ตอนที่ 12
ปฐวีวิ่งตามมาดึงรุ้งรายที่หน้าร้านกาแฟ เธอกลับหันมาตบหน้าเขาผัวะ พูดใส่หน้าเขาว่าศัตรูก็คือ ศัตรู เป้าหมายของเขาที่เข้ามาในชีวิตเธอ เพื่อทำลายครอบครัวเธอ ฆ่าพ่อของเธอ เธอคงเป็นผู้หญิงหน้าโง่ในสายตาเขา ปฐวีตกใจมากและหดหู่ใจในความคิดของหญิงสาว
“ผมเคยคิดว่าคุณเห็นตัวตนผมที่ต่างไปจากพ่อ แต่ผมคิดผิด...”
“ฉันก็คิดผิด ผิดไปมาก!” รุ้งรายสวนก่อนจะผลักเขาแล้วเดินหนีไป
สุรีย์ส่องยืนมองอย่างสะใจ รสิกาเข้ามาหาปฐวี พลันเกิดรู้สึกวิงเวียน หน้ามืดเป็นลมในอ้อมแขนเขา...เมื่อปฐวีพารสิกามายังโรงพยาบาล จึงได้รู้ว่าเธอตั้งท้อง รสิกาทั้งดีใจและกังวล
พอประสิทธิ์รู้ว่าลูกสาวทำให้รุ้งรายแตกคอกับปฐวีได้ก็ดีใจ ชมเชยว่าเก่งจริงๆที่รู้ว่าปฐวีเป็นคนใจอ่อน ถูกจูงจมูกง่าย แต่เท่านี้ยังไม่สะใจสุรีย์ส่อง เธอยังมีแผนทำลายล้างอีกชุดใหญ่...
รสิกาพาปฐวีมาปรับความเข้าใจกับรุ้งรายที่บ้าน รุ้งรายกำลังเสียใจอยู่ในสวน มีระรินคอยซักไซ้ รสิกาเข้ามาจับไหล่ระรินให้ปล่อยเป็นหน้าที่เธอเอง ระรินถอยห่าง รสิกาลงนั่ง
“คุณรุ้งคะ ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ พี่วีเป็นคนดีไม่มีวันทำเรื่องร้ายๆอย่างนั้นได้แน่”
“เขาเข้ามาใกล้เราเพราะจะหลอกให้เราตายใจ ใช้เราเป็นเครื่องมือทำร้ายป๊า มันชัดเจนทุกอย่างแล้ว ศัตรูก็คือศัตรู รุ้งโง่เองที่ไว้ใจเขา รุ้งทำให้ป๊าต้องตาย” รุ้งรายหันมองต้องชะงัก
“ในสายตาคุณ ผมคือศัตรูใช่ไหม...” ปฐวีก้าวเข้ามา
“ฉันหวังว่าคุณจะแตกต่าง แต่วันนี้คุณทำให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณก็ไม่ต่างจากพ่อของคุณ โหดร้าย เห็นแก่ตัว”
“งั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีก” ปฐวีผิดหวังเสียใจ
รุ้งรายน้ำตาร่วงพร้อมกับโพล่งคำว่า...จบกันแค่นี้ ออกมา แล้ววิ่งเข้าบ้านไป ระรินวิ่งตามพี่สาว รสิกาจับแขนปลอบใจ ปฐวีว่าตนน่าจะรู้ตนกับรุ้งรายมันเป็นไปไม่ได้ รสิกาแย้งเพราะเธอเข้าใจผิด ชายหนุ่มส่ายหน้าถอนใจลากลับ รสิกาจะเดินไปส่ง หันมาเจอสิริโสภาก็สะดุ้ง เธอยิ้มขอโทษที่ทำให้ตกใจ รสิกาดึงปฐวีรีบเดินไป เขารู้สึกว่ามือเธอเย็น จึงถามกลัวสิริโสภาหรือ
“วันนี้อ้ายรู้แล้วว่าอ้ายไม่ใช่ตัวคนเดียว อ้ายไม่กลัวถ้าตัวเองจะเป็นอะไร แต่อ้ายห่วง...”
“พี่จะลองสืบดูนะว่าใช่อย่างที่อ้ายคิดหรือเปล่า”
รสิกาแตะมือที่ท้องตัวเองอย่างกังวล บอกปฐวีว่าแล้วตนจะช่วยคุยกับรุ้งรายให้...
