สมาชิก

หยกเลือดมังกร

ตอนที่ 20

หยกกลับมาที่บ้านกิ่งเหมยเอาวันรุ่งขึ้น มาถึงก็ทำข้าวต้มเรียกกิ่งเหมยมากินอย่างเอาใจ กิ่งเหมยไม่หลงกล ถามว่า

“พอเลย...บอกฉันมานะหยก ที่มาเอาใจฉันแบบนี้ เมื่อคืนเธอไปมีเรื่องมาใช่ไหม”

หยกทำเฉไฉบอกว่าเมื่อคืนหมวดพาตนไปเลี้ยงต่างหาก กิ่งเหมยไม่เล่นด้วยคาดคั้นถามจนหยกยอมรับว่า ตนมีเรื่องจำเป็นต้องช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้ กิ่งเหมย ถามว่าใคร

ที่หน้าบ้าน คมทวนหิ้วถุงกับข้าวที่ซื้อมาฝากกิ่งเหมยมาถึงพอดี ได้ยินเสียงกิ่งเหมยแว่วออกมาว่า

“เจ้าสัวเล้ง...เขาเป็นใคร ทำไมเธอถึงต้องไปช่วยชีวิตเขาด้วย”

คมทวนชะงักอึ้ง ได้ยินเสียงกิ่งเหมยตัดพ้อต่อว่าหยกว่าสัญญากับตนแล้วว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกนั้นอีกไม่ใช่หรือ หยกยอมรับว่าใช่ แต่พอจะชี้แจง กิ่งเหมยดักคอว่า

“แต่เธอทำไม่ได้ เพราะเธอไม่คิดจะเอาตัวเองออกมาจากชีวิตแบบนั้น” หยกชี้แจงอีกว่าตนทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจ “แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาล่ะหยก หรือฉันต้องรอให้เธอติดคุก ถูกฆ่าตายก่อนฉันถึงจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรใช่ไหม”

คมทวนกลัวหยกจะพูดความจริงออกไป เขารีบเข้าไปขัดจังหวะ ทำเป็นถามว่ามีอะไรทำไมเสียงดังไปถึงหน้าบ้าน กิ่งเหมยบอกว่าไม่มีอะไร คมทวนบอกว่าได้ยินเสียงเหมือนกำลังเถียงกัน แล้วทำเป็นเอาเรื่องกับหยกที่ทำให้กิ่งเหมยอารมณ์เสียลากออกไปข้างนอก กิ่งเหมยได้แต่เงี่ยหูฟังอยู่ข้างใน

คมทวนลากหยกไปที่บ้านตัวเอง ถามอย่างไม่พอใจว่าทำไมต้องหาเรื่องใส่ตัว ไปช่วยชีวิตเล้งทำไม หยกบอกว่าเพราะเขากำลังหาเรื่องตาย คมทวนชะงักถาม “เอ็งหมายความว่าไง”

“เขาเพิ่งรู้ความจริงว่าลูกชายที่เขาเลี้ยงมาตลอดชีวิตไม่ใช่สายเลือดตัวเอง แต่เป็นลูกของศัตรูที่หันมาร่วมมือกันทรยศหักหลังทำลายล้างเขา”

คมทวนตกใจที่เล้งรู้เรื่องสายเลือดตัวเอง หยกถามว่าทำไมเขาถึงสนใจเรื่องเล้งขึ้นมา คมทวนอึกอักพูดเรื่อยเปื่อยว่าเพราะหยกเคยลากตนไปช่วยชีวิตเล้งไว้ไงล่ะ หยกพาซื่อชมเล้งว่า

“ใช่พ่อ...ตั้งแต่ผมต้องเข้าไปพัวพันกับพวกมาเฟีย ก็มีแต่เจ้าสัวเล้งนี่แหละที่แตกต่างจากคนอื่น”

“แต่เอ็งกำลังจะแต่งงานกับกิ่งเหมย คุณดุจแพรก็ยื่นโอกาสให้เอ็งได้ก้าวออกมาจากขุมนรกนั่นแล้ว พ่อไม่อยากให้เอ็งทำลายโอกาสดีๆเพราะไอ้เจ้าสัวเล้ง เอ็งอย่าไปยุ่งกับเขาอีกได้ไหมไอ้หยก”

“ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อ ผมจะไม่ยุ่งกับเขาอีก เพราะหลังจากที่ผมไปช่วยเขา ผมถึงได้รู้ว่า ผมมองคนผิด มาเฟียก็คืออาชญากร สำนึกดีไม่มีอยู่ในตัวหรอก”

แม้จะฟังหยกพูดดี แต่คมทวนก็อดนึกเป็นห่วงไม่ได้ เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่หยุดแค่นี้แน่...

วันนี้อู๊ดดี้พาดุจแพรเข้าห้องส่วนตัวในภัตตาคารอาหารจีน หมายเคลมเธอเพราะถือว่าเสี่ยตงยกเธอให้แล้ว ดุจแพรไม่ยอมก็ถูกอู๊ดดี้ใช้กำลังจะข่มเหง

กิ่งเหมยชวนอ่างกับสลึงมาที่ภัตตาคาร ทั้งสองเลียปากแผล็บๆ คิดว่าวันนี้มีลาภปากแน่ แต่ที่แท้กิ่งเหมยพาทั้งสองมาช่วยดุจแพรจากเงื้อมมือกักขฬะของอู๊ดดี้ ให้อ่างกับสลึงรุมยำอู๊ดดี้จนหมดสภาพสิ้นสติแล้วพาดุจแพรกลับไป

ooooooo

มานพมานั่งที่ห้องทำงานในเลาจน์ ถามชาญที่ เพิ่งเข้ามาว่าแม่ตนเป็นอย่างไรบ้าง ชาญบอกว่าคงต้อง ใช้เวลานานแต่ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเหมือนปกติได้หรือเปล่า หมอแนะนำว่าควรส่งไปอยู่โรงพยาบาล

“ส่งไปให้ทุกคนมันรู้ว่าหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เมฆามีแม่เป็นบ้าเนี่ยนะ แล้วใครมันจะกลัวฉันวะ คิดมั่งสิเว้ย” มานพตวาด โหงวเดินกร่างออกมาพูดกลั้วหัวเราะว่า

“แกคิดถูกแล้วมานพ ถ้าจะยิ่งใหญ่เหนือทุกคน แกต้องมีจุดอ่อนให้น้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นแกจะตกเป็นเป้าให้พวกมันเล่นงานได้อีก”

มานพนิ่งคิด มองหน้าโหงวอย่างเห็นด้วย บอกด้วยสายตาว่า เอาไงเอากัน

แล้วดวงแขก็ถูกมานพเอาไปไว้ในห้องหนึ่ง บอกให้แม่อยู่ในนี้ จะมีคนเฝ้าอยู่หน้าห้อง เขาจะเอาอาหารมาให้วันละสามเวลาคอยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพาเข้าห้องน้ำให้ ดวงแขร้องแต่ว่าไม่เอา...กลัว...กลัว เกาะแขนมานพไว้แน่น

มานพสั่งดวงแขให้อยู่แต่ในนี้ห้ามออกไปเพ่นพ่านเกะกะตนทำงาน ถ้าไม่ฟังตนก็ช่วยอะไรไม่ได้ พูดแล้วเดินออกไป พึมพำอำมหิตว่า

“ขอโทษด้วยนะครับแม่...ผมจะปล่อยให้แม่มาเป็นจุดอ่อนของผมไม่ได้เด็ดขาด” เดินออกไปแล้วสั่งชาญให้จัดคนเฝ้าไว้อย่าให้ออกไปเพ่นพ่าน เขาเดินไปท่ามกลางเสียงร้องอย่างน่าเวทนาของดวงแข

“แกต้องใจแข็งแบบนี้แหละไอ้ลูกชาย เอาไว้วันที่แกใหญ่คับฟ้าจนไม่มีใครกล้าต่อกรกับแกเมื่อไหร่ ค่อยมา ตอบแทนบุญคุณแม่แกก็ยังไม่สาย” โหงวตบบ่ามานพอย่างชื่นชม

ooooooo

นนท์พาธงรบมาพบเล้งที่คฤหาสน์ เขายังมีร่องรอยบาดเจ็บจากการถูกโหงวเล่นงาน เล้งบอกให้ นนท์ออกไปข้างนอกตนจะคุยกับธงรบเอง

ธงรบจ้องเล้งเขม็ง เล้งท้าว่าเอาเลย ตนรู้ว่าเขาอยากเอาคืน ธงรบง้างหมัดจะชกแต่แล้วก็หยุดกลางอากาศลดหมัดลง  เล้งถามว่า “ทำไมล่ะหมวด...ทั้งๆที่ผมเกือบจะปล่อยให้คุณตายอย่างหมารับใช้”

“ผมยอมรับว่าผมโมโหเจ้าสัว ถ้าไอ้หยกไม่ช่วยไว้ ผมก็คงเหมือนหมารับใช้ตัวอื่นๆที่เจ้านายสั่งให้ไปตายอย่างไร้ค่า แต่คิดอีกทีถ้าผมโดนลูกชายทรยศหักหลัง ปล้นสมบัติที่สร้างมากับมือไปอย่างหน้าด้านๆ ผมยอมเสียทุกอย่างเพื่อคำว่าแก้แค้น”

เล้งขอบใจที่หมวดเข้าใจตน แต่ก็เตือนธงรบเรื่องอารมณ์ร้อนว่า

“มันไม่ดีหรอกนะหมวด ท่ามกลางคมมีดกับควัน ปืน พวกกะโหลกบางมักตายช้า ส่วนพวกกะโหลกหนามักตายก่อน ถ้านายหยกไม่เตือนสติฉัน บางทีฉันอาจจะถูกมานพจัดการไปแล้วก็ได้”

ธงรบถามว่าจะจัดการมานพอย่างไรต่อไปเพราะตอนนี้เขากลายเป็นพยัคฆ์เมฆาติดปีกไปแล้ว

“มานพยังทำอะไรฉันตอนนี้ไม่ได้ เพราะหุ้นที่ได้จากฉันไปมีแค่ครึ่งเดียว ฉันก็เลยยังเป็นเสี้ยนหนามที่ต้องงัดกันต่อไป แล้วยังมีไอ้หมาบ้าตงอีกคนที่คอยคานอำนาจอยู่ในวงการ มันคงไม่ง่ายสำหรับมานพแน่”

“แต่กุนซือของเขาฝีมือดีไม่ใช่หรือครับเจ้าสัว”

“ไอ้โหงวน่ะเหรอ...ใช่...มันนี่แหละไอ้วายร้ายที่สุดที่จะต้องระวัง มันพลาดมือจากการเล่นงานฉันไปแล้ว เพราะฉะนั้น เป้าหมายต่อไปก็คงไม่พ้น...” เล้งพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วหันจ้องหน้าธงรบ

เล้งนัดเสี่ยตงมาเจรจาที่โกดังท่าเรือเพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับพยัคฆ์เมฆาที่มีโหงวเป็นกุนซือ เสี่ยตงหัวเราะเยาะบอกว่าตนไม่โง่พอที่จะยอมเป็นเครื่องมือให้เล้งหลอกใช้ไปจัดการปัญหาในครอบครัวหรอก ปัญหาของเล้งกับโหงวก็ไปจัดการกันเอง ตนจะนั่งดู ใครรอดแล้วเหนื่อยหมดแรง ตนก็แค่ยิงมันทิ้งเท่านั้น

เสี่ยตงไม่เพียงไม่ร่วมมือแต่ยังปรามาสว่า “แกมันเป็นมังกรลำบากแล้ว เพราะไม่ใช่แค่ลูกชายแกคนเดียวที่จะรอขย้ำแก ฉันด้วยนี่แหละที่จ้องจะเล่นงานแกตอนที่แกกำลังมีจุดอ่อน” พูดแล้วพาลูกน้องเดินออกไปอย่างผยอง

“แกไม่ฟังคำเตือนฉัน แล้วแกจะรู้จักพวกมันดีขึ้น...ไอ้ตง!” เล้งมองตามขบกรามแน่น

ooooooo

หลังจากจัดการอู๊ดดี้ช่วยดุจแพรได้แล้ว สลึงกับอ่างสองพี่น้องก็มาตั้งโต๊ะกินหมูหันกับเป็ดปักกิ่งอาหารเหลากันอย่างสบายอารมณ์ ระหว่างนั้นหยกเดินเข้ามาถามว่ากิ่งเหมยหายไปไหน ตนไปหาที่บ้านไม่เจอ สองน้าตกใจปดว่าไม่รู้

หยกทำทีจะออกไปหากิ่งเหมย แต่แล้ววกกลับมาคาดคั้นถามจนสลึงกับอ่างยอมเล่าให้ฟัง หยกตำหนิว่า กิ่งเหมยให้น้าสองคนไปหาเรื่องคนอื่นแบบนี้ทำไมไม่บอกตนสักคำ แล้วทำไมจนป่านนี้แล้วกิ่งเหมยยังไม่กลับ

สลึงบอกว่ากิ่งเหมยสงสารดุจแพร เลยอยากปรับทุกข์กันต่อ อ่างบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะเขาพี่น้องกัน ชวนหยกกินหมูหันกับเป็ดปักกิ่งกันดีกว่า

“ขอบใจน้า...แต่ฉันอิ่มแล้ว” หยกหันหลังเดินออกไป สองน้าเลยหันไปโซ้ยกันปากมันแผล็บ

ธงรบมาดักพบหยก พอหยกออกจากร้านมอเตอร์ไซค์สองพี่น้อง เขาตรงเข้าไปหาบอกว่า วันนี้ตนไปพบเล้งมา มีเรื่องอยากจะบอกให้รู้ไว้จะได้เตรียมตัวรับมือ

ธงรบบอกว่าเสี่ยตงคือเป้าหมายต่อไปของพยัคฆ์เมฆา เล้งไปเจรจาให้ร่วมกันสู้กับพวกพยัคฆ์เมฆาแต่เสี่ยตงไม่เอาด้วย ไม่เพียงไม่ร่วมมือแต่ยังจ้องจะเล่นงานเล้งด้วย

“ถ้าเสี่ยตงกำลังเป็นเป้าหมายของมานพ คนรอบตัวของเสี่ยก็ต้องตกอยู่ในอันตราย” หยกคาดคะเน ธงรบชี้ว่าเสี่ยตงต้องตามเล่นงานหยกด้วยแน่นอน หยกพูดอย่างครุ่นคิดว่าลำพังตนไม่เป็นไร แต่กลัวพวกมันจะเล่นสกปรก

ooooooo

ออกจากเล้งแล้ว เสี่ยตงได้รับรายงานจากเก่งว่า สืบพบที่กบดานของพวกแก๊งเครือข่ายพยัคฆ์เมฆาแล้ว พวกมันใช้ที่นั่นเป็นที่พักยาเสพติดก่อนส่งไปขายให้ลูกค้า

เสี่ยตงสั่งกำลังบ่ายหน้าไปที่เป้าหมายทันที มันเป็นโรงกลึง เสี่ยสั่งลูกน้องลุยทันทีที่ไปถึง ยิงคนงานในโรงกลึงตายเป็นเบือ มีลูกน้องพยัคฆ์เมฆาคนหนึ่งยิงเสี่ยตงแต่ไม่ถูก มันวิ่งหนี เสี่ยตงสั่ง “อย่าให้มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

พวกลูกน้องเสี่ยตงทะเล่อทะล่าไล่ตาม ไปเจอกับดักของมานพเข้าเต็มเปา ถูกมานพกับลูกน้องล้อมเข้ามาจับตัวเสี่ยมัดกับเก้าอี้ หมดสภาพ

อีกด้านหนึ่ง มานพส่งชาญไปดักจับดุจแพรที่กำลังคุยกับกิ่งเหมยที่ริมน้ำ ดุจแพรพากิ่งเหมยหนี แต่ถูกพวกชาญตามจนจวนตัว กิ่งเหมยให้ดุจแพรหนีไปเสียไม่ต้องห่วงตน ดุจแพรหนีไปแต่ไม่ได้เอาตัวรอด หากยอมเอาตัวล่อพวกชาญให้ตามตนเพื่อกิ่งเหมยจะได้ปลอดภัย

ในที่สุดดุจแพรถูกชาญจับตัวไปที่โรงกลึงตามคำสั่งของมานพ เพื่อเอาดุจแพรเป็นตัวประกันบังคับให้เสี่ยตงยอมสยบรวมกับแก๊งพยัคฆ์เมฆา

เสี่ยตงไม่ยอมก้มหัวให้พยัคฆ์เมฆา ขู่อาฆาตว่าถ้าตนหลุดไปได้ พยัคฆ์เมฆาจะต้องถูกถล่มเละแน่ มานพหัวเราะเยาะถามว่าจะเอากำลังที่ไหนมาถล่ม เพราะอีกไม่นานพวกเสี่ยทั้งหมดก็จะแปรพักตร์มาอยู่กับตนหมดแล้ว โหงวบอกเสี่ยว่า

“ตอนนี้พวกอั๊วกำลังรอถล่มเครือข่ายของลื้ออยู่ ถ้าลื้อไม่โทร.ไปบอกให้พวกมันยอมแปรพักตร์ ก็เตรียมตัวดูลูกสาวลื้อตายต่อหน้าได้เลย”

เสี่ยตงผงะ อึดใจเดียวดุจแพรก็ถูกพวกมันใช้ถุงดำคลุมหัวพาเดินเข้ามา เสี่ยแทบขาดใจเมื่อเห็นดุจแพร ถูกจับมา

“ลื้อมันฉลาดน้อยไปไอ้ตง...ถ้าลื้อเชื่อไอ้เล้งละก็...ลื้อกับลูกก็คงไม่ต้องมาเจอแบบนี้ ฮ่าๆๆ” โหงวหัวเราะเยาะลั่น

ooooooo

หยกตามเจอกิ่งเหมยเขาพากลับบ้าน เธอบอกเขาให้รีบตามไปช่วยดุจแพร หยกบอกว่าไม่ต้องห่วงตนจะต้องตามหาดุจแพรให้เจอ พอหยกเดินออกมาก็เจอธงรบเข้ามาอย่างรีบร้อน พอรู้ว่ากิ่งเหมยปลอดภัย ธงรบบอกหยกว่า

“แสดงว่าพวกพยัคฆ์เมฆาเริ่มลงมือเล่นงานเสี่ยตงแล้ว คุณแพรถึงได้กลายเป็นไพ่ใบสำคัญที่พวกมันใช้บีบเสี่ยตง”

“เราต้องหยุดพวกมันให้ได้ เราต้องหาทางจับพวกมัน ถ้าเสี่ยตงเกิดไม่ยอมเจรจากับมานพ หมวดก็รู้ว่ากรรมของเสี่ยตงจะตกมาที่คุณแพรยังไง”

“ฉันรู้น่า...ฉันก็ห่วงคนบริสุทธิ์เหมือนแก แต่จะทำอะไรได้วะหยก เราไม่มีข้อมูลให้ตามไปช่วยนะเว้ย”

หยกไปหาเล้งถามว่าได้ข่าวอะไรบ้างหรือเปล่า เล้งไม่รู้ว่าพวกมันเอาตัวเสี่ยกับดุจแพรไปไว้ที่ไหน รู้แต่ว่าพวกมันเข้าไปคุมพื้นที่ของเสี่ยตงเอาไว้หมดแล้ว บอกว่า “ถ้าไอ้ตงยอมแพ้ แก๊งหมาบ้าของมันจะกลายเป็นพวกเดียวกับพยัคฆ์เมฆา”

ฟังเล้งแล้วทุกคนตระหนักว่าพวกตนต้องเจอศึกหนักแน่ หยกถามว่าแล้วถ้าเสี่ยตงปฏิเสธล่ะ?

“ฉันรู้จักนิสัยไอ้โหงวดี เรื่องชั่วๆมันทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้มันได้อย่างที่มันต้องการ”

“คุณแพร...” หยกเป็นห่วงดุจแพรที่ถูกจับตัวไป

ooooooo

ดุจแพรถูกมัดติดเก้าอี้นั่งตรงข้ามกับเสี่ยตง เธอร้องไห้ตลอดเวลา เสี่ยตงสงสารลูกแต่ไม่ยอมสยบให้พวกพยัคฆ์เมฆา ประกาศไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบเชิดเอาทุกอย่างไปจากตน

“อยากให้ลูกสาวแกปลอดภัย แกก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน คิดให้ดีนะไอ้ตง ลูกสาวคนเดียวของแกกับน้ำพักน้ำแรงที่แกสร้างมากับมือ แกจะเลือกเอาอย่างไหน” โหงวขู่

ดุจแพรถูกคุกคามกระทั่งลวนลาม เธอร้องไห้ขอให้ป๋าช่วยตนด้วย แต่เสี่ยตงก็ยังใจแข็งปากกล้าร้องท้าทายทั้งที่หมดประตูสู้แล้ว โหงวเข้ามาจิกหัวให้เงยขึ้นจ้องหน้าพูด

“เลิกทำตัวเป็นไอ้แก่หัวดื้อเสียทีเถอะวะไอ้ตงเอ๊ย... นี่มันยุคของเด็กรุ่นใหม่แล้ว ถ้าแกดันทุรังสู้กับมานพต่อ นอกจากแกจะต้องเสียทุกอย่างไปแล้ว ชีวิตแกก็จะไม่เหลือ เชื่อฉันเถอะวะ วางมือแล้วปลดเกษียณตัวเอง รอเป็นอากงอุ้มหลาน อย่างน้อยก็ยังได้แก่ตาย”

มานพยิ้มร้ายกับเสี่ยตง ดึงมีดพกออกมาตัดเชือกที่มัดดุจแพรออก ก้มหน้าพูดกับเธอ

“บอกตรงๆนะครับคุณแพร ผมน่ะถูกใจคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่พยายามมากแค่ไหนคุณก็ไม่เคยสนใจผมสักที เอาเป็นว่า วันนี้ผมจะให้โอกาสคุณมองหน้าผมชัดๆ แล้วคิดดูอีกทีว่าคุณจะช่วยยืดชีวิตคุณกับพ่อคุณได้ยังไง”

ดุจแพรร้องไห้เรียก “ป๋า...” มานพบอกให้พูด เธอร้องไห้หนัก “ฮือๆๆ ป๋า...ช่วยแพรด้วย...”

เสี่ยตงทนไม่ไหวโพล่งออกไป “ฉันยอมแล้ว อยากได้อะไรก็เอาไป ขอลูกสาวฉันไว้คนเดียวก็พอ” โหงวกับมานพมองหน้ากันหัวเราะสะใจ แล้วโหงวก็ส่งโทรศัพท์ให้เสี่ยตง บอกให้สั่งคนของเขาทั้งหมดด้วย เสี่ยตงรับโทรศัพท์พูดตาแดงก่ำ

“พวกแกทุกคนฟังฉัน...เวลานี้ฉันไม่ใช่หัวหน้าพวกแกอีกต่อไปแล้ว หัวหน้าคนใหม่ของพวกแกคือ...พยัคฆ์เมฆา”

โหงวดึงโทรศัพท์ไปตัดสายแล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจพร้อมๆกับมานพ ในขณะที่เสี่ยตงน้ำตาคลอเจ็บใจที่ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป!

ooooooo

ธงรบไปหาหยกที่ดาดฟ้าบอกว่าเสี่ยตงสั่ง พรรคพวกให้แปรพักตร์ไปสยบอยู่ใต้ร่มธงพยัคฆ์เมฆาเรียบร้อยแล้ว

“ในที่สุด มานพก็ทำสำเร็จ พวกมันกำลังจะเป็นพยัคฆ์–ร้ายที่ใครก็แตะต้องไม่ได้ ต่อไปเลือดคงต้องนองถนนอย่างที่เจ้าสัวเล้งบอกไว้จริงๆ”

ระหว่างนั้น กิ่งเหมยใช้ไม้เท้าคลำทางขึ้นมาหาหยก เพื่อถามข่าวดุจแพรว่าปลอดภัยหรือเปล่า หยกจึงพาเธอไปที่บ้านเสี่ยตง พอพบหน้ากัน สองพี่น้องก็โผเข้ากอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจที่ต่างปลอดภัย หยกค่อยๆเลี่ยงออกไป ปล่อยให้พี่น้องอยู่ด้วยกัน

เสี่ยตงกลับบ้านแล้วก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องทำงาน ภาพที่พยัคฆ์เมฆาบดขยี้พวกตนจนย่อยยับฝังตาฝังใจบาดความรู้สึกของเสี่ยอย่างที่สุด เสี่ยนั่งจมอยู่กับความเจ็บปวดและความแค้น จนกระทั่งเก่งเข้ามาในสภาพสะบักสะบอม

“ว่าไง...เหลือพวกที่ยังฟังคำสั่งฉันอยู่รึเปล่า” เสี่ยจ้องเขม็ง เก่งอึกอัก เสี่ยลุกขึ้นกระชากคอเสื้อตะคอก “ตอบฉันมาสิเว้ย...อย่าเอาแต่เงียบ แกต้องไม่กลับมาคนเดียว จะต้องพาพวกที่มันยังจงรักภักดีกับฉันอยู่กลับมาด้วยสิวะ!”

“ผมพยายามแล้วครับเสี่ย แต่เพราะคำประกาศยอมแพ้ของเสี่ยต่อหน้าพยัคฆ์เมฆาถูกบอกต่อๆกันไปเหมือนไฟลามทุ่ง ตอนนี้พวกมันก็เลย...”

“ฉันไม่เชื่อ!” เสี่ยผลักเก่งจนเซถลา “เป็นไปไม่ได้ ฉันสร้างพวกมันมากับมือ ถ้ามันไม่ยอมกลับมาทำงานให้ฉันอีก ฉันจะระเบิดหัวพวกมันเรียงตัว” เสี่ยหยิบปืนบนโต๊ะผลุนผลันออกไป

เก่งตามออกมาขอร้องไม่ให้เสี่ยไป เสี่ยประกาศจะไม่ยอมเสียสิ่งที่ตนสร้างมาด้วยหยาดเหงื่อและหยดเลือดมาทั้งชีวิต มาเจอหยกที่เดินออกมาพอดี หยกเตือนสติว่า

“ถ้าเสี่ยไปลุยกับพวกมันอีกครั้งละก็...คราวนี้มันคงไม่ไว้ชีวิตเสี่ยอีกแน่...ขอปืนให้ผมเถอะครับเสี่ย” หยกแบมือขอแต่กลับถูกเสี่ยตงยกปืนเล็งใส่ ไล่ให้หลบไป ประกาศใครขวางตนจะถือว่าเป็นศัตรู หยกยืนนิ่งถาม “ถ้าผมไม่หลบล่ะครับ”

“ฉันก็จะระเบิดสมองแกไง!” เสี่ยแตะไกปืน หยกพุ่งเข้าแย่งปืนปลดแม็กออก เสี่ยกำหมัดจะชก ถูกหยกจับแขนบิดกดตัวเอาไว้ เสี่ยร้องโวยวาย “ปล่อยฉันนะเว้ยไอ้หยก ฉันยังเป็นเจ้านายแกอยู่ ถ้าแกไม่ฟังคำสั่งฉัน ฉันเอาแกตายแน่”

“ไม่ครับ...ยังไงผมก็ปล่อยให้เสี่ยไปอาละวาดไม่ได้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยแล้วลูกสาวเสี่ยล่ะ เขาจะอยู่ยังไง”

เสี่ยชะงัก หยกเตือนสติว่าตอนนี้เสี่ยต้องยอมรับความจริงว่าแก๊งหมาบ้าของเสี่ยจบลงแล้ว แต่เสี่ยตงยังไม่ยอมรับความจริง และจะไม่ยอมกลับไปให้ใครดูถูกเหมือนสมัยตนเป็นจับกังอีกเด็ดขาด

ขณะนั้นเอง ดุจแพรกับกิ่งเหมยออกมาขวาง ดุจแพรขอร้องเสี่ยให้เชื่อหยก ปลอบใจว่า

“ถึงป๋าจะต้องพ่ายแพ้ไม่เหลืออะไรเลย แต่ป๋าก็ยังเหลือแพรอยู่อีกคนนะคะ”

“แต่ถ้าคุณยังไม่ฟังอีก...ฉันก็จะถือว่าการพบหน้ากันครั้งนี้ของเราจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายในฐานะพ่อลูก”

เสี่ยตงชะงักงันแล้วหุนหันออกไป แต่เมื่อได้คิดว่าจะตายอย่างไร้ประโยชน์ไม่ได้ ก็พอดีดุจแพรกับกิ่งเหมยที่หยกจูงตามมาถึง เสี่ยหันมองดุจแพร เดินเข้าไปกอดขอโทษที่ตนหุนหันจนลืมนึกถึงลูก แล้วเดินไปกอดกิ่งเหมย

“ถึงแม้เราจะไม่เคยมีความผูกพันกัน แต่ในตัวฉันมีเลือดของคุณอยู่ ฉันอยากให้คุณกลับเนื้อกลับตัวแล้วหันมาดูแลพี่สาวฉัน” กิ่งเหมยขอร้อง

“ขอบใจนะกิ่งเหมย...เพราะเธอช่วยเตือนสติฉัน... ขอบใจมาก...ลูกสาวของป๋า”

เสี่ยกอดกิ่งเหมยแน่น เป็นกอดแรกที่ทำให้กิ่งเหมยตกใจ แต่ความผูกพันทางสายเลือดยังมีเยื่อใย กิ่งเหมยค่อยๆกอดตอบด้วยความรู้สึกที่ยอมรับความเป็นพ่อของเสี่ย...ดุจแพรมองภาพนั้นดีใจจนน้ำตาซึม

ooooooo

แต่เมื่อกลับมานั่งคนเดียวในห้องทำงาน เสี่ย จิกตาแค้น  เก่งตามเข้ามาขอเสี่ยด้วยความกตัญญูที่เสี่ยอุ้มชูตนมาจนมีทุกวันนี้ว่า เมื่อเสี่ยตัดสินใจวางมือแล้วตนขออยู่ทำงานรับใช้เสี่ยต่อไปได้ไหม

“ขอบใจมากไอ้เก่ง ที่ฉันเลี้ยงแกและไว้ใจแกให้มาเป็นมือขวาฉัน ก็เพราะหวังว่าวันหนึ่งแกจะยอมสู้จนถวายหัวยืนข้างฉันในวันที่ฉันเลือดเข้าตา” เก่งถามงงๆ ว่าหมายความว่ายังไง ก็เสี่ยบอกดุจแพรว่าจะวางมือแล้วไม่ใช่หรือ “หึๆๆ ฉันก็แค่โกหกให้ลูกสาวไม่ต้องมาห่วงฉันแค่นั้น เพราะคนอย่างไอ้หมาบ้าตง มีแต่ลุยกัดงับไม่เลือกหน้า ชาตินี้มันไม่ยอมให้ใครมาเรียกว่าหมาจนตรอกหรอกโว้ย”

เก่งกระเหี้ยนกระหือรือบอกว่า ขอแต่ให้เสี่ยสั่งตนพร้อมสู้ตาย เสี่ยพยักหน้ายิ้มร้าย พึมพำ

“ฉันเอาคืนมันแน่...แต่ต้องรอ...รอจังหวะดีๆก่อน”

เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ กิ่งเหมยเป็นห่วงหยก ไปหาเขาที่ดาดฟ้า บอกว่าดุจแพรเล่าว่าเขาเคยมีปัญหากับมานพ

หยกรับว่าใช่ ตนกับมานพเคยมีปัญหากัน กิ่งเหมยเป็นห่วง เพราะตอนนี้มานพกลายเป็นเจ้าพ่อใหญ่ กลัวหยกถูกเอาคืน

“ไม่หรอกกิ่งเหมย ฉันถอนตัวออกมาแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกับพวกมันอีก...เชื่อฉันสิกิ่งเหมย ถ้าเรายึดมั่นในความดี ความดีก็จะเป็นเกราะปกป้องคุ้มครองเรา” หยกโอบกิ่งเหมยไว้ หยอกว่า “ไม่ต้องห่วง กิ่งเหมย ฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นม่ายขันหมากแน่” เลยถูกกิ่งเหมยถองเสียอั้กหนึ่งแก้เขิน

ooooooo

ที่คฤหาสน์ของเล้ง วันนี้เล้งนอนหลับฝันถึงอดีตที่อยู่กับพราวแสง จนเพ้อเรียกเธอออกมาเบาๆ...

ในฝัน...ระหว่างลงเรือหนีโหงวที่ตามล่า พราวแสงฟังที่เล้งบอกว่าเมื่อไปถึงนครสวรรค์แล้ว จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเตี่ยให้ช่วยปกป้องเราและช่วยตนกอบกู้สมบัติของตระกูลกลับมาได้ เธอพูดอย่างกังวลว่าแบบนี้การล้างแค้นจะจบหรือเปล่า

“เธอไม่ต้องห่วงหรอก ตราบใดที่เธอเป็นหนึ่งในคนของตระกูลฉัน ฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิต” แล้วเล้งก็ถอดสร้อยที่มีหยกรูปมังกรสีแดงสมบัติประจำตระกูลสวมให้เธอ “หยกมังกรวารีสมบัติประจำตระกูลฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ชีวิตเธอมีค่าที่สุดสำหรับฉัน”

เล้งสะดุ้งตื่นจากฝัน มองหยกครึ่งชิ้นที่วางอยู่ตรงหัวเตียง หยิบขึ้นดูอย่างครุ่นคิด

วันต่อมา เล้งเตรียมตัวออกไปกับลูกน้องกลุ่มหนึ่ง นนท์เป็นห่วงถามว่าจะไปไหน เล้งบอกว่าเมื่อคืนฝันถึงพราวแสง นนท์รู้ใจบอกว่าถ้าเจ้าสัวจะสืบเรื่องนี้ตนขอไปด้วย

“ไม่ต้องหรอกนนท์ แกยังมีหน้าที่ต้องคอยดูแลคนของเรา แล้วยังเรื่องของพวกไอ้ตงกับมานพอีก ฉันอยากให้แกตามดูความเคลื่อนไหว แล้วคอยรายงานฉัน”

ไม่กี่อึดใจต่อมา ขณะคมทวนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บ้าน อ่างก็วิ่งหน้าตื่นมาบอกว่า ตนเห็นเล้งมาป้วนเปี้ยนในตรอกศาลเจ้า ได้ยินว่ากำลังถามหาชาวบ้านที่พอจะรู้เรื่องของพราวแสง

คมทวนทิ้งกระป๋องรดน้ำต้นไม้วิ่งออกไปทันที เจอลูกน้องเล้งพาชาวบ้านคนหนึ่งมา บอกว่าคนนี้พอจะรู้จักพราวแสงอยู่บ้าง เล้งเดินเข้าไปจ้องหน้าถาม “แกรู้จักพราวแสงแน่นะ”

“ถ้าใช่พราวแสงเมียไอ้คมทวนละก็รู้จักแน่ เพราะตอนมันตายฉันยังไปงานศพมันอยู่เลย” ชาวบ้านคนนั้นท่าทางมั่นใจ แต่ไม่ยอมเล่ารายละเอียด จนเล้งยัดเงินใส่มือ คำบอกเล่าก็พรั่งพรูออกมา...

สลึงเกาะติดอยู่ตรงนั้น ร้อนใจที่อ่างไปตามคมทวนยังไม่มาสักที ได้ยินเล้งถามชาวบ้านคนนั้นว่ารู้จักพราวแสงกับคมทวนตั้งแต่เมื่อไร สลึงเอียงหูฟัง...

“ก็ตั้งแต่ที่ไอ้คมทวนพาพราวแสงมาอยู่ที่ตรอกศาลเจ้าวันแรกเลย เพราะฉันนี่แหละที่เป็นคนให้สองคนนั้นเช่าบ้านอยู่ ตอนนั้นพราวแสงกำลังท้องโตใกล้คลอดเต็มที”

เล้งถามว่าพราวแสงท้องแก่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แล้วหรือ ชาวบ้านคนนั้นยืนยันว่าใช่ ถามว่าเจ้าสัวสงสัยอะไรหรือ?

“ไอ้เล้ง!!” คมทวนพรวดเข้าไปเผชิญหน้าเล้ง“นี่แกยังไม่เลิกยุ่งกับเรื่องของฉันกับพราวแสงอีกหรือวะ ไสหัวไปให้พ้นเลย”

ทั้งสองโต้เถียงกันรุนแรงคมทวนบอกว่าพราวแสงไม่กลับไปหาเล้งว่าเพราะเธอเกลียดเขา แต่เล้งเชื่อว่าเธอมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นมากกว่า

“ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกเว้ยไอ้เล้ง นอกจากเรื่องเดียวคือใครที่อยู่ใกล้ๆแกชีวิตมันจะสั้น ไม่ตายโหงก็ต้องตายห่าเพราะวงการมาเฟียของแก”

“ถ้าแกยืนยันว่าพราวแสงไม่อยากกลับไปหาฉันเพราะกลัวฉันจริงๆละก็...งั้นฉันขอหยกเลือดมังกรของฉันคืน”

คมทวนชะงัก ตัดสินใจคืนหยกเลือดมังกรให้เล้งแต่มีข้อแม้ว่าต่อไปเขาจะไม่เหยียบมาที่นี่อีก และจะลบเรื่องของพราวแสงไปจากชีวิต เมื่อเล้งรับคำ คมทวนคืนหยกเลือดมังกรให้ไล่ให้รีบไปเสีย ความลับของหยกจะได้ปิดฉากเสียที

ooooooo

วิบากกรรมของเสี่ยตงยังไม่สิ้น หลังจากให้ลูกน้องไปสวามิภักดิ์กับพยัคฆ์เมฆาแล้ว มานพยังตามไปยึดธุรกิจภัตตาคารด้วย เท่านั้นไม่พอยังจับอู๊ดดี้ไปซ้อมแทบตาย

เสี่ยตงที่มานพเรียกมาหา เห็นเข้าถามว่าซ้อมอู๊ดดี้ข้อหาอะไร มานพบอกว่า “ข้อหาหมั่นไส้”

“หมั่นไส้...แกไปหมั่นไส้อะไรมัน รู้ไหมว่าพ่อมันเป็นใคร”

“รู้สิ...ทำไมจะไม่รู้ แต่ไม่เห็นจะต้องกลัวเลยเพราะถ้าพ่อมันยังอยากเกาะเก้าอี้ไว้ไม่ไห้ใครมาแย่งไป ยังไงก็ต้องพึ่งพวกเราให้คอยเป็นมือเป็นเท้าจัดการเรื่องสกปรกๆให้อยู่แล้ว มันถึงได้ยอมให้ลูกชายมันมาดองกับมาเฟียไง”

“มานพ...แกมันผยองเกินไปแล้ว สักวันแกจะไม่ได้ตายดี”

“ฉันน่ะเหรอจะไม่ได้ตายดี ฮ่าๆๆ เงินกับอำนาจยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งซื้อทุกอย่างให้มาอยู่ในมือได้มากเป็นเงาตามตัว ไอ้พวกที่ไม่เหลืออะไรเลยต่างหากคือพวกไม่ได้ตายดี”

เสี่ยตงเห็นสภาพอู๊ดดี้แย่มาก บอกว่าถ้ามานพสะใจแล้วก็ปล่อยอู๊ดดี้เสีย มานพยอมปล่อยแต่อู๊ดดี้ต้องยกเลิกการแต่งงานกับดุจแพรและห้ามเข้าใกล้ผู้หญิงของตนอีกเด็ดขาด

อู๊ดดี้ถูกซ้อมจนทนไม่ได้ยอมรับว่าจะไม่ไปยุ่งกับดุจแพรอีก เสี่ยตงบอกมานพว่าถ้าอยากได้ลูกสาวตนก็ต้องคุยกับตนไม่ใช่มาทำร้ายอู๊ดดี้ เสี่ยขอโทษอู๊ดดี้ บอกเขาก่อนที่จะถูกลูกน้องมานพลากออกไปว่า ให้ไปจากเมืองไทยเสียและไม่ต้องกลับมาอีก

“ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องมาคุยกันเสียที...คุณพ่อตา... ฮ่าๆๆ” มานพหัวเราะอย่างผยอง

ส่วนดุจแพรกำลังเตรียมเดินทางไปต่างประเทศ เรื่องนี้นอกจากกิ่งเหมยกับหยกแล้วไม่มีใครรู้ เธออยากให้กิ่งเหมยกับหยกไปด้วยแต่ทั้งสองรักถิ่นฐานบ้านเกิดไม่อาจทิ้งไปได้ ดุจแพรอยู่ลาน้องสาวอย่างอาลัยอาวรณ์

ทันใดนั้น หยกรีบเข้ามาเร่งดุจแพรว่าต้องรีบกลับแล้วเพราะเสี่ยตงสั่งให้ตนมาพาเธอกลับด่วน คาดว่าคงมีเรื่องไม่ได้กับเธอแน่ กิ่งเหมยตกใจร้องบอกหยกขณะพาดุจแพรไปว่า “ฝากพี่สาวฉันด้วยนะหยก”

เสี่ยตงคุยกับมานพแล้วรีบกลับบ้านร้องเรียกดุจแพรให้รีบเก็บข้าวของบอกว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว จึงรู้ว่า ดุจแพรหายไปแล้ว ถามป้าจั่นอย่างตกใจว่า “ไม่อยู่ที่นี่แล้วอยู่ไหน?!”

ooooooo

พยัคฆ์เมฆาเหิมเกริมหนัก วันนี้นำกำลังไปบุกท่าเรือของเล้ง ฆ่าลูกน้องเล้งบาดเจ็บล้มตาย เล้งนำกำลังลูกน้องที่เหลือไปเผชิญหน้ากลุ่มพยัคฆ์เมฆาที่นำโดยโหงว

โหงวยืนท้าทายเล้งอยู่ พอเห็นเล้งมาก็หัวเราะเยาะว่า รู้แล้วว่าต้องมา แค่จี้ให้ถูกจุดก็ยั่วให้โมโหแล้ว เล้งท้าให้ออกมาเจอกัน แต่โหงวให้ลูกน้องออกไปสู้กับเล้งทีละคน...ทีละคน จนเล้งเริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกลูกน้องโหงวใช้มีดแทงถูกแขนแล้วลากไปหาโหงว

“ไอ้โหงว สารเลวอย่างแกไม่มีวันได้ยิ่งใหญ่หรอก เมื่อไรที่มานพเห็นว่าแกหมดประโยชน์มันก็จะฆ่าแกทิ้ง”

“ลื้อคิดว่าอั๊วไม่รู้จักสันดานสายเลือดของอั๊วเหรอวะไอ้เล้ง ถึงอั๊วจะไม่ได้เลี้ยงมันมา แต่อั๊วก็ดูมันออก ลองถ้ามันทรยศกับพ่อที่เลี้ยงมันมาได้แล้วทำไมกับพ่อขี้คุกอย่างอั๊วมันจะทรยศไม่ได้”

“ลื้อรู้ แต่ลื้อยังช่วยสร้างมันให้เป็นพยัคฆ์ร้าย”

“เพราะอั๊วฉลาดไงไอ้เล้ง ลำพังไอ้เป๋พิการอย่างอั๊วจะเอาอะไรไปต่อกรกับมังกรอย่างลื้อถ้าไม่หลอกใช้มานพเป็นคนจัดการ” พอเล้งด่าไอ้จิ้งจอก โหงวก็หัวเราะร่า “ฮ่าๆๆ ใช่ อั๊วมันเป็นไอ้จิ้งจอกตัวสุดท้ายที่ยืนอยู่บนซากศพพวกโง่ๆอย่างลื้อ”

โหงวชักปืนออกมาจ่อหัวเล้ง สอดนิ้วเข้าโกร่งไกค่อยๆเหนี่ยว...

พริบตานั้น นนท์พาลูกน้องบุกเข้ามาช่วย ระดมยิงพวกโหงวแตกกระเจิง ส่วนตัวโหงวลากขาวิ่งกะเผลกหนีไป นนท์รีบประคองเล้งพาไปตามทางที่โหงวหนี

ooooooo

ระหว่างทางที่หยกพาดุจแพรจะไปส่งที่บ้านนั้น ถูกมานพส่งลูกน้องมาโรยตะปูเรือใบแล้วชิงตัวดุจแพร หยกพยายามต่อสู้ปกป้องเธอ แต่กำลังพวกมันมากกว่า มันจะรุมเข้าเล่นงานหยก ดุจแพรตะโกน

“อย่านะ...อย่าทำเขา ปล่อยเขาไป ฉันยอมไปกับพวกแกแล้ว”

“แกพาตัวนังนั่นไปให้เจ้านาย...ส่วนไอ้นี่ข้าจะจัดการมันเอง” ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนกดท่อนไม้ลงที่คอหยกจนหายใจไม่ออก

ดุจแพรถูกพวกมันลากไปขึ้นรถตู้ เธอพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ ถูกพวกมันชกท้องจนหมดสติแล้วลากขึ้นรถไป หยกแค้นอกแทบระเบิดที่เห็นดุจแพรถูกพวกมันจับไปโดยที่ตัวเองช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย...

มานพมองดุจแพรที่ลูกน้องพาเข้ามาอย่างสะใจ มันข่มเหงเธออย่างป่าเถื่อน ไม่ไยดีกับเสียงขอร้องของเธอแม้แต่น้อย...

ระหว่างนั้น ลูกน้องพยัคฆ์เมฆารายงานโหงวว่าเล้งติดต่อมาหามานพ บอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย โหงวไปตามมานพ ถูกชาญที่เฝ้าประตูอยู่กันไม่ให้เข้าบอกว่า “คุณมานพไม่ว่าง...ต้องรอจนกว่าจะเสร็จธุระ”

“ธุระอะไรของมัน” โหงวตวาดแล้วผลักประตูเข้าไป เห็นมานพกำลังปล้ำดุจแพรอย่างบ้าระห่ำ โหงวตวาด “หยุดทำเรื่องไม่ได้เรื่องเสียทีได้ไหมมานพ”

มานพกำลังหน้ามืดตวาด “เตี่ยเข้ามายุ่งอะไรด้วย” แล้วหันไปตะคอกชาญ “ฉันบอกให้แกเฝ้าไว้ไม่ให้ใครมายุ่งไง”

“แกไม่ต้องไปโทษคนอื่น ไอ้ชาญ...พาดุจแพรออกไปข้างนอกก่อน” โหงวสั่ง

มานพหงุดหงิดถามว่าทำไมต้องมาห้ามทั้งที่เสี่ยตงยอมยกลูกสาวให้ตนแล้ว

“ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ ป๋าไม่มีทางยกฉันให้แก”

“หึๆ คุณคิดว่ารู้จักพ่อตัวเองดีแล้วเหรอคุณแพร... พอถึงเวลาจวนตัวเข้า ผมขออะไรมันก็ให้หมดทุกอย่าง”

ดุจแพรไม่เชื่อ โหงวตัดบทสั่งชาญพาดุจแพรออกไป แล้วปรี่เข้าบีบหน้ามานพจนแก้มยุบ กัดฟันพูดใส่หน้า

“ฉันไม่สนใจว่าแกจะเล่นสกปรกกับไอ้ตงยังไงมันถึงยอมยกลูกสาวให้แก แต่นี่มันยังไม่ใช่เวลามาสนุกกับการมีเมีย ตราบใดที่แกยังล้มไอ้เล้งไม่ได้ แกต้องฟังคำสั่งฉันเท่านั้น”

มานพเร่งให้ไปถล่มเล้งเดี๋ยวนี้เลย โหงวบอกว่าตนไปถล่มยั่วโมโหเล้งมาแล้ว และตอนนี้เล้งก็กำลังหลงกลเดินมาติดกับดัก นั่นคือเล้งติดต่อขอเจรจากับเขาแล้ว

ไม่นานนนท์ก็เอาโทรศัพท์ไปให้เล้ง บอกว่า “มัน โทร.กลับมาหาเจ้าสัวแล้วครับ”

เล้งรับโทรศัพท์ไปพูด มานพทำเสียงเข้มบอกว่าช่วงนี้ธุระตนยุ่งมาก ไหนจะธุรกิจ ไหนจะลูกน้อง ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาไม่หยุด

“ฉันไม่แปลกใจหรอก อำนาจเมื่ออยู่ในมือใครแล้ว ย่อมต้องมีแต่คนอยากเข้าหาเพื่อรอส่วนแบ่งผลประโยชน์ แต่รู้ไว้ด้วยนะ ถ้าอำนาจเสื่อมก็จะถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังอย่าง ไร้ค่า และจะลงเอยด้วยการถูกทรยศหักหลัง”

“แกเลิกพล่ามไร้สาระได้แล้วไอ้เล้ง ตอนนี้แกกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ฉะนั้นอย่าสะเออะมาทำเป็นสอน”

“แกมีกุนซือดีอยู่กับตัวแล้ว ฉันจะไปสอนแกได้ยังไง ก็แค่พูดความจริงที่สักวันแกต้องเจอให้รู้ตัวเอาไว้”

“งั้นก็คงเป็นแกนั่นแหละไอ้เล้ง ที่กำลังจะกลายเป็น พวกอำนาจเสื่อมเลยรักตัวกลัวตาย คิดอยากเจรจากับฉัน”

เล้งนิ่งไปอย่างทึ่งกับความกร่างผยองพองขนของมานพ แต่ยังพูดอย่างใจเย็นว่า

“ฉันไม่อยากให้มีคนตายมากไปกว่านี้แล้วมานพ ฉันถึงอยากคุยกับแกตามลำพัง”

มานพนิ่งไป หันมองโหงวถามด้วยสายตา พอโหงวพยักหน้า มานพจึงตอบอย่างยโสว่า

“ได้...นัดเจรจากันก็ดี เพราะฉันเองก็อยากรู้ว่ามังกรอย่างแกจะยอมก้มหัวให้พยัคฆ์อย่างฉันได้ยังไง”

ตัดสายจากเล้งแล้วมานพหันมองหน้าโหงว “มันตกลง แล้ว...ทีนี้ล่ะ...มันได้เดินมาตกหลุมดักมังกรแน่ ฮ่าๆๆ”

ooooooo

หยกไปหาเสี่ยตงที่บ้าน ถูกเสี่ยกระชากคอเสื้อตะคอกอย่างโกรธจัดว่าปล่อยให้พวกนั้นเอาตัวดุจแพรไปได้ยังไง! ไม่ได้เรื่อง!

หยกจะสืบให้ได้ว่าพวกมันพาดุจแพรไปไหน เสี่ยบอกว่าไม่มีประโยชน์เพราะตนทำอะไรไม่ได้แล้ว หยกถามว่าแล้วทำไมมันจึงยังต้องการคุณหนูอีก เสี่ยนิ่งหน้าเครียด จนหยกขอร้องให้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น มันบังคับอะไรเสี่ย

“ฉันจำเป็นต้องบอกมันว่าฉันยอมยกยัยแพรให้ แล้วตั้งใจจะรีบกลับมาพายัยแพรหนี มันคงรู้ทันเลยส่งคนมาดักฉุดยัยแพรไป...” เสี่ยแค้นใจสุดๆ กระชากคอเสื้อหยกเข้าไปบอกว่า “ฟังฉันให้ดีนะไอ้หยก ฉันโกหกยัยแพร

กับกิ่งเหมยว่าฉันยอมวางมือ แต่คนอย่างไอ้หมาบ้าตง

ไม่มีวันก้มหัวให้ใคร ฉันแค่รอเวลาที่จะเล่นงานมัน แล้วนี่ก็ถึงเวลาที่ฉันจะสู้อย่างหมาจนตรอกแล้ว”

“เสี่ย!! เสี่ยไม่เหลือใครแล้ว เสี่ยจะเอาอะไรไปสู้?”

“ฉัน...ไอ้เก่ง...แล้วก็แกไง!”

หยกชะงักอึ้ง เขากลับไปที่ดาดฟ้าอย่างสับสนหนักใจไม่รู้จะบอกกิ่งเหมยอย่างไรดี ถูกธงรบมาดักเตือนว่า คิดให้ดีว่าควรจะบอกกิ่งเหมยหรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับดุจแพร หยกบอกว่าเขาเป็นพี่น้องกันตนจะปิดเรื่องนี้ ได้ยังไง

“แต่กิ่งเหมยกำลังอยู่กับความหวัง รออนาคตที่กำลังมีแกและชีวิตครอบครัวที่สงบสุข ถ้าแกไปบอกว่าแกต้องร่วมมือกับเสี่ยตง เอาชีวิตไปลุยโดยไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า แกไม่สงสารกิ่งเหมยเหรอ”

หยกนิ่งไปอย่างครุ่นคิด ธงรบบอกให้รู้อีกว่าตนเพิ่งรู้จากเล้งว่า เล้งตัดสินใจนัดพบกับมานพตามลำพังเพื่อเปิดการเจรจาสงบศึก เพราะเล้งไม่อยากให้มีคนตายมากไปกว่านี้ ย้ำกับหยกว่า “แต่แกก็รู้ว่าวงการนี้มันเป็นยังไง”

“ครับหมวด...การพบกันของเจ้าสัวกับมานพจะไม่ใช่การเจรจาเพื่อสันติ แต่เป็นการเป่านกหวีดเริ่มสงครามใหญ่มากกว่า”

“ใช่...ทีนี้แกก็คงรู้แล้วนะว่าจะบอกกิ่งเหมยยังไง”

หยกหันมองกิ่งเหมยอย่างตัดสินใจ...

ooooooo

หยกเลือดมังกร

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด