สมาชิก

สามี

ตอนที่ 4

จากคำพูดของรุ้งราย ที่ว่ารสิกาจะแสลงใจถ้าต้องทานข้าวร่วมโต๊ะกับเพื่อนสนิท รสิกาโต้ “คุณรุ้งพูดตกไปหนึ่งคำนะคะ ที่จริงต้องใช้คำว่า อดีตเพื่อนสนิท”

ราพณ์ช่วยขยายความว่าอดีต หมายความว่า สิ่งที่จบไปแล้ว รสิกาเสริม ถ้ามันผ่านไปแล้วจะไม่มีวันหวนกลับ รุ้งรายยิ้มอย่างพอใจ แต่อดตอแยไม่ได้

“ฟังดูเหมือนถ่านไฟเก่าจะอับชื้น ถ้าคุณหญิงไม่คิดจะเป็นไฟก็ดีค่ะ เพราะคนของรุ้งมันเหมือนน้ำมัน น้ำมันน่ะมันหาทางไหลไปได้เรื่อย”

ราพณ์ ตัดบทกล่าวขอโทษรสิกาที่น้องๆเสียมารยาท รสิกายิ้มรับ “ฉันกำลังเข้ามาเป็นสะใภ้ของ ลิ้มวัฒนาถาวรกุล หน้าที่ของฉันคือรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของสามี เพราะนั่นหมายถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวฉันเองด้วยเหมือนกัน”

ราพณ์ ภูมิใจวางมือบนมือเธอ รสิกาสบตาเขายิ้มให้อย่างพักรบชั่วคราว รังรอง ระรินและรุ้งรายมองอย่างพอใจ...ชาญชัยคอยหาจังหวะจะพูดเรื่องของตัวเองบ้าง ทำทีถามราพณ์จะจัดงานที่ไหน วันอะไรตนจะช่วย ราพณ์ตอบว่าอยากจัดเป็นการภายในเฉพาะคนในครอบครัว

“ไม่เงียบไปเหรอ แบบนี้ที่คนเขาลือจะยิ่งกลายเป็นฮือฮาว่าจริงนะครับ”

ระรินรีบถามพี่เขยใครลืออะไร ชาญชัยจงใจเสียบ ลือว่าประกาศเกียรติแต่งงานล้างหนี้ รังรองตกใจที่สามีโพล่งออกไป รัตนาวลีกับรสิกาหน้าเสีย เจ้าสัวเอ็ดเอาอะไรมาพูด ไร้สาระ

“ผมว่าเฮียเอาเวลาไปสนใจโครงการทาวน์เฮาส์ที่เฮียดูแลจะดีกว่านะครับ” ราพณ์ติง

ชาญชัยหน้าตึงที่โดนติงเรื่องงาน รีบโอ้อวดว่าคนแห่จองกันเต็ม ราพณ์จึงบอกตนได้รับรายงานว่า โครงสร้างต่ำกว่ามาตรฐาน อาจจะมีปัญหาที่ผู้รับเหมา ถ้าไม่จัดการตนจะให้รุ้งรายเข้าไปดูแล ชาญชัยปัดไม่ต้อง ตนจะเข้าไปดูเอง เจ้าสัวเตือน

“ป๊าทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด มันคืออุดมการณ์ในการทำงาน ที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องยึดมั่น”

“ผมพยายามจะทำให้บริษัทมีผลกำไรสูงสุด” ชาญชัยยังคิดว่าตนทำดี

“มาตรฐาน ต่ำกำไรสูงมันไม่ใช่นโยบายของบริษัทเรา คำว่าเรารวมถึงบริษัทในเครือด้วย เห็นทีผมกับสถาปนิกจะต้องเข้าไปตรวจที่โครงการ” ราพณ์ย้ำ

ชาญชัยรีบบอก กับเจ้าสัวว่า เมื่อให้ตนบริหารก็ควรปล่อยให้ตนจัดการ แต่ราพณ์แย้งถ้าเกิดความผิดพลาด ไม่ใช่แค่เสียเงิน ฉะนั้นการเลือกผู้รับเหมาต้องใช้วิจารณญาณมากกว่านี้ ชาญชัยยังเถียงว่างานประเภทนี้เลือกคนยาก ไม่เหมือนบางประเภทที่เหนื่อยน้อยแต่ได้รับการยกย่องมาก ชาญชัยปรายตาแขวะรสิกา ที่ราพณ์ต้องเสียเงินไม่น้อยกับเธอ รุ้งรายไม่พอใจ

“ไม่ว่าเฮียราพณ์จะเสียเงินหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับเฮียชาญนี่เพราะมันเป็นเงินกงสี รุ้งกับน้องๆที่เป็นสายในยังไม่เดือดร้อน เฮียชาญเป็นแค่ลูกเขยไม่มีสิทธิ์ในกองนี้จะเดือดร้อนทำไม”

ชาญชัยโกรธที่ โดนหักหน้า วางตะเกียบปึ้งขอตัวลุกออกไป รังรองหน้าเสีย เห็นสายตาทุกคนที่มองมาจึงขอตัวตามสามีไป รุ้งรายถามทุกคนว่าตนพูดผิดหรือ เจ้าสัวถอนใจ รามหัวเราะ

“เป็นมื้อที่สนุกจริงๆ ถ้าหม่าม๊าผมมาด้วยคงสนุก กว่านี้ คุณหญิงเจอหม่าม๊าผมหรือยังครับ” เห็นรสิกางง “หม่าม๊าโบตั๋น เมียรองที่ถูกทุกคนมองข้าม”

เจ้าสัววาง ตะเกียบเสียงดังตัดบท กล่าวขอโทษรสิกากับรัตนาวลี ราพณ์บอกรสิกาว่าเดี๋ยวตนจะไปส่งรัตนาวลีพาลูกสาวเดินออกมาก่อน ปล่อยให้ครอบครัวคุยกันเอง ราพณ์ให้ระรินขึ้นไปดูแลพระลบ แต่เธออยากร่วมจึงแอบฟังหน้าห้อง รามแกล้งเปรยเสียดายอาหารเต็มโต๊ะ เจ้าสัวตบโต๊ะปัง ถามรามทำแบบนี้ทำไม รามย้อนถามเยาะๆ

“เรื่องที่ผมพูดความจริงหรือเรื่องไหนล่ะครับ เรื่องที่ป๊าหาคุณหญิงมาแต่งกับผม แต่เฮียราพณ์แย่งไป หรือว่าเรื่องที่ป๊าไม่เคยยกย่อง แล้วทุกคนที่นี่ก็ไม่เคยให้เกียรติม๊าผม”

ราพณ์ปรามน้องชายอย่าก้าวร้าว รามย้อน ก่อนจะสอนตนให้สอนตัวเองก่อน สอนให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ให้ความเคารพม้าของตนบ้าง เจ้าสัวตวาดให้หุบปาก เป็นน้องไม่ควรเถียงพี่

“ทำไมป๊าไม่ตวาดเฮียบ้าง เวลาเถียงม้าผม ทำไมต้องให้ผมกับม้าที่ผิดเสมอ เพราะผมไม่ใช่ลูกชายคนโตใช่ไหมครับ ป๊าถึงไม่รักผม ป๊าลำเอียง”

“ราม!” เจ้าสัวตวาดแล้วความดันขึ้น ปวดหัวจี๊ดทรุดลง ราพณ์ตกใจเข้าประคอง รามจะเข้าช่วย ราพณ์เอ็ด เป็นเพราะเขาที่ทำให้พ่อป่วย ราพณ์ร้องเรียกเง็กไปเอายา

รัตนาวลีกับรสิกากำลังคุยกันเรื่องทำไมต้องทนอยู่กับครอบครัวที่มีแต่ปัญหา พอได้ยินเสียงเอะอะ ทั้งสองก็วิ่งเข้ามาดู รัตนาวลีเข้าดูแลเจ้าสัวอย่างห่วงใย

รสิกายืนอึ้งตกใจ...พออาการดีขึ้น เจ้าสัวให้ราพณ์ไปส่งรสิกา เธอถามเขาว่าเจ้าสัวป่วยเป็นอะไร ราพณ์ยิ้มๆ

ที่เธอสนใจเรื่องของครอบครัวตน รสิการู้ว่าหลุดฟอร์ม อ้างว่าตนไม่ได้สนใจแต่กำไรขาดทุนอย่างเขา

“คุณนี่ไม่น่าชื่ออ้ายนะ น่าจะชื่อไก่ เดี๋ยวจิก เดี๋ยวจิก”

ไม่ทันที่รสิกาจะเถียง เสียงทะเลาะกันของระรินกับรามดังมา สองคนเถียงกันเรื่องโบตั๋น ราพณ์รีบเข้ามาห้ามทัพ เห็นรามเงื้อมือจะตบระริน เขาจับมือรามไว้ ติงอย่าใช้กำลังกับคนในบ้าน

รามโวย “ปกป้องพวกเดียวกันใช่ไหม ถือว่าเป็นลูกแม่เดียวกันก็รวมหัวกันรังแกคนอื่น”

“หุบปากของแกซะ ป๊ากำลังไม่สบายเพราะแก แกจะต้องให้ป๊าเป็นอะไรไปหรือไง แกถึงจะหยุด” ระรินหาว่ารามเห็นแก่ตัว ราพณ์เอ็ด “เฮียสั่งให้หยุด!”

ราพณ์ให้รามกลับไปก่อน ไว้ค่อยคุยกันใหม่ รามหันมาก้อร่อก้อติกรสิกาก่อนไป ราพณ์ตำหนิระรินที่ใจร้อน ถ้าพ่อรู้ว่าพี่น้องทะเลาะกันจะเสียใจ ระรินสลดลง รสิกามองราพณ์จัดการน้องๆได้ดี

ooooooo

คืนเดียวกัน สิริโสภายังทำใจยอมรับไม่ได้ว่าราพณ์ทิ้งตน จึงกรีดข้อมือเรียกร้องความสนใจ โชคดีที่มานพมาเจอพาส่งโรงพยาบาลทัน

ด้านรังรองกลับมาบ้านก็ถูกชาญชัยด่าว่า ปล่อยให้เขาถูกครอบครัวเธอดูถูกเหยียดหยามชนพและฤดี พ่อแม่ของชาญชัยออกมาเสริม ทุกคนหวังเพียงทรัพย์สมบัติของรังรองจะช่วยให้ครอบครัวอยู่ดีกินดี แต่พอไม่ได้สมใจก็พากันตำหนิ รังรองได้แต่เสียใจ

ส่วนรุ้งราย กลับมาถึงคอนโด วศินต่อว่าที่ไม่พาตนไปเปิดตัวกับที่บ้านบ้าง เธอย้อนถาม

“แนะนำในฐานะผู้ชายขายบริการอย่างงั้นเหรอ... อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน สำนึกด้วยว่าที่กินที่ใช้อยู่มันเงินฉัน หัดอยู่เงียบๆตามคำสั่ง ทำตัวให้มันเชื่องสมกับที่ฉันซื้อเธอ”

วศินโกรธมากที่โดนดูถูก คิดจะปลุกปล้ำเอาชนะเธอแต่กลับโดนรุ้งรายทั้งศอกและเข่าจนลงไปกอง เขาเพิ่งรู้ว่ารุ้งรายมีพิษสงมากกว่าที่คิด...

ราพณ์พารสิกาแวะทานอาหารก่อนจะไปส่งที่วัง เธอไม่ค่อยเต็มใจนักแต่โดนเขาบีบจนต้องลงจากรถ เผอิญรถปฐวีผ่านมา ทำให้เธอหนีไปขึ้นรถปฐวีกลับไปได้ ราพณ์โกรธจะตามแต่พอดีมานพโทร.มาบอกเรื่องสิริโสภากรีดข้อมือ เขาจึงต้องเปลี่ยนไปโรงพยาบาลแทน

มาถึงโรงพยาบาล มานพไม่อยากให้ราพณ์เข้าไปเยี่ยมสิริโสภา เพราะรู้ว่าการทำร้ายตัวเองครั้งนี้ของเธอเป็นการเรียกร้องความสนใจ

“สิไม่ใช่คนแบบนั้น” ราพณ์ไม่อยากเชื่อ

“ราพณ์ ฉันไม่ได้บอกว่าคุณสิเป็นคนร้ายกาจหรอกนะ แต่เขาไม่อยากเสียแก เขาไม่อยากให้แกแต่งงาน คนเราเวลาเข้าตาจน ถ้าทำอะไรให้คนที่ตัวเองรักสนใจได้ แม้ความตายเขาก็ทำ...รักมันทำให้คนตาบอดแกเข้าใจไหม ถ้าแกตามเกมเขาทีนี้ปัญหาก็จะไม่จบ แกเสียคุณหญิงแน่”

ราพณ์ครุ่นคิดอย่างหวั่นใจ รู้สึกสงสาร มานพดักคอ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาดให้เลือกเอาราพณ์ย้อนถามถ้าตนไม่เข้าไปเรื่องจะจบใช่ไหม มานพสวนทันทีว่าไม่จบ แต่เธอจะรู้ว่าเขาเด็ดขาด  นานวันก็จะหมดใจรามือไปเอง  ราพณ์เกรงจะเป็นการใจร้ายไปหน่อย

“ถ้าแกอยู่กับเขาเพราะความสงสารแบบนั้นใจร้ายกว่า อยู่กับคนที่ไม่รัก มันไม่มีความสุขหรอก ฉันไม่ห้ามแกนะ แกตัดสินใจเลย แต่เพื่อนเตือนเพื่อนแล้วนะ”

ราพณ์คิดหนัก ตัดสินใจกลับไป มานพเข้ามาดูสิริโสภาในห้อง เธอรู้สึกตัวขึ้นมาถามหาราพณ์ เขาบอกว่าราพณ์ไม่ว่างเตรียมงานแต่งงาน  ทุกอย่างไม่ต้องห่วง ตนจัดการให้เอง

ในขณะที่ปฐวีมาส่งรสิกาที่วัง  เธอดักคอเขาก่อนว่าเธอเต็มใจแต่งงานกับราพณ์  ก่อนที่เขาจะห้ามและขอดูแลเธอ  ปฐวีถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออก...พอเข้ามาในตึก  แหววรอถามอาการแม่นม  และบอกรสิกาว่า  ที่แม่นมป่วยเพราะเสียใจที่ต้องออกจากวัง รสิกายิ่งเศร้าใจ

ooooooo

รุ่งเช้า  รามกลับเข้าบ้าน เจอโบตั๋นรอซักถามเรื่องไปทานข้าวบ้านเจ้าสัว  ถามถึงรสิกาเป็นอย่างไรบ้าง รามชมว่าเปรียบเหมือนหยกเนื้อดี โบตั๋นยิ่งด่าว่าลูกชายที่ปล่อยเธอหลุดมือไป  แล้วร้องห่มร้องไห้ว่าเจ้าสัวกับลูกๆจะกันเขาออกจากกองมรดก รามปลอบแม่ด้วยความหวั่นใจ

รสิกามาเยี่ยมแม่นมแต่เช้า  แต่ยังช้ากว่าราพณ์ที่เข้ามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้  เพราะแม่นมจะได้กลับบ้านในวันนี้  แม่นมมองท่าทีอ่อนโยนของราพณ์อย่างพอใจ  แต่ก็ยังกังวลเป็นห่วงรสิกา  ราพณ์ตามรสิกากับแม่นมมาที่วัง ทุกคนในวังดีใจช่วยกันพาแม่นมไปพักผ่อน  รสิกาหันมาขอบคุณราพณ์สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง

“เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อว่าที่ภรรยาอยู่แล้วครับ”

รสิกาหน้าตึง  ราพณ์รุกทันที “คุณหญิงเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ เพราะถึงเวลาที่ผมต้องมารับตัวเจ้าสาวแล้ว  ผมหวังว่าคุณหญิงจะไม่ทำลายเกียรติของคุณหญิงด้วยการผิดคำพูด...”

“ฉันจะรอค่ะ” รสิกาตัดบท

ราพณ์พอใจเชื่อว่าเธอไม่ผิดคำพูดแน่นอน  ราพณ์กลับไป รสิกาเข้ามาหาแม่นม แม่นมกำลังฟังแหววเล่าเรื่องจะจัดงานมงคล  ทั้งที่แปลกใจว่าคุณหญิงไปรักกับราพณ์ตอนไหน รสิกาขัดจังหวะให้แหววไปเตรียมอาหาร  แล้วพยายามปลอบใจแม่นมอย่ากังวลเรื่องนี้ ทุกอย่างตนเต็มใจและสัญญาว่าจะเอาอิสรภาพคืนมาให้ได้ แหววซึ่งอยากรู้แอบฟังอยู่หน้าห้อง  ทนไม่ได้เข้ามาบอกรสิกาให้ขอร้องหม่อมแม่ยกเลิกการแต่งงาน

รสิกาอธิบาย

“อ้ายจะพึ่งหม่อมแม่ไปตลอดคงไม่ได้ แค่รู้ว่าหม่อมแม่ไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้ เท่านี้อ้ายก็พอใจ หม่อมแม่เป็นคนกลางถ้าผิดใจกับทางโน้นคงจะลำบากใจ อ้ายไม่อยากให้หม่อมแม่ต้องทุกข์ใจเพราะอ้าย”...แม่นมกับแหววกอดรสิกาอย่างเข้าใจและสงสาร

ราพณ์กลับมาบอกเจ้าสัวว่าตนพร้อมจะไปรับตัวเจ้าสาวแล้ว เจ้าสัวกระเซ้า

“รีบขนาดนี้ ตัวแปรเยอะใช่ไหม คุณหญิงพร้อมทุกอย่างทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ป๊าก็ไม่แปลกใจนะ รีบหน่อยก็ดี ป๊าจะแจ้งคุณวลี แกก็เตรียมทุกอย่างให้สมเกียรติ”...ราพณ์รับคำ

บ่ายวันนั้น รุ้งรายมาเล่นกีฬามวยเจอกับปฐวี เธอทำทีไม่สนใจ แต่พอเขาเข้ามาทัก เธอจึงแขวะไม่คิดว่าอย่างเขาจะเล่นกีฬาซื่อๆแบบนี้ มันโกงยากผิดกับนิสัยครอบครัวเขา ปฐวีสะอึกแต่ไม่ยอมแพ้ โต้ว่าครอบครัวเธอถูกฝึกมาเรื่องคารมกับการใช้เงินซื้อทุกอย่างได้แม้ความเป็นคน

“ทำไมคุณไม่คิดอีกมุมล่ะคะ ว่าคนบ้านฉันมีฝีมือที่ทำให้คุณหญิงรสิกาซึ่งหยิ่งทะนงยอมแต่งงานด้วยได้ ฉันเดาว่าคนบางคนอาจจะพยายามมาชั่วชีวิต แต่คุณหญิงก็ไม่แม้แต่จะมอง”

ปฐวีผงะเลี่ยงไปชกกระสอบทรายอย่างหนักระบายอารมณ์...รุ้งรายมองอย่างจับผิด กลับมาเลียบเคียงถามราพณ์ว่า ประสิทธิ์พ่อของปฐวีไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกับครอบครัวรสิกาใช่ไหม ตนไม่อยากให้ราพณ์ประมาทปฐวี ราพณ์ครุ่นคิด รสิกาดูจะเกรงใจและเชื่อฟังปฐวีพอควร แต่คนที่ตนกังวลมากกว่าคือวศิน กลัวมีเยื่อใยหลงเหลือ รุ้งรายอาสาทดสอบให้

ค่ำวันนั้น ทั้งราพณ์และรุ้งรายต่างพาคู่ของตนมาทานอาหารร้านเดียวกัน ทำทีบังเอิญเจอกันและนั่งร่วมโต๊ะกัน วศินออกอาการหึง ตำหนิรสิกาว่าจับมือถือแขนกับผู้ชายในที่สาธารณะมันไม่เหมาะสม สมัยตนยังไม่เคยทำ ราพณ์แกล้งกุมมือเธอ รสิกาก็เอาอีกมือมากุมทับเย้ยวศิน

“สำหรับคนที่จะแต่งงานกัน มันเป็นเรื่องธรรมดา จริงไหมคะราพณ์”

ราพณ์ยิ้มรับและยกมือเธอมาจุมพิตเบาๆ รสิกาตะลึงนิดๆแต่ไม่ดึงมือออก ราพณ์ถามเธอว่าวันนี้ทานปลากันดีไหม วศินรีบขัดว่าเธอไม่ชอบทานปลาเพราะเหม็นคาว เธอชอบทานทอดมันกุ้ง รสิการู้ว่าวศินจะอวดว่ารู้ใจ จึงแกล้งบอกราพณ์อย่างอ่อนหวานว่า วันนี้ตนอยากทานปลา ราพณ์ยิ้มรับอย่างพอใจ วศินหน้าม้านขุ่นเคืองใจ

หลังจากทานอาหารเสร็จ รสิกาบอกราพณ์ว่าจะไปรอในรถ เพราะรู้ว่าเขาคงมีเรื่องคุยกับน้องสาว ราพณ์ยิ้มๆหันมาขอบใจรุ้งราย เธอกระเซ้าหมดข้อข้องใจเสียใจ ราพณ์เป็นห่วงเธอจะโดนวศินออกฤทธิ์ รุ้งรายบอกว่าตนเอาอยู่...รุ้งรายยื่นหน้ามาชมรสิกาในรถ ว่าคืนนี้เธอน่ารักมาก รสิกางงๆเรื่องอะไร สองพี่น้องเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม จนเธอทำหน้าไม่ถูก

ตลอดทางที่นั่งรถมาราพณ์เปิดเพลงหวานๆอย่างอารมณ์ดี พอถึงวัง เขาหันมาบอกรสิกา

“ผมอยากราตรีสวัสดิ์ว่าที่ภรรยาก่อนคืนวันแต่งงานของเรา”

“คุณไม่ควรใช้คำว่าภรรยามั้งคะ ใช้คำว่าลูกหนี้คงจะเหมาะกว่า”

“คำพูดบางคำถ้ารู้ว่าพูดแล้วมันเจ็บจะพูดไปทำไมครับ หรือคุณหญิงชอบความเจ็บปวด”

“ฉันพูดเพราะมันคือความจริงที่ฉันต้องตอกย้ำ ให้ตัวเองรู้ว่า ฉันกำลังต้องแต่งงานกับลูกชายของศัตรู”

ราพณ์ไม่เข้าใจว่ารสิกามีปัญหาอะไรกับพ่อของตน แต่พรุ่งนี้เธอต้องเข้าไปเป็นสะใภ้ ขอให้เธอให้เกียรติพ่อของตนทั้งต่อหน้าและลับหลัง รสิกาโต้ว่า เงินเขาบังคับร่างกายตนได้ แต่บังคับหัวใจตนไม่ได้...ไม่มีวัน ราพณ์สะเทือนใจอย่างมาก รสิกาเองก็เสียใจไม่น้อย

ooooooo

วันต่อมา รัตนาวลีมาดูแลเตรียมความพร้อมให้รสิกา เธอกลับไม่ยอมทานอะไรเลย เอาแต่เก็บตัวเงียบ ด้านราพณ์จัดแจงเครื่องของหมั้น เครื่องเพชรที่จะมอบให้รสิกา ไม่ทันไร มานพโทร.มาแจ้งว่า สิริโสภาหายตัวไปจากโรงพยาบาล ให้เขาระวังตัวไว้บ้าง

ตกดึก แม่นมและรัตนาวลีช่วยกันแต่งตัวให้รสิกา แม่นมน้ำตาคลอไม่อยากให้รสิกาต้องฝืนใจแต่งงาน แต่รสิกากลับปลอบแม่นมว่า ตนพร้อมสู้...ขบวนขันหมากมาถึง รสิกาอดใจหายไม่ได้โผกอดรัตนาวลีร้องไห้ เมื่อรัตนาวลีพารสิกาลงมา ทุกคนต่างตะลึงกับความงามสง่าของเธอ รัตนาวลีรับเครื่องสินสอดแล้วมอบให้บ่าวสาวเป็นทุนรอนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว

มาถึงคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว อากู๋พงษ์และพี่น้องราพณ์รอต้อนรับรสิกาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส คนรับใช้ในบ้าน ก็ตื่นเต้นกับความงามของเธอจนวิ่งมายืนดู ไม่ทันสนใจประตูบ้าน สิริโสภาโผเผมาในสภาพโทรมเพราะยังไม่หายดี เธอเห็นหน้าบ้านราพณ์ตกแต่งด้วยผ้าสีแดงแสดงว่ามีงานมงคลก็ไม่พอใจ สายตากร้าวอย่างน่ากลัว รถบ่าวสาวแล่นเข้ามา พอได้เห็นเต็มตาว่า เจ้าสาวราพณ์คือคนที่ขับรถชนตนจนแท้งลูก ก็แทบช็อก กำมือแน่นด้วยความแค้น

ราพณ์ลงจากรถ ส่งมือให้รสิกาเกาะ เธอปัดไม่สนใจ ราพณ์ต้องกระซิบว่าทุกคนมองอยู่ไม่ใช่เวลาออกฤทธิ์ เธอจำต้องวางมือบนมือเขา ราพณ์กระชับมือเจ้าสาวแน่นยิ้มกริ่มพาลงจากรถมาทักทายทุกคนในบ้าน อากู๋พงษ์ให้บ่าวสาวไปเปลี่ยนชุดเพื่อมาทำพิธีรับสะใภ้เข้าบ้านบังเอิญราพณ์เหลือบไปเห็นสิริโสภาก็ชะงักเล็กน้อย เพราะเขาได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว รปภ.เข้ารวบตัวสิริโสภาโดยที่เธอไม่ทันส่งเสียง ลากตัวออกมาหน้าบ้าน มานพขับรถมาถึงพอดี เอาตัวเธอขึ้นรถขับออกไปทันที...เจ้าสัวเรียวได้ยินเสียงเอะอะแว่วๆ จะให้คนไปดู ราพณ์รีบขัดว่าเป็นพวกเด็กแว้นแล้วสั่ง รปภ.ไปจัดการ รัตนาวลีพารสิกาขึ้นไปแต่งตัว

ด้านสิริโสภาร้องไห้อาละวาดจะลงจากรถ ต่อว่ามานพที่ไม่ช่วยแล้วยังมาขวาง มานพพยายามเตือนสติ ถ้าเธอกลับไปโวยวายทวงสิทธิ์ที่เธอไม่มีเลย นอกจากไม่
ได้แล้ว เธอยังจะโดนราพณ์ไล่ออกจากชีวิตเขาอย่างเด็ดขาด สิริโสภาสะอื้นอ้างว่าราพณ์แต่งงานเพราะโดนบังคับ มานพถอนใจก่อนจะเอ่ยว่า ถ้าตนพูดความจริงแล้วจะยอมรับได้ไหม ราพณ์รักรสิกามานานแล้ว ถ้าเธออยากจะพิสูจน์ก็ลองดู สิริโสภาชะงักก่อนจะร้องไห้ฟูมฟาย จนมานพต้องเมินหน้าหนี...

พอถึงเวลา ราพณ์อยู่ในชุดเจ้าบ่าวแบบจีนยืนรอเจ้าสาว...ต้องตาค้างเมื่อรัตนาวลีพารสิกาในชุดกี่เพ้าสีแดงงามสง่าเดินลงบันไดมา รุ้งรายดันปากพี่ชายให้หุบอย่างขำๆ

“เฮีย เก็บอาการหน่อย...หมดกันเลยเฮีย”

เจ้าสัวแซว “เจ้าสาวสวยขนาดนี้ ไม่ต้องฟอร์มแล้วใช่ไหมราพณ์”

“ครับ...คุณหญิงสวยมาก” ราพณ์พูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว น้องๆส่งเสียงฮิ้ว...จึงสะดุ้งเขินๆ

อากู๋พงษ์ให้บ่าวสาวทำพิธีไหว้ป้ายบรรพบุรุษ ฝากเนื้อฝากตัว แต่รสิกาทำความเคารพอย่างเดียวไม่ยอมพูดตาม พอราพณ์ติง เธอก็บอกว่าไม่อยากโกหกคนตาย ราพณ์ถอนใจกล่าว

“เจ้าที่โปรดเป็นพยานในการแต่งงานครั้งนี้ และขอให้ปกป้องภรรยาของผมด้วยนะครับ” ราพณ์รับธูปจากรสิกาไปปัก

รสิกาลุกขึ้นเซจะล้ม ราพณ์เข้าประคอง เธอจะผละออก เขากระซิบ ต่อหน้าผู้ใหญ่อย่าดื้อ หญิงสาวมองไปรอบๆ มีแต่สายตามองอยู่ จึงโอนอ่อน...จากนั้น บ่าวสาวมายกน้ำชา ไหว้อาม่า อาม่าเรียกหาซองอั่งเปา รัตนาวลีเห็นอยู่บนโต๊ะหยิบส่งให้ อาม่าเอ่ยขอบใจหม่อมวลี

ชาญชัยสงสัย “ทำไมอาม่าจำหม่อมวลีได้ ผมเป็นลูกเขยมาตั้งหลายปียังจำผมไม่ได้เลย”

“อาม่าคงจำแต่คนที่ดีกับอาม่า พวกปากอย่างใจอย่าง อาม่าคงดูออก” รุ้งรายแขวะ

ชาญชัยโกรธชักสีหน้าใส่ รังรองปรามน้องสาว ระรินรีบบอกว่า งานมงคลอย่าเปิดศึกเดี๋ยวอดมรดก ชาญชัยยิ่งฮึดฮัด รังรองเครียด ระรินบีบมือรังรองอย่างให้กำลังใจ...

อาม่าเรียกรสิกาว่าซุงซิมปู๋ ซึ่งแปลว่าหลานสะใภ้และอวยพรให้มีเหลนไวๆ ราพณ์ยิ้มชอบใจ รสิกาค้อนขวับ

เจ้าสัวเรียวมอบกำไลหยกเป็นของรับไหว้ บอกว่าเป็นของแม่ราพณ์ที่เสียไปแล้วสั่งไว้ให้มอบแก่ลูกสะใภ้ ทุกคนยิ้มปลื้ม ยกเว้นชาญชัย...ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ ภายในห้อง เตียงถูกปูไว้สวยงามมีผลส้มวางอยู่สี่มุม อากู๋พงษ์ บอกว่า ได้ให้คู่ชีวิตที่อยู่กันมายืนยาวยี่สิบกว่าปี ปูเตียงนี้เพื่อให้บ่าวสาวมีลูกหลานเต็มตระกูล ราพณ์มองรสิกายิ้มๆ เธอทำหน้าไม่ถูก รัตนาวลีอวยพรลูกสาวดูแลและให้เกียรติกันและกัน  ฝากราพณ์ดูแลเธอด้วย ราพณ์รับคำหนักแน่น

“ฝากลูกชายผมด้วยนะคุณหญิง  ถ้าดื้อนักก็บอกผม  ผมจะช่วยกำราบให้...มีความสุขมากๆนะราพณ์” เจ้าสัวอวยพร ราพณ์ยิ้มปลื้มออกนอกหน้า

พอถึงเวลาที่ทุกคนจะออกจากห้อง  รสิกาใจเสียเกาะแขนแม่ไม่ปล่อย  ราพณ์เห็นแกล้งกระซิบข้างหูรสิกาว่ากลัวตนใช่ไหม  เธอชะงักจำต้องปล่อยทำทีบอกแม่ว่า อยากขอบคุณ  รัตนาวลียิ้มเดินเคียงข้างเจ้าสัวออกไป...ทันทีที่ประตูห้องปิด  รสิกาหน้าเครียดอย่างหวาดระแวง  ราพณ์แกล้งลุกขึ้นเดินเข้าหา  รสิกาถอยกรูดไปจนชนตู้เสื้อผ้า ราพณ์เอื้อมมือออกไป  เธอเบนหน้าหนีหลับตาปี๋...เสียงราพณ์เอ่ยว่าอาบน้ำก่อน  ทำให้เธอลืมตาขึ้นเห็นเขาเอื้อมมือผ่านไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนชั้น  เธอถอนใจโล่งอก  ราพณ์หัวเราะถามเป็นนัยๆ ใจร้อนหรือ รสิกาเคือง

“อย่ามาพูดบ้าๆกับฉันนะ”

“ถ้าคุณใจร้อน ผมจะให้คุณอาบก่อน คุณโมโหอะไรครับคุณหญิง” ราพณ์พลิกลิ้น

“สนุกมากใช่ไหมที่แกล้งฉันได้” รสิกาต่อว่าโกรธๆ

“ที่สุดเลยล่ะครับ  หน้าคุณหญิงตอนกลัวจนทำอะไรไม่ถูก...ผมชอบมาก” ราพณ์แกล้งยื่นหน้ามาใกล้  ยักคิ้วกวนประสาท ก่อนจะเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไป

รสิกาหัวเสียที่โดนปั่นหัว  เดินมานั่งบนเตียงทุบหมอนแค้นใจ สักพักพยายามตั้งสติอย่าบ้าไปตามเขา ไม่ทันไรราพณ์โผล่ออกมาจากห้องน้ำในสภาพพันผ้าขนหนูท่อนล่าง  เธอตกใจโวยให้แต่งตัวให้เรียบร้อย  ราพณ์แกล้งถามว่าจะอาบน้ำพร้อมกันไหม  จะได้ไม่เสียเวลา  รสิกาโกรธปาหมอนใส่ ราพณ์หัวเราะหลบกลับเข้าห้องน้ำอย่างชอบใจ

ไม่นาน  ราพณ์แต่งชุดนอนเรียบร้อยเดินออกมา บอกรสิกาให้ไปอาบน้ำ มีชุดนอนไว้ให้ในห้องน้ำแล้ว เธอยังนิ่งเฉย เขาแกล้งยั่ว ถ้าไม่ถนัดตนอาบให้ก็ได้
รสิกาลุกพรวดรีบเดินเข้าไป

พอรสิกากลับออกมา  เห็นราพณ์นอนหลับที่เก้าอี้ยาว  เธอย่องเข้ามาเอามือโบกข้างหน้าว่าเขาหลับแน่หรือ ก่อนจะยิ้มดีใจเดินไปนอนบนเตียงอย่างโล่งใจ  สักพักเธอก็หลับไป ราพณ์ลุกมาห่มผ้ามองเธออย่างแสนรัก

ooooooo

รุ่งเช้า  ราพณ์อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย  นั่งมองรสิกาซึ่งยังหลับใหล  เหมือนมีแรงดึงดูดให้เขายื่นหน้าไปใกล้ใบหน้าละมุนของเธอ ไม่ทันไร เธอขยับตัว เขารีบกลับไปนอนที่เดิม  รสิกาลืมตาลุกพรวดขึ้น เห็นราพณ์แต่งเต็มยศ  ทำท่าบิดขี้เกียจหันมาถามเธอตื่นแล้วหรือ เธอแปลกใจ

“นี่คุณเพิ่งตื่นเหรอ” เห็นราพณ์รับคำ จึงถาม “ตื่นมาก็เป็นอย่างนี้เลย...”

ราพณ์ยังรับคำอีก รสิกาจิกตาถามเมื่อคืนนอนชุดนี้หรือ ราพณ์นึกได้ยิ้มเก้อๆ “เอ่อ...งั้นผมไปอาบน้ำ...คุณหญิงรีบแต่งตัวนะครับ นายทะเบียนกำลังรออยู่”

“นายทะเบียน?”

“ลงไปข้างล่างแล้วจะรู้ครับ แต่คุณหญิงคงไม่คิดจะแต่งตัวแบบนี้ลงไปรับแขกใช่ไหม”

รสิกาเห็นสายตาราพณ์ที่มองมารีบคว้าผ้าห่มมาบังตัวอัตโนมัติ เขายิ้มขำๆเดินออกไป...เธอครุ่นคิด รีบอาบน้ำแต่งตัวตามลงมา นายทะเบียนเตรียมเอกสารรอ ราพณ์เข้ามาจูงรสิกาไปนั่งพร้อมบอก ทำตามข้อตกลงเพื่อให้พ่อของเขาสบายใจ แท้จริงเป็นอย่างไรเราสองคนรู้กันดี

ราพณ์ระบุแก่นายทะเบียนว่าไม่ต้องบันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สิน และให้หญิงสาวเปลี่ยนชื่อสกุลเป็นของฝ่ายชาย รสิกาจะแย้งก็ไม่กล้าเพราะเห็นสายตาทุกคนที่มองมา นทีคนสนิทของเจ้าสัวจัดแจงถ่ายภาพหมู่ และภาพคู่บ่าวสาวโชว์ทะเบียนสมรส รสิกาจะขัดขืน ราพณ์ติง

“มันเป็นข้อปฏิบัติ ยกขึ้นมาสิครับคุณหญิง นายทะเบียนท่านต้องกลับไปทำงานต่อนะครับ เกรงใจท่านบ้าง”

รสิกาขึงตาใส่ ที่หาว่าตนไม่รู้กาลเทศะ จำต้องยกทะเบียนสมรสขึ้นถ่ายภาพ ทุกคนในครอบครัวราพณ์แสดงความยินดี

แหววได้ตามรสิกามาอยู่ที่บ้านเจ้าสัวด้วย คนใช้ทุกคนดีต่อเธอยกเว้นกิมท้อที่เป็นคนของแม่ราม ซึ่งตอนนี้โบตั๋นได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นลินดาเพื่อยกระดับตัวเอง เง็กมอบหมายให้แหววเป็นคนดูแลเรื่องอาหารแทนกิมท้อ ยิ่งทำให้กิมท้อไม่พอใจ แอบโทร.รายงานลินดา

“รับตัวเจ้าสาวเมื่อวาน ทำไมพวกมันไม่บอกฉัน!” ลินดาตกใจและโกรธ

“กิมก็ว่าทำไมคุณลินดาไม่มา อย่างนี้คุณลินดาก็ไม่ทราบใช่ไหมคะว่า วันนี้คุณราพณ์จดทะเบียนสมรสกับคุณหญิงด้วย ตอนนี้นังคนใช้คุณหญิงมันเบ่งใส่กิมด้วยนะคะ มันว่าให้กิมเจียมกะลาหัวเพราะขนาดนายของกิมยังต้องกระเด็นออกไปจากที่นี่เลย มันว่าคุณลินดาน่ะค่ะ”

“แกอยู่เฉยๆ ฉันจัดการพวกมันเอง” ลินดาหูเบา กิมท้อยิ้มสะใจที่ปั่นได้สำเร็จ...

เสร็จเรื่องการจดทะเบียนสมรส รสิกาขอตัวไปทำงาน อาม่าแย้งเพิ่งแต่งงานทำไมต้องไปทำงานต้องไปฮันนีมูนถึงจะถูก ระรินล้ออาม่าว่ารู้จักฮันนีมูนด้วย อาม่ายืดอก

“ไม่งั้นอั๊ว อาลิ้มท้อฉั่ง จะเป็นอาม่าพวกลื้อได้ยังไง อาคุณหญิงลื้ออย่าเพิ่งไปทำงานเลย อาม่าอยากมีอาหมวยน้อยมาเป็นเพื่อนอาพระลบนะ”

รุ้งรายล้อแบบนี้พี่ชายเหนื่อยแย่ รสิกาวางหน้าไม่ถูก ราพณ์เห็นใจออกตัวแทนว่ารสิกาต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อน อาม่ากำชับว่าอย่าช้า ราพณ์รับรอง

รสิกาเอ่ยลารัตนาวลี เห็นเจ้าสัวยืนข้างจำต้องลาเขาด้วย ราพณ์อาสาไปส่ง เธอออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยเดินไปรอที่รถ

“เข้าหอก็แล้ว พี่สะใภ้ยังไม่ยอมดีด้วยอีกเหรอเฮีย” รุ้งรายแซวพี่ชาย

“ให้ป๊าทายนะ เฮียของลื้อไม่มีน้ำยา” เจ้าสัวหัวเราะ

ราพณ์แย้งว่าตนให้เกียรติรสิกา รุ้งรายแขวะเขาไม่กล้าหักหาญหรอก แค่นี้เธอก็เหม็นหน้าเขาจะแย่ ราพณ์เปลี่ยนเรื่องถามเจ้าสัวจะทำอย่างไรเรื่องทะเบียนสมรส เจ้าสัวสั่งนทีเอารูปถ่ายและทะเบียนสมรสไปจัดการประกาศให้พวกที่คิดจะเก็บรสิการู้ ราพณ์ยิ้มอย่างพอใจ

รุ้งรายปลื้ม “ตั้งแต่ม้าเสีย รุ้งไม่เคยเห็นเฮียยิ้มมีความสุขเต็มที่แบบนี้มานานแล้วนะป๊า”

“แล้วลื้อล่ะเมื่อไหร่จะยิ้มเต็มที่บ้าง ตอนนี้เฮียลื้อก็แต่งงานแล้วจะยกเลิกเรื่องวศินหรือยัง”

“อีกสักพักค่ะป๊า คนอย่างวศินถ้าโดนทิ้งจะต้องพยายามมาแย่งคุณหญิงคืนแน่ เฮียกับคุณหญิงยังไม่มั่นคง รุ้งไม่ไว้ใจ”

“ทำอะไรก็ระวัง รู้ใช่ไหมว่าความประมาทเป็นหนทางสู้ความพินาศ”...รุ้งรายรับคำเจ้าสัว

แทนที่รสิกาจะรีบไปออฟฟิศกลับให้ราพณ์แวะซุปเปอร์มาร์เก็ตจับจ่ายซื้อข้าวสารอาหารแห้งไปให้ที่วังประกาศเกียรติ แม่นม ป้านวล ป้านางออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ

“คุณหญิงไม่ต้องลำบากเอามาให้เองก็ได้ค่ะ เงินค่ากับข้าวที่ให้ไว้ก็ยังมี พวกป้าออกไปซื้อเองก็ได้” ป้านางเป็นห่วง

“ไม่ได้หรอกค่ะ ป้าๆชอบประหยัดกันจนเกินเหตุ คราวที่แล้วก็ซื้อพวกน้ำปลาปลอมมากินกัน เห็นแก่ของถูกมันอันตรายนะคะ”

พวกป้าๆบอกว่าพวกตนแก่แล้ว มีอะไรก็กินๆกันไป รสิกาไม่ยอม ถ้ารักตนต้องไม่ดื้อ ราพณ์มองความเอาใจใส่ของภรรยาอย่างชื่นชม...

ไม่นาน ข่าวการจดทะเบียนสมรสของราพณ์กับรสิกาเผยแพร่ออกไป สร้างความเจ็บแค้นให้ประสิทธิ์และสุรีย์ส่องอย่างมาก ปฐวีเห็นข่าวก็ตกใจไม่น้อย...ประสิทธิ์เจ็บใจสั่งลูกน้องยกเลิกการเก็บรสิกา สุรีย์ส่องไม่ยอมประสิทธิ์เอ็ดอย่าโง่ เพราะถ้ารสิกาเป็นอะไรไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็จะตกเป็นของราพณ์โดยปริยาย

ด้านเจ้าสัวเรียวอธิบายให้รัตนาวลีเข้าใจว่า การที่ตนให้ลูกสองคนจดทะเบียนกัน เพื่อความปลอดภัยของรสิกาและเธอ เพราะประสิทธิ์ไม่กล้าชนกับตนแน่ รัตนาวลีเกรงเป็นการดึงราพณ์มาวุ่นวาย เจ้าสัวกลับบอกว่า ไม่วุ่นวายเพราะราพณ์รักรสิกามาก

“ทำไมเขาถึงกล้าคิดทำขนาดนั้น ทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ของท่านชายก็เลี้ยงดูเขามาอย่างดี”

“ความโลภครอบงำจน ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้วครับ พวกไม่ยับยั้งชั่งใจจนกล้าทำเรื่องเลวร้าย คนแบบนี้เราควรจะตัดออกไปจากชีวิต เพราะอยู่ไปก็มีแต่จะดึงให้ชีวิตเราต้องตกต่ำอับจน”

“ฉันสงสารท่านชายค่ะ ท่านไว้ใจคุณประสิทธิ์มาก สุดท้ายก็ชาวนากับงูเห่า”

“ความรัก ความไว้ใจ ความหลง สามสิ่งนี้ถ้ามีให้กับคนผิด ชีวิตคงมีแต่ทุกข์ไม่สิ้นสุด”

ooooooo

คนที่ไม่พอใจเรื่องการจดทะเบียนสมรสของราพณ์กับรสิกาอีกคนก็คือชาญชัย เขาโวยวายตบตีรังรองที่ไม่รู้จักห้ามน้องชายตัวเอง ทำให้สมบัติมีตัวหารเพิ่ม รังรองได้แต่ปัดป้องเสียใจ

ราพณ์ส่งรสิกาที่ออฟฟิศ เขาเดินตามเธอเข้าไปข้างในอย่างภาคภูมิใจ วศินออกมาเห็นไม่พอใจ แขวะ “เดี๋ยวนี้อ้ายให้แฟนตามมาเฝ้าที่ทำงานด้วยเหรอ ไหนเคยบอกศินว่า ไม่ชอบให้แฟนก้าวก่ายเรื่องงาน ศินก็เชื่อไม่เคยทำ หรือว่าเงินมันทำให้เปลี่ยนความคิด”

“นี่นิสัยจริงของคุณสินะวศิน เงินไม่เคยเปลี่ยนฉันหรอกค่ะ แต่มันกลับทำให้ฉันเห็นธาตุแท้ของคน

มันทำให้ฉันรู้ว่าตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา ฉันเห็นกงจักรเป็นดอกบัวมาตลอด”

“มันก็คือกันแล้วล่ะครับ เพราะเราก็ขายตัวเหมือนกัน” วศินโต้

“ไม่เหมือนหรอกครับ เพราะวันนี้ผมไม่ใช่คนรักของคุณหญิง แต่เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณหมดสิทธิ์แล้ว อย่ายุ่งหรือว่าตอแยคุณหญิงอีก” ราพณ์ตอบโต้แทน

วศินหาว่าข่มขู่ ราพณ์ว่าการขู่เป็นการกระทำของพวกดีแต่ปาก ไม่ใช่ตน ราพณ์จ้องวศินจนชักหวั่นถอยกลับไป รสิกาหันมาขอบคุณ ราพณ์ยิ้มๆว่าเป็นหน้าที่ของสามี ไม่ทันไร กอบกู้ออกมาแสดงความยินดีเรื่องการแต่งงานของเธอ รสิกายิ้มแหยๆ รู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ภาพข่าวการจดทะเบียนทำให้สิริโสภาแค้นใจอย่างมาก...ลินดาเองก็แทบคลั่ง คว้าของปาหน้าจอทีวี รามตกใจวิ่งมาดู ลินดากราดเกรี้ยวไม่พอใจที่ทั้งรัตนาวลีและรสิกาได้จดทะเบียนทั้งคู่ สมบัติจะต้องถูกแบ่งแยกออกไปอีก รามเห็นว่าสมบัติพ่อมีมากมายไม่น่าเป็นห่วง ลินดาแว้ด

“แล้วมันเคยเห็นแกเป็นน้องหรือเปล่า แกเลิกโง่สักทีได้ไหม รู้หรือไม่ว่าที่แกมีได้อย่างทุกวันนี้ ม้าต้องสู้เพื่อแก ต้องให้พวกมันโขกสับ มันด่าม้า ดูถูกม้าสารพัด ม้าก็ต้องทน”

รามหลงเชื่อ เจ็บแค้นเชื่อว่าราพณ์กับรุ้งรายเป็นคนทำร้ายจิตใจแม่ของตน ลินดาตอกย้ำตนจะทำให้ทุกคนรู้ว่า รามเป็นลูกชายเจ้าสัวเรียว และมีสิทธิ์ในกิจการเหมือนทุกคน...

หลังจากรสิกาเข้าประชุมเสร็จ กอบกู้บอกเธอว่าจะแจ้งเวลาพรีเซนต์งานอีกที ตอนนี้ตนอนุมัติให้เธอลาพักร้อนได้หนึ่งอาทิตย์ตามที่ขอ รสิกางง ราพณ์ ยิ้มๆเพราะเป็นคนจัดการเอง กอบกู้รีบบอกว่าเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายแรงงาน ราพณ์ขอบคุณแล้วดึงรสิกากลับ ...สิริโสภาก้าวออกมาจากมุมหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความริษยา เธอมาเพื่อสมัครงานเป็นพนักงานบัญชีของที่นี่

ตลอดเวลาที่นั่งรถ รสิกานั่งนิ่ง ราพณ์ขอแวะดูไซด์งาน เขารู้ว่าเธอโกรธเรื่องลางานให้

รสิกาเปรย “หน้าที่ของลูกหนี้ก็คือ ทำตามคำสั่ง ฉันไม่ถือหรอกค่ะ”

ราพณ์บอกว่าตนมีเหตุผลที่ให้เธอลา ไม่ทันจะอธิบาย สถาปนิกมาเคาะกระจกเรียก เขาจึงต้องไปคุยงานก่อน ราพณ์มาดูงานที่ชาญชัยทำไว้ เมื่อตรวจเช็กกับสถาปนิกของตัวเองแล้วพบว่า ผิดแบบและมาตรฐานหลายจุด จึงสั่งผู้รับเหมาทุบทิ้งสร้างใหม่หมด

ชาญชัยซึ่งกำลังนัวเนียกับเลขาสาวในบริษัท พอผู้รับเหมา โทร.ไปแจ้งก็โกรธมาก... ราพณ์กับรสิกากลับมาถึงบ้าน รสิกาลงจากรถ สายตาเป็นกังวล ตัดสินใจคุยกับราพณ์

“คุณไปสั่งทุบโครงสร้างทั้งหมดแบบนั้น ไม่กลัวจะมีปัญหากับพี่เขยคุณเหรอ”

ราพณ์ตอบว่าตนทำเพื่อบริษัท ถ้าบริษัทในเครือทำงานบกพร่อง ก็จะสูญเสียความเชื่อมั่นมาถึงบริษัทใหญ่ ตนยอมไม่ได้เพียงเพื่อหวังกำไรชั่วครั้งชั่วคราว รสิการู้สึกว่าเขาช่างมีคุณธรรม ราพณ์กระเซ้า ห่วงตนหรือ รสิกาอ้ำอึ้งเดินหนีเข้าบ้าน พลันต้องชะงักเมื่อรามเข้ามาทัก ลินดาซึ่งมาด้วยแนะนำตัวเองอย่างวางอำนาจว่าตนเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้าสัวเรียว

รัตนาวลีเดินออกมาแปลกใจเมื่อเห็นลินดา รีบเข้าไปยืนข้างลูกสาว ลินดายืดอก

“ฉันมาแสดงความยินดีกับการแต่งงานที่ไม่มีใครบอกฉัน คงไม่เห็นความสำคัญ แต่ฉันไม่ถือนะคะ ผู้ดีจะไม่มีมารยาทบ้างฉันเข้าใจ...คุณหญิงตัวจริงนี่สวยนะคะ คงได้จาก
หม่อมวลีมาเยอะ ทั้งหน้าตาและวิธีหาความสบายใส่ตัว” ลินดามองรสิกาหัวจดเท้า

ราพณ์รู้ว่าลินดามาร้าย จึงบอกรสิกาว่า “เข้าบ้านเถอะครับคุณหญิง คำพูดบางคำถ้าฟังแล้วไม่ได้สร้างสรรค์ ผมว่าไม่ควรฟัง”

รามไม่พอใจ โวยว่าแม่ของตนก็เป็นเมียพ่อ

และมาก่อนรัตนาวลี ควรจะให้เกียรติกันบ้าง ราพณ์โต้ ตนไม่ชอบฝืนใจตัวเอง ใครทำอะไรไว้ก็จะได้อย่างนั้น อย่างคำไทยว่าไว้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แล้วแกล้งถามลินดาว่าเคยได้ยินไหม ทั้งลินดาและรามโกรธจัด จะเอาเรื่องราพณ์

ooooooo

สามี

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด