ตอนที่ 19
บนดาดฟ้าที่พักของหยก...
คืนนี้ ดุจแพรมาบอกกิ่งเหมยกับหยกว่า ตนจะแต่งงานกับอู๊ดดี้ กิ่งเหมยตกใจ แปลกใจ ถามว่าเธอไม่ได้รักอู๊ดดี้ไม่ใช่หรือ แล้วจะแต่งงานกับเขาได้อย่างไร
“วันนี้อาจยังไม่รักเขา แต่ในเมื่อเขารักฉันมาก เขาก็ต้องทำให้ฉันมีความสุขได้”
“แต่ฉันคิดว่าคุณทำอย่างนี้เพราะ...”
“เพราะประชดเธอกับหยกน่ะเหรอ...ไม่ใช่นะกิ่งเหมย ฉันอยากเห็นเธอสองคนมีความสุขด้วยกันจริงๆ แต่ที่ฉันเลือกแต่งงานกับอู๊ดดี้เพราะฉันอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ป๋าจะได้เลิกเป็นมาเฟียเสียที”
ดุจแพรน้ำตาคลอ สะอื้นในอกเบาๆ แม้กิ่งเหมยไม่เห็นแต่จากน้ำเสียงก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเธอ
“สำหรับหยกกับเธอไม่ต้องห่วงนะ หยกจะไม่มีทางมีจุดจบเหมือนมาเฟียคนอื่นๆแน่นอน”
ดุจแพรยังเล่าว่าเธอได้ตกลงกับเสี่ยตงเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนว่า เธอจะยอมแต่งงานกับอู๊ดดี้และไปอยู่ที่อื่น แต่ว่า...
“ป๋าต้องปล่อยหยกไป เพราะเขาจะไม่ใช่ลูกน้องป๋าอีกแล้ว แพรขอล่ะ ป๋าต้องปล่อยให้เขามีชีวิตสงบสุขกับกิ่งเหมย”
ทั้งหยกและกิ่งเหมยสะเทือนใจกับการตัดสินใจของดุจแพร หยกติงว่า เธอไม่ควรทำเพื่อตน เพราะตนทำให้เธอเสียใจก็ไม่ควรได้รับการช่วยเหลืออะไรจากเธอทั้งนั้น
“เรื่องระหว่างเธอกับฉัน ไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีกแล้วนะหยก และที่ฉันทำลงไป ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อเธอคนเดียว แต่เพื่อน้องสาวของฉันด้วยต่างหาก”
“ฉันขอบคุณมากนะคะคุณแพร คุณอยากเห็นเรามีความสุข แต่คุณก็ต้องมีความสุขด้วยสิคะ”
“การได้เห็นคนที่ฉันรักมีความสุข นั่นแหละคือความสุขของฉัน ถ้าฉันช่วยอะไรได้ บอกฉันเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ จะให้ฉันช่วยหาหมอเก่งๆมารักษาเธอก็ได้นะ”
กิ่งเหมยพูดอย่างซาบซึ้งใจว่าเรื่องนั้นตนไม่รบกวนเพราะกำลังรอความหวังจากผู้ที่พร้อมจะบริจาคดวงตาให้ ถ้าโชคเข้าข้างไม่ต้องรอนาน ตนอาจจะได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง ดุจแพรดึงกิ่งเหมยเข้าไปกอดด้วยความดีใจกับเธอด้วย
ooooooo
คืนเดียวกัน โหงวโทร.จากห้องทำงานในเลานจ์
บอกดวงแขว่า เล้งรู้เรื่องมานพหมดแล้ว ดวงแขตกใจตวาดว่า แล้วทำไมเพิ่งโทร.บอกตน
“มานพโดนไอ้เล้งเล่นงานมาหนัก ฉันต้องพามารักษาตัวและหาที่ซ่อนให้” ดวงแขถามว่า มานพเป็นอะไรมากหรือเปล่า “ถ้าฉันไม่ลากมันออกมา ไอ้เล้งได้ฆ่ามันแน่...เหลือแต่เธอนั่นแหละ รีบหนีออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้น ไอ้เล้งเล่นเธอหนักแน่”
พอวางสายจากโหงว ดวงแขรีบเอากระเป๋าเดินทางมากวาดทรัพย์สินมีค่าทั้งเครื่องเพชรและแก้วแหวนเงินทองใส่กระเป๋า คว้ากระเป๋ารีบเดินออกไป ถูกนนท์ขวางไม่ให้ออก อ้างว่าเจ้าสัวสั่งไม่ให้เธอออกไปไหนเด็ดขาด
“ไม่! ถ้าพวกแกไม่หลบฉันละก็...” เธอชักปืนออกมาขู่ “ฉันยิงแกเรียงตัวแน่...หลบไป!!”
นนท์กับลูกน้องต่างชะงัก แต่โชคช่วย! เล้งกลับมาพอดี เขาสั่งดวงแขให้ทิ้งปืนเสียก่อนจะโดนลูกน้องตน เล่นงาน
“ฉันจะไม่ยอมตายอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยฝีมือแกหรอก...ไอ้เล้ง!” ดวงแขเผชิญหน้าเบนกระบอกปืนไปทางเล้งแต่ถูกนนท์อาศัยจังหวะนั้นปัดมือชิงปืนปลดแมกกาซีนอย่างรวดเร็ว ลูกน้องอีกคนตบหน้าแล้วล็อกตัวเธอไว้
ดวงแขดิ้นรนโวยวายให้ปล่อยตน เล้งเดินเข้ามาพูดอย่างใจเย็นว่า
“เธอก็รู้จักฉันดีนะดวงแขว่าฉันเป็นคนยังไง เธอรู้ดีว่าฉันเกลียดการโกหกและทรยศหักหลังที่สุด”
ดวงแขดราม่า ขอโทษและขอคุยกันดีๆ อ้างว่า ที่แล้วมาตนจำเป็นต้องทำเพราะถูกโหงวบังคับถ้าไม่ทำก็จะถูกฆ่า เล้งฟังแล้วยิ่งเจ็บใจ ตบหน้าเพียะ!
“เธอหักหลังไอ้โหงวส่งมันเข้าคุก แล้วเอาลูกชายมันมาตบตาว่าเป็นสายเลือดคนสุดท้ายของฉัน...ฉันรู้ ความจริงหมดแล้ว...เลิกตอแหลสักที!!”
ดวงแขร้องไห้ฮือๆ แต่ยังพูดเอาความดีว่า เห็นเขาไม่มีทายาทสืบสกุลเลยอยากให้มานพได้โอกาสนี้ อ้อนวอนว่า
“อย่าโกรธฉันเลยนะเล้ง ที่ผ่านมาเธอก็รักมานพได้ทั้งที่เขาไม่ใช่สายเลือดนะ ฉันเป็นเมียเธอนะเล้ง ฉันปรนนิบัติดูแลเธอมาตั้งหลายปี ฉันช่วยจัดการไอ้โหงวให้เธอ ฉันช่วยทำให้เธอได้อุ้มลูกเหมือนอย่างคนอื่นเขา ยกโทษให้ฉันเถอะ ไว้ชีวิตฉัน แล้วฉันจะไม่มายุ่งกับเธออีก... นะเล้ง...ฉันขอร้องล่ะ ฮือๆๆ”
เล้งหยุด มองกระเป๋าเดินทางใบนั้นนิ่ง เขาพยักหน้าให้ลูกน้องเทของในกระเป๋าออกมา ปรากฏว่าแก้วแหวนเงินทองเครื่องเพชรร่วงกราว เล้งพูดอย่างรู้ทันว่า แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอไม่คิดจะยอมจำนน แต่คนอย่างเธอพร้อมจะแว้งกัดคนที่เลี้ยงเธอมาได้ตลอดเวลา
เมื่อดวงแขอ้อนวอนขอชีวิตอีก เล้งพยักหน้าพูดแววตาเอาเรื่อง “เธออยากให้ฉันให้โอกาสเธออีกครั้งใช่ไหม... ได้...ฉันจะให้โอกาสเธอ” พูดแล้วผลักดวงแขไปให้ลูกน้องจับตัวไว้ ให้พาเดินตามเขาออกจากบ้านไป
“จะพาฉันไปไหนน่ะเล้ง...เล้ง...จะพาฉันไปไหน” ดวงแขถามอย่างตระหนก
ooooooo
เล้งพาดวงแขที่ถูกเอาถุงดำคลุมหัวไปบริเวณที่เป็นแหล่งทิ้งขยะกองพะเนิน รอบๆเป็นแหล่งเสื่อมโทรม เห็นคนรื้อค้นกองขยะบ้างก็ชกต่อยทุบตีกันเพื่อแย่งของจากกองขยะ
ดวงแขรู้ชะตากรรมตัวเอง เธอทำทีจะเข้าไปขอบคุณเล้ง ถูกนนท์ชักปืนจ่อให้หยุดตรงนั้น เล้งบอกว่าเธอไม่ต้องขอบคุณตน ยังไงตนก็จะไม่ปล่อยเธอไปแต่ตัวหรอก แล้วก็ให้ลูกน้องเอาเครื่องเพชรทองจากกระเป๋ามา ใส่ให้เธอจนเหลืองอร่ามไปทั้งตัว บอกว่าถ้าเธอรอดไปได้ก็จะเป็นสมบัติเอาไปตั้งตัวได้ พูดก่อนเดินจากไปว่า
“ลาก่อนดวงแข...ขอบใจมากสำหรับวันเวลาที่เธอเคยรักฉัน ที่ผ่านมาไม่ว่าเธออยากได้อะไร ฉันก็ให้เธอหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ฉันถือว่าได้ตอบแทนเธอไปหมดแล้ว จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
นนท์พาดวงแขเข้าไปในบริเวณกองขยะ เธอจะหนี นนท์เอาปืนจ่อบอกว่า เจ้าสัวให้โอกาสเธอหนีแล้ว ให้เลือกเอาว่าจะตายหรือจะหนี
ดวงแขถูกทิ้งไว้ที่นั่น ไม่นานเธอก็ถูกรุมทึ้งแย่งแก้วแหวนเงินทองไปหมด
เล้งนั่งดูอยู่ในรถ เมื่อนนท์กลับมา เขาพึมพำ
“ชีวิตคนเราก็แค่นี้...หมดบุญที่ทำก็ต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อ...”
นนท์พยักหน้ารับแล้วขับรถพาเล้งออกไปช้าๆ ผ่านดวงแขที่วิ่งหนีและร้องขอความช่วยเหลืออย่างเลือดเย็น...
ooooooo
ที่ดาดฟ้า...
ธงรบมาเล่าเรื่องเล้งโมโหที่ถูกดวงแขและมานพหักหลัง บอกว่าหยกจะสะใจเหมือนตนที่เห็นพวกมาเฟียฟัดกันเอง
“มันไม่ใช่เรื่องน่าสะใจหรอกครับหมวด สำหรับผมแล้ว ผมไม่ถือว่าเขาเป็นมาเฟีย” หยกพูดหน้านิ่ง
“ถึงหน้าฉากเขาจะเป็นนักธุรกิจใสซื่อมือสะอาด แต่แกก็เห็นอยู่ว่าเจ้าสัวเล้งเลี้ยงนักเลงไว้เพียบ”
“เขาทำอย่างนั้นเพราะต้องการเปลี่ยนนักเลงให้เป็นคนดี” ธงรบถามว่าเชื่อหรือว่าเล้งจะทำได้ หยกนิ่งไปอย่างทบทวน ชี้แจงว่า “เขาใช้คุณธรรมในการปกครองคน อ่อนให้คนดีแข็งให้คนเลว เพราะเป็นเขาผมถึงเชื่อ”
“แต่แกอย่าลืมนะหยก...ตอนนี้เราไม่มีผู้การหนุนหลัง ถ้าจะจัดการกับพวกมาเฟีย ทางเดียวก็คือต้องให้มันฟัดกันเอง ให้พวกมันนองเลือดจนฉิบหายกันไปเอง”
พูดแล้วเห็นหยกนิ่งไป ธงรบตบบ่าเขาเหมือนปลอบใจว่า
“เอาน่า...แกจะต้องไปกังวลอะไรอีกวะ ก็เห็นคุณแพรช่วยไม่ให้แกต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับไอ้เสี่ยตงได้แล้วนี่หว่า จากนี้ไปแกจะได้แต่งงานมีความสุขกับกิ่งเหมยไง”
“แล้วคุณล่ะหมวด คุณจะเรียกคืนชีวิตของคุณมาได้ยังไง”
“จะต้องมาห่วงฉันทำไม...ถึงเวลาแกแต่งงานไปแล้ว แกจะต้องเสียดายชีวิตโสดแบบฉัน” ธงรบหัวเราะกวนๆ ก่อนเดินจากไป...
ooooooo
เมื่อดุจแพรเป็นฝ่ายเสียสละยอมที่จะแต่งงานกับอู๊ดดี้และไปอยู่ต่างประเทศเพื่อให้หยกกับกิ่งเหมยได้แต่งงานกัน ที่สำคัญยังทำเพื่อให้เสี่ยตงป๋าของเธอเลิกเป็นมาเฟียด้วย
วันนี้ ขณะกิ่งเหมยกับหยกกำลังหยอกล้อกันประสาหนุ่มสาวที่ใกล้จะแต่งงานอยู่ที่บ้านกิ่งเหมยนั่นเอง ส้มเช้งก็มาพร้อมถุงกระดาษในมือ พูดหยอกว่า
“ฉันมีธุระกับกิ่งเหมย แต่ถ้าเพื่อนฉันยังไม่พร้อม ขออ้อนว่าที่สามีก่อนก็ไม่เป็นไร ฉันไปรอที่บ้านก็ได้” ส้มเช้งแกล้งทำหันหลังจะกลับ กิ่งเหมยนึกได้รีบเรียกไว้ ส้มเช้งย้อนกลับมา จับหยกดันออกไป “หลบไปเลยไอ้หยก นี่เป็นเรื่องของผู้หญิง...ห้ามยุ่ง” ว่าแล้วจับมือกิ่งเหมยเข้าบ้านไปพร้อมถุงกระดาษในมือ
ส้มเช้งกับกิ่งเหมยทำเป็นมีลับลมคมในกันจนหยกสงสัยแต่ถูกกันไว้นอกบ้าน เลยได้แต่มองตามสองสาวงงๆ
ที่แท้ส้มเช้งเอาชุดแต่งงานที่ตัวเองลงมือตัดให้ฟรีมาให้กิ่งเหมยลอง เพื่อจะได้ปรับแต่งให้พอดีตัว ขณะลองชุด ส้มเช้งบ่นว่า
“น่าเสียดายชะมัดเลยที่แกดันตาบอดมองไม่เห็นตัวเอง แกรู้ไหมว่าแกเป็นว่าที่เจ้าสาวที่สวยที่สุดที่ฉันเคย เห็นมาเลย”
ทั้งสองลองชุดกันอยู่นาน จนหยกตะโกนถามว่า
“ส้มเช้ง...เสร็จธุระกับกิ่งเหมยของฉันรึยัง ฉันจะเข้าไปแล้วนะ”
“อย่าให้หยกมาเห็นฉันตอนนี้นะ” กิ่งเหมยรีบร้องห้าม
“เออ...รู้น่า...แกรีบถอดชุด เดี๋ยวฉันจะไปกันมันไว้เอง”
หยกคาดคั้นถามส้มเช้งว่ามีอะไรปิดบังตน ส้มเช้งทำไขสือ หยกบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวตนถามกิ่งเหมยเองก็ได้
แต่ไม่ทันที่จะได้ถามกิ่งเหมย คมทวนก็เข้ามาบ่นหยกว่า
“ไอ้หยก...ตามหาเสียทั่ว มาอยู่นี่เอง” แล้วเรียกหยก “มานี่...ข้ามีอะไรจะให้เอ็ง”
ส้มเช้งได้จังหวะเลยยุคมทวนให้รีบพาหยกไปเลย
ooooooo
เสี่ยตงกำลังสบายอกสบายใจมากที่กันดุจแพรออกมาจากหยกและยอมแต่งงานกับอู๊ดดี้ เรียกทั้งสองมาบอกว่า
“ผู้ใหญ่คุยกันเรียบร้อยแล้ว ตกลงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอู๊ดดี้อยากไปจัดงานที่อังกฤษก็ได้ตามสะดวก”
อู๊ดดี้อยากให้เสี่ยสะดวกด้วย เสี่ยไม่มีปัญหาเพราะตนจะบินไปเมื่อไรก็ได้ ดุจแพรเสนอขึ้นว่า
“งั้นถ้าแพรขอเป็นจัดงานตอนที่ป๋ายอมย้ายไปอยู่ที่โน่นถาวรเลยจะดีกว่าไหมคะ”
“ไม่เอาน่าแพร...เจ้าบ่าวเขาอยากแต่งงานเร็วๆ แพรจะให้เขามารอป๋าเคลียร์ธุรกิจให้เสร็จก่อนได้ยังไง ไม่ได้ๆ เดี๋ยวไม่ทันอุ้มหลาน ใช่ไหมอู๊ดดี้”
แม้ดุจแพรจะพยายามหาเหตุถ่วงเวลา แต่ก็สู้เสี่ยตงกับอู๊ดดี้ที่เร่งเร้ารวบรัดไม่ได้
แต่ก่อนที่จะตกลงกันลงตัว เก่งก็เดินเข้ามาหน้าตาเหมือนมีเรื่องร้อนใจ เสี่ยเลยตัดบทว่า
“เอาล่ะ” เสี่ยจับมือหนุ่มสาวให้กุมกันไว้ “จากนี้ไปฉันคงต้องฝากยัยแพรให้อยู่ในความดูแลของเธอแล้วนะอู๊ดดี้” เมื่อชายหนุ่มรับคำ เสี่ยหันมาทางดุจแพร “ส่วนลูก ต่อไปห้ามดื้อกับอู๊ดดี้ พ่อยกเราให้เขาแล้ว เพราะฉะนั้นต้องฟังเขา”
“ค่ะป๋า” ดุจแพรจำต้องรับคำ
เสี่ยตงเดินออกไปแล้ว แต่อู๊ดดี้ที่กุมมือดุจแพรอยู่ยังไม่ยอมปล่อย กลับจับแน่นขึ้นมองหน้าเธอยิ้มแปลกๆ จนดุจแพรบอกให้ปล่อยเพราะตนเจ็บ
แทนที่อู๊ดดี้จะปล่อย เขากลับรวบเธอเข้าไปกอดไว้แน่น พูดอย่างเป็นต่อว่า เธอเป็นของตนแล้วไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรอีก ดันเธอออกมองหน้ายิ้มร้ายพูดใส่หน้า
“ฉันไม่ใช่ไอ้โง่หรือพระรองที่แสนดีที่จะยอมกินน้ำใต้ศอกของเหลือเดนจากใครง่ายๆหรอก!”
ดุจแพรถามว่าเขาจะแก้แค้นตนหรือ อู๊ดดี้พูดเหี้ยมว่า พูดว่าแก้แค้นยังน้อยไป ยื่นหน้าเข้าไปพูดว่า
“เธอหนีฉันไปไหนไม่ได้หรอกลูกปลาน้อย...เพราะฉันรู้เรื่องที่เธอตกลงกับพ่อเธอไว้แล้ว เอาเลย...ถ้าเธออยากให้พ่อเธอเป็นมาเฟียต่อไป อยากเห็นไอ้หมอนั่นเป็นกุ๊ยไปตลอดชีวิต”
ดุจแพรขอโทษแต่ขอให้เขาปล่อยตน อู๊ดดี้พูดอย่างเจ็บใจว่า
“ฉันตามตื๊อให้โอกาสเธอมานานแล้ว เพราะฉะนั้นคำขอโทษของเธอมันสายเกินไปแล้ว นอกจากจะไม่ขอโทษแล้วยังซ้ำเติมฉันอีก...เธอเลือกชีวิตต่อไปของเธอได้น่าสนใจมาก...ลูกปลาน้อย หึๆๆ”
อู๊ดดี้จ้องหน้าเธออย่างร้ายกาจจนดุจแพรตกใจน้ำตาไหลพราก สะบัดหลุดวิ่งกลับเข้าห้องทิ้งตัวบนที่นอนร้องไห้อย่างน่าเวทนา...
ooooooo
คมทวนพาหยกไปที่เรือนแพริมน้ำ...พาเดินเข้าไปข้างใน หยุดดูภาพถ่ายของพราวแสงที่ติดอยู่ เขายืนมองอยู่นานจนหยกถามว่าพาตนมาที่นี่ทำไม
“เอ็งได้คุยกับแม่เอ็งรึยังเรื่องที่เอ็งจะแต่งงาน” หยกบอกว่าคุยแล้วคุยกับรูปของแม่ที่บ้าน “ถ้าแม่เอ็งยังอยู่ เขาคงดีใจที่จะได้เห็นเอ็งมีครอบครัว ยิ่งเป็นหนูกิ่งเหมย แม่เอ็งคงยิ่งชอบ”
“ทำไมล่ะพ่อ”
“เพราะตอนเอ็งยังแบเบาะกินนมแม่อยู่ เอ็งชอบงอแงอาละวาดจนเขาแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เขาโกรธเอ็งก็เลยบ่นว่าถ้าเอ็งโตก็ขอให้เอ็งเจอผู้หญิงที่ทำให้เอ็งต้องยอมเขา เหมือนที่เขาต้องประคบประหงมเอ็งตลอด”
“ผมคิดถึงแม่จังเลยครับพ่อ”
“แต่นี่เอ็งก็ทำให้แม่เอ็งภูมิใจแล้วล่ะ...เอ้านี่...ของที่ข้าจะให้เอ็ง”
คมทวนยื่นกล่องเล็กๆให้ หยกมองอย่างสงสัยว่าเป็นอะไร พอเปิดกล่องออกดู เป็นแหวนทองปลอกมีดวงหนึ่ง...
“แหวนนั่นเป็นแหวนที่พ่อเคยซื้อให้แม่เอ็งใส่ แต่เขาไม่เคยหยิบเอามาใส่เลย เขาว่าใส่แล้วกลัวจะเก่าก็เลยบอกให้ข้าเก็บเอาไว้ให้เอ็งหมั้นสาวดีกว่า แต่ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่เหตุผลนั่นหรอก”
“พ่ออาจจะคิดว่าเพราะแม่ลืมคนรักของแม่ไม่ได้ แม่ถึงไม่ยอมใส่แหวนของพ่อ แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผู้ชายดีๆอย่างพ่อ ใครอยู่ด้วยก็ต้องรักทั้งนั้น”
“แกไม่ต้องยอให้พ่อตัวลอยหรอก สมบัติอย่างอื่นพ่อไม่มีให้นอกจากแหวนวงนี้วงเดียว”
“ผมพูดจริงนะพ่อ ไม่งั้นแม่จะไว้ใจให้พ่อเลี้ยงดูผมเหรอ ทั้งๆที่แม่จะส่งผมให้ไปอยู่กับพ่อแท้ๆของผมก็ได้”
คมทวนมองหน้าหยกอย่างหนักใจ เพราะรู้แก่ใจดีถึงเหตุผลแท้จริงที่พราวแสงไม่ส่งหยกไปอยู่กับเล้ง เขาถามว่า
“ไอ้หยก...งั้นพ่อถามเอ็งจริงๆ เอ็งยังคิดอยากตามหาพ่อที่แท้จริงของเอ็งอยู่รึเปล่า”
คำถามนี้ทำให้หยกนิ่งไปอึดใจ ก่อนเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า
“ตอนที่พ่อโยนหยกของผมทิ้งไป ตอนนั้นผมเสียใจมาก คิดว่าคงหมดหวังแล้วที่จะได้รู้กำพืดของตัวเอง แต่หลังจากนั้น ผมกลับมาคิดได้ว่า อดีตของผมมันไม่ได้มีความหมายเท่ากับปัจจุบัน ที่ผมมีพ่อที่รักและเลี้ยงดูผมมาอย่างดี”
หยกคุกเข่าลงพนมมือมองหน้าคมทวนพูดอย่างกตัญญู...
“วันนี้ผมเทิดทูนพ่อคนนี้ของผมอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้แล้ว ส่วนเขา ถ้าได้เจอกัน ก็ขอให้เป็นไปตามโชคชะตาของฟ้าลิขิตเถอะครับ...”
หยกก้มกราบแทบเท้าคมทวน ทำเอาคมทวนสะเทือนใจน้ำตาคลอ...เอ่ยเสียงเครือ...
“ไอ้หยก...ไอ้หยกลูกพ่อ...” พลางประคองหยกขึ้นมากอดไว้ ด้วยแววตาครุ่นคิด...หนักใจ...
เมื่อเข้ามาในห้อง คมทวนเอากล่องใส่หยกเลือดมังกรมาเปิดดู ยิ่งสะเทือนใจ พึมพำกับตัวเองน้ำตาคลอ...
“ไอ้หยก...พ่อควรจะทำยังไงกับเอ็ง...พ่อต้องกลายเป็นคนลิขิตชีวิตเอ็ง...พ่อไม่อยากทำแบบนี้เลย...”
ooooooo
เจ้าสัวเล้ง แห่งมังกรวารี กำลังตกอยู่ในความเจ็บปวดเสียใจกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ เอาแต่นั่งคิดเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน จนนนท์เป็นห่วง ให้คนใช้ยกถาดอาหารมาให้
“เจ้าสัวครับ... เจ้าสัวนั่งอยู่อย่างนี้มาทั้งคืนทั้งวันแล้วนะครับ ผมว่าทานอะไรสักหน่อยดีกว่านะครับ” เห็นเล้งนิ่งไม่ตอบ นนท์บอกคนใช้ “เอาเข้าไปให้เจ้าสัว”
แต่พอคนใช้วางถาดอาหารลง เล้งปัดไปอย่างเกรี้ยวกราด ตวาดสั่ง
“เอาออกไปให้พ้น ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น” คนใช้ตกใจถอยออกไป นนท์จะพยายามพูดอะไรอีกถูกเจ้าสัวไล่ออกไปให้หมด
เมื่อนนท์พาคนใช้ออกไปแล้ว เล้งมองหยกเลือดมังกรซีกเดียวที่เหลือด้วยแววตาเจ็บปวด พึมพำกับตัวเอง...
“ด้วยมือของฉัน...ฉันทำให้มังกรวารีมาถึงหายนะแล้วใช่ไหมพราวแสง...”
เวลาเดียวกัน มานพที่โหงวพามาพักรักษาตัวที่ห้องทำงานในเลาจน์ อาการเริ่มดีขึ้น เขาลุกเดินไปมาใน ห้องราวกับหนูติดจั่น หันบอกลูกน้องที่เฝ้าอยู่ว่า
“แกไม่ต้องมาอยู่กับฉัน...ไปช่วยคนอื่นตามหาแม่ฉันให้เจอ”
“ใจเย็นๆน่ะมานพ ถ้าไอ้เล้งมันคิดฆ่าดวงแขจริงๆ ป่านนี้มันคงเรียกให้แกกับฉันไปดูศพให้เจ็บใจไปแล้ว” โหงวบอก
“ก็ลองมันกล้าทำกับแม่ฉันแบบนั้นดูสิ” มานพฮึดฮัดโวยวาย พลันก็ชะงักเมื่อชาญเข้ามารายงานว่าพบดวงแขแล้ว “แม่ฉันเป็นยังไง...อยู่หรือตาย” มานพถลันเข้าไปถาม
ชาญอึกอักหน้าเสีย มานพถามซ้ำว่าแม่ตนอยู่หรือตาย ชาญจึงบอกว่า ยังอยู่ แต่...
“แต่อะไร...” มานพกระชากคอเสื้อถาม ชาญจึงพาเขาไปดูดวงแข... มานพช็อก เมื่อเห็นดวงแขเนื้อตัวสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร้องไห้คร่ำครวญตัวสั่นตื่นตระหนกตลอดเวลา ปากก็ร้องโวยวาย...
“ปล่อยฉัน...กลัวแล้ว...อย่าเข้ามา ไป...ไปให้พ้น กลัวแล้ว...อย่าทำฉันเลย ฮือ...ๆๆ กรี๊ด...ๆ”
ดวงแขอยู่ในภาวะที่จำอะไรไม่ได้ แม้แต่มานพเข้าไปหาก็ไล่ออกไป ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหวาดกลัวตลอดเวลา โหงวตามมาเห็นถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ชาญเล่าด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า
“พวกผมไปตามเจอคุณนายอยู่ที่กองขยะ กำลังถูกพวกคนจรจัดผลัดกันรุมโทรมครับ”
“ว่าไงนะ...ฝีมือไอ้เล้งใช่ไหม...มันทำกับแม่ฉันแบบนี้ใช่ไหม”
“ก็จะใครเสียอีกล่ะมานพ มันทำแบบนี้เพราะต้องการประกาศศึกกับเรา มันต้องการให้เห็นว่า มันพร้อมจะทำลายเราให้ย่อยยับได้ตลอดเวลา” โหงวยุ
“ไอ้เล้ง! มึงกับกูต้องตายกันไปข้าง!!” มานพตาลุกวาว
ooooooo
หลังจากไล่นนท์กับคนรับใช้ออกไปแล้ว เล้งเก็บตัวอยู่ในห้อง เอารูปที่ถ่ายกับดวงแขและมานพบ้างฉีกบ้างเผาทิ้ง
“ถ้าแกอยากลองดีกับฉัน...แกได้เจอฉันสั่งสอนแกแน่ไอ้ทรพี” เล้งคำราม
ปล่อยเล้งอยู่คนเดียวนานจนเป็นห่วง นนท์ไปเรียกก็ไม่มีเสียงตอบ เขาตัดสินใจเอากุญแจสำรองไขประตูเข้าไป แม้ลูกน้องจะติงว่าเจ้าสัวสั่งห้ามใครรบกวน นนท์ก็ยอมเสี่ยงเพราะเป็นห่วงเจ้านาย
แต่พอเปิดประตูเข้าไป ไม่มีเล้งอยู่ในห้องแล้ว นนท์พึมพำใจคอไม่ดี
“หรือว่าเจ้าสัวออกไปแก้แค้น!!” นนท์หันกลับวิ่งออกไปทันที
เล้งไปที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นธุรกิจเครือข่ายของพยัคฆ์เมฆา เขาใส่แว่นดำเข้าไปนั่งทำตัวเป็นลูกค้า สาวขายบริการคนหนึ่งเข้ามานั่งอย่างเสนอตัว เล้งคุยด้วยอยู่ครู่หนึ่งก็ยิ้มเหมือนตอบตกลง แต่พริบตานั้นเขาจับเธอหันหลังกระชากชุดเกาะอกลง เผยให้เห็นรอยสักรูปเสือขนาดฝ่ามือที่กลางหลัง หญิงสาวตกใจพยายามร้องขอความช่วยเหลือ
เล้งกระชากเธอเข้าไปเอามือปิดปากกระซิบขู่...
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนของพยัคฆ์เมฆาและที่นี่ก็เป็นแหล่งทำเงินของพวกมัน ถ้าเธอไม่ร้องโวยวาย ฉันก็จะไม่หักคอเธอ” หญิงสาวพยักหน้ากลัวๆ “ดีมาก...ทีนี้ก็ไปบอกพรรคพวกของเธอว่า ฉัน...เจ้าสัวเล้งแห่งมังกรวารีมาอยู่ที่นี่แล้ว”
หญิงสาวผงะตกใจ เล้งไล่ให้ไปได้แล้ว เธอพยักหน้าลุกเอามือปิดหน้าอกรีบเดินไป
นนท์ให้ลูกน้องตามหาเล้งจนทั่วคฤหาสน์ก็ไม่เจอ เขายิ่งร้อนใจสั่งเครียด “ตามหาเจ้าสัวให้เจอ...ไป!!”
พวกลูกน้องกระจายกันออกตามหา นนท์หน้าเครียดด้วยความเป็นห่วงเล้ง
ooooooo
หยกอยู่กับกิ่งเหมยบนดาดฟ้า พยายามถามเธอว่ามีอะไรงุบงิบกับส้มเช้ง แต่ถามอย่างไรกิ่งเหมยก็ไม่ยอมบอก เลยถูกหยกแกล้งกอดออดอ้อน เห็นกิ่ง-เหมยเขินก็ยิ่งได้ใจ
“เฮ้ย...เลี่ยนว่ะไอ้หยก อยากอ้วกเว้ย” ธงรบมาเห็นร้องขัดขึ้นจนทั้งสองผละจากกัน กิ่งเหมยขอให้ช่วยเอาหยกไปทีเถอะ ธงรบหัวเราะบอกว่า “ได้เลยคุณกิ่งเหมย ผมตั้งใจจะมาขัดคอ...เอ๊ย...จะมาลากคอมันไปอยู่พอดี”
ธงรบลากหยกออกไป พลางหันไปร้องบอกกิ่งเหมยว่า
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณกิ่งเหมย ผมไม่ล่อลวงว่าที่เจ้าบ่าวคุณไปทำให้เสียคนหรอก แต่อาจเสียหมาเล็กน้อย ฮ่าๆๆใช่ไหมไอ้หยก” ธงรบหัวเราะอารมณ์ดี
“คืนนี้รอฉันที่นี่นะกิ่งเหมย ฉันกลับไม่ดึกหรอก” หยกร้องบอก กิ่งเหมยพยักหน้าเตือนว่าอย่ามีเรื่องกลับมานะ...
เมื่อออกมาที่บันไดตึก ธงรบขอโทษหยก พูดออกตัวว่าไม่ได้อยากมาขัดความสุขของเขาเลย แล้วเล่าว่า
“ไม่กี่ชั่วโมงมาเนี่ย เจ้าสัวเล้งโทร.หาฉัน ถามเรื่องของแก๊งพยัคฆ์เมฆา น้ำเสียงเขาฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเดาว่าเขาคงอยากแก้แค้น”
“แล้วทำไมหมวดเพิ่งมาบอกผม คนอย่างเจ้าสัวถ้าคิดจะลงมือทำอะไร ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่” หยกร้อนใจจะออกไป
“เดี๋ยว...ไอ้หยก ที่ฉันมาบอกไม่ได้ให้แกคิดไปช่วยเจ้าสัวเล้งนะเว้ย อย่าลืมสิวะ...หน้าที่ของเราคือกวาดล้าง มาเฟีย ถ้าพวกมันจะฟัดกันเองก็เรื่องของมัน เราแค่รอเก็บหลักฐานไว้มัดตัวพวกมันให้ดิ้นไม่หลุดแค่นั้น”
“แต่ว่า...”
“บุญคุณของไอ้เล้งกับแก...มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของมาเฟีย แกอย่าไปยึดติดนักสิวะ” ธงรบขัดขึ้นอย่างรู้ใจ ซึ่งก็ได้ผล เพราะทำให้หยกนิ่งไป แม้ลึกๆจะอดเป็นห่วงเล้งไม่ได้ก็ตาม
ooooooo
มานพดูดวงแขที่เหมือนคนเสียสติด้วยความสงสารสะเทือนใจและแค้นพวกที่ทำให้แม่ตนอยู่ในสภาพนี้ บอกชาญว่า
“ไอ้พวกนั้นมันทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้ ผมไม่เอามันไว้แน่...ชาญ!!”
“ได้เลยครับคุณมานพ” ชาญรับคำรีบไปจัดการ
มานพพาดวงแขไปที่บริเวณกองขยะ ชาญไปจับพวกที่รุมโทรมดวงแขเดินเรียงแถวเข้ามารายงาน
“ไอ้พวกนี้แหละครับนาย”
“แม่ครับ...ไอ้พวกนี้ใช่ไหมที่มันทำร้ายแม่” มานพถาม ดวงแขแค่ชำเลืองมองก็ผวาสติแตก เอามือปิดหน้าร้องไห้โวยวาย มานพบอกดวงแข “มันทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น...มันสมควรได้รับการลงโทษ”
มานพจูงแขนดวงแขไปยืนตรงหน้าพวกนั้นที่พากันคุกเข่าตัวสั่น มานพบอกดวงแขอย่างเหี้ยมอำมหิตว่า
“ดูให้ดีนะครับแม่ คนที่กล้ามาแตะต้องเรามันต้องลงเอยแบบนี้...” สิ้นเสียงก็ลั่นไกเปรี้ยงเข้าแสกหน้าคนหนึ่งร่างนั้นล้มคว่ำทันที พวกที่เหลือร้องขอชีวิตกันระงม
มานพยิงไปทีละคน...ทีละคน...อย่างเลือดเย็นอำมหิต จนคนสุดท้าย เขาจับมือดวงแขให้ยิงขณะคนนั้น วิ่งหนี ดวงแขกรีดร้องอย่างเสียสติ มานพหันมอง พูดอย่างขัดใจว่า
“แม่...ผมช่วยแม่แล้ว แม่ต้องกลับมาเป็นปกติเสียที...กลับมาเป็นปกติสิครับ...แม่...” แต่เมื่อดวงแขยังกรีดร้องไม่หยุด มานพมองสบถ “โธ่เว้ย! นี่ฉันต้องเลี้ยงดูแม่ที่เป็นบ้าแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยรึไงวะ!! ไม่ชอบอยู่กับคนบ้านะเว้ย!”
ooooooo
สาวบริการที่ถูกเล้งขู่ให้ไปบอกพวกพยัคฆ์เมฆาว่าตนมาที่ผับแล้ว รีบเดินหน้าตาตื่นเข้าไปรายงานพวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆาระดับหัวหน้าเครือข่ายธุรกิจที่กำลังนั่งนับเงินจากธุรกิจผิดกฎหมายกันบันเทิงใจอยู่
“แย่แล้ว...เจ้าสัวเล้งมังกรวารี มันบุกมาที่นี่” หญิงสาวคนนั้นร้องบอก
ครู่เดียว โหงวเดินพูดโทรศัพท์เข้าไปในเลาจน์ สีหน้าตื่นเต้น...
“ว่าไงนะ...ไอ้เล้งมันบุกไปที่นั่นคนเดียวหรือ ถ้ามันกล้าบ้าบิ่นขนาดนั้นละก็...ปิดทางออกทุกทาง แม้แต่มดตัวเดียวก็อย่าให้รอดออกไปได้ ฉันจะรีบตามไปสมทบ”
โหงวพาลูกน้องไปตามมานพที่บริเวณกองขยะ บอกมานพที่กำลังหัวเสียที่ตนฆ่าพวกที่รุมโทรมแม่จนหมดแล้ว ดวงแขก็ยังไม่ดีขึ้น โหงวเข้าไปบอกว่า
“เรื่องแม่แก แกแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วมานพ แกอย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย รีบพาคนของเราไปจัดการกับไอ้เล้งดีกว่า...โอกาสที่ไอ้เล้งจะเลือดเข้าตาบ้าระห่ำเดินเข้าถ้ำเสือเดี่ยวๆแบบนี้ไม่มีให้เห็นง่ายหรอก”
มานพตาลุกวาวตามโหงวไปทันที
ooooooo
พวกลูกน้องพยัคฆ์เมฆากับการ์ดในผับ พากันมาไล่แขกที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจนหมด จากนั้นประตูเข้าออกทุกทางถูกปิดตาย
เล้งรู้สถานการณ์ดี เขายังคงนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาถอดเสื้อสูทออก พับแขนเสื้อตัวใน ปลดกระดุมออกพร้อมกับเอาสนับมือมาใส่ กำหมัดแน่นอย่างพร้อมรับมือ
พวกหัวหน้าและเครือข่ายพยัคฆ์เมฆานับสิบทยอยกันเดินออกมาตีวงล้อมเล้ง หัวหน้าคนหนึ่งสะอึกออกมาท้า
“แน่มากนะเจ้าสัวเล้ง...ตัวคนเดียวแต่กล้าบุกมาถึงที่ ไม่กลัวพวกเรายิงตายรึไง”
“ฉันอยู่วงการมาเฟียมาทั้งชีวิต เห็นมีคนอยู่แค่สองจำพวกในโลกของมาเฟียเท่านั้น พวกแรก เป็นอันธพาล ตัวจริงกล้ารับคำท้าอย่างลูกผู้ชาย พวกนี้ถ้าฝีมือดีอนาคตมันรุ่งแน่ ส่วนอีกพวกคือไอ้กุ๊ยหางแถว เก่งแต่ลอบกัดอย่างหมา ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า ไอ้พวกนี้มันจะเป็นได้แค่ลูกน้อง หางแถว ที่รอวันให้ลูกพี่สั่งให้ไปตายอย่างหมาข้างถนน”
พวกนั้นจิกตามองเล้งอย่างเอาเรื่อง เล้งชี้หน้า เรียงตัวกวักมือท้า
“หน้าอย่างแก...อยากจะเป็นหัวหน้าหรือหมาข้างถนน?”
“ไอ้เจ้าสัวเล้ง! ปากเก่งอย่างนี้ มิน่าถึงไม่มีใคร อยากให้แกมีชีวิตอยู่ เฮ้ย...มันอยากสู้ก็ให้มันสู้เลย...จัดให้หนัก” หัวหน้าเครือข่ายคนหนึ่งทำกร่างแต่สั่งลูกน้องลุย
พวกลูกน้องพากันกระเหี้ยนกระหือรือเอาใจนาย เก็บปืน แล้วหันไปใช้มีดสั้น อีดาบ สนับมือ และขวานแทน พอหัวหน้าเครือข่ายคนนั้นพยักหน้า คนแรกก็ควงขวานปรี่เข้าไปหาเล้งทันที ครู่เดียวก็ถูกเล้งเล่นงานเสียหมอบกระแต
หัวหน้าเครือข่ายเจ็บใจ พยักหน้าให้เข้าไปอีกสองคน มันมีอีดาบกับมีดสั้น ดาหน้าเข้าหาเล้งหมายโชว์ฝีมือ
เมื่อถูกสองรุมหนึ่ง แม้เล้งจะสู้สุดฝีมือ แต่ก็พลาดถูกอีดาบฟันเสื้อขาดบาดแขนเลือดซิบๆ พวกมันพากันเฮอย่างฮึกเหิม เล้งไม่หวั่นไหว ถอดสนับมือทิ้ง ถอดเสื้อโชว์มังกรวารีกลางแผ่นหลัง ตั้งท่าทะยานเข้าสู้อย่างฮึกห้าวเหิมหาญ
ooooooo
หลังจากหยกรู้เรื่องเล้งจากธงรบ เขาวิ่งออกไปขึ้นมอเตอร์ไซค์บิดไปทันที ธงรบรีบขึ้นรถไล่ตามจนแซงขึ้นไปได้ก็ปาดหน้าลงจากรถไปเตือนสติ
“ไอ้หยก...ตกลงแกจะไม่ฟังฉันเลยใช่ไหม”
“เรื่องอื่นเราคงต้องร่วมมือกัน แต่เรื่องนี้ผมปล่อยไปไม่ได้ จุดจบของเจ้าสัวเล้งไม่ใช่ความตาย”
“แกมันบ้าไปแล้วหรือไอ้หยก ฉันว่าแกฝังตัวอยู่กับพวกมาเฟียจนลืมไปแล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของแกเป็นใคร”
“ผมไม่เคยลืมว่าผมเป็นตำรวจ ต้องใช้ความดีเลวเป็นเครื่องตัดสินคน”
“งั้นแกก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเจ้าสัว กลับไปเสีย”
สิ้นเสียงธงรบก็เข้าผลักไหล่หยกบังคับในที กลับถูกหยก ปัดมือแล้วออกเชิงมวยพร้อมสู้ ทั้งคู่ประหมัดกันพอหอมปากหอมคอ หยกชิงปืนจากธงรบไปได้ ก็ยิงล้อรถของธงรบสกัดไม่ให้ตามไปอีก เอาปืนธงรบเหน็บเอวบอกเขาก่อนขึ้นรถบิดไปว่า
“ขอโทษด้วยนะครับหมวด...ผมไม่อยากเสียเวลา ชีวิตของเจ้าสัวอาจจะไม่ปลอดภัย”
“ไอ้หยก!!” ธงรบมองตามหยกไปอย่างหัวเสีย
ooooooo
ขณะเล้งกำลังเปิดฉากต่อสู้หนึ่งต่อสอง มือเปล่าสู้กับมีดสั้นและอีดาบ แต่มันก็ถูกกำจัดไปทีละคน คนแรกมีดสั้น ต่อมาเหลืออีดาบ เล้งเล่นงานมันจนสามารถแย่งอีดาบไปเป็นอาวุธได้
“ไม่ธรรมดาเลยเจ้าสัวเล้ง” หัวหน้าคนนั้นเอ่ย
“ที่เหลือทั้งหมดจะเข้ามาทีเดียวก็ได้ ไอ้มานพหัวหน้าของพวกแกมันจะได้เห็นว่า แค่ฉันคนเดียวก็โค่นพยัคฆ์เมฆาได้สบาย”
“เฮ้ย...คำสั่งนาย ถ้าใครเอาหัวไอ้เล้งไปให้นายได้ นายมีรางวัลใหญ่ให้ไม่อั้น” หัวหน้าคนนั้นล่อใจให้ลูกน้องลุย พวกนั้นหมายได้รางวัลใหญ่ ดาหน้ากันเข้าลุย เล้งกำอีดาบในมือพร้อมสู้เต็มที่
ที่หน้าผับ...หยกมาถึงแล้ว แต่ถูกการ์ดกันไว้ไม่ให้เข้า บอกว่าที่นี่ปิดแล้วไล่ให้ไปที่อื่น
“ไม่ได้มาเที่ยว...มาช่วยคน” การ์ดถามว่าช่วยใคร “ก็คนที่พวกแกกำลังรุมยำเขาอยู่ข้างในไง”
สิ้นเสียงหยกชกหน้ามันหงายผลึ่ง อีกคนสู้ เลยถูกหยกบู๊แลกหมัดกัน ไม่กี่อึดใจมันก็หมดสภาพ หยกวิ่งเข้าไปทางหลังผับ เห็นถังแก๊สตั้งเรียงรายมีลูกกรงปิดล็อกกุญแจไว้ เขาใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจ เข้าไปถอดท่อแก๊สอย่างรวดเร็ว ชำนาญ
ในผับ เล้งถูกพวกมันรุมจนถูกถีบกระแทกผนังทรุดฮวบลง ถึงกับต้องเอามือกุมหน้าอกและเช็ดเลือดที่ปาก แต่ก็ฮึดลุกขึ้นสู้อีกครั้งอย่างบ้าดีเดือด
“อึดมาได้ถึงขนาดนี้ นับถือว่าแกสุดยอดจริงๆ ไอ้มังกรเฒ่า แต่มันก็แค่นี้แหละวะ เพราะเดี๋ยวพอนายของข้ามา แกจะต้องทรมานอย่างแสนสาหัสแน่ ฮ่าๆๆ”
ทันใดนั้นเอง มีเสียงถังแก๊สระเบิดติดๆกัน ไฟลุกพรึ่บทันที พวกมันตกใจทำอะไรไม่ถูก
หยกวิ่งเข้ามายิงใส่พวกมันจนแตกกระเจิง เขาฉวยโอกาสนั้นวิ่งเข้าไปช่วยเล้ง
“รีบไปจากที่นี่เถอะครับเจ้าสัว” เล้งถามงงๆว่ามาที่นี่ได้ยังไง “อย่าเพิ่งถามอะไรเลยครับ รีบไปเถอะครับ!!”
หยกประคองเล้งพาออกไป พลางหันยิงสกัดไม่ให้พวกมันตาม
แต่พอออกมาถึงหน้าผับ เจอมานพกับโหงวมาถึงพอดี มานพยิงใส่ทันที แต่หยกก็พาเล้งหลบหลีกกระสุนวิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ได้ พาขึ้นรถบิดทะยานออกไป มานพยิงตามเป็นชุดแต่ไม่ถูกแม้แต่นัดเดียว
ระหว่างนั้น หัวหน้าเครือข่ายคนหนึ่งวิ่งออกมาบอกว่าข้างในกำลังถูกไฟไหม้วอดวายหมดแล้ว มานพไม่สนใจกระชากคอเสื้อด่า
“แค่ไอ้แก่นั่นคนเดียวแกยังปล่อยให้มันมาเผาธุรกิจของฉันได้ ถ้าพวกแกปล่อยให้ที่นี่เหลือแต่ตอละก็ ฉันจะเผาพวกแกทั้งเป็น” ผลักมันกระเด็นแล้วสั่งชาญ “ตามไปลากคอมันมาให้ได้”
มานพพาลูกน้องออกรถพุ่งไปทันที โหงวพยายามร้องเรียกแต่ไม่ได้ผล ได้แต่หันมองไปในผับที่ไฟกำลังลุกโหมอย่างแรง พวกลูกน้องในผับหนีตายกันอลหม่าน...
ooooooo
ขณะกิ่งเหมยเดินกลับบ้านกับส้มเช้ง ส้มเช้งเห็นดุจแพรมาเดินป้วนเปี้ยนแถวหน้าบ้าน พอบอกกิ่งเหมยเธอสงสัยว่า ค่ำมืดแล้วดุจแพรมาทำอะไร
เมื่อมาเจอกันและพาเข้าไปนั่งคุยกันในบ้าน
ดุจแพรพูดกลบเกลื่อนความเสียใจของตัวเองว่าเดินผ่านมาเลยแวะมาดูว่าพวกเธอเป็นยังไงบ้าง ส้มเช้งปากไวตอบไปทันทีว่า
“ไอ้เหมยมันจะเป็นอะไรได้ล่ะคะคุณแพร นอกจากกำลังสำลักความสุข”
“ส้มเช้ง!” กิ่งเหมยเรียกปรามเขินๆ
“ไม่เห็นจะต้องอายเลยนี่กิ่งเหมย ได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้มีความสุขร่วมกัน ฉันสบายใจจังที่เธอมีความสุข” พูดแล้วก็กะพริบตาถี่ๆพยายามกลืนน้ำตาที่รื้นขึ้นมาไม่ให้ใครเห็น
ส้มเช้งสะกิดบอกกิ่งเหมยว่าดุจแพรดีใจกับ
เธอจนร้องไห้ กิ่งเหมยเลยบอกว่าถ้าส้มเช้งจะกลับ
ก็ได้เพราะตนมีดุจแพรอยู่เป็นเพื่อนแล้ว
“ก็ดี...งั้นฝากกิ่งเหมยด้วยนะคะคุณแพร”
พอส้มเช้งเดินออกไป กิ่งเหมยคลำขอมือดุจแพร พอเธอยื่นมือให้ กิ่งเหมยกุมไว้พูดอย่างห่วงใยว่า
“เราเป็นพี่น้องกันนะคะ...ถ้าคุณมีเรื่องไม่สบายใจอะไรบอกฉันมาเถอะค่ะ”
ดุจแพรชะงัก นิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่ากิ่งเหมยจะรับรู้ ความรู้สึกของตน...
ooooooo
เล้งกลับไปถึงโกดังท่าเรือของตน เขาขอบใจหยกแต่เตือนว่า หยกไม่ควรทำแบบนี้เพราะนี่เป็นปัญหาระหว่างตนกับพวกนั้นคนอื่นไม่เกี่ยว
หยกติงว่าถ้าเล้งยกพวกมาจัดการพวกมันอย่างสมน้ำสมเนื้อตนก็คงไม่เข้ามายุ่ง แต่นี่เล่นมาคนเดียวลุยด้วยมือเปล่า
“หึๆนี่แหละชีวิตมังกรวารีอย่างฉัน เมื่อตัดสินใจผิดพลาด โง่ให้คนอื่นมาหลอกใช้ ฉันถึงต้องสะสาง
ด้วยตัวเองไม่ให้ลูกน้องต้องมาเสียเลือดเสียเนื้อเพราะความโง่ของเจ้านาย”
“แต่ผมว่าคุณหาเรื่องตายมากกว่า เพราะคุณคิดว่าคุณไม่เหลือใครอีกแล้วเลยอยากจบชีวิตตัวเอง
ด้วยวิถีของมาเฟีย” ถูกเล้งเรียกปราม หยกย้อนถาม “ผมพูดถูกใช่ไหมครับเจ้าสัว”
มานพกับชาญตามมาถึงโกดังท่าเรือ มานพสั่งให้จัดการกับเล้งให้ตายอย่างทรมานจนต้องร้องขอชีวิตจากตน ชาญรับคำสั่ง บอกลูกน้องเตรียมลุย
ในโกดังท่าเรือ เล้งถามหยกอย่างสงสัยว่ารู้เรื่องของตนได้ยังไง
“พวกพยัคฆ์เมฆาเปิดหน้าไพ่ออกมาแล้วว่ามีใครเป็นหัวหน้า ตอนนี้ข่าวของเจ้าสัวกับลูกชายกระจายออกไปถึงทุกแก๊งแล้ว”
“หึ...ใช่ เพราะฉันพลาดเสียรู้ให้มัน ฉันถึงต้องจบเรื่องน่าอายนี้ด้วยตัวเอง”
“แต่ทำอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ เจ้าสัวจะตายก่อนที่จะได้แก้แค้น แล้วพวกพยัคฆ์เมฆาก็จะ
มายิ่งใหญ่ ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนโจรให้เป็นสุภาพบุรุษก็จะตายไปพร้อมกับเจ้าสัว”
“หยก...นี่เธอมั่นใจฉันเหรอว่าฉันจะทำได้ ทั้งๆ
ที่ไม่เคยมีใครเชื่อฉันเลย”
“ถ้าเป็นคนอื่น ผมก็คงไม่มั่นใจ แต่ถ้าเป็นเจ้าสัว ผมว่านั่นคือความหวัง”
“ฉันไม่คิดเลยนะหยกว่าเธอจะมองฉันขาดและรู้จักฉันดีขนาดนี้”
“นั่นอาจเป็นเพราะผมมีนิสัยที่คล้ายกับเจ้าสัวมั้งครับ”
เล้งจ้องหน้าหยกนิ่งก่อนรำพึงอย่างอดคิดถึง
พราวแสงไม่ได้ว่า “เหมือนจริงๆ...เธอช่างเหมือนกับ...”
ทันใดนั้น ธงรบขับรถเข้ามาเบรกเอี๊ยด...หยกกับเล้งชะงักหันมอง เล้งสงสัยว่าพวกนั้นตามตนมาได้ยังไง
“เรื่องนั้นอย่าเพิ่งถามผมเลยครับเจ้าสัว ตอนนี้ไอ้มานพมันยกพวกมาปิดที่นี่ไว้แล้ว มันต้องการฆ่าเจ้าสัว ทางเดียวที่จะรอดคือต้องลุยอย่างเดียว”
เล้งบอกว่าเรื่องลุยนั้นตนตั้งใจอยู่แล้ว หยกถามว่าเล้งจะเอาอะไรไปสู้ แค่ความบ้าบิ่นมันไม่ช่วยให้เขารอดหรอก แต่เล้งก็ยังตอบอย่างมั่นใจว่า
“ใช่...นี่คือการแก้แค้น ฉันแค่ต้องทำมันเท่านั้นหยก ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ถือว่าฉันได้ทำ” หยกเสนอว่าตนจะอยู่ช่วย “ไม่...ฉันจะไม่ยอมให้เธอเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เด็ดขาด เธอต้องกลับไปดูแลครอบครัวเธอ”
“เอาล่ะๆ ถ้ามัวแต่มาเถียงกันแบบนี้ พวกมันคงบุกมาถล่มแน่ๆ ทางที่ดีพวกเราทั้งหมดควรตั้งรับพวกมันแล้วลุยให้ถึงที่สุดเลยดีกว่า” ธงรบเดินไปเปิดท้ายรถเอากระเป๋าที่ใส่อาวุธมาเพียบ “ลุยกับพวกมันมือเปล่ายังไงก็ไม่รอด แต่ถ้ามีของทุ่นแรงบวกความบ้าของพวกเรา พวกมันต้องคิดผิดแน่”
ธงรบเอาปืนออกมากระบอกหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงปืนข้างนอกก็รัวกึกก้องพร้อมกับที่ชาญและลูกน้องตะลุยเข้ามา ทั้งสามต่างกระโจนหลบตัวใครตัวมัน ธงรบเสนอว่าเราต้องแยกกันไม่อย่างนั้นไม่รอดแน่ เล้งกับหยกเห็นด้วย ธงรบจึงยิงเปิดทางแยกออกไปเป็นคนแรก
“ระวังตัวด้วยนะหยก สัญญากับฉันว่าเธอจะต้องไม่ตาย”
“ครับ...เจ้าสัวก็เหมือนกัน” แล้วทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง ชาญกับลูกน้องจึงแยกกันตามทั้งสองไป
ooooooo
ลูกน้องพยัคฆ์เมฆาสองคนไล่ตามธงรบไป ธงรบใช้ทั้งปืนและตะลุมบอนดวลหมัดกับมันอย่างชำนาญ
เล้งถูกชาญกับลูกน้องไล่ตามไปอีกทาง ลูกน้อง ชาญถูกเล้งดักจับทุบต้นคอมันทีเดียวก็สลบเหมือด ชาญได้ยินเสียงจึงวิ่งตามมายิง แต่มาถึงไม่เห็นเล้งแล้ว
“อยู่ไหนวะ...ออกมาสิเว้ย...แน่จริงก็ออกมาเจ้าสัว” ชาญร้องท้าอย่างเหิมเกริม แล้วยิงปืนกราดไปทั่ว จนกระสุนหมด แต่พอมันจะเปลี่ยนแม็กก็ถูกเล้งพุ่งเข้าชาร์จด้วยเชิงมวยที่หนักหน่วง
หยกถูกมานพไล่ล่าอย่างบ้าเลือด มานพดักยิงไม่ยั้ง แต่หยกก็หลบได้เฉียดฉิวและผลักลูกน้องมานพไปกระแทกจนปืนมานพหลุดมือ หยกกระโจนถีบมานพจนเซ
“ไอ้หยก...แกมันชอบสอดเรื่องคนอื่นอยู่เรื่อย
ถ้าไม่สั่งสอนแกเสียบ้าง แกก็คงไม่เลิกจุ้นจ้าน” มานพถอดเสื้อสูทหักนิ้วบิดคอทำท่าพร้อมสู้เต็มที่
“แน่ใจเหรอว่าจะตัวๆกับฉัน ไอ้พวกเพลย์บอยอย่างแก ก็ดีแต่ใช้ลูกน้องทำงาน”
“หึๆๆ ถ้าแกคิดว่าฉันดีแต่สั่งลูกน้องอย่างเดียว ก็ลองดูสิวะ” ว่าแล้วกวักมือท้าหยกออกไปสู้กัน
แม้หยกจะพร้อมสู้และฝีมือไม่ด้อยกว่ากัน แต่จังหวะที่หยกเพลี่ยงพล้ำก็ถูกมานพเล่นนอกเกมกำทรายซัดใส่หน้าจนหยกลืมตาไม่ขึ้น เลยถูกมานพอัดทั้งหน้าและลำตัวจนกระเด็นไปกระแทกกำแพงทรุดลงไปจุก
“ฮ่าๆๆ เป็นไงไอ้หยก เห็นรึยัง ความแตกต่างระหว่างกุ๊ยหางแถวอย่างแกกับหัวหน้ามาเฟียอย่างฉัน อย่างแกมันก็แค่ก้อนกรวดที่ขวางทาง เห็นแล้วมันเกะกะลูกตาชะมัด!”
มานพปรี่เข้าเล่นงานหยกด้วยเชิงมวย ทำเอาหยกเกือบหมอบ มานพท้าอย่างผยองว่า
“ถ้าแกยังไม่เข้าใจ ฉันก็จะช่วยเตือนสติให้แกจำให้ขึ้นใจ กุ๊ยอย่างแกก็ดีแต่กระดิกหางรอรับคำสั่ง แต่หัวเสืออย่างฉันคือคนที่กำหนดความเป็นความตายให้คนอื่นได้”
มานพจิกหัวหยกขึ้นมาซัดไม่ยั้งจนหยกโงนเงน
“หมารับใช้อย่างแกเมื่อไม่มีแรงก็หมดประโยชน์ สุดท้ายมันก็ต้องตายอย่างเดียว”
“ฉันอาจจะเป็นหมารับใช้ของพวกมาเฟีย เป็นก้อนกรวดที่เกะกะขวางทางแก แต่อย่าลืมว่าหินผาที่ยากจะกำจัดก็มาจากก้อนกรวดก้อนเล็กๆ รวมกัน!” หยกฮึดขึ้นมาโถมเข้าจับมานพบิดแขนจนร้องลั่น แล้วกระหน่ำเชิงมวยใส่จนมานพอ่อนเปลี้ย แล้วกระชากขึ้นมา มานพตาเหลือกต่อรองว่า
“ปล่อยฉันนะไอ้หยก ฉันยอมรับแล้วว่าดูถูกแกเกินไป ฝีมือแกแบบนี้ถ้ามาอยู่กับฉัน ฉันจะดันให้แกยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆกับฉัน”
“ฉันไม่ได้เข้ามาวงการนี้เพราะอยากยืนอยู่บนความเดือดร้อนของคนอื่น”
“คนที่เข้ามาเป็นมาเฟีย มันไม่มีอย่างอื่นหรอก”
“มีสิ...แกคงไม่ทันได้รู้หรอก เพราะเจ้าสัวเล้งคงจะจัดการกับแกก่อน”
มานพตกใจถามว่าจะเอาตนไปมอบให้เล้งหรือ รีบต่อรองว่าเล้งจ่ายให้เขาเท่าไรตนจะจ่ายให้มากกว่า หยกย้ำว่า บอกแล้วว่าตนไม่ได้เข้ามาทำเพื่อเงิน
ทันใดนั้นเอง โหงวเอาปืนจ่อธงรบที่พลาดท่าถูกจับได้ พาเข้ามาเป็นตัวประกันให้หยกปล่อยมานพแลกกับธงรบ มานพตาลุกวาวชมโหงวว่าแบบนี้ค่อยสมกับเป็นพ่อลูกกันหน่อย โหงวบีบหยกให้ปล่อยมานพเดี๋ยวนี้!
“หยก...ถ้าปล่อยมันไป มันจะกลายเป็นเสือติดปีก มันจะย้อนกลับมาถล่มพวกเราไม่เหลือแน่” เล้งเตือนสติ
“หึ...ไอ้เล้ง...แสดงว่าแกเองก็รู้ดีว่าถ้าฉันหนุนมานพเมื่อไหร่ บัลลังก์ที่แกเคยหวงนักหวงหนาก็จะกลายเป็นหอกคอยทิ่มแทงจนแกต้องเน่าตาย” โหงวเยาะเย้ย
“ฉันไม่เคยกลัวแกหรอกไอ้โหงว ต่อให้แกจะฉลาดเป็นกรด แต่แกก็แค่ไอ้เป๋ที่ดีแต่โลภมาก สักวันแกต้องตายด้วยมือฉันแน่”
“วันนั้นไม่มีวันมาถึงหรอกไอ้เล้ง เพราะสายเลือดของฉันที่แกเฝ้าฟูมฟักมาตลอดจะเป็นคนฆ่าแกกับมือ”
“แกได้ยินแล้วใช่ไหมไอ้หยก คนฉลาดเขาต้องเลือกเล่นเกมที่มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้ และผู้ชนะคือคนที่สามารถกำหนดชีวิตคนอื่นได้ แกคงไม่เลือกโง่ๆนะไอ้หยก” มานพกร่างขึ้นมาทันที
เล้งบอกหยกว่าตนต้องการตัวมานพ โหงวยกปืนจ่อหัวธงรบ เริ่มนับหนึ่งเตรียมเหนี่ยวไก หยกถูกบีบคั้นอย่างหนักในที่สุดตัดสินใจผลักมานพออกไป
โหงวยิ้มสะใจ ผลักธงรบออกไปแล้วรีบเข้าพามานพออกไป เอาปืนจ่อเล้งขู่ว่า
“อย่าเว้ยไอ้เล้ง ฉันจะยังไม่ถือว่าวันนี้คือชัยชนะของฉัน แต่เป็นแค่การเปิดเกมสงครามของแกกับฉันเท่านั้น”
เล้งไม่พอใจหยก หันมาตำหนิว่าไม่ควรปล่อยมานพ ไม่มีใครปล่อยเสือเข้าป่าเพื่อให้มันย้อนกลับมาฆ่าตัวเองหรอก ถูกหยกหันมาผลักอกอย่างไม่พอใจ พูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“หมวดเขาช่วยให้คุณรู้ความจริงเรื่องมานพ เขาเป็นคนของคุณ แต่คุณจะปล่อยให้เขาตายเพื่อสนองความแค้นตัวเองเหรอเจ้าสัว” เล้งชะงัก หยกพูดอย่างผิดหวังว่า “ผมนึกว่าผมจะศรัทธาคุณได้เสียอีก แต่สุดท้ายคุณก็ไม่ต่างจากพวกนั้น!”
หยกประคองธงรบออกไป ไม่แยแสกับเล้งที่ยืนนิ่งงันอยู่คนเดียว...
ooooooo










