ตอนที่ 12
อัลบั้ม: เคลลี่ ธนะพัฒน์ ประกบ จั๊กจั๋น อคัมย์สิริ ละครพะบู๊ด้วยแม่ไม้มวยไทยใน "คาดเชือก"
ละไมขับรถมาส่งเดชาที่บ้านครูจรัล พบบุญสมกำลังสอนมวยให้กับละเมียนและสตางค์ บุญสมไม่ไว้ใจธนูเป็นทุนเดิมจึงเอ่ยด้วยน้ำเเสียงที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก
“รู้สึกช่วงนี้คุณธนูประกบท่านเดชาแจเลยนะครับ”
“อ๋อ! ผมก็แค่เทกแคร์ผู้หลักผู้ใหญ่น่ะปลัด”
“ผมว่าไม่จำเป็น” บุญสมกระแทกเสียงปรามทันที
กรองแก้วกำลังช่วยพยุงเดชาเข้าบ้าน ละไมรีบมายืนใกล้ธนูแบมือขอค่าน้ำมันรถ เขาทำหน้างงๆ เธออธิบายเขามาด้วยต้องช่วยหารครึ่ง เดชาได้ยินจะขอจ่ายเอง ละไมหน้าเหวอรีบปฏิเสธ ธนูกลัวเธอเปลี่ยนใจรีบดันหลังพ่อเข้าบ้านแล้วกระซิบถามเค็มได้ใจดีไหม เดชาหัวเราะแล้วย้ำอย่าปล่อยให้หลุดมือ ถามลูกชายว่ารักละไม หรือแค่อยากเอาชนะทองดีกันแน่ ธนูตอบไม่ถูก กรองแก้วได้ยินถ้อยสนทนาของสองพ่อลูก พยายามสะกดกลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่
จ่อยขับรถพาสองพี่น้องมาซุ่มแอบดูที่บ้านครูจรัล ศรีวรรณเห็นละเมียนอยู่กับบุญสมยิ่งเดือดดาลไม่น้อยไปกว่าศรีไพร สองพี่น้องตั้งท่าจะเข้าไปตบหลายครั้ง แต่สำลีกับจ่อยพยายามทัดทานแล้วรีบพากลับบ้าน
เมื่อถึงบ้านสองสาวรบเร้าเร่งให้ทองคำจัดการมารปัญหาหัวใจ สองพี่น้องจะพูดต่อเหลือบเห็นทองดี
แล้วชะงักมองอย่างไม่ไว้ใจ เกรงเขาจะอาละวาดใส่เหมือนคราวก่อน ทองดียังอยู่ในสภาพทรุดโทรมแต่ไม่อาละวาดเดินมาหยุดนั่งเงียบๆ ทองคำดีใจเมื่อเห็นลูกกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
“ผมจะไม่มีวันยอมแพ้ไอ้บุญสมเด็ดขาด ส่วนเรื่องของละไมถ้าผมไม่ได้ ไม่ว่าใครหน้าไหนมันก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน”
ooooooo
กรองแก้วเก็บเรื่องระหว่างธนูกับละไมมาขบคิดจนนอนไม่หลับ เธอถามพ่อผิดไหมหากต่อสู้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่รัก ทองก้อนว่าไม่ผิดหากไม่ทำให้ใครเดือดร้อน กรองแก้วมีคำตอบให้กับตัวเองทันที
วันรุ่งขึ้น เธอทำอาหารเช้าใส่ปิ่นโตนำไปให้เดชากับธนูถึงบ้านพัก แล้วออกปากจะช่วยทำความสะอาดบ้านให้ ธนูปฏิเสธอย่างเกรงใจ กรองแก้วยังคงดึงดันอ้างทำเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาสองพ่อลูก
เมื่อธนูไม่อาจปฏิเสธ กรองแก้วจึงไปซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดที่ร้านละไมและแวะซื้อกับข้าวสำหรับทำอาหารมื้อเย็น เบียบแตกตื่นรีบมารายงานละไมทันที เธอฟังด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจนัก แต่ลึกๆกลับรู้สึกหึงกรองแก้ว บอกเบียบให้เฝ้าร้านแล้วผลุนผลันออกไปรับสตางค์ที่โรงเรียน
ละไมขับรถมาด้วยอารมณ์คุกรุ่นจนกระทั่งถึงหน้าโรงเรียน เธอหน้าบึ้งใส่ธนูทันทีที่เห็นเขา สตางค์เอ่ยปากชวนพ่อไปกินผัดเปรี้ยวหวานที่บ้าน ละไมกระแทกเสียงผัดเปรี้ยวหวานหรือจะสู้แกงคั่วฟัก ธนูฟังแล้วงงแต่ไม่ทันถาม ละไมก็สตาร์ตรถขับออกไปอย่างรวดเร็วจนเขากระโดดหลบแทบไม่ทัน
ละไมพาสตางค์มานั่งกินข้าวกับทองดีที่ร้านอาหารในตัวอำเภอ เขาแสร้งทำเป็นรักเด็กแล้วคาดคั้นถามละไมเมื่อไรจะให้สตางค์เรียกเขาว่าพ่อเสียที สตางค์หันมายักคิ้วใส่บอกมีธนูเป็นพ่อแล้ว ทองดีสะอึกแกล้งลูบหัวสตางค์อย่างเอ็นดู แต่เมื่อเผลอก็แอบด่าไอ้เด็กนรก
หลังอาหารค่ำมื้อนั้นทองดีขับรถมาส่งสองแม่ลูกที่ร้าน ละเมียนไม่พอใจเมื่อเห็นพี่สาวยังไม่เลิกคบหากับทองดี เมื่ออยู่ตามลำพังจึงแกล้งเอ่ยสะกิด อีกไม่กี่วันจะครบรอบวันตายของพ่อกับแม่
“ใช่ แล้วก็จับฆาตกรฆ่าพวกท่านได้แล้ว”
“เอาอีกแล้วพี่ละไมเลิกหลอกตัวเองเสียทีได้มั้ย เฮ้อ! ไอ้เราก็หลงดีใจว่านางจะตาสว่าง ที่ไหนได้พอไอ้ทองดีมาทำสวีตวี้ดวิ้วด้วยหน่อยก็กลับเข้าแบบเดิม”
ละไมทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างอัดอั้น เธอสับสนจนไม่รู้จะเชื่อใครดี ละเมียนปลอบพี่สาวให้ใจเย็นๆ เธอจะหาข้อพิสูจน์ให้ได้ ขอเพียงละไมอย่าเพิ่งไปรับปากแต่งงานกับทองดี ละไมร้องไห้หนักเข้าไปอีกบอกรับปากเขาไปแล้ว งานแต่งจะมีขึ้นในต้นปีหน้า
ooooooo
ทองคำหัวเราะอย่างอารมณ์ดีในเช้าวันถัดมา เมื่อรับรู้จากลูกชายว่าละไมยินยอมรับปากแต่งงานกับเขาแล้ว ทองคำยังไม่วางใจกำชับเสือยิ่งกับเจอร์ราร์ด ให้ตามเก็บญาติของบุญกับชูที่ยังเหลือให้สิ้นซาก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมา
ทางด้านละไมขับรถมาส่งสตางค์ยังหน้าโรงเรียน เธอกำชับลูกหลังเลิกเรียนทองดีจะมารับไปเจอเธอที่ร้านอาหารเดิม ละไมขอร้องสตางค์ให้เรียกทองดีว่าพ่อ หนูน้อยฟังแล้วขัดใจโวยวายไม่อยากไปกินข้าวด้วยเพราะไม่ชอบขี้หน้า
“ไม่อยากก็ต้องไปจ้ะ ลูกต้องพยายามทำตัวให้คุ้นกับคุณทองดี และถ้าเป็นไปได้แม่ต้องการให้สตางค์เรียกเขาว่าคุณพ่อ”
“ทำไมแม่ต้องบังคับจิตใจสตางค์ด้วย แม่อยากเอาใจคุณทองดีแต่สตางค์ไม่ชอบเขา”
สตางค์เปิดประตูลงจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าโรงเรียนโดยไม่หันกลับมามองแม่ที่พยายามเรียกไว้ สตางค์เห็นธนูยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนรีบโผเข้ากอดฟ้องเขาทันที ละไมขยับจะตามลูก เสียงบีบแตรดังมาจากด้านหลังที่แท้เป็นรถของทองดี เขาขอติดรถไปด้วยโดยมียอดกับจ่อยขับรถตามหลัง ละไมขับรถมาถึงบ้าน ทองดีบอกให้เธอเข้าบ้านไปก่อนเขาขอดูแถวนี้หน่อย ละไมเอ่ยถามอย่างสงสัย
“อยากจะจัดให้เป็นระเบียบเสียที ร้านไหนไม่มีคุณภาพก็จะให้เลิกไป”
“แต่ว่า...”
“ที่รัก ผมมีโครงการจะทำแถวนี้ให้เป็นห้างใหญ่ๆ แบบในกรุงเทพฯเลย เอ๊ะ! ผมเคยบอกคุณหรือยังจ๊ะว่ามันเป็นความฝันของผมที่จะเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า ไม่ต้องตกใจ ผมจะเป็นคนลงทุนเอง คุณแค่อนุญาตให้ผมใช้พื้นที่เท่านั้น”
ละไมได้ยินถึงกับอ้าปากค้าง เดินกลับเข้าร้านเหมือนคนหมดแรง ละเมียนเมื่อเห็นอาการพี่สาวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เธอว่าไม่เป็นไรแล้วไล่น้องให้ไปช่วยเบียบขายของ ละเมียนบ่นของขายไม่ค่อยดีลูกค้ามาดูๆแล้วก็ไป
ละไมอุทานของขายไม่ดีแล้วห้างสรรพสินค้าจะไปรอดได้อย่างไร พูดจบก็พรวดพราดออกไปทันที ละเมียนเห็นพฤติกรรมพี่สาวแล้วงุนงง ละไมเดินตามหาทองดีจนทั่วแต่ไม่พบเขา เห็นเพียงธนูที่กำลังยืนหน้าเครียดจะขอคุยด้วย เธออ้าปากตั้งท่าปฏิเสธแต่ต้องชะงักเมื่อเขาบอกเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับสตางค์
ละไมจำใจเดินตามเขาไป ธนูเอ่ยตำหนิที่เธอบังคับจิตใจลูกให้ชอบเหมือนกับเธอ ละไมเถียงว่าเป็นเรื่องในครอบครัวเขาไม่เกี่ยว สิ่งที่เธอทำเพราะต้องการให้สตางค์คุ้นเคยกับทองดี เพราะอีกหน่อยก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน
“อ๊อ! คงปลื้มซะไม่มี”
“ใช่ ปลื้มมาก ปลื้มยังกับได้กินแกงคั่วฟัก”
“คุณรู้?”
“ใช่ แฟนนายก็เที่ยวอวดไปทั่วเหมือนกัน”
“กรองแก้วทำกับข้าวอร่อย งานบ้านงานเรือนเก่งไปหมด สมัยนี้หาไม่ค่อยได้แล้ว”
“ดีขนาดนั้นก็เชิญเก็บเอาไว้เองเลย”
“อ๋อ! เก็บแน่ ผมน่ะเบื่อผู้หญิงที่สักแต่ว่ามีอก...มีเอว...มีสะโพกแบบคุณ ผู้หญิงที่สวยแต่รูป จูบแล้วเหม็น ทำอะไรก็ไม่เป็น ดีแต่งก หน้าตาเหมือนจะฉลาด แต่ดันโง่ มองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นซาตานเป็นเทพบุตร เห็นเทพบุตรเป็นซาตาน ผู้หญิงแบบนี้ให้ฟรีแถมเงินอีก 100 ล้านยังไม่เอาเลย”
ละไมฉุนตบหน้าเขาด้วยความโมโห ธนูชะงักไม่คิดว่าเธอจะโกรธเอามากขนาดนี้
“นึกว่าตบแล้วผมจะจูบเรอะ ขอบอกว่าไม่...ไม่...รอช้า”
ธนูรั้งร่างเธอเข้ามาในอ้อมกอด ขณะที่ละไมพยายามขัดขืนแต่สู้แรงเขาไม่ได้ เขาค่อยๆโน้มใบหน้าเธอเข้ามาใกล้แล้วประทับจูบอย่างอ่อนโยนและนิ่งนาน จู่ๆก็ถอนริมฝีปากออกดื้อๆ พูดให้เธอรู้สึกเจ็บใจ
“เค็มๆแฮะ” แล้วหันหลังเดินออกไปทันที ทิ้งให้ละไมยืนเคียดแค้นอยู่ตรงนั้น
เมื่อกลับเข้าบ้านเธอถามหาที่สอนยิงปืนจากละเมียนทันที เบียบกับละเมียนมองหน้ากันอึ้งๆ ไม่แน่ใจพี่สาวจะมาไม้ไหน ละไมรีบเปลี่ยนท่าทีขอร้องน้องให้พาไปพบบุญสม
ละเมียนพาพี่สาวมาหาบุญสมที่บ้านในเวลาต่อมา ละไมมีท่าทีจริงจังขอร้องให้เขาช่วยสอนมวยให้ บุญสมกับละเมียนมองหน้ากันรู้สึกแปลกใจ
ทางด้านธนู เมื่อกลับถึงบ้านเฝ้าแต่ครุ่นคิดในสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับละไม ที่สุดตัดสินใจย้อนกลับไปหาเธอที่บ้าน เบียบบอกไม่มีใครอยู่ จังหวะนั้นละเมียนกลับมาถึงพอดี เมื่อธนูรู้ว่าละไมไปหาบุญสมเพื่อเรียนมวยคาดเชือกถึงกับอึ้ง
“ท่าทางมาดมั่นมาก ไม่รู้จะเอาไว้แก้แค้นใคร”
“แล้วนี่เขา...”
“โน่น ไปแล้ว ไปกินข้าวกับไอ้ทองเก๊ พาเจ้าสตางค์ไปนั่งทรมานด้วย”
ธนูได้ยินถึงกับถอนใจเซ็ง อุตส่าห์ปรามแล้วเธอกลับไม่เชื่อฟังเขาเลยสักนิด
ooooooo
ที่ร้านอาหาร สตางค์นั่งกินอย่างรู้สึกอึดอัดแล้วรวบช้อนหันไปบอกแม่ว่าอิ่มแล้ว ทองดีเอ่ยชวนออกไปดูแสงสีข้างนอกเพื่อเป็นการย่อย เมื่อเห็นสตางค์อิดออดละไมรีบพูดสนับสนุน
“ไปสิลูก...เดี๋ยวได้กลับมากินไอศกรีมต่อ!”
ทองดีรีบดึงสตางค์จนดูเหมือนกระชากให้ลุกขึ้นแล้วเร่งพาออกไป เมื่อออกมายังด้านหน้าร้านอาหารเขาผลักเด็กชายจนเซล้มลงกับพื้นได้แผล
“โอ๊ะ! ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจ แต่...เจตนา ฉันแต่งงานกับแม่แกเมื่อไหร่ ฉันจะส่งแกไปเข้าโรงเรียนประจำที่จังหวัด หยุด ห้ามร้องไห้”
“ผมไม่อยากไป”
“ไม่อยากไปก็ต้องไป แล้วฉันก็จะมีลูกใหม่ ลูก ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆของแม่แกกับฉัน ไม่ใช่ไอ้เด็กเก็บมาเลี้ยงอย่างแก แล้วต่อไปก็อย่ามาทำเป็นรังเกียจรังงอนฉันอีก ไม่งั้นแกจะโดนยิ่งกว่านี้ ได้ยินมั้ย”
สตางค์พยักหน้าน้ำตาไหลพราก ชิ้นยืนอยู่ด้านหนึ่ง เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพึมพำอย่างโมโห “ไอ้โรคจิต รังแกเด็ก”
จ่อยรีบเสนอหน้าถาม ถ้าสตางค์ไปฟ้องแม่แล้วเสี่ยจะทำอย่างไร ทองดีมองหน้าสตางค์พูดเสียงดุดันข่มขู่
“ฉันก็จะฆ่าแม่มันน่ะสิ อยากให้แม่ละไมของแกตายมั้ย”
“ไม่ครับ”
“งั้นก็หุบปากให้สนิท แล้วก็เรียกฉันว่า คุณพ่อทองดี!”
“ครับ”
“มานี่...มาให้คุณพ่อทองดีอุ้มหน่อย บอกให้มานี่”
เขากระชากเสียงใส่ สตางค์กลัวลนลานรีบเดินเข้าใกล้ ทองดีอุ้มสตางค์ขึ้นมาด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด ในขณะที่หนูน้อยก้มหน้างุดอย่างหวาดเกรง
ทองดีพาสตางค์กลับเข้ามาภายในร้านอีกครั้ง ละไมเห็นลูกน้ำตานองหน้าเหลือบเห็นแผลที่เข่าก็ตกใจเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ทองดีรีบแก้ตัว
“หกล้มครับ...จะวิ่งไปซื้อสายไหมฝั่งตรงข้าม พอดีมอเตอร์ไซค์มา ต้องรีบเรียกเอาไว้เพราะคว้าตัวไม่ทัน...”
“ตายจริง! ซนใหญ่แล้ว นี่ถ้าลูกเป็นอะไรไปแม่จะทำยังไง”
“อ้าว!...เลยร้องไห้กันทั้งแม่ทั้งลูก...กลับไปทำแผลที่บ้านดีไหม”
ทองดีสบตายอดสั่งให้เคลียร์ค่าอาหาร แล้วหันมาอุ้มสตางค์เหมือนเป็นห่วงมากมาย ละไมมองสิ่งที่ทองดีปฏิบัติกับเธอและลูกจึงเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับเขาขึ้นมาบ้าง เมื่อพ้นร่างทองดีกับละไม ยอดหันมาสั่งอาหารกับเด็กในร้านทันที
“หูฉลาม 5 ชุด ห่าน 3 ตัว กุ้งเผา 5 โล กลับบ้าน! เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงจะให้คนมารับ”
เมื่อมาถึงรถยอดรายงานทองดีเสียงดังตั้งใจให้ละไมได้ยิน
“เฮียเขาฝากกราบขอบคุณคุณหนูด้วยครับที่มาอุดหนุนร้านเขาทุกวัน...นี่ยังจะพยายามยัดเยียดให้เอาไปกินที่บ้านอีก แต่ผมไม่ยอม เขาก็ไม่ยอม...ผมเลยบอกให้ไปเปลี่ยนเป็นเงินสมทบทุนสร้างห้องน้ำในโรงเรียนทองคำวิทยาดีกว่า...”
“เฮ้ย! ทำงั้นได้ไง! โรงเรียนของเรา...เราก็ต้องสร้างเอง...คุณพ่อท่านไม่ชอบรบกวนคนอื่นโดยเฉพาะเรื่องเงินเรื่องทอง”
ทองดีแสร้งโวยวายขณะรถกำลังแล่นออกจากร้านอาหาร ยอดเลยว่าเดี๋ยวส่งเขาแล้วจะย้อนกลับไปบอกเฮียเจ้าของร้าน ละไมนั่งนิ่งประคบแผลให้ลูกมา
ตลอดทาง ทองดีถามสตางค์ดีขึ้นบ้างไหม เด็กชายก้มหน้า อ้ำอึ้ง
“ครับ...”
“ครับอะไร”
“ครับ...คุณพ่อทองดี”
ละไมได้ยินไม่ถนัดถามลูกชายอย่างแปลกใจ สตางค์พูดย้ำคำเดิม ทองดีแสร้งทำเสียงตื่นเต้นดีใจ
“ผมทำได้แล้ว”
“คุณทำยังไงคะ ถึงได้ชนะใจสตางค์ได้”
“ไม่บอก...เรารู้กันสองคนนะครับ...ลูกสตางค์”
ทองดีแสร้งทำน้ำเสียงอ่อนโยน พลางจับหัวสตางค์อย่างเอ็นดู สตางค์ได้แต่ก้มหน้ารับคำแผ่วเบา
เมื่อถึงร้านละไม ทองดีอุ้มสตางค์เข้ามาวางลงบนเก้าอี้อย่างคล่องแคล่ว แล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“เรียบร้อย คุณพ่อกลับละ...หายเร็วๆนะไอ้เสือ”
“สตางค์ไม่ใช่เสือ” ละเมียนสวนกลับทันที จนละไมต้องเรียกน้องเป็นเชิงปราม
“ไม่เป็นไรครับ...สักวันละเมียนคงจะเข้าใจผมเหมือนสตางค์”
“โอ๊ย! ฉันน่ะรู้เช่นเห็นชาติแกมานานแล้ว”
“ผมไปก่อนดีกว่า...คุณพ่อไปละสตางค์ ผมไปละครับ ละไม”
“อะไรนะ! ใครพ่อใคร”
ทองดีกลับไปแล้วละเมียนรีบซักไซ้พี่สาวอย่างอยากรู้ ละไมไม่ตอบแต่เรียกเบียบให้ช่วยประคองสตางค์เข้านอน
ooooooo
ชิ้นนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าร้านอาหารไปเล่าให้ธนูฟังในวันรุ่งขึ้น เขาทั้งเล่าทั้งด่าทองดีไปในคราวเดียวกัน
“ไอ้ทองดีนี่มันหน้าไหว้หลังหลอกสุดๆ โอ๊ะโห! ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครหน้าด้านได้ขนาดนี้...ใจดำอำมหิต...เด็กตัวนิดเดียวมันปล่อยให้ล้มแล้วขู่เอาๆ
ผมล่ะอยากจะออกจากที่ซ่อนไปสั่งสอนมันนัก”
“ก็แล้วทำไมไม่ออกล่ะ”
“โห! ออกก็ตายสิ มันมีทั้งสมุน...มีทั้งปืน ปลัดต้องรีบไปเล่าให้คุณละไมฟังเลยนะ”
“เล่าจนปากฉีกไปรอบหัว เขาก็ไม่เชื่อ”
“พูดแบบนี้น้อยใจอะไรหรือเปล่า”
“เปล๊า!...คนอย่างฉันน่ะเรอะน้อยใจ...ผมดกขนาดนี้ไม่มีเสียล่ะ”
ชิ้นฟังแล้วหัวเราะชอบใจก่อนคว้ามอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป ธนูเดินกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พยายามคิดหาทางออกเพื่อช่วยเหลือสตางค์
ทางด้านเสือยิ่งและเจอร์ราร์ดต่างแยกย้ายกันปฏิบัติการ เสือยิ่งพาลูกสมุนพร้อมอาวุธครบมือบุกไปหาครอบครัวลุงกับป้าของบุญในค่ำคืนวันหนึ่ง แล้วสาดกระสุนใส่ทุกคนอย่างเหี้ยมเกรียม ส่วนเจอร์ราร์ดพาลูกสมุนมาขว้างระเบิดใส่บ้านญาติอีกหลัง หวังกำจัดพยานหลักฐานที่เหลือให้สิ้นซากในคราวเดียวกัน
ooooooo
ละไมนั่งมองตัวเองอยู่หน้ากระจกภายในห้องนอน เธอขมวดคิ้วอย่างฉงนเมื่อลองแลบลิ้นออกมาแตะที่ริมฝีปาก
“เอ๊ะ! ไม่เห็นจะเค็มเลย...อีตาธนูมันหลอกด่าฉัน ไอ้คนบ้า!”
ละไมชะงักเมื่อเบียบตะโกนบอกทองดีมา เธอออกจากห้องเห็นน้องสาวกำลังมีปากเสียงกับเขาอยู่หน้าร้าน ละเมียนไม่ยอมให้ทองดีไปส่งสตางค์ไปโรงเรียน ขณะกำลังยื้อยุดฉุดกระชากสตางค์อยู่นั้น ทองดีเห็นละไมออกมารีบตรงเข้าฟ้อง
“ผมแวะมาบอกเรื่องระเบิด กับเรื่องยิงกันกลางดึกเมื่อคืน แล้วจะเลยมารับลูกสตางค์ไปส่งโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย แต่น้องละเมียนไม่ยอม”
“ไปกับแกนั่นแหละอันตราย”
ละเมียนไม่ยอมลดละ ในขณะที่ทองดีก็ไม่ยอมแพ้หันมาถามสตางค์
“ลูกสตางค์ครับ...ลูกสตางค์อยากให้ใครไปส่งที่โรงเรียนบอกพี่ละเมียนไปสิครับ”
“คุณพ่อทองดีครับ” สตางค์ก้มหน้าบอก ไม่กล้า สบตาเขา
“งั้นก็มาหาคุณพ่อทองดีสิครับ ไปกันเถอะครับ ละไม...เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องระเบิดให้ฟังระหว่างทาง”
ทองดีหันมายิ้มเยาะให้ละเมียนก่อนเดินออกไปจากร้าน ละเมียนนึกฉุนน้องชายด่าเมื่อให้หลัง ไอ้น้องทรยศ เบียบเห็นด้วยและรู้สึกแปลกใจว่าสตางค์ไปสนิทสนมกับทองดีตอนไหนถึงยอมเรียกพ่อ ละเมียน
บอกเบียบอย่างหมายมั่นเธอต้องสืบให้รู้ให้ได้
ระหว่างทางไปส่งสตางค์ ละไมอุทานอย่างตกใจเมื่อรู้เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากทองดี เขารีบตีบทพ่อพระแสดงความเป็นห่วงเธอและสตางค์ทันที
“ผมถึงต้องมารับสตางค์ไปส่งโรงเรียนเองไง...พวกนั้นมันอุกอาจมาก!”
“ใครที่มันเป็นอีแอบทำเรื่องชั่วๆอย่างนี้ ขอให้มันพินาศย่อยยับ ถ้าอยู่ในบ้าน ก็ขอให้บ้านพัง เดินถนนก็ขอให้รถชน อยู่ในรถก็ขอให้เกิดอุบัติเหตุ”
แล้วยกมือพนมสาธุ ไม่ทันขาดคำจ่อยที่กำลังขับรถอยู่เบรกกะทันหันจนทุกคนหน้าคะมำไปตามกัน
ooooooo
เมื่อรู้ว่ารถทองดีเกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับร้านค้า ทองคำสบถอย่างหัวเสีย
“นังนี่มันปากเสีย!”
“บังเอิญน่ะครับพ่อ”
“ลองเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจะไว้ใจไม่ได้ โบราณเขาว่า จิ้งจกทักยังต้องฟัง นี่มันยิ่งกว่านั้น”
“หมายความว่า คุณพ่อจะยกเลิกการแต่งงาน”
“เฮ้ย! ยกไม่ได้ เราต้องฮุบสมบัติของมัน โดยเฉพาะตลาดนั่นกับทำเลทองของบ้านมันให้ได้ก่อน แล้วค่อยถีบหัวส่ง”
เมื่อเห็นลูกชายมีสีหน้าสลด ทองคำรีบปลอบ ละไมก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งจะหาที่สวยกว่านี้มีถมไป เขาจะเอาสักกี่คนก็ย่อมได้
ทางด้านธนูยืนคุยกับพ่ออยู่หน้าบ้านพัก ในขณะที่คนขับรถกำลังยกกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาเก็บไว้ด้านท้าย แล้ววิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม
“เดินทางปลอดภัยนะครับคุณพ่อ แล้วผมจะส่งข่าวไป”
“แกเองก็ต้องระวังตัว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างนี้ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางความเจริญ มันนึกอยากจะฆ่าก็ฆ่ากันง่ายๆ คนตายกี่คนนะ”
“7 คนครับ”
“ธนู สัญญากับพ่อนะว่าจะกระชากหน้ากากคนพวกนี้ แล้วลากคอพวกมันเข้าคุกให้ได้”
“ครับคุณพ่อ ผมสัญญา”
“ดี! พ่อขอบใจในฐานะคนไทยคนหนึ่งกับข้าราชการที่ตั้งใจทำงานเพื่อความสุขของประชาชน”
เดชากอดลูกชายอย่างให้กำลังใจ แล้วตบไหล่เขาอีกครั้งก่อนเดินไปขึ้นรถ ธนูยืนดูรถพ่อแล่นออกไปจนลับตา เขายิ้มภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกเดชา ข้าราชการที่มีอุดมการณ์และทำงานเพื่อแผ่นดิน
ละไมเมื่อกลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องเหตุระเบิดที่รับรู้มาจากทองดีให้น้องสาวฟัง ละเมียนเตือนพี่สาวให้ยั้งคิดอย่างมีสติ
“คิดให้ดีนะพี่ไม ไอ้เรื่องระเบิดภูเขาเผากระท่อมแบบนี้ไม่มีใครสามารถ นอกจากพวกไอ้ตระกูลทองสองพ่อลูกนั่น”
“อาจมีใครสวมรอย”
“แล้วใครล่ะที่จะบังอาจมาสวมรอย สตางค์ก็เหมือนกัน อยู่ดีๆทำไมเกิดพิศวาสขาดใจไอ้ทองเก๊ขึ้นมา หนูว่ามันต้องขู่อะไรเด็กแน่ๆ”
“ละเมียน คุณทองดีเขารักสตางค์นะ”
“มองตาหนู แล้วบอกมาว่าพี่ไมคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะหนูเป็นน้องแท้ๆของพี่ หนูรู้ว่าพี่เป็นคนยังไง”
“แกจะบอกว่าฉันโง่ดักดานล่ะสิ!”
“พี่ไมไม่โง่ ฉลาดมากด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นพี่จะดูแลธุรกิจแทนป๊ากับม้าจนเจริญถึงขนาดนี้ได้ยังไง หนูเสียอีกที่งี่เง่าไม่รู้เรื่องเลย พี่ไมพยายามจะไม่รับรู้เรื่องของคนที่พี่ไมรักต่างหาก”
ละไมตั้งท่าจะเถียงน้องสาว แต่แล้วเปลี่ยนใจ ปรารภอย่างเซ็งๆ
“มีแต่คนเขาว่าฉันเค็ม! แกก็ด้วย”
“หนูก็พูดไปอย่างนั้นแหละ หนูรู้สึกเหมือนพี่ไมจะพยายามปิดกั้นไม่ยอมรับรู้ความจริง หนูอยากให้พี่ไม ลองเปิดใจทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพวกตระกูลทองดู แล้วพี่ไมจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
ละเมียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นสีหน้าจริงจังจนละไมเริ่มรู้สึกหนักใจ เธอเดินกลับเข้าห้องทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยล้า ก่อนยกมือลูบหน้าตัวเองแล้วถอนใจหนักหน่วง เริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใคร่ครวญ
ooooooo
ละไมตัดสินใจนัดทองดีมาพบบริเวณป่าละเมาะในตอนเที่ยง ทองดีมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มคิดว่าคนรักมีเซอร์ไพรส์ เขาแปลกใจเมื่อมาถึงกลับไม่พบเธอ
ทองดีพยายามเรียกแต่ทุกอย่างเงียบงันสักครู่ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินจากทางด้านหลัง เมื่อหันมาพบละไมยืนมองเขาอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทองดียิ้มพร้อมเดินเข้าหา
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องเข้ามา” ละไมสั่งเสียงเฉียบขาด
“นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว”
“พวกคุณฆ่าญาติของนายบุญกับนายชูเมื่อคืนหรือเปล่า”
“เปล่า! ผมจะทำอย่างนั้นทำไม”
“ก็เพื่อปิดปากคนที่ฆ่าป๊ากับม้าของฉัน”
“โอย! นี่ใครมันมาเป่าหูคุณอีกล่ะ ไอ้ธนูล่ะสิ หรือว่าน้องสาวตัวดีของคุณ”
“ไม่จำเป็นที่จะต้องมีใครมาเป่าหู ฉันคิดของฉันเองได้ เหตุการณ์ทุกอย่างมันบ่งบอกหมด”
“บ่งบอกบ้าบออะไร ถ้าคุณคิดบ้าๆแบบนี้ เราอย่าเพิ่งพูดกันดีกว่า”
“เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
“หายบ้าเมื่อไหร่ โทร.หาผมก็แล้วกัน”
ทองดีหงุดหงิดหันหลังเดินตรงกลับไปที่รถทันที ละไมยกปืนขึ้นยิงจากทางด้านหลังหลายนัด กระสุนเฉียดร่างเขา ในขณะที่ทองดียังคงเดินไปที่รถอย่างใจเย็นแล้วขับออกไป ละไมทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างหมดแรง
“ความรักเหมือนโรคา บรรดาลตาให้มืดมน”
เธอสะดุ้งเมื่อเงยหน้าพบว่า เจ้าของเสียงนั้นเป็นธนู ถามเขาอย่างแปลกใจว่าตามเธอมาทำไม ธนูพูดกวนอารมณ์ว่าเป็นสถานที่สาธารณะ ใครๆก็มีสิทธิ์เข้ามาเดิน เข้ามาวิ่ง หรือแม้กระทั่งคลาน ละไมฉุนเล็งปืนใส่เขา แต่แล้วเปลี่ยนใจยกปืนกระแทกไปที่ท้องจนเขาจุกตัวงอ
ทองดีขับรถกลับด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน เมื่อถึงบ้าน เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง ทองคำระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจ มองสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องล้อเล่น
“เฮ่ย! ผู้หญิงมันก็แบบนี้แหละ ชอบงอนให้ผู้ชายง้อ”
“ไม่ใช่นะครับพ่อ แม่สาดกระสุนใส่ผมเป็นชุด สาดจนหมดแม็ก”
“แต่ก็ไม่ถูกลูกซักเม็ดนี่นา นี่แสดงว่าละไมรักลูกทองดีของพ่อมาก ลูกต้องใจเย็นๆ นึกถึงที่ทางของมันไว้ ที่ดินที่เราต้องการมากๆ”
ทองดีหงุดหงิด อย่างไรเสียเขาต้องดัดนิสัยเธอให้จงได้ แล้วลุกจะเดินเข้าห้อง ทองคำเรียกเขาไว้บอกว่า สัปดาห์หน้าพวกนักสู้นานาชาติจะทยอยมาถึง
แล้ว อยากให้เขากระจายกันมา เกรงว่ามาเป็นกลุ่มอาจมีคนสงสัย แล้วออกปากฝากฝังทองดีให้ดูแลเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
ทางด้านธนูหลังจากโดนปืนกระแทกท้องจนจุก เขากลับมานั่งทายาเงียบๆอยู่ภายในห้องทำงาน นายอำเภอเข้ามาเห็นถามอย่างสงสัย ธนูอ้างเดินชนของแข็ง นายอำเภอยังซักไซ้อย่างจับผิด
“เมื่อกลางวันกินข้าวเสร็จแล้วหายไปไหนมา ผมอยากรู้ว่าคุณเอาเวลาราชการไปทำอะไร”
“ไปเดินดูหน้าบ้านท่านทองคำให้แน่ใจว่าท่านปลอดภัยดีน่ะครับ”
“แล้วไป ท่านทองคำถือเป็นทรัพยากรบุคคลอันทรงค่าของอำเภอโพธิ์ทอง คุณทำถูกแล้วที่คอยดูความปลอดภัยให้”
นายอำเภอพูดจบแล้วเดินออกไปจากห้อง ธนูถอนใจโล่งอก พึมพำกับตัวเอง
“ฟังตัวเองพูดก็ว่าคลื่นไส้แล้ว แต่นายอำเภอพูดคลื่นไส้กว่าอีก ทรัพยากรบุคคลอันมีค่า ช่างพูดออกมาได้”
ooooooo
ภายหลังเลิกงาน ธนูคว้ามอเตอร์ไซค์ขี่กลับบ้านเหมือนปกติเช่นทุกวัน เสือยิ่งและเจอร์ราร์ดสวมหมวกกันน็อกจอดมอเตอร์ไซค์ซุ่มไว้ด้านหนึ่ง เมื่อเห็นรถของธนูออกมา สองโจรรีบขี่สะกดรอยตามไปห่างๆ โดยไม่ให้เขารู้ตัว
ธนูจอดรถเมื่อถึงหน้าบ้านพัก เขาหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงแตรดังมาจากรถตู้คันหนึ่งที่กำลังแล่นเข้ามาจอด เมื่อประตูรถตู้เปิดออก ศรีไพรก้าวลงมาช้าๆ ท่วงท่าราวกับนางพญา สำลีก้าวตามในมือถือปิ่นโตเถาใหญ่ บนบ้านพักธนู กรองแก้วแอบมองจากช่องหน้าต่างบ้าน
“คุณศรีวรรณจะไปทำบุญวัดไหนหรือครับ”
“เย็นป่านนี้พระวัดไหนท่านจะฉันล่ะคะ แล้วคนนี้ คือศรีไพรค่ะไม่ใช่ศรีวรรณ จำง่ายๆ ศรีไพรสวยกว่า
ศรีวรรณ 2-3 เท่า ศรีไพรจัดอาหารระดับภัตตาคาร 5 ดาว มาเสิร์ฟให้พี่ธนูถึงบ้านเลยค่ะ นอกจากนี้ก็มีของหวานพร้อมทั้งผลไม้ที่สั่งตรงจากต่างประเทศ ทุกอย่างคัดแล้วคัดอีก”
เธอโอ้อวดแล้วหันมาสั่งสำลีให้พูดต่อ สำลีรอจังหวะอยู่พูดแทบไม่หายใจว่าข้าวหอมมะลิเกรดเอจากบริษัททองคำยั่งยืน กุ้งผัดซอสมะขามซึ่งเป็นกุ้งจากฟาร์มกุ้งทองคำยั่งยืนตัวใหญ่น้องๆล็อบสเตอร์ น้ำพริกไข่ปูกับไข่เจียวปู ซึ่งเป็นปูจากทองคำยั่งยืน ธนูทำท่าเวียนหัวยกมือขึ้นปราม
“พอแล้ว ผมพอสรุปได้แล้วว่าทุกอย่างมาจากบริษัททองคำยั่งยืน”
“งั้นเราเข้าไปรับประทานกันในบ้านเลยนะคะ คุณปลัดกลับมาเหนื่อยๆ ศรีไพรจะปรนนิบัติชนิดไม่มี ขาดตกบกพร่อง”
“ผมเป็นคนธรรมดาเดินดินกินส้มตำปลาแดกครับ ไม่คุ้นกับปรนนิบัติอันเลอเลิศ ชนิดคัดแล้วคัดออก เอ๊ย! คัดอีก! ความหวังดีของคุณศรีไพรผมขอรับไว้ด้วยใจ”
ศรีไพรชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนจามดังมาจากบนบ้าน ถามเขาอย่างแปลกใจเตรียมขยับขึ้นไปดู ธนูรีบเอาตัวขวางไว้อ้างเป็นบ้านชายโสด ไล่ให้ศรีไพรกลับไปก่อนเพื่อรักษาเกียรติของกุลสตรีระดับห้าดาว ธนูพูดจบก็รีบเข้าบ้าน ทิ้งให้ศรีไพรกับสำลียืนมองกันหน้าเหวอ
ธนูแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นกรองแก้วอยู่ในบ้าน เธอว่าขอกุญแจจากเดชาไว้สำหรับเข้ามาทำความสะอาดหรือเอากับข้าวมาให้เขา ธนูเอ่ยวันหลังไม่ต้องนำอาหารมาให้เขาอีก เธอรับปากแบบขอไปที
ส่วนศรีไพรเมื่อกลับถึงบ้านก็เอาแต่ร่ำไห้ฟ้องพ่อเรื่องธนูไม่ยอมกินข้าวด้วย
“ไปเสียน้ำตาให้มันทำไม ไอ้ธนูนั่นไม่ได้คู่ควรกับแกสักนิดก็เหมือนไอ้บุญสมมันก็ไม่คู่ควรกับศรีวรรณ”
“นิ่งเสียทีเถอะ มาคร่ำครวญสะอึกสะอื้นอยู่ได้ เดี๋ยวพี่จัดการสั่งสอนให้เอง”
“อุ๊ย! พูดแบบนี้พี่ทองดีจะฆ่าปลัดธนูเหรอ”
“จะบ้าเหรอ คนดีๆอย่างฉันจะไปฆ่าใครได้ มดซักตัวยังไม่กล้าบี้เลย ยุงกัดก็ไม่เคยตบ ไม่เชื่อก็ถามคุณพ่อดู พี่เป็นลูกคุณพ่อ...ใจบุญสุนทานเหมือนคุณพ่อทุกอย่าง พี่แค่จะยกพระธรรมคำสอนเพื่อโน้มน้าวจิตใจเขาให้สำนึกบาปกรรมจะได้เลิกทำร้ายจิตใจผู้หญิงเสียที”
ศรีไพรรู้สึกโล่งใจที่พี่ชายรับปากจัดการปัญหาให้เธอด้วยสันติวิธี ทองดีหันมาสบตาพ่อยิ้มอย่างรู้กัน เมื่อลับร่างน้องสาวเสือยิ่งกับเจอร์ราร์ดซึ่งหลบอยู่มุมหนึ่งรีบเข้ามารายงาน
“ผมสะกดรอยตามมันตั้งแต่หน้าอำเภอแล้ว กะว่าพอปลอดคนเมื่อไหร่จะเก็บทันที แต่พอดีน้องสาวนายขนปิ่นโตเอาไปให้มัน ก็เลยต้องหลบก่อน”
ทองดีพยักหน้าอย่างเข้าใจ กำชับสองโจรให้รอโอกาสเหมาะๆแล้วจัดการทุกอย่างให้แนบเนียน
วันรุ่งขึ้น ทองดีให้ธนูมาพบที่บ้าน แล้วเอ่ยปากให้ประลองฝีมือกับเจอร์ราร์ด ธนูมองหน้าทองคำเป็นเชิงถาม เขาบอกสู้กันพอขำๆ เมื่อการต่อสู้ของคนทั้งคู่เริ่มขึ้น เจอร์ราร์ดแสยะยิ้มทุ่มเทพละกำลังที่มีสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ทองดีหันมาพยักหน้ากับยอด มันโยนเปลือกกล้วยลงไปที่พื้น ธนูไม่ทันระวังถอยหลังมาเหยียบลื่นล้มจนเสียจังหวะเชิงมวย บรรดาสมุนกองเชียร์ประสานเสียงเฮลั่นอย่างชอบใจ
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ธนูอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำมากกว่าได้เปรียบ จังหวะหนึ่งเขาพลาดท่าเซไปหาสมุนที่ยืนเชียร์อยู่ มันกลับช่วยล็อกตัวเขาไว้ให้เจอร์ราร์ดปามีดแม่นยำยิ่งขึ้น แต่ธนูพลิกตัวหลบใช้มันเป็นโล่เข้ารับมีดแทน
เมื่อตั้งหลักได้เขาไล่รุกจนเจอร์ราร์ดถอยร่นเซหมดท่า เสียงจากกองเชียร์เงียบกริบ ทองคำสั่งยุติการประลองลง ยอดกับเสือยิ่งรีบตรงเข้าช่วยประคองพาเจอร์ราร์ดออกไป ในขณะที่ธนูเองก็สะบักสะบอมกลับไปเช่นกัน
ooooooo
หน้าโกดังสินค้าริมน้ำ เรือเอี้ยมจุ๊นกำลังเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบท่า ยอดกับเสือยิ่งและเจอร์ราร์ดยืนคุมลูกสมุนคนอื่นๆให้ช่วยกันลำเลียงลังไม้สินค้าไปเก็บไว้ในโกดัง
ทองดีสั่งสมุนให้แกะลังไม้ เมื่อฝาลังถูกงัดออกเผยให้เห็นฟางข้าวที่อัดแน่นอยู่ภายใน ทองดีเอามือล้วง เข้าไปใต้ฟางข้าว ด้านในมียาเสพติดสีเหมือนลูกกวาดบรรจุอยู่ภายในห่อพลาสติก เขามองอย่างแปลกใจ ทองคำว่าเป็นยาเสพติดตัวใหม่ที่เขาสั่งปรุงขึ้นเป็นพิเศษ
“อร่อยเหมือนขนม ยาตัวนี้พ่อสั่งปรุงพิเศษเนียนกว่าสูตรเดิมเยอะ ไม่ตายง่ายๆ แต่จะกลายเป็นทาสเราไปตลอดชีวิต เป็นกองทัพซอมบี้ที่เราจะสั่งให้มันถวายชีวิตยังไงก็ได้ ฮ่าๆ”
ทางด้านผู้กองเพชรกระแทกกำปั้นทุบโต๊ะด้วยความโมโห เมื่อรู้มีการขนสินค้าเย้ยกันกลางวันแสกๆ นายอำเภอปรีชาปลอบให้ปิดหูปิดตาทำมองไม่เห็นเสีย คำปลอบของนายอำเภอกลับยิ่งทำให้ผู้กองเพชรฉุนหนักเข้าไปอีก เขารู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากรู้ทั้งรู้อะไรเป็นอะไรแต่กลับพูดไม่ได้
“น่าผู้กอง ยังไงช่วงนี้ก็อดทนหน่อย เดี๋ยวพอคณะกรรมการสอบสวนวินัยปลัดบุญสมเรียบร้อยเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น”
“ตกลงปัญหาอยู่ที่ปลัดบุญสมอย่างนั้นสินะ แล้วถ้าปลัดบุญสมโดนลงโทษหรือหายไปจากโลกนี้ นายทองคำจะเลิกทำชั่ว ฟอกร่างกลับเป็นผู้ถือศีลบริสุทธิ์อย่างนั้นเหรอครับนายอำเภอ” คำพูดตรงไปตรงมาของผู้กองทำเอาปลัดอำเภอถึงกับอึ้งไปต่อไม่เป็น
พุดกับเผือกรีบมารายงานเรื่องทองคำลักลอบขนยาเสพติดให้ลูกพี่รู้ทันที บุญสมหยิบเงินเขาจำนวนหนึ่งยื่นส่งให้พุดกับเผือกไว้สำหรับเติมน้ำมันแล้วกำชับให้เตรียมของทุกอย่างให้พร้อม สองสมุนรับคำอย่างรู้งาน จวงออกมาเห็นแต่ละคนมีท่าทางน่าสงสัย รีบปรามอย่างเป็นห่วง
บุญสมปลอบผู้เป็นแม่หากเกิดอะไรขึ้นเดชาจะพา ทุกคนไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย จวงยืนกรานหนักแน่นขอตายที่นี่ แล้วขอร้องเขาให้ออกจากราชการมาทำสวนอยู่กันอย่างสงบสุขตามประสาแม่ลูก บุญสมก้มหน้ารับฟังนิ่ง
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ละไมขับรถผ่านหน้าบ้านครูจรัลเห็นธนูกับกรองแก้วกำลังซ้อมมวยกันอย่างสนุกสนาน ธนูชะงักหันมาเห็นเธอเข้า ละไมรีบกระชากรถขับออกไปทันที
ละไมถึงบ้านรอจนค่ำไม่เห็นละเมียนกับสตางค์กลับมา บ่นกับเบียบอย่างเป็นห่วงที่ทั้งลูกทั้งน้องหมกมุ่นเรียนมวยจนลืมเวลา จู่ๆทองดีก็โผล่พรวดเข้ามาภายในร้านทำเอาเธอตกใจ เขาคุกเขายื่นช่อดอกไม้ส่งให้พร้อมออดอ้อนเรียกคะแนนสงสารโดยไม่อายสายตาของคนรอบข้าง
“คุณทองดีอย่าทำอย่างนี้เลยนะคะฉันขอร้อง คุณทองดี”
“ไม่ จนกว่าคุณจะยอมใจอ่อนยอมยกโทษแล้วก็เห็นใจผม ผมรักคุณมากนะละไม ถ้าผมทำอะไรให้คุณโกรธ คุณจะด่าคุณจะว่าผมยังไงก็ได้นะละไม แต่คุณอย่านิ่งเงียบกับผมอย่างนี้เลย ผมกลัว”
“คุณทองดีไม่เข้าใจละไม”
“คุณต่างหากที่ไม่เข้าใจผม ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้นะละไม ถ้าคุณสงสัยอะไรในตัวผม ก็ขอให้ผมมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้งนะละไม อย่าทิ้งผมไป ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ผมอยู่ไม่ได้!”
ทองดีร้องไห้คร่ำครวญจนไม่หลงเหลือภาพของคนที่เคยหยิ่งทะนง คนที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร ละไมเริ่มลังเลอีกครั้งเพราะมีความรู้สึกผูกพันกับเขามานาน
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ทองดีคว้ากรรไกรบนโต๊ะจ้วงแทงที่ท้องตัวเองทันที ละไมหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นเลือดไหลซึมออกมา เธอรีบตรงเข้าประคองร่างเขาไว้พลางร้องเรียกให้คนช่วย บรรดาลูกสมุนแตกตื่นกรูกันเข้ามาช่วยพยุงลูกพี่ บุญสมพาละเมียนและสตางค์มาส่งพอดี เขามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเคลือบแคลง รู้ดีว่าคนอย่างทองดีไม่มีวันรักใครเกินตัวเอง หากต้องการอะไรย่อมทำได้ทุกอย่าง
บุญสมนั่งเป็นเพื่อนละเมียนที่ร้านกระทั่งละไมกลับจากโรงพยาบาล เธอบอกกับทุกคนเขาปลอดภัยดีแล้วเดินขึ้นข้างบน ละเมียนกลัวพี่สาวใจอ่อนตะโกนไล่หลังเตือนสติ เรื่องราวที่ผ่านมาเป็นอย่างไรรู้ดีอยู่แล้วอย่าให้เขาหลอกอีกเป็นอันขาด เธอหันมามองน้องสาวพูดทั้งน้ำตา
“พี่กับคุณทองดีคบกันมาตั้งหลายปีฉันกับเขาผูกพันกัน แกไม่เข้าใจหรอกละเมียน เพราะแกยังไม่เคยรักใคร”
“รู้ได้ไงว่าหนูไม่เคยรักใคร”
สตางค์กับเบียบได้ยินคาดคั้นถามอย่างตื่นเต้น ละเมียนเพิ่งนึกได้รีบแก้ตัวว่าพูดส่งเดชไปอย่างนั้นเอง บุญสมที่รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อมีสีหน้าเศร้าลงทันที เขาเลือกที่จะเดินจากไปเงียบๆ ละเมียนมองตามอย่างไม่สบายใจเพราะลึกๆแล้วเป็นห่วงความรู้สึกของเขาเหลือเกิน
บุญสมทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงกลางสะพานไม้ข้ามคลอง แป๊ะชองเดินมายิ้มให้แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ทำท่าทางถามเขาเหมือนคนอกหัก บุญสมเข้าใจท่าทางที่แป๊ะชองสื่อความหมายออกมา จึงตอบกลับจะอกหักได้อย่างไรในเมื่อแฟนสักคนยังไม่เคยมี แป๊ะชองยังแสดงท่าทางยุให้จีบละเมียน บุญสมเอ่ยกับแป๊ะชองอย่างน้อยใจ
“ละเมียน ในสายตาของเขาผมมันก็แค่ไอ้บุญสมหมาบ้า ไอ้ปลัดขี้คุก คนอย่างผมไม่เคยดีพอสำหรับใครหรอก”
ถอนใจออกมาอย่างหดหู่ หันมองแป๊ะชองซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กลับต้องชะงักเมื่อกลายเป็นละเมียนมานั่งแทนที่แถมยังลอยหน้าจ้องตาเขากวนๆ บุญสมมองไปบนสะพานไม้อีกฝั่งเห็นแป๊ะชองกำลังโบกมือยิ้มให้พร้อมชูแบงก์ร้อยหนึ่งใบในมือ เขาขยับจะลุกตามไปเอาเรื่องแต่ละเมียนรั้งชายเสื้อเขาไว้
“จะไปไหนเคลียร์กันก่อนสิ”
ทางด้านละไมเมื่อเข้าห้องกลับข่มตาไม่หลับเธอ ออกมานั่งทอดสายตามองเหม่อไปยังนอกระเบียงบ้าน เมื่อหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้จึงร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น เหลือบเห็นธนูกำลังปีนบันไดขึ้นมาตรงระเบียงเธอรีบปาดน้ำตาแล้วโวยวายใส่ทันที เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแค่ต้องการมานั่งเป็นเพื่อน เธอยังพยายามไล่ให้เขากลับ ธนูบอกจุดประสงค์ต้องการเคลียร์กับเธอให้เข้าใจก่อน เมื่อเห็นละไมมีสีหน้างุนงงจึงรีบอธิบาย
“ก็วันที่ผมซ้อมมวยอยู่กับกรองแก้วแล้วคุณขับรถผ่านมาเห็นไง แหม! ค้อนขวับ เหยียบคันเร่งพรืดด้วยฤทธิ์แรงหึง”
“ว้าย! พูดให้ดีๆนะใครหึงคุณ คิดเองเออเองมโนเก่งเป็นที่หนึ่ง โอย! ไปเลยไป กลับไปได้แล้ว เจอหน้าคุณทีไรฉันหงุดหงิดทุกที นี่แล้วเลิกเอาหน้ามาจ่อใกล้ๆฉันได้แล้ว เหม็นขี้ฟันคนขี้คุย”
ละไมชะงักเมื่อเห็นเขายังจ้องตาเธอนิ่งแถมสีหน้าจริงจังมากกว่าทุกครั้งพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ทั้งคู่ประสานสายตาถ่ายทอดความรู้สึกที่เก็บซ่อนอยู่ภายในใจ
“พ่อธนูกับแม่ทำอะไรกันเหรอครับ”
ทั้งคู่ชะงักหันมามอง เห็นสตางค์ยืนงัวเงียแล้วเดินมานั่งแทรกคั่นกลาง ธนูโอบไหล่เด็กชายอย่างเอ็นดู ละไมถามลูกดึกแล้วทำไมยังไม่นอน สตางค์ว่าละเมียนไม่อยู่เลยไม่รู้จะนอนกับใครขอนอนตรงนี้แล้วกัน ว่าแล้วก็เอาหัวหนุนตักละไมแล้วเอาตัวพาดไว้กับตักของธนู เธอตกใจร้องห้ามสตางค์อ้อนแม่ว่าต้องการความอบอุ่น ธนูกับละไมสบตากันอึ้งหันมามองเด็กชายที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
ธนูอุ้มสตางค์ซึ่งยังหลับสนิทมาวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ละไมมองและยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณก่อนจะช่วยจับบันไดให้เขาค่อยๆปีนกลับลงไป ก่อนอำลาในคืนนั้นเขาหันมาส่งยิ้มแล้วแสดงสัญลักษณ์มือเป็นรูปหัวใจยื่นส่งให้เธอ
ooooooo










