สมาชิก

ขมิ้นกับปูน

ตอนที่ 9

หลังจากปวีณาเห็นกับตาว่าทันพันธุ์เต็มใจช่วยบิดาของตนหาเสียง ความรู้สึกชิงชังแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชอบและประทับใจ แต่กับแทนพงศ์ อาจารย์หนุ่มรูปหล่อ ความรู้สึกของเธอยังคงต่อต้านเหมือนเดิม

แต่เพราะระแคะระคายในปัญหาครอบครัวของปัทมา ที่ได้ยินพระวิจิตรพูดออกมาขณะเถียงกับพระยาอภิบาลเมื่อวานตอนหาเสียงว่าปัทมาประสาทแดกจะบ้าบอเหมือนปู่ ทำให้ปวีณาอยากรู้ความจริงจึงยอม

ผูกมิตรกับแทนพงศ์เมื่อเจอกันที่มหาวิทยาลัย

ปวีณาขอร้องแทนพงศ์ให้พาเธอไปหาปัทมาในเวลาเลิกเรียน ขณะเดียวกันปารมีเจอทันพันธุ์ที่มาเหมาขนมเหมือนเดิมก็ต่อว่าที่เขาโกหกว่าปัทมาสบายดี

“ฉันไม่เคยคิดซ้อนกลปิดบังอะไร ฉันแค่ไม่อยากให้เธอมีกังวล”

“แต่คุณรู้แก่ใจหรือไม่ มันยิ่งซ้ำให้ฉันเป็นทุกข์หนักข้อ หากฉันรู้ว่าพี่ปัทมีปัญหา ฉันจะได้ถลันหาช่องช่วยเหลือ นี่คุณปล่อยให้พี่ปัทต้องสู้ทรมานใจอยู่บ้านหลังนั้น ทั้งๆที่คุณปู่คุณสำแดงฤทธิ์รังเกียจพี่ปัทขุมนั้น ถึงขั้นว่าพี่ปัทเป็นบ้า...รบกวนคุณบอกความจริงกับฉันเถอะค่ะ เกิดความอะไรขึ้นกับพี่ปัท”

ทันพันธุ์เห็นใจปารมี ยอมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เธอฟังอย่างละเอียด ทำให้ปารมีตกใจและเป็นห่วงพี่สาวยิ่งขึ้น

“พี่ปัทแยกเรือนออกไป แล้วใครจะดูแลพี่ปัท ไหนจะเรื่องไปเมืองนอก ฉันจะปลงใจได้ยังไงว่าคุณธนาจะไม่ทิ้งพี่ปัทอีก”

“ฉันตอบคำถามแทนอาธนาไม่ได้ ฉันจะพยายามแวะไปเยี่ยมเยียนพี่สาวเธอ”

“พี่ปัทไม่ไว้ใจใคร อย่างครั้งที่ฉันเจอพี่ปัทต่อหน้า พี่ปัทยังบังความว่าสบายดี ทั้งๆที่พี่ปัทหมองใจหนัก”

“คุณปัทมาคงไม่อยากให้เธอเป็นห่วง”

“พี่ปัทวาดฝันชีวิตรักที่โปรยด้วยกลีบกุหลาบ

พี่ปัทรับไม่ได้หากทางรักถูกขวางด้วยขวากหนาม พี่ปัทถึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนไม่ให้ทางพลิกคว่ำอย่างคำสาปแช่งของคุณปู่หรือแม้แต่พี่ณา ฉันเป็นห่วงพี่ปัท อยากไปเจอพี่ปัทด้วยตัวเอง”

ทันพันธุ์นิ่งไป พอดีแก้วเข้ามาตามปารมี บอกว่าน้าหวานขับรถมารอรับแล้ว ทันพันธุ์จึงบอกปารมีว่า

“ฉันเองต้องไปทำงาน แล้วฉันจะถามไถ่ความมาแจงเธอ”

ปารมีพยักหน้ารับแล้วเดินไปพร้อมสาวใช้ ทันพันธุ์อาทรหญิงสาว มองตามจนลับสายตา

ooooooo

หมดภาระหน้าที่ในช่วงบ่าย อาจารย์แทนพงศ์พาปวีณาไปพบปัทมาตามคำขอ โดยให้สองพี่น้องพูดคุยกันตามลำพังในบ้าน ส่วนตัวเองรออยู่หน้าบ้านอย่างใจเย็น หวังว่าปวีณาจะช่วยให้ปัทมาผ่อนคลายและมีความสุขขึ้น

กลายเป็นตรงกันข้าม ปวีณายั่วยุว่าธนาไม่ได้รักปัทมา หากเขาเป็นสามีที่ดีคงไม่ปล่อยให้ภรรยารอกินข้าว แค่เสียงรถแว่วเข้ามาพี่ก็ถลาไปหา คงจะโหยอยากเจอเขามาก พี่เคยมีปากเสียงกันบ้างรึเปล่า

“ก็มีบ้าง...เหมือนลิ้นกับฟันอย่างโบราณเปรียบเอาไว้ ไม่นานก็คืนดีกัน”

“คนรักกันมากถึงขนาดตัดสินใจหนีตามกัน ไม่น่าจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แม้เพียงขัดใจก็ไม่น่าจะมีด้วยซ้ำ”

“เธอไม่เคยร่วมหมอนกับใคร เธอไม่เข้าใจหรอก”

“ณาถามอะไรหน่อยเถอะ เวลามีขัดคอขัดใจกัน พี่ปัทเคยคิดอยากกลับไปบ้านสักนิดไหม”

“ไม่มีสักกระผีก ไม่มีวันกลับคืนอย่างเดิมได้ พี่รักคุณธนา คุณธนาก็รักพี่ ชาตินี้ไม่มีใครแยกเราจากกันได้”

“เห็นจะมีพี่ปัทคนเดียวกระมังที่แยกจากเขาไม่ได้”

“เอ๊ะ ยัยณา!! ถ้าเธอมาหาพี่เพื่อปั่นหัวให้พี่ผิดใจกับคุณธนาก็ไม่ต้องมา”

“พี่ปัททำร้อนตัวใหญ่ไปรึเปล่าคะ ณามาเพราะมีห่วง ณาเพียงอยากรู้ว่าคนที่บูชาความรัก ยอมขาดสะบั้นจากญาติพี่น้อง เห็นผู้ชายดีกว่าครอบครัว ไม่สามารถสะกดใจให้ถือในเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูล จะประสบพบเจอสิ่งใด ระหว่างสมหวังหรือล้มเหลว”

ปัทมาไม่พอใจที่ปวีณาตอกย้ำความล้มเหลวของเธอ ตอบกลับใส่หน้าปวีณาว่าตนมีความสุขดี ปวีณารู้ว่าพี่สาวกำลังโกหก แต่ก็ยิ้มตอบ

“ในฐานะน้องสาว ณาใจพองโตกับพี่ปัทด้วยนะคะ ณาต้องรีบกลับ ไม่อยากให้ใครสงสัย”

“ฝากบอกยัยปานด้วยนะพี่คิดถึง ณา...ขอบใจนะที่มาเยี่ยมพี่”

ปวีณาพยักหน้าแล้วเดินออกไป...ปัทมาไม่พอใจที่ปวีณามายั่วยุ แต่อย่างน้อยเธอก็สุขใจที่ได้เจอน้องสาว... แทนพงศ์ตั้งใจส่งปวีณาให้ถึงหน้าเรือน แต่หญิงสาวขอลงก่อนถึง เพื่อไม่ให้ใครในเรือนล่วงรู้ว่าเธอติดรถเขามา

“ผมช่วยคุณขั้นนี้แล้วยังตราผมเป็นศัตรูอีกรึ”

“ความดีของคุณแค่หยิบมือ คงไม่พอลบล้างความบาดหมางที่สั่งสมแรมปีได้หรอกค่ะ”

ปวีณาลงจากรถด้วยท่าทียโส แทนพงศ์ระอาใจ พอนึกอะไรได้ก็รีบตามไปเรียกเธอไว้

“ประเดี๋ยวสิคุณ คุณยังไม่ได้เล่าความให้ผมฟังเลย คุณปัทมาเธอเป็นยังไงบ้าง”

“พี่ปัทไม่มีความสุขที่ต้องทนอยู่กับสามี”

“ผมว่าคำพูดคุณออกจะเกินความไปหน่อย”

“คุณเป็นญาติกันย่อมเข้าข้างกัน พี่ปัทตอบฉันเองว่าเคยทะเลาะกัน”

“ชีวิตคู่ของสามีภรรยาใช่จะมีความสุขเพียงอย่างเดียว คนแต่งงานกันย่อมมีปัญหาร้อยแปด แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลิกหรือแยกทางกัน”

“ฉันไม่คิดเช่นนั้น คนรักกันต้องมอบความรักและความสุขให้แก่กัน หากไม่มีความสุขก็อย่าทนทุกข์ หย่าร้างเสีย”

ปวีณาพูดจบก็เดินออกไป แทนพงศ์มองตาม ยิ้มขำความคิดของปวีณาที่ยังมีกำแพงอยู่สูง เขาเชื่อว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความรัก

ชายหนุ่มกลับมาในรถเห็นหนังสือของปวีณาลืมวางไว้ที่เบาะหลัง เขาจะร้องเรียกแต่เธอหายลับไปเสียแล้ว

ooooooo

หลายคนในเรือนเริ่มเป็นกังวลที่ยังไม่เห็นปวีณากลับจากเรียนหนังสือ พอปวีณาโผล่เข้ามา ปารมีลุกพรวดไปทักถามพี่สาวว่าหายไปไหนมา

ปวีณาพยายามกลบเกลื่อนปิดบังเรื่องไปพบปัทมา ตอบน้องสาวว่า “ฉันไปเรียนหนังสือมาน่ะสิ”

“ปานหมายถึงเลิกเรียนแล้วพี่ณาไปไหนคะ วันนี้กลับสายกว่าทุกวัน”

“แกซักฉันทำไม แกจ้องจับผิดฉันงั้นสิ”

“เปล่าค่ะ ปานถามเพราะเป็นห่วงค่ะ”

“พล่ามเกินจริง แกคงคิดว่าฉันจะไปทำบัดสีอย่างพี่ปัทใช่ไหม คงกำลังจ่อรอหัวร่อฉัน ว่าทำเป็นคนวิเศษ แต่ที่ไหนได้ก็พวกหมูกินของสกปรก แต่เมินซะเถอะ คนอย่างฉันไม่มีวันลดตัวลงไปกลั้วของชั่วให้เสื่อมเด็ดขาด แกเองซื่อต่อตัวให้ดีเถอะ อย่าให้ฉันจับได้ว่าแกไปร่านกับหลานบ้านโน้นอีก”

ปวีณาต่อว่าปารมีเพื่อปิดบังเรื่องของตัวเอง แล้วทำท่าจะเดินหนี ปารมีรีบบอกว่าอาปริกเรียกหาพี่ณา ท่านรออยู่ที่ครัว ปวีณายิ่งหงุดหงิด กลัวทุกคนจับได้ เร่งเดินกระทืบขึ้นเรือนไป โดยมีสายตาปารมีมองตามแปลกใจในท่าทีนั้น

หลังจากเปลี่ยนชุดใหม่เข้ามาในห้องครัว ปวีณากระแทกตัวนั่งลงตรงแคร่ ถามอาปริกว่าเรียกตนมามีเรื่องด่วนอะไร ตนต้องเร่งอ่านตำรา ปริกให้ปวีณาช่วยขูดมะพร้าวแทนป้าพุด จำปากับปีบมองหน้ากันแปลกใจที่ปริกเรียกปวีณามาใช้งาน

“คุณอาคงได้ยินไม่ถนัด ณาต้องเร่งอ่านตำราเรียนค่ะ”

“แกลองใช้ขมองตรองดู พุดตื่นก่อนไก่โห่ช่วยโม่แป้ง ปรุงข้าวคาวหวาน ดูงานบ้านงานเรือนจรดแดดคล้อย ส่วนแกแค่เรียนหนังสือ ใครกันที่สมควรมีแรงเหลือช่วยงาน”

“ณาเป็นหลานคุณปู่นะคะ ไม่ใช่บ่าวในเรือน”

ป้าพุดไม่อยากให้เกิดปัญหาบอกว่าตนยังไหว แต่ปริกไม่ยอม สั่งเฉียบให้พุดไปพัก พุดเลยไม่กล้ายึกยักอีก เดินสวนทางกับปารมีออกไป ฝ่ายปวีณายังพล่ามเอาแต่ใจไม่จบสิ้น

“คุณอาเอาณาไปเทียบชั้นกับพวกบ่าวได้อย่างไรกัน”

“บ่าวในเรือนมิใช่รึที่ทำให้แกรับสบายและมีกิน นี่ไม่ใช่ยุคทาสที่จะทำแบ่งวรรณะใส่หัวใคร”

“ข้อนั้นณาไม่เถียงสักนิดค่ะ แต่คนเราเกิดมาชาติวุฒิไม่เท่ากัน ณาเกิดมาในตระกูลที่สูงกว่า ณาย่อมได้รับอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่า และข้อสำคัญ ณามีความรู้ปัญญาล้ำหน้ากว่าคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ”

จำปากับปีบฟังมาถึงตรงนี้เริ่มทนไม่ไหว ไม่พอใจที่ปวีณาย้ำในความโง่ของพวกอาที่เป็นนางก้นครัว

“แต่พอการเถอะแม่ณา คุณอาปริกหาได้เทียบชั้นของเธอเทียมบ่าว คุณอาแค่อยากให้เธอช่วยการงานในบ้าน ไม่ใช่เอาแต่ร่ำอยู่กับตำรับตำรา”

“หากคุณอายังแช่ที่ความคิดเช่นนี้ ณาคิดว่าเราจะหาทางเจริญไม่ได้”

ทุกคนตกใจไม่คิดว่าปวีณาจะปากกล้าถึงขนาดนี้ ปริกโมโหบอกให้หลานสาวพูดมา ตนอยากรู้ว่านิสิตเขาคิดเห็นอย่างไร

“สังคมสมัยใหม่เขาวัดค่าด้วยปัญญา ใครมีความรู้และใบปริญญาเหนือชั้นย่อมเป็นใบเบิกในทุกสิ่ง”

“แล้วไอ้คนที่มีการศึกษาเยอะๆ ถ้าไม่รู้จักเข้าครัวมันจะมีกินไหม”

“ชนชั้นนำไม่ต้องลงทำการเองค่ะ เรามีเงินมากพอที่จะจ้างคนอื่นสนองความต้องการเรา หน้าที่เราคือผู้นำทาง คือคนตั้งคำสั่ง”

“ดี...ในฐานะที่ฉันเป็นผู้นำในงานครัวงานเรือน ฉันขอสั่งให้เธอลงมาขูดมะพร้าว”

ปวีณาไม่พอใจที่ถูกปริกสั่งให้ทำงาน ตอบโต้อย่างไม่ยำเกรงก่อนเดินเชิดหน้าออกไป “ผู้นำที่แท้คือคุณปู่ คุณปู่คงไม่เห็นด้วยที่ณาจะทิ้งเวลาอ่านตำรามาขลุกอยู่ในครัว ทำตัวเป็นแม่ค้า”

ปารมีแทบไม่เชื่อหู ถลันเข้ามาอาสาช่วยขูดมะพร้าว... อาทั้งสามส่ายหน้าเอือมระอานิสัยก้าวร้าวถือดีของปวีณาที่มีปู่คอยถือหาง จึงวางตัวกร่างหนักข้อขึ้นทุกวัน ทั้งที่คนในเรือนสู้ตรากตรำทำเงินให้ได้เรียน แต่ไม่สำนึกบุญคุณ อย่างนี้จะเจริญได้อย่างไร คงเข้าตำราพวกมีความรู้รอบตัวแต่เอาตัวไม่รอด

ooooooo

เมื่อรู้ว่าพี่ชายพาปวีณาไปพบปัทมา ทันพันธุ์บอกเขาตามตรงว่าไม่ไว้ใจเธอ กลัวจะพาพี่สาวหนี แต่แทนพงศ์รับรองว่าไม่เกิดขึ้นแน่เพราะเธอไม่รู้ทาง ตนเอาผ้าปิดตาเธอทั้งไปและกลับ

“เธอคงโกรธใหญ่เชียว”

“แผลงฤทธิ์ใส่ฉันน่าดู แต่ฉันยืนยันคำเดิม ถ้าอยากเจอคุณปัทมาก็ต้องทำตามกติกาของฉัน”

“พี่ชายผมหัวแหลมเฉียบคมมาก สมแล้วที่เป็นนักอ่านนวนิยายตัวยง”

แทนพงศ์ยิ้มรับคำชมแล้วบอกน้องชายว่า “ถ้าคุณปารมีออกตัวอยากเจอคุณปัทมา นายก็ควรพาเธอไป เธอน่าจะช่วยให้คุณปัทมาสุขใจขึ้นบ้าง”

“แต่ผมคงไม่ปิดตาเธอ เพราะผมเชื่อใจเธอ”

“ฉันหวังว่าสักวันความรักความผูกพันของพี่น้องจะทำให้ปวีณาอ่อนโยนและเห็นใจคนอื่นบ้าง”

แทนพงศ์คิดหาทางทำให้ปวีณาทลายกำแพงความเกลียดชัง ทันพันธุ์เห็นด้วยอย่างยิ่ง และเชื่อว่าพี่ชายคนเก่งของตนต้องทำได้...

ธนาออกไปช่วยทำนุหาเสียงทั้งวัน กว่าจะกลับเข้าบ้านก็ค่ำมืดโดยมีทานตะวันขับรถมาส่ง แล้วรีบลากลับไปเพราะเกรงใจปัทมาที่สีหน้าไม่สู้ดี

เพียงทานตะวันลับตา ปัทมาก็ต่อว่าธนาว่าจะไปไหนมาไหนน่าบอกกันบ้าง เธอรอกินข้าวกับเขา

ธนาอ้างว่าเมื่อเช้ารีบไปเพราะทำนุมีปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ทั้งที่ความจริงเขาออกจะรำคาญเธอที่ไม่อดทน ไปด้วยแล้วเจอแดด เจอคนเยอะก็รบเร้าจะกลับ

เมื่อภรรยาตัดพ้อว่าช่วงนี้เขาแทบไม่ได้อยู่กับเธอเลย ธนาบอกว่าใกล้วันเลือกตั้งแล้วต้องเร่งหาเสียงทุกวัน

“คุณไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งก็น่าจะพักอยู่กับปัทบ้าง”

“คุณจะให้ผมนิ่งดูดายได้ยังไงกัน ผลการเลือกตั้งของพี่ทำนุมันเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณพ่อ เรามีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เป็นเงินจากครอบครัวผม”

ปัทมาไม่พอใจแต่ไม่อยากให้เกิดปัญหา จึงเปลี่ยนเรื่องบอกว่าวันนี้ปวีณาแวะมาหาตน เธอหวังว่าเขาจะสนใจถามเรื่องราวแต่เปล่าเลย เขาบ่นเหนื่อยแล้วขอตัวไปอาบน้ำ ปัทมาน้อยใจแต่พยายามเก็บอารมณ์อย่างเต็มที่

ooooooo

เช้าวันถัดมา พระยาอภิบาลกระตุ้นพระนิติรักษ์บุตรชายคนโตให้เร่งหาเสียงเพื่อความสำเร็จที่ตนรอคอย อย่าวางใจพวกพรรคคู่แข่ง ได้ข่าวว่าแจกข้าวของหลายสิ่งหลายอย่าง

พระนิติรักษ์รับปากจะออกหาเสียงให้หนักขึ้น เขาจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง แต่การหาเสียงต้องใช้เงิน พระนิติรักษ์จึงขอเงินจากจำปาอีกครั้ง แต่จำปาบอกว่าเงินที่ได้จากขายของเก่าเธอให้เขาไปหมดแล้ว

“พี่ไม่เคยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เงินทุกบาททุกสตางค์พี่ใช้เพื่อหนทางก้าวหน้าของพี่และกอบกู้ศักดิ์ศรีของทุกคน”

“น้องไม่เหลือเงินจะปันให้คุณพี่ค่ะ”

“รึแม่จำปาจะให้พี่ถอนตัว เงินทองที่ลงไปก็เป็นสูญ ซ้ำแล้วชื่อเสียงเกียรติยศของเราคงป่นปี้ พวกมันก็ทำหยามหัวได้เต็มปาก ไอ้ลูกพระยากลัวแพ้เลือกตั้ง ถอนตัวกลางทาง คุณพ่อท่านจะคับใจเท่าไร แม่จำปาหวนคิดถึงใจคุณพ่อบ้าง”

“แล้วคุณพี่จะให้น้องทำอย่างไรคะ น้องหมดหนทางแล้วจริงๆ”

“เอาเรือนไปจำนอง”

ปีบแอบฟังอยู่เงียบๆ ตกใจจนต้องเข้ามาท้วงพี่ชายว่าเรือนนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลือ หากเอาไปจำนองแล้วไม่ส่งเงิน เราจำต้องลี้ไปอยู่นอกเมือง

“ใจพี่ไม่อยากทำหรอก...แม่จำปาดูแลเงินทองในเรือน ไปตรองคิดแล้วกันจะทำเยี่ยงไรที่จะหาเงินมาให้พี่”

พระนิติรักษ์โยนภาระให้จำปาหน้าตาเฉย จำปาทุกข์ใจ ปีบสงสารจึงตัดใจนำเครื่องประดับที่มีอยู่มาให้พี่สาวเอาไปขาย แต่จำปาไม่รับ หวังเก็บสมบัติพวกนี้ไว้ให้หลานสาวสวมใส่ในวันมงคล

“คุณพ่อคอยขวางอยู่เยี่ยงนี้ น้องไม่แน่ใจว่าจะมีใครได้ออกเรือน”

“พี่หวังใจว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นงานมงคลที่ถูกต้องตามครรลองสักครั้ง”

“แล้วคุณพี่จะหาเงินจากไหนให้คุณพี่ปรุงคะ”

ในที่สุดจำปาก็ยอมให้พระนิติรักษ์เอาบ้านไปจำนอง แต่อยากให้เขาหารือกับพ่อในเรื่องนี้

“คุณพ่อเห็นดีเห็นงามในการตัดสินใจของพี่เสมอ เมื่อพี่ได้เป็นผู้แทน พี่จะมีเงินมาช่วยจ่ายผ่อนเรือน แม่จำปาวางใจเถอะ”

จำปาพูดไม่ออก ขณะที่ปีบใจคอไม่ดี ยกมือภาวนาไล่หลังพี่ชาย ขอให้เขาชนะการเลือกตั้งด้วยเถิด

ooooooo

รุ่งขึ้น ปารมีไปตลาดกับแก้วเหมือนเดิม ทันพันธ์ุมาดักเจอและเล่าเรื่องปวีณาไปพบปัทมา ปารมีคาดไม่ถึง แต่โดยส่วนตัวเธออยากพบปัทมาเช่นกัน พอชายหนุ่มเปิดทางเธอจึงไม่รีรอ แต่จะรักษาเวลากลับมาก่อนน้าหวานขับรถมารับ

เวลานั้นเกิดเรื่องใหญ่ ปัทมากำลังโวยวาย

ธนาที่จะออกไปช่วยทำนุหาเสียงอีก พอธนาบอกให้เธอกลับไปหาญาติบ้างเพื่อคลายเหงา ปัทมาก็คิดว่าเขาเบื่อเธอแล้ว ถึงอยากให้กลับบ้าน

“คุณก็รู้ว่าถ้าปัทไปที่นั่น คุณปู่อาจกักขังปัท ปัทไม่ได้กลับมาหาคุณ คุณจะได้ไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างที่คุณต้องการ”

“เป็นไปใหญ่แล้ว ผมหวังดีให้คุณได้พบญาติๆ คุณกลับความว่าผมเบื่อคุณ ผมจะไปเรียนต่อเอาปริญญามาพัฒนางาน คุณก็ทึกทักว่าผมจะทิ้งคุณ”

“นี่คุณกำลังว่าปัทเห็นแก่ตัว ขวางความก้าวหน้าของคุณงั้นสิ”

“คุณพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ เรื่องไม่เป็นเรื่องปัทก็ตีโพยตีพายสรรหามาต่อว่าต่อขาน คุณช่วยทำหน้าที่ภรรยาที่ดีบ้างได้ไหม ภรรยาเขามีแต่จะส่งเสริมผัวให้ได้ดี นี่กลับจะหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ผมรู้สึกผิดหวังจริงๆ”

“คุณพูดออกมาได้ยังไงว่าคุณผิดหวัง คุณคิดจะเฉดหัวปัทใช่ไหมคะ” ปัทมาแค้นใจเริ่มทุบตีธนาและตัดพ้อ “คุณก็รู้ว่าปัทไม่มีทางไป ปัทเป็นผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอกได้แต่เกาะคุณ ปัทไม่มีค่าสำหรับคุณแล้วใช่ไหมคะ”

“ทำไมคุณถึงเป็นอย่างนี้ไปได้นะปัทมา ไอ้ที่โกรธแล้วทุบตีผัวน่ะมันพวกไพร่ คนมีการศึกษาและมีสติเขาไม่ทำกัน”

