สมาชิก

คาดเชือก

ตอนที่ 14

อัลบั้ม: เคลลี่ ธนะพัฒน์ ประกบ จั๊กจั๋น อคัมย์สิริ ละครพะบู๊ด้วยแม่ไม้มวยไทยใน "คาดเชือก"

สมุนเข้ามารายงานทองคำ เมื่อสืบจนรู้แน่ชัดว่าจวงกลับไปอยู่บ้านแล้ว หลังจากหลบไปพักอาศัยอยู่กับละไมระยะหนึ่ง

“นังคนนี้ชักจะท้าทายเรามากขึ้นทุกวัน คงถึงเวลาที่จะต้องสั่งสอนอดีตแฟนของลูกแล้วล่ะมั้ง ทองดี”

สองพ่อลูกพร้อมสมุนจำนวนหนึ่งบุกไปหาละไมที่ร้านในเวลาต่อมา เมื่อรู้ละไมไม่อยู่ร้าน ทองดียื่นโทรศัพท์ให้เบียบโทร.เรียกตัวกลับมาด่วน ไม่เช่นนั้นจะฆ่าเบียบให้ตาย เบียบได้ยินตกใจหน้าซีดรับโทรศัพท์จากทองดีมือไม้สั่น ชิ้นกับพ่อค้าในตลาดเห็นเหตุการณ์ ชิ้นตัดสินใจโทร.หาธนู เขาสั่งให้ชิ้นคอยขวางละไมกับละเมียนอย่าให้เข้าไปในร้านเด็ดขาดแล้วรีบโทร.บอกทองก้อน

เมื่อสองพี่น้องมาถึง ชิ้น กำไล จี รวมถึงแป๊ะชองตรงเข้ารั้งไว้ไม่ให้พวกเธอเข้าไปข้างในร้าน ละเมียนตัดสินใจยกปืนยิงขึ้นฟ้า ทุกคนแตกฮือหาที่กำบัง สองพี่น้องเข้ามาข้างในเห็นทองคำนอนเอกเขนกพิงเก้าอี้ มีจ่อยคอยโบกพัดให้

“มาแล้วหรือจ๊ะ ลูกสาวคนสวยของแด๊ด แด๊ดว่าหนูควรจะติดแอร์ในร้านนะ อย่าเค็มนักเลย”

“จะติดหรือไม่ติดมันก็เรื่องของฉัน ร้านของฉัน เข้าใจมั้ย ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปจากร้านได้แล้ว”

ทองดีพูดด้วยน้ำเสียงดุดันถ้าไม่มีก็คงไม่มา เขาและพ่อต้องการซื้อที่ดินของเธอบริเวณนี้ทั้งหมด สองพี่น้อง ตอบพร้อมกันว่าไม่ขาย ทองคำบอกให้เสนอราคามา สองพี่น้องย้ำคำเดิมว่าไม่ขายและไม่มีวันขายให้คนเลวๆอย่างพวกเขาเด็ดขาด

บุญสมกับธนูมาถึงพอดี ส่วนผู้กองเพชรกับทองก้อน และกรองแก้วมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน ธนูถามทองคำมาซื้ออะไรแถวนี้ เขาบอกมาซื้อที่

“ซื้อที่ เอ๊ะ! ซื้อไปทำฮวงซุ้ยหรือครับ”

ทองดีกับสมุนขยับเท้าจะเข้าหา บุญสมตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้วสั่งให้พวกมันถอยออกไป ทองดีเห็นผู้กองเพชรมาด้วยก็แขวะทันที

“แก่ขนาดนี้ควรจะรู้ว่าที่ไหนควรไป ที่ไหนไม่ควรไป”

“ที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน คือที่ที่ตำรวจควรจะไป”

“ไหน...ใครเดือดร้อน” ทองคำถามแล้วกวาดตามองไปรอบๆ

“ฉันกับพี่ละไมนี่ไงเดือดร้อน ผู้กองคะ หนูขอแจ้งความว่าคนพวกนี้บุกรุกบ้านหนู กรุณาจับไปให้หมดเลยค่ะ”

ทองคำโต้กลับว่าเธอเข้าใจผิด เขามาเพื่อขอซื้อที่ แต่ถ้าไม่ขายก็จะกลับ ยอดรีบเอาเอกสารสัญญาซื้อขายที่ดินยื่นให้ผู้กองดู

เมื่อทองคำกับพรรคพวกล่าถอยกลับไป บุญสมถามผู้กองอย่างสงสัย

“ผู้กอง ทำไมผู้กองไม่จับพวกมัน เห็นชัดๆว่าพวกมันบุกรุก”

“ก็เขาบอกว่าเขามาขอซื้อที่ สัญญิงสัญญามีพร้อม เอ็งไม่ต้องกลัวหรอก เมื่อไหร่มีหลักฐาน ข้าจับมันแน่”

ooooooo

เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ยืนลุ้นอยู่หน้าร้านพากันถอนใจอย่างโล่งอก สองพี่น้องยกมือไหว้ขอบคุณทุกคน ก่อนจะมีเสียงเฮลั่นตามมาเมื่อธนูประกาศด้วยเสียงอันดัง

“เดือนนี้ทั้งเดือนคุณละไมจะไม่เก็บค่าที่แผง เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ เอ้า! ตบมือให้คุณละไมหน่อย”

ทุกคนตบมือเกรียวกราวพร้อมกับเสียงร้องไชโยด้วยความดีใจ ละไมรีบดึงธนูมาเคลียร์อย่างไม่พอใจเพราะทำให้เธอต้องสูญเสียรายได้ไปทั้งเดือน เขายกแม่น้ำทั้งห้ามาสยบความงกของเธอ จนละไมทนไม่ไหวไปต่อไม่เป็นกรี๊ดใส่หน้าเขา บุญสมที่ยืนดูอยู่รีบเข้ามาถามธนูอย่างไม่พอใจ

“คุณทำอะไรคุณละไมน่ะ”

“อ้อ! นี่กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์ละไมไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณละไมว่าเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน มีเมตตา รู้จักแบ่งปัน”

ละเมียนชะงักนิ่วหน้ามองบุญสม กรองแก้วแกล้งพูดขึ้นลอยๆให้ทุกคนได้ยิน ความรักมักทำให้คนตาบอด ละเมียนอึ้ง เดินก้มหน้าออกไปเงียบๆ กรองแก้วตรง

เข้ารั้งแขนธนูชวนเขากลับด้วย ทองก้อนมองลูกเอ่ยเสียงเข้ม ธนูอาจมีธุระอื่นแล้วดึงแขนลูกสาวให้กลับไปพร้อมกับตน

ละไมหันมาขอบคุณบุญสม ดูเหมือนเขาเป็นคนเดียวที่ให้กำลังใจเธอและเข้าใจเธอมากที่สุด ธนูได้ยินทำเสียงอ้วก ละไมหันมาค้อนไล่ให้ไปอ้วกที่อื่น บุญสมเอ่ยลาเธอแล้วชวนธนูกลับพร้อมกัน ก่อนไปธนูถามอย่างน้อยใจ

“แล้วคุณจะไม่ขอบคุณผมบ้างหรือ”

“ออกไป”

“รักคนที่เขารักเราดีกว่า ไม่ต้องมาเสียเวลาไปงอนง้อ”

ธนูพูดจบรีบตามบุญสมออกไปอย่างไม่เหลียวหลัง ละไมทรุดตัวลงนั่งถอนใจหนักหน่วง คำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับกรองแก้วมันได้พันธนาการผูกมัดหัวใจของเธอเอาไว้ หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองแต่ไม่อาจฝืนได้ ในที่สุดจำต้องปล่อยให้ค่อยๆรินไหลออกมา

ธนูกับบุญสมเดินมาถึงหน้าร้าน พบละเมียนยืนรออยู่เพื่อขอเคลียร์ด้วย

“ก็ไหนเมื่อกี้คุณบอกว่าไม่มีอะไรจะเคลียร์”

“แต่ตอนนี้ฉันมีแล้ว...ขอโทษนะคะพี่ธนู หนูขอตัวปลัดบุญสมไว้ก่อน”

“เอาไปเลย...ไม่ต้องห่วงนะปลัด ผมจะรายงานนายอำเภอให้ว่าคุณขอลาไปเคลียร์เรื่องส่วนตัวกับละเมียน”

ละเมียนเดินนำหน้าเขามาหยุดคุยยังมุมหนึ่ง “ฉันเคยหลงคิดว่านายพอจะมีความดีอยู่บ้าง ที่แท้ก็เหลวทั้งเพ นายมันเลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ นายเป็นพวกนกสองหัว ตีสองหน้า จับปลาสองมือ นายทำดีกับฉันพร้อมๆกับทำดีกับพี่ละไม”

“คุณกล่าวหาผม นี่คุณคิดว่าผมจีบคุณแล้วก็จีบคุณละไมไปพร้อมๆกันเรอะ ขอโทษด้วยที่ทำให้เข้าใจผิด ผมไม่ได้จีบคุณ...ผมเอ็นดูคุณแบบน้องสาว”

“อะ...อะไรนะ ไอ้...ไอ้...ไอ้...”

“ผมจะจีบคุณได้ยังไงในเมื่อคุณดูถูกผม เรียกจิกผมแทบทุกครั้ง ไอ้บุญสมบ้างล่ะ ไอ้หมาบ้าบ้างล่ะ เรื่องเหลวไหลไร้สาระพวกนี้เนี่ยนะ ที่คุณบอกว่าจะเคลียร์กับผม”

“ฉันจะไม่ยอมให้พี่ละไมตกเป็นเหยื่อนายเด็ดขาดไปให้พ้น ไป๊! ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้”

“ก็ไม่ได้อยากจะมาสักหน่อย”

พูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้ละเมียนยืนโกรธจนตัวสั่น เธอกลับเข้ามาในร้านเห็นพี่สาวยืนรอเพื่อชวนจะไปเรียนมวยด้วยกัน ละเมียนย้อนถามแล้วใครจะเป็นคนไปรับสตางค์ที่โรงเรียน เธออึ้งเมื่อรู้ว่าพี่สาวไหว้วานบุญสมให้ไปรับแทน ละเมียนขอไปรับน้องเองแล้วบอกวันหลังไม่ต้องไปรบกวนไหว้วานคนอื่นเขา

ooooooo

ทองคำอยู่ในห้องทำงาน เขายืนมองออกไปยังนอกหน้าต่าง เห็นลูกชายกำลังคร่ำเคร่งฝึกตำรามวยพยัคฆ์ดำและพยัคฆ์ขาวกับลูกสมุนอย่างตั้งใจที่บริเวณลานบ้าน ทองคำหันมาสั่งเสือยิ่งให้ไปลักพาตัวสตางค์ที่โรงเรียน เสือยิ่งรับคำแล้วรีบออกไปทันที

ละเมียนขับรถมารับน้องชายในตอนเย็น เธอถามอยากกินไอศกรีมหรือเปล่า สตางค์พยักหน้าดีใจ ละเมียนจึงให้น้องเดินไปสั่งไอศกรีมรอ ส่วนเธอขอเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่รถก่อน ละเมียนเดินย้อนกลับมาที่ร้านหลังจากนั้นไม่นาน แต่ไม่พบสตางค์ เมื่อสอบถามเด็กในร้านต่างบอกตรงกันว่าออกไปกับผู้ชายคนหนึ่ง เธอตกใจออกตามหาจนทั่วแต่ไม่พบจึงตัดสินใจไปแจ้งความทันที

“ผู้กอง! สตางค์ถูกลักพาตัวไป”

“ใจเย็น ละเมียน”

“เย็นไม่ไหวแล้ว สตางค์ถูกลักพาตัวไป ต้องเป็นพวกไอ้ทองคำ ทองดีแน่ๆ”

“ละเมียนหาทั่วแล้วหรือยัง”

“ไม่ต้องหาก็รู้ว่าหาย อย่าพูดนะว่าต้องให้หายไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน เพราะหนูจะชกหน้าผู้กองเดี๋ยวนี้”

ผู้กองเพชรยืนกรานเขาเป็นผู้รักษากฎหมาย จะทำอะไรก็ต้องมีหลักฐาน ผู้กองพาละเมียนไปบ้าน

ทองคำในเวลาต่อมา ทองคำปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นแถมท้าให้ผู้กองเพชรค้นทุกห้องในบ้านเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จ่อยพาผู้กองกับละเมียนไปค้นยังห้องต่างๆ เมื่อไม่พบละเมียนโวยวายคาดคั้นทองคำเอาน้องเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน?

“หนูกำลังปรักปรำฉัน ซึ่งฉันจะฟ้องฐานหมิ่นประมาท ก็ได้แต่ฉันไม่ทำ เอาอย่างนี้ดีไหมผู้กอง ผมจะให้คนของผมช่วยตามหาสตางค์ทั้งโพธิ์ทองและอำเภอใกล้เคียงเลย”

ผู้กองเพชรขอค้นที่บริษัททองคำยั่งยืน ทองคำยินยอมแถมท้าทายอนุญาตให้เขาไปค้นที่ฟาร์มด้วย เมื่อไม่พบสตางค์ ผู้กองเพชรและละเมียนจำต้องล่าถอยกลับไป เสือยิ่งซึ่งจอดรถซุ่มอยู่รีบเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านทองคำทันที ลูกสมุนอุ้มสตางค์ที่นอนหมดสติ

เพราะฤทธิ์ยาสลบไปวางลงบนโซฟาภายในห้องทำงานของทองคำ

“เดี๋ยวจะได้รู้ว่า นังละไมมันจะรักเอ็งหรือที่ดินมากกว่ากัน” ทองคำมองหน้าเด็กชายแล้วยิ้มอย่างพอใจ

ooooooo

ทางด้านละไมมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาฝึกมวยอยู่กับกรองแก้วอย่างตั้งใจจนไม่รู้ว่าลูกชายได้หายตัวไป เมื่อละเมียนแวะมาแจ้งข่าวเธอร้องไห้เสียใจโทษตัวเองที่หลงไว้ใจน้องให้ดูแลลูกแล้วผลุนผลันออกไป ละเมียนเองก็เสียใจและเป็นห่วงน้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เธอร้องไห้รีบวิ่งตามละไมออกไปอย่างรู้สึกผิด

ทางด้านศรีวรรณกับศรีไพรเพิ่งกลับจากเที่ยวกรุงเทพฯ มาถึงบ้านก็ตรงดิ่งเข้าห้องไปหาพ่อโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของจ่อยกับยอด ทองคำสะดุ้งเฮือกตั้งตัวไม่ทัน เมื่อสองสาวผลักประตูห้องเข้ามาเห็นสตางค์จึงทักอย่างแปลกใจ

“คุณพ่อพาเด็กสตางค์มาไว้ที่นี่ทำไมคะ ทำไมนิ่งเงียบ! คุณ...คุณพ่อทำอะไรเด็กสตางค์คะ”

สองสาวช่วยกันซักไซ้พ่อ ทองคำอึดอัดใจพยายามดึงลูกออกไปคุยข้างนอก แต่ทั้งคู่รั้นไม่ยอมไป แถมยังบังคับให้เล่าตรงนี้ ทองคำตัดสินใจยอมเล่าให้ลูกฟัง เมื่อรู้ข้อเท็จจริงสองสาวต่างพากันโวยวาย

“คุณพ่อทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันผิดกฎหมายนะคะ เอาสตางค์ไปคืนครอบครัวเขาเถอะค่ะ ศรีวรรณกับศรีไพรเอาไปคืนให้ก็ได้”

“แกจะบอกพวกมันว่ายังไง”

“ก็จะบอกว่าเราไปเจอสตางค์พลัดหลงกลางทาง”

“แล้วคิดว่านังละไม ละเมียนจะเชื่อมั้ย วิธีของพ่อดีกว่าพวกแกเยอะ พ่อจะแลกเด็กสตางค์กับที่ดินของนังละไม ละเมียน แล้วก็ขู่ไม่ให้มันบอกตำรวจ พวกมันจะต้องหวาดกลัวจนอยู่ในโพธิ์ทองนี้ไม่ได้เชียวล่ะ”

“หมายความว่า คุณพ่อจับสตางค์มาเรียกค่าไถ่ใช่มั้ยคะ ศรีไพรก็เคยนึกว่าคุณพ่อแค่ใช้อิทธิพลเอารัด เอาเปรียบชาวบ้านธรรมดา คงไม่ถึงขั้นก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่...แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว ศรีไพรถามจริงๆ คุณพ่อกับพี่ทองดีเคยฆ่าคนมั้ยคะ”

“มีคนบอกศรีวรรณว่า คุณพ่อกับพี่ทองดีใช้อิทธิพลรังแกข่มขู่ชาวบ้าน บางทีก็ถึงกับฆ่าถ้าพวกเขาไม่ยอมทำตามคุณพ่อ แต่ศรีวรรณก็ไม่เคยเชื่อว่าคุณพ่อกับพี่ทองดีจะทำอย่างนั้น”

ทองคำว่าไม่เคย สองพี่น้องบังคับให้พ่อมองตาเธอก่อนตอบ ทองคำนึกฉุนเริ่มตวาดเสียงดังจะมาซักไซ้เอาอะไรกับเขาหนักหนา

“ศรีไพรอยากให้พ่อเป็นผู้มีอิทธิพลธรรมดา ไม่ใช่ ฆาตกร”

“อุวะ! มันก็ต้องมีบ้างละน่า ถ้าไม่ฆ่าแล้วผู้คนมันจะกลัวเราได้ยังไง”

“นี่...หมายความว่า คุณพ่อยอมรับว่า คุณพ่อฆ่าคน” สองพี่น้องมองหน้าพ่อตัวเองอย่างตื่นตระหนก

เมื่อกลับเข้าห้อง ศรีวรรณคิดจะพาสตางค์ไปคืนละไม ศรีไพรไม่กล้าเพราะกลัวพ่อกับทองดีจะเอาเรื่อง แต่เมื่อเห็นท่าทางเอาจริงของพี่สาว ศรีไพรเริ่มโอนอ่อนเห็นดีเห็นงามแต่ยังไม่กล้าร่วมมือ

ooooooo

ทองดีนั่งอยู่ในรถที่จอดซุ่มอยู่ในความมืด

เจอร์ราร์ดซึ่งนั่งอยู่เบาะหน้ากำลังส่องกล้องไปยังร้านค้าของละไม ทองดีคว้าโทรศัพท์กดโทร.หาละไมอย่างใจเย็น

“ดีใจที่จำเสียงฉันได้ เอาละ เรามาตกลงกัน”

“แกลักพาตัวสตางค์ไปใช่ไหม”

“เขาเรียกว่าเปลี่ยนที่อยู่ให้ชั่วคราว ฉันรู้นะว่าตอนนี้พวกเธอกำลังตามหาสตางค์กันให้ควั่ก”

“สตางค์เป็นไงบ้าง”

“อ๋อ! สบายดีและจะสบายดีต่อไปจนกว่าเธอจะยอมขายที่ของเธอให้คุณพ่อทองคำ”

“ฉันจะเซ็นให้เดี๋ยวนี้ทันทีที่แกพาลูกฉันมาคืน”

“มันง่ายเกินไป! เพราะพวกเธอจะได้รวบตัวพวกฉันเข้าคุกเลย ไอ้ผู้กองเพชรมันยิ่งพยายามหาหลักฐานอยู่! เรื่องนี้จะรู้กันแค่เธอกับฉัน...ห้ามบอกใคร แม้แต่ไอ้พวกที่ล้อมรอบเธอคอยเอียงหูฟังโทรศัพท์อยู่”

ละไมชะงักมองออกไปยังนอกร้าน ที่ปลายสาย ทองดียังเร่งรัดเธอให้ไล่ทุกคนถอยห่างให้หมด ละไมต้องหันมาสั่งเสียงเข้มให้ทุกคนถอยห่างออกไปหากต้องการให้สตางค์กลับมาอย่างปลอดภัย เมื่อเห็นทุกคนยอมทำตาม ละไมจึงหันมาพูดโทรศัพท์ต่อ

ครู่ต่อมา เธออยู่ในชุดทะมัดทะแมงสะพายกระเป๋าเดินออกมาอย่างรีบร้อน ละเมียน เบียบและบรรดาแม่ค้าในตลาดที่กำลังจับกลุ่มปรึกษากันหันมามอง ละเมียนถามอย่างสงสัย

“พี่ละไมจะไปไหน”

“ไปแถวๆนี้แหละ เดี๋ยวมา”

ละเมียนยืนกรานขอตามไปด้วย เบียบเห็นดีเห็นงามหากละเมียนจะตามไปเป็นเพื่อน ละไมแย้งทันที หากทุกคนต้องการให้สตางค์กลับมาอย่างปลอดภัยก็จงเชื่อฟังเธอ เบียบน้ำตาคลออวยพรขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองเธอและลูกให้กลับมาอย่างปลอดภัย ละไมพยักหน้าน้ำตารื้นก่อนหันหลังเดินออกอย่างรีบร้อน

ละไมมาถึงลานจอดรถกำลังจะเปิดประตู ธนูขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดแล้วรั้งแขนถามจะไปไหน ละไมไม่ตอบพร้อมสะบัดแขน ในขณะที่เขาก็ไม่ยอมปล่อยเช่นกัน จังหวะนั้นโทรศัพท์ของธนูดังขึ้น เขาเห็นเบอร์ไม่คุ้นตาแต่เมื่อกดรับ เสียงจากปลายสายพูดอย่างรีบร้อน

“นี่ศรีวรรณเอง พี่ธนูอย่าเพิ่งกดทิ้ง อย่าเพิ่งถามว่าศรีวรรณได้เบอร์พี่มายังไง ขอให้ฟังศรีวรรณพูดให้จบก่อน ศรีวรรณจะพาสตางค์ไปคืนละไม”

“คุณรู้หรือว่าสตางค์อยู่ที่ไหน”

ละไมชะงักถามเขาทันที ธนูหันบอกให้เธอเงียบก่อนแล้วซักถามศรีวรรณอย่างสงสัย

“ก่อนอื่นพี่ธนูต้องสัญญาว่าจะไม่ให้ใครจับคุณพ่อกับพี่ทองดีไปขังคุก ไม่อย่างนั้นศรีวรรณจะไม่บอกอะไรทั้งนั้น”

“ผมรับปาก”

“สตางค์อยู่ในบ้านศรีวรรณเอง แต่มีคนคุมเต็มไปหมด ศรีวรรณจะวางแผนให้”

“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้หลอกผมไปให้คุณพ่อ คุณพี่คุณจับ”

“พี่ธนูคงต้องเสี่ยงเอาแล้วล่ะค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงศรีวรรณจะพาสตางค์ออกไปส่งทางหลังบ้าน เท่านี้นะคะ”

ศรีวรรณรีบวางสาย สูดลมหายใจยาวๆเหมือนต้องการเรียกพลังให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น แต่ชะงักเมื่อศรีไพรก้าวมาหยุดยืนตรงหน้า เธอเอ่ยกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่าจะขอร่วมมือด้วย สองพี่น้องมองหน้าต่างยิ้มให้กันและกันอย่างมีกำลังใจ

ooooooo

บุญสมพาทองก้อนและกรองแก้วมาหาละไมที่ร้านด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อมาถึงละเมียนกลับตีโพยตีพายใส่เขาอย่างหงุดหงิด บุญสมไม่ยอมอ่อนข้อให้แถมโต้กลับ ทั้งเขาและผู้กองได้พยายามเต็มที่แล้วแทบจะปูพรมค้นหาแต่ก็ยังหาไม่เจอ

จวงพยายามไกล่เกลี่ยเร่งให้ช่วยกันหาทางออกดีกว่ามานั่งทะเลาะกันเอง ละเมียนขอกลับไปค้นบ้านนายทองคำอีกครั้งให้แน่ใจ แล้วผลุนผลันออกไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของคนรอบข้าง บุญสมบอกทุกคนให้รอที่นี่เขาจะตามเธอไปเอง บุญสมรีบกระโดดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เมื่อเห็นเธอบิดคันเร่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ละเมียนพยายามบังคับรถที่ตัวเองขี่ส่ายไปส่ายมาให้อยู่ในทิศทาง

“ไอ้บุญสม ไอ้หมาบ้า เดี๋ยวก็พากันตายหรอก”

“คุณนั่นแหละหมาบ้า รู้แล้วเรอะว่าจะไปไหน”

“ก็บอกแล้วว่าจะไปบ้านไอ้ทองคำ กลัวก็โดดลงไปเลย”

“ไม่ ไหนๆจะบ้าแล้วก็บ้าด้วยกัน” ละเมียนเร่งความเร็วจนเขาต้องกอดเอวเธอไว้แน่น

ด้านทองคำรับโทรศัพท์จากทองดีแล้วหัวเราะชอบใจ หันมาสั่งเสือยิ่งให้ออกไปข้างนอกกับตน ทิ้งให้ยอดกับจ่อยคอยเฝ้าเด็กไว้ สองพี่น้องเห็นพ่อไปแล้วรีบตรงเข้าหายอดหลอกล่อว่า กลับจากกรุงเทพฯคราวนี้เธอซื้อน้ำหอมกลิ่นเซ็กซี่มาฝาก ยอดดีใจเผลอย่อตัวไหว้ขอบคุณด้วยท่าทางตุ้งติ้ง ศรีวรรณหยิบแปะก๊วยบำรุงสมองส่งให้จ่อย จ่อยรับมาทำหน้าเศร้า กลัวกินแล้วตัวเองจะฉลาดมากไปกว่านี้ ศรีวรรณว่าตอนเธอซื้อก็คิดแล้วคิดอีกเหมือนกัน

เมื่อสตางค์เริ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นก็เอาแต่ร้องไห้จนจ่อยกับยอดหมดปัญญา สองพี่น้องอาสาจะหาวิธีทำให้หยุดร้องแล้วให้เงินยอดกับจ่อยออกไปหาซื้ออาหารมาให้เด็กกิน

ทางด้านละเมียนขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปบ้านทองคำ แต่ระหว่างทางพบธนูกำลังขับรถพาละไมและสตางค์กลับมาพอดี เมื่อถึงบ้านละเมียนตรงเข้าสวมกอดน้องน้ำตาคลอพร่ำพูดแต่ขอโทษ ธนูเหลือบเห็นชิ้นถามอย่างแปลกใจมาทำอะไรแถวนี้ ชิ้นว่านอนไม่หลับก็เลยตามมาดู

ทองคำมาพบทองดีซึ่งนั่งรออยู่ที่ร้านอาหารในเวลาต่อมา ทองดีพยายามติดต่อละไมแต่เธอปิดมือถือยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด ทองคำแนะให้ลองโทร.เข้าบ้าน เบียบรับสายบอกละไมไม่อยู่ เขาหันมาถามพ่อจะเอายังไงต่อ ทองคำครุ่นคิดเพียงครู่แล้วโทร.ถามยอดว่าเด็กเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อยอดรับสายกลับเงียบเสียงไป ทองคำเริ่มรู้สึกผิดปกติสั่งเสือยิ่งให้ย้อนกลับไปดูที่บ้าน ส่วนทองดีกับเจอร์ราร์ดให้ตามไปดูที่ร้านละไม

เมื่อมาถึงร้าน ทองดีจะเข้าไปหาละไมให้ได้ แต่บุญสมกับธนูและชิ้นซึ่งอาสาดูแลความปลอดภัยให้เธอ รีบตรงเข้าขวางแล้วไล่ให้เขากลับ ทองดีโวยวายว่าละไมนัดเขาไว้ บุญสมพูดเยาะ

“นัดอะไร ไม่เห็นคุณละไมพูดว่ามีนัดอะไรกับใครเลย มีแต่ขอร้องให้ช่วยมาเฝ้าบ้านให้หน่อย เพราะได้ข่าวว่าจะมีพวกหมาบ้ามาเพ่นพ่าน”

“ว่าแต่ตอนที่เดินมา เห็นหมาบ้าพวกนั้นบ้างมั้ย”

ธนูถามด้วยท่าทางยียวน ทองดีสะอึกเตรียมเข้าหาธนู แต่โทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ทองดีรับสายแล้วหน้าซีดรีบวิ่งออกไป สมุนที่ตามมามองหน้ากันเองงงๆ ก่อนจะรีบตามหลังเจ้านายไป ชิ้นว่าสงสัยความจริงคงเปิดเผยแล้ว

ooooooo

ทองคำโกรธจัด ตบหน้าลูกสาวทั้งสองคนจนเซถลาไปตามแรงมือ ศรีวรรณกับศรีไพรร้องไห้โอดครวญพวกเธอทำเพื่อพ่อกับพี่ชาย ทองดีฟังแล้วยิ่งเดือดดาลตามเข้าตบซ้ำแล้วชี้หน้า

“เพราะพวกแก พ่อถึงเสียโอกาสดีที่สุดที่จะได้ที่ดินทองของนังละไม”

“ถ้าอยากได้ก็ขอซื้อเขาดีๆสิ”

“ก็ถ้ามันขายให้ ฉันจะต้องลงทุนทำอย่างนี้เรอะ พานังสองคนนี่ไปขัง ขืนอยู่นานกว่านี้อาจจะฆ่ามันได้” ทองคำสั่งลูกชาย ทองดีกระชากร่างน้องสาวทั้งสองลากออกไปจากห้องทันที

ที่ร้านค้าของละไม...เมื่อสตางค์หลับแล้ว ละเมียนกับละไมออกมานั่งคุยกับทุกคน ธนูแปลกใจในเมื่อมีหลักฐานทำไมเธอถึงไม่เอาผิดทองดีกับพวก

“แล้วคิดหรือว่าฉันไม่อยากลากคอไอ้คนชั่วพวกนั้นเข้าคุก ฉันไม่เคยต้องการอะไรมากกว่านั้นอีกแล้ว แต่สตางค์ขอเอาไว้”

“ซึ่งถึงแม้พี่ละไมกับฉันจะไม่ชอบใจมาก แต่ก็จำต้องทำตามนั้น เพราะเขามีเหตุผลของเขา จบมั้ย”

ละไมบอกกับทุกคน เธอจะส่งสตางค์ไปไว้กับญาติที่เสนา ขอร้องให้พวกเขาช่วยคุ้มครองพาไปส่งที่นั่น ธนูว่าเขามีไอเดียที่เจ๋งกว่านั้นอีก

ธนูกลับมาพักที่บ้านชิ้นเหมือนเคย หลังอาบน้ำเรียบร้อยเขาเดินเลี่ยงออกมาข้างนอกเพื่อโทรศัพท์หาพ่อ คุยได้ครู่หนึ่งก็ยิ้มกล่าวขอบคุณแล้ววางสาย ชิ้นถามโทร.หาใคร ธนูหันมาเห็นสะดุ้ง ชิ้นแกล้งแหย่คุยกับแฟนหรือ เขาหัวเราะเดี๋ยวได้ฟ้าผ่าตาย แล้วเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในบ้าน

เมื่อทั้งหมดกลับไปแล้วละเมียนปิดประตูหันมาถามพี่สาวที่กำลังเก็บข้าวของอย่างสงสัยว่าวันนี้ธนูดูแปลกไป

“เพิ่งรู้เหรอยะ ฉันว่าทั้งแปลกทั้งบ้ามาตั้งนานแล้ว ไอ้เรื่องที่จะฝากสตางค์กับท่านเดชานี่ก็เหมือนกัน โม้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“แต่พี่ละไมก็เชื่อ”

“เปล๊า! ฉันแค่อยากจะหัวเราะเยาะเขาเท่านั้น”

“พี่ละไมชอบพี่ธนูหรือเปล่า”

คำถามของน้องทำให้เธอชะงักก่อนตอบกลับไปว่าเธอเกลียดเขาด้วยซ้ำ ละเมียนว่าดีแล้วเพราะเห็นพี่สาวสัญญาไว้กับกรองแก้วว่าจะไม่ยุ่งกับธนูอีก ถึงแม้ละไมจะสัญญาแต่เธอไม่ได้สัญญาด้วย ได้ยินที่น้องพูดเธอหันขวับมามองอย่างตกใจ

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น มีรถตู้แล่นเข้ามาจอดหน้าร้านของละไม ชายฉกรรจ์ 3 คนลงจากรถเมื่อเห็นธนูพวกเขาขยับจะยกมือไหว้ แต่ธนูรีบไหว้ก่อนจนชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนรับไหว้แทบไม่ทัน

“สวัสดีครับพี่ๆสวัสดีครับ ท่านเดชาสบายดีนะครับ ฝากเรียนท่านด้วยว่าผมกราบขอบพระคุณมาก ว่างๆ เอ๊ย! เข้า กทม.เมื่อไหร่ ผมจะแวะไปกราบขอบพระคุณท่านด้วยตัวเอง”

ละเมียนกับละไมจูงมือสตางค์มาส่งที่รถตู้ เด็กชายหน้าเศร้าบ่นกับแม่และพี่สาวว่าไม่อยากไป ละไมรับปากว่าจะโทร.หาทุกวันให้เขาทำตัวดีๆเด็กชายน้ำตาไหลโผเข้ากอดแม่สะอื้น

“เราพูดกันจนเข้าใจแล้วไง แม่ละไมกับพี่ละเมียนไม่อยากให้สตางค์ถูกไอ้พวกนั้นมันมาจับตัวไปอีก”

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งหยิบหุ่นยนต์ที่นำติดมาด้วยยื่นส่งให้สตางค์ ธนูเห็นแล้วตกใจจำได้ว่ามันเป็นของเล่นชิ้นโปรดของเขาในวัยเยาว์ บุญสมถามว่าของใครเมื่อเห็นธนูมีท่าทางแปลกๆ เขารีบปฏิเสธ

“ท่านเดชาฝากมาให้เป็นเพื่อนเดินทางของคุณหนูครับ”

ชายฉกรรจ์คนเดิมบอก สตางค์รับของเล่นมาถือไว้อย่างดีใจ ต่างจากธนูที่มองหุ่นยนต์ตรงหน้าอย่างรู้สึกเสียดาย ละไมสัญญากับลูกถ้าธุระของเธอเสร็จแล้วจะรีบไปรับเขากลับบ้านทันที เด็กชายรบเร้าถามทันทีว่าเมื่อไรแล้วทำท่าจะร้องไห้อีก บุญสมเดินเข้าหาแล้วกอดปลอบ เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งเข้าไว้ห้ามร้องไห้เด็ดขาด สตางค์รีบกลั้นสะอื้นแล้วปาดน้ำตา รถตู้เคลื่อนออกไปช้าๆ เด็กชายเกาะหน้าต่างโบกมือล่ำลาทุกคน สองพี่น้องยืนโอบเอวกันมองรถตู้ที่แล่นไกลออกไปทุกทีๆ สำลีซุ่มจับตามองอยู่ด้านหนึ่งเหยียดยิ้มที่มุมปาก

ooooooo

ยอดเข้ามารายงานทองคำในห้องทำงาน ภายหลังได้รับโทรศัพท์จากสำลี

“แสดงว่าไอ้ปลัดธนูมันคงเส้นใหญ่พอสมควร”

“เอาไงดีครับ ดักชิงตัวเลยดีไหม” ทองคำใคร่ครวญแล้วสั่งห้าม

หลังเหตุการณ์ในวันนั้น ทองคำทำทุกวิถีทางเพื่อบีบบังคับให้เธอขายกิจการให้ ร้านค้าของละไมและร้านใกล้เคียงดูซบเซา ปั๊มน้ำมันของเธอได้ปิดตัวลงเพราะเด็กปั๊มถูกข่มขู่เอาชีวิตจนไม่กล้ามาทำงานด้วย

สองพี่น้องไม่ยอมแพ้ พยายามมุมานะฝึกซ้อมมวยและซ้อมยิงปืนอย่างจริงจังจนพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ

ละเมียนถามอย่างแปลกใจในตอนดึกของคืนวันหนึ่งเมื่อเห็นพี่สาวอยู่ในชุดเสื้อผ้ารัดกุม มีมีดพกและปืนพร้อม

“พี่ละไมจะไปไหน”

“ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่หลับไม่นอน”

“แล้วพี่ละไมล่ะ”

“ฉันจะออกไปข้างนอก”

“หนูไปด้วย หนูรู้ว่าพี่ละไมจะไปล้างแค้นไอ้พวกสองทองพ่อลูกนั่น”

“เพราะอย่างนั้นแกถึงไปไม่ได้ พี่ไม่ได้ไปเดินเล่นชมจันทร์นะละเมียน แล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาอีกหรือเปล่า”

“เพราะอย่างนั้น หนูถึงยอมให้พี่ละไมไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าจะตายเราก็ต้องตายด้วยกัน อย่างแรก เราเป็นลูกพ่อลูกแม่เหมือนกัน พี่ละไมต้องการแก้แค้นคนที่มันฆ่าท่าน หนูก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่ละไม อย่างสุดท้าย ถ้าพี่ละไมตาย หนูจะอยู่กับใคร”

สองพี่น้องโผกอดกันน้ำตาไหลพราก เบียบโผล่หน้าออกจากห้องนอนตัวเองเห็นความรักระหว่างพี่น้องถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกสะเทือนใจ

“พี่ละไมให้หนูไปด้วยนะจ๊ะ”

“ได้ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นนี่นะ”

ละเมียนมองหน้าพี่สาวแล้วยิ้มทั้งน้ำตา แต่ทันใดนั้นโดยที่เธอไม่ทันระวังตัว ละไมเหวี่ยงหมัดใส่หน้าน้องสาวเต็มเหนี่ยวจนเธอล้มพับลงหมดสติ เบียบ ยกมือปิดปากตัวเองอย่างคาดไม่ถึง

“ขอโทษนะละเมียน ถึงพี่ต้องตาย แต่ละเมียนจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป พี่รักละเมียนนะ”

เธอเอื้อมมือมาลูบผมน้องสาวอย่างแสนรัก ก่อนก้มลงจูบหน้าผากน้องเป็นครั้งสุดท้าย แล้วรีบไขกุญแจร้านเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว เบียบออกจากห้องตรงเข้าเขย่าร่างละเมียนที่นอนหมดสติอยู่ เธอเหลียวซ้าย

แลขวาไม่รู้จะทำอย่างไร นึกได้ว่าก่อนหน้านี้ธนูเคยให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เบียบยกหูโทรศัพท์กดหาเขาทันที

ธนูกำลังนอนหลับสบายสะดุ้งตื่นตกใจกลางดึก เมื่อกดรับโทรศัพท์เบียบพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้

“คุณปลัด เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ คุณละไมกำลังไปฆ่าไอ้พวกตระกูลทองค่ะ”

ธนูดีดตัวลุกจากที่นอน รีบคว้ามอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว

เบียบเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าพร้อมบีบนวดให้ละเมียน ปากก็พร่ำเรียกเธอให้ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ ในที่สุดหญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น เบียบยิ้มทั้งน้ำตารีบตรงเข้าประคอง

“คุณละเมียน เฮ้อ! โล่งใจไปที”

“อูย!...อูย!...เจ็บจัง”

“แสดงว่า คุณละไมหมัดหนักมาก แบบนี้น่าจะเอาตัวรอด”

“ขอบใจจ้ะ ถึงจะหมัดหนักขนาดไหน แต่ก็สู้ผู้ชายไม่ได้หรอก”

ละเมียนประคองตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง เบียบเตรียมช่วยพยุงขึ้นข้างบน ละเมียนว่าเธอจะไปช่วยพี่สาวต่างหาก แล้วค่อยๆเดินไปหยิบปืนในลิ้นชักพกติดตัวไป เบียบหน้าตื่นร้องห้ามด้วยความตกใจแต่ไม่ทันเสียแล้ว ละเมียนผลักประตูร้านแล้วรีบก้าวออกไปทันที

“ไปอีกคนแล้ว ทำไงดี...ทำไงดี” เบียบเร่งคิดหาทางออกอย่างร้อนรน แล้วรีบยกโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากบุญสม

ooooooo

ทองดีแปลกใจเมื่อละไมโทรศัพท์มานัดให้ออกไปพบกลางดึก เขาลังเลเมื่อเหลือบดูเห็นเป็นเวลาใกล้ตีหนึ่ง เธอท้าคิดว่าเขาคงไม่กล้า ทองดีหัวเราะแล้วถามถึงจุดนัดพบ

“เราพบกันครึ่งทางดีกว่า ยังจำที่ที่เราเคยไปปิกนิกกันได้ไหม”

“จำได้ซิจ๊ะที่รัก ผมจำได้เสมอว่าคุณอ่อนหวานน่ารักขนาดไหน โอเค้ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ว่าแต่แน่ใจนะว่าอยากพบผมจริงๆ”

“ไม่เคยอยากพบอย่างนี้มาก่อนเลย แต่ถ้ากลัวก็ไม่ต้องมา”

“คุณท้าเสียขนาดนี้ ถ้าไม่ไปก็ไม่ใช่ผม เดี๋ยวพบกัน” ทองดีสั่งยอดให้พาลูกสมุนไปด้วยจำนวนหนึ่ง

ทางด้านละไมซุ่มแอบอยู่บริเวณด้านหลังป่าละเมาะ ขณะกำลังตรวจเช็กความพร้อมของปืน เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงทักมาจากทางด้านหลัง รีบหันปากกระบอกปืนเข้าหาทันที

“ทำแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าโง่ ก็ต้องเรียกว่าบ้า อ๊ะ! อ๊ะ! ระวังหน่อยคุณ ผมไม่ใช่นายทองดี หวานใจที่กลายเป็นศัตรูนะ”

เธอลดปืนลงเมื่อเห็นว่าเป็นธนู ถามอย่างสงสัยว่าตามเธอมาได้อย่างไร

“ผมฉลาด โอเค้...โอเค้ ตอบดีๆก็ได้ มีพลเมืองดีโทรศัพท์ไปบอกผมว่า คุณเกิดบ้าบิ่นจะออกมาฆ่าคุณทองดีกลางดึก ทีนี้ผมก็เลยเดาเอาว่า คุณคงไม่ทะเล่อทะล่าบุกเข้าไปในถ้ำเสือหรอก อย่างน้อยต้องนัดออกมาพบข้างนอก และสถานที่นัดพบมันน่าจะเป็นสถานที่ที่เป็นความรักความหลังของคุณ ซึ่งผมขอสารภาพว่าเคยแอบดูคุณมาจู๋จี๋กับคุณทองดีที่นี่ เพราะคุณต้องการให้คุณทองดีตาย เพื่อจบสิ้นความสัมพันธ์โดยเด็ดขาด นี่ บอกแล้วว่าผมฉลาด”

ละไมไม่ตอบโต้แต่ไล่ให้เขาออกไปเพราะเป็นเรื่องระหว่างเธอกับทองดี ธนูไม่ยอมแถมยังพยายามพูดให้เธอนึกถึงลูกอาจจะต้องกำพร้าแม่ ถ้าหากทำอะไรแบบไม่มีสติยั้งคิดเหมือนในขณะนี้ เธอเถียงว่าละเมียนสามารถดูแลน้องได้ ธนูรีบบอกให้เงียบแล้วดึงเธอเข้าหลบด้านหลังพุ่มไม้เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นใกล้เข้ามา

“ที่รัก ทองดีมาแล้ว”

ทองดีลงจากรถเพียงลำพัง ที่ด้านหลังพุ่มไม้

ธนูโอบตัวละไมไว้แน่นพลางเอานิ้วแตะปากเป็นสัญญาณเตือนให้เธอเงียบ แต่ละไมแข็งขืนผลักเขาออกแล้วลุกขึ้นยืนชักปืนเล็งตรงไปทางทองดี มันหันมามองยิ้มพลางเดินเข้าหา

“อยู่นี่เอง ความจริง ผมก็ชอบคุณในแบบนี้เหมือนกัน น่ารักดี”

ooooooo

ละเมียนยืนส่งเสียงโวยวายเรียกหาพี่สาวอยู่หน้าบ้านทองคำ สมุนสองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่เปิดออกมาถามอย่างรำคาญ

“มาเอะอะอะไรแถวนี้”

“ฉันมาตามพี่ละไม”

“พี่มงพี่ไมอะไรที่ไหน ไป๊!”

“วะ! พูดไม่รู้ฟัง ฉันมาตามพี่สาวของฉัน”

สมุนสองคนหันมากระซิบกระซาบกันด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันมาพยักหน้ายอมให้เธอเข้ามาข้างในแต่โดยดี เมื่อเข้ามาได้ก็เอาแต่ตะโกนเรียกหาพี่สาว ทองคำยืนมองด้วยสายตาดุดันอยู่ท่ามกลางลูกสมุน

“กล้ามากนะนังหนูที่บุกเดี่ยวมาที่นี่ พี่สาวเธอไม่ได้อยู่ที่นี่”

“แก่แล้วยังโกหกเด็กอีก พี่ละไมบอกว่าจะมาที่นี่”

“อุวะ! ก็บอกแล้วว่าไม่เห็น แต่ในเมื่อเข้ามาแล้วอย่าหวังว่าจะได้ออกไป”

ทองคำพยักหน้าให้ลูกสมุนอย่างรู้กัน พวกมันดาหน้าเข้าล้อมเธอไว้ แม้ละเมียนจะต่อสู้อย่างเต็มกำลัง แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ สมุนจำนวนมากมายผลัดกันเข้ารุกไล่เธอ ขณะละเมียนกำลังเพลี่ยงพล้ำ บุญสมพร้อมด้วยพุดและเผือกก็ตรงเข้าเตะต่อยสมุนทองคำจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า

“รุมผู้หญิงตัวคนเดียวแบบนี้ขอชื่นชมพวกแกว่า แมนมาก”

“ไม่ต้อง ฉันยังไหว”

“กลับไปก่อน”

“ไม่ ฉันจะช่วยพี่ของฉันมันผิดตรงไหน”

ทองคำประกาศลั่นให้ฆ่าทุกคนให้หมด แม้จะตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของบรรดาลูกสมุนทองคำ แต่บุญสุมและละเมียนรวมถึงพุดกับเผือกก็หาได้หวั่นเกรงไม่

ทางด้านละไมถือปืนจี้หลังทองดีบังคับให้เดินไปเรื่อยๆ

“จะพาผมไปไหน”

“ที่ที่แกฆ่าพ่อแม่ของฉัน”

“คิดว่าผมจะมาคนเดียวหรือจ๊ะที่รัก”

สิ้นเสียงทองดี ยอดสั่งให้ละไมทิ้งปืนลงหญิงสาวหันไปมองยังด้านหลังพบว่ายอดเอาปืนจ่อหัวเธออยู่ ทองดีหันมาดึงปืนจากมือเธอแล้วยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ

“เรามีเรื่องต้องตกลงกันเยอะเลย ที่รัก”

ทองดีชะงักเมื่อรู้สึกเหมือนมีปืนอีกกระบอกจ่อหัวตนอยู่ ธนูสั่งเสียงเฉียบขาดให้ยอดทิ้งปืนลง ละไมหันมากระชากปืนจากยอดแล้วเล็งไปทางทองดี

“ฉันว่าฉันเปลี่ยนใจยิงตรงนี้เลยดีกว่า”

“อย่าคุณละไม ปล่อยให้กฎหมายจัดการมันดีกว่า”

“ถอยไป ปลัดธนู”

“คุณละไม”

“โว้ย! รำคาญว่ะ”

สิ้นเสียงทองดี บรรดาลูกสมุนของมันที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ออกมาล้อมทุกคนไว้ ทองดีเดินมากระชากปืนจากมือละไมและธนู ยอดหันมาถามเจ้านายจะให้จัดการพร้อมกันเลยไหม ทองดีว่าเว้นละไมไว้ก่อนแล้วหันปลายกระบอกปืนเข้าหาธนูแล้วเหนี่ยวไกทันที

ละไมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ธนูคว้าร่างเธอม้วนตัวหลบคมกระสุนไปได้อย่างฉิวเฉียด ทองดีตรงเข้าหาธนูต่อสู้ด้วยชั้นเชิงหมัดมวย ธนูสู้ได้ไม่เต็มที่นักเพราะห่วงพะวงเกรงเธอจะได้รับอันตราย

ในที่สุดละไมถูกยอดรวบตัวไว้ได้ มันบังคับธนูให้หยุดสู้ในขณะที่ทองดีกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพลี่ยงพล้ำ ละไมตะโกนให้เขาฆ่ามันไม่ต้องเป็นห่วงเธอ ทองดีฉวยโอกาสที่ธนูลังเลคว้าปืนจากลูกน้องแล้วสาดกระสุนใส่เขาจนล้มลงแน่นิ่ง ละไมโผเข้าหาธนูด้วยความตกใจ ทองดีเล็งปืนยิงใส่เธอด้วยความแค้น ร่างของละไมล้มลงแน่นิ่งเคียงข้างเขา

“เผาทิ้งเลยไหมครับ”

“ไม่ต้อง ทิ้งไว้ให้ทุเรศลูกตาอยู่ตรงนี้แหละ” พูดจบก็เดินไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยอดและบรรดาสมุนที่เหลือรีบเดินตามไป

ooooooo

ที่ลานบ้านทองคำ บุญสมและละเมียนพร้อมพวกยังคงต่อสู้กับบรรดาสมุนของทองคำ รวมถึงนักสู้ต่างชาติที่ทองคำพาเข้ามาซ่องสุมไว้ใช้งาน ขณะการต่อสู้ยังคงดำเนินไป ทองดีเล็งปืนยิงขึ้นฟ้าประกาศก้อง

“ไอ้ธนูกับนังละไมมันลงนรกไปแล้ว”

“ไม่จริง” ละเมียนชะงักถามอย่างไม่เชื่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปถามมันในนรก”

ทองดีหันกระบอกปืนเล็งมาทางเธอ บุญสมโอบเอวละเมียนม้วนตัวหลบออกไปท่ามกลางความมืดพร้อมกับพุดและเผือก เมื่อหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย ทุกคนรีบตรงไปยังป่าละเมาะทันที ละเมียนถึงกับปล่อยโฮเมื่อพบกองเลือด บุญสมปลอบให้เธอใจเย็นๆเพราะไม่เห็นร่างของธนูกับละไม แล้วเร่งให้ทุกคนกลับไปดูที่บ้าน

ละเมียนร้องไห้อย่างหนักเมื่อเบียบบอกว่ายังไม่มีใครกลับเข้ามาเลย เผือกแนะให้ลองไปดูที่บ้านธนูก่อน บุญสมบอกทุกคนให้รอฟังข่าวอยู่ที่นี่เขาจะไปดูเอง ละเมียนร้อนใจจนไม่อาจทนรอได้อีกจึงขอตามไปด้วย เมื่อไปถึงกลับไม่พบใครเลย ละเมียนคิดบุกไปบ้านทองดี อีกครั้ง แต่บุญสมห้ามไว้

“ขืนบุกเข้าไปก็เท่ากับหาที่ตาย ผมต้องไปที่นั่นแน่ แต่ต้องไปอย่างฉลาด หัดเข้าใจอะไรเสียบ้าง คุณว่าผมเหมือนหมาบ้า แต่ตอนนี้คุณบ้ายิ่งกว่าผมอีก”

ละเมียนนิ่งทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น

ooooooo

สายน้ำรินไหลไปตามลำธาร ดอกไม้ชูช่อบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจายไปทั่วบริเวณ ไอหมอกจางโรยอยู่รอบตัว ธนูนอนนิ่งราวกับหลับสนิทอยู่มุมหนึ่ง

ธนูค่อยๆปรือตาขึ้นมอง เขาเห็นชายผ้าเหลืองผ่านตาไปอย่างเลือนราง ธนูพยายามผงกศีรษะลืมตาเพ่งมองให้ชัด เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งเดินหาย

เข้าไปหลังทิวไม้ เขาพยายามรวบรวมพละกำลังที่มีชันกายลุกขึ้นนั่ง กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง

“กินยานี่ให้หมด”

เขาหันขวับมามองเห็นพระภิกษุรูปเดิมที่เขาเพิ่งเห็นเดินหายเข้าไปหลังทิวไม้เมื่อครู่นี้ นั่งหลับตาสงบนิ่งอยู่บนโขดหินพร้อมเม็ดยาลูกกลอนในมือยื่นส่งให้ เขามองภาพเบื้องหน้าอย่างรู้สึกประหลาดใจ

“รับไปสิ น้ำอยู่ในลำธารนั่น”

เขารับยามาใส่ปากแล้วขยับวักน้ำในลำธารขึ้นมากินอย่างว่าง่าย แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหมดสติไปอีกครั้ง...

ธนูฝันว่าตัวเองนอนอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี ท่ามกลางแสงจันทร์ที่กำลังสาดแสงนวลส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณนั้น เขาค่อยๆลืมตาแล้วชันกายลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบๆตัวอย่างแปลกใจ เมื่อก้มมองตัวเองพบว่าอยู่ในชุดขาว ทั่วร่างกายไร้บาดแผลและรอยเลือด เขาลองขยับแขนขาเหมือนไม่มีร่องรอยของความบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเหมือนใครคนหนึ่งกำลังประลองกัน เขาเดินตามไปยังทิศทางของเสียงที่ได้ยินแล้วซ่อนตัวหลบอยู่หลังพุ่มไม้

ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาในขณะนี้ คือชายร่างกายกำยำคนหนึ่งกำลังซ้อมมวย “พยัคฆ์ดำ” ด้วยท่วงท่าที่ดูองอาจสง่างาม แผ่วเบา และดูทรงอำนาจราวกับพญาเสือ เขามองภาพนั้นอย่างพิศวงและเพลิดเพลินก่อนพึมพำออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ช้างสาร ด่านพญายม”

“นั่นใคร ข้ารู้ว่าเอ็งอยู่ตรงนั้น ออกมา”

ธนูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ค่อยๆเดินออกมาจากหลังพุ่มไม้ ช้างสาร ด่านพญายมมองเขาด้วยนัยน์ตาทรงพลังอำนาจ

“หายดีแล้วสินะ”

“ท่านคือช้างสาร ด่านพญายมใช่ไหมครับ”

“ข้าคือใครไม่สำคัญ”

“ท่านช่วยชีวิตผมไว้ ผมเพิ่งเคยเห็นสุดยอดมวยพยัคฆ์ดำจากเจ้าของตำราตัวจริงเสียงจริง ยอมรับเลยครับว่าทั้งสวยงามและมหัศจรรย์เหลือเกิน”

“เอ็งน่ะพูดให้มันน้อยๆหน่อย”

“ท่านจะกรุณาสอนผมได้ไหมครับ โดยเฉพาะ 2 หน้าสุดท้ายที่หายไป”

ก่อนที่ธนูจะทันระวังตัว ช้างสาร ด่านพญายมหันขวับมาโจมตีเขาด้วยท่ามวยพยัคฆ์ดำทันที ธนูปัดป้องและต่อสู้ตามสัญชาตญาณ แต่ไม่อาจต้านทานได้ ร่างเขากระเด็นตกลงพื้นจนจุกตัวงอ

“ยังไม่ทันพ้นท่าแรกเลย”

“ได้โปรดเถอะครับ กรุณาสอนผม”

ช้างสาร ด่านพญายมรุกเขาต่อ ธนูที่ระวังตัวอยู่ตอบโต้ ในขณะที่ช้างสารโจมตีไม่ยั้งมือจนธนูกระเด็นไปอีกครั้ง คราวนี้ถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือด

“ถ้าให้คะแนนสอบ เอ็งตกแน่ อย่าไปบอกใครนะว่าเอ็งศึกษามวยพยัคฆ์ดำมา ขายขี้หน้าว่ะ”

ช้างสาร ด่านพญายมเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ธนูรีบลุกตามแต่ชันกายลุกขึ้นยากลำบาก เขาร้องตะโกนเรียกอาจารย์ อาจารย์ แต่ไม่เห็นช้างสาร ด่านพญายมอยู่ในบริเวณนั้นอีกแล้ว

ooooooo

ธนูพาร่างที่อ่อนเพลียทิ้งตัวลงนั่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับฝันไป ช้างสาร ด่านพญายม เป็นคนหรือผีกันแน่ หรือว่าตัวเขาเองได้ตายไปแล้ว

ช้างสาร ด่านพญายม ปรากฏตัวให้เขาเห็นอีกครั้ง ถามเขาอยากเรียนวิชาพยัคฆ์ดำอย่างถูกต้องใช่ไหม ธนูว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจใช่ เพราะตนตั้งใจนำไปปราบปรามคนชั่ว แต่ตอนนี้ตนได้ตายเสียแล้วเรียนไปจะใช้ประโยชน์อะไรได้อีก ช้างสารไม่ตอบแต่ยังถามคำถามเดิมว่าจะเรียนหรือไม่เรียน

ธนูได้ใช้เวลาตลอดบ่ายวันนั้นฝึกวิชาพยัคฆ์ดำกับช้างสารจวบจนกระทั่งค่ำ ธนูถามอย่างแคลงใจ เท่าที่เขาจำได้ยังเหลืออีก 2 ท่า ช้างสารว่าท่าเหล่านั้นเรียก นวอาวุธ คือการใช้อาวุธทั้ง 9 ซึ่งหมายถึงขา 2...เข่า 2...หมัด 2...ศอก 2 และศีรษะ

“ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยนี่ครับ นวอาวุธ อาวุธทั้ง 9 อย่าง ทุกคนก็รู้จัก หรือว่ามีเคล็ดลับ”

“นี่คือกระดาษแผ่นสุดท้ายของตำราพยัคฆ์ดำที่ถูกฉีกออกมา”

“ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ครับ”

“ในความไม่มีนั่นแหละมีมากที่สุด ในความว่างเปล่ามักให้ความสงบ ก่อให้เกิดสมาธิและสติ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะช่วยสร้างพลังอันมหาศาลที่สามารถทำลายศัตรูให้ย่อยยับได้ มีอีกอย่างวิชานี้ห้ามใช้พร่ำเพรื่อ เอาไว้ปราบคนชั่วเท่านั้น”

ธนูพึมพำอย่างเหลือเชื่อแล้วรับกระดาษเปล่าแผ่นนั้นมาถือไว้ก่อนเอ่ยกับช้างสารว่าเขาจะลองฝึกดู...

ooooooo

ธนูค่อยๆปรือตามอง เห็นละไมเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วถามเขาฟื้นแล้วหรือ ธนูชะงักกวาดตามองไปรอบๆ พบว่าตนนอนอยู่ในป่า เขาถามหาช้างสาร ด่านพญายมทันที ละไมมีสีหน้างุนงง เขาอธิบายทันทีว่าช้างสารคือปรมาจารย์มวยคาดเชือก เจ้าของตำรามวยพยัคฆ์ดำ

“ฉันไม่เห็นใครเลย นอกจากพระธุดงค์ที่ท่านช่วยรักษาเรา ตอนที่ฟื้นขึ้นมาน่ะฉันนึกว่านายตายไปแล้วเพราะนายนอนโคม่ามาตั้ง 3 วัน ถ้าไม่ได้พระธุดงค์รูปนั้น นายตายไปแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้ ก็ผมอยู่ในทุ่งหญ้าแล้วทำไมถึงกลายเป็นป่า ระหว่างที่อยู่ที่นั่น ช้างสาร ด่านพญายมมาสอนเคล็ดลับมวยพยัคฆ์ดำให้ผม โดยเฉพาะ 2 หน้าสุดท้ายที่หายไป ซึ่งเรียกว่า นวอาวุธ”

ละไมจ้องเขาเขม็งแล้วว่าตนเองก็รอดเพราะพระธุดงค์รูปนั้นช่วยเช่นกัน แล้วพาธนูเข้าไปกราบ เมื่อธนูเห็นหน้าพระธุดงค์ถึงกับชะงักงันเพราะก็คือช้างสาร ด่านพญายมนั่นเอง

ooooooo

คาดเชือก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด