สมาชิก

ชิงนาง

ตอนที่ 16

ขณะเมฆาเตรียมตัวจะไปทำงาน วงเดือนบ่นเป็นทำนองว่าเกรงใจเขาที่ต้องเสียสละไปนอนโซฟา เขาแกล้ง กระเซ้าถ้าอย่างนั้นเธอก็อนุญาตให้เขานอนบนเตียงด้วยดีไหม เธอยังไม่ทันจะอ้าปากโวย เขาชิงพูดขึ้นก่อน

“ผมล้อเล่น...แค่คุณยอมแต่งงานกับผม มันก็มากเกินพอ ผมไม่กล้าขออะไรคุณมากกว่านี้อีกแล้ว นอกจากจะรอจนกว่าคุณจะให้” แล้วก็จับมือเธอมากุมไว้ มองสบตาลึกซึ้ง เธอรีบตัดบทเร่งให้เขาไปทำงานได้แล้วเดี๋ยวจะสาย เมฆาทำท่าจะออกจากห้อง แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ หันกลับมาขโมยจูบเธอหนึ่งฟอด เธอตกใจ ผงะถอยหลัง

“ต้องซ้อมไว้ จะได้เนียนๆ คุณพ่อคุณแม่จะได้เชื่อ... ผมไปนะ” เขายิ้มหน้าตาย ก่อนจะผละไป

เธอตั้งสติได้ตามมาหน้าห้อง ลูบแก้มตัวเองเศร้าๆ ก่อนจะมองประตูห้องฝั่งตรงข้าม นึกสงสัยว่าภูผากับหนูนากำลังทำอะไรกันอยู่ เธอสลัดความคิดนั้นจะกลับเข้าห้อง ทันใดนั้น มีเสียงดังตุ้บ เหมือนของหนักๆหล่นพื้น ตามมาด้วยเสียงแก้วแตก เธอเป็นห่วงหนูนาขึ้นมาทันที รีบพุ่ง ไปยังห้องฝั่งตรงข้าม

โดยไม่ล่วงรู้ว่าคนที่เธอเป็นห่วงไม่ได้อยู่ในนั้น หอบผ้าลงไปซักตั้งแต่เช้า เมื่อเธอเข้ามาในห้อง พบภูผานอนฟุบอยู่กับพื้น มีแก้วน้ำตกแตกอยู่ใกล้ๆ ปรี่เข้าไปประคองเขาซึ่งมีกลิ่นเหล้าคลุ้งมาที่เตียงอย่างทุลักทุเล แต่แล้วเกิดเสียหลัก ล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน เขาลืมตาขึ้นมาเห็นวงเดือนอยู่ห่างไม่ถึงคืบ ถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อว่ารักเมฆาจริงๆหรือ เธอเลี่ยงไม่ตอบ พยายามดันตัวออก เขายิ่งกอดเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“รังเกียจฉันมากนักหรือ” เขาถามเสียงเครียด เธอดิ้นรนทุบตีอุตลุด สั่งให้เขาปล่อย ภูผาทั้งโกรธทั้งเมา พลิกตัวกดเธอไว้กับที่นอน ก่อนซุกไซ้ไปทั่วเรือนร่าง...

ด้านเมฆากำลังจะออกจากบ้านนึกขึ้นได้ว่าลืมใส่นาฬิกา รีบวิ่งกลับห้อง แต่ต้องชะงักเมื่อโฉมไฉไลเข้ามาขวางทางไว้ เขารำคาญไม่อยากยุ่งด้วย ผลักเธอพ้นทางแล้วจ้ำพรวดๆเข้าห้อง ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นวงเดือนอยู่ที่นั่น อารามรีบร้อนจะไปทำงานไม่นึกเอะใจอะไร หยิบนาฬิกาข้อมือแล้วผลุนผลันออกจากห้อง...

ที่อีกมุมหนึ่งของบ้าน ชอุ่มออกมาเห็นหนูนากำลังซักผ้าอยู่ ปรี่เข้ามาแย่งจะทำให้ แต่เธอยื้อไว้

“ให้ฉันทำเถอะ...วันๆได้แต่นั่งๆนอนๆเบื่อจะตายชัก เมื่อก่อนตอนอยู่ที่ไร่เคยทำงานทั้งวัน...พูดแล้วก็คิดถึง”

“นี่ใจคอจะกลับไปอยู่ที่โน่นจริงๆใช่ไหมคะ...ถ้างั้นชอุ่มก็อดเห็นหน้าคุณหนูตอนคลอดน่ะสิคะ”

หนูนาไม่อยากพูดถึงเรื่องเด็กในท้อง จัดแจงลุกขึ้นจะตากผ้า ชอุ่มรีบแย่งผ้าไปจากมือ ขอร้องให้ปล่อยให้เรื่องซักผ้าเป็นหน้าที่ตนเอง ส่วนเธอกลับไปดูแลคุณภูผาดีกว่า ป่านนี้คงจะตื่นแล้ว

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน ภูผาเห็นวงเดือนร้องไห้สะอึก สะอื้น พาลคิดไปเองว่าเธอเสียใจที่มีอะไรกับเขา ทั้ง โกรธทั้งน้อยใจ ตัดพ้อต่อว่าว่าทีมีอะไรกับเมฆาทำไมไม่เห็นเสียใจ เขาไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ เธอต่อว่ากลับว่าเขาเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน กลายเป็นคน หยาบคาย ใจร้าย ไม่เหมือนคุณภูผาที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว

“เธอมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก ปากก็บอกว่ารักฉันคนเดียว แล้ววันนี้เป็นไง? กลายเป็นเมียไอ้เมฆา

ไปแล้ว...แล้วก็เพิ่งเป็นเมียฉันไปหมาดๆด้วย” เขามองอย่างเหยียดหยาม เธอหมดความอดทน ตบหน้าเขาฉาดใหญ่ เขายังไม่หยุดดูหมิ่นดูแคลนเธอ “ฝากขอบใจไอ้เมฆามันด้วย ที่แบ่งเมียให้พี่ชายมัน”

วงเดือนโกรธเงื้อมือจะตบอีกครั้ง คราวนี้เขาคว้ามือไว้ พูดใส่หน้าอย่างเคียดแค้น

“แล้วก็ฝากบอกมันด้วยว่าฉันคงไม่รับแบ่งถาวรเพราะฉันก็มีเมียของฉันเองอยู่แล้วเหมือนกัน” เขาพูดจบก็ลุกออกไป ปล่อยให้เธอฟุบหน้ากับเตียงร้องไห้อย่างบอบช้ำทั้งกายทั้งใจ...

หลังจากมีอะไรกับวงเดือน ภูผารู้สึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ไม่กล้าอยู่สู้หน้าเธอและไม่กล้าสู้หัวใจตัวเอง เกรงจะหวั่นไหวเมื่ออยู่ใกล้กัน จึงตัดสินใจชวนหนูนากลับบ้านไร่ เด็กสาวดีใจโผกอดเขาแน่น...

ฝ่ายวงเดือนเอาแต่ขลุกอยู่แต่ในห้องตั้งแต่เกิดเรื่อง กว่าจะทำใจลงมาพบหน้าใครต่อใครได้ก็เป็นตอนมื้อค่ำพอดี ทุกคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารกันพร้อมหน้า ยกเว้นเมฆาคนเดียวที่ยังไม่กลับจากโรงพยาบาล อนุตสั่งให้ชอุ่มตักข้าวได้แล้ว วงเดือนท้วงว่าจะไม่รอเมฆามาก่อนหรือ ภูผามองตาเขียว ขณะที่โฉมไฉไลโพล่งขึ้นทันที

“ว้าย...เป็นห่วงสามี...หนูนาจ๊ะ เธอเองก็ต้องหัดเอาอกเอาใจสามีเธอเหมือนอย่างวงเดือนบ้างนะจ๊ะ ไม่งั้นถ้าเกิดต้องเสียใจภายหลังแล้วจะหาว่าคุณโฉมไฉไลไม่เตือน” เธอแขวะไปเรื่อยเปื่อยตามนิสัย

“เสียใจเหมือนคุณโฉมน่ะหรือคะ” วงเดือนแขวะกลับ

ยัยตัวแสบลุกพรวดจะเอาเรื่อง อนุตโวยลั่นว่าเห็นตนเป็นหัวหลักหัวตอหรืออย่างไร เธอถึงได้สงบปากสงบคำได้ จังหวะนั้น เมฆาเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี แต่พอเห็น สีหน้าแต่ละคนในโต๊ะอาหารถึงกับชะงัก...

เมฆายังค้างคาใจเรื่องที่โต๊ะอาหาร เมื่อได้อยู่ลำพังกับวงเดือนในห้อง จึงถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอปฏิเสธว่าไม่มีอะไร แต่เขาพอเดาออกว่าสาเหตุต้องมาจากโฉมไฉไล แอบเป็นกังวลเกรงเธอจะปูดเรื่องมีอะไรกันกับเขาเป็นครั้งที่สอง จึงเตือนเธอว่าโฉมไฉไลพูดอะไรอย่าไปเชื่อ ต้องหนักแน่นเข้าไว้ เธออดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงดูเครียดเกินเหตุ แต่ก็รับปากว่าจะหนักแน่น...

ด้านโฉมไฉไลพยายามอย่างยิ่งจะสานสัมพันธ์กับเมฆาต่อ แต่ฝ่ายชายไม่สนใจ พยายามผลักไสไล่ส่งเธอไปให้พ้นๆหน้า และขอร้องให้เลิกยุ่งกับครอบครัวของเขากับวงเดือน แล้วเอาเวลาเหล่านั้นไปตกลงชีวิตครอบ ครัวของเธอกับพฤกษ์จะดีกว่า เธอตั้งใจแน่วแน่ไม่มีวันยอมให้เขากับวงเดือนได้เป็นครอบครัวเดียวกันเด็ดขาด

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ภูผาแวะไปบอกลาพฤกษ์ที่ห้องโทรมๆของโสภี เขาถามน้องชายแน่ใจแล้วหรือว่าจะเลือก ชีวิตที่ไม่มีวงเดือนอยู่ด้วย ภูผาถึงกับอึ้ง เขาแนะว่า ชีวิตเป็นของเรา อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ เรื่องบาง เรื่องต้องใช้หัวใจนำทาง ภูผามองไม่เห็นว่าเส้นทางของ เขากับวงเดือนจะกลับมาบรรจบได้อีก เพราะตอนนี้เธอ แต่งงานกับเมฆาไปแล้ว พฤกษ์เถียงว่าตนเองก็แต่งงานกับโฉมไฉไลแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็เลือกโสภี ภูผานั่งนิ่ง ไม่พูดอะไรอีก...

ไม่นานนัก ภูผาตัดสินใจมาบอกลาวงเดือน พรุ่งนี้เขาจะกลับบ้านไร่แล้ว เธอทำเหมือนไม่สนใจ ทั้งๆที่ใจหายหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาแอบน้อยใจกับท่าทีเฉยเมินของเธอ เรื่องที่ตั้งใจจะมาสารภาพก็เลยไม่ได้พูดอะไร...

หนูนาเห็นภูผาอารมณ์ค้างมาจากวงเดือน เตือนว่าทำไมไม่พูดจากับเธอดีๆบ้าง คนปากกับใจไม่ตรงกันอย่างเขาจะมีความสุขในชีวิตได้อย่างไร ทำไมไม่ลองทำ แบบเดียวกับตนเองบ้าง รักก็บอกว่ารัก อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตมีความสุขสุดๆ เขาไม่อยากฟังเดินหนี เธอตะโกนไล่หลัง

“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่รักฉันเลยสักนิด จนถึงวันนี้ ฉันรู้ดีว่าหัวใจของคุณมีแต่คุณวงเดือนคนเดียวเท่านั้น”

เขาหยุดกึกหันกลับมามอง เห็นเธอเดินจากไปอีกทางหนึ่งอย่างเจียมตัว...

ขณะที่หนูนาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ภูผาเลิกปากแข็ง เหนือฟ้ากำลังเอาสมุนไพรปิดแผลที่ไหล่ให้มะยอ อย่างอ่อนโยน เธออดถามไม่ได้ว่าทำไมเขาต้องปลอมตัวด้วย แล้วคนที่ชื่อวันชัยเป็นอะไรกับเขา ใช่ศัตรูหรือเปล่า

“ใช่...วันชัยเป็นคนสนิทของฉันและมันก็เป็นคนทำร้ายฉันจนตกลงมาจากหน้าผา มันต้องการจะฆ่าฉันให้ ตายเพื่อยึดไร่เหนือฟ้า...ขอโทษนะมะยอที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องบาดเจ็บแบบนี้...ฉันสัญญาว่าจะเอาคืนไอ้วันชัยให้เธอ แต่เธอต้องสัญญากับฉันก่อนว่าจะช่วยฉัน เต็มที่” เขามองเธออย่างรอคำตอบ มะขิ่นแอบฟังอยู่อีก มุมหนึ่งไม่ห่างคอยลุ้นเอาใจช่วยเขา สุดท้ายมะยอรับปากจะสอนวิชาการต่อสู้ให้เขาเพิ่มเติม...

หลังจากบอกพ่อกับแม่ว่าจะกลับบ้านไร่พรุ่งนี้เช้า ภูผาอดเศร้าใจไม่ได้ที่จะต้องไปจากที่นี่ แอบหลบออกมา สูดอากาศยามค่ำที่สนามหน้าบ้าน ต้องชะงักเมื่อเห็นวงเดือนนั่งหน้าเศร้าอยู่เช่นกัน ตัดสินใจจะเดินเข้าไปหา แต่เมฆากลับจากทำงานเข้ามาหาเธอเสียก่อน เขารีบ หลบมุมแอบมอง ได้ยินได้เห็นภาพหวานชื่นระหว่างทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ็บปวดใจจนทนฟังไม่ไหวจะเดินหนี เท้าเจ้ากรรม ดันเตะของแถวนั้นเสียงดัง ทั้งคู่หันขวับมามอง พอเห็นเป็น ภูผา เมฆาได้ทีจิกกัดไม่ยั้ง ภูผาเศร้าเกินกว่าจะโต้เถียงด้วยเดินหนีเข้าบ้าน น้องชายตัวดีมองตามสะใจ

ooooooo

ในขณะที่ภูผาเตรียมตัวจะกลับบ้านไร่ อนงค์ยังกำจัดผีพนันในตัวไม่ได้ คราวนี้เป็นหนี้เฮียเส็งเบ็ดเสร็จแล้วเป็นเงินถึงเก้าหมื่นบาท แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีจ่าย  จะถูกบวกดอกเบี้ยทบต้นเป็นเงินรวมแล้วหนึ่งแสนสองหมื่นบาท เธอถึงกับตาเหลือกไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน สุดท้ายหวยมาออกที่ลูกสาวของเธอเหมือนเคย...

โฉมไฉไลแทบช็อกที่แม่ก่อหนี้ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ต่อว่าว่าเมื่อไหร่จะเลิกสักทีหรือต้องการจะผลาญให้หมด เนื้อหมดตัวไปเลย อนงค์ไม่สำนึก ยอกย้อนว่าไม่ใช่เงินของลูก แต่เป็นเงินของแสนสมุทรต่างหากที่หมด

“โธ่ หม่าม้า ทำยังกับว่าตอนนี้โฉมล้างผลาญพวกมันได้งั้นแหละ ไม่มีพฤกษ์สักคนโฉมจะไปสูบเงินจากใครได้”

“ก็เหลือใครล่ะ...เมฆา...ภูผา...แกก็จับใครสักคน หรือจะเหมาสองเลยก็ได้นี่ยัยโฉม”

เธอก็อยากจะได้ทั้งคู่เหมือนกัน แต่ว่าสองคนนั้นแม้แต่หน้าเธอยังไม่อยากจะมอง ทุกวันนี้เห็นเธอราวกับเห็นกิ้งกือไส้เดือน อนงค์ยุส่ง ถ้าอ่อยเหยื่อไม่สำเร็จก็ให้ปล้ำเสียเลย เธอหลุดปากว่าปล้ำไปเรียบร้อยแล้ว อนงค์ตกใจถึงกับร้องเอะอะลั่น อยู่ๆโฉมไฉไลเกิดคลื่นไส้เวียนหัว อาเจียนจนแทบจะหมดแรง อนงค์มองสงสัย

“ยัยโฉม แกเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...เดือนที่แล้ว ประจำเดือนแกมาหรือเปล่า”

เธอรู้ทันทีว่าแม่หมายถึงอะไร สองแม่ลูกตัวแสบยิ้มให้กันอย่างมีความสุข...

ได้เวลานอนแล้ว เมฆายังนอนไม่หลับ เรียกวงเดือนมานั่งที่โซฟาด้วยกัน อยากรู้ว่าเธอเริ่มรักเขาบ้างหรือยัง เธอถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร เขาเหมือนจะรู้ทัน แม้เธอจะยังไม่เริ่มรู้สึกรักเขาสักนิด แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเขารักเธอมากขึ้นทุกวัน เขาไม่ได้เร่งรัดให้เธอรักเขา นานแค่ไหนก็รอได้ ขออย่างเดียวอย่าให้ต้องตายก่อนที่เธอจะบอกว่ารักเขาก็พอ เธอรีบปิดปากเขาไว้ ขอร้องอย่าพูดสิ่งที่ไม่เป็นมงคลแบบนี้อีก เขารวบเธอมากอดไว้รับปากจะไม่พูด

“พรุ่งนี้พี่ผาก็จะกลับบ้านเขาแล้ว ผมหวังว่าจากนี้ไป คงไม่มีอะไรมาทำให้เดือนอึดอัดใจไม่สบายใจอีก...คงจะไม่มีใครมาทำให้เราวุ่นวายใจอีกต่อไป” เมฆาฝันหวาน ขณะที่วงเดือนฝันสลาย...

ภูผากับหนูนาเดินทางกลับบ้านไร่ในเช้าวันต่อมา ไม่ใช่มีแต่เมฆาเท่านั้นดีใจที่ศัตรูหัวใจของตัวเองไปพ้นทาง อนงค์แทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความลิงโลดที่หมดก้างขวางคอ ตอนนี้ศัตรูของเธอกับลูกมีแค่วงเดือนคนเดียว ซึ่งถือว่ากระจอกมาก เพราะลูกของเธอมีแต้มต่อเหนือกว่าคู่แข่งหน้าจืดหนึ่งแต้ม

“แม้จะแค่หนึ่งแต้ม แต่ก็เป็นหนึ่งแต้มที่เฉือนอีนังวงเดือนขาดลอย...เพราะหนึ่งแต้มที่ว่านี้คือทายาทของแสนสมุทร ที่เกิดจากคุณหมอเมฆา...ผู้เป็นความหวังเดียวของบ้านแสนสมุทร” อนงค์สาธยายจบหันไปหัวเราะหัวใคร่กับลูกสาว ซึ่งนั่งกินผลไม้เปรี้ยวอย่างอารมณ์ดี

“ทีนี้ล่ะจะได้รู้กันสักทีว่า โฉมไฉไลแน่แค่ไหน” เธอพูดจบหยิบผลไม้เปรี้ยวขึ้นมาเคี้ยวต่ออย่างเอร็ดอร่อย อนงค์เห็นแล้วอดเข็ดฟันแทนไม่ได้...

ด้านชอุ่มยังเศร้าใจไม่หายที่ภูผากับหนูนากลับไปบ้านไร่ เดินเช็ดน้ำตาป้อยๆมายังห้องพักของตัวเอง ต้องแปลกใจที่เห็นวงเดือนนั่งหน้าเศร้ารออยู่

“อ้าว...คุณเดือน...ทำไมมานั่งตรงนี้คะ”

“เดือนเหงาน่ะจ้ะ เลยมาหาน้าชอุ่ม” เธอยิ้มเศร้า ชอุ่มถอนใจเฮือก ก่อนจะเข้ามานั่งข้างๆ

“คิดถึงคุณภูผานะคะ...คุณหนูนาด้วย...นึกๆแล้วก็เหลือเชื่อนะคะ ชอุ่มเห็นคุณห้าคนมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่น่าเชื่อว่าโตขึ้นแล้ว...เอ่อ....ชีวิตของแต่ละคนจะเปลี่ยนแปลงกันไปได้ขนาดนี้ คุณอรุณก็มาด่วนจากไป...คุณพฤกษ์ก็... เฮ้อ...ไม่ไหว ส่วนคุณภูผาไม่น่าเชื่อว่าจะต้องไปมีลูกมีเมียอยู่บนไร่บนดอย แต่พลิกล็อกที่สุดก็ต้องคุณเมฆานะคะ ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายคุณเมฆากับคุณเดือนจะได้มาแต่งงานกัน”

คำพูดของชอุ่มทำให้วงเดือนยิ่งเศร้าหนัก แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็นยังคงเจื้อยแจ้วต่อไม่มีท่าทีจะหยุด

“แต่ชอุ่มเห็นด้วยกับคุณชายนะคะ คุณเมฆากับคุณเดือนเท่านั้นที่จะเป็นความหวังเดียวของแสนสมุทร รีบมีคุณหนูให้คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงเร็วๆนะคะ แสนสมุทรจะได้กลับมาสงบสุขสักที”

จังหวะนั้น โฉมไฉไลเดินเข้ามาพร้อมกับจานใส่ผลไม้เปรี้ยวที่กินเกือบหมด “แน่นอนจ้ะ...ชอุ่ม....คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงของชอุ่มจะต้องได้อุ้มหลานเร็วๆแน่นอน อาจจะเร็วกว่าที่เธอคิดด้วยซ้ำ ชอุ่ม”

“พูดแปลกๆ คุณโฉมหมายความว่ายังไงไม่ทราบ” ชอุ่มมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

“โง่ๆอย่างเธอก็จงโง่ต่อไปเถอะย่ะ” โฉมไฉไลแดกดันจบยื่นจานใส่ผลไม้พรวดมาตรงหน้าชอุ่ม สั่งให้ไปเอาผลไม้มาเพิ่ม ย้ำว่าเอาแค่พวกที่มีรสเปรี้ยวๆเท่านั้น พวกจืดๆไม่ต้องเอามาเห็นแล้วจะอ้วก แล้วปรายตามองวงเดือน ซึ่งมองตอบอย่างไม่เกรงกลัว

“แล้วก็...อย่าช้า...เดี๋ยวจะไม่ทันกิน” โฉมไฉไลพูดเป็น นัยๆไม่รู้ว่าบอกใครกันแน่ ก่อนจะเดินหัวเราะร่วนออกไป วงเดือนมองตาม อดสงสัยกับท่าทีของยัยตัวแสบไม่ได้

ooooooo

ในวันต่อมา ขณะดอยกับนายสว่างกำลังนั่งพักกินมื้อเที่ยงกันหลังจากทำงานในไร่เหนือฟ้าเสร็จ เด็กน้อยชักจะทนไม่ไหวที่ลูกพี่กับเจ้านายยังไม่ยอมกลับสักที เริ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าสองคนนั่นคงจะหลงกลิ่นปลาทะเลจนลืมกลิ่นใบชาไปหมดแล้ว นายสว่างรำคาญ ควักข้าวเหนียวยัดปากเธอทันที

“เคี้ยวข้าวเหนียวไป ปากจะได้ไม่ว่าง แหม...เอ็งนี่นับวันจะแก่แดดแก่ลมใหญ่แล้วนะไอ้ดอย”

“อ้าว...ก็จริงไหมล่ะ” เธอพูดทั้งที่ข้าวเหนียวอยู่เต็มปาก “อ่ะ...ลุงหว่างว่าไหม...แหม ทำเป็นเอาธุรกิจมาอ้าง...ฉันจะเอาใบชาไปให้ลูกค้าดู” ดอยทำท่าทางและเสียงเลียนแบบภูผาโดยไม่รู้เลยว่า เจ้าตัวกับหนูนา กลับมาแล้ว ยืนอยู่ด้านหลังเธอ นายสว่างเห็นเต็มสองตาถึงกับหน้าเจื่อน ดอยชักสนุกเริ่มเลียนเสียงหนูนาบ้าง

“ดีจ้ะ...คุณภูผา ใบชาไร่เหนือฟ้าของเราจะขายได้แล้ว...เชอะ...ไอ้เราก็หลงนึกว่าจะเอาใบชาไปขาย ที่ไหนได้ ป่านนี้จู๋จี๋ดู๋ดี๋เล่นน้ำทะเลกันเพลินไปแล้ว...ฮึ...คนอะไรใจดำชะมัด ปล่อยให้ไอ้ดอยคิดถึงใจจะขาด นายนะนาย ไม่เห็นใจกันบ้างเลย”

“เห็นใจสิดอย” ภูผาซึ่งยืนอยู่ด้านหลังตอบยิ้มๆ ดอยยังไม่รู้สึกตัว เถียงฉอดๆ

“ไม่ต้องเลย ไม่เชื่อหรอก...เชอะ...ลูกพี่ก็อีกคน”

“ฉันก็เห็นใจดอยเหมือนกัน” คราวนี้เป็นทีของหนูนาตอบบ้าง นายสว่างหัวเราะแหะๆ ดอยแว้ดทันที

“ขำอะไรลุงหว่าง...ยังจะมีหน้ามาขำอีก”

“ข้าก็ไม่อยากจะขำ” นายสว่างทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ เธอเห็นหน้าเขาแล้ว ทำเสียงดุว่าทำไมทำหน้าราวกับเห็นผีแบบนั้น เขาเงยหน้ามองภูผากับหนูนา ก่อนจะบอกหลานสาวปากพาจนว่า

“ข้าว่า...น่ากลัวกว่าผีเยอะ...ไอ้ดอยเอ๊ย”

“ไหน...ในโลกนี้ยังจะมีอะไรน่ากลัวยิ่งกว่าผีอีก... ออกมาเลย ออกมาๆให้ไอ้ดอยเห็นหน่อยสิ” เธอลุกพรวดท่าทางเอาเรื่อง แต่แล้วรู้สึกเหมือนมีใครมายืนขนาบซ้ายขวา ค่อยๆหันไปมองทีละด้านเห็นภูผากับหนูนายืนเหล่อยู่ถึงกับหน้าจ๋อย เข่าอ่อน

“เออ...น่ากลัวกว่าผีจริงด้วยอ่ะลุงหว่าง...ไปล่ะ” เธอว่าแล้ววิ่งหนี หนูนาไล่ตามจะจับตัวเธอให้ภูผาเขกหัว เธอรีบวิ่งไปหลบหลังนายสว่าง ทั้งสี่คนวิ่งไล่จับกันไปรอบๆไร่เหนือฟ้าอย่างสนุกสนาน

ooooooo

แต่แล้วความสุขต้องสะดุดหยุดลงเมื่อนายสว่างรายงานภูผาว่า ตอนที่เขากับหนูนาไม่อยู่ มีคนมาเผาโรงเก็บใบชาของไร่เหนือฟ้าวอดเกือบทั้งหลัง ตอนนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ ภูผาหน้าเครียดขึ้นมาทันที ซักเป็นการใหญ่

“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ นายสว่างมีรับคนงานใหม่มาทำงานบ้างไหม”

“ไม่มีครับ”

“ถ้างั้นมีใครไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกับใครที่ไหนกันบ้างหรือเปล่า”

“ก็ไม่มีอีกนะครับ” นายสว่างตอบอย่างมั่นใจ ภูผาถึงกับถอนใจ หนักใจ ก่อนจะซักถามต่อ

“ถ้าอย่างนั้น จะมีใครที่จะโกรธแค้นถึงกับจะต้องทำกับไร่เหนือฟ้าแบบนี้ล่ะนายสว่าง”

“ถ้าจะมี...ก็มีอยู่คนเดียวล่ะครับนาย...ไอ้วันชัย”

ภูผาเป็นห่วงความรู้สึกของหนูนา พยายามจะพูดให้สบายใจว่าจะเป็นฝีมือวันชัยได้อย่างไรในเมื่อเขาตายไปแล้ว นายสว่างทักท้วงว่ายังไม่มีใครพบศพ หนูนาต้องเบือนหน้าหนีไม่อยากได้ยิน เจ้านายหนุ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของคนในไร่ สั่งการให้นายสว่างจัดเวรยามเฝ้าระวังไร่ของเราตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

“แล้วอีกอย่าง...จัดคนออกตามล่าหาไอ้วันชัยอีกครั้ง ไม่ว่าตัวเป็นๆ หรือว่าจะเป็นซากศพก็ต้องหาให้พบ” ภูผาเสียงเครียด หนูนาและนายสว่างพลอยเครียดไปด้วย ยกเว้นดอยคนเดียวที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องนี้

ooooooo

ขณะเดียวกัน ที่บ้านแสนสมุทร ระหว่างที่อนุต ศรีดารา เมฆา และวงเดือนกำลังนั่งพักผ่อนกินผลไม้ และของว่างกันอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ศรีดาราเห็นอนุตพักนี้ดูซูบไป แนะให้กินผลไม้มากๆ หน่อยจะได้ช่วยเพิ่มวิตามินบำรุงร่างกาย เขามองผลไม้อย่างเบื่อๆ ก่อนจะหันมองลูกชายคนโปรด

“ขอวิตามินบำรุงจิตใจให้พ่อหน่อยได้ไหมล่ะ...คุณหมอเมฆา”

คนถูกเอ่ยชื่อเลิกคิ้วงงๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพ่อหมายถึงอะไร หันไปแหย่วงเดือน “ว่าไงเดือน...คุณพ่อ เร่งแล้ว” พอเห็นเธอไม่เล่นด้วย เขารีบกลบเกลื่อน“คุณพ่อ ครับ ใจเย็นหน่อยสิครับ ของอย่างนี้เร่งกันได้ด้วยหรือครับ”

“พักนี้คุณพ่อชอบบ่นว่าเหงาน่ะจ้ะ บ้านช่องเงียบไม่มีเสียงเด็กๆวิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ลูกยังเล็กๆกันอยู่...” ศรีดาราอึ้งไปเมื่อเอ่ยถึงลูกๆ พลอยทำให้ทุกคนนิ่งกันไปหมด จังหวะนั้น โฉมไฉไลโผล่พรวดเข้ามา

“ ทำไมต้องเศร้ากันขนาดนี้ด้วยล่ะคะ...ได้ยินแว่วๆ ว่าคุณพ่อบ่นเหงาเพราะไม่มีเสียงเด็กๆวิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวจริงหรือเปล่าคะ เมฆา...อย่ากังวลไปเลยนะคะคุณพ่อ โฉมรับรองได้เลยว่าอีกไม่นาน บ้านแสนสมุทรจะต้องกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาอีกครั้ง” เธอว่าแล้วหันไปจิกตามองเมฆา “เพราะโฉมมั่นใจว่าเร็วๆนี้ คุณพ่อคุณแม่จะต้อง ได้อุ้มหลานปู่หลานย่าจากคุณหมอเมฆาแน่นอน”

เมฆาใจไม่ดีรู้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ รีบจับมือวงเดือนไว้แน่น มองสบตาเป็นทำนองว่าอย่าไปเชื่อ แล้วหันไปจ้อง โฉมไฉไลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว...

คุณหมอหนุ่มรอจังหวะที่โฉมไฉไลอยู่เพียงลำพัง ฉุดกระชากลากถูไปยังมุมลับตาคน ผลักเธอติดข้างฝาแล้วบีบแก้มไว้ ตะคอกถามว่าเมื่อครู่นี้พูดอะไร ยัยตัวแสบ ปากแดงลอยหน้าลอยตาน่าตบ

“จะพูดอะไร...โฉมก็พูดเรื่องจริงน่ะสิ”

“เรื่องจริงอะไรของเธอ” เขาบีบเธอแรงขึ้นอีก เธอโมโหปัดมือเขาออก

“ก็เรื่องจริง ที่ทุกคนต้องแสดงความยินดีกับโฉม... อุ๊ย...ไม่ใช่สิ ทุกคนต้องแสดงความยินดีกับเราต่างหาก”

“พูดมาว่าเรื่องอะไรกันแน่...แต่ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อน...ว่าถ้าขืนพูดจาอะไรไม่คิด เธอตายแน่”

“คุณกล้าก็เอาสิ เมฆา...ถ้าโฉมตาย ลูกคุณก็ตายด้วย และบ้านแสนสมุทรก็จะไม่มีทายาทมาวิ่งเล่นให้คุณปู่คุณย่าชื่นใจหายเหงา...ถ้าคุณกล้าก็เอาสิ” เธอท้าทาย เมฆาแทบช็อกไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ไม่...ไม่จริง”

“จริงเสียยิ่งกว่าจริง...โฉมท้อง” เธอย้ำเสียงหนักแน่น เมฆาตั้งสติได้สวนทันที

“...คุณท้องกับใคร?...นอกจากเขาจะรู้กันดีว่าคุณแต่งงานเป็นเมียของพี่พฤกษ์พี่ชายคนโตของแสนสมุทรแล้ว ชาวบ้านเขายังรู้กันให้ทั่วว่าคุณน่ะมันมั่วขนาดไหน...

ผมขอเตือนในฐานะที่อย่างน้อยคุณก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านแสนสมุทร ว่าอย่าได้คิดโพนทะนาเรื่องนี้จะดีกว่า รับรองว่าคุณจะต้องเป็นฝ่ายอับอายขายหน้าเพราะไม่มีใครหน้าไหนเขาจะเชื่อคำพูดของคุณ”

โฉมไฉไลไม่ยอมจนแต้มง่ายๆ ขู่จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องคุณพ่อคุณแม่ เมฆาท้าให้ไปฟ้องได้เลย อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างลูกชายคนโปรดกับลูกสะใภ้ที่ไม่เอาไหน พวกท่านจะเชื่อใคร ยิ้มเยาะก่อนจะเดินออกไป ยัยตัวแสบตะโกนไล่หลังว่าวงเดือนจะต้องเชื่อเธอแน่ ถึงแม้ใครต่อใครจะไม่เชื่อก็ตาม เมฆาหยุดกึกหันขวับ

“โฉมจะแฉให้นังวงเดือนมันฟัง อย่าลืมสิคะเมฆา นังวงเดือนมันรู้นะว่าเราสองคนเคยมีอะไรกัน เพราะฉะนั้นมันต้องเชื่อแน่ว่าลูกในท้องของโฉมเป็นลูกของ...” เธอพูดยังไม่ทันจบ เขาแทรกขึ้นเสียก่อน

“หุบปากได้แล้ว...ตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเจอะเคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ชั่ว...ชั่วเหลือเชื่อเหมือนเธอมาก่อนเลย...โฉมไฉไล” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น เธอยักคิ้วกวนประสาท

“เชื่อเถอะค่ะเมฆา...โฉมแฉแน่”

“อย่ายุ่งกับวงเดือน...เป็นอันขาด” เขาเน้นทีละคำอย่างหนักแน่นเอาจริง

“มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือคะ...เมฆา ทำไมโฉมจะต้องทำตามคำสั่งคุณด้วยไม่ทราบ”

“เธอต้องการอะไร...โฉมไฉไล” เขาจ้องเธอราวกับจะเผาให้มอดไหม้ ขณะที่เธอยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ

ooooooo

จากนั้นไม่นาน โฉมไฉไลแวะไปหาอนงค์พร้อมกับยื่นซองใส่เงินให้ บอกให้แม่เอาเงินไปใช้หนี้บ่อนเสีย ก่อนที่จะโดนพวกนั้นตามมาฆ่าปาดคอ อนงค์ค้อนลูกหนึ่งวงก่อนจะเทเงินออกมาดู เห็นเงินจำนวนมากถึงกับมือไม้สั่น ถามว่าไปเอามาจากไหน

“หลานหม่าม้าไง...หลานหม่าม้านำโชค” เธอว่าแล้วชี้ไปที่ท้องตัวเอง

“หา...นี่แกเริ่มไถเมฆาแล้วหรือยัยโฉม...แล้วทำไมไถมาแค่นี้” อนงค์ได้คืบจะเอาศอก

“ใครบอกว่าแค่นี้” โฉมไฉไลว่าแล้วยกมือขึ้นอวดแหวนเพชรที่นิ้วและกำไลทองที่ข้อมือให้แม่ดู อนงค์โดดตะครุบมือลูก แต่เธอรู้ทันเอี้ยวตัวหลบไม่ยอมให้ อนงค์ไม่ยอมแพ้จะขอเอาทองกับเพชรไปใช้ต่อทุน เธอไม่ให้ อ้างจะเอาไว้ใส่อวดชาวบ้าน เป็นสะใภ้ใหญ่แสนสมุทรทั้งที ไปไหนมาไหนจะต้องดูดีกว่านังสะใภ้รองหน้าจืด

“ว่าแต่ไงเนี่ย...ท้องทั้งที ไถเมฆามาได้แค่นี้เนี่ยนะ”

“แค่นี้ก็โง่สิ ใครบอกว่าโฉมจะไถแค่นี้ คนอย่างโฉมไม่มีคำว่าพอหรอกหม่าม้า...โฉมจะเอาอีก โฉมจะเอาให้เมฆาต้องกระอัก ให้สาสมกับที่เมฆาไม่ยอมรักโฉม แต่ดันโง่ไปรักนังวงเดือนนั่น”

“ดีมากลูก...ถูกต้องที่สุด” อนงค์เชียร์ลูกให้ทำชั่วได้เก่งจริงๆ...

เมฆากลุ้มใจเรื่องโฉมไฉไลเกิดตั้งท้องขึ้นมาโดยที่เขาไม่ต้องการ ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร ต้องใช้เหล้าเพื่อดับความทุกข์ใจ ออกไปดื่มตั้งแต่บ่ายยันค่ำกลับถึงห้องนอนด้วยอาการเมามาย เจอวงเดือนกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน เขาไม่พูดพล่ามตรงเข้ารวบตัวเธอไว้ หญิงสาวตกใจร้องเอะอะ

“อะไรคะเนี่ย...คุณเมฆา...นี่คุณเมานี่”

เขาซุกไซ้ซอกคอไม่ยอมให้ตั้งตัว เธอดิ้นรนสุดฤทธิ์ ขอร้องให้ปล่อย เขาไม่สนใจ ผลักเธอล้มลงบนเตียงก่อนจะขึ้นคร่อม พร่ำเพ้อขอให้เธอยอมเป็นของเขา แล้วระดมจูบไปทั่วเรือนร่าง เธอรวบรวมกำลังทั้งหมดดันตัวเขาออก ก่อนจะตบหน้าเขาฉาดใหญ่ แล้ววิ่งหนีไปยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง

“คุณเมฆา...ทำไมคุณทำอย่างนี้ คุณโกหกเดือน...

คุณไม่รักษาสัญญาว่าเราจะแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น คุณรังแกเดือน ต่อไปนี้เดือนจะไม่เชื่อคุณอีกแล้ว” เธอตัดพ้อจบขยับจะไป เขาโผกอดเอวเธอไว้ร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร อ้อนวอนไม่ให้ไป สัญญาจะไม่ทำอย่างนี้อีก

“คุณเมามาก รอให้หายเมาก่อนแล้วเราค่อยคุยกัน” เธอแกะมือเขาออก แล้วผละจากไป เมฆาถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้นคร่ำครวญว่าอย่าไปจากเขา แต่เธอไม่สนใจ...

ชอุ่มอดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นวงเดือนกลับมานอนที่ห้องเดิมของเธอ พยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเมฆา เธอไม่อยากพูดถึงอ้างว่าง่วงแล้ว ขอตัวเข้านอน ชอุ่มรู้ว่าถูกไล่ทางอ้อม ขยับจะไป แต่นึกขึ้นได้

“เอ่อ...ว่าแต่ ถ้าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงถาม จะให้เรียนว่าไงดีคะ”

“ท่านคงไม่ถาม ถ้าน้าชอุ่มไม่บอก”

“เอ่อ...ค่ะ...แต่จะดีหรือคะ ทิ้งให้คุณเมฆา...” ชอุ่มยังพูดไม่ทันจบ วงเดือนต้องปรามให้หยุดพูด เธอจำต้องออกจากห้อง ปล่อยให้วงเดือนนั่งเศร้ากับชีวิตตัวเองเพียงลำพัง

ooooooo

วงเดือนถึงกับถอนใจเฮือกเมื่อเปิดประตูห้องออกมาในตอนเช้าพบเมฆานอนคุดคู้อยู่บนม้านั่งหน้าห้อง รีบเข้าไปปลุก เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเธอ จะโผกอดแต่นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรทำ จึงเปลี่ยนเป็นรวบมือเธอมากุมไว้แทน

“ยกโทษให้ผมนะเดือน จะลงโทษผมยังไงผมก็ยอม ผมไม่ดีเอง ผมไม่น่าไปดื่มเหล้า เมื่อคืนผมเมาจริงๆ”

“คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือคะ ถึงต้องไปดื่มเหล้า บอกเดือนได้ไหมคะ”

เขาโกหกว่าไม่มีอะไร แค่ช่วงนี้งานหนักไปหน่อยก็เลยเครียด เธอเตือนว่าดื่มเหล้าไม่ได้ช่วยให้หายเครียด เวลาเรามีปัญหาก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ เขารับปากว่าจะแก้ปัญหาตามที่เธอว่า และขอให้เธอยกโทษให้ อย่าโกรธเรื่องเมื่อคืนอีกเลย เธอพยักหน้าเป็นทำนองว่าให้อภัย เขาดีใจมากจะสวมกอด แต่แล้วชะงัก

“ขอบคุณมากเดือน...ขอบคุณมาก” เขามองเธออย่างหวงแหน จะไม่ยอมให้ใครพรากเธอไปเด็ดขาด...

ขณะที่เมฆากระหยิ่มยิ้มย่องที่ตามง้อวงเดือนสำเร็จ หนูนานั่งอยู่บนระเบียงบ้านไร่ของภูผา ใจลอยคิดถึงเรื่องราวดีๆระหว่างเธอกับเหนือฟ้า รู้สึกผิดมากที่ดูแลไร่ให้เขาได้ไม่ดีพอ สัญญาฝากสายลมไปถึงเขาว่าต่อไปจะไม่ทิ้งไร่เหนือฟ้าไปไหนเด็ดขาด ภูผามาทันได้ยินพอดี เสียใจไม่แพ้เธอเช่นกัน โทษว่าเป็นความผิดของตนเอง ถ้าไม่อยู่แสนสมุทรนานขนาดนั้น โรงเก็บชาก็คงไม่โดนเผา

“ไม่เกี่ยวหรอกคุณ คนมันจะเผายังไงมันก็ต้องเผา...เอ่อ...คุณว่า...ไอ้วันชัยมันตายไปหรือยัง”

ภูผาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เธอไม่เข้าใจทำไมคนเลวๆอย่างวันชัยถึงตายยากนัก คนดีๆอย่างเหนือฟ้ากลับต้องตายไปก่อน ยิ่งพูดยิ่งแค้น ประกาศลั่นว่าจะต้องส่งไอ้ชั่วนั่นลงนรกให้ได้ เขาลูบหัวเธอด้วยความเห็นใจ

“ไม่ต้องห่วง เจอมันเมื่อไหร่ฉันไม่เอาไว้แน่ แม้แต่ศพมัน...ถ้าเจอฉันจะป่นให้เป็นผุยผง”

จังหวะนั้น ดอยวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่านายสว่างเชิญทั้งคู่ไปที่ไร่เหนือฟ้าด่วนที่สุด...

ไม่นานนัก ภูผา หนูนา และดอยมาถึงไร่เหนือฟ้า เห็นนายสว่างกับคนงานในไร่กลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมกรอบชายแปลกหน้าคนหนึ่งไว้ นายสว่างรายงานภูผาว่าผู้ชายคนนี้คือมือวางเพลิงเผาโรงเก็บชา

“แล้วมันเป็นใคร” ภูผาถามเสียงเครียด

“มันมาจากฝั่งโน้น มันบอกว่ามีคนใช้ให้มันมาเผา แต่ยังปากแข็งไม่ยอมบอกว่าใคร”

ภูผาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปคว้ามีดพร้าจากมือคนงานเอามาขู่จะตัดมือชายคนนั้นทิ้ง ถ้าไม่บอกความจริงมาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เขาถึงได้ยอมเปิดปากบอกว่าคนที่จ้างวานเขาชื่อ วันชัย ทุกคนตะลึง

“ไอ้วันชัย...มันอยู่ที่ไหน...พาฉันไปเด็ดหัวมันเดี๋ยวนี้” ภูผาตะคอกด้วยความแค้น มือวางเพลิงไม่รู้ว่าตอนนี้วันชัยไปไหนแล้ว เพราะไม่เคยอยู่เป็นที่ นายสว่างไม่เชื่อ ปราดเข้าไปจะซ้อมให้บอกที่ซ่อนตัวของวันชัย เขายกมือไหว้ปลกๆขอร้องอย่าฆ่าเขาเลย เขาไม่รู้จริงๆ

“แต่ถึงยังไง แกก็ต้องนำทางฉันไปที่ที่ไอ้วันชัยมันเคยใช้กบดาน...หนูนาเธออยู่กับนายสว่างดูแลไร่นี้ให้ดี”

สองลุงหลานประสานเสียงพร้อมกันว่าไม่อยู่ จะขอไปตามล่าวันชัยด้วย เขายอมให้หนูนาไปเสี่ยงอันตรายด้วยไม่ได้ไม่ว่าเธอพยายามจะอ้อนวอนเพียงใด นายสว่างยืนยันจะไปด้วยให้ได้ ต้องการยิงหัวคนชั่วนั่นด้วยมือตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงตายตาไม่หลับ ภูผานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งเสียงเฉียบขาด

“ดอยอยู่ดูแลหนูนาที่นี่ นายสว่างเตรียมอาวุธให้พร้อมแล้วไปกับฉัน”

หนูนาจะโวยแต่เขาชิงพูดขึ้นก่อนว่า เขาเป็นห่วงเธอกับลูก ขอให้รออยู่ที่นี่ เขาสัญญาว่าจะกลับมาหาหลังจากล้างแค้นให้เธอแล้ว เธอรู้ดีว่ายากจะขัดใจ โผกอดเขาไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง

“ฉันจะรอ...รอคุณกลับมานะ คุณภูผา”

ooooooo

โฉมไฉไลไม่ปล่อยให้เมฆาได้อยู่อย่างสงบสุข รู้ว่าเขาต้องเข้าเวรแต่เช้า มายืนกอดอกรออย่างสบายอารมณ์

“จะรีบไปไหนคะ ผัวขา...จะไม่ทักทายเมียกับลูกหน่อยหรือคะ”

เขารีบดึงเธอหลบมุม ต่อว่าว่าผีเจาะปากมาหรือ พูดแบบนี้เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าต้องเกิดเรื่องแน่ๆ เธอยอกย้อนว่าไหนเขาเคยบอกว่าไม่สนใจ เพราะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ แล้วทำไมต้องกลัวด้วย เขาอ่านออกว่าเธอจะมาไม้ไหน ถามอย่างไม่อ้อมค้อมว่าต้องการอะไรอีก เธออยากได้รถคันใหม่พร้อมคนขับรถ

“นี่...มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ”

“มากเกินไป?...มันน้อยเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับคุณหนูน้อยๆของแสนสมุทรที่เป็นผลผลิตจากคุณแม่โฉมไฉไลกับคุณพ่อเมฆา” เธอลอยหน้ายั่วโมโห เขาสั่งให้เธอหยุดพูดจาเพ้อเจ้อได้แล้ว เธอกวนไม่เลิก อ้างว่าเรียกร้องแค่นี้ยังน้อยไปสำหรับการที่เธอยอมไม่แฉเรื่องของเราสองคนให้นังวงเดือนสุดที่รักของเขาฟัง

เมฆาจนใจ จำต้องยอมตามที่เธอต้องการ ยัยตัวแสบย้ิมแฉ่งโดดหอมแก้มเขาหนึ่งฟอด เขาผลักเธอกระเด็นอย่างรังเกียจ แล้วจ้ำพรวดๆออกไป เธอมองตามสะใจ ก่อนจะคว้าตะกร้าใส่ผ้าที่วางไว้เดินไปหลังบ้าน...

อีกมุมหนึ่งบริเวณลานซักผ้า วงเดือนเห็นชอุ่มขยี้ผ้าอย่างไม่บันยะบันยัง เตือนให้เบาๆมือหน่อยเดี๋ยวผ้าจะขาดเสียก่อน เธอยิ่งขยี้หนักมือขึ้นด้วยความแค้นใจ หวังจะให้ขาดคามือเพราะนี่เป็นเสื้อผ้าของโฉมไฉไล

“หมั่นไส้นัก จิกหัวใช้ชอุ่มยังกับทาส ทีตัวเองไม่เห็นทำอะไร วันๆเอาแต่เดินแรดไปแรดมา”

“แกว่าใครนังชอุ่ม”

วงเดือนกับชอุ่มสะดุ้งโหยง หันมองตามเสียงเห็นโฉมไฉไลสีหน้าเอาเรื่อง เดินถือตะกร้าใส่ผ้าเข้ามา ตะคอกถามชอุ่มซ้ำอีกครั้งว่าเมื่อครู่นี้ว่าใคร

“ว่าใครก็ได้ที่แรด ใครอยากจะรับเป็นแรดก็เชิญรับไปตามสบายค่ะ” ชอุ่มโต้ไม่ยอมแพ้ โฉมไฉไลโกรธโยนตะกร้าผ้าใส่ สั่งให้เอาไปซักจะได้หมดแรงนินทาเจ้านาย

“ชอุ่มไม่เคยนินทาเจ้านายของชอุ่ม แต่ไอ้คนที่ไม่ใช่เจ้านายชอุ่มอันนี้ก็ไม่แน่”

“แล้วอีนังเด็กเก็บมาเลี้ยงไว้ก้นครัวอย่างนังวงเดือนน่ะล่ะ เจ้านายแกหรือ”

ชอุ่มตอบเต็มปากเต็มคำว่าใช่ ยัยตัวแสบโกรธ เดินเข้ามาจ้องหน้าวงเดือนใกล้ๆ ก่อนจะเยาะเย้ยถากถางไม่เข้าใจว่าทำไมคนอย่างวงเดือนถึงได้มีคนรักนักรักหนา สวยสู้เธอก็ไม่ได้ เทียบกันไม่ติดแม้กระทั่งขี้เล็บ

“เอางี้...ชอุ่มจะบอกคุณให้หายโง่ละกันนะคะ คือว่าบางครั้งเนี่ยความสวยมันก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะคะ จริงอยู่ที่ว่าคุณวงเดือนอาจจะหน้าตาสวยสู้คุณไม่ได้ แต่ถ้าเรื่องจิตใจน่ะ คุณวงเดือนชนะขาดแพ้น็อกไม่ต้องนับ...และต่อให้หน้าตาสวยราวกับนางเอกละคร แต่นิสัยร้ายยิ่งกว่านางอิจฉา อันนี้ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ต้องขออำลา ยกตัวอย่างเช่นคุณโฉมไฉไลที่ไฉไลแต่โฉม ส่วนนิสัย...เฮ้อ...ประทานโทษค่ะ จัญไรมาก”

โฉมไฉไลฟิวส์ขาด ตบหน้าชอุ่มเปรี้ยง เธอไม่ยอมให้ตบฟรีๆถลกผ้าถุงลุยใส่ทันที สองคนตบตีกันอุตลุด วงเดือนพยายามเข้าไปแยกชอุ่มออก แต่ไร้ผล แถมโดนยัยตัวแสบผลักกระเด็นไปกองกับพื้น ชอุ่มทนไม่ไหวยกกะละมังที่มีน้ำผงซักฟอกฟองฟอดสาดโฉมไฉไลเต็มหน้า แล้วตามด้วยกะละมังใส่น้ำเปล่า เธอเต้นเป็นเจ้าเข้า

“อ้าย...แก...คอยดูนะ อย่าคิดว่าจะลอยนวลอยู่ได้ เรื่องนี้ต้องถึงคุณพ่อคุณแม่แน่...คอยดู”

ชอุ่มทำท่าจะยกกะละมังอีกใบหนึ่งสาด ยัยตัวแสบปากแดงเผ่นแนบ เธอมองตามสะใจ ก่อนจะเข้ามาพยุงวงเดือนที่นั่งอมยิ้มอยู่กับพื้น อดถามไม่ได้ว่ายิ้มอะไร

“ก็...ตลกดี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยเห็นน้าชอุ่มอารมณ์นี้เลย”

“เอ่อ...ก็...แหม...ของมันขึ้นนี่คะ เห็นไหมคะคุณเดือน เป็นคนดีเกินไปน่ะไม่ได้ มันต้องร้ายบ้าง แรง บ้าง เราถึงจะอยู่รอด ไม่มีใครกล้ามารังแก”

วงเดือนเป็นกังวล ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่รู้เรื่องนี้ ชอุ่มต้องแย่แน่ๆ เธอกลับไม่กลัว เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร

ooooooo

เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่ชอุ่มคาดคิด อนุตกับศรีดาราไม่ได้เป็นคนตัดสินความเรื่องนี้เพราะไม่อยากนำเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดให้รกสมอง จึงปล่อยให้เมฆาเป็นคนจัดการแทน แล้วขอตัวขึ้นไปพักผ่อน อนงค์กับโฉมไฉไลได้ทีบีบให้เมฆาเข้าข้างตนเองเพราะกำความลับของเขาอยู่

“ว่าไงคะเมฆา ระหว่างโฉมไฉไลกับนังชอุ่ม...ใคร ผิด” โฉมไฉไลคาดคั้น สายตาจิกเมฆาตลอดจนเขาอึดอัด

“ฉันว่า...ชอุ่มก็ทำเกินไป...เรื่องนี้ขอให้มันจบๆไปได้ไหม...โฉมไฉไล”

“ไม่ได้...จบๆไปไม่ได้ นังชอุ่มต้องขอโทษที่มันเอาน้ำซักผ้ามาสาดโฉม...มันต้องกราบเท้าโฉม”

วงเดือนสงสารชอุ่มมากที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะตน พยายามอ้อนวอนขอร้องเมฆากับโฉมไฉไลอย่าลงโทษกันถึงขนาดนี้ ยัยตัวแสบไม่ยอม จ้องหน้าเขาเป็นทำนองถ้าไม่ทำตามที่เธอต้องการจะแฉความลับให้วงเดือนรู้ เขาจำต้องสั่งให้ชอุ่มกราบเท้ายัยตัวแสบ เธอถึงกับร้องไห้โฮ วงเดือนโผกอดเธอไว้ ขอร้องเขาอีกครั้งว่าอย่าทำแบบนี้ เขากลับเมินหน้าหนี โฉมไฉไลรีบยื่นเท้าให้ ชอุ่มไม่มีทางเลือกกล้ำกลืนก้มกราบทั้งน้ำตา

“ดีมาก...ต่อไปนี้รู้ซึ้งแล้วใช่ไหมว่าใครเป็นใคร” โฉมไฉไลว่าแล้วหันไปหัวเราะกับอนงค์ “ไปค่ะหม่าม้า เราไปหาอะไรกินฉลองกันหน่อยดีกว่า” สองแม่ลูกตัวแสบเดินเริงร่าออกไป...

ค่ำวันเดียวกัน วงเดือนยังโกรธเมฆาไม่หายที่ใจร้ายกับชอุ่ม พอเห็นเขาเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเธอลุกขึ้นไปหยิบหมอนทำท่าจะกลับไปนอนห้องเก่าของตัวเองอีก เขารีบคว้าแขนเธอไว้

“เดือน...ไม่เอาน่า...ผมรู้ว่าคุณโกรธผมเรื่องเมื่อกลางวัน”

“น้าชอุ่มผิดจริง แต่คุณก็ไม่น่าจะยอมให้น้าชอุ่มกราบเท้าคุณโฉมขนาดนั้น...ทำไมคะ...ทำไมคุณต้องเข้าข้างคุณโฉมถึงขนาดนั้นด้วย”

“ผมไม่ได้เข้าข้าง”

“ถ้างั้นก็ยอม...ทำไมคุณถึงต้องยอมคุณโฉม...คุณกลัวอะไรคุณโฉมคะ” เธอคาดคั้น เขายืนนิ่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอยิ่งโกรธ โพล่งขึ้นว่าถ้าเขาตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องตอบ แล้วเดินสะบัดออกไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของเขา เมฆาถึงกับกุมขมับ ไม่รู้จะหาทางออกกับเรื่องนี้อย่างไร...

ในเวลาเดียวกัน ขณะสองแม่ลูกตัวแสบเดินอย่างอารมณ์ดีมาตามทางจะกลับแสนสมุทรหลังจากฉลองกันมาเต็มคราบ อนงค์ถึงกับตาเหลือกเมื่อเห็นสมุนของเฮียเส็งยืนจังก้าขวางทางอยู่ โฉมไฉไลหันมาเห็นตกใจ

“ว้าย...พวกแกเป็นใคร? ต้องการอะไร?”

“พวกเราเป็นใครก็ถามหม่าม้าของแกดูสิ” พวกสมุนหัวเราะประสานเสียงกันราวกับเป็นเรื่องตลก โฉมไฉไลหันขวับมองแม่เห็นท่าทางเลิ่กลั่กมีพิรุธ รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันจะอ้าปากต่อว่า แต่แม่ชิงพูดขึ้นก่อน

“โธ่...แม่ก็ป๊อกแปดแล้วนะ แต่เจ้ามือมันดันป๊อกเก้า”

“เอ้า...จะเถียงกันอีกนานไหม รอนานมันเมื่อย จ่ายมาซะไวๆ ทั้งต้นทั้งดอกก็หนึ่งแสนถ้วน” สมุนเสียงเหี้ยม

“หนึ่งแสน...หม่าม้า...ครั้งก่อนโฉมก็เพิ่งจะ...”

“ไม่ต้องเลยยัยโฉม ถ้าแกไม่ช่วยแกก็ไม่ต้องมาขึ้นเสียงใส่ฉัน เงินแค่หนึ่งแสน ฉันหาของฉันเองก็ได้”

โฉมไฉไลได้ที ถ้าแม่หาเองได้ก็เชิญตามสบาย เธอหาเงินมาใช้หนี้ให้แม่ไม่ไหวอีกแล้ว แล้วจ้ำอ้าวออกไปทันที อนงค์ถึงกับหน้าเหลอหลา พวกสมุนย่างสามขุมเข้าหา ตะคอกถามว่าตกลงจะจ่ายหรือไม่จ่าย

“จ่าย...แต่ขอจ่ายช้าหน่อย อีกสัก 2-3 วันได้ไหมล่ะ...ไปบอกเฮียเส็งด้วย เฮียเขาให้อยู่แล้ว”

“ได้...อย่าคิดเบี้ยว...ไม่งั้น...” สมุนเอานิ้วปาดคอขู่ ก่อนจะเดินจากไป อนงค์สะดุ้งโหยงนึกเคืองลูกขึ้นมา

“หนอย...ยัยโฉม เงินแค่นี้ช่วยแม่ก็ไม่ได้ นังลูกงก...เอ๊ะ...ลืมไป เงินแค่นี้ทำไมฉันจะหาของฉันเองไม่ได้ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ง้อแกแล้วย่ะ...ยัยโฉม” อนงค์ยิ้มออกเมื่อนึกถึงลูกเขยขึ้นมาได้

ooooooo

เมฆามายืนรอห้องพักเก่าของวงเดือนตั้งแต่เช้าหวังจะง้อขอคืนดี พอเธอเปิดประตูห้องจะออกมา เขายืนขวางทางไว้ อ้อนวอนให้เธอหายโกรธสักที เธอขอร้องให้เขาหลีกทาง เขาไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเธอจะหายโกรธ

“เดือนไม่มีสิทธิ์โกรธคุณหรอกค่ะ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะเห็นแก่คุณโฉมมากกว่าชอุ่มหรือใครต่อใครอยู่แล้ว”

“เดือน...มันไม่ใช่อย่างนั้น...โธ่...ผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยกโทษให้ผม”

“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”

“เดือน...อยู่ๆคุณก็แยกตัวมานอนคนเดียวที่นี่ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ท่านรู้ ท่านคงสงสัยแล้วก็ไม่สบายใจ...คุณก็รู้ว่าโฉมไฉไลเป็นคนไม่ยอมจบอะไรง่ายๆ ถ้าวันนั้นผมไม่ตัดใจทำให้มันจบๆไปซะ เรื่องก็ต้องบานปลายไปกวนใจคุณพ่อคุณแม่อีก จริงไหมเดือน” เขาเห็นเธอมีท่าทีอ่อนลง รีบรวบเอวเธอไว้ ขอร้องอย่าหนีเขาไปไหนอีก

“ปล่อยค่ะ คุณเมฆาอย่าทำอย่างนี้”

“ถ้าไม่ทำอย่างนี้ คุณก็หนีผมไปอีกน่ะสิ”

“คุณต้องไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่างหากค่ะ เดือนถึงจะไม่หนีคุณไป...ว่าไงล่ะคะ รับปากเดือนได้ไหม”

“เรื่องแค่นี้ ทำไมผมจะทำให้เดือนไม่ได้ ต่อให้ชีวิตทั้งชีวิต ผมก็ยินดีมอบให้คุณ คนเดียว” เขารับปากไปแล้วแต่กลับเป็นกังวล กลัวจะทำไม่ได้อย่างที่พูด...

ขณะที่เมฆาพยายามง้อจนวงเดือนใจอ่อน คลายความโกรธลง หนูนานั่งเหม่อ ใจลอยคิดถึงภูผาอยู่บนระเบียงบ้านไร่ ดอยเข้ามาเตือนให้เข้าบ้านได้แล้ว ขืนตากน้ำค้างแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย

“ดอย...แกว่าคุณภูผาเขาจะปลอดภัยไหม”

“ระดับนายตายยาก...นายน่ะเก่งจะตาย...เอ่อ...จริงสิลูกพี่ เรื่องไอ้วันชัยอะไรที่ลูกพี่คุยกันนั่นน่ะ มันอะไรยังไงกันหรือ ดอยงงมากเลย ดอยตกข่าวใหญ่อะไรไปหรือเปล่า”

หนูนาล็อกคอเธอเข้ามาใกล้ๆ ขอเว้นเรื่องนี้ไว้สักเรื่องจะได้ไหม ดอยโดนรัดคอถึงกับไอแค่กๆ ไม่เข้าใจทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย หนูนาเบือนหน้าหนีไม่อยากนึกถึงคนเลวพรรค์นั้น

ooooooo

สมุนของวันชัยซึ่งถูกผูกข้อมือไว้ เดินนำทางภูผากับนายสว่างลึกเข้าไปในป่าอยู่หลายวัน กว่าจะมาถึงที่ที่วันชัยเคยใช้เป็นที่กบดาน แต่ไม่พบใคร ภูผาสั่งให้นายสว่างแกะรอยเท้าดูว่าวันชัยมุ่งหน้าไปทางไหน สมุนสบช่องเห็นทั้งคู่มัวแต่คุยกัน ตัดสินใจใช้หัวพุ่งชนนายสว่างจนล้ม ก่อนจะวิ่งหนี นายสว่างตะโกนลั่น

“เฮ้ย...จะหนีไปไหน”

ขาดคำ สมุนผลัดตกไปในหลุมดักสัตว์ ถูกหลาวไม้ไผ่ ที่อยู่ในนั้นเสียบทะลุร่างตายอนาถ ทั้งคู่รีบตามไปดูถึงกับส่ายหน้าด้วยความสยอง ภูผามองไปรอบๆรู้สึกได้ถึงอันตราย

“ไม่ธรรมดาแล้วล่ะนายสว่าง เราต้องระวังตัวให้มาก อย่าประมาทเป็นอันขาด”

นายสว่างรับคำ จากนั้นทั้งคู่ค่อยๆแกะรอยตาม วันชัยไปอย่างระมัดระวัง ลึกเข้าไปในป่าทึบจนเริ่มอ่อนล้า

“โผล่มาสักที...โผล่หัวมาหน่อยสิไอ้วันชัย ข้าจะยิงให้ทะลุเลย” นายสว่างบ่นด้วยความแค้น

ทันใดนั้น ภูผาหยุดกึก รีบส่งสัญญาณให้นายสว่างเงียบ มีเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า เขาหยิบปืนขึ้นมาเล็งทันที แต่ทุกอย่างนิ่ง เขาส่งสัญญาณให้นายสว่างเข้าไปสำรวจตรงจุดนั้นด้วยกัน เดินยังไม่ทันจะสามก้าว ตาข่ายดักสัตว์ทำงานทันที รวบทั้งคู่ขึ้นไปห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้ ทั้งปืนทั้งมีดร่วงตกพื้น ทั้งสองคนพยายามดิ้นให้หลุดจากกับดัก แต่ไร้ผล

“เฮ้ย...ปล่อยนะเว้ย ปล่อย...แย่แล้วนาย เราเสร็จไอ้วันชัยมันแน่”

“ไอ้วันชัย...แน่จริงโผล่หัวออกมาสิวะ” ภูผาท้าทาย อย่างไม่เกรงกลัว แต่คนที่ปรากฏตัวออกมา กลับเป็นมะยอ ซึ่งจ้องมองทั้งสองคนตาขวาง สั่งให้หยุดแหกปากร้องได้แล้ว

“พวกเอ็งเป็นใคร...ถ้าไม่ตอบ...ตาย” มะยอว่าแล้ว ยกหน้าไม้ขึ้นเล็งทำท่าจะยิง โชคดีที่เหนือฟ้าเข้ามาห้ามไว้ทัน ภูผากับนายสว่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ที่เห็นเขาตัวเป็นๆ...

ไม่นานนัก เหนือฟ้ากับมะยอพาภูผาและนายสว่าง มาถึงที่พักชั่วคราวของพวกเขากลางป่าลึก มะขิ่นจัดข้าวปลาอาหารมาต้อนรับแขกผู้มาเยือน ภูผาไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบเหนือฟ้าอีกครั้ง นายสว่างเห็นด้วยเพราะดู จากสภาพหน้าผาแล้ว เขาไม่น่าจะรอดมาได้

“นรกคงอยากให้ฉันอยู่ลากคอไอ้วันชัยไปส่งละมั้ง” เหนือฟ้าแดกดันตัวเอง

“แต่ผมต้องได้ยิงกบาลมันด้วยนะครับ...สักนิดก็ยังดี เอ่อ...ว่าแต่ ทำไมพ่อเลี้ยงถึงต้องมากบดานอยู่ที่นี่ ทำไมไม่กลับไปที่ไร่ล่ะครับ” นายสว่างอดสงสัยไม่ได้ มะยอสวนขึ้นทันทีว่ากลับไปให้โง่หรือ

“อีนังมะยอ...อย่าแส่” มะขิ่นปราม

“มะยอพูดถูก ถ้ากลับไปฉันก็คงกลายเป็นเป้านิ่งให้ไอ้วันชัยมันยิงหัวเอาง่ายๆอยู่อย่างนี้ดีกว่าใคร ไวใครอยู่ เจอก่อนลงมือก่อน”

ภูผาเห็นด้วยกับเหนือฟ้า เสนอแนะว่าพวกเราควรจะร่วมมือกันตามล่าวันชัยจะได้เจอตัวได้เร็วขึ้น กำลังคนมากกว่าย่อมทำให้ได้เปรียบ มะยอค้านว่าไม่จริงเสมอไป คนยิ่งมากยิ่งเกะกะอันตราย มะขิ่นเอ็ดลูกเสียงเขียว ให้รู้จักหุบปากไว้บ้าง เหนือฟ้านึกถึงหนูนาขึ้นมาได้ ถามภูผาว่าเธอสบายดีใช่ไหม เขาถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เหนือฟ้ามองท่าทางของเขาอย่างสงสัย...

ครู่ต่อมา เหนือฟ้า ภูผา และนายสว่างเดินเลี่ยง ออกมาคุยกันอีกมุมหนึ่ง เหนือฟ้าแทบคลั่งเมื่อรู้จากภูผา ว่าหนูนาถูกวันชัยข่มขืน ในวันที่เขาถูกถีบตกหน้าผาเกือบเอาชีวิตไม่รอด โทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้

“ไม่ใช่เพราะเหนือฟ้าหรอก ฉันเองต่างหากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าวันนั้นฉันไม่พูดรุนแรงกับหนูนา เธอก็คงไม่เสียใจจนหนีออกไปแล้วโดนไอ้วันชัย มันทำร้าย...ฉันผิดเอง” ภูผาหน้าสลด

“แล้วตอนนี้หนูนาเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็...สบายดี แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันคิดว่าควรต้องบอกนาย...ตอนนี้หนูนากำลังตั้งท้อง...ลูกไอ้วันชัย”

“...ไอ้วันชัย...ฉันจะฆ่าแก” เหนือฟ้าตะโกนก้องด้วยความแค้น

ooooooo

ในขณะที่โฉมไฉไลชะเง้อคอมองหาเมฆา ชอุ่มเดินมาเห็นเข้าไม่อยากยุ่งด้วย ค้อนหนึ่งวง ก่อนจะเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ยัยตัวแสบปากแดงหันมาเห็นเสียก่อน จิกเรียกทันที

“นังบ่าว...คุณเมฆาไปไหน”

“มิทราบ มิได้นั่งเฝ้า” ชอุ่มยียวน

“นี่...ยังไม่เข็ดหรือไง แกอยากกราบเท้าฉันอีกใช่ไหมนังชอุ่ม”

“มิอยาก...เพราะแค่ครั้งเดียวก็ซวยไปหลายวันแล้ว” เธอลอยหน้าใส่ โฉมไฉไลปรอทแตก ปรี่เข้าไปจะตบสั่งสอน แต่เมฆาตะโกนห้ามเสียก่อน ยัยตัวแสบปราดเข้าไปเกาะแขน เขารีบปัดมือเธอออก เมฆารู้สึกผิดต่อชอุ่มไม่อยากให้โดนรังแกอีก จึงบอกเธอว่ามีงานอะไรค้างอยู่ ก็ให้ไปทำต่อ โฉมไฉไลมองตามเธอจากไปอย่างไม่พอใจ

“เอ้า...เมฆายังไม่ลงโทษนังชอุ่มให้โฉมเลย เมื่อครู่นี้มันลามปามใส่โฉม”

เขาขอร้องให้พอสักที ขออยู่อย่างสงบๆบ้างได้ไหม เธอสวนทันทีว่าไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกเอง ถ้าเขา เลือกเธอไม่เลือกวงเดือน ป่านนี้ชีวิตเขาคงจะสุขสงบไปนานแล้ว เธอไม่เข้าใจจริงๆนังหน้าจืดนั่นเทียบเธอไม่ได้สักอย่าง แต่ทำไมผู้ชายบ้านนี้ถึงได้โง่รุมแย่งชิงนังนั่นกันนัก เขามองเธอตาวาว

“ผู้ชายฉลาดต่างหากที่อยากจะแย่งชิงผู้หญิงอย่างวงเดือน ผู้หญิงที่สวยด้วยแก่นแท้เท่านั้น  ถึงจะเหมาะ เป็นเมียและแม่ให้ลูกของผู้ชายฉลาดๆ ส่วนผู้หญิงที่สวย ด้วยเปลือกอย่างคุณก็คงจะมีแต่ผู้ชายโง่ๆเท่านั้นที่อยากได้”

“อ๊าย...แต่คุณก็เคยอยากได้โฉมนะ”

“ก็เคยไงผมมันเคยโง่...โง่บัดซบ แต่ตอนนี้ ผม ฉลาดแล้วโฉม...แล้วผมก็ไม่มีวันจะกลับไปโง่อีก...เด็ดขาด”

“แต่อย่าลืมสิคะว่าคุณก็โง่มากที่พลาดทำโฉมท้อง...และถ้ายังฉลาดอยู่ ก็อย่าโง่ทำให้โฉมโกรธ มิฉะนั้น นังหน้าจืดนั่นมันต้องเลิกเป็นเมียคุณแน่ และคุณก็จะ เหลือแต่โฉมไฉไลคนนี้ ที่เป็นเมียและแม่ของลูกคุณ” เธอจับแก้มเขาไว้ ก่อนจะยิ้มเย้ย เขาปัดมือออกอย่างแรง เธอร้องโอดโอยราวกับเจ็บหนัก

“ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้...จ่ายค่าทำขวัญมาเสียดีๆ” แล้วแบมือกระดิกนิ้วรอ

เมฆาอยากจะเขกหัวตัวเองนักที่เสียค่าโง่ จำต้องควัก เงินให้ เธอยิ้มแฉ่ง หายเจ็บทันที เขาโกรธจัด อยากจะบีบคอ ให้ตายรู้แล้วรู้รอดไป แต่ทำได้แค่เดินหนี

“สนุกจริงๆสะใจที่สุด เรามันกระดูกคนละเบอร์กันค่ะ ผัวขา” เธอมองเขาที่เดินหงุดหงิดออกไปอย่างสะใจ

ooooooo

เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน เมฆาต้องก้าวเท้าผิดข้างแน่ๆ วันนี้ถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน  เพิ่งโดนโฉม-ไฉไลไถเงินเมื่อครู่นี้เอง แม่ของเธอมามุกเดียวกันไม่มี ผิดเพี้ยน ยกเรื่องลูกในท้องของโฉมไฉไลขึ้นมาขู่ ถ้า เขาไม่ต้องการให้เธอปูดเรื่องนี้ให้ใครต่อใครรู้ ต้องเอา เงินมาให้หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท

“อะไรนะครับ” เมฆาร้องเสียงหลง

“แค่แสนห้า เมฆาว่าน้อยไปหรือจ๊ะ”

“คุณน้าครับ ผมว่าคุณน้ากับโฉมทำเกินไปแล้ว...โฉมได้จากผมไปมากแล้ว”

อนงค์หน้าหนาหน้าทนไม่แพ้ลูกสาว อ้างว่าเงินทอง ข้าวของที่เขาให้โฉมไฉไล ไม่เกี่ยวกับเธอ เมฆาเสียงแข็งขึ้นมาทันที ปฏิเสธว่าไม่มีเงิน และถึงมีเขาก็ไม่ให้

“งั้นก็ตามใจ ถ้าคิดว่าเงินแค่แสนห้า มีค่ามากกว่านังวงเดือนนั่นก็ตามใจ น้าจะไปบอกมันเดี๋ยวนี้” อนงค์พูดจบ ก้าวฉับๆออกไป เมฆาเจ็บใจมาก รีบวิ่งไปดักหน้า ตกลงจะ จ่ายเงินให้ทำตามที่เธอต้องการ อนงค์ยิ้มแก้มแทบปริ จากนี้ไป เรื่องเงินๆทองๆเธอคงไม่ต้องพึ่งพาลูกสาวอีกแล้ว...

เย็นวันเดียวกัน ศรีดาราเห็นชุดแต่งงานของหนูนาที่ร้านตัดเสื้อเพิ่งเอามาส่งให้ ถึงกับหน้าเศร้า บ่นสงสารหนูนาอุตส่าห์มาตัดชุดแต่งงานไว้ก็ไม่ทันจะได้เอากลับไป แล้วจะทำอย่างไรกัน วันแต่งงานจะเอาชุดที่ไหนใส่

“ให้ชอุ่มเอาขึ้นเหนือไปให้ไหมคะ”

“โธ่...ชอุ่ม แก่ปูนนี้แล้วจะมีแรงขึ้นดอยกับเขาได้หรือ” ศรีดาราพูดยังไม่ทันขาดคำ เมฆากลับจากทำงานมาพอดี อนุตสบช่องวานลูกชายเอาชุดแต่งงานไปให้หนูนาที่บ้านไร่

“อะไรนะครับคุณพ่อ”

“เวทนาภูผามัน วันแต่งงานทั้งทีเจ้าสาวก็ไม่มีชุดใส่”

“นะจ๊ะเมฆา แม่จะได้ฝากของขวัญไปรับขวัญลูกสะใภ้แม่ด้วย” ศรีดาราช่วยอนุตขอร้องอีกแรง เมฆาถึงกับ พูดไม่ออก เหลือบมองวงเดือนที่เลี่ยงไม่ยอมสบตาด้วย...

เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับวงเดือน เมฆาถามดักคอเธอว่าคงไม่อยากขึ้นเหนือกับเขาใช่ไหม เจอคำถามแบบนี้จะให้เธอตอบอะไรได้ นอกจากบอกว่าไม่อยากไป

“ดีแล้ว จะไปทำไมให้เหนื่อย”

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดี” เธอมองสำรวจ

เขารู้สึกตัวว่าเผลอหงุดหงิดใส่เธอ รีบบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แค่เพลียๆเท่านั้น ทิ้งตัวลงบนโซฟาหลับตาอย่างเหนื่อยใจ อยู่ๆเขาโพล่งขึ้นว่าเธอรักเขาบ้างหรือยัง ไม่มีเสียงตอบ เขาลืมตามองเธอด้วยความน้อยใจ

“ถึงแม้มันจะเหนื่อยแต่ผมก็ยอม ผมจะยอมทำทุก อย่างและก็รอจนกว่าคุณจะรักผมนะเดือน”

เธอหลบสายตา ไม่กล้าสบตาด้วย เขาอดหวั่นใจ ไม่ได้ว่าการรอคอยของตนเองจะไม่มีวันสิ้นสุด

ooooooo

หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายตลบ ในที่สุดพ่อเลี้ยงหนุ่มตัดสินใจจะกลับไร่เหนือฟ้า ภูผาอดแปลกใจไม่ได้ เมื่อวานนี้เขาเพิ่งบอกเองว่าถ้ากลับไป ที่นั่นเท่ากับเป็นเป้านิ่งให้วันชัย เขานึกเป็นห่วงหนูนาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก็เลยอยากกลับ นายสว่างทักท้วง แล้วเรื่องตามล่าวันชัยจะทำอย่างไรต่อ

“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมขอนำเสนอ ระหว่างที่ พ่อเลี้ยงกับทุกคนกลับไปไร่เหนือฟ้า ผมกับนังมะยอจะแกะรอยไอ้วันชัยอยู่ทางนี้ไปพลางๆก่อน”

“โห...แล้วถ้าเกิดจู่ๆไอ้วันชัยมันโผล่มา ผมก็อดยิงหัวมันสิครับนาย” นายสว่างบ่นอุบ

“ข้าว่าจนป่านนี้ ไอ้หน้าผีนั่นมันไม่โผล่มาที่นี่แล้วล่ะ...แต่ที่อื่น...ไม่แน่” คำพูดของมะยอทำให้ภูผากับเหนือฟ้ามองหน้ากันรู้สึกใจคอไม่ดี ถ้าเป็นอย่างเธอว่า วันชัยต้องไปหาหนูนาแน่ๆ...

ระหว่างที่ภูผากับเหนือฟ้ากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของหนูนาโดยไม่ล่วงรู้เลยว่า เจ้าตัวฝ่าฝืนคำสั่งของภูผาที่ให้อยู่แต่ในบ้าน ชวนดอยไปเยี่ยมที่ฝังอัฐิเหนือฟ้า เด็กน้อยบ่นอุบ ถ้าเจ้านายรู้เข้าต้องเล่นงานตนแน่

“โอย...นั่งๆนอนๆอยู่กับบ้านเบื่อจะตายชัก...แล้วเป็นไรไม่รู้ จู่ๆก็คิดถึงไอ้เหนือฟ้าขึ้นมา ก็เลยอยากเอาดอกไม้มาให้มันสักหน่อย”

“ฮั่นแน่...จะฟ้องเจ้านายแอบมีกิ๊ก” ดอยยิ้มยั่ว หนูนาเอาช่อดอกไม้ในมือฟาดหัวเธอทันที

“ไอ้บ้า...คนอย่างหนูนารักเดียวใจเดียว แล้วก็รัก คุณภูผาคนเดียวเว้ย...ไอ้เหนือฟ้าน่ะแค่เพื่อน”

ดอยอดสงสารพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ได้ ขนาดตายไปแล้ว ยังเป็นได้แค่เพื่อนของลูกพี่ เธอหมั่นไส้เอาช่อดอกไม้ฟาดดอยอีกครั้ง ถ้าสงสารเขานัก จะส่งไปอยู่ด้วยกันเลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว ดอยเตือนว่าพูดแบบนี้กลางป่ากลางเขาไม่ดี แล้วยกมือไหว้ท่วมหัว

“สาธุ...คุณพระคุณเจ้า เจ้าป่าเจ้าเขาและก็ผีพ่อเลี้ยงเหนือฟ้า ลูกขอขมาแทนลูกพี่ที่พูดจาอะไรไม่คิด ด้วยเถิด” อธิษฐานจบ สวดนโมตาม หนูนามองขำๆ ก่อนจะเดินหนี ทิ้งให้ดอยหลับตาสวดมนต์อยู่คนเดียว

สักพัก เธอลืมตาขึ้นมาไม่เห็นใคร ถึงกับตาเหลือกรีบวิ่งตามลูกพี่แทบไม่ทัน ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงที่ฝังอัฐิเหนือฟ้า หนูนาค่อยๆเอาช่อดอกไม้วางไว้

“ไง...เหงาไหมไอ้เหนือฟ้า...ฉันบอกให้ไอ้ดอยมันเอาดอกไม้มาเยี่ยมทุกวัน มันเอามาหรือเปล่า... ถ้ามันไม่มา คืนนี้ตามไปหลอกมันเลยนะ”หนูนาแกล้งแหย่ ดอยสะดุ้งโหยง โดดกอดเธอไว้

“โหย...ลูกพี่ ดอยก็มานะ”

“ไอ้เหนือฟ้า ถ้ามันโกหกก็หักคอมันด้วย”

“ลูกพี่ ของงี้มันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ดอยก็มาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่มาเยอะกว่าไม่มา แหม...งานที่ไร่เอย

ที่บ้านเอย มันเยอะไปหมด...พ่อเลี้ยงเหนือฟ้าคงจะเข้าใจดอยนะจ๊ะพ่อเลี้ยง” เธอว่าแล้วหันไปมองรอบๆบริเวณด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ก่อนจะชวนหนูนากลับ อยู่นานๆ ไม่ค่อยจะดี แถวนี้วังเวงชอบกล

“แกอยากกลับก็กลับไปคนเดียวสิ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนไอ้เหนือฟ้ามันสักพัก” หนูนาพูดจบ ทรุดตัวลงนั่งหน้าตาเฉย ดอยรีบเข้ามานั่งเบียด บ่นเป็นหมีกินผึ้งมาด้วยกันจะให้กลับคนเดียวได้อย่างไร...

ขณะเดียวกัน ในป่าลึกไม่ห่างจากไร่เหนือฟ้ามากนัก ภูผา เหนือฟ้า และนายสว่างเร่งฝีเท้าตามสองพ่อลูกชาวเขาไปตามเส้นทางรกในป่าอย่างรวดเร็ว อารามรีบร้อน นายสว่างสะดุดก้อนหินล้มลงถูกไม้แหลมทิ่มขาเป็นแผลลึก มะขิ่นไม่อยากให้นายสว่างเป็นตัวถ่วง แนะให้ภูผา เหนือฟ้ากับมะยอล่วงหน้าไปก่อน ปล่อยนายสว่างให้เป็นหน้าที่เขาเอง ภูผาพยักหน้ารับรู้ รีบเร่งฝีเท้าตามมะยอที่เดินนำออกไปอย่างชำนาญ โดยมีเหนือฟ้าตามไปติดๆ

ooooooo

ระหว่างที่วงเดือนกำลังนั่งตัดแต่งช่อกุหลาบเตรียมจัดใส่แจกัน จับพลาดถูกหนามกุหลาบตำนิ้ว เลือดไหลถึงกับสะดุ้งคลำนิ้วป้อยๆโฉมไฉไลปากอยู่ไม่สุข กระแนะกระแหนว่าโดนแค่นี้ทำสำออย

เธอไม่อยากยุ่งด้วย ยกถาดใส่ดอกกุหลาบจะเดินหนี ยัยตัวแสบปราดเข้ามาขวางไว้

“ผัวก็ไม่อยู่ ผู้ชายอื่นก็ไม่เหลือสักคน ทีนี้จะสำออยกับใครดีล่ะนังหน้าจืด...ไม่มีผู้ชายให้สำออยออเซาะก็เลยหงอยเป็นหมาเหงาเลยสินะ...จะหนีไปไหน ไม่กล้าสู้ฉันล่ะสิ”

“ไม่ใช่ไม่กล้าสู้ แต่ไม่อยากสู้ด้วยต่างหาก ฉันไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ”

“แกนั่นแหละเกลือ นังก้นครัวราคาถูก คนอย่างแก มันจะมามีราคาเทียบฉันไม่ได้หรอกย่ะ ถ้าไม่เชื่อเมฆา ของแกกลับมาเมื่อไหร่ ก็ลองไปถามเขาดู”

“ฉันไม่อยากรู้เรื่องไร้สาระ รกสมอง”

โฉมไฉไลหมั่นไส้ เงื้อมือจะตบ วงเดือนเอาถาดใส่กุหลาบโปะหน้า แล้วขยี้ซ้ำก่อนจะเดินเชิดออกไปอย่างสะใจ ยัยตัวแสบปากแดงร้องกรี๊ดๆ  ถูกหนามกุหลาบตำเป็นจ้ำแดงๆไปทั้งหน้า...

ในขณะที่วงเดือนเริ่มทนกับพฤติกรรมต่ำช้าของโฉมไฉไลไม่ไหว หนูนากับดอยนั่งคุยกันเพลิน หลับคอพับ ไปด้วยกัน ทันใดนั้น สมุนของวันชัยสองคนเข้ามายืนดู หนูนารู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง ยังไม่ทันจะตั้งตัว พวกนั้นตรงเข้าล็อกตัวไว้ เธอร้องโวยวายดิ้นรนสุดฤทธิ์

ดอยสะดุ้งตื่น  เห็นลูกพี่ถูกฉุดรีบเข้าไปช่วย หนึ่งในสมุนตบเธอกระเด็น แล้วตามไปจับหัวโขกกับต้นไม้หมดสติ หนูนาตกใจ ร้องเสียงหลง

“ไอ้ดอย...แกทำไอ้ดอยทำไม...ไอ้บ้าๆๆๆ” เธอทั้งเตะทั้งถีบอุตลุด

สมุนเห็นเธอฤทธิ์มากนักตบเปรี้ยงเดียวสลบเหมือด แล้วช่วยกันอุ้มออกไป...

ด้านมะยอพาภูผากับเหนือฟ้ามาตามเส้นทางลัด ใกล้ถึงจุดหมายเข้ามาทุกขณะ สองหนุ่มเร่งฝีเท้าไม่เห็น แก่เหน็ดแก่เหนื่อย หวังจะไปให้ทันเวลาก่อนที่วันชัยจะได้ตัวหนูนา แต่คงเป็นได้แค่ความหวัง...

ผ่านไปพักใหญ่ หนูนาฟื้นคืนสติ พบว่าตัวเอง ถูกจับมาไว้กลางป่า มีชายคนหนึ่งโพกผ้าอำพรางใบหน้าเดินเข้ามาหา เธอข่มความกลัว ถามว่าเป็นใคร ต้องการอะไร ชายคนนั้นหัวเราะ ก่อนจะปลดผ้าคาดหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็น น่าเกลียดน่ากลัวราวกับใบหน้าผี เธอถึงกับผงะ

“ฉัน...วันชัย ผัวเธอยังไงล่ะ”

หนูนาตะลึง แทบช็อก “ไอ้วันชัย!!”

“ใช่...จำได้แล้วใช่ไหม” เขาปราดเข้าไปบีบแก้ม เธอขยะแขยง รีบเบือนหน้าหนี “อะไร...เดี๋ยวนี้รังเกียจผัว...ใช่สิ ผัวเธอมันไม่หล่อเหลาเหมือนเก่าแล้วนี่...ก็เพราะ ใครล่ะ เพราะไอ้ภูผาแล้วก็ไอ้เหนือฟ้าของเธอยังไงล่ะ แล้วนี่มันไปมุดหัวอยู่ไหน...ทำไมยังไม่โผล่มาช่วยสุดที่รัก ของมันกันสักที”

เธอขอร้อง อย่าทำอะไรภูผา เขาไม่พอใจ ตบหน้า เธอฉาดใหญ่ โทษฐานห่วงชู้มากกว่าห่วงผัวตัวเอง

“วันชัย...ฉันขอร้อง...นึกเสียว่าเห็นแก่...” เธอยัง ไม่ทันจะพูดว่าเห็นแก่ลูกในท้องของเธอ เขาชิงพูดขึ้นก่อน

“ฉันไม่มีวันเห็นแก่ใครหน้าไหนทั้งนั้น...แกเห็นหน้า ฉันไหมล่ะ...เห็นหน้าฉันไหม มันต้องกลายเป็นแบบนี้ เจ็บปวดแสนสาหัสก็เพราะพวกแก แล้วยังจะมีหน้ามาขอร้องให้ฉันเห็นแก่พวกแกอีกงั้นหรือ...ฉันได้แต่นับวันรอ... รอให้ถึงวันนี้ วันที่ฉันจะได้แก้แค้นพวกแกให้สาสม ให้หายแค้น”

“ถ้าแกอยากจะแก้แค้น ก็แก้แค้นกับฉัน อย่าทำอะไร คุณภูผา”

“หุบปาก แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ตอนนี้ฉันต่างหากที่จะเป็นผู้ออกคำสั่งแต่ผู้เดียว” วันชัยตวาดลั่น แล้วหันไป สั่งให้สมุนคอยเฝ้าเธอไว้ให้ดี รอเวลาให้เหนือฟ้ากับภูผามาตายพร้อมกับเธอ หนูนาถึงกับร้องไห้โฮ

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกัน เมฆามาถึงบ้านไร่ของภูผา แต่ไม่พบใคร จึงเดินเลยเข้าไปในไร่ชา ถามคนงานที่กำลังเก็บใบชาว่าภูผาอยู่ที่นี่หรือเปล่า ได้ความว่า เข้าป่าไปหลายวันแล้ว

“แล้วคุณหนูนาล่ะครับอยู่ไหม”

“นายหญิงก็ไม่อยู่ ออกไปไร่เหนือฟ้าแต่เช้า”

เมฆาวานคนงานช่วยพาไปพบหนูนา ครู่ต่อมาคนงานเดินนำเมฆามายังต้นไม้ซึ่งเป็นที่ฝังอัฐิเหนือฟ้า ต้องตกใจที่เห็นดอยนอนสลบไสลไม่ได้สติ ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปดู...

ทางด้านมะยอนำทางภูผากับเหนือฟ้ามาถึงที่กบดานของวันชัยซึ่งอยู่กลางป่า สองหนุ่มค่อยๆโผล่จากหลังพุ่มไม้หนา แอบมองหนูนาที่โดนมัดติดอยู่กับต้นไม้ห่างออกไปเบื้องหน้า ทั้งคู่ร้อนใจจะออกไปช่วยแต่มะยอห้ามไว้พร้อมกับส่งสัญญาณให้ซ่อนตัวและอยู่เงียบๆ

ทันใดนั้น สมุนสองคนของวันชัยเพิ่งเสร็จจากทำธุระส่วนตัวเดินผ่านมาจากอีกด้านหนึ่ง บ่นให้กันฟังว่าเมื่อไหร่พวกนั้นจะโผล่หัวมาสักที รออยู่นานแล้ว เหนือฟ้ากระซิบถามมะยอว่ารู้ไหมว่าพวกนี้เป็นใคร

“ไอ้พวกนักฆ่า...แต่ไม่เท่าไหร่...น่าจะเอาอยู่”

ทั้งสามคนพยักหน้าให้กัน แล้วค่อยๆลัดเลาะเข้าไปใกล้จุดที่หนูนาถูกมัด มะยอวางแผนจะอ้อมไปล่อพวกนั้นอีกทางหนึ่งกับเหนือฟ้า แล้วให้ภูผาเข้าไปช่วยหนูนา ภูผาไม่เห็นด้วยขอเปลี่ยนแผน ตนจะไปกับมะยอเอง แล้วให้เหนือฟ้าไปช่วยหนูนาแทน มะยอค้อนขวับไม่พอใจ เจ้านายแห่งไร่วงเดือนไม่สนใจดึงเธอออกไปทันที

จากนั้น เหนือฟ้าค่อยๆคืบคลานเข้าไปใกล้ๆ หนูนาหันมาเห็นพอดีตกใจแทบช็อก อ้าปากจะร้อง เขารีบยกนิ้วมือแตะริมฝีปากตัวเองเป็นทำนองให้เธอเงียบ สมุนหันขวับ ตวาดลั่น

“อะไร?...จะโวยวายอะไร?...จะตายอยู่แล้วยังจะมีฤทธิ์อีกหรือ...เดี๋ยวปั๊ด” แล้วเงื้อมือทำท่าจะตบ สมุนอีกคนหนึ่งรีบคว้ามือไว้ เตือนให้ใจเย็นๆ รอให้เจ้านายมาจัดการเองดีกว่า

หนูนาถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเห็นสายตาห่วงใยของเหนือฟ้าที่มองมายังตน จังหวะนั้น สมุนเห็นอะไรไหวๆอยู่อีกด้านหนึ่ง สั่งให้เพื่อนไปดู เขาไปยังไม่ถึงครึ่งทาง ถูกลูกดอกของมะยอพุ่งเข้าลูกตา ร้องลั่น สมุนที่เฝ้าหนูนารีบเข้าไปช่วยเพื่อน ภูผากับมะยอออกจากที่ซ่อนตรงเข้าตะลุมบอนกับพวกนั้น เสียงเอะอะได้ยินไปถึงหูวันชัยกับสมุนอีกสองคน ซึ่งซุ่มรอพวกภูผาอยู่ไม่ห่างจากจุดที่มัดหนูนาไว้

“โผล่หัวมาแล้วหรือไอ้ภูผา ไอ้เหนือฟ้า...เฮ้ยพวกเรา...ไปเว้ย” วันชัยสั่งการเสร็จ วิ่งนำสมุนออกไปทันที

ooooooo

ฝ่ายเหนือฟ้ารีบออกจากที่ซ่อน โผกอดหนูนาด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง ก่อนจะใช้มีดตัดเชือกที่มัดเธอออก แล้วจะพาหนี เธอขืนตัวไว้ ไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าภูผาไม่ไปด้วย พ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับอึ้ง

“เหนือฟ้า...พาหนูนาหนีไปก่อนเร็ว” ภูผาตะโกนสั่งการ แต่เธอดื้อดึงไม่ยอมไป เหนือฟ้าต้องกระชากเธอตัวปลิว แต่ยังไปไม่ถึงไหน เจอวันชัยกับสมุนเข้ามาขวาง

“จะไม่อยู่เจอกันก่อนหรือ...พ่อเลี้ยง”

เหนือฟ้าไม่รอช้าพุ่งเข้าใส่วันชัยด้วยความชิงชัง เขาเจ้าเล่ห์เบี่ยงตัวหลบ แล้วปล่อยให้สมุนทั้งสองคนรุมเล่นงานเหนือฟ้า ภูผากับพวกฝีมือดีกว่าจัดการพวกนั้นสะบักสะบอม วันชัยเห็นท่าไม่ดี ชักปืนยิงขึ้นฟ้า ทุกคนพากันหยุดกึก หันมาเห็นเขาล็อกคอหนูนาเอาปืนจ่อหัว ขู่ให้พวกภูผายอมแพ้ถ้าไม่อยากให้นังนี่ตาย

ภูผากับเหนือฟ้ายอมจำนน แต่มะยอไม่สนคำขู่ ชักมีดสั้นจะขว้างใส่ วันชัยรีบเอาตัวหนูนามาเป็นโล่กำบัง เหนือฟ้าร้องห้ามเธอลั่น เกรงจะพลาดถูกหนูนา

“วันชัย...ผู้หญิงไม่เกี่ยว ปล่อยหนูนาซะ แล้วเรามาว่ากันแบบลูกผู้ชาย”

“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนออกคำสั่ง ไม่ใช่แกไอ้ภูผา แล้วก็แกด้วยไอ้เหนือฟ้า ที่ผ่านมาแกสองคนมันเอาแต่ออกคำสั่ง...สั่งๆๆๆๆเสียจนเคยตัว พวกแกไม่รู้หัวอกคนที่ต้องรับคำสั่งหรอกว่ามันเป็นอย่างไร วันนี้ล่ะ เป็นวันของฉันแล้วที่จะสั่งพวกแกบ้าง...และคำสั่งของฉันคืออะไรรู้ไหม...ฉันจะสั่งตายให้พวกแกตาย...ตายๆๆๆทุกคน”

“วันชัย แกอยากจะฆ่าฉัน ฉันก็จะยอมให้แกฆ่า แต่แกจะทำอะไรหนูนาไม่ได้นะ...เพราะ...”

หนูนารู้ทันว่าเขาจะพูดอะไรชิงห้ามเสียก่อน แล้ว ฉวยจังหวะนั้นกระทืบเท้าวันชัย ตามด้วยศอกจนหน้าหงาย ก่อนจะถลาเข้าไปหาภูผา วันชัยตั้งหลักได้ตวัดปืนยิงเธอด้วยความแค้น เหนือฟ้าโดดขวางทางปืนเอาตัวเองรับกระสุนแทน หนูนากรีดร้องด้วยความตกใจ รีบประคองเขาไว้

“หนูนา...ฉัน...ฉัน...รัก...เธอ” พูดได้แค่นั้น เหนือฟ้าสิ้นใจในอ้อมแขนของเธอ

มะยอแค้นจัด สะบัดมีดสั้นปักแขนวันชัยถึงกับ ร้องลั่น เขายังไม่สิ้นฤทธิ์ สั่งให้สมุนจัดการพวกภูผาให้สิ้นซาก สมุนทั้งสามไม่รอช้าเปิดฉากบู๊ใส่ทันที ภูผาเสียท่าถูกต่อยลงไปกองกับพื้น  มะยอจะเข้าไปช่วย โดนหนึ่งในสมุนคว้ามีดแทงเสียก่อน ภูผาเป็นห่วงจะเข้าไปหา แต่ถูกพวกสมุนล็อกตัวไว้ สมุนที่ถือมีดจะตามเข้าไปซ้ำ แต่วันชัยร้องห้ามไว้ แล้วเดินเข้ามาจ้องหน้าเธอใกล้ๆ

“แกทำฉันเจ็บ...แกต้องเจ็บกว่า” เขาพูดจบ คว้ามีดจากมือสมุน จ้วงแทงเธอไม่ยั้งจนแน่นิ่ง

“แกมันโหดร้ายผิดมนุษย์แล้วไอ้วันชัย แกทำได้แม้กระทั่งผู้หญิง” ภูผาด่าลั่น

เขาไม่สนใจ บอกให้ภูผาเตรียมตัวตายตามเหนือฟ้า กับนังชาวเขาคนนี้ แล้วชักปืนขึ้นมาเล็งใส่ จังหวะเหนี่ยวไกปืน หนูนาพุ่งมาขวางไว้ กระสุนเจาะเต็มหลัง ภูผาใจหาย สะบัดหลุดจากพวกสมุนวิ่งเข้าไปรับร่างเธอไว้ แต่เธอหมดสติไปแล้ว เขาหันไปมองวันชัยราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ไอ้วันชัย...ไอ้นรก”

“แกนั่นแหละ ต้องลงนรกเดี๋ยวนี้” วันชัยยังไม่ทันจะเหนี่ยวไก มีเสียงปืนดังขึ้นเสียก่อน พร้อมกับร่างของเขา ล้มคว่ำ เผยให้เห็นนายสว่างยืนถือปืนอยู่ด้านหลัง มะขิ่น ซึ่งยืนอยู่ข้างๆเล็งหน้าไม้ไปยังสมุนที่เหลือ ก่อนจะยิงใส่ด้วย ความแค้น นายสว่างเห็นหลานสาวตัวเองนอนจมกองเลือด เข้าไปกอดร้องไห้โฮ

มะขิ่นประคองร่างไร้วิญญาณของลูกสาวไว้ ร้องไห้ เสียใจไม่แพ้นายสว่างเช่นกัน ระหว่างนั้น คนงานวิ่งหน้าตื่นนำเมฆาเข้ามา หมอหนุ่มถึงกับตะลึงกับภาพตรงหน้า ถามพี่ชายว่าเกิดอะไรขึ้น

“เมฆา...ช่วยหนูนาด้วยๆ” ภูผาละล่ำละลัก

เขาไม่รอช้าปราดเข้าไปจับชีพจรหนูนา แล้วอุ้มออกไปทันที นายสว่างรีบตามไปติดๆ ภูผาเห็นร่างไร้วิญญาณของเหนือฟ้าและมะยอแล้ว ทั้งแค้นทั้งสะเทือนใจ ตวัดสายตามองวันชัยที่พยายามกระเสือกกระสนไปหยิบปืน ของตัวเองที่ตกอยู่ เขาย่างสามขุมเข้าหา เหยียบมือข้างที่จะหยิบปืน แล้วก้มเก็บมันขึ้นมาถือไว้

“ไอ้นรก...ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้แกรอดได้เป็นครั้งที่สองอีกแล้ว ไอ้วันชัย” พูดจบ เขาลั่นกระสุนใส่วันชัยไม่นับ น้ำตาแห่งความแค้นไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น

ooooooo

ชิงนาง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด