สมาชิก

คาดเชือก

ตอนที่ 11

อัลบั้ม: เคลลี่ ธนะพัฒน์ ประกบ จั๊กจั๋น อคัมย์สิริ ละครพะบู๊ด้วยแม่ไม้มวยไทยใน "คาดเชือก"

ธนูกับบุญสมยังคงยืนอยู่บนหลังคาเรือ บุญสมมองไปยังเรือลูกน้องทองคำเพื่อรอจังหวะ ในขณะที่ระมัดระวังตัวเองเต็มที่เพราะยังไม่ไว้ใจหน้ากากนิรนาม

“แกเป็นใคร”

“เป็นใครไม่รู้ อยากดูก็ไม่ให้เห็น ขำๆน่าปลัด เร็ว! ใกล้ได้ระยะโดดลงไปทิ้งบอมบ์พวกมันแล้ว”

เมื่อเห็นเดชาหักหัวเรือพุ่งเข้าหาเรือลูกน้องทองคำ ผู้กองเพชรที่อยู่ด้านท้ายเรือรีบวิ่งมาถามอย่างตกใจ เดชาว่าคงต้องไปถามปลัดเพราะปลัดเป็นคนสั่งให้เขาทำ

ลูกสมุนของทองคำเห็นเรือเดชาเบนหัวเข้าหาเรือตัวเองก็ร้องตกใจตะโกนบอกลูกพี่ “เฮ้ย! มันจะพุ่งชนโว้ย” แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นธนูกับบุญสมกำลังโดดลงมาในเรือ แล้วสวนหมัดเสยปลายคางจนพวกมันกระเด็นตกลงไปในน้ำ ธนูตรงเข้าจัดการลูกน้องที่เหลือแล้วหันมาทำนิ้วสัญลักษณ์โอเค

แต่บุญสมไม่สนใจรีบวิ่งเข้าไปประจำที่คนขับแล้วออกเรือทันที ธนูมัวแต่ทำท่าเท่อยู่ถึงกับเสียหลักหงายท้อง

เสือยิ่งเมื่อเห็นเรือถูกบุญสมยึดไปได้รีบสั่งลูกน้องที่เหลือล่าถอยทันที ผู้กองเพชรเห็นเรือติดตามล่าถอยถึงกับถอนใจโล่งอก

“ปลัดบุญสมคงตามไปช่วยนังละไม แต่ไม่รู้จะเอาไอ้ตัวลึกลับนั่นไปด้วยทำไม เป็นผม ผมถีบตกน้ำไปแล้ว”

เดชาได้ยินยิ้มที่มุมปากเพราะรู้ดีว่าผู้กองหมายถึงลูกชายตัวเอง แต่ยังไม่วายสงสัยว่าพวกนั้นทำไมถึงได้ล่าถอยไปง่ายดายนัก

“มันจะถอยหรือไม่ถอย จะไว้ใจได้ก็ต่อเมื่อพ้นเขตโพธิ์ทองครับ ยังไงระหว่างรอปลัดบุญสมกลับมา ผมจะกำชับพวกเราที่เหลือไม่ให้ประมาท เดี๋ยวผมจะกลับมาช่วยทำแผลนะครับ”

ผู้กองเดินไปแล้ว เดชาก้มดูแผลบนมือตัวเองที่ชุ่มไปด้วยเลือด คราวนี้รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที

ด้านละเมียน เธอขับเรือจี้ตามเรือทองดีไปติดๆ ในขณะที่ละไมหันมามองน้องสาวอย่างเป็นห่วง แล้วตะโกน

“ละเมียนกลับไป ไม่ต้องห่วงพี่ เขาไม่กล้าทำอะไรพี่หรอก”

ทองดีได้ยินถึงกับชะงัก ละไมตรงเข้ารบเร้าให้เขายอมรับ แต่ทองดียังคงนิ่งแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องอย่างรู้กัน ลูกน้องที่ขับเรือถอยห่างให้ทองดีเข้ามาบังคับเรือแทน ทองดีเบียดเรือตัวเองเข้าหาเรือของละเมียน สมุนที่ยืนรอจังหวะรีบกระโดดลงไปยืนบนเรือของละเมียนทันที เธอรีบบังคับเรือให้เลี้ยวไปมาสะบัดให้มันหล่น มันทรงตัวได้แล้วยิ้มเย้ยพลางชักมีดตรงเข้าหาอย่างย่ามใจ

ละเมียนตัดสินใจยกหางเสือแล้วเหวี่ยงหมุนใบพัดเรือกลับเข้ามาในเรืออย่างรวดเร็ว มันตกใจทิ้งมีดกระโดดหนีลงน้ำทันที ละเมียนสะใจรีบเร่งเครื่องตัดโค้งเบียดขวางหน้าเรือทองดี เขาตกใจรีบเบี่ยงหัวเรือหนี ในขณะที่ละไมตั้งสติได้ขยับจะกระโดดลงน้ำแต่ทองดียึดเธอไว้แน่น เมื่อเห็นเรือของบุญสมอยู่ด้านหน้า ทองดีตัดสินใจวกเรือย้อนกลับมาทางละเมียนแล้วเบียดฝ่าเรือเธอออกมา ละเมียนไม่คิดว่าทองดีจะวกกลับจึงตั้งหลักไม่ทันทำเอาเรือเธอเกือบล่ม บุญสมขับเรือมาถึงเธอพอดีถามอย่างห่วงใย ละเมียนว่าเธอไม่เป็นไรแล้วรีบไล่เขาให้ไปช่วยพี่สาว ธนูออกความเห็นให้บุญสมพาละเมียนกลับไปคุ้มกันผู้ต้องหาที่เรือใหญ่ ส่วนเขาจะตามไปช่วยละไมเอง บุญสมชั่งใจครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยอมทำตาม

บุญสมขับเรือสองตอนของละเมียนมุ่งหน้าไปทางเรือเดชา ขณะนั่งในเรือละเมียนแปลกใจทำไมเขาถึงไม่ยอมให้เธอไปกับหน้ากากนิรนาม บุญสมว่าไปก็เกะกะเปล่าๆ ละเมียนฟังแล้วฉุนย้อนกลับอย่างโมโห

“ฉันเนี่ยนะภาระ ฉันขับเรือไล่บี้พวกมันมาตั้งไกล ไม่เห็นต้องพึ่งใคร”

“แต่ที่เห็นเมื่อกี้ เรือเกือบล่มตาย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเชื่อใจเจ้าหน้ากากนิรนาม”

“อ้าว! นี่ชีวิตพี่สาวฉันนะ”

“แต่ทุกครั้งที่เจ้านี่โผล่มา ก็จะมาช่วยพวกเราทุกครั้ง” ละเมียนคล้อยตามในสิ่งที่เขาพูดทำให้เริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง

ทองดีใช้มือประคองพวงมาลัยเรือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างล็อกตัวละไมไว้ ธนูไล่ตามมาติดๆ แล้วเร่งเครื่องตีคู่เบียดเข้าหาทันที ทองดีผลักละไมล้มลงแล้วชักปืนยิงใส่แต่ธนูหลบหลีกได้ กระสุนพลาดไปถูกเครื่องยนต์จนเกิดควันลุกไหม้ เขาตัดสินใจหักหัวเรือเข้าหาเรือทองดีแล้วกระโดดข้ามไป ทองดียิงปืนใส่อีกครั้ง ละไมรีบตรงเข้ารั้งมือห้ามจึงถูกทองดีเหวี่ยงกระเด็นไป ทองดีหันมาหาธนูแต่เสียจังหวะถูกเขาเตะมือจนปืนกระเด็นตกน้ำ มันฉุนขาดปล่อยมือจากพวงมาลัยตรงเข้าใส่ธนูไม่ยั้ง

เมื่อเรือไร้คนควบคุมจึงเบนหน้าพุ่งเข้าหาตลิ่งที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ละไมตกใจรีบปรี่เข้าถือพวงมาลัยแล้วหักหัวเรือหลบได้เฉียดฉิว ในขณะที่ธนูกับทองดีต่อสู้กันเต็มกำลัง จังหวะหนึ่งธนูถีบทองดีกระเด็นไปติดมุมหนึ่ง ธนูรีบคว้าตัวละไมมาไว้ในอ้อมแขนแล้วสั่งให้เธอหายใจลึกๆ ก่อนจะพาร่างเธอกระโจนดำดิ่งลงสู่ก้นคลอง

ทองดีรีบปลดคันเร่งเรือแล้วดึงหมวกไหมพรมที่สวมพรางใบหน้าออก กวาดตามองไปรอบๆอย่างใจเสียเมื่อไม่เห็นละไมโผล่ขึ้นเหนือน้ำ

ละไมและธนูนอนหมดสติอยู่ริมตลิ่ง ละไมเริ่ม รู้สึกตัว พยายามตั้งสติมองไปยังธนูซึ่งยังนอนไม่รู้สึกตัว เธอพยายามรวบรวมพละกำลังที่มีเอื้อมมือไปปลดผ้าที่คาดหน้าเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าส่วนหนึ่ง ขณะจะดึงเปิดออกให้หมดแต่เธอกลับล้มฟุบหมดสติไปอีกครั้ง

ooooooo

เรือของเดชาลอยลำอยู่กลางน้ำ ผู้กองเพชรเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ต้องหารีบวิทยุขอกำลังเสริม เดชากังวลใจไม่น้อยเป็นห่วงบุญสมที่ยังไม่กลับมา ผู้กองเพชรว่าบุญสมคุ้นเคยพื้นที่และลำคลองนี้มานานคงไม่เป็นไร

บุญกับชูเมื่อเจอนาทีชีวิตที่ต้องหนีเอาตัวรอดเช่นนี้จึงเอ่ยถามผู้กองถึงเมียรักอย่างเป็นห่วง ผู้กองเพชรมองหน้าเดชาอย่างหนักใจก่อนจะปดว่าทั้งคู่ยังอยู่ดี บุญกับชูทำหน้าไม่ค่อยเชื่อนัก จังหวะนั้นบุญสมกับละเมียนขับเรือสองตอนมาสมทบพอดี

ผู้กองเพชรไม่เห็นละไมจึงเอ่ยถาม บุญสมว่าหน้ากากนิรนามตามไปช่วยแล้ว ผู้กองหงุดหงิดที่บุญสมเชื่อใจใครก็ไม่รู้ ละเมียนซึ่งไม่พอใจเป็นทุนเดิมเห็นพ้อง ตามผู้กองเพชร เธอหันมาจ้องบุญสมอย่างเอาเรื่อง บุญสมว่า เขาพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างแล้วหันไปคาดคั้นบุญกับชูกดดันให้พูดความจริง

แต่แล้ววินาทีนั้นกระสุนปริศนาพุ่งตรงเข้าเจาะกลางอกบุญอย่างแม่นยำจนล้มฟุบสิ้นใจตาย ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัวได้ ทันกระสุนปริศนาพุ่งเข้าเด็ดชีพผู้คุมอีก 2 นายจนล้มลงขาดใจ บุญสมตะโกนสั่งให้ทุกคนหมอบแล้วกดตัวเดชาและละเมียนไว้กับพื้น ชูเห็นเพื่อนตายต่อหน้าสติแตก ลุกขึ้นยืนหวังวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่กลับถูกคมกระสุนเจาะเข้ากลางอก 2 นัดซ้อนจนร่วงลงกองกับพื้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน

ชายป่าละเมาะอีกด้านหนึ่ง ทองคำซ่อนกายอยู่หลังพงไม้ค่อยๆลดปืนลงอย่างใจเย็น จ่อยสอพลอเจ้านายทันที

“แหม! นายนี่ยังแม่นเหมือนเดิมนะครับ”

“เรื่องล่าสัตว์ของโปรดข้าอยู่แล้ว”

ทองคำยิ้มเหี้ยมแล้วสั่งลูกสมุนถอย เสียงรถขับออกไปดังมาทางป่าละเมาะ บุญสมโกรธจัดคว้าปืนยิงรัวไปยังทิศทางนั้นจนปืนหมดกระสุนแล้วตะโกนลั่นด้วยความเจ็บใจ

ooooooo

ทองคำกลับมาเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่บ้าน แต่หงุดหงิดเมื่อเห็นทองดีเอาแต่นั่งหน้าเครียดกลุ้มใจเรื่องของละไม จึงตำหนิผู้หญิงแค่คนเดียวไม่ถึงกับทำให้ชีวิตล่มจม ทองดีเถียงว่าพ่อไม่เข้าใจ

“ถ้าอยากใหญ่ใจเอ็งต้องแกร่งกว่านี้ไอ้ลูกชาย นังละไมไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่โลกสร้างมาให้แต่งงานกับเอ็ง”

“แต่พ่อก็อยากให้ผมแต่งงานกับละไมเพื่อฮุบตลาดริมน้ำของเขา”

“ใช่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้านังละไมมันตายแล้วพ่อจะหมดหนทางที่จะเอาตลาดของมันมาเป็นของเราไม่ได้นี่หว่า ถ้าไม่มีนังละไมซะคน ลำพังเด็กสาวอย่างนังละเมียนก็ไม่ต่างอะไรกับเศษผงที่เราเป่าเบาๆ ก็ปลิวหายแล้วล่ะวะ ฮ่าๆๆ” ทองคำระเบิดเสียงหัวเราะ ทองดีมองพ่ออย่างไม่ค่อยเข้าใจในความคิด

ในเวลาเดียวกันหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล กรองแก้วและทองก้อนมีสีหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นบาดแผลที่มือเดชา เธอขอร้องให้เขานอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน เธอกับพ่อจะเป็นคนเฝ้าเอง

“เดี๋ยวผมนวดเฟ้นเน้นคลึงให้ท่านเองครับ รับรองสบาย ฮ่าๆ”

“ฉันจะตายเพราะนวดนี่แหละทองก้อน ขอบคุณที่เป็นห่วงกัน แต่ฉันไม่เป็นไรจริงๆ แผลแค่นี้สบายมาก” สิ่งที่เดชากังวลที่สุดในยามนี้คือเป็นห่วงในความปลอดภัยของลูกชาย
บุญสมพาเดชากลับมานอนพักฟื้นที่บ้านครูจรัลในเวลาต่อมา บุญสมตำหนิที่ธนูหายหน้าป่านนี้ยังไม่กลับเข้าบ้าน สองพ่อลูกมองหน้าเดชาอย่างเข้าใจความรู้สึก เดชาไล่ให้บุญสมกลับไปพักผ่อนเพราะเห็นว่าเขาเหนื่อยมาแล้วทั้งวัน

บุญสมไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที หากแต่แวะไปดูละเมียนที่ร้านด้วยความเป็นห่วง เมื่อเจอหน้าเธอเอา แต่โวยวายโดยไม่สนใจความรู้สึกเขา สตางค์นั่งร้องไห้เสียใจอยู่มุมหนึ่งเมื่อรู้ว่าแม่จมน้ำแล้วยังไม่กลับมา บุญสมสงสารเดินมาลูบหัวพร้อมปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ตอนนี้ทุกคนกำลังช่วยกันออกตามหา เดี๋ยวแม่ก็กลับ ละเมียนไม่ฟังตรงเข้าผลักไสแล้วไล่เขาจากร้าน จังหวะนั้นแป๊ะชองรีบร้อนเข้ามาในร้านแล้วพยายามออกท่าทางบอกให้ทุกคนรู้ ละเมียนอุทานอย่างตื่นเต้น

“อะไรนะ! เจอพี่ละไม”

ooooooo

เมื่อละไมรู้สึกตัวในเช้าวันรุ่งขึ้น พบว่าละเมียน สตางค์ แป๊ะชองรวมถึงบุญสมและเบียบยืนล้อมอยู่รอบเตียงคนไข้ มองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

ทุกคนทราบจากพยาบาลที่ดูแลว่ามีชายสวมหน้ากากอุ้มคนไข้มาวางไว้บนเตียงเข็นผู้ป่วยแล้วผละจากไป ละเมียนช่วยประคองพี่สาวให้ลุกขึ้นนั่งแล้วถามถึงโฉมหน้าของหน้ากากนิรนาม ละไมซึ่งยังมีสีหน้าอ่อนเพลียพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ แล้วบ่นอย่างเสียดายว่าเธอหมดสติไปก่อน

ธนูเมื่อพาละไมมาถึงมือหมออย่างปลอดภัยเขากลับไปพบพ่อที่บ้านของครูจรัลทันที เดชาถามอย่างเป็นห่วง ธนูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะเขากับละไมนอนหมดสติอยู่ โชคดีเรือลำที่ชิงมาจากทองดีลอยมาเกยฝั่ง เขาจึงพาละไมกลับมาได้อย่างปลอดภัย

คนที่หัวเสียที่สุดในยามนี้คือนายอำเภอปรีชา เขานั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน บุญสมกับผู้กองเพชรยืนมองนายอำเภอที่กำลังหยิบยาหยอดใส่ปากแล้วยกน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด ผู้กองเพชรเตือนด้วยความหวังดีให้ระวังเดี๋ยวจะติดคอ นายอำเภอของขึ้นกระแทกเสียงโต้กลับ เพราะพวกเขาทำให้ตนต้องกินยาเยอะขนาดนี้ บุญสมท้วงนายอำเภอจะกลัวอะไรในเมื่อไม่ได้ไปด้วย

“ปลัดพูดอย่างกับไม่รู้จักนายทองคำ ที่สำคัญปลัดเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผม โธ่โว้ย! อยากจะกรอกยาใส่ปากให้หมดกระปุกก็ดันกลัวตาย แค่ชีวิตเล็กๆสองชีวิต คุณสองคนไม่น่าไปขวาง”

“ชีวิตเล็กๆที่นายอำเภอพูดถึงนี่ คนนะครับ”

“ชีวิตเล็กๆที่ไม่อยู่บนโลกนี้ก็ไม่มีใครเดือดร้อน ถ้ามันอยู่แล้วทำให้ชีวิตเราเดือดร้อนแล้วจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะปลัด”

“เมื่อก่อนผมคิดว่านายอำเภอเป็นแค่ข้าราชการที่เข้าเกียร์ว่างรอเวลาเกษียณ ไม่นึกเลยว่าจริงๆแล้ว นายอำเภอใจร้ายแล้วก็เลือดเย็น”

พูดพร้อมจ้องหน้าอย่างไม่ยำเกรง นายอำเภอปรีชาชี้หน้าบุญสมอย่างเดือดดาล ขู่จะตั้งกรรมการสอบ บุญสมจ้องกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ผู้กองเพชรพยายามเข้าออมชอม นายอำเภอกำหมัดแน่นแล้วเดินออกจากห้องปิดประตูกระแทกใส่หน้าดังโครม!

ooooooo

ทองดีมาหาละไมที่ร้านในตอนเย็น เขาขอโทษอ้างงานยุ่งจึงมาเยี่ยมเธอช้า ละไมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ บอกเขาไม่ต้องห่วง เธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาเอ่ยชวนไปกินข้าวในวันรุ่งขึ้นเพื่อพูดคุยเรื่องแต่งงาน

ละไมรีบปฏิเสธขอเลื่อนงานแต่งออกไปก่อน เขาได้ยินถึงกับใจเสีย ละเมียนเข้ามาขัดจังหวะพูดตรงๆว่าไม่ต้องเลื่อนงานแต่ง แต่ให้ยกเลิกไปเลย

ทองดีฉุนหันมาชี้หน้าแล้วชะงักรู้สึกตัวว่าละไมกำลังมองอยู่ เธอขอร้องให้เขากลับไปก่อน เมื่อทองดีกลับไป เธอรีบปิดประตูร้านทันที

“โอ๊ย! ทำไมต้องกลัวด้วยล่ะพี่ละไม คนแบบนี้ไม่ต้องจบสวยหรอก”

“ฉันไม่ได้กลัว แต่ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องมีเรื่องกัน แค่นี้เขาก็รู้ความหมายที่พี่ต้องการบอกแล้ว”

เสียงเคาะประตูร้านดังขึ้น ทุกคนคิดว่าทองดีย้อนกลับมาอีก ที่แท้เป็นธนู เขาหิ้วของกินมาฝากทุกคนแล้วชวนละไมออกไปข้างนอก เบียบตั้งข้อสังเกตเมื่ออยู่ตามลำพังกับละเมียน สงสัยว่าสองคนนั่นจะกิ๊กกัน ละเมียนเห็นดีด้วยหากเป็นเรื่องจริง เพราะอย่างน้อยธนูจะช่วยสร้างรอยยิ้มให้กับพี่สาวเธอได้ดีกว่า

ธนูขับรถพาละไมมานั่งดูดาวเพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย หลังจากเพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆมา ละไมแหงนหน้ามองดาวบนฟ้า พูดอย่างน้อยใจที่เขาไม่รู้ว่าเธอต้องเจออะไรมาบ้าง ธนูยื่นหน้ามาใกล้แล้วเอ่ยว่ารู้ดีทุกอย่าง เธอหันมามองหน้าเขา เริ่มรู้สึกเหมือนคุ้นๆ แล้วนึกถึงเหตุการณ์ในวันที่เปิดผ้าคาดหน้าของหน้ากากนิรนามออก เธออุทานชี้หน้าเขาอย่างตกใจ

“หน้ากากนิรนาม!”

“นิรนาม! เพี้ยนรึเปล่าคุณ ผมเนี่ยมีชื่อเสียงเรียงนาม ธนูสุดหล่อจำไม่ได้เหรอคุณ แล้วหน้ากากเนี่ยไม่เคยใส่ จริงใจ จะบอกให้นะตัวเอง”

“เหมือน...เหมือนมากๆ”

“เหมือนใคร เหมือนที่ไหน ไปกันใหญ่แล้วคุณ” พลางจับมือเธอมากุมไว้

“ก็เหมือนจริงๆนี่นา เหมือนมาก”

“แต่คงไม่ใช่หรอกเนอะ เพราะคนอย่างคุณไม่มีทางกล้าหาญชาญชัยอะไรอย่างนั้นแน่นอน กล้าอย่างเดียว ก็เรื่องฉวยโอกาสกับผู้หญิง” พูดจบก็ดึงมือตัวเองกลับอย่างเขินอาย แต่กลบเกลื่อนด้วยการค้อนเขาแทน

ธนูพาเธอมาส่งบ้าน ละไมขอบคุณที่เขาอุตส่าห์พาไปดูดาว ธนูถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แสงดาวส่องถึงใจเขาบ้างหรือเปล่า เธอมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ธนูรีบชี้ไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง

“ใจผมพูด ตรงนี้ๆ”

ละไมเข้ามาในบ้านก็เอาแต่ยืนยิ้มเมื่อนึกถึงคำพูดและท่าทางของเขา ละเมียนยังไม่นอน เห็นอาการพี่สาวเอ่ยปากถามตรงๆว่าชอบเขาหรือ ละไมเฉไฉหาว่าน้องเพ้อเจ้อ แค่คดีของพ่อแม่กับเรื่องค้าขายเธอก็ปวดหัวจะแย่แล้วผลุนผลันเข้าห้องนอนตัวเอง

“ผู้หญิงบ้านนี้นี่ปากแข็งจริงจริ๊ง อุ้ย!” ละเมียนสะดุ้งนึกขึ้นได้เพราะรู้สึกว่าโดนเข้ากับตัวเองเหมือนกัน

ooooooo

จวงทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อรู้ว่าลูกชายจะถูกตั้งกรรมการสอบ

“ถ้าโดนตั้งกรรมการสอบสวนวินัยจะเป็นยังไงบ้างลูก”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกแม่ อาจโดนด่าหรือไม่ก็หักเงินเดือนนิดหน่อย” บุญสมพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้แม่คิดมาก พุดรีบแทรก

“อูย! เท่าที่รู้ไม่ใช่อย่างนั้นนะจ๊ะ เห็นเขาว่าถ้าพี่บุญสมมีความผิดจริง”

“ซึ่งถึงไม่ผิด เขาก็ป้ายสีปีแพะให้พี่บุญสมแบ๊ะๆ รับบาป อาจโดนถึงขั้นหมดอนาคตทางราชการ”

เผือกสำทับ ทำให้จวงยิ่งไม่สบายใจหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอน บุญสมมองหน้าพุดกับเผือกเป็นเชิงปรามหลายครั้งแต่ทั้งคู่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดมากไปถึงกับสะดุ้งเฮือกรีบเอามือปิดปากตัวเอง บุญสมเดินตามแม่เข้าห้องอธิบายให้เข้าใจไม่ถึงขนาดที่พุดกับเผือกพูด จวงหันมาบอกลูกด้วยสีหน้าเศร้า จะให้ทองคำจับเธอไปติดยาสักกี่ครั้งก็ได้ แต่เธอทนไม่ได้หากเขาโดนทำลายจนแทบเอาชีวิตไม่รอดแบบครั้งที่แล้ว

“แม่มีลูกคนเดียว เอ็งเป็นเหมือนหัวใจของแม่นะบุญสม ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจดวงนี้ของแม่อีกครั้งเดียว แม่คงอยู่ไม่ได้แล้วบุญสม”

จวงน้ำตาคลอ บุญสมรู้สึกเจ็บปวดสงสารแม่จับใจ เขาพูดอะไรไม่ออกได้แต่สวมกอดแม่ไว้แน่น จวงกอดลูกชายแล้วสะอื้นไห้อย่างอัดอั้น

ooooooo

บุญสมมาพบเดชาที่บ้านครูจรัลในเวลาต่อมา เมื่อเดชารู้ว่าเขากังวลเพราะเป็นห่วงแม่ จึงเอ่ยถามจะสู้หรือถอย บุญสมยืนกรานหนักแน่นว่าสู้ เขาไม่มีวันเนรคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ประชาชนเสียภาษีเลี้ยงดูข้าราชการอย่างเขาเป็นอันขาด เดชาว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะพาจวงรวมทั้งพุดกับเผือกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเอง

“ข้าราชการดีๆอย่างเธอ สมควรได้รับการดูแล แต่ไม่ต้องสู้ตายนะบุญสม สู้ไม่ตาย แล้วต้องชนะ เข้าใจมั้ย”

บุญสมรับคำ หันไปทางสองพ่อลูกที่กำลังมองมาอย่างให้กำลังใจ ทองก้อนเห็นในความดีของเขาจึงตั้งใจจะถ่ายทอดตำรามวยให้

บุญสมมีท่าทีสงสัย กรองแก้วรีบอธิบายก่อนที่พ่อจะติดคุกเขาเป็นเจ้าของค่ายมวยมาก่อน ทั้งยังเป็นเพื่อนรักของครูจรัลด้วย ช่างประจวบเหมาะเมื่อธนูมาหาเดชา ทองก้อนว่าไหนๆก็อยู่พร้อมหน้ากันทุกคน ขอเล่าเรื่องทั้งหมดทีเดียวไปเลย

“เราสามคน ผม...จรัล...และช้างสาร ด่านพญายม เป็นเพื่อนสนิทกัน ช้างสารได้คิดค้นท่าไม้ตายของแม่ไม้ขึ้นมา 2 ตำรา คือ พยัคฆ์ขาวและพยัคฆ์ดำ ครั้งหนึ่งช้างสารขึ้นสังเวียนมวยคาดเชือกและได้ทดลองใช้ตำราพยัคฆ์ดำ ทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงเสียชีวิตคาเวที สร้างความตกใจและเศร้าเสียใจให้ช้างสารมาก เขาจึงเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อชดใช้ความผิด แล้วเลือกธุดงค์ไปในป่าลึก นับจากนั้นมาจน ถึงบัดนี้ก็ไม่มีใครได้เห็นหน้าช้างสาร ด่านพญายมอีก”

บุญสมถามถึงตำราอย่างกระหายใคร่รู้ ทองก้อนว่า ก่อนจากไปช้างสารได้มอบตำราพยัคฆ์ดำให้เขา ส่วนตำราพยัคฆ์ขาวให้ครูจรัล โดยบอกว่าให้หาคนมาสืบทอดทั้ง 2 ตำรา และผู้สืบทอดจะต้องเป็นคนดี

“และสาบานว่าจะไม่ใช้ทั้งสองไม้ตายนี้ไปในทางชั่วร้าย ก่อกรรมทำเข็ญใดๆเด็ดขาด ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะถ่ายทอดวิชาพยัคฆ์ขาวให้เอ็ง บุญสม”

เดชาเห็นด้วยกับความคิดของทองก้อนที่จะถ่ายทอดวิชาพยัคฆ์ขาวให้บุญสม เขาหันมาพูดกับธนูให้หมั่นฝึกวิชาพยัคฆ์ดำ ทั้งสองคนจะได้ใช้วิชาของตัวเองมาช่วยกันปราบคนชั่วให้หมดสิ้นไปจากโพธิ์ทอง

ooooooo

ละเมียนร้อนใจเป็นห่วงบุญสม เมื่อรู้ว่าเขาจะถูกตั้งกรรมการสอบสวนจึงไปหาเขาที่บ้าน เมื่อไม่พบจึงตรงดิ่งมายังบ้านครูจรัลทันที ขณะเดินมาตามทาง เห็นบุญสมกำลังเดินสวนออกมา

“เป็นไงบ้าง เห็นแป๊ะชองบอกว่าถูกตั้งกรรมการสอบสวน”

“เฮ้อ! ไม่ใช่เรื่องของคุณน่า ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

“ก็ฉันเป็นห่วงนาย”

ละเมียนเผลอพูด พอรู้ตัวรีบเอามือปิดปากตัวเองทันที บุญสมซึ่งเดินผ่านหน้าเธอไปชะงักหันกลับมามอง ก่อนเดินกลับมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาเธออย่างค้นหา ละเมียนใจเต้นโครมครามทำตัวไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา

“เป็นห่วงจริงเหรอ”

“ก็...ถามดู เออ...นิดหน่อย”

เธอตอบไม่เต็มเสียงนัก ชำเลืองมองเห็นเขายังจ้องเธอตาไม่กะพริบ เธอรีบก้มหน้ามองพื้นหลบสายตาเขาอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าเห็นเขาอมยิ้มจึงถามยิ้มอะไร บุญสมไม่ตอบแต่หันหลังเดินออก เธอร้องเรียกแล้วรีบวิ่งตาม ทั้งคู่เดินคุยกันมาตลอดทาง ละเมียนดีใจที่เขาจะได้เรียนมวยพยัคฆ์ขาว ไม่วายกำชับให้ช่วยสอนเธอด้วย บุญสมเผยความฝันของตัวเองว่าอยากเปิดสอนมวยคาดเชือกให้กับคนที่สนใจ

“ฉันจะตามป่วนให้โรงเรียนพังไปเลย คอยดู”

“คุณไม่ทำอย่างนั้นหรอกผมรู้ เพราะคุณเองก็อยากให้เด็กๆมีวิชาความรู้ไว้ป้องกันตัว ผมพูดถูกมั้ย คุณอาจจะเป็นเยาวชนคนแรกที่ผมจะถ่ายทอดวิชาให้ อาจจะ...แปลว่าสอน หรือจะไม่สอนก็ได้ คุณคงต้องคอยตามลุ้นเอา”

ละเมียนหันขวับมาจ้องเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ บุญสมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วยื่นหน้ามายิ้มล้อใกล้ๆ

ooooooo

เมื่อกลับมาถึงร้านค้า ละเมียนเล่าให้ทุกคนฟัง สตางค์ตื่นเต้นจะไปสมัครเรียนเป็นคนแรก ละไมขัดขึ้นคิดจะเรียนมวยถามความเห็นเธอหรือยัง

“ให้สตางค์เป็นมวยไว้ป้องกันตัวบ้างก็ดีนะพี่ละไม อย่างน้อยก็ได้ออกกำลังกาย มีกิจกรรมดีๆให้เด็กๆทำ ดีกว่าปล่อยเวลาให้ว่างไปหมกมุ่นกับอบายมุขของนายทองคำนะ”

“อะไรดลใจยะ จู่ๆถึงได้เออออห่อหมก เห็นดีเห็นงามกับความคิดของปลัดบุญสม”

“ก็...ก็ไม่มีอะไร หนูเห็นมีประโยชน์กับส่วนรวม”

“เมื่อก่อนแค่ได้ยินชื่อปลัดบุญสมแกก็จะอาเจียนแล้ว ว่าไงจ๊ะน้องสาว เห็นกับประโยชน์ส่วนรวมหรือเห็นแก่ส่วนร่วมของหัวใจกันแน่”

“จะบ้าเหรอพี่ละไม นี่หนูจริงจังนะ”

“โอ้โห! หน้าพี่ละเมียนแดงก่ำเลยครับแม่”

“ต๊าย! หน้าแดงด้วยแรงแห่งรัก ประตูดวงใจเผยออกมาทางดวงตา หน้าปลัดบุญสมลอยมาแต่ไกลเลยนะจ๊ะ”

เบียบแซวขณะมือประคองหน้าละเมียน จ้องมองเข้าไปในดวงตาเธออย่างค้นหา ละเมียนปัดมือเบียบออกอย่างหัวเสีย แล้วหันไปเอาคืนพี่สาว ละไมร้อนตัวรีบบอกเธอไม่มีอะไรให้ใครแฉ

“เหรอ...จะให้หนูพูดมั้ยล่ะว่าพี่ละไมกับ...”

“ฉันไม่ได้รักคุณธนูนะยะ ไม่เคยรักสักนิด ไม่มี้!”

“ใครน้า...ไม่รักผม ใจร้ายจังเลย” ทุกคนชะงักหันไปมองยังต้นเสียง ไม่คิดว่าธนูจะมาเอาเวลานี้ สตางค์อ้าปากจะเล่า ละไมรีบเอามืออุดปากลูกห้ามไว้

ธนูพาละไมออกมานั่งยังลานหน้าบ้าน เอ่ยปากชวนเธอไปดูดาว ละไมว่าเปลี่ยนจากดูดาวไปดูดวงได้หรือเปล่า เธออยากรู้ว่าดาวอะไรมาทับกันชนกันที่โพธิ์ทองถึงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น ธนูยังคงรบเร้าชวนเธอไปดูดาวด้วยกัน

“คุณนี่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับใครเขาเลยนะ รู้มั้ยว่าเขาจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว รู้บ้างมั้ยเนี่ย จริงสิ คุณลอยตัวอยู่เหนือปัญหาอยู่แล้วนี่ มีแต่ได้กับได้ วินๆตลอด”

“ไปป่าว คืนนี้ฟ้าเปิด ดาวกำลังสวย”

“เฮ้อ! สรุปไม่เข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ยเนี่ย” ละไมถอนใจเซ็ง มองธนูที่ยังคงลอยหน้าพยายามอ้อนวอนชวนเธอไปดูดาว

ooooooo

ทองก้อนพาบุญสมมาซุ่มฝึกตำรามวยพยัคฆ์ขาวในป่ากลางดึก สอนท่วงท่าต่างๆ ตั้งแต่หนุมานผลาญลงกา นาคาม้วนขด นักพรตจำศีล ธรณินทร์สะท้านไหว นารายณ์สยบมาร รอนราญศัตรูพ่าย กรีดกรายแกร่งกร้าว พยัคฆ์ขาวระเริงชัย

ทุกท่วงท่าบุญสมเรียนรู้และทำตามได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งซุ่มดู อยู่ไม่ห่างกันนัก

ทองคำตื่นเต้นเมื่อได้ยินชื่อตำรามวยพยัคฆ์ขาว ทองดีหน้าเหวอเพราะไม่คุ้นหูมาก่อน

“นักเลงรุ่นใหญ่เขารู้จักกันทั้งนั้น แต่ระยะหลังหายเงียบไป จนผู้คนเลือนๆ บ้างก็สับสนว่าเป็นตำรา

เดียวกับพยัคฆ์ดำ เลยเรียกตำราพยัคฆ์ดำปนเปกันไป โชคดี ที่เอ็งไปพบไอ้ทองก้อนมันฝึกให้ไอ้บุญสม”

เสือยิ่งว่าเขาสะกดรอยตามหมายดักฆ่าทองก้อนกลางทาง แต่กลับพบมันกำลังฝึกวิชาพยัคฆ์ขาวให้กับบุญสม

“พ่อก็รู้จักตำรามวยคาดเชือกดี แต่ผมไม่เคยเห็นพ่อใช้วิชาพวกนี้เลย”

“พ่อชอบปืน รวดเร็วทันใจดี”

“อ้าว! แล้วทำไมให้ผม...”

“พ่ออยากให้แกเป็นทุกอย่าง เพราะแกเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลเรา แกต้องเก่งรอบตัว ไม่ว่าใครมารูปแบบไหน แกต้องได้หมด พอจะเสียเปรียบเมื่อไหร่ค่อยใช้ปืน เราต้องชิงตำราพยัคฆ์ขาวมาให้ได้”

ทองดียิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย เขาจะฝึกทั้งพยัคฆ์ดำและพยัคฆ์ขาว ถึงเวลานั้นจะไม่มีใครมาเทียบชั้นเขาได้

ooooooo

ธนูพาพ่อมาโรงพยาบาลในตัวอำเภอตาม หมอนัด กรองแก้วดีใจที่แผลเขาแห้งสนิทหายไวกว่าที่คิด ธนูขอร้องพ่อให้กลับกรุงเทพฯ เพราะเป็นห่วงในความปลอดภัย

ขณะกำลังคุยกันอยู่ ละไมเดินเลี้ยวออกมาจากมุมหนึ่งภายหลังนำเครื่องกรองน้ำมาส่งให้กับโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ธนูเห็นถึงกับยิ้มหน้าบาน กรองแก้วสังเกตเห็นท่าทางเขา เธอหน้าเศร้ารู้สึกหดหู่ขึ้นทันที

ละไมเดินเข้ามาทักทายกรองแก้วและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันไปยกมือไหว้เดชาถามถึงบาดแผลอย่างเป็นห่วง เดชาว่าเขายังแข็งแรงและบู๊ได้เหมือนเดิม ละไมสังเกตเห็นธนูยืนกอดคอเดชาจึงตำหนิที่เขาลามปามไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ธนูแสร้งทำสีหน้าสลดรีบลดมือลงข้างตัว

ละไมอาสาไปส่งทุกคนขณะเดินไปยังลานจอดรถ รถของศรีวรรณกับศรีไพรที่มีจ่อยเป็นผู้ขับกำลังเลี้ยวเข้ามาในโรงพยาบาล สองพี่น้องโวยวายไม่พอใจเมื่อเห็นละไมกำลังทั้งทุบทั้งหยิกธนู สั่งจ่อยให้จอดรถหมายลงไปตบสั่งสอน มัวแต่เถียงกันเอง หันมาอีกทีละไมก็ขับรถออกไปแล้ว

ทางด้านละเมียนมาบ้านครูจรัลเพื่อตื๊อบุญสมให้สอนมวย บุญสมว่ากว่าเขาจะได้เรียนมวยต้องนั่งคุกเข่าหน้าบ้านครูข้ามวันข้ามคืน ต้องเตะต้นกล้วย หาบน้ำ นั่ง สมาธิ วิ่งวันละหลายกิโล ฟั่นเชือกที่ใช้พันหมัด กับอีกสารพัดงานอยู่หนึ่งปีเต็มกว่าครูจะยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์

“ผมให้คุณชกหน้าผมให้โดนแค่หมัดเดียว เพื่อแลกกับการเรียนมวยคาดเชือก หมูจะตายคุณยังทำไม่ได้เลย ชกมวยต้องใช้สมอง ใช้สมาธิ ไม่ได้ใช้แต่แรง”

คำพูดท้าทายและดูถูกของเขาทำให้ละเมียนมีมานะฮึดสู้ เธอหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย เดินตรงเข้าหาบุญสมแล้วตีเข่าเข้าที่เป้ากางเกงอย่างจัง บุญสมไม่ทันระวังถึงกับทรุดลงไปนั่งจุกตัวงอ ทองก้อนหัวเราะชอบใจที่ละเมียนใช้สมองแล้วก็ล้มบุญสมได้หนึ่งหมัดจริงๆ เธอตรงเข้าช่วยพยุงให้ลุกขึ้นแล้วทวงสัญญา เมื่อเขาพยักหน้า เธอกระโดดดีใจจนตัวลอย

“นายนี่น่ารักที่สุดเลยบุญสม”

เธออ้าแขนจะตรงเข้าสวมกอดแล้วชะงัก เมื่อรู้ตัวรีบลดมือลง เขาและเธอมองหน้ากันอย่างมีความสุข ในขณะที่ต้นรักกำลังเบ่งบานงอกงามขึ้นในหัวใจของคนทั้งสอง

ooooooo

คาดเชือก

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด