมไม่ได้หูแว่วแต่เสียงอุทัยที่บอกคุณหญิงว่าจะตรวจดีเอ็นเอน้อย...
เปียหลับตาเอามือปิดหูทั้งสองข้างแต่ในความรู้สึกก็ยังได้ยินเสียงอุทัยตลอดเวลาจนทนไม่ได้ตะโกน
“ไม่! ไม่!!” พอลืมตาก็เห็นน้อยพูดอย่างเยาะหยันว่า “น้อยจะตรวจดีเอ็นเอ...เปียห้ามน้อยไม่ได้หรอก...น้อยจะตรวจดีเอ็นเอ...”
“ไม่...ฉันไม่ยอม...ไม่ ได้ยินไหมฉันไม่ยอม...ไม่ยอม!!!” เปียกระโจนเข้าบีบคอน้อยหมายเอาให้ตาย!
คุณหญิงอุทัยและวณีได้ยินเสียงเปียแผดร้องอยู่ข้างบนพากันวิ่งขึ้นไปดูเห็นเปียทำท่าเหมือนกำลังบีบคอใครอยู่ทั้งที่ข้างหน้าเปียว่างเปล่าอุทัยตรงเข้าไปกระชากเปียเรียกให้ได้สติวณีก็ร้องถาม “เปีย...เป็นอะไรลูก”
เปียลืมตาไม่เห็นน้อยมีแต่วณีกับอุทัยพลันเปียก็ได้ยินเสียงอุทัยพูดว่า “ฉันจะขอหนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ...” เปียผงะจากอุทัยมองไปทางคุณหญิงก็ได้ยินประโยคเดียวกับที่อุทัยพูดผละจากคุณหญิงหันไปหาวณีก็เห็นถือกล่องเพชรในมือ!
เปียสะบัดออกแผดเสียงอย่างคลุ้มคลั่งแววตาระแวงโกรธแค้นตวาดทุกคน “อย่ามายุ่ง! บอกว่าอย่ามายุ่ง!!” เปียผลักคุณหญิงผงะแล้ววิ่งออกไปดีที่อุทัยคว้าร่างคุณหญิงไว้ทันแล้วทั้งสามก็พากันวิ่งตามพลางร้องเรียก “เปีย...เปีย...”
แต่เปียเห็นทุกคนที่ตามมาเป็นศัตรูหน้าตาดุร้ายวิ่งลงบันไดพลางหันมองอย่างหวาดกลัวก้าวพลาดตกบันไดกลิ้งลงไปเลอสรรมาเห็นพอดีรีบเข้าไปรับร่างเปียไว้ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของอุทัยวณีและคุณหญิงพอเปียลืมตาเห็นเลอสรรอุ้มอยู่ก็กอดเขาแน่นอ้อนน่าสงสาร
“พี่เลอสรร...ช่วยเปียด้วย...ช่วยเปียด้วย...” เปียเพ้อได้ไม่กี่คำก็หมดสติไป...
เลอสรรวางร่างของเปียลงบนเตียงทุกคนมองเปียที่นอนหน้าซีดเผือดอย่างเวทนา
“อาการเปียหนักขึ้นทุกวัน” คุณหญิงเอ่ยวณีน้ำตาคลอบอกความจริงว่า...
“เปียไม่ยอมกินยาค่ะคุณแม่จะหลอกล่อยังไงก็ไม่ยอมกินยา”
“แล้วจะทำยังไงปล่อยเอาไว้อย่างนี้ยัยเปียเป็นบ้าแน่ๆ”
“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันคุณแม่ก็เห็นสายตาที่เปียมองพวกเรามีแต่ความหวาดระแวง” อุทัยหนักใจ
“จะมีก็แต่ตาเลอที่ดูเหมือนยัยเปียไว้ใจหน่อย” คุณหญิงเอ่ยวณีกับอุทัยหันมองเลอสรรวณีเอ่ยขึ้นว่า
“น้าคงต้องขอร้องเลออีกครั้งดูแลน้องด้วยนะลูก”
“ครับคุณน้า...ผมจะดูแลน้องเปียเอง” เลอสรรรับคำด้วยความเต็มใจมองเปียด้วยความเวทนาสงสาร...
เปียค่อยๆปรือตาขึ้น...มีรอยยิ้มพอใจในดวงตา...
ooooooo
คืนนี้ขณะเย็นนั่งทำงานอยู่ในสมองก็วกวนครุ่นคิดเหตุการณ์ที่น้อยถูกมอมยาในห้างเรื่องเปียถูกแผงไฟในตู้อบตกใส่ความคิดสับสนว้าวุ่นเอ่ยปากชวนน้อยว่า
“พรุ่งนี้น้าอยากไปวัด” พอน้อยเงยหน้ามองเชิงถามเย็นบอกว่า “รู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้”
“ค่ะ...น้าเย็นพรุ่งนี้เราไปวัดด้วยกัน” น้อยตอบด้วยความดีใจเย็นพยักหน้าสบายใจ
รุ่งขึ้นเมื่อไปวัดหลังจากถวายเพลพระพระให้พรเสร็จเย็นกับน้อยก็ออกมากรวดน้ำถึงเจ้ากรรมนายเวรที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ระหว่างนั้นเย็นชำเลืองมองน้อยทั้งห่วงทั้งกังวลจนเมื่อเดินออกจากวัดระหว่างทางผ่านต้นไม้ที่มีป้ายติดไว้เย็นอ่านอย่างสนใจ
“ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” ... “ทำชั่วกรรมย้อนตามสนอง”...“สวรรค์ในอกนรกในใจ”
แต่ละข้อความที่ผ่านสายตาเย็นรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทงใจน้อยถามอย่างเป็นห่วงว่า
“สบายใจขึ้นบ้างรึยังคะน้าเย็น”
“ก็...ไม่หรอกแต่ยังดีน้ายังได้รับรู้สัจธรรมที่ว่า... ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”
“น้าเย็นหมายถึง...การที่น้าเย็นขโมยเอาเปียมาจากคุณอุทัยเหรอคะ”
“ฮื่อ...ไม่ใช่แค่เขาเจ็บหรอกน้าก็เจ็บกับการกระทำของน้าอยู่ทุกวันยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บแต่ช่างมันเถอะตราบใดที่น้ายังอยากเห็นความย่อยยับเจ็บปวดกับการที่พวกเขาต้องรบราฆ่าฟันกับลูกเลวๆอย่างนังเปียน้าก็ต้องอยู่ในสภาพนี้ต่อไป...ห่วงก็แต่น้อย...” เย็นมองหน้าน้อยด้วยแววตาอ่อนโยนน้อยจับมือเย็นยิ้มดีใจบอกว่า
“ห่วงทำไมคะน้อยอยู่กับน้าเย็น” เย็นย้อนถามว่าถ้าไม่มีน้าล่ะ “น้าเย็นพูดอะไรอย่างนี้คะไม่เห็นดีเลยยังไงน้อยกับน้าเย็นจะอยู่ด้วยกันตลอดไปค่ะ”
“น้าก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ... ถ้ามันเป็นไปได้” เย็นถอนใจยิ้มเซียว
“แล้วทำไมน้าเย็นถึงจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะคะ”
เย็นมองหน้าน้อยเต็มตายิ้มเจื่อนๆเมื่อพูดถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนว่า
“ในโลกนี้มีอะไรตั้งมากมายหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึงสำคัญก็แต่...ถ้ามีวันนั้นน้อยจะยังรักน้าอยู่ไหม”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้อยก็รักน้าเย็นค่ะ” น้อยมองหน้าเย็นด้วยแววตาแสนซื่อทั้งรักและเทิดทูนที่เลี้ยงดูตนมาเย็นเองก็มองน้อยน้ำตารื้นอย่างตื้นตันใจ...
ooooooo
ก่อนออกจากวัดเย็นกับน้อยเจอสัปเหร่อที่มารับโลงจากคนขับรถที่เอามาส่งสัปเหร่อบอกคนส่งโลงว่า
“เงินค่าโลงติดไว้ก่อนนะไว้มีจะให้”
“ใจบุญแต่ไม่มีเงินก็เดือดร้อนตัวเองอย่างนี้แหละตาพงษ์” คนขับรถเอ่ย
“ทำไงได้...สงสาร...ตายเป็นผีไม่มีญาติแล้วยังไม่มีโลงเผาผีอีก” ตาพงษ์พูดอย่างเวทนาพลางช่วยกันยกโลงลงจากรถเย็นกับน้อยได้ยินหยุดมองแล้วเย็นก็บอกตาพงษ์ว่า
“ฉันช่วยบริจาค” ตาพงษ์ถามว่าจริงหรือโลงแพงนะ “ไม่เป็นไรอยากทำบุญพอดีเอาสองโลงเลย” เย็นนับเงินส่งให้สัปเหร่อพงษ์อย่างไม่ลังเล
“ขอบใจๆๆรอเดี๋ยวนะ” ตาพงษ์วิ่งไปเอาใบบริจาคมาให้เย็น “เขียนชื่อที่อยู่คนบริจาคเป็นหลักฐานให้วัดหน่อย”
เย็นรับแล้วส่งต่อให้น้อยบอกให้เขียนชื่อน้อยเลยน้อยรับไปเขียนผู้บริจาคชื่อมารยาทบัวแย้มตามที่อยู่บ้านอุทัยแล้วยื่นให้สัปเหร่อ
“ขอให้เจริญๆปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและภยันตรายใดมากล้ำกรายนะ”
“สาธุ” เย็นกับน้อยมองหน้ากันยิ้มอย่างอิ่มเอมใจที่ได้ทำบุญร่วมกัน
กลับถึงบ้านอากาศร้อนจนเย็นเหงื่อแตกเต็มหน้าพอขึ้นบ้านก็บ่น “ร้อนจังเลย” น้อยรีบไปเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม
“น้ำเย็นค่ะดื่มน้ำก่อนนะคะเดี๋ยวน้อยทำสาคูแคนตาลูปนมสดให้กิน” แล้วน้อยก็รีบเข้าครัวไปทำอย่างคล่องแคล่วเย็นเดินไปดูเห็นน้อยทำอย่างตั้งใจก็อดคิดถึงที่น้อยบอกไม่ได้ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้อยก็รักน้าเย็นค่ะ” คิดแล้วเย็นยิ้มอย่างตื้นตันใจพอดีน้อยหันมาเห็นถามว่าน้าเย็นยิ้มอะไร
“เปล่า...เสร็จแล้วแบ่งไปให้ป้าจวนด้วยนะ” เย็นมีแก่ใจคิดถึงคนที่โรงครัวหันเดินออกไปยังยิ้มด้วยความรู้สึกทั้งรักและห่วงน้อย...
ooooooo
เลอสรรแง้มประตูห้องเปียดูเห็นเปียนอนหลับสนิทเขามองอย่างเวทนาก่อนปิดประตูกลับไปนั่งทำงานอย่างสบายใจหายห่วง
แต่หารู้ไม่พอเลอสรรปิดประตูเปียก็ค่อยๆลืมตาขึ้นพลันเสียงของอุทัยก็อื้ออึงกึกก้องในหัวอีก...
“ผมจะขอให้หนูน้อยตรวจดีเอ็นเอ!”
เปียนอนลืมตาโพลงดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นโกรธเกลียดริษยาเปียค่อยๆลุกเดินจากเตียงอย่างน่ากลัว...
วณีกับอุทัยอยู่ที่ร้านอาหารอุทัยโทร.บอกเลอสรรว่ายังรอพบรจนาอยู่ฝากอยู่เป็นเพื่อนเปียด้วยเลอสรรบอกว่าตนเพิ่งไปดูมาเมื่อกี๊นี้เองน้องยังหลับอยู่บอกว่าตนจะดูแลให้ไม่ต้องห่วง
ระหว่างเลอสรรคุยโทรศัพท์นั้นเปียค่อยๆย่องผ่านข้างหลังเขาไปดวงตาเหม่อไร้แวว
เวลานั้นเย็นอยู่ที่บ้านจู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ๊เย็นคุยอย่างกระตือรือร้นว่า
“ค่ะพี่เดี๋ยวฉันออกไปเอาเดี๋ยวนี้เลยค่ะๆ” วางสายจากเจ๊เย็นบอกน้อยที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ว่า “น้อย...น้ามีงานด่วนต้องรีบไปเอามาทำอยู่บ้านปิดประตูให้ดีนะแล้วน้าจะรีบกลับ” เย็นฉวยกระเป๋าออกไปอย่างเร่งรีบ
เย็นลงบันไดไปในความมืดที่หน้าบันไดนั้นเปียซุ่มดูอยู่อย่างอาฆาตมาดร้าย!
ooooooo
พอเย็นเดินลับไปเปียก็ขึ้นบันไดไปหาน้อยทันทีน้อยตกใจถามเปียที่หน้าหมองน้ำตาคลอว่าเป็นอะไร
เปียดราม่าทันทีโผเข้ากอดน้อยร้องไห้คร่ำครวญว่า “เปียอยากตาย...อยากตาย...” น้อยยิ่งตกใจถามว่ามีเรื่องอะไรบอกตนได้ไหมพาเปียไปนั่งเปียแอ๊บซื่อหน้าเศร้าเล่าว่า
“ทุกคนเขาว่าเปียสร้างเรื่องเพื่อโยนความผิดให้น้อยมันไม่จริงนะน้อยมันไม่จริงเลย...”
“น้อยรู้ว่ามันไม่จริง...เปียไม่ทำอย่างนั้นหรอกเพราะเราเป็นพี่น้องกัน”
“ใช่...เราสองคนเป็นพี่น้องกัน...ถึงใครจะเกลียดเปียยังไงน้อยก็รักเปีย...” พูดแล้วโผเข้ากอดน้อยร้องไห้แต่จิกตาร้าย “ยิ่งน้อยดีกับเปียเท่าไหร่เปียก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี...น้อย...เปียขอโทษนะขอโทษทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับน้อย”
น้อยยิ่งสะเทือนใจปลอบเปียว่ายังไงเราก็เป็นพี่น้องกันอีกอย่างเปียก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆจนตนชินแล้วเปียทำเป็นซึ้งขอบใจน้อยมากน้อยลุกเดินไปหยิบเงินมาให้บอกเปียว่าเป็นเงินที่เปียโปรยทิ้งวันนั้นตนเก็บไว้ให้เปียดันมือน้อยออกให้เก็บเงินไว้พูดให้น้อยตกใจว่า
“น้อยเอาไว้เถอะเปียคงไม่ได้ใช้แล้ว” น้อยถามว่าทำไมพูดอย่างนี้ “ก็...เปียคงไม่ได้ใช้อีกไง...ที่มานี่ก็แค่มาลาน้อย...น้อยอโหสิกรรมให้เปียนะเปียรักน้อย... ลาก่อน...”
เปียลุกไปคว้าด้ายถักที่เย็นทำไว้เส้นยาวๆหลายเส้นเดินออกไปอย่างหมดอาลัยตายอยากน้อยตามถามว่าจะไปไหนเปียเร่งฝีเท้าทำให้น้อยต้องวิ่งตามไม่ได้เอาอะไรไปเลยนอกจากเงินที่เอามาคืนแล้วเปียไม่เอาที่ยังคงกำอยู่ในมือเท่านั้น
ooooooo
น้อยวิ่งตามไปถึงถนนใหญ่เห็นเปียเรียกแท็กซี่ไปแล้วน้อยเรียกแท็กซี่ให้รีบตามไปตาคอยจ้องคันหน้าไม่กะพริบกลัวเปียคลาดไปจากสายตา
เปียนั่งยิ้มร้ายอยู่ในรถจนรถไปจอดที่หน้าวัดแห่งหนึ่งเปียลงจากรถเดินดุ่มๆเข้าไปแท็กซี่คันที่น้อยนั่งตามมาถึงน้อยจ่ายค่ารถแล้วรีบวิ่งตามเปียไปความเป็นห่วงเปียทำให้น้อยลืมกลัวความวังเวงของวัดในยามค่ำคืน...
เปียเดินตรงไปที่บริเวณป่าช้าผ่านเมรุเผาศพเลือดบ้าและอารมณ์คลั่งทำให้นาทีนี้เปียไม่มีความหวาดกลัวใดๆเลย
น้อยวิ่งตามาเห็นเมรุก็เริ่มรู้สึกกลัวแต่พอนึกถึงคำเอ่ยลาของเปียและเชือกที่เปียคว้าติดมือมาน้อยก็ลืมความกลัวของตัวเองมีแต่ความเป็นห่วงเปียเดินร้องเรียกไปตามทาง...
“อย่าคิดอะไรสั้นๆนะเปีย...เปีย...เปีย...”
ที่แท้เปียหลบอยู่ในมุมมืดพอน้อยวิ่งผ่านเปียก็ตามไปพบไม้เหมาะมือก็หยิบจ้องน้อยอย่างอาฆาตมาดร้ายพุ่งเข้าฟาดที่กลางหลังน้อยน้อยร้องได้คำเดียวก็ทรุดฮวบหมดสติตรงนั้นเปียแผดเสียงหัวเราะก้องป่าช้าเหมือนคนบ้า
ooooooo
เลอสรรยังวางใจว่าเปียนอนหลับอยู่นั่งทำงานเพลินจวนเข้ามาถามว่าจะรับอะไรไหม
“มีอะไรเย็นๆไหมครับน้าจวนอากาศมันร้อนผมอยากกินอะไรเย็นๆ”
“เดี๋ยวน้าไปเอามาให้ค่ะ” จวนยิ้มเป็นนัยเดินไปอึดใจเดียวก็กลับมาพร้อมสาคูแคนตาลูปนมสดเลอสรรยิ้มดีใจบอกว่าของโปรดตนเลยพอตักคำแรกก็ชมว่าอร่อยจังถามว่าน้าจวนซื้อมาจากไหนจวนบอกยิ้มๆว่า “ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะหนูน้อยเป็นคนทำ”
“น้อยเป็นคนทำ?” เลอสรรยิ้มดีใจจวนบอกให้กินเยอะๆแล้วชี้ให้ดูแคนตาลูปที่เป็นรูปหัวใจในชามเลอสรรตักแคนตาลูปรูปหัวใจกินอย่างอิ่มเอมใจ
อุทัยกับวณียังคุยกับรจนาไม่เสร็จรจนาบอกทั้งสองว่าถ้าอยากให้ตนกลับไปดูแลเปียอีกตนก็ยินดี
“ผมขอโทษนะครับที่เคยทำอะไรไม่เหมาะสม” อุทัยเอ่ย
“วณีเองต่างหากที่คิดมากวณีขอโทษนะคะแล้วก็ขอบคุณคุณรจนามากๆที่ช่วยดูแลลูกเปีย”
“ลุงหมอห่วงคุณเปียมากเลยค่ะทั้งเรื่องที่ไม่ยอมกินยารวมทั้งเรื่องปัญหาส่วนตัวที่คุณอุทัยสงสัยคุณเปีย”
ทั้งอุทัยและวณีต่างอึ้งถอนหายใจอย่างกังวล
“คุณอุทัยคุณวณีต้องให้ความรักความเข้าใจความเมตตากับคุณเปียมากๆนะคะเพราะถ้ายิ่งหวาดระแวงอาการของคุณเปียจะแย่และอาจทำอะไรที่เลวร้ายลงกว่าเดิม”
ทั้งอุทัยและวณีพยักหน้าต่างมีแต่ความกลุ้มกังวลคาใจแต่ไม่มีทางออก...
ooooooo
ได้กินสาคูแคนตาลูปนมสดจนชื่นใจแล้วเลอสรรคิดจะออกไปหาคนทำแต่พอลุกขึ้นก็ชะงักเมื่อเย็นโผล่เข้ามาถามว่าจะไปไหน
เลอสรรเสียความตั้งใจบอกเย็นว่าจะไปเดินเล่นถามเย็นว่าไปไหนมาเย็นยิ้มอย่างรู้ทันบอกแกมเหน็บในทีว่า
“ไปเอางานมาทำน่ะค่ะแต่ต้องรีบกลับมากลัวแมวขโมย” เห็นเลอสรรหลบตาเย็นพูดต่อ “แมวนิสัยไม่ดีชอบจ้องที่จะขโมยปลาของน้าคุณเลอสรรรู้ไหมคะเวลาน้าเห็นแมวขโมยน้าทำยังไง”
“ทำยังไงครับ” เลอสรรถามไปอย่างนั้นเองแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเย็นตอบเสียงเข้มว่า
“เอาสากทุบหัวมันเลยค่ะ” พูดแล้วหัวเราะน่ากลัว “ไม่ได้ทุบหัวแมวนะคะทุบหัวปลาในเมื่อปลามันเป็นปัญหาก็ทุบหัวแล้วเอาไปทำปลาร้าซะแมวนิสัยเสียจะได้ไม่มากวนใจ”
เลอสรรหัวเราะแหยๆแหยงๆในขณะที่เย็นหัวเราะขำสะใจแล้วเดินกลับไป
ooooooo
เย็นกลับถึงบ้านพักเห็นประตูเปิดอยู่ก็บ่นน้อยว่าสั่งให้ปิดประตูทำไมไม่ปิดพลางร้องเรียกน้อย
ภายในบ้านเงียบกริบเย็นเอะใจรีบขึ้นบันไดเดินหาน้อยไปทั่วบ้านก็ไม่เจอมองข้าวของทุกอย่างก็วางเป็นปกติแม้แต่หนังสือที่น้อยอ่านอยู่ก็ยังเปิดหน้าค้างไว้มือถือกระเป๋าสตางค์ทุกอย่างอยู่หมดเย็นตะโกนเสียงดังกว่าเก่า
“แกไปไหนน้อย...น้อย!!”
เมื่อทุกอย่างยังเงียบเย็นก้าวสวบๆลงบันไดอย่างร้อนใจวิ่งตะโกนเรียกไปตามทางที่จะไปบ้านอนุรักษ์คุณหญิงได้ยินเสียงเย็นร้องเรียกน้อยโหวกเหวกบ่นกับพวกจวนที่ช่วยจัดบ้านอยู่ว่า
“นังเย็นมันมาตะโกนอะไรของมัน” จวนจะลุกไปดูให้ “ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจะออกไปไล่มันเอง” แล้วคุณหญิงก็เดินหน้าตึงออกไปบรรดาคนใช้พากันมองแหยๆมีแต่หวานที่หัวเราะคิกคักพูดเบาๆว่า
“นังเย็นปะทะคุณหญิงสนุกแน่!!”
แม้ทุกคนจะมองหวานอย่างตำหนิหมั่นไส้แต่ก็พากันลุกไปดูอย่างอยากรู้
ooooooo
เย็นเดินร้องเรียกน้อยเข้ามาคุณหญิงเดินออกไปเผชิญหน้าพูดหน้าตึงว่า
“บ้านฉันไม่ใช่ตลาดจะมาตะโกนอะไร” เย็นบอกว่าตนมาหาน้อย “ที่นี่ไม่มีน้อยมีแต่เยอะ” คุณหญิงประชด
เย็นมองตาขวางในขณะที่คุณหญิงยิ้มแย้มมองไปด้านหลังที่บรรดาพวกในครัวรวมทั้งประวิทย์ยืนกันเป็นแผงพูดเย้ยเย็นว่า “ทั้งหัวหงอกหัวดำรวมกันอยู่ 7 หัวไม่เยอะรึไง”
“นี่ไม่ใช่เวลาเล่นนะคะคุณหญิง”
“ฉันก็ไม่เคยลดตัวลงไปเล่นกับแกสักที” เย็นข่มความโกรธถามว่าน้อยอยู่ไหน “เอ๊ะ! แกนี่ก็ประสาทถามอยู่ได้น้อยอยู่ไหนหลานแกก็อยู่กับแกสิมาถามหาที่นี่ทำไม”
“ก็เพราะคนที่นี่อยากได้น้อยฉันถามว่าน้อยอยู่ไหน” เย็นเสียงสั่นหน้าเครียด
จวนเห็นท่าไม่ดีบอกเย็นว่าน้อยไม่ได้มานี่เย็นใจหายถามเสียงแผ่วว่าน้อยไม่ได้มาที่นี่แล้วไปไหน...
คุณหญิงได้ยินว่าน้อยหายก็ใจเสียลืมความโกรธเกลียดเย็นไปชั่วขณะถามว่าน้อยหายไปหรือ!
“ค่ะ...หายไปไหนก็ไม่รู้ฉันกลับมาก็เห็นประตูเปิดอยู่มือถืออะไรก็ไม่ได้เอาไป” เย็นเสียงสั่นเครือขึ้นทุกทีหวานถามว่าออกไปซื้อของปากซอยหรือเปล่า “ไม่...กระเป๋าเงินก็ยังอยู่ปกติน้อยไม่เคยไปไหนน้อยไม่เคยหายไปไหนแบบนี้...”
“อ้าว...แย่แล้ว...ไปไหนล่ะยัยน้อย...” คุณหญิงใจไม่ดีหันสั่งทุกคน “ช่วยกันตามหาน้อยเร็ว”
ทุกคนแยกย้ายกันไปอย่างเร็วตามที่คาดว่าน้อยอาจไป
เลอสรรเจอประวิทย์พอรู้ว่าน้อยหายไปก็เครียดเป็นห่วงเดินลิ่วออกไปตามหาอีกคน
คุณหญิงเองก็ช่วยออกตามหาน้อยทั้งเหนื่อยทั้งใจเสียจนจะเป็นลมจวนเลยต้องมาคอยดูแลเลอสรรเดินตามหาไปจนถึงปากซอยเย็นยิ่งตามหาก็ยิ่งใจเสียบ่นเสียงสั่นน้ำตาคลอ...
“ไปไหนของแก...น้อย...น้อย...”
ที่ป่าช้าในวัด...เปียในสภาพผมยุ่งเหยิงเหงื่อไคลเต็มหน้าอารมณ์เหมือนคนบ้ากำลังพยายามลากร่างน้อยจะเอาไปทิ้งใส่ในโลง
เปียลากร่างน้อยไปถึงปากโลงก็ผลักร่างน้อยลงโลงแสยะยิ้มมองร่างน้อยในโลงพูดอย่างสะใจ
“ฉันจะตอกฝาโลงแกเองนังน้อย!!”
เปียค่อยๆเลื่อนฝาโลงปิดหันไปหยิบค้อนและตะปูตอกฝาโลงย้ำหัวตะปูหน้าเหี้ยม!!
ooooooo