“คำก็การศึกษา สองคำก็ใบปริญญา ใบปริญญามันมีค่ากับพวกคุณมาก ใช้ปริญญาเป็นใบเบิกทางฉวยผลประโยชน์ ปัทไม่มีการศึกษา แต่ปัทก็เป็นหลานพระยา ปัทมีเกียรติ มีความจงรักภักดี ไม่ตลบตะแลงอย่างพวกจิตรการ”

ธนาไม่พอใจที่ปัทมาลามปามต่อว่าถึงตระกูล เขาไม่อยากคุย เดินหนีลงไปชั้นล่าง...แต่เรื่องยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น ธนาลงมาเจอทานตะวัน พอรู้ว่าเขาทะเลาะกับปัทมา ทานตะวันอยากให้เขาปรับความเข้าใจกับภรรยา จับมือเขาคะยั้นคะยอ ปัทมาลงมาเห็นเข้าใจผิดด่าเพื่อนรุนแรงหยาบคาย

“นี่มันอะไรกัน ต่อหน้าต่อตาก็ยังกล้าทำระยำอัปรีย์” ปัทมาผลักทานตะวันล้มลง ธนาเข้าไปประคองก็ยิ่งโกรธ ตวาดว่าคนที่เขาควรสนใจคือตน ไม่ใช่เพื่อนทรยศ เพื่อนที่ลักกินขโมยกิน เป็นชู้กับผัวเพื่อน

“ปัทมาพอเถอะ คุณกำลังดูถูกทานตะวัน”

“ปัทพูดไปตามเห็น กี่หนแล้วที่ปัทเห็นทานตะวันเอาใจใส่คุณเกินหน้า ราวกับอยู่ที่นั่งภรรยาเสียเอง”

“ปัทกำลังเข้าใจผิด ฉันดูแลน้านาในฐานะญาติเท่านั้นเอง”

“ต่อหน้าเธอยังกล้าจับมือถือแขน แล้วที่ออกไปด้วยกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เธอประเคนอะไรให้คุณธนารับประทานอีก...ทานตะวัน เธอคิดยังไงกับผัวฉัน เราอยู่กันพร้อมหน้า เธอพูดมาสิ พูดออกมาจากใจว่าเธอคิดยังไงกับคุณธนา”

“ฉัน...รักน้านา น้านาเป็นญาติที่ฉันเคารพรักเสมอ มิเคยคิดเป็นอื่น เธอเลิกหวาดระแวงฉันเถอะ”

“งั้นเธอเลิกติดสอยห้อยตามคุณธนาได้แล้ว เธอไม่ใช่เด็กที่ต้องให้เขาปกป้องเหมือนเคย เขามีภรรยาต้องดูแล ไม่ใช่เธอ ถ้าเธอจริงใจอยากให้ฉันสุขใจ เธอก็แต่งงานกับใครสักคน”

“คุณไม่มีสิทธิ์ไปบงการทานตะวัน”

“ปัทใช้สิทธิ์ของภรรยาค่ะ...ทานตะวัน เธอสาบานเป็นเพื่อนรักฉัน เธอก็ควรรักษาคำสัตย์ หรือคิดว่าเพื่อนรักต้องใช้ผัวร่วมกัน”

ธนาสุดทนตบหน้าปัทมาแล้ว “คุณก้าวร้าวหัวใจทานตะวันหนักเกินการแล้ว มีสำเหนียกบ้างว่าทานตะวันดีกับคุณแค่ไหน เขาพยายามทำทุกอย่างให้คุณได้แต่งงานกับผม คุณไม่อยากอยู่ที่บ้าน ทานตะวันก็ให้เรามาอยู่ที่นี่ ทำไมคุณไม่เคยคิดถึงบุญคุณที่ทานตะวันทำเพื่อคุณบ้าง”

“ทานตะวันให้เรามาอยู่ที่นี่ ก็เพราะจะได้ใกล้ชิดคุณ ให้เราอยู่ในร่มเงาของเขา”

“ผมเบื่อที่จะอธิบายแล้ว ทานตะวันไปกันเถอะ”

ธนาจูงมือทานตะวันออกไปขึ้นรถ เป็นเวลาที่ทันพันธุ์พาปารมีมาถึงพอดี สองคนเห็นชัดว่าทานตะวันร้องไห้ จึงหยุดอยู่ตรงนั้น แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พลันได้ยินเสียงกรีดร้องของปัทมาในบ้าน พอวิ่งเข้าไปก็เห็นปัทมาเป็นลมหมดสติ

ปารมีปฐมพยาบาลจนปัทมาฟื้น แต่เธอยังร่ำไห้แทบขาดใจ คร่ำครวญว่าธนาทิ้งตนไปแล้ว ปารมีกับทันพันธุ์อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ปัทมาจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมด

ทันพันธุ์ฟังแล้วหนักใจ ให้ปารมีอยู่ดูแลพี่สาว เขาจะไปตามอาธนากลับมาปรับความเข้าใจกับปัทมา...

ooooooo

ธนาพาทานตะวันมาที่บ้านพระวิจิตร เขาปลอบใจเธอด้วยความสงสาร ไม่ให้ถือสาปัทมา เธอพูดไปเพราะสติหลุดลอยและหึงหวงไร้เหตุผล

“ตะวันเข้าใจปัทค่ะ ตะวันต่างหากที่ผิด ผิดที่เข้าไปวุ่นวายและล้ำเส้นชีวิตของน้านากับปัทมา”

“น้าเพิ่งเข้าใจไม่นานนี้เอง ชีวิตคู่ไม่ได้อยู่แค่รัก แต่ต้องเข้าใจและรับฟังเหตุผลกัน มีความรู้สึกที่เห็นพ้องกัน แม้กระทั่งครอบครัวเครือญาติก็ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน น้าพูดตามตรง สำหรับน้ากับปัทมา น้าเหลืออยู่เพียงอย่างเดียวคือความสงสาร”

“น้านาคิดอย่างนั้นไม่ได้นะคะ ปัทไม่ต้องการความเห็นใจ แต่ปัทต้องการความรักและดูแล”

“ปัทเขาต้องการครอบครอง ชีวิตคู่ของน้าลุ่มๆดอนๆ แล้ว นี่คงเป็นบาปกรรมที่สึกชีพาหนีมา ตะวันปรารถนาดีต่อน้าและปัท น้าละอายใจเหลือเกินที่ปัทกลับทำร้ายจิตใจตะวัน น้าขอโทษอีกครั้ง”

ธนาโอบกอดปลอบใจทานตะวัน...หญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดเขาก็ยิ่งสะเทือนใจร้องไห้โฮ ทันพันธุ์มาเห็นภาพนั้นรู้สึกไม่ดี เรียกธนาให้ได้สติแล้วบอกเล่าว่าตนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะพาปารมีไปหาปัทมา

“คุณปัทมาเธอเสียใจจัดจนเป็นลม”

ทานตะวันเป็นห่วงเพื่อน ซักถามเป็นการใหญ่ ทันพันธุ์บอกว่าเธอฟื้นแล้ว เธอรอให้อาธนากลับไป

“นายทัน แกไม่มีสิทธิ์ยุ่งชีวิตของฉัน แกมันก็พวกนายทำนอง เอาใจปัทมาเพราะตามจีบน้องสาวเธอ”

“ผมไม่ได้ทำเพื่อเอาใจใคร ผมพูดตามเนื้อผ้าครับ คุณปัทมาเข้ามาในชีวิตอา แม้ว่าจะดีหรือชั่ว อาธนาก็ต้องรับผิดชอบ ทานตะวันคงเห็นด้วยกับผม”

ทันพันธุ์มองไปยังทานตะวันเพื่อดักทาง ปรากฏว่าได้ผล ทานตะวันบอกให้ธนากลับไป แต่ธนาไม่ยอม อ้างว่ายังไม่พร้อม กลับไปตอนนี้ก็คงหัวเสียใส่กันอีก ทานตะวันจึงบอกทันพันธุ์ว่า

“ทันกลับไปบอกปัทเถอะ อีกประเดี๋ยวน้านาจะกลับไป”

“ผมจะรออาธนาครับ” ทันพันธุ์ยืนยันหนักแน่นธนายิ่งหัวเสียโวยวายไล่หลังหลานชายที่เดินออกไปรอข้างนอก

“ใช่สิ...ฉันไม่ใช่ลูกผู้ดีเท่าชั้นคุณย่าของมัน มันถึงไม่มียำเกรง”

ธนาพาลพาโลแล้วหันไปรินเหล้าดื่มอั้กๆ ทานตะวันกังวลใจที่ทำให้เกิดปัญหา เธอออกไปบอกทันพันธุ์ว่าธนายังดื่มอยู่ข้างใน

“ดื่มเหล้ามันไม่ช่วยแก้ปมได้หรอก นอกจากไปชนกับความจริง เธอก็เหมือนกันทานตะวัน ถ้าเธอเลือกที่จะเป็นคนแอบรัก เสียสละเพื่อรัก เธอต้องทำอะไรสักอย่าง”

“ฉันไม่อยากเป็นส่วนเกินอีกแล้ว ฉันจะถอยออกมา”

“มันคงไม่พอ เธอต้องมีใครสักคนที่อยู่ข้างเธอ แล้วฉันจะช่วยเธอ มันดีกับทุกคนและตัวเธอเอง”

ทานตะวันฟังแล้วนิ่งคิดตัดสินใจ...ขณะเดียวกันนั้น ปัทมากำลังจดจ่อรอคอยการกลับมาของธนา ปารมีบอกให้เข้ามารอในบ้านก็ไม่ยอม พอน้องแนะนำด้วยความเป็นห่วงให้เธอกลับบ้านสักระยะ เบาใจแล้วค่อยกลับมา ปัทมาสวนทันทีว่า

“พี่ไม่มีวันกลับไปลงขุมนรกอีกแล้ว เธอก็รู้ว่าพี่ถูกทรมานแค่ไหน”

“คุณปู่มิได้เข้มงวดเหมือนเก่า...ท่านแก่ตัวลงไปมาก พี่ปัทก็รู้ว่าท่านเคยชังปาน ปานหน้าคล้ายคุณย่าทวด แต่ตอนนี้ท่านลดความกร้าวลงมาก ปานจับได้ว่าท่านมีห่วงใยตัวลูกหลานมากๆ”

“แต่ไม่ใช่พี่...พี่เป็นตราบาปเป็นเสนียดของตระกูล คุณปู่ไม่มีวันให้อภัยพี่ชั่วกัลป์ ถึงข้างนอกจะไม่ใช่สวรรค์ที่ใจพี่ฝัน พี่ก็ขอตายคาที่นี่ ดีกว่ามุดหัวไปตายรังให้คุณปู่ถ่มน้ำลายสมน้ำหน้า”

ปัทมายืนกรานไม่ยอมกลับบ้าน ปารมียิ่งเป็นห่วง มองนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามก็เริ่มกังวลใจ กลัวที่บ้านจะเป็นห่วงที่เธอหายไป

จริงแท้แน่นอน...หวานกับพุดมารับปารมีแต่เจอแก้วอยู่กับชื้นคนขับรถบ้านพระวิจิตร คาดคั้นกันไปมาจึงรู้ความจริงว่าปารมีไปกับทันพันธ์ุ พุดเลยลากคอแก้วกลับไปตอบคำถามคุณปริกที่เป็นห่วงหลานสาวมาก

ooooooo

ที่บ้านพระวิจิตร ธนายังปักหลักดื่มหนักจนเมามาย ทันพันธุ์กับทานตะวันไม่สบายใจ ทำนองกลับจากทำงานพอรู้จากหลานชายว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเข้าไปบอกธนาให้กลับบ้าน ปัทมารออยู่ ปรากฏว่าธนาไม่ฟัง ผลักอกทำนองแล้วยังหยาบคายไม่ให้เขายุ่มย่ามชีวิตของตน

“ธนา...นายลองย้อนไปในวันที่นายเทิดทูนความรักบ้าๆ นายทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้คุณปัทมา แม้ต้องผิดศีลผิดครรลอง พวกฉันปรามนายก็ทำหูตาบอด พอมายามนี้ เมื่อเกิดความยุ่งใจนายกลับหนีปัญหา นายช่างขลาดแท้ ถ้านายยังมีความเป็นลูกผู้ชาย กลับไปทำหน้าที่สามีที่ดี”

“สามีที่ดีในความของพี่ หมายถึงสามีที่คอยพัดวีเมียรับใช้เมีย เมียเมื่อยขาก็ต้องนวดให้ หากต้องทำถึงขั้นนั้นผมขอเป็นสามีที่เลว ผมไม่ยอมลงให้เมียสวมปลอกคอจูงอย่างพี่”

ทำนองไม่พอใจอย่างแรง ต่อยธนาล้มลงแล้วจะซ้ำอีก ทันพันธุ์ตกใจรีบเข้ามาห้าม ทานตะวันก็เช่นกัน ทำอะไรไม่ถูกจนแทบจะร้องไห้ ขณะที่ธนาเจ็บตัวและเจ็บใจ ชี้หน้าด่าพี่ชายต่างมารดา

“แกสั่งสอนฉัน! โอหัง คิดว่าตัวเองวิเศษหนักกว่าฉัน เรียนจบนอก มีเมียเป็นถึงลูกคนใหญ่คนโตแล้วไง พอถูกเมียคุมก็หมดอำนาจไม่ต่างขี้ข้า แล้วมาทำวางโตใส่ฉัน กล้ามาทำเทศน์เรื่องชีวิตคู่ แกเอาตัวแกให้รอดก่อนเถอะ”

“ฉันจะไม่ถือสาแก ฉันจะคิดว่าแกเมามาก แกพูดไปไม่คิด”

“กูไม่เมา! แล้วไม่ต้องยุ่งเรื่องของกู กูก็ไม่นับญาติกับมึง”

ทันพันธุ์กับทานตะวันตกใจที่ธนาประกาศตัดพี่ตัดน้องกับทำนอง...ทำนองผิดหวัง คิดว่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่ได้ผล หักห้ามใจเดินหนีขึ้นห้องไป ทั้งทันพันธุ์และทานตะวันเสียใจที่ทำให้พี่น้องมีปัญหากันหนักขึ้น

ธารีกำลังแต่งตัวจะไปงานสังคม เห็นสามีเข้ามาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง ตนได้ยินเสียงเอ็ดอึง

“ธนาดื่มเมาหนัก ผมปรามแล้ว”

“คืนนี้รีมีงานเลี้ยงสมาคม คุณไปกับรีนะคะ”

“ผมเหนื่อยเหลือเกิน คุณไปเถอะ” ตอบแล้วเขาจะผละไป แต่ต้องชะงักเพราะภรรยาเรียกอีก

“ทำนองคะ ช่วยรูดซิปให้รีหน่อยค่ะ”

ทำนองมองธารี รู้สึกตัวเองด้อยค่าเหมือนที่ธนาต่อว่า จึงปฏิเสธเสียงเรียบ

“ผมจะอาบน้ำ คุณเรียกสมขึ้นมาช่วยแล้วกัน”

คราวนี้ตอบเสร็จเขาเดินหนีไปทันที ธารีหน้าบึ้งไม่พอใจที่สามีขัดคำสั่ง แต่ไม่เอะอะโวยวาย

ooooooo

ขมิ้นกับปูน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด