ตอนที่ 17
ไม่นานนัก ภูผาตามมาที่สถานีอนามัย แหกปากเรียกหาหนูนาลั่นด้วยความเป็นห่วง พรวดพราดจะเข้าไปด้านใน นางพยาบาลรีบกันไว้ไม่ยอมให้เข้า เขาอาละวาดจะเข้าไปให้ได้ เมฆากำลังตรวจอาการหนูนาอยู่ในห้องตรวจซึ่งถูกดัดแปลงเป็นห้องผ่าตัดชั่วคราว ได้ยินเสียงพี่ชายร้องเอะอะรีบออกมาอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
“หนูนาเสียเลือดมาก การผ่าตัดค่อนข้างจะลำบาก ผมกับทุกคนที่นี่จะช่วยหนูนาอย่างสุดความสามารถ”
“แกต้องช่วยหนูนานะเมฆา แกต้องช่วยหนูนาให้ได้ แกต้องไม่ปล่อยให้หนูนาเป็นอะไรนะเมฆา สัญญาสิ”
“ผมจะทำเต็มที่...พี่ต้องรออยู่ตรงนี้” เขาว่าแล้วหันไปเรียกพยาบาลให้เข้าไปช่วยกันด้านใน ภูผามองตาม ใจคอไม่ดีที่น้องชายรับปากแบบไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์...
ผ่านไปพักใหญ่ เมฆาออกจากห้องผ่าตัดอย่างเหนื่อยล้า ภูผาซักถามอาการหนูนาเป็นการใหญ่ว่าเป็นอย่างไรบ้างปลอดภัยแล้วใช่ไหม เขาบอกเสียงเครียดว่าหนูนาเสียเลือดมาก ทีมผ่าตัดต้องตัดสินใจช่วยเด็กไว้ก่อน ตอนนี้เธอเหลือเวลาน้อยเต็มทีแล้ว ถ้าภูผาอยากจะเข้าไปเยี่ยมก็ให้รีบเข้าไปได้เลย
เขาแทบช็อก ผลักน้องชายพ้นทางแล้วตรงรี่เข้าไปหาหนูนาที่นอนหลับหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียงผ่าตัด ลูบผมเธออย่างเบามือ เธอค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง เรียกเขาด้วยเสียงแหบแห้ง
“ไม่เป็นไร...ไม่ต้องพูด เธอเหนื่อยมากแล้ว”
เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้า น้ำตาไหลเป็นทางรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะตาย รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายถามว่ารักเธอไหม เขายังไม่ทันจะตอบ เธอเกิดหายใจติดๆขัดๆ มองเขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและอาลัย
“ฝาก...ลูก...ด้วย” ขาดคำ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอก็หมดลง เขาใจกระตุกวูบ ดึงเธอมากอดพร้อมกับตะโกนเรียกสุดเสียง หวังว่าจะปลุกเธอให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่เป็นได้แค่ความหวัง...
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านแสนสมุทร ชอุ่มตบโต๊ะด้วยความสะใจเมื่อรู้ว่าวงเดือนเอาถาดใส่ดอกกุหลาบโปะหน้าโฉมไฉไลจนเป็นจ้ำแดงๆไปทั้งหน้า ยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ ก่อนจะชมว่าสุดยอดมากที่รู้จักตอบโต้เสียบ้าง
“ความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดกันทั้งนั้นแหละน้าชอุ่ม...พอถึงขีดสุดแล้วมันก็ต้อง...เสียหน่อย จริงไหมล่ะจ๊ะ” วงเดือนอมยิ้ม สะใจไม่แพ้ชอุ่มเช่นกัน
“ถูกต้องค่ะ...ก็เพราะสวยหวานแต่สู้ตายหยั่งงี้ไงเล่า หนุ่มๆแสนสมุทรถึงได้แย่งกันรักนักรักหนา...อุ่ย...แฮะๆๆ” ชอุ่มรู้ตัวว่าพูดมากไป รีบกลบเกลื่อนว่าป่านนี้คุณเมฆาไปถึงนานแล้ว ได้เจอคุณภูผาหรือยังก็ไม่รู้ วงเดือนได้ยินชื่อภูผาแล้วอดคิดถึงไม่ได้
ooooooo
หลังจากเผาศพหนูนาแล้ว ภูผานำอัฐิของเธอมาฝังไว้เคียงข้างอัฐิของเหนือฟ้า โดยมีนายสว่างกับดอยมาร่วมพิธีด้วย ดอยตัดพ้อทั้งน้ำตาว่าทำไมลูกพี่ถึงใจร้ายนัก มาทิ้งกันไปอย่างนี้ แล้วเธอจะอยู่ต่อไปอย่างไร ภูผามองอย่างสะเทือนใจ ก่อนจะวางดอกไม้ไว้ยังที่ฝังอัฐิของเหนือฟ้าและหนูนา
“ชีวิตนี้...ฉันเป็นหนี้เธอ หนูนา...ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลลูกของเธออย่างดีที่สุด...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร...แม้แต่ชีวิตของฉัน...เหนือฟ้า...นายเป็นคนดีที่สุดคนหนึ่งในชีวิตที่ฉันได้รู้จัก ฉันขอให้นายหลับอย่างมีความสุขอยู่เคียงข้างกับผู้หญิงที่นายรักสุดหัวใจ”
ดอยร้องไห้โฮเสียใจอย่างหนัก ภูผาตบไหล่นายสว่างที่ยืนน้ำตาซึมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ แล้วหันหลังจะกลับ เจอเมฆานำชุดแต่งงานของหนูนามาให้ เขารับเอาไปวางแผ่บนที่ฝังอิฐของเธอด้วยน้ำตาคลอเบ้า เมฆาพลอยเศร้าใจไปด้วย ครู่ต่อมา สองพี่น้องแยกตัวมาคุยกันตามลำพัง เมฆาแจ้งให้พี่ชายรู้ว่า ตนเองจะต้องเอาลูกของเขากับหนูนาลงใต้ด้วย ภูผาโวยลั่นทำไมต้องทำแบบนั้น
“พี่ผา เราทำคลอดเด็กก่อนกำหนด เด็กตัวเล็กมาก เราต้องส่งเด็กไปอยู่โรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ที่พร้อมกว่าที่นี่ ไม่อย่างนั้นเด็กอาจเป็นอันตรายได้”
“...ลูกฉันต้องไปอยู่โรงพยาบาลนานเท่าไหร่”
“ก็จนกว่าเด็กจะแข็งแรง...พี่ผาไม่ต้องห่วง ผมกับเดือนจะช่วยกันดูแลลูกพี่ผาให้ดีที่สุด” เมฆาพยายามตอกย้ำเรื่องตัวเองกับวงเดือน เพื่อตีกันไม่ให้ภูผากลับไปหาเธออีก...
ค่ำวันเดียวกัน ภูผาแจ้งเรื่องเจ้าตัวเล็กลูกของหนูนาให้นายสว่างรับรู้ และชี้ให้เห็นความจำเป็นที่ต้องให้แกไปกับเมฆา เขาสัญญาว่าแกแข็งแรงเมื่อไหร่ จะไปรับกลับมาทันที
“แต่ดอยคิดถึง...คิดถึงใครดีล่ะ...ลูกชายของลูกพี่ไม่มีชื่อเลยนี่นาย...จะให้ดอยเรียกว่าอะไรดี”
ภูผาลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้เจ้าตัวเล็ก หวนนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอหนูนา เขาเรียกเธอว่าหนูน้อย ดังนั้นจึงตั้งชื่อให้เจ้าตัวเล็กว่า “หนูน้อย” ทั้งดอยและนายสว่างต่างเห็นชอบด้วย
ooooooo
หลายวันต่อมา ณ โรงพยาบาลซึ่งเมฆาทำงานอยู่ วงเดือนมองหนูน้อยที่หลับสนิทอยู่ในตู้อบสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดแล้ว ถึงกับออกปากว่าน่าสงสารที่แกต้องกำพร้าแม่แต่เล็กๆ เมฆาอยากรู้ว่ารู้สึกแค่นั้นแน่หรือ
“หมายความว่ายังไงคะ” เธอเสียงเข้มขึ้นมาทันที เขารีบยิ้มกลบเกลื่อน
“เปล่า ผมก็แค่แหย่เล่นว่าเดือนไม่สงสารผมบ้างหรือ ที่ต้องพาเจ้าหนูน้อยข้ามเขาข้ามดอยมาถึงนี่”
“ไม่เห็นน่าสงสารเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ทำสิจะใจดำมาก”
“โถ...หลานชายแท้ๆทั้งคนใครจะไปใจดำได้ลงคอ...ว่าแต่ ถ้าเดือนใจดีจริง ก็น่าจะหาเพื่อนเล่นให้เจ้าหนูน้อยสักคนหนึ่งนะ” เมฆาแกล้งกระเซ้า แต่เธอไม่สนุกด้วย ขอร้องว่าอย่าพูดแบบนี้อีก เขาจำต้องรับปากแต่ในใจแอบคิดแผนการหาเพื่อนเล่นให้หนูน้อยให้สำเร็จให้ได้...
อนงค์ถึงกับกุมขมับเมื่อรู้ว่าเมฆาพาลูกชายของหนูนามารักษาตัวที่นี่ เตือนโฉมไฉไลว่าจะชักช้ายืดยาด ไม่ได้อีกแล้ว ต้องประกาศให้รู้ทั่วกันว่าเธอท้องกับเมฆา เธอก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เกรงคนอื่นจะไม่เชื่อ
“เออว่ะ...เห็นไหม เพราะแกคนเดียวเที่ยวร่อนไปกับผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที เสียประวัติหมดเลย”
“นี่ๆๆๆ อย่าขุดเรื่องเก่ามาด่ากันหน่อยเลยหม่า–ม้า ก็ถ้าหม่าม้าไม่บ้าเล่นไพ่ ขยันหาหนี้มาให้ โฉมก็คงไม่ต้องเที่ยวร่อนไปกับผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที หาเงินมาใช้หน้ีให้หม่าม้าหรอก”
อนงค์โวยกลับ หยุดขุดเรื่องเล่นการพนันมาด่าตนเช่นกัน น่าจะช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะทำอย่างไรกันดี โฉมไฉไลแนะว่าเราสองคนแม่ลูกไม่ต้องไปคิดใหปวดหัวเปล่าๆปล่อยให้เมฆาเป็นคนคิดจะดีกว่า...
ในเวลาต่อมา ขณะที่อนุต ศรีดารา เมฆา และวงเดือนกำลังคุยกันถึงเรื่องของภูผาอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านแสนสมุทร ศรีดาราอดเวทนาสงสารภูผาไม่ได้ที่เสียเมียยังไม่พอ ลูกต้องมาเป็นแบบนี้อีก อนุตเองก็รู้สึกเหมือนเธอเช่นกัน หันไปต่อว่าเมฆาว่าทำไมไม่ชวนพี่ชายกลับมาอยู่ที่นี่
“เอ่อ...คือ ผมว่าถึงชวน พี่ผาก็คงไม่อยากกลับมาหรอกครับ เพราะพี่ผายังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียหนูนา พี่ผารักหนูนามาก คงอยากอยู่ในที่ของเขาสองคนมากกว่า” เมฆาโกหกหน้าตาย อนุตต้องการให้เขาดูแลหนูน้อยให้ดีที่สุด หลานชายของตนจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะแกเป็นทายาทรุ่นต่อไปของแสนสมุทรเพียงคนเดียวในเวลานี้ จังหวะนั้น โฉมไฉไลซึ่งแอบฟังอยู่นานแล้วเดินนวยนาดเข้ามากับอนงค์
“แต่ในเวลาต่อไป ก็ไม่แน่นะคะคุณพ่อ...จริงไหมคะ เมฆา” โฉมไฉไลว่าแล้วปรายตามองคุณหมอหนุ่ม
“คุณหมายความว่ายังไงโฉมไฉไล” เมฆาจ้องเธอตาวาว เกรงจะปูดเรื่องที่ท้องกับตนเอง
“ก็หมายความว่า...คุณพ่อกับคุณแม่อาจจะได้อุ้มทายาทของแสนสมุทรคนต่อไปในเร็วๆนี้จากเมฆา....หรือว่าจากพฤกษ์....จริงไหมคะคุณพ่อคุณแม่” โฉมไฉไลยิ้มเจ้าเล่ห์ อนุตเห็นด้วย เร่งรัดเมฆารีบๆมีหลานให้เร็วๆ เขาอ้างว่าเรื่องแบบนี้เร่งกันไม่ได้ โฉมไฉไลสวนขึ้นทันทีว่า ทำไมจะทำไม่ได้ เมฆาถึงกับสะดุ้ง มองเธอไม่พอใจ
ครู่ต่อมา เมฆาลากโฉมไฉไลมายังมุมลับตาคน ต่อว่าว่าชักจะมากเกินไปแล้ว ที่ผ่านมาเธอกับแม่ของเธอ ขูดรีดเขาอย่างหนัก น่าจะหยุดได้แล้ว เธอโต้ไม่ยอมแพ้ จะให้หยุดอย่างไรในเมื่อท้องเธอเริ่มป่องขึ้นเรื่อยๆ ถึงเธอไม่พูด หลักฐานก็ฟ้องอยู่ทนโท่ ขอร้องให้เขาช่วยหาทางออกเรื่องนี้ ถึงอย่างไรเด็กในท้องของเธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เมฆาถึงกับเครียดหนัก
ooooooo
จากที่เคยเป็นถึงผู้สืบทอดกิจการประมงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ตอนนี้พฤกษ์เป็นแค่พ่อค้าขายปลาตั้งแผงค้าเล็กๆในตลาดกับโสภี ทั้งคู่หวังจะเอาเงินที่ขายได้ไปจ่ายค่าไถ่ตัวโสภีจากเฮียเส็ง แต่สองวันที่ผ่านมาขายไม่ดีนัก จึงไม่มีเงินให้ เฮียเส็งสั่งให้สมุนตามมาทวงหนี้ เมฆาผ่านมาเห็นเข้า รีบหลบมุมแอบมอง
“เฮียฝากมาบอกว่าค่าตัวนังนี่ห้าหมื่น ช้าไปสองวันคิดดอกเบี้ยวันละห้าหมื่นรวมเป็นแสนห้า”
พฤกษ์โกรธ ต่อยปากคนพูดโครม แล้วชี้หน้าด่าว่าขี้โกง สมุนทั้งสองคนไม่พอใจมาก รุมอัดเขาน่วม ก่อนจะไปยังกำชับอีกว่าถ้าไม่รีบหาเงินมาใช้หนี้ภายในสามวัน พวกตนจะมาเอาตัวโสภีกลับไปรับแขกเหมือนเดิม โสภีโผกอดพฤกษ์ร้องไห้โฮ เมฆาคิดแผนชั่วขึ้นมาได้ รีบพรวดพราดเข้าไปหาพี่ชายแสร้งหวังดีแต่ประสงค์ร้าย
“พี่พฤกษ์...เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”
เขาไม่ตอบ ได้แต่หลบสายตาน้องชาย อายที่ตัวเองตกต่ำขนาดนี้ เมฆาทำตัวเป็นนักบุญ หากพี่ชายมีเรื่องเดือดร้อน ขอให้บอก พฤกษ์กลับไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนอย่างเมฆา...
แต่เมื่อถูกสมุนของเฮียเส็งรังควานหนักข้อขึ้น ประกอบกับไม่ต้องการให้โสภีกลับไปขายตัวอีก พฤกษ์จำต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ฝืนใจตัวเอง...
ฝ่ายอนงค์ได้คืบจะเอาศอก ยังพยายามรีดเงินจากเมฆาไม่หยุดหย่อน คราวนี้ขอเงินเขาอีกหนึ่งแสนบาท ขู่ถ้าไม่ให้ จะโพนทะนาให้รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าหมอเมฆาผู้แสนดีไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆคิด เขาแค้นอกแทบระเบิดจำต้องรับปากจะจัดการให้ แต่ต้องขอเป็นตอนดึกๆ เธอทักท้วง จะให้ก็ให้เลยทำไมต้องรอตอนดึกๆ ด้วย หรือคิดจะโยกโย้ เขาไม่ได้คิดจะโยกโย้ แต่เงินตั้งหนึ่งแสนบาท คงต้องขอเวลาเตรียมการก่อน
“ได้...แต่อย่าดึกมากนะ...ฉันง่วงนอน” เธอว่าแล้วเดินสะบัดออกไป
“ไม่ต้องกลัวหรอก...แกได้นอนนานแน่” เมฆามองตามด้วยสีหน้าเหี้ยม...
ค่ำวันเดียวกัน วงเดือนเพิ่งกลับจากไปเยี่ยมหนูน้อย เจอโฉมไฉไลนั่งตะไบเล็บอย่างสบายอารมณ์ พอหันมาเห็นเธอเท่านั้น ยัยตัวแสบจิกกัดทันทีว่าเป็นผู้หญิงยิงเรือกลับบ้านมืดๆค่ำๆ แอบไปสวมเขาให้ผัวมาหรือ
“นั่นมันคุณแล้วล่ะ คุณโฉมไฉไล” วงเดือนตอกกลับ โฉมไฉไลกรี๊ดสนั่น ลุกพรวด
“นังวงเดือน ทำปากเก่งไปเถอะ อีกไม่นานระวังจะตกกระป๋อง...เก่งแต่ปากอย่างอื่นไม่เอาไหน...ไม่มีน้ำยา”
เธอไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ไม่อยากถามให้มากความ เดินหนีไปหน้าตาเฉย โฉมไฉไลด่าไล่หลังว่าดัดจริต เถียงไม่ออกใช่ไหมถึงได้เดินหนี แล้วทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้
“เอ...ป่านนี้ทำไมหม่าม้ายังไม่มา มัวไปป๊อกแปดป๊อกเก้าอยู่ที่บ่อนล่ะสิ...ฮึ” เธอตะไบเล็บต่อด้วยความโมโห ออกแรงมากไปหน่อย ตะไบกระแทกถูกนิ้วตัวเองเลือดไหล ยิ่งโกรธ “โอ๊ย...ซวยจริงๆเว้ย...จะมีอะไรซวยอีกไหมเนี่ยวันนี้” เธอพูดเป็นลางโดยไม่รู้ตัว...
ทางด้านอนงค์มาถึงจุดนัดพบที่ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว แทนที่จะเจอเมฆาตามที่ได้นัดกันไว้กลับเจอโจรคนหนึ่งรออยู่ เธอเห็นท่าไม่ดี หันหลังวิ่งหนี เขาไล่ตามอย่างไม่ลดละ อารามกลัวตายเธอวิ่งสะดุดขาตัวเองล้มลงไปกองแทบเท้าใครคนหนึ่ง พอเงยหน้ามอง ดีใจสุดขีดที่เห็นเมฆา ละล่ำละลักขอให้ช่วยเธอด้วย มีโจรจะมาปล้น
“คุณน้าเองก็ปล้นคนอื่นเขามาเยอะแล้วนี่ครับ ผมเองโดนคุณน้ากับโฉมไฉไลปล้นไปมากไม่เห็นจะโวยวาย”
จังหวะนั้น โจรตามมาทัน เมฆาหันไปพยักพเยิดให้ อนงค์เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นจะวิ่งหนี แต่โจรเข้ามาล็อกตัวไว้เสียก่อน เธอทั้งร้องทั้งดิ้น ขู่เมฆาว่าถ้าไม่ปล่อย เธอจะแฉเรื่องของเขาให้ทุกคนรู้
“ก็เพราะคุณน้าเป็นเสียอย่างนี้ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะปล่อย แต่คิดไปคิดมาสงสัยจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกต่อไป ที่คุณน้าต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะผม แต่เพราะคุณน้ารนหาที่เอง และในฐานะที่คุณน้าเป็นแม่ของ
โฉมไฉไล ผมจึงจำเป็นต้องจัดการคุณน้าก่อนเพื่อเป็นตัวอย่าง”
“เมฆา...ปล่อยน้าไปนะ...และก็อย่าทำอะไร
ยัยโฉม...น้าขอร้อง” อนงค์อ้อนวอนทั้งน้ำตา
“น่าเสียดาย ถ้ารู้จักพูดจาดีๆ แบบนี้เสียตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องลงนรกเร็วอย่างนี้ แต่คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับผมแค่เชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าการตายของคุณน้าทำให้โฉมไฉไลสำนึกได้ เธอก็คงยังไม่ตามไปเจอคุณน้าในนรกเร็วๆนี้เพราะฉะนั้น การตายของคุณน้าถือได้ว่าเป็นการตายของแม่ที่เสียสละเพื่อลูก ผมขอให้คุณน้าจงภูมิใจให้มากๆ”
เมฆาพูดจบ ควักมีดปลายแหลมเล่มเล็กๆส่งให้โจร แล้วพยักหน้าเป็นทำนองให้ฆ่าทิ้ง เขาลากอนงค์ที่ร้องขอชีวิตออกไป เมฆามองตามหน้าเครียด ความดีกับความเลวในตัวตีกัน ทำให้ปวดหัวอย่างหนักจนต้องกุมขมับ
“ถูกต้องแล้ว...ทำถูกแล้ว...คนมันเลว...คนมันชั่ว” เขาพึมพำกับตัวเอง สักพักมีเสียงกรีดร้องของอนงค์ดังขึ้น จากนั้นทุกอย่างเงียบกริบ เมฆาทรุดฮวบลงกับพื้น บอกกับตัวเองอีกครั้งว่าทำถูกต้องแล้ว
ooooooo
ภูผาเห็นเมฆาเงียบหายไป ไม่ส่งข่าวหนูน้อยมาให้รู้บ้าง จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายโทร.ไปถามเอง แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงวงเดือนรับสาย พอตั้งสติได้ เขารีบถามถึงหนูน้อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง จะกลับบ้านได้หรือยัง
“หนูน้อยแข็งแรงดีแล้ว คุณหมอบอกว่าอีกวันสองวันก็น่าจะกลับบ้านได้”
“งั้นฉันจะรีบไปรับหนูน้อยกลับบ้านเรา”
เธอไม่อยากให้แกต้องเดินทางไกลทั้งๆที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล แนะให้เขาทิ้งแกไว้ที่แสนสมุทรสักระยะหนึ่งก่อน รอให้ปรับตัวได้ก่อน ค่อยกลับไปอยู่ที่ไร่ เขานิ่งเงียบไป เธอไม่ได้ยินเสียงโต้ตอบก็ร้องเรียก
“คุณภูผา...คุณฟังอยู่หรือเปล่าคะ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นด้วย...อุ๊ย...” เธอพูดยังไม่ทันจบ เมฆาเข้ามากระชากโทรศัพท์ไปจากมือมาพูดเอง ตะคอกถามพี่ชายว่าโทร.มาทำไม เขาอยากรู้เรื่องหนูน้อยก็เลยโทร.ถาม
“ถามทำไม ถ้ามีอะไรผมจะโทร.ไปเอง...ต่อไปไม่ต้องโทร.มา ผมจะติดต่อไปเอง” พูดจบ เมฆาวางหูโครม
วงเดือนตำหนิว่าทำอย่างนี้เสียมารยาท เขาแดกดันกลับ แล้วที่เธอแอบคุยโทรศัพท์กับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเองมีมารยาทมากเลยใช่ไหม เธอชักสีหน้าไม่พอใจ เขารู้สึกตัวรีบขอโทษ อ้างว่าช่วงนี้เครียดๆ ขอร้องเธออย่าโกรธ อย่าทิ้งเขาไป จังหวะนั้น มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบรับสาย คิดว่าภูผาโทร.มากวนใจอีกตะคอกใส่ทันทีว่าจะโทร.มาอีกทำไม แต่ต้องชะงักเมื่อกลายเป็นสายของตำรวจโทร.มาแจ้งข่าวร้ายเรื่องอนงค์...
ทันทีที่โฉมไฉไลรู้ข่าวการตายของแม่ ถึงกับปล่อยโฮโผซบศรีดารา คร่ำครวญว่าจากนี้ไปจะอยู่กับใคร ศรีดาราปลอบว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอยังมีพวกเราอยู่แม้อนงค์จะไม่อยู่แล้วก็ตาม โฉมไฉไลเหลือบเห็นเมฆา ปรี่เข้าไปยืนจ้องหน้า ตาวาว ต่อว่าว่าเป็นเพราะเขาคนเดียว เขาปฏิเสธเป็นพัลวันว่าเกี่ยวอะไรด้วย
“คุณจะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อคุณก็มีเพื่อนเป็นตำรวจใหญ่ในเมืองนี้ แล้วคุณไม่คิดจะช่วยโฉมเลยหรือคะ คุณต้องบอกให้ตำรวจลากคอไอ้โจรใจโหดมาลงโทษให้ได้นะคะ ชาติชั่วอย่างนั้นมันต้องโดนยิงเป้าถึงจะสาสม” เธอตัดพ้อเสร็จ ปล่อยโฮอีก เมฆาแอบถอนใจโล่งอกอย่างแรง รีบรับปากจะช่วยบอกเพื่อนของเขาให้...
เมฆาคิดหนักเรื่องการตายของอนงค์จนเก็บเอาไปฝันร้าย สะดุ้งตื่น ลุกพรวดร้องโวยวายลั่นว่าตนไม่เกี่ยว วงเดือนตกใจรีบเข้ามาถามว่าเป็นอะไรไปไม่สบายหรือเปล่า เขาปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แล้วล้มตัวลงนอนต่อ
ooooooo
เช้าวันถัดมา พฤกษ์ตัดสินใจแวะมาหาเมฆาที่ทำงานเพื่อขอยืมเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท เขาแอบยิ้มพอใจรีบตกปากรับคำจะช่วย พฤกษ์งงไม่น้อยที่น้องชายรับปากง่ายดายขนาดนี้ แต่ไม่ติดใจสงสัยอะไร สัญญาว่า หาเงินได้เมื่อไหร่จะรีบเอามาคืน
“พี่ไม่ต้องคืนผมหรอกครับ ผมยกให้พี่ทั้งหมด ถ้าพี่จะช่วยรับลูกในท้องของโฉมไฉไลว่าเป็นลูกของพี่”
ขาดคำ พฤกษ์ต่อยเขาเปรี้ยงด้วยความโมโห ชี้หน้าด่าลั่นว่าเขามันไม่ใช่คน เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ยังหน้าด้านเกลี้ยกล่อมให้พฤกษ์รับข้อเสนอ พอเขาไม่สนใจ เมฆาขู่ให้ปิดปากเรื่องโฉมไฉไลท้องให้สนิท ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่เรื่องที่เขามีเมียเป็นโสเภณี พฤกษ์ถึงกับส่ายหน้า ไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายจะเลวถึงเพียงนี้...
ในที่สุด หมออนุญาตให้พาหนูน้อยกลับบ้านได้ ศรีดาราเห่อหลานชายยกใหญ่ อุ้มไว้ในอ้อมกอดไม่ยอมปล่อย อนุต วงเดือน และชอุ่มก็ปลื้มใจไม่แพ้เธอเช่นกัน
“น่ารักน่าชังอย่างนี้ เห็นทีคุณปู่คุณย่าจะหลงตายเลย นี่ถ้าคุณภูผามาเอาคุณหนูน้อยคืนเมื่อไหร่ มิคิดถึงแย่หรือคะเนี่ย” ชอุ่มรู้ตัวว่าปากอยู่ไม่สุขรีบขอโทษ ศรีดารา วงเดือน และอนุตต่างใจหายไม่อยากจะนึกถึง จังหวะนั้น หนูน้อยอารมณ์ดียิ้มโชว์เหงือก ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่ต่างชี้ชวนให้กันดู โฉมไฉไลแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยความริษยา ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป เจอเมฆาที่เพิ่งกลับจากทำงานพอดี ระบายความคับแค้นใจให้ฟัง
“ตอนนี้โฉมกลายเป็นหมาหัวเน่า หม่าม้าเพิ่งตายแท้ๆ แต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนกลับไปสนใจแต่ลูกนังเด็กดอยนั่น ไม่รู้ล่ะ...โฉมจะไปประกาศว่าในท้องของโฉมก็มีลูกเมฆา หลานของแสนสมุทรอยู่เหมือนกัน” แล้วขยับจะเข้าบ้าน เขาร้องห้ามเสียงหลง กระชากตัวไว้ เธอดิ้นสุดฤทธิ์จนเขาต้องเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น
“เมฆา...นี่ถ้าโฉมแท้งไปจะทำยังไง...ฮือๆๆไม่สงสารลูกคุณบ้างหรือไง”
เมฆาตาวาวเมื่อได้ยินคำว่าแท้ง เธอลุกพรวดจะไปฟ้องอนุตกับศรีดาราให้ได้ เขากระชากแขนเธอเข้ามาใกล้ๆ เตือนว่าอย่าบีบบังคับเขาอีกคน เธอถึงกับชะงัก ที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร เมฆารีบกลบเกลื่อน
“ผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับผม ถ้ายังอยากอยู่อย่างสบายๆก็ขอให้เชื่อฟังผม อย่าบังคับผม ผมเตือนคุณแล้วนะโฉม” เขาพูดจบ เดินเข้าเรือนใหญ่ ทิ้งให้เธอยืนแค้นใจอยู่คนเดียว
ooooooo
ด้วยความช่วยเหลือของวงเดือนทำให้เฮียเส็งกับพวกเลิกตอแยพฤกษ์และโสภี เธอถอดสร้อยเพชรที่ศรีดาราให้เป็นของขวัญนำไปใช้หนี้ค่าตัวให้โสภี พฤกษ์ซาบซึ้งใจมาก บอกให้โสภีขอบคุณวงเดือน
“โสภีขอบพระคุณคุณวงเดือนมากค่ะ ถ้ามีอะไรที่โสภีจะทำให้คุณได้ ขอให้บอกนะคะ”
“จริงๆแล้วมีอยู่อย่างหนึ่งที่เดือนอยากจะขอให้โสภีทำให้” เธอว่าแล้วจับมือโสภีมาวางบนมือพฤกษ์ “ดูแลคุณพฤกษ์ให้ดี ให้มีความสุขที่สุดเท่าที่โสภีจะทำได้ คุณพฤกษ์เป็นพี่ชายที่แสนดีของเดือน ที่เดือนรักที่สุด”
โสภีรับปากจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง แล้วโผกอดพฤกษ์ด้วยความรัก ทั้งสามยิ้มให้กันอย่างมีความสุข...
ขณะที่วงเดือนช่วยให้โสภีกับพฤกษ์รอดเงื้อมมือของเฮียเส็งไปได้ ภูผาถือโอกาสช่วงที่จะเอาใบชาไปส่งกรุงเทพฯ แล้วจะเลยต่อไปแสนสมุทรรับหนูน้อยกลับบ้านไร่ ดอยโดดตัวลอยด้วยความดีใจ จะได้เห็นหน้าหลานสักที ตั้งแต่แกเกิดมายังไม่เคยได้เจอหน้ากัน นายสว่างแนะให้เขาโทร.ไปที่แสนสมุทรก่อนจะได้ไม่มีปัญหา
“จะมีปัญหาอะไร หนูน้อยเป็นลูกฉัน...ฉันจะไปรับลูกชายฉันกลับบ้าน ใครกล้ามีปัญหาก็ลองดู”
ooooooo
สามเดือนมาแล้วตั้งแต่หนูน้อยมาอยู่ที่บ้านแสนสมุทร เขากลายเป็นขวัญใจของบ้านไปเรียบร้อย เมฆาไม่พอใจมากที่ใครต่อใครพากันรุมรักรุมเอาใจเด็กคนนี้ โดยเฉพาะวงเดือนที่อุ้มหนูน้อยแทบไม่ยอมวาง เขาหงุดหงิดมากบอกให้เธอส่งเด็กให้ศรีดาราแล้วชวนไปเที่ยวตามประสาผัวเมีย เธอปฏิเสธว่าไม่ไป เขาโวยลั่นหาว่าเธอเห็นเด็กเวรนั่นดีกว่าเขา จังหวะนั้น มีเสียงดังขึ้น
“แกไม่มีสิทธิ์เรียกลูกของฉันแบบนั้น...เมฆา”
ทุกคนหันขวับไปมอง เห็นภูผาเดินหน้าบึ้งเข้ามา ศรีดาราดีใจมากพุ่งเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง แต่พอรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อมารับหนูน้อยกลับบ้านไร่ เธอถึงกับน้ำตาซึม ทำใจที่จะเสียหลานไปไม่ได้ ขอให้เธอได้ชื่นใจหลานอีกสักพักหนึ่งก่อนได้ไหม ภูผาถอนใจเฮือก ยิ่งเห็นวงเดือนอุ้มหนูน้อยไว้ในอ้อมแขนด้วยความรักยิ่งหนักใจ...
ด้านเมฆาไม่พอใจมากโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไประบายแค้นที่สนามหลังบ้าน โฉมไฉไลตามมาแซวเล่นขำๆว่า สงสารเขามาก จากความหวังเดียวของแสนสมุทร บัดนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเสียแล้ว เมฆาไม่ขำด้วย เธอก็แค่แหย่เล่น แต่ถ้าเขาหงุดหงิดเรื่องเด็กนั่นมากนัก เราสองคนมาจับมือประกาศข่าวดีเรื่องเขาก็มีทายาทแสนสมุทรเหมือนกันดีไหม จะได้ไม่แพ้ภูผา เขาของขึ้นทันที คุยโวว่าตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยแพ้พี่ผา
“แน่ใจหรือคะ...ลองไปเช็กดูแววตาที่เมียคุณมันมองคุณภูผา และเวลาที่คุณภูผามองเมียคุณหน่อยดีไหมคะ เผื่อจะรู้ชัดๆว่าใครแพ้ ใครชนะ” คำพูดแทงใจดำของโฉมไฉไลทำให้เมฆาถึงกับสะอึก แต่ยังไม่ยอมแพ้ อ้างว่าวงเดือนรักเขาคนเดียว แล้วทำท่าจะกลับเข้าเรือนใหญ่ เธอดึงแขนเขาไว้ เร่งรัดให้จัดการเรื่องเด็กในท้อง ต่อให้เธอไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร ท้องที่ใหญ่ขึ้นทุกวันฟ้องทุกคนอยู่ดี เขาขอให้เธอใจเย็นๆก่อน ตอนนี้หาชุดรัดๆใส่ไปก่อนอย่าเพิ่งให้ผิดสังเกตถ้าเธอยอมทำตาม จะเอาอะไรเขาจะซื้อให้ทุกอย่าง เธอไม่รีรอ รับข้อเสนอทันที...
ค่ำวันเดียวกัน ภูผาไม่เห็นหนูน้อยอยู่ในห้อง รีบออกมาตามหา เจอวงเดือนกำลังอุ้มกล่อมให้แกหยุดงอแง เธออดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ว่าถ้าเขาเอาแกกลับไปที่โน่นจริงๆจะมีใครดูแล ลำพังดอยคงเลี้ยงไม่ไหว ภูผามองเด็กน้อยสีหน้าครุ่นคิด ดูๆไปแล้วเลี้ยงเด็กก็ไม่น่าจะยาก เธอแนะให้เขาลองอุ้มดูก่อน แล้วส่งแกให้ ภูผารับมาท่าทางเงอะงะเกิดมาไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดหน้าแทบจะชนกัน ต่างมองสบตากันลึกซึ้ง
เมฆามาเห็นเข้าถึงกับของขึ้นคว้าข้อมือเธอพากลับห้อง ภูผามองตามตาละห้อยก่อนจะก้มดูหนูน้อย หน้าตาน่ารัก น่าชังในอ้อมแขนตัวเอง แล้วพาเดินกล่อมอย่างมีความสุข...
เมื่อกลับถึงห้องนอน เมฆาต่อว่าวงเดือนยกใหญ่ที่ไม่สนใจเขาเลยตั้งแต่ลูกของภูผามาอยู่ที่นี่
“แล้วยิ่งวันนี้พ่อมันโผล่มา คุณก็รีบแจ้นลงไปหามันทันที คิดถึงมันมากหรือไง”
เธอไม่พอใจคำพูดประชดประชันของเขา เตือนให้ตระหนักว่าที่เธอตกลงแต่งงานกับเขาก็เพื่อพยุงอาการป่วยของอนุต เราสองคนแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น กรุณาอย่าทำแบบนี้กับเธออีกเพราะมันไม่มีอยู่ในข้อตกลง
“จนถึงวันนี้ คุณยังไม่รักผมบ้างแม้นิดเดียวเลยหรือ” เมฆาตัดพ้อ เธอเลี่ยงไม่ตอบ บอกให้เขาเข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้า แล้วปิดไฟเข้านอนไม่สนใจเมฆาซึ่งยืนหน้าเศร้าน้ำตาซึม น่าสงสาร
ooooooo
เมฆาคิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาได้เมื่อเห็นคนไข้หญิงฉุกเฉินอาการเพียบหนักเข้ามารับการรักษาเนื่องจากกินยาขับเลือดให้ตัวเองแท้งลูก เขาจึงออกอุบายชวนโฉมไฉไลไปเที่ยวกันลำพังสองต่อสอง เธอดีใจมาก แต่ไม่วายสงสัยอยู่ๆก็ใจดีแบบนี้มีแผนอะไรหรือเปล่า เขาตีหน้าเศร้า แกล้งต่อว่า
“ดีด้วยก็ว่า ไม่ดีด้วยก็ด่า ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่”
โฉมไฉไลมองอย่างจับผิดแต่ไม่พบพิรุธอะไรจึงตกลงใจไปกับเขา...
ทางด้านเมฆาโกหกวงเดือนว่ามีประชุมทางการแพทย์ที่ต่างจังหวัด 3 วัน ขณะเธอกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางให้เขาอยู่บนเตียง เขาไม่วายถามเธออีกครั้งว่ารักเขาบ้างหรือยัง เธอนั่งนิ่งไม่ตอบเหมือนเช่นเคย
“ถึงยังไม่รัก ก็จะรอ...เดือน...ขอผมนอนบนเตียงนี่บ้างได้ไหม นอนโซฟามานานปวดหลัง”เขาเห็นเธอ จะขยับลงจากเตียงรีบดึงไว้แล้วล้มตัวลงนอนหนุนตัก ขอนอนอย่างนี้สักครู่ แล้วจะกลับไปนอนที่เดิม เธอจำใจ นั่งนิ่งให้เขานอนจับมืออยู่อย่างนั้น
ooooooo
เมฆาเดินตามแผนสองต่อทันที หลังจากพาโฉมไฉไลมาที่รีสอร์ตเงียบสงบแห่งหนึ่งริมทะเล
พอแดดร่มลมตก เขาชวนเธอดื่มฉลองให้กับการที่เราสามคนพ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้ากัน แอบเอายาขับเลือดผสมเครื่องดื่มให้เธอดื่ม เธอหลงกลกระดกหมดแก้วทั้งที่รสชาติชวนอาเจียน เขาแอบยิ้มพอใจ...
ขณะที่โฉมไฉไลตกหลุมพรางของเมฆาเข้าเต็มๆ ภูผาเข้ามาดูลูกชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงในห้องเมฆาเหลือบเห็นที่โซฟามีหมอนกับผ้าห่มวางอยู่อดถาม
ไม่ได้ว่าใครนอนตรงนั้น วงเดือนอ้างว่าเมฆาเห็นเธอเอาหนูน้อยมานอนบนเตียงด้วย เกรงจะเบียดกัน เลยย้ายไปนอนโซฟาแทน เขาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ ขอโทษเรื่องวันก่อนที่มีอะไรกับเธอ หญิงสาวร้อนวูบไปทั้งตัว อายมากต้องเบือนหน้าหนี เขาค่อยๆ ประคองหน้าเธอให้หันมา ทั้งคู่มองสบตากันลึกซึ้งแต่แล้วหนูน้อยส่งเสียงร้องขึ้น ทั้งคู่สะดุ้งโหยงรีบผละจากกัน...
ในเวลาเดียวกัน โฉมไฉไลดื่มเหล้าผสมยาขับเลือด เข้าไปจนเมาแอ๋ เมฆาหิ้วปีกเธอพามานอนบนเตียง อยู่ๆเธอตะโกนลั่นว่า “แกฆ่าหม่าม้า” เขาตกใจหันขวับ แล้วถอนใจโล่งอกที่เธอแค่ละเมอเท่านั้น
“คิดถึง...อยากตามไปอยู่กับหม่าม้าแกเร็วๆหรือไง... ใจเย็นๆ ยังมีเวลาเหลือเฟือ...โฉมไฉไล”
ooooooo
เมฆาต้องผิดหวังเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าพบว่าโฉมไฉไลยังไม่ตกเลือด แต่ปวดท้องน้อยอย่างหนัก เขารีบไปเอายาขับเลือดมาเทใส่แก้วให้เธอดื่มเพียวๆ อ้างว่าเป็นยาแก้ปวด เธอหลงเชื่อดื่มเข้าไปถึงกับสำลักพรวดเปรอะเสื้อเขาเต็มไปหมด เมฆารำคาญจับยากรอกปากจนเธอแน่นิ่ง เห็นเสื้อตัวเองเลอะยา เดินอารมณ์ดีเข้าไปอาบน้ำ
สักพัก ยาขับเลือดเริ่มออกฤทธิ์เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะกระตุกตาเหลือก เมฆาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเปิดประตูห้องน้ำออกมา เห็นเธอนอนสลบเหมือด มีเลือดนองเต็มขา เดินเข้าไปมองใกล้ๆ
“พรุ่งนี้คงจะมีคนมาพบศพผู้หญิงสำส่อนกินยา ขับเลือดจนตกเลือดตาย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร สำหรับผู้หญิงไร้ค่าอย่างคุณ” เขาพูดจบ เดินออกไปทันที ทิ้งให้เธอนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น...
ค่ำวันเดียวกัน ขณะวงเดือนเปิดประตูจะลงไปเอาน้ำร้อนมาชงนมให้หนูน้อย ภูผาเปิดประตูห้องตัวเองซึ่งอยู่ตรงกันข้ามออกมาพอดี เธอไม่อยากทิ้งเด็กน้อยไว้ลำพังคนเดียวในห้องจึงวานให้เขาไปเอาน้ำร้อนให้ เขารีบ คว้าขวดนมวิ่งปรู๊ดหายไปข้างล่างสักพัก เอาน้ำร้อน เข้าไปให้วงเดือนในห้อง จากนั้นทั้งคู่ช่วยกันป้อนนม
ให้หนูน้อย ความผูกพันที่มีให้เด็กน้อยทำให้วงเดือนอดถามไม่ได้ว่าเขาจะเอาแกไปจากที่นี่จริงๆหรือ เขาอึกๆอักๆ ลำบากใจ
“ขอโทษค่ะ...เดือนรู้ว่าเดือนไม่มีสิทธิ์ถามอย่างนั้น แต่ก็อดไม่ได้” เธอว่าแล้วเหลือบมองหนูน้อยน้ำตาคลอเบ้า กลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จะลุกหนี เขารีบเข้าไปขวางไว้ เช็ด น้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้
“ฉันดีใจที่ทุกคนรักหนูน้อย โดยเฉพาะเธอ...
อย่าร้องไห้ ฉันไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้” เขาพูดจบดึงเธอมากอด เธอเองก็กอดเขาตอบ ทันใดนั้น ประตูห้องเปิดผลัวะ เมฆาเห็นภาพบาดตาตรงหน้าแล้วทนไม่ได้ กระชากพี่ชายเข้ามาประเคนหมัดใส่ไม่ยั้ง ภูผาไม่ตอบโต้ ปล่อยให้เขาทำฝ่ายเดียว จนหมดแรงไปเอง
“แกกล้ามากนะ กล้าเข้ามากอดเมียฉัน มาหยามฉันถึงในห้องนอนเลยหรือไอ้พี่ชั่ว...ออกไปเดี๋ยวนี้ เอาไอ้เด็กนั่นออกไปด้วย แล้วก็รีบกลับขึ้นดอยไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วฆ่าพวกแกให้ตายทั้งพ่อทั้งลูก”
“แกอย่านึกว่าที่ฉันยอมเพราะฉันกลัวแกนะเมฆา แต่คราวนี้ที่ฉันยอมเพราะฉันผิดจริงๆ” เขาเข้าไปอุ้มลูกแล้วออกไปจากห้อง ตัดสินใจพาหนูน้อยกลับบ้านไร่ในเช้าวันต่อมาโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของแม่
ooooooo
6 ปีผ่านไป...ตั้งแต่มีเรื่องกับเมฆาครั้งนั้น ภูผาไม่เคยกลับมาที่แสนสมุทรอีกเลย ไม่ได้ส่งข่าวถึงกันด้วย จึงไม่รู้ว่าอนุตป่วยหนัก ยิ่งใกล้ตายเขายิ่งอยากเจอลูกๆ หลานๆ รู้สึกผิดที่ทอดทิ้งพฤกษ์ให้ต้องลำบากเพียงลำพัง ศรีดารานั่งเฝ้าอาการอยู่ใกล้ๆถึงกับปล่อยโฮ วงเดือน รู้สึกสะเทือนใจมาก คิดหาทางให้ท่านสมหวัง...
เมฆากลับไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองกลับมา อ้างว่าทั้งคู่เป็นต้นเหตุทำให้พ่อปวดหัวจนต้องล้มป่วยแบบนี้
วงเดือนไม่เห็นด้วย “ยังไงทุกคนก็เป็นลูกชายของท่านนะคะ แล้วที่ผ่านมาก็ยังมีเรื่องกระทบใจท่านหลายเรื่อง นอกจากคิดถึงหนูน้อยมากแล้ว ท่านก็ยังไม่สบายใจที่อยู่ๆคุณโฉมไฉไลก็หายสาบสูญไปอีกด้วย”
“หายสาบสูญที่ไหน ชอุ่มบอกว่าเขากลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างเมืองไม่ใช่หรือ”
“แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครได้พบหรือได้ยินข่าวคราว ของคุณโฉมเลยนะคะ”
เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ จึงกลบเกลื่อนด้วยการบอกให้เธอไปตามพี่พฤกษ์มาพบคุณพ่อดีกว่า เธอพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินกลับห้อง หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนจดหมายแจ้งให้ภูผารู้ว่าอนุตป่วยหนัก อยากพบเขากับหนูน้อยมาก ขอให้กลับแสนสมุทรด่วน เธอเขียนจดหมายเสร็จ รีบพับใส่ซอง เก็บไว้ในกระเป๋าถือ
เมฆาเปิดประตูเข้ามาพอดี ต่อว่าว่ามัวแต่ทำอะไรอยู่ ไหนบอกว่าจะไปตามพี่พฤกษ์ เธอรับคำรีบผลุนผลัน ออกไป เมฆามองตามอย่างจับผิด ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เห็นขวดหมึกเปิดฝาทิ้งไว้ พร้อมกับปากกาคอแร้งวางอยู่ หมึกยังเปียกปากกา ถึงกับหน้าหงิก...
ไม่นานนัก พฤกษ์เข้ามากราบขออภัยพ่อที่ทำให้ต้องผิดหวัง อนุตเองยอมรับตัวเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ หลังจากพ่อลูกปรับความเข้าใจกันได้ พฤกษ์จูงมือโสภีเข้ามาไหว้พ่อกับแม่ เปิดตัวในฐานะคนรักของเขา ศรีดารากำลังจะอ้าปากค้านว่าแล้วเขาเอาโฉมไฉไลไปไว้ตรงไหน เมฆาเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“ผมคิดว่าคุณพ่อควรจะพักผ่อนได้แล้ว ไว้มาเยี่ยมใหม่วันหลังดีไหม พี่พฤกษ์”...
ทันทีที่ได้อยู่ลำพังกับวงเดือนในห้อง เมฆาซักถามเป็นการใหญ่ว่าเมื่อตอนบ่ายเธอเขียนจดหมายถึงใคร ใช่พี่ผาหรือเปล่า วงเดือนได้แต่อ้ำอึ้ง เขาไม่พอใจมากกระชากแขนเธอเข้ามาต่อว่าว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เธอแค่อยากส่งข่าวให้ภูผาทราบเรื่องของคุณพ่อเท่านั้น เขาก็ได้ยินไม่ใช่หรือว่าท่านอยากพบภูผา เมฆาไม่อยากให้เธอยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก และไม่อยากให้เขามาเหยียบที่นี่
“ทำไมจะเหยียบไม่ได้ คุณภูผาก็เป็นแสนสมุทรเหมือนกับคุณ”
เมฆายิ่งไม่พอใจ คิดว่าเธอเถียงแทนภูผา เธอไม่อยาก ต่อปากต่อคำด้วยจะเดินหนี เขาล็อกตัวไว้ เธอผลักเขาออกแล้ววิ่งหนีไปเลย เมฆาโมโหมาก อาละวาดปัดข้าวของกระจุยกระจาย พร้อมกับโวยวายด้วยความแค้น
“เมื่อไหร่แกจะตายๆไปสักที...จะอยู่เป็นเสี้ยนหนามฉันไปถึงไหน...ไอ้พี่ผา”
เมฆาเครียดจัดเรื่องการตายของอนงค์กับโฉม–ไฉไล จนเก็บเอาไปฝันร้ายเห็นผีสองแม่ลูกตามมาหลอกหลอน เท่านั้นยังไม่พอ เขายังฝันเห็นผีเด็กหญิงซึ่งเป็นลูกในท้องโฉมไฉไลมาต่อว่าต่อขานว่าทำไมพ่อถึงได้ใจร้ายฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ จากนั้นผีทั้งสามตนล้อมกรอบเขาไว้ ตัดพ้อต่อว่าซ้ำๆว่าทำไมต้องฆ่าพวกตนด้วย แล้วตรงเข้าบีบคอเขาที่ร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว
“อย่า...ฉันไม่ได้ฆ่า...อย่า”
เขาสะดุ้งตื่นลุกพรวด มือบีบคอตัวเองอยู่ วงเดือนตกใจตื่น ปรี่เข้ามาหาถามว่าเป็นอะไร เขาได้สติโผกอดเธอไว้ บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่ฝันร้ายเท่านั้น คงเป็นเพราะเหนื่อยจากงานที่โรงพยาบาล
“คุณต้องพักผ่อนบ้างนะคะ”
“เดือน...คุณต้องอยู่กับผม...คุณต้องไม่ทิ้งผม คุณต้องเชื่อผมตลอดไปนะ”
“ค่ะ...อย่าคิดอะไรมากนะคะ เดือนว่าคุณนอน พักผ่อนก่อนดีกว่า...คุณเมฆาไปนอนที่เตียงเถอะนะคะ คุณเหนื่อยมากแล้ว ไปนอนให้สบายๆดีกว่า เดี๋ยวเดือนมานอนตรงนี้เอง” เธอว่าแล้วจูงมือเขาไปนอนที่เตียงห่มผ้าห่มให้แล้วขยับจะไป แต่เขารวบตัวไว้ ขอร้องอย่าทิ้งเขาไป อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน เธอสงสารจึงนั่งลงข้างๆ ให้เขาจับมือ
“ผมรักคุณนะเดือน”
“นอนเถอะค่ะ” เธอยิ้มให้อย่างอบอุ่น ส่วนเขา หลับตาลงโดยที่ยังจับมือเธอไว้
ooooooo
หลังได้รับจดหมายจากวงเดือน ภูผาตัดสินใจจะพาหนูน้อยไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า นายสว่างใจเสียที่ต้องจากหลานอีก ถามสีหน้าเป็นกังวลว่าจะไปกันสักกี่วัน ภูผาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน คงต้องดูอาการคุณพ่อก่อน ดอยถึงกับปล่อยโฮ ทนคิดถึงหลานรักไม่ไหว หนูน้อยว่าเธอว่าไม่เก่ง คนเก่งต้องไม่ร้องไห้ แล้วหยอกล้อว่าน่าไม่อายดอยเถียงว่าเป็นผู้หญิงร้องไห้ได้ ไม่เห็นน่าอายตรงไหน
“พ่อผาบอกว่าแม่หนูนาเก่ง ไม่ยอมร้องไห้” คำพูดของหนูน้อยทำให้ทุกคนเงียบกริบ คิดถึงหนูนาขึ้นมาทันที
“ไป...เดี๋ยวเราไปบอกแม่หนูนาก่อนว่าเราจะไปแสนสมุทรกัน” ภูผาตัดบท
“เย้...ไปหาแม่หนูนา...จะไปแสนสมุทร...เย้” หนูน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ...
ครู่ต่อมา ภูผาเดินจูงมือหนูน้อยเอาช่อดอกไม้มาวางหน้าที่ฝังอัฐิของหนูนาและเหนือฟ้า โดยมีดอยกับนายสว่างตามมาไม่ห่าง เขาบอกกับอัฐิของหนูนาว่าจะพาหนูน้อย ไปแสนสมุทร รับรองจะดูแลแกอย่างดี ยิ่งกว่าชีวิตของเขาเองตามที่เคยให้สัญญาไว้
“แม่หนูนาอย่าน้อยใจนะครับ แล้วหนูน้อยจะเล่นน้ำทะเลเผื่อแม่หนูนา”
“โห...แล้วอย่าติดใจน้ำทะเลจนลืมบ้านไร่ของเรานะจ๊ะ...หนูน้อย” ดอยน้ำตาคลอ
เด็กน้อยสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ลืมเด็ดขาด ภูผาหันไปพูดกับอัฐิของเหนือฟ้า ฝากให้ช่วยดูแลหนูนากับไร่แห่งนี้ด้วย แล้วคว้ามือหนูน้อยไว้
“เอาล่ะ...ได้เวลาแล้วหนูน้อย...ไปกันเถอะ” เขาว่าแล้วจูงมือแกออกไป
ooooooo