วันต่อมา ที่ระรินให้สกรรจ์สืบหาคนรู้จักของสิริโสภา เขาได้พาเธอมาร้านกาแฟมานพ เธอหลงโวยคิดว่าเขาพาเธอมาเดต เขาโต้อย่าเพ้อเจ้อ เขาสืบรู้มาว่า บ้านที่สิริโสภาเคยอยู่ ชื่อเจ้าของบ้านเป็นเจ้าของร้านนี้ จึงพามาคุยเผื่อจะได้เรื่องอะไรบ้าง ระรินหน้าเจื่อน...ไม่ทันจะก้าวเข้าไปในร้าน ก็เจอปฐวีเดินมาอีกทาง ระรินอุทาน...ศัตรูเจ้รุ้ง!
“เป็นสรรพนามที่จำได้แม่นดีนะ” ปฐวีประชด
ยังไม่ทันคุยอะไรกัน ทั้งสามก็เห็นรถราพณ์แล่นมาจอด สกรรจ์ดึงสองคนให้หลบเพราะอยากรู้ว่าราพณ์มาทำไม
ราพณ์หน้าเครียดเข้ามาปรับทุกข์กับมานพตามเคย เขาอึดอัดใจที่อยู่ในสภาวะมีความลับต่อคนรัก แก้วภรรยาซึ่งท้องแก่ของมานพเตือนว่า ผู้หญิงจะไวมากเรื่องความผิดปกติของคนใกล้ตัวโดยเฉพาะสามี
ราพณ์อยากจะบอกความจริงแต่ไม่มีโอกาส มานพตบไหล่ปลอบใจมันต้องมีทาง...ปฐวีได้ถ่ายคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ แล้วนำมาให้รสิกาดูที่ออฟฟิศ
“ผมรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณราพณ์คนนี้หน้าตาคุ้นๆ” สกรรจ์ตั้งข้อสงสัย
“พี่ชายคุณสิ...ผู้ชายคนนี้ชื่อมานพ เขามาแสดงตัวเป็นพี่ชายคุณสิ แล้วเขาก็เป็นคนที่พาตำรวจไปที่วังจะจับอ้าย ถ้าอ้ายไม่จ่ายค่าทำขวัญคุณสิให้กับเขา” รสิกาขยายความ
ปฐวีบอกว่าตนเช็กมาแล้ว มานพเป็นเพื่อนนักศึกษารุ่นเดียวกับราพณ์ ระรินแปลกใจไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งสกรรจ์และปฐวีเห็นพ้องกันว่า ราพณ์กับมานพต้องเป็นเพื่อนสนิทกัน รสิกาเข้าใจแล้วว่าเป็นแผนของราพณ์ที่จะบังคับให้ตนแต่งงานด้วย ระรินหน้าเสีย
“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง คุณหญิงโกรธเฮียราพณ์ ไหมคะ”
รสิกายังตอบไม่ได้ เพราะตอบนี้ที่บ้านมีปัญหามากมายพออยู่แล้ว ตนจะหาทางออกที่ดีที่สุด จึงขอร้องทุกคนอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ ระรินจำต้องรับปาก...
ในขณะเดียวกัน ลินดาได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าเธอเป็นภรรยาอีกคนของเจ้าสัวเรียว ส่วนรัตนาวลีกับลูกสาวแต่งงานเข้ามาเพื่อล้างหนี้ และปรักปรำรสิกาเป็นฆาตกรฆ่าเจ้าสัว...ราพณ์เครียดทำอย่างไรจะให้ลินดาเลิกบ่อนทำลายครอบครัวเสียที ไม่ทันไร กันต์โทร.เข้า มาบอกว่า โดนเจ้านายกดดันให้เอาตัวรสิกามาสอบสวนโดยเร็ว ราพณ์ยิ่งเครียดหนัก
ooooooo
เมื่อประมวลเหตุการณ์แล้ว รสิกาตัดสินใจเข้าไปหามานพ เขาตกใจ รสิกาทำทีถามไถ่ถึงสิริโสภาทราบมาว่าหลังเกิดอุบัติเหตุเธอเลิกกับสามี ตนอยากคุยกับสามีเธออาจช่วยให้กลับมาคืนดีกันได้ มานพตอบอ้อม แอ้มว่าไม่ได้พบน้องเขยอีกเลย รสิกาขอชื่อจะติดต่อหาเขาเอง
“คุณหญิงครับ เขาสองคนจบกันไปแล้วจริงๆ อย่าไปรื้อฟื้นอีกเลยนะครับ”
“สำหรับคุณราพณ์อาจจะใช่ แต่กับคุณสิเขาไม่จบ”
...มานพตกใจกับคำพูดของรสิกา
“แล้วคุณหญิงอยากทราบเรื่องอะไรล่ะคะ” แก้วภรรยามานพเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
รสิกาอยากรู้ความสัมพันธ์ของสองคน มานพแย้งรู้แล้วไม่สบายใจอยู่กับปัจจุบันสบายใจกว่า รสิกาจึงบอกว่า สิริโสภาพยายามให้ตนรู้ สู้ตนรู้วันนี้ไว้พร้อมรับมือจะดีกว่า แก้วหันบอกสามีว่า รสิกาคงต้องการรักษาครอบครัวไว้ มานพลำบากใจ รสิกาย้ำ
“ฉันไม่แน่ใจว่าจะมีอีกกี่เรื่องที่มันเหนือความคาดหมาย ถ้าฉันต้องรับรู้จากปากของผู้หญิงอีกคนที่เคยเป็นคนรักของสามีฉันมาก่อน ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะรับมันไหวอย่างวันนี้”
“ฟังคนกลางจะได้เหตุผลมากกว่าอารมณ์...” แก้วจับแขนมานพเชิงให้เล่าความจริง...
หลังจากรู้ความจริง รสิกาก็นั่งเครียดที่ออฟฟิศ มีปฐวีช่วยวิเคราะห์ ทันใดระรินกับกอบกู้หน้าตาตื่น
เข้ามาบอกให้ตั้งสติ พวกตนเชื่อว่าเป็นการเข้าใจผิด
ไม่ทันที่รสิกาจะถาม กันต์เดินเข้ามาเชิญตัวรสิกาไปโรงพักในฐานะผู้ต้องสงสัย รสิกาเข้าใจและพร้อมจะยืนยันความบริสุทธิ์ ระหว่างเดินออกจากออฟฟิศ รสิกาเห็นสายตาสิริโสภาที่มองมาอย่างสะใจ
ราพณ์มาถึงสถานีตำรวจอย่างร้อนรน ปฐวีถาม “คุณช่วยอ้ายให้หลุดคดีได้นี่คุณราพณ์”
“เรื่องถึงตำรวจแล้ว ตอนนี้คุณหญิงถูกวัตถุพยานเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ยังไม่มีพยานแก้ต่าง แล้วยังมีคนกระพือข่าว ทั้งนักข่าวที่พยายามขุดคุ้ย ตอนนี้ไอ้กันต์ก็โดนกดดันหนักต้องเดินหน้าปิดคดีนี้ให้ได้”
“ถ้าเราหาตัวคนร้ายไม่ได้ อ้ายก็จะต้องติดคุกงั้นเหรอ”
“คุณวี สถานการณ์แบบนี้ คนที่จะทำขนาดนี้กับครอบครัวของผม ก็มีแต่พ่อของคุณเท่านั้น...ขอโทษที่ผมต้องพูดอย่างนี้ ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับคุณ แต่ถ้าคุณไม่ช่วยคุณหญิงก็ต้องติดคุกทั้งที่ไม่ผิด” คำพูดราพณ์ทำให้ปฐวีหนักใจ...
ด้านรังรอง ให้พนักงานค้นเอกสารทางการเงินของบริษัทชาญชัยมาตรวจสอบใหม่ จนรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม เธอกำชับพนักงานไม่ให้บอกใคร พอดีชาญชัยแวะมาชวนไปทานอาหารค่ำ รังรองรู้ทันที ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
เสร็จเรื่องที่โรงพัก ราพณ์พารสิกากลับบ้าน อาม่าและรัตนาวลีเข้าปลอบใจ รุ้งรายกระซิบราพณ์มีเรื่องด่วนปรึกษา สองพี่น้องมาคุยกันในห้องทำงาน
“พอรุ้งเช็กเอกสารโครงการเฮียชาญทั้งหมดแล้ว รุ้งว่ามันมีบางอย่างไม่ปกติ หลังจากเฮียทุบโครงสร้าง จำนวนลูกค้ากลับเพิ่มอย่างรวดเร็ว รุ้งคิดว่าเรื่องนี้คุณนทีจะต้องมีข้อมูล รุ้งเลยให้คนค้นในพีซีกับอีเมล์ของคุณนที ดูจากวันที่ของเมล์นี้มันก่อนวันที่ป๊าจะเกิดอุบัติเหตุไม่กี่วัน”
“ถ้าอย่างนั้น คนที่ป๊านัดเจอ คนที่เราคาดไม่ถึงคือเฮียชาญ ป๊าคงต้องการจะเคลียร์เงียบๆ โดยไม่ให้พวกเรารู้”
“ไอ้คนอกตัญญู รุ้งจะเล่นงานมันให้ถึงที่สุด” รุ้งรายระเบิดอารมณ์
ราพณ์ปรามต้องหาหลักฐานมากกว่านี้ ถ้าจะจับต้องให้ดิ้นไม่หลุด ที่สำคัญอยากรู้ว่ารังรองรู้เรื่องนี้ไหม
และเป็นจริงอย่างที่รังรองคาดคิด การทานอาหารกับชาญชัยคืนนี้ เขาอยากให้เธอช่วยขอแยกบริษัทออกมา อ้างต้องแบ่งกำไรเกินครึ่งให้ราพณ์ ต้องโดนก้าวก่ายการ
บริหาร ทุกคนมองว่าเขาเป็นลูกน้องราพณ์ ไม่มีใครมองว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท รังรองเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“รองจะคุยให้ก็ได้นะคะ แต่ว่า...เฮียจะต้องคืนเงินลงทุนที่เรายืมป๊ามา 50 ล้าน”
ชาญชัยลืมตัวเสียงเข้ม ทำไมต้องคืน รังรองเตือนว่าเขาสัญญากับพ่อไว้ ชาญชัยอ้างเจ้าสัวตายแล้ว สัญญาล้ม เลิกไม่มีใครรู้ รังรองไม่เห็นด้วยเพราะเป็นเงินกงสีของพี่ น้อง แต่เขาก็ยังเกลี้ยกล่อมว่านอกจากระรินแล้วน้องๆ ทุกคนของเธอหาเงินได้ปีๆ หนึ่งเป็นร้อยล้าน และถ้าเธอขอเจ้าสัวต้องให้อยู่แล้ว เพราะเธอเป็นลูกรัก รังรองยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง
“รองเป็นลูกที่ใส่ใจป๊าน้อยเหลือเกิน รักไม่รักยังต้องให้เฮียเป็นคนบอก รองนี่แย่จริงๆ”
ชาญชัยมองภรรยาอย่างไม่เข้าใจ รังรองตัดสินใจบางอย่างในใจทำทีเอาใจเขาเหมือนเดิม
ooooooo
วันต่อมา ระรินเห็นรสิกาไม่ค่อยทานอะไร จึงซื้อลูกชิ้นปิ้งมาฝาก พอเธอได้กลิ่นก็คว้าถังขยะมาอาเจียน สิริโสภาได้ยินมายืนมองอย่างสงสัย รสิการีบออกตัวว่าปล่อยท้องว่างไปหน่อย
“เหรอคะ สินึกว่าคุณหญิงเหม็นอาหาร เหมือนตอนที่สิแพ้ท้อง”
รสิกาหวั่นใจเกรงสิริโสภาทำร้ายลูกในท้อง รีบปฏิเสธว่าช่วงนี้เครียดมาก สิริโสภายิ้มเยาะๆ “เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเลยนะคะ ถ้าท้องว่างก็ทานสิคะอาการจะได้ดีขึ้น”
รสิกาจำต้องฝืนใจทาน แล้วบอกสิริโสภาให้กลับไปทำงานจะดีกว่า สิริโสภาทิ้งสายตาโหดพร้อมบอก ถ้าไม่สบายบอกตนได้ ตนพร้อมดูแล ระรินโพล่งไม่จำเป็นและเชิญเธอออกไป ระรินเห็นสีหน้ารสิกาซีดๆ จึงชวนกลับไปพักผ่อน
รังรองเรียกราพณ์กับรุ้งรายมาบอกเรื่องชาญชัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อ เห็นน้องทั้งสองไม่ตกใจก็รู้ว่าทั้งสองรู้เรื่องก่อนแล้ว รุ้งรายถามเขาเป็นสามี พี่จะทำอย่างไรต่อไป
“สามีที่อยู่กับเจ้เพื่อเงิน กับป๊าที่โอบอุ้มเจ้จนลมหายใจสุดท้าย ถ้าเจ้ยังคิดไม่ได้ ก็อย่านับว่าเจ้เป็นลิ้มวัฒนาถาวรกุลอีกต่อไป”
ราพณ์กับรุ้งรายยินดีกับการตัดสินใจของพี่สาว...ด้านราม โทร.บอกลินดาว่าตนจะไปหาที่บ้าน พอเดินออกจากห้อง เห็นสิริโสภาบอกแหววที่กำลังถือเสื้อผ้าของราพณ์กับรสิกามาว่าจะไปเก็บในห้องให้เอง เขาเห็นเธอกอดเสื้อราพณ์อย่างอาวรณ์ก็แปลกใจ
สิริโสภาเข้ามาในห้อง เอาเสื้อราพณ์แขวนในตู้ มองเสื้อผ้ารสิกาในมือแล้วจับฉีกขาดทิ้งลงพื้น เหยียบๆๆด้วยความแค้น ราพณ์เข้ามาเจอโวยเป็นบ้าไปแล้วหรือ
“ใช่ สิมันบ้า สิเกลียดมัน เกลียดอีผู้ดีที่มันแย่งผัวชาวบ้าน เกลียดอีผู้ดีที่มันฆ่าลูกของเรา มันเป็นฆาตกร ฆาตกร! สิอยากจะให้มันตายๆๆๆ” สิริโสภาอาละวาดกวาดข้าวของในห้องทิ้ง
ราพณ์จับตัวสิริโสภาให้หยุด ขู่จะไล่ออกจากบ้าน สิริโสภาท้า ถ้าเขาทำ ตนจะปั่นหัวรามให้เกลียดทุกคนที่นี่ เกลียดจนฆ่ากันตาย ราพณ์ตวาดอย่าทำร้ายน้องชายตน รามรักเธอ สิริโสภากราดเกรี้ยว แล้วเขาทำร้ายตนทำไม ทำร้ายคนที่รักเขาทำไม ราพณ์ลากสิริโสภาออกไปโยนหน้าห้อง เธอโวยวายไม่ยอมไป จะบอกคนในบ้านให้รู้ว่าตนเป็นเมียเขามาก่อน อีผู้ดีหน้าด้านมาแย่งเขาไป ทั้งสองไม่รู้เลยว่ารสิกาอยู่ในห้องน้ำในห้อง เธอเดินน้ำตาคลอเจ็บปวดใจออกมา
ในขณะที่ปฐวีขับรถกลับบ้าน พลันเห็นรถชาญชัยแล่นผ่านไปจอดที่บ้าน จึงซุ่มดูจนมืดค่ำ เห็นชาญชัยเดินออกมาพร้อมลินดา เขาจึงถ่ายภาพสองคนเก็บไว้เป็นหลักฐาน
คืนนั้น รสิกาเรียกปฐวีออกมาพบที่ร้านประจำ เธอร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่ได้ยินมา ทั้งที่เธอรู้อยู่ก่อน แต่พอได้ยินจังๆก็อดเจ็บปวดไม่ได้ ปฐวีปลอบว่าเราย้อนไปแก้อดีตไม่ได้ ถ้ารักราพณ์ต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้
“อ้ายคิดจะฝากชีวิตไว้กับเขา แต่เขาจัดการกับสิริโสภาไม่ได้ ไม่ยอมบอกความจริงอ้าย”
“เรื่องแบบนี้มันพูดยากนะ เขาอาจกลัวว่าอ้ายจะเสียใจแล้วก็รับไม่ได้”
“แล้วอ้ายจะยิ้มอย่างภาคภูมิในตัวสามีของอ้ายได้ยังไงคะพี่วี ความกล้าของเขาจะเป็นตัววัดว่าอ้ายคือคู่ชีวิตที่เขาไว้ใจจริงๆ”
“อ้าย...ศักดิ์ศรีมันสำคัญกับชีวิตคู่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มันไม่ใช่ศักดิ์ศรีค่ะ แต่มันคือความศรัทธาที่สามีภรรยาควรมีให้กันและกัน ถ้าอ้ายก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปไม่ได้ อ้ายคงไม่สามารถอยู่กับเขาได้ พี่วีเข้าใจอ้ายนะคะ”
ปฐวีเข้าใจแต่อยากให้เธอใช้สติมากกว่าอารมณ์ รสิการับคำ พลันราพณ์โทร.เข้ามาหาปฐวี เขารีบบอกรสิกาว่า มีเรื่องสำคัญที่เธอกับราพณ์ต้องรู้...ปฐวีกับรสิกามาที่คฤหาสน์เจ้าสัวคุยกับราพณ์และรุ้งรายในห้องทำงานปฐวีเอาคลิปที่ถ่ายชาญชัยกับลินดาเดินออกจากบ้านตนให้ดู รุ้งรายพลั้งปากไม่คาดคิดว่าสองคนจะร่วมมือกับศัตรูรสิกา มองปฐวีอย่างเห็นใจ รุ้งรายชะงักที่หลุดปาก ปฐวีนิ่งไป พักก่อนจะกล่าว
“ถ้าคุณลินดา ชาญชัยร่วมมือกับพ่อผมจริงๆ การที่สิริโสภาเข้ามาในบ้านนี้ ก็อาจจะเป็นหนึ่งในแผนด้วย อ้ายบอกว่าสิริโสภาเป็นคนทำยาหกใช่ไหม”
“ใช่ ฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขารู้ว่าฉันกับคุณหญิงจะต้องไปรับยาที่โรงพยาบาล”
“แล้วรุ้งกับคุณหญิงก็ไปเจอวศิน คุณวี สุรีย์ส่อง ทุกอย่างมันเหมาะเจาะมาก แต่ถ้าคุณวีไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนยา แล้วใคร?” ราพณ์วิเคราะห์
รุ้งรายนึกได้ว่าวันนั้นเห็นลินดาที่โรงพยาบาลด้วย ทุกคนเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว...เสร็จสิ้นการคุย รุ้งรายเดินมาส่งปฐวีที่รถเพื่อกล่าวคำขอโทษที่เข้าใจเขาผิด ปฐวีกลับตอบอย่างเย็นชาว่าไม่เป็นไร แค่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง รุ้งรายอยากขอกลับไปเหมือนเดิม เขาสวน
“คุณพูดถูกครับ ศัตรูก็คือศัตรู...เรื่องของเรามันก็ไม่มีวันเป็นไปได้ หยุดไว้แค่นี้คงจะดีกว่า เรื่องระหว่างบ้านคุณกับบ้านผม มันไม่มีวันจบอย่างสวยงาม ถึงวันนั้นเราคงจะไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้”
“แล้วคุณมาช่วยพวกฉันทำไม”
“ผมอยากจะให้พ่อกับยัยสุกลับมาสู่ทางที่ถูกต้อง ถ้าวันนี้เราทำสิ่งที่ถูก พรุ่งนี้เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก”
รุ้งรายถามเหตุผลเขาแค่นี้หรือ เขารับว่าใช่ เธอรู้ว่าครั้งนี้ทำร้ายจิตใจเขามากจนเขาไม่อาจให้อภัย หญิงสาวน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ
ooooooo
ราพณ์ชะงักเมื่อเห็นรสิกายืนมองข้าวของที่เกลื่อนกลาดในห้องนอน เธอบ่นไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาทำแบบนี้ในห้องส่วนตัว ราพณ์อึกอัก รสิกาถามเขาคิดว่าควรจะปล่อยผ่านหรือหาตัวคนทำ ราพณ์กลัวเกินกว่าจะพูดความจริงจึงบอกว่าเขาจะจัดการให้ รสิกาผิดหวังก้มหน้าเก็บของ
หลังจากรู้เรื่องสิริโสภากับราพณ์ รามหัวใจสลายมาหาแม่แต่พบห้องว่างเปล่า เขารู้สึกเครียดอ้างว้าง ร้องเหมือนสัตว์ป่าบาดเจ็บปาดข้าวของข้างตัวหล่นกระจาย รวมทั้งกระเป๋าของลินดา ขวดยากลิ้งออกมาหยุดตรงหน้า รามเห็นชื่อที่ขวดยาเป็นชื่อ เรียว ลิ้มวัฒนาถาวรกุล เขาตกใจหยิบขึ้นมาดู เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น...ลินดาเข้ามาเห็นตกใจแก้ตัวไม่ออก พยายามจะกล่อม รามอ้างเหตุผลต่างๆนานาให้เข้าใจสิ่งที่ตนทำเพื่อเขา รามช็อกตะเบ็งเสียง
“ไอ้ฆาตกรคนนั้น มันจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ม้า...ต้องไม่ใช่ม้าที่ฆ่าป๊า!”
ลินดาตกใจกับอาการของลูกชาย รามสะบัดตัววิ่งออกไปจากบ้านเหมือนคนบ้าคลั่ง...ลินดารีบโทร.บอกสิริโสภาว่ารามรู้ความจริงแล้วให้ตามเขากลับมา สิริโสภาไม่ยอมให้จบแบบนี้
รุ่งเช้า รสิกาตื่นมาเห็นราพณ์นั่งมองท่าทางสับสน แต่ไม่กล้าพูด ได้แต่บอกว่าจะไปส่งที่ทำงาน รสิกาผิดหวังที่เขาไม่พูดความจริงเสียที จึงเปรย ไม่รู้ว่าตนเป็นภรรยาที่ดีพอสำหรับเขาหรือเปล่า ราพณ์รีบบอกว่าเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก มากจนตนคิดว่า ตนไม่ดีพอที่จะคู่ควรกับเธอ
“แต่ฉันว่าฉันยังไม่ดีพอที่จะเป็นคู่คิดที่คุณไว้ใจ” รสิกาพูดเป็นนัยๆ
“อะไรทำให้คุณหญิงคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“ความไว้ใจ ศรัทธาซึ่งกันและกันไงคะ” รสิกาลุกเข้าห้องน้ำ หวังว่าเขาคงจะเข้าใจ
ราพณ์ยังไม่เข้าใจความหมาย พลันสิริโสภาโทร.เข้ามา เธอต้องการพบเขา อ้างมีข้อเสนอ
ส่วนรุ้งรายนัดปฐวีมาปรับความเข้าใจ เธอขอโทษ ที่ทำร้ายจิตใจเขา ยอมรับว่าเธอเสียใจไม่น้อย ไม่อยากเสียเขาไป ขอโอกาสเธออีกสักครั้ง เห็นปฐวียืนอึ้ง จึงถามคิดเหมือนกันใช่ไหม
“ผม...ไม่แน่ใจ...มันมีข้อแม้หลายอย่างที่...”
“เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะคะ...”
ปฐวีเริ่มใจอ่อนถาม ไม่ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไรเธอพร้อมที่จะรับมันใช่ไหม รุ้งรายรับปาก จับมือเขาเขย่าสัญญา พลันเสียงมือถือดัง ปฐวีรับสายบอกว่าจะรีบไป รุ้งรายสงสัยตามไปด้วย...ปฐวีมาดักจับวศินที่หน้าคอนโด กันต์ตามมาสมทบ เอาตัววศินไปไว้ที่เซฟเฮาส์ของราพณ์ ปฐวีเชื่อว่าวศินเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจที่โรงพยาบาลวันที่รุ้งรายกับรสิกาไปเอายา รุ้งรายชักห่วงว่าความจริงเปิดเผย ปฐวีจะรับได้หรือถ้าพ่อเขาเป็นคนทำ
“ผมทำให้พ่อเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่ผมก็ยอมให้พ่อทำผิดไปมากกว่านี้ไม่ได้”
“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ ฉันจะอยู่ข้างคุณนะคะ” รุ้งรายสัญญา ปฐวีซาบซึ้ง
ขณะที่ราพณ์มาปรับทุกข์กับมานพและแก้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่รสิกาพูด แก้วกับมานพไม่อาจบอกอะไรได้เพราะรสิกาขอร้องไว้ แก้วจึงบอกเป็นนัยๆ
“ไว้ใจกับศรัทธาของคุณหญิงอาจจะหมายถึงความไว้ใจที่สามีมีต่อภรรยา เชื่อมั่นว่าภรรยาคือคนที่เคียงข้างและช่วยกันแก้ปัญหาของครอบครัว”
“อาจจะหมายถึงว่า อย่ามีความลับต่อกันรึเปล่าวะ อะไรที่แกปิดก็เปิดๆให้มันโปร่งใสซะทีสิวะ” มานพบอกใบ้ด้วยความอึดอัดใจ
“ไม่ สิริโสภาเป็นปัญหาของฉัน คุณหญิงไม่ควรจะต้องมารับรู้เรื่องนี้ ฉันจะแก้ไขมันเอง”
แก้วถามว่าเขาเห็นรสิกาเป็นแค่คู่รักหรือคู่ชีวิต เห็นราพณ์ทำหน้างงจึงขยายความ “คู่รักก้าวข้ามความเป็นคนแปลกหน้าด้วยภาพสวยงามที่ต่างคนสร้างขึ้นเพื่อเป็นคนคุ้นเคย ส่วนคู่ชีวิตก้าวข้ามความคุ้นเคยด้วยการร่วมทุกข์ร่วมสุขจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน คุณมองว่าคุณหญิงเป็นคู่แบบไหนคะ” แก้วอยากให้ราพณ์สารภาพดีกว่าให้รสิกาฟังจากปากสิริโสภา
มานพย้ำสิริโสภาแสดงออกชัดเจน รสิกาอาจจะรู้และรอฟังอยู่ นักโทษสารภาพยังได้ลดโทษกึ่งหนึ่งแต่ราพณ์ดึงดันจะเคลียร์กับสิริโสภาก่อน สองสามีภรรยาหวังว่าจะไม่สายเกินไป
ก่อนที่สิริโสภาจะไปพบราพณ์ เธอมาเขย่าอารมณ์รสิกาในออฟฟิศ รสิกาสุดทนตอบโต้
“เลิกทำตัวอยู่ในที่ลับทั้งที่มันไม่ได้เป็นความลับแล้วเถอะ เพราะวันนี้คุณราพณ์เลือกฉัน”
สิริโสภาหัวเราะ “ฉันดีใจนะคะที่คุณหญิงฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว”
“ฉันแค่ไม่อยากพูด เพราะฉันสงสาร...”
สิริโสภากระตุกด้วยความโกรธ รสิกาเน้นสงสารที่เธอต้องสูญเสีย สิริโสภากราดเกรี้ยว ถ้าอย่างนั้นให้คืนราพณ์มา รสิกาโต้ว่าราพณ์ไม่ใช่สิ่งของ เขาอยู่กับตนเพราะเขาต้องการที่จะอยู่ต่อให้ตนไล่อย่างไรเขาก็ไม่มีวันไป สิริโสภาสะเทือนใจไม่ยอมแพ้
“คุณหญิงคงคิดว่าคุณเหนือกว่าฉันมากงั้นสิ ทั้งที่เราก็โดนซื้อมาเหมือนกัน ถึงฉันจะไม่มีทะเบียนการันตี แต่มันก็ทำให้ฉันรู้ว่า สำหรับคุณราพณ์ คุณกับฉันก็มีค่าตัวเหมือนกัน”
“แต่วันนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาใช้ความรักซื้อใจฉัน ไม่ใช่เงิน”
สิริโสภาหัวเราะท้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าราพณ์ยังใช้เงินซื้อทุกอย่าง...สิริโสภาไปพบราพณ์ซึ่งนั่งรออยู่กับมานพและแก้ว เธอทำทีบีบน้ำตาอยากไปตั้งต้นชีวิตใหม่แต่ไม่มีปัญญา ราพณ์จึงเสนอเงินให้ก้อนหนึ่ง สิริโสภาแอบยิ้มเพราะเธอได้เปิดโทรศัพท์เชื่อมต่อกับรสิกาที่แอบมองอยู่ หน้าร้าน รสิกาน้ำตาร่วงเมื่อเห็นราพณ์เซ็นเช็คให้กับสิริโสภา
ooooooo










